Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๒. จิตฺตลตาวโคฺค

    2. Cittalatāvaggo

    ๑. ทาสิวิมานวณฺณนา

    1. Dāsivimānavaṇṇanā

    ทุติยวเคฺค อปิ สโกฺกว เทวิโนฺทติ ทาสิวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ เชตวเน วิหรเนฺต สาวตฺถิวาสี อญฺญตโร อุปาสโก สมฺพหุเลหิ อุปาสเกหิ สทฺธิํ สายนฺหสมยํ วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปริสาย วุฎฺฐิตาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย อหํ, ภเนฺต, สงฺฆสฺส จตฺตาริ นิจฺจภตฺตานิ ทสฺสามี’’ติ อาหฯ อถ นํ ภควา ตทนุจฺฉวิกํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ โส ‘‘มยา, ภเนฺต, สงฺฆสฺส จตฺตาริ นิจฺจภตฺตานิ ปญฺญตฺตานิฯ เสฺว ปฎฺฐาย อยฺยา มม เคหํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ ภตฺตุเทฺทสกสฺส อาโรเจตฺวา อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา ทาสิยา ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตตฺถ ตยา นิจฺจกาลํ อปฺปมตฺตาย ภวิตพฺพ’’นฺติ อาหฯ สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ ปกติยาว สา สทฺธาสมฺปนฺนา ปุญฺญกามา สีลวตี, ตสฺมา ทิวเส ทิวเส กาลเสฺสว อุฎฺฐาย ปณีตํ อนฺนปานํ ปฎิยาเทตฺวา ภิกฺขูนํ นิสีทนฎฺฐานํ สุสมฺมฎฺฐํ สุปริภณฺฑกํ กตฺวา อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา ภิกฺขู อุปคเต ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธปุปฺผธูปทีเปหิ ปูเชตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสติฯ

    Dutiyavagge api sakkova devindoti dāsivimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavati jetavane viharante sāvatthivāsī aññataro upāsako sambahulehi upāsakehi saddhiṃ sāyanhasamayaṃ vihāraṃ gantvā dhammaṃ sutvā parisāya vuṭṭhitāya bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ‘‘ito paṭṭhāya ahaṃ, bhante, saṅghassa cattāri niccabhattāni dassāmī’’ti āha. Atha naṃ bhagavā tadanucchavikaṃ dhammakathaṃ kathetvā vissajjesi. So ‘‘mayā, bhante, saṅghassa cattāri niccabhattāni paññattāni. Sve paṭṭhāya ayyā mama gehaṃ āgacchantū’’ti bhattuddesakassa ārocetvā attano gehaṃ gantvā dāsiyā tamatthaṃ ācikkhitvā ‘‘tattha tayā niccakālaṃ appamattāya bhavitabba’’nti āha. Sā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi. Pakatiyāva sā saddhāsampannā puññakāmā sīlavatī, tasmā divase divase kālasseva uṭṭhāya paṇītaṃ annapānaṃ paṭiyādetvā bhikkhūnaṃ nisīdanaṭṭhānaṃ susammaṭṭhaṃ suparibhaṇḍakaṃ katvā āsanāni paññāpetvā bhikkhū upagate tattha nisīdāpetvā vanditvā gandhapupphadhūpadīpehi pūjetvā sakkaccaṃ parivisati.

    อเถกทิวสํ ภิกฺขู กตภตฺตกิเจฺจ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห ‘‘กถํ นุ โข, ภเนฺต, อิโต ชาติอาทิทุกฺขโต ปริมุตฺติ โหตี’’ติฯ ภิกฺขู ตสฺสา สรณานิ จ ปญฺจ สีลานิ จ ทตฺวา กายสภาวํ ปกาเสตฺวา ปฎิกูลมนสิกาเร นิโยเชสุํ, อปเร อนิจฺจตาปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กเถสุํฯ สา โสฬส วสฺสานิ สีลํ รกฺขนฺตี อนฺตรนฺตรา โยนิโส มนสิกโรนฺตี เอกทิวสํ ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ ลภิตฺวา ญาณสฺส จ ปริปกฺกตฺตา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา โสตาปตฺติผลํ สจฺฉากาสิฯ สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา สกฺกสฺส เทวรโญฺญ วลฺลภา ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ สา สฎฺฐิตูริยสหเสฺสหิ ปริจริยมานา อจฺฉราสตสหสฺสปริวุตา มหนฺตํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวนฺตี ปมุทา โมทมานา สปริวารา อุยฺยานาทีสุ วิจรติฯ ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ทิสฺวา –

    Athekadivasaṃ bhikkhū katabhattakicce upasaṅkamitvā vanditvā evamāha ‘‘kathaṃ nu kho, bhante, ito jātiādidukkhato parimutti hotī’’ti. Bhikkhū tassā saraṇāni ca pañca sīlāni ca datvā kāyasabhāvaṃ pakāsetvā paṭikūlamanasikāre niyojesuṃ, apare aniccatāpaṭisaṃyuttaṃ dhammakathaṃ kathesuṃ. Sā soḷasa vassāni sīlaṃ rakkhantī antarantarā yoniso manasikarontī ekadivasaṃ dhammassavanasappāyaṃ labhitvā ñāṇassa ca paripakkattā vipassanaṃ vaḍḍhetvā sotāpattiphalaṃ sacchākāsi. Sā aparena samayena kālaṃ katvā sakkassa devarañño vallabhā paricārikā hutvā nibbatti. Sā saṭṭhitūriyasahassehi paricariyamānā accharāsatasahassaparivutā mahantaṃ dibbasampattiṃ anubhavantī pamudā modamānā saparivārā uyyānādīsu vicarati. Taṃ āyasmā mahāmoggallāno heṭṭhā vuttanayeneva disvā –

    ๑๕๗.

    157.

    ‘‘อปิ สโกฺกว เทวิโนฺท, รเมฺม จิตฺตลตาวเน;

    ‘‘Api sakkova devindo, ramme cittalatāvane;

    สมนฺตา อนุปริยาสิ, นารีคณปุรกฺขตา;

    Samantā anupariyāsi, nārīgaṇapurakkhatā;

    โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกาฯ

    Obhāsentī disā sabbā, osadhī viya tārakā.

    ๑๕๘.

    158.

    ‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

    ‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;

    อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ

    Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.

    ๑๕๙.

    159.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว,

    ‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve,

    มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;

    Manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;

    เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

    Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā,

    วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ – ปุจฺฉิ;

    Vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti. – pucchi;

    ๑๖๐.

    160.

    ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

    ‘‘Sā devatā attamanā, moggallānena pucchitā;

    ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ

    Pañhaṃ puṭṭhā viyākāsi, yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.

    ๑๖๑.

    161.

    ‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูตา, ทาสี อโหสิํ ปรเปสฺสิยา กุเลฯ

    ‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūtā, dāsī ahosiṃ parapessiyā kule.

    ๑๖๒.

    162.

    ‘‘อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโน;

    ‘‘Upāsikā cakkhumato, gotamassa yasassino;

    ตสฺสา เม นิกฺกโม อาสิ, สาสเน ตสฺส ตาทิโนฯ

    Tassā me nikkamo āsi, sāsane tassa tādino.

    ๑๖๓.

    163.

    ‘‘กามํ ภิชฺชตุยํ กาโย, เนว อเตฺถตฺถ สณฺฐนํ;

    ‘‘Kāmaṃ bhijjatuyaṃ kāyo, neva atthettha saṇṭhanaṃ;

    สิกฺขาปทานํ ปญฺจนฺนํ, มโคฺค โสวตฺถิโก สิโวฯ

    Sikkhāpadānaṃ pañcannaṃ, maggo sovatthiko sivo.

    ๑๖๔.

    164.

    ‘‘อกณฺฎโก อคหโน, อุชุ สพฺภิ ปเวทิโต;

    ‘‘Akaṇṭako agahano, uju sabbhi pavedito;

    นิกฺกมสฺส ผลํ ปสฺส, ยถิทํ ปาปุณิตฺถิกาฯ

    Nikkamassa phalaṃ passa, yathidaṃ pāpuṇitthikā.

    ๑๖๕.

    165.

    ‘‘อามนฺตนิกา รโญฺญมฺหิ, สกฺกสฺส วสวตฺติโน;

    ‘‘Āmantanikā raññomhi, sakkassa vasavattino;

    สฎฺฐิ ตูริยสหสฺสานิ, ปฎิโพธํ กโรนฺติ เมฯ

    Saṭṭhi tūriyasahassāni, paṭibodhaṃ karonti me.

    ๑๖๖.

    166.

    ‘‘อาลโมฺพ คคฺคโร ภีโม, สาธุวาที จ สํสโย;

    ‘‘Ālambo gaggaro bhīmo, sādhuvādī ca saṃsayo;

    โปกฺขโร จ สุผโสฺส จ, วีณาโมกฺขา จ นาริโยฯ

    Pokkharo ca suphasso ca, vīṇāmokkhā ca nāriyo.

    ๑๖๗.

    167.

    ‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, โสณทินฺนา สุจิมฺหิตา;

    ‘‘Nandā ceva sunandā ca, soṇadinnā sucimhitā;

    อลมฺพุสา มิสฺสเกสี จ, ปุณฺฑรีกาติ ทารุณีฯ

    Alambusā missakesī ca, puṇḍarīkāti dāruṇī.

    ๑๖๘.

    168.

    ‘‘เอณีผสฺสา สุผสฺสา จ, สุภทฺทา มุทุวาทินี;

    ‘‘Eṇīphassā suphassā ca, subhaddā muduvādinī;

    เอตา จญฺญา จ เสยฺยาเส, อจฺฉรานํ ปโพธิกาฯ

    Etā caññā ca seyyāse, accharānaṃ pabodhikā.

    ๑๖๙.

    169.

    ‘‘ตา มํ กาเลนุปาคนฺตฺวา, อภิภาสนฺติ เทวตา;

    ‘‘Tā maṃ kālenupāgantvā, abhibhāsanti devatā;

    หนฺท นจฺจาม คายาม, หนฺท ตํ รมยามเสฯ

    Handa naccāma gāyāma, handa taṃ ramayāmase.

    ๑๗๐.

    170.

    ‘‘นยิทํ อกตปุญฺญานํ, กตปุญฺญานเมวิทํ;

    ‘‘Nayidaṃ akatapuññānaṃ, katapuññānamevidaṃ;

    อโสกํ นนฺทนํ รมฺมํ, ติทสานํ มหาวนํฯ

    Asokaṃ nandanaṃ rammaṃ, tidasānaṃ mahāvanaṃ.

    ๑๗๑.

    171.

    ‘‘สุขํ อกตปุญฺญานํ, อิธ นตฺถิ ปรตฺถ จ;

    ‘‘Sukhaṃ akatapuññānaṃ, idha natthi parattha ca;

    สุขญฺจ กตปุญฺญานํ, อิธ เจว ปรตฺถ จฯ

    Sukhañca katapuññānaṃ, idha ceva parattha ca.

    ๑๗๒.

    172.

    ‘‘เตสํ สหพฺยกามานํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุํ;

    ‘‘Tesaṃ sahabyakāmānaṃ, kattabbaṃ kusalaṃ bahuṃ;

    กตปุญฺญา หิ โมทนฺติ, สเคฺค โภคสมงฺคิโน’’ติฯ – เทวตา วิสฺสเชฺชสิ;

    Katapuññā hi modanti, sagge bhogasamaṅgino’’ti. – devatā vissajjesi;

    ๑๕๗. ตตฺถ อปิ สโกฺกว เทวิโนฺทติ อปิสโทฺท สมฺภาวนายํ, อิวสโทฺท อิการโลปํ กตฺวา วุโตฺต อุปมายํ, ตสฺมา ยถา นาม สโกฺก เทวานมิโนฺทติ อโตฺถฯ สกฺกสมภาโว ติสฺสา เทวตาย ปริวารสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ วุโตฺตฯ เกจิ ‘‘อปีติ นิปาตมตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ จิตฺตลตาวเนติ จิตฺตาย นาม เทวธีตาย ปุญฺญานุภาเวน นิพฺพเตฺต, จิตฺตานํ วา วิจิตฺตปุปฺผผลาทิวิเสสยุตฺตานํ สนฺตานกวลฺลิอาทีนํ ตตฺถ เยภุยฺยตาย จิตฺตลตาวนนฺติ ลทฺธนาเม เทวุยฺยาเนฯ

    157. Tattha api sakkova devindoti apisaddo sambhāvanāyaṃ, ivasaddo ikāralopaṃ katvā vutto upamāyaṃ, tasmā yathā nāma sakko devānamindoti attho. Sakkasamabhāvo tissā devatāya parivārasampattidassanatthaṃ vutto. Keci ‘‘apīti nipātamatta’’nti vadanti. Cittalatāvaneti cittāya nāma devadhītāya puññānubhāvena nibbatte, cittānaṃ vā vicittapupphaphalādivisesayuttānaṃ santānakavalliādīnaṃ tattha yebhuyyatāya cittalatāvananti laddhanāme devuyyāne.

    ๑๖๑. ปรเปสฺสิยาติ ปเรสํ กุเล ตสฺมิํ ตสฺมิํ กิเจฺจ เปสนิยา, ปเรสํ เวยฺยาวจฺจการีติ อโตฺถฯ

    161.Parapessiyāti paresaṃ kule tasmiṃ tasmiṃ kicce pesaniyā, paresaṃ veyyāvaccakārīti attho.

    ๑๖๒. ตสฺสา เม นิกฺกโม อาสิ, สาสเน ตสฺส ตาทิโนติ ตสฺสา ทาสิยาปิ สมานาย ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต พุทฺธสฺส ภควโต อุปาสิกา หุตฺวา โสฬส วสฺสานิ สีลํ รกฺขนฺติยา กมฺมฎฺฐานญฺจ มนสิ กโรนฺติยา มนสิการานุภาเวน เม มยฺหํ อุปฺปชฺชมาเน สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาเต อิฎฺฐาทีสุ ตาทิลกฺขณสมฺปตฺติยา ตาทิโน สตฺถุ สาสเน ตปฺปริยาปโนฺนเยว สํกิเลสปกฺขโต นิกฺกมเนน ‘‘นิกฺกโม’’ติ ลทฺธนาโม สมฺมาวายาโม อาสิ อโหสิ อุปฺปชฺชิฯ

    162.Tassā me nikkamo āsi, sāsane tassa tādinoti tassā dāsiyāpi samānāya pañcahi cakkhūhi cakkhumato buddhassa bhagavato upāsikā hutvā soḷasa vassāni sīlaṃ rakkhantiyā kammaṭṭhānañca manasi karontiyā manasikārānubhāvena me mayhaṃ uppajjamāne sattatiṃsabodhipakkhiyadhammasaṅkhāte iṭṭhādīsu tādilakkhaṇasampattiyā tādino satthu sāsane tappariyāpannoyeva saṃkilesapakkhato nikkamanena ‘‘nikkamo’’ti laddhanāmo sammāvāyāmo āsi ahosi uppajji.

    ๑๖๓-๔. ตสฺส ปน นิกฺกมสฺส ปุพฺพภาคสฺส ปวตฺตาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘กามํ ภิชฺชตุยํ กาโย, เนว อเตฺถตฺถ สณฺฐนนฺติ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ยทิปิ เม อยํ กาโย ภิชฺชตุ วินสฺสตุ, ตตฺถ กิญฺจิมตฺตมฺปิ อเปกฺขํ อกโรนฺตี เอตฺถ เอตสฺมิํ กมฺมฎฺฐานานุโยเค เนว อตฺถิ, เม วีริยสฺส สณฺฐนํ สิถิลีกรณนฺติ วีริยํ สมุเตฺตเชนฺตี วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปสินฺติฯ

    163-4. Tassa pana nikkamassa pubbabhāgassa pavattākāraṃ dassetuṃ ‘‘kāmaṃ bhijjatuyaṃ kāyo, neva atthettha saṇṭhananti vuttaṃ. Tassattho – yadipi me ayaṃ kāyo bhijjatu vinassatu, tattha kiñcimattampi apekkhaṃ akarontī ettha etasmiṃ kammaṭṭhānānuyoge neva atthi, me vīriyassa saṇṭhanaṃ sithilīkaraṇanti vīriyaṃ samuttejentī vipassanaṃ ussukkāpesinti.

    อิทานิ ตถา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ปฎิลทฺธคุณํ ทเสฺสนฺตี –

    Idāni tathā vipassanaṃ ussukkāpetvā paṭiladdhaguṇaṃ dassentī –

    ‘‘สิกฺขาปทานํ ปญฺจนฺนํ, มโคฺค โสวตฺถิโก สิโว;

    ‘‘Sikkhāpadānaṃ pañcannaṃ, maggo sovatthiko sivo;

    อกณฺฎโก อคหโน, อุชุ สพฺภิ ปเวทิโต;

    Akaṇṭako agahano, uju sabbhi pavedito;

    นิกฺกมสฺส ผลํ ปสฺส, ยถิทํ ปาปุณิตฺถิกา’’ติฯ – อาห;

    Nikkamassa phalaṃ passa, yathidaṃ pāpuṇitthikā’’ti. – āha;

    ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – โย นิจฺจสีลวเสน สมาทินฺนานํ ปญฺจนฺนํ สิกฺขาปทานํ สิกฺขาโกฎฺฐาสานํ อุปนิสฺสยภาเวน ลทฺธตฺตา เตสํ ปริปูริตตฺตา จ สิกฺขาปทานํ ปญฺจนฺนํ สมฺพนฺธีภูโต, ยสฺมิํ สนฺตาเน อุปฺปโนฺน, ตสฺส สพฺพากาเรน โสตฺถิภาวสมฺปาทนโต สุนฺทรตฺถภาวโต จ โสวตฺถิโก โสตฺถิโก, สํกิเลสธเมฺมหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมปฺปตฺติเหตุตาย จ สิโว, ราคกณฺฎกาทีนํ อภาเวน อกณฺฎโก, กิเลสทิฎฺฐิทุจฺจริตคหนสมุเจฺฉทนโต อคหโน, สพฺพชิมฺหวงฺกกุฎิลภาวาปคมเหตุตาย อุชุ, พุทฺธาทีหิ สปฺปุริเสหิ ปกาสิตตฺตา สพฺภิ ปเวทิโต อริยมโคฺค, ตํ ยถา เยน อุปายภูเตน อิตฺถิกา ทฺวงฺคุลพหลพุทฺธิกาปิ สมานา ปาปุณิํ, ตสฺส นิกฺกมสฺส ยถาวุตฺตวีริยสฺส อิทํ ผลํ ปสฺสาติ สกฺกํ อาลปติฯ

    Tatrāyaṃ saṅkhepattho – yo niccasīlavasena samādinnānaṃ pañcannaṃ sikkhāpadānaṃ sikkhākoṭṭhāsānaṃ upanissayabhāvena laddhattā tesaṃ paripūritattā ca sikkhāpadānaṃ pañcannaṃ sambandhībhūto, yasmiṃ santāne uppanno, tassa sabbākārena sotthibhāvasampādanato sundaratthabhāvato ca sovatthiko sotthiko, saṃkilesadhammehi anupaddutattā khemappattihetutāya ca sivo, rāgakaṇṭakādīnaṃ abhāvena akaṇṭako, kilesadiṭṭhiduccaritagahanasamucchedanato agahano, sabbajimhavaṅkakuṭilabhāvāpagamahetutāya uju, buddhādīhi sappurisehi pakāsitattā sabbhi pavedito ariyamaggo, taṃ yathā yena upāyabhūtena itthikā dvaṅgulabahalabuddhikāpi samānā pāpuṇiṃ, tassa nikkamassa yathāvuttavīriyassa idaṃ phalaṃ passāti sakkaṃ ālapati.

    ๑๖๕. อามนฺตนิกา รโญฺญมฺหิ, สกฺกสฺส วสวตฺติโนติ สยํวสีภาเวน วตฺตนโต, ทฺวีสุ เทวโลเกสุ อตฺตโน วสํ อิสฺสริยํ วเตฺตตีติ วา วสวตฺตี, ตสฺส วสวตฺติโน สกฺกสฺส เทวรโญฺญ อามนฺตนิกา อาลาปสลฺลาปโยคฺคา, กีฬนกาเล วา เตน อามเนฺตตพฺพา อมฺหิ, นิกฺกมสฺส วีริยสฺส ผลํ ปสฺสาติ โยชนาฯ อาตตวิตตาทิเภเทน ปญฺจ ตูริยงฺคานิ ทฺวาทสหิ ปาณิภาเคหิ เอกโต ปวชฺชมานานิ สฎฺฐิ โหนฺติ, ตานิ ปน สหสฺสมตฺตานิ ปยิรุปาสนวเสน อุปฎฺฐิตานิ สนฺธายาห ‘‘สฎฺฐิ ตูริยสหสฺสานิ, ปฎิโพธํ กโรนฺติ เม’’ติฯ ตตฺถ ปฎิโพธนฺติ ปีติโสมนสฺสานํ ปโพธนํฯ

    165.Āmantanikā raññomhi, sakkassa vasavattinoti sayaṃvasībhāvena vattanato, dvīsu devalokesu attano vasaṃ issariyaṃ vattetīti vā vasavattī, tassa vasavattino sakkassa devarañño āmantanikā ālāpasallāpayoggā, kīḷanakāle vā tena āmantetabbā amhi, nikkamassa vīriyassa phalaṃ passāti yojanā. Ātatavitatādibhedena pañca tūriyaṅgāni dvādasahi pāṇibhāgehi ekato pavajjamānāni saṭṭhi honti, tāni pana sahassamattāni payirupāsanavasena upaṭṭhitāni sandhāyāha ‘‘saṭṭhi tūriyasahassāni, paṭibodhaṃ karonti me’’ti. Tattha paṭibodhanti pītisomanassānaṃ pabodhanaṃ.

    ๑๖๖-๘. อาลโมฺพติอาทิ ตูริยวาทกานํ เทวปุตฺตานํ เอกเทสโต นามคฺคหณนฺติ วทนฺติ, ตูริยานํ ปเนตํ นามคฺคหณํฯ วีณาโมกฺขาทิกา เทวธีตาฯ สุจิมฺหิตาติ สุทฺธมิหิตา, นามเมว วา เอตํฯ มุทุวาทินีติ มุทุนาว วทตีติ มุทุวาทินี, มุทุกํ อติวิย วาทนสีลา, นามเมว วาฯ เสยฺยาเสติ เสยฺยตราฯ อจฺฉรานนฺติ อจฺฉราสุ สงฺคีเต ปาสํสตราฯ ปโพธิกาติ ปโพธนกราฯ

    166-8.Ālambotiādi tūriyavādakānaṃ devaputtānaṃ ekadesato nāmaggahaṇanti vadanti, tūriyānaṃ panetaṃ nāmaggahaṇaṃ. Vīṇāmokkhādikā devadhītā. Sucimhitāti suddhamihitā, nāmameva vā etaṃ. Muduvādinīti mudunāva vadatīti muduvādinī, mudukaṃ ativiya vādanasīlā, nāmameva vā. Seyyāseti seyyatarā. Accharānanti accharāsu saṅgīte pāsaṃsatarā. Pabodhikāti pabodhanakarā.

    ๑๖๙. กาเลนาติ ยุตฺตปฺปตฺตกาเลนฯ อภิภาสนฺตีติ อภิมุขา, อภิรตา วา หุตฺวา ภาสนฺติฯ ยถา จ ภาสนฺติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘หนฺท นจฺจาม คายาม, หนฺท ตํ รมยามเส’’ติ วุตฺตํฯ

    169.Kālenāti yuttappattakālena. Abhibhāsantīti abhimukhā, abhiratā vā hutvā bhāsanti. Yathā ca bhāsanti, taṃ dassetuṃ ‘‘handa naccāma gāyāma, handa taṃ ramayāmase’’ti vuttaṃ.

    ๑๗๐. อิทนฺติ อิทํ มยา ลทฺธฎฺฐานํฯ อโสกนฺติ อิฎฺฐกนฺตปิยมนาปานํเยว รูปาทีนํ สมฺภวโต วิโสกํฯ ตโต เอว สพฺพกาลํ ปโมทสํวทฺธนโต นนฺทนํฯ ติทสานํ มหาวนนฺติ ตาวติํสเทวานํ มหนฺตํ มหนียญฺจ อุยฺยานํฯ

    170.Idanti idaṃ mayā laddhaṭṭhānaṃ. Asokanti iṭṭhakantapiyamanāpānaṃyeva rūpādīnaṃ sambhavato visokaṃ. Tato eva sabbakālaṃ pamodasaṃvaddhanato nandanaṃ. Tidasānaṃ mahāvananti tāvatiṃsadevānaṃ mahantaṃ mahanīyañca uyyānaṃ.

    ๑๗๑. เอวรูปา ทิพฺพสมฺปตฺติ นาม ปุญฺญกมฺมวเสเนวาติ โอทิสฺสกนเยน วตฺวา ปนุ อโนทิสฺสกนเยน ทเสฺสนฺตี ‘‘สุขํ อกตปุญฺญาน’’นฺติ คาถมาหฯ

    171. Evarūpā dibbasampatti nāma puññakammavasenevāti odissakanayena vatvā panu anodissakanayena dassentī ‘‘sukhaṃ akatapuññāna’’nti gāthamāha.

    ๑๗๒. ปุน อตฺตนา ลทฺธสฺส ทิพฺพฎฺฐานสฺส ปเรหิ สาธารณกามตาวเสน ธมฺมํ กเถนฺตี ‘‘เตสํ สหพฺยกามาน’’นฺติ โอสานคาถมาหฯ เตสนฺติ ตาวติํสเทวานํฯ สหพฺยกามานนฺติ สหภาวํ อิจฺฉเนฺตหิ, กตฺตุอเตฺถ หิ อิทํ สามิวจนํฯ สห วาติ ปวตฺตตีติ สหโว, ตสฺส ภาโว สหพฺยํ ยถา วีรสฺส ภาโว วีริยนฺติฯ

    172. Puna attanā laddhassa dibbaṭṭhānassa parehi sādhāraṇakāmatāvasena dhammaṃ kathentī ‘‘tesaṃ sahabyakāmāna’’nti osānagāthamāha. Tesanti tāvatiṃsadevānaṃ. Sahabyakāmānanti sahabhāvaṃ icchantehi, kattuatthe hi idaṃ sāmivacanaṃ. Saha vāti pavattatīti sahavo, tassa bhāvo sahabyaṃ yathā vīrassa bhāvo vīriyanti.

    เอวํ เถโร เทวตาย อตฺตโน ปุญฺญกเมฺม อาวิกเต ตสฺสา สปริวาราย ธมฺมํ เทเสตฺวา เทวโลกโต อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา สเทวกสฺส โลกสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Evaṃ thero devatāya attano puññakamme āvikate tassā saparivārāya dhammaṃ desetvā devalokato āgantvā taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Sā desanā sadevakassa lokassa sātthikā ahosīti.

    ทาสิวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dāsivimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑. ทาสิวิมานวตฺถุ • 1. Dāsivimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact