Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Dīgha Nikāya, English translation

    ทีฆ นิกาย ๓๔

    Long Discourses 34

    ทสุตฺตรสุตฺต

    Up to Ten

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปญฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิฯ ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “อาวุโส ภิกฺขเว”ติฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was staying near Campā on the banks of the Gaggarā Lotus Pond together with a large Saṅgha of five hundred bhikkhus. There Sāriputta addressed the bhikkhus: “Friends, bhikkhus!”

    “อาวุโส”ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ:

    “Friend,” they replied. Sāriputta said this:

    “ทสุตฺตรํ ปวกฺขามิ, ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา; ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สพฺพคนฺถปฺปโมจนํฯ

    “I will relate the teachings up to ten for attaining Nibbana, for making an end of suffering, the release from all ties.

    ๑ฯ เอโก ธมฺโม

    1. Groups of One

    เอโก, อาวุโส, ธมฺโม พหุกาโร, เอโก ธมฺโม ภาเวตพฺโพ, เอโก ธมฺโม ปริญฺเญโยฺย, เอโก ธมฺโม ปหาตพฺโพ, เอโก ธมฺโม หานภาคิโย, เอโก ธมฺโม วิเสสภาคิโย, เอโก ธมฺโม ทุปฺปฏิวิชฺโฌ, เอโก ธมฺโม อุปฺปาเทตพฺโพ, เอโก ธมฺโม อภิญฺเญโยฺย, เอโก ธมฺโม สจฺฉิกาตพฺโพฯ

    Friends, one thing is helpful, one thing should be developed, one thing should be completely understood, one thing should be given up, one thing makes things worse, one thing leads to distinction, one thing is hard to comprehend, one thing should be produced, one thing should be directly known, one thing should be realized.

    กตโม เอโก ธมฺโม พหุกาโร? อปฺปมาโท กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ อยํ เอโก ธมฺโม พหุกาโรฯ

    What one thing is helpful? Diligence in skillful qualities.

    กตโม เอโก ธมฺโม ภาเวตพฺโพ? กายคตาสติ สาตสหคตาฯ อยํ เอโก ธมฺโม ภาเวตพฺโพฯ

    What one thing should be developed? Mindfulness of the body that is full of pleasure.

    กตโม เอโก ธมฺโม ปริญฺเญโยฺย? ผโสฺส สาสโว อุปาทานิโยฯ อยํ เอโก ธมฺโม ปริญฺเญโยฺยฯ

    What one thing should be completely understood? Contact, which is accompanied by defilements and is prone to being grasped.

    กตโม เอโก ธมฺโม ปหาตพฺโพ? อสฺมิมาโนฯ อยํ เอโก ธมฺโม ปหาตพฺโพฯ

    What one thing should be given up? The conceit ‘I am’.

    กตโม เอโก ธมฺโม หานภาคิโย? อโยนิโส มนสิกาโรฯ อยํ เอโก ธมฺโม หานภาคิโยฯ

    What one thing makes things worse? Irrational application of mind.

    กตโม เอโก ธมฺโม วิเสสภาคิโย? โยนิโส มนสิกาโรฯ อยํ เอโก ธมฺโม วิเสสภาคิโยฯ

    What one thing leads to distinction? Rational application of mind.

    กตโม เอโก ธมฺโม ทุปฺปฏิวิชฺโฌ? อานนฺตริโก เจโตสมาธิฯ อยํ เอโก ธมฺโม ทุปฺปฏิวิชฺโฌฯ

    What one thing is hard to comprehend? The heart’s immersion of immediate result.

    กตโม เอโก ธมฺโม อุปฺปาเทตพฺโพ? อกุปฺปํ ญาณํฯ อยํ เอโก ธมฺโม อุปฺปาเทตพฺโพฯ

    What one thing should be produced? Unshakable knowledge.

    กตโม เอโก ธมฺโม อภิญฺเญโยฺย? สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺฐิติกาฯ อยํ เอโก ธมฺโม อภิญฺเญโยฺยฯ

    What one thing should be directly known? All sentient beings are sustained by food.

    กตโม เอโก ธมฺโม สจฺฉิกาตพฺโพ? อกุปฺปา เจโตวิมุตฺติฯ อยํ เอโก ธมฺโม สจฺฉิกาตพฺโพฯ

    What one thing should be realized? The unshakable release of the heart.

    อิติ อิเม ทส ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these ten things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ๒ฯ เทฺว ธมฺมา

    2. Groups of Two

    เทฺว ธมฺมา พหุการา, เทฺว ธมฺมา ภาเวตพฺพา, เทฺว ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา, เทฺว ธมฺมา ปหาตพฺพา, เทฺว ธมฺมา หานภาคิยา, เทฺว ธมฺมา วิเสสภาคิยา, เทฺว ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา, เทฺว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา, เทฺว ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา, เทฺว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Two things are helpful, two things should be developed, two things should be completely understood, two things should be given up, two things make things worse, two things lead to distinction, two things are hard to comprehend, two things should be produced, two things should be directly known, two things should be realized.

    กตเม เทฺว ธมฺมา พหุการา? สติ จ สมฺปชญฺญญฺจฯ อิเม เทฺว ธมฺมา พหุการาฯ

    What two things are helpful? Mindfulness and situational awareness.

    กตเม เทฺว ธมฺมา ภาเวตพฺพา? สมโถ จ วิปสฺสนา จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What two things should be developed? Serenity and discernment.

    กตเม เทฺว ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? นามญฺจ รูปญฺจฯ อิเม เทฺว ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    What two things should be completely understood? Name and form.

    กตเม เทฺว ธมฺมา ปหาตพฺพา? อวิชฺชา จ ภวตณฺหา จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What two things should be given up? Ignorance and craving for continued existence.

    กตเม เทฺว ธมฺมา หานภาคิยา? โทวจสฺสตา จ ปาปมิตฺตตา จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    What two things make things worse? Being hard to admonish and having bad friends.

    กตเม เทฺว ธมฺมา วิเสสภาคิยา? โสวจสฺสตา จ กลฺยาณมิตฺตตา จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    What two things lead to distinction? Being easy to admonish and having good friends.

    กตเม เทฺว ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? โย จ เหตุ โย จ ปจฺจโย สตฺตานํ สงฺกิเลสาย, โย จ เหตุ โย จ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยาฯ อิเม เทฺว ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    What two things are hard to comprehend? What are the causes and reasons for the corruption of sentient beings, and what are the causes and reasons for the purification of sentient beings.

    กตเม เทฺว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? เทฺว ญาณานิ—ขเย ญาณํ, อนุปฺปาเท ญาณํฯ อิเม เทฺว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    What two things should be produced? Two knowledges: knowledge of ending, and knowledge of non-arising.

    กตเม เทฺว ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? เทฺว ธาตุโย—สงฺขตา จ ธาตุ อสงฺขตา จ ธาตุฯ อิเม เทฺว ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    What two things should be directly known? Two elements: the conditioned element and the unconditioned element.

    กตเม เทฺว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? วิชฺชา จ วิมุตฺติ จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    What two things should be realized? Knowledge and freedom.

    อิติ อิเม วีสติ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these twenty things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ๓ฯ ตโย ธมฺมา

    3. Groups of Three

    ตโย ธมฺมา พหุการา, ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา …เป… ตโย ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Three things are helpful, etc.

    กตเม ตโย ธมฺมา พหุการา? สปฺปุริสสํเสโว, สทฺธมฺมสฺสวนํ, ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติฯ อิเม ตโย ธมฺมา พหุการาฯ

    What three things are helpful? Associating with good people, listening to the true teaching, and practicing in line with the teaching.

    กตเม ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา? ตโย สมาธี—สวิตกฺโก สวิจาโร สมาธิ, อวิตกฺโก วิจารมตฺโต สมาธิ, อวิตกฺโก อวิจาโร สมาธิฯ อิเม ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What three things should be developed? Three kinds of immersion. Immersion with placing the mind and keeping it connected. Immersion without placing the mind, but just keeping it connected. Immersion without placing the mind or keeping it connected.

    กตเม ตโย ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? ติโสฺส เวทนา—สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนาฯ อิเม ตโย ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    What three things should be completely understood? Three feelings: pleasant, painful, and neutral.

    กตเม ตโย ธมฺมา ปหาตพฺพา? ติโสฺส ตณฺหา—กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหาฯ อิเม ตโย ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What three things should be given up? Three cravings: craving for sensual pleasures, craving for continued existence, and craving to end existence.

    กตเม ตโย ธมฺมา หานภาคิยา? ตีณิ อกุสลมูลานิ—โลโภ อกุสลมูลํ, โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํฯ อิเม ตโย ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    What three things make things worse? Three unskillful roots: greed, hate, and delusion.

    กตเม ตโย ธมฺมา วิเสสภาคิยา? ตีณิ กุสลมูลานิ—อโลโภ กุสลมูลํ, อโทโส กุสลมูลํ, อโมโห กุสลมูลํฯ อิเม ตโย ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    What three things lead to distinction? Three skillful roots: non-greed, non-hate, and non-delusion.

    กตเม ตโย ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? ติโสฺส นิสฺสรณิยา ธาตุโย—กามานเมตํ นิสฺสรณํ ยทิทํ เนกฺขมฺมํ, รูปานเมตํ นิสฺสรณํ ยทิทํ อรูปํ, ยํ โข ปน กิญฺจิ ภูตํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ, นิโรโธ ตสฺส นิสฺสรณํฯ อิเม ตโย ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    What three things are hard to comprehend? Three elements of escape. Renunciation is the escape from sensual pleasures. The formless is the escape from form. Cessation is the escape from whatever is created, conditioned, and dependently originated.

    กตเม ตโย ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? ตีณิ ญาณานิ—อตีตํเส ญาณํ, อนาคตํเส ญาณํ, ปจฺจุปฺปนฺนํเส ญาณํฯ อิเม ตโย ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    What three things should be produced? Three knowledges: knowledge regarding the past portion, the future portion, and the present portion.

    กตเม ตโย ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? ติโสฺส ธาตุโย—กามธาตุ, รูปธาตุ, อรูปธาตุฯ อิเม ตโย ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    What three things should be directly known? Three elements: sensuality, form, and formlessness.

    กตเม ตโย ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ติโสฺส วิชฺชา—ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาณํ วิชฺชา, สตฺตานํ จุตูปปาเต ญาณํ วิชฺชา, อาสวานํ ขเย ญาณํ วิชฺชาฯ อิเม ตโย ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    What three things should be realized? Three knowledges: recollection of past lives, knowledge of the death and rebirth of sentient beings, and knowledge of the ending of defilements.

    อิติ อิเม ตึส ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these thirty things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ๔ฯ จตฺตาโร ธมฺมา

    4. Groups of Four

    จตฺตาโร ธมฺมา พหุการา, จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา …เป… จตฺตาโร ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Four things are helpful, etc.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา พหุการา? จตฺตาริ จกฺกานิ—ปติรูปเทสวาโส, สปฺปุริสูปนิสฺสโย, อตฺตสมฺมาปณิธิ, ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตาฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา พหุการาฯ

    What four things are helpful? Four situations: living in a suitable region, relying on good people, being rightly resolved in oneself, and past merit.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา? จตฺตาโร สติปฏฺฐานา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ …เป… จิตฺเต … ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What four things should be developed? The four kinds of mindfulness meditation. A bhikkhu meditates by observing an aspect of the body—keen, aware, and mindful, rid of covetousness and displeasure for the world. They meditate observing an aspect of feelings … mind … principles—keen, aware, and mindful, rid of covetousness and displeasure for the world.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? จตฺตาโร อาหารา—กพฬีกาโร อาหาโร โอฬาริโก วา สุขุโม วา, ผโสฺส ทุติโย, มโนสญฺเจตนา ตติยา, วิญฺญาณํ จตุตฺถํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    What four things should be completely understood? Four foods: solid food, whether coarse or fine; contact is the second, mental intention the third, and consciousness the fourth.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา ปหาตพฺพา? จตฺตาโร โอฆา—กาโมโฆ, ภโวโฆ, ทิฏฺโฐโฆ, อวิชฺโชโฆฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What four things should be given up? Four floods: sensuality, desire for rebirth, views, and ignorance.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา หานภาคิยา? จตฺตาโร โยคา—กามโยโค, ภวโยโค, ทิฏฺฐิโยโค, อวิชฺชาโยโคฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    What four things make things worse? Four yokes: the yokes of sensuality, desire for rebirth, views, and ignorance.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา วิเสสภาคิยา? จตฺตาโร วิสํโยคา—กามโยควิสํโยโค, ภวโยควิสํโยโค, ทิฏฺฐิโยควิสํโยโค, อวิชฺชาโยควิสํโยโคฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    What four things lead to distinction? Four kinds of unyoking: unyoking from the yokes of sensuality, desire for rebirth, views, and ignorance.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? จตฺตาโร สมาธี—หานภาคิโย สมาธิ, ฐิติภาคิโย สมาธิ, วิเสสภาคิโย สมาธิ, นิพฺเพธภาคิโย สมาธิฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    What four things are hard to comprehend? Four kinds of immersion: immersion liable to decline, stable immersion, immersion that leads to distinction, and immersion that leads to penetration.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? จตฺตาริ ญาณานิ—ธมฺเม ญาณํ, อนฺวเย ญาณํ, ปริเย ญาณํ, สมฺมุติยา ญาณํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    What four things should be produced? Four knowledges: knowledge of the present phenomena, inferential knowledge, knowledge of others’ minds, and conventional knowledge.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? จตฺตาริ อริยสจฺจานิ—ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    What four things should be directly known? The four noble truths: suffering, the origin of suffering, the cessation of suffering, and the practice that leads to the cessation of suffering.

    กตเม จตฺตาโร ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? จตฺตาริ สามญฺญผลานิ—โสตาปตฺติผลํ, สกทาคามิผลํ, อนาคามิผลํ, อรหตฺตผลํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    What four things should be realized? Four fruits of the ascetic life: stream-entry, once-return, non-return, and perfection.

    อิติ อิเม จตฺตารีสธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these forty things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ๕ฯ ปญฺจ ธมฺมา

    5. Groups of Five

    ปญฺจ ธมฺมา พหุการา …เป… ปญฺจ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Five things are helpful, etc.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา พหุการา? ปญฺจ ปธานิยงฺคานิ—อิธาวุโส, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ติฯ อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมายฯ อสโฐ โหติ อมายาวี ยถาภูตมตฺตานํ อาวีกตฺตา สตฺถริ วา วิญฺญูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุฯ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา พหุการาฯ

    What five things are helpful? Five factors that support meditation. A bhikkhu has faith in the Realized One’s awakening: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ They are rarely ill or unwell. Their stomach digests well, being neither too hot nor too cold, but just right, and fit for meditation. They’re not devious or deceitful. They reveal themselves honestly to the Teacher or sensible spiritual companions. They live with energy roused up for giving up unskillful qualities and embracing skillful qualities. They’re strong, staunchly vigorous, not slacking off when it comes to developing skillful qualities. They’re wise. They have the wisdom of arising and passing away which is noble, penetrative, and leads to the complete ending of suffering.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา? ปญฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ—ปีติผรณตา, สุขผรณตา, เจโตผรณตา, อาโลกผรณตา, ปจฺจเวกฺขณนิมิตฺตํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What five things should be developed? Right immersion with five factors: pervasion with rapture, pervasion with pleasure, pervasion with mind, pervasion with light, and the foundation for reviewing.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา—รูปุปาทานกฺขนฺโธ, เวทนุปาทานกฺขนฺโธ, สญฺญุปาทานกฺขนฺโธ, สงฺขารุปาทานกฺขนฺโธ วิญฺญาณุปาทานกฺขนฺโธฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    What five things should be completely understood? Five grasping aggregates: form, feeling, perception, choices, and consciousness.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา ปหาตพฺพา? ปญฺจ นีวรณานิ—กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถินมิทฺธนีวรณํ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What five things should be given up? Five hindrances: sensual desire, ill will, dullness and drowsiness, restlessness and remorse, and doubt.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา หานภาคิยา? ปญฺจ เจโตขิลา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ อยํ ปฐโม เจโตขิโลฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺเม กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ …เป… สงฺเฆ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ …เป… สิกฺขาย กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ …เป… สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต, โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ อยํ ปญฺจโม เจโตขิโลฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    What five things make things worse? Five kinds of emotional barrenness. Firstly, a bhikkhu has doubts about the Teacher. They’re uncertain, undecided, and lacking confidence. This being so, their mind doesn’t incline toward keenness, commitment, persistence, and striving. This is the first kind of emotional barrenness. Furthermore, a bhikkhu has doubts about the teaching … the Saṅgha … the training … A bhikkhu is angry and upset with their spiritual companions, resentful and closed off. This being so, their mind doesn’t incline toward keenness, commitment, persistence, and striving. This is the fifth kind of emotional barrenness.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา วิเสสภาคิยา? ปญฺจินฺทฺริยานิ—สทฺธินฺทฺริยํ, วีริยินฺทฺริยํ, สตินฺทฺริยํ, สมาธินฺทฺริยํ, ปญฺญินฺทฺริยํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    What five things lead to distinction? Five faculties: faith, energy, mindfulness, immersion, and wisdom.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? ปญฺจ นิสฺสรณิยา ธาตุโย—อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กาเม มนสิกโรโต กาเมสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ เนกฺขมฺมํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต เนกฺขมฺเม จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ กาเมหิฯ เย จ กามปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ กามานํ นิสฺสรณํฯ

    What five things are hard to comprehend? Five elements of escape. A bhikkhu focuses on sensual pleasures, but their mind isn’t eager, confident, settled, and decided about them. But when they focus on renunciation, their mind is eager, confident, settled, and decided about it. Their mind is in a good state, well developed, well risen, well freed, and well detached from sensual pleasures. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of sensual pleasures, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from sensual pleasures is explained.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน พฺยาปาทํ มนสิกโรโต พฺยาปาเท จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อพฺยาปาทํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อพฺยาปาเท จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ พฺยาปาเทนฯ เย จ พฺยาปาทปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํฯ

    Take another case where a bhikkhu focuses on ill will, but their mind isn’t eager … But when they focus on good will, their mind is eager … Their mind is in a good state … well detached from ill will. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of ill will, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from ill will is explained.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน วิเหสํ มนสิกโรโต วิเหสาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อวิเหสํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อวิเหสาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ วิเหสายฯ เย จ วิเหสาปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ วิเหสาย นิสฺสรณํฯ

    Take another case where a bhikkhu focuses on harming, but their mind isn’t eager … But when they focus on compassion, their mind is eager … Their mind is in a good state … well detached from harming. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of harming, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from harming is explained.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน รูเป มนสิกโรโต รูเปสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อรูปํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อรูเป จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ รูเปหิฯ เย จ รูปปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ รูปานํ นิสฺสรณํฯ

    Take another case where a bhikkhu focuses on form, but their mind isn’t eager … But when they focus on the formless, their mind is eager … Their mind is in a good state … well detached from forms. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of form, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from forms is explained.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน สกฺกายํ มนสิกโรโต สกฺกาเย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ สกฺกายนิโรธํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต สกฺกายนิโรเธ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ สกฺกาเยนฯ เย จ สกฺกายปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ สกฺกายสฺส นิสฺสรณํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    Take a case where a bhikkhu focuses on identity, but their mind isn’t eager, confident, settled, and decided about it. But when they focus on the ending of identity, their mind is eager, confident, settled, and decided about it. Their mind is in a good state, well developed, well risen, well freed, and well detached from identity. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of identity, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from identity is explained.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? ปญฺจ ญาณิโก สมฺมาสมาธิ: ‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติญฺจ สุขวิปาโก'ติ ปจฺจตฺตํเยว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ‘อยํ สมาธิ อริโย นิรามิโส'ติ ปจฺจตฺตญฺเญว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ‘อยํ สมาธิ อกาปุริสเสวิโต'ติ ปจฺจตฺตํเยว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ‘อยํ สมาธิ สนฺโต ปณีโต ปฏิปฺปสฺสทฺธลทฺโธ เอโกทิภาวาธิคโต, น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต'ติ ปจฺจตฺตํเยว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ‘โส โข ปนาหํ อิมํ สมาธึ สโตว สมาปชฺชามิ สโต วุฏฺฐหามี'ติ ปจฺจตฺตํเยว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    What five things should be produced? Right immersion with five knowledges. The following knowledges arise for you personally: ‘This immersion is blissful now, and results in bliss in the future.’ ‘This immersion is noble and not of the flesh.’ ‘This immersion is not cultivated by sinners.’ ‘This immersion is peaceful and sublime and tranquil and unified, not held in place by forceful suppression.’ ‘I mindfully enter into and emerge from this immersion.’

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? ปญฺจ วิมุตฺตายตนานิ—อิธาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารีฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ปฐมํ วิมุตฺตายตนํฯ

    What five things should be directly known? Five opportunities for freedom. Firstly, the Teacher or a respected spiritual companion teaches Dhamma to a bhikkhu. That bhikkhu feels inspired by the meaning and the teaching in that Dhamma, no matter how the Teacher or a respected spiritual companion teaches it. Feeling inspired, joy springs up. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, one feels bliss. And when blissful, the mind becomes immersed. This is the first opportunity for freedom.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ทุติยํ วิมุตฺตายตนํฯ

    Furthermore, it may be that neither the Teacher nor a respected spiritual companion teaches Dhamma to a bhikkhu. But the bhikkhu teaches Dhamma in detail to others as they learned and memorized it. That bhikkhu feels inspired by the meaning and the teaching in that Dhamma, no matter how they teach it in detail to others as they learned and memorized it. Feeling inspired, joy springs up. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, one feels bliss. And when blissful, the mind becomes immersed. This is the second opportunity for freedom.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติฯ อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ตติยํ วิมุตฺตายตนํฯ

    Furthermore, it may be that neither the Teacher nor … the bhikkhu teaches Dhamma. But the bhikkhu recites the teaching in detail as they learned and memorized it. That bhikkhu feels inspired by the meaning and the teaching in that Dhamma, no matter how they recite it in detail as they learned and memorized it. Feeling inspired, joy springs up. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, one feels bliss. And when blissful, the mind becomes immersed. This is the third opportunity for freedom.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติฯ อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ จตุตฺถํ วิมุตฺตายตนํฯ

    Furthermore, it may be that neither the Teacher nor … the bhikkhu teaches Dhamma … nor does the bhikkhu recite the teaching. But the bhikkhu thinks about and considers the teaching in their heart, examining it with the mind as they learned and memorized it. That bhikkhu feels inspired by the meaning and the teaching in that Dhamma, no matter how they think about and consider it in their heart, examining it with the mind as they learned and memorized it. Feeling inspired, joy springs up. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, one feels bliss. And when blissful, the mind becomes immersed. This is the fourth opportunity for freedom.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ; อปิ จ ขฺวสฺส อญฺญตรํ สมาธินิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ปญฺญายฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุโน อญฺญตรํ สมาธินิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ปญฺญาย ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฺปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ปญฺจมํ วิมุตฺตายตนํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    Furthermore, it may be that neither the Teacher nor … the bhikkhu teaches Dhamma … nor does the bhikkhu recite the teaching … or think about it. But a meditation subject as a foundation of immersion is properly grasped, focused on, borne in mind, and comprehended with wisdom. That bhikkhu feels inspired by the meaning and the teaching in that Dhamma, no matter how a meditation subject as a foundation of immersion is properly grasped, focused on, borne in mind, and comprehended with wisdom. Feeling inspired, joy springs up. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, one feels bliss. And when blissful, the mind becomes immersed. This is the fifth opportunity for freedom.

    กตเม ปญฺจ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ปญฺจ ธมฺมกฺขนฺธา—สีลกฺขนฺโธ, สมาธิกฺขนฺโธ, ปญฺญากฺขนฺโธ, วิมุตฺติกฺขนฺโธ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺโธฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    What five things should be realized? Five spectrums of the teaching: ethics, immersion, wisdom, freedom, and knowledge and vision of freedom.

    อิติ อิเม ปญฺญาส ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these fifty things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ๖ฯ ฉ ธมฺมา

    6. Groups of Six

    ฉ ธมฺมา พหุการา …เป… ฉ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Six things are helpful, etc.

    กตเม ฉ ธมฺมา พหุการา? ฉ สารณียา ธมฺมาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    What six things are helpful? Six warm-hearted qualities. Firstly, a bhikkhu consistently treats their spiritual companions with bodily kindness, both in public and in private. This warm-hearted quality makes for fondness and respect, conducing to inclusion, harmony, and unity, without quarreling.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ วจีกมฺมํ …เป… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu consistently treats their spiritual companions with verbal kindness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ มโนกมฺมํ …เป… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu consistently treats their spiritual companions with mental kindness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ เย เต ลาภา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปิ, ตถารูเปหิ ลาเภหิ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี โหติ สีลวนฺเตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคี, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย …เป… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu shares without reservation any material possessions they have gained by legitimate means, even the food placed in the alms-bowl, using them in common with their ethical spiritual companions.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ, ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย …เป… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu lives according to the precepts shared with their spiritual companions, both in public and in private. Those precepts are unbroken, impeccable, spotless, and unmarred, liberating, praised by sensible people, not mistaken, and leading to immersion.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ยายํ ทิฏฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺฐิยา ทิฏฺฐิ สามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ, สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ อิเม ฉ ธมฺมา พหุการาฯ

    Furthermore, a bhikkhu lives according to the view shared with their spiritual companions, both in public and in private. That view is noble and emancipating, and leads one who practices it to the complete ending of suffering. This warm-hearted quality makes for fondness and respect, conducing to inclusion, harmony, and unity, without quarreling.

    กตเม ฉ ธมฺมา ภาเวตพฺพา? ฉ อนุสฺสติฏฺฐานานิ—พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมานุสฺสติ, สงฺฆานุสฺสติ, สีลานุสฺสติ, จาคานุสฺสติ, เทวตานุสฺสติฯ อิเม ฉ ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What six things should be developed? Six topics for recollection: the recollection of the Buddha, the teaching, the Saṅgha, ethics, generosity, and the deities.

    กตเม ฉ ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ—จกฺขายตนํ, โสตายตนํ, ฆานายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, มนายตนํฯ อิเม ฉ ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    What six things should be completely understood? Six interior sense fields: eye, ear, nose, tongue, body, and mind.

    กตเม ฉ ธมฺมา ปหาตพฺพา? ฉ ตณฺหากายา—รูปตณฺหา, สทฺทตณฺหา, คนฺธตณฺหา, รสตณฺหา, โผฏฺฐพฺพตณฺหา, ธมฺมตณฺหาฯ อิเม ฉ ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What six things should be given up? Six classes of craving: craving for sights, sounds, smells, tastes, touches, and thoughts.

    กตเม ฉ ธมฺมา หานภาคิยา? ฉ อคารวา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺสฯ ธมฺเม …เป… สงฺเฆ … สิกฺขาย … อปฺปมาเท … ปฏิสนฺถาเร อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺสฯ อิเม ฉ ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    What six things make things worse? Six kinds of disrespect. A bhikkhu lacks respect and reverence for the Teacher, the teaching, and the Saṅgha, the training, diligence, and hospitality.

    กตเม ฉ ธมฺมา วิเสสภาคิยา? ฉ คารวา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺสฯ ธมฺเม …เป… สงฺเฆ … สิกฺขาย … อปฺปมาเท … ปฏิสนฺถาเร สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺสฯ อิเม ฉ ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    What six things lead to distinction? Six kinds of respect. A bhikkhu has respect and reverence for the Teacher, the teaching, and the Saṅgha, the training, diligence, and hospitality.

    กตเม ฉ ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? ฉ นิสฺสรณิยา ธาตุโย—อิธาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘เมตฺตา หิ โข เม, เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, อถ จ ปน เม พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติฯ โส ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิฯ น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฏฺฐานเมตํ อาวุโส อนวกาโส ยํ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธายฯ อถ จ ปนสฺส พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, พฺยาปาทสฺส, ยทิทํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    What six things are hard to comprehend? Six elements of escape. Take a bhikkhu who says: ‘I’ve developed the heart’s release by love. I’ve cultivated it, made it my vehicle and my basis, kept it up, consolidated it, and properly implemented it. Yet somehow ill will still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! Don’t say that. Don’t misrepresent the Buddha, for misrepresentation of the Buddha is not good. And the Buddha would not say that. It’s impossible, friend, it cannot happen that the heart’s release by love has been developed and properly implemented, yet somehow ill will still occupies the mind. For it is the heart’s release by love that is the escape from ill will.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘กรุณา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาฯ อถ จ ปน เม วิเหสา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติฯ โส: ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย, ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ …เป… นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, วิเหสาย, ยทิทํ กรุณาเจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’ve developed the heart’s release by compassion. I’ve cultivated it, made it my vehicle and my basis, kept it up, consolidated it, and properly implemented it. Yet somehow the thought of harming still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! … For it is the heart’s release by compassion that is the escape from thoughts of harming.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘มุทิตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา …เป… อถ จ ปน เม อรติ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติฯ โส: ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ …เป… นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, อรติยา, ยทิทํ มุทิตาเจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’ve developed the heart’s release by rejoicing. … Yet somehow discontent still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! … For it is the heart’s release by rejoicing that is the escape from discontent.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘อุเปกฺขา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา …เป… อถ จ ปน เม ราโค จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติฯ โส: ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ …เป… นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, ราคสฺส ยทิทํ อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’ve developed the heart’s release by equanimity. … Yet somehow desire still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! … For it is the heart’s release by equanimity that is the escape from desire.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘อนิมิตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา …เป… อถ จ ปน เม นิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหตี'ติฯ โส: ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ …เป… นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, สพฺพนิมิตฺตานํ ยทิทํ อนิมิตฺตา เจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’ve developed the signless release of the heart. … Yet somehow my consciousness still follows after signs.’ They should be told, ‘Not so, venerable! … For it is the signless release of the heart that is the escape from all signs.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘อสฺมีติ โข เม วิคตํ, อยมหมสฺมีติ น สมนุปสฺสามิ, อถ จ ปน เม วิจิกิจฺฉากถงฺกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติฯ โส: ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฏฺฐานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส ยํ อสฺมีติ วิคเต อยมหมสฺมีติ อสมนุปสฺสโตฯ อถ จ ปนสฺส วิจิกิจฺฉากถงฺกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉากถงฺกถาสลฺลสฺส, ยทิทํ อสฺมิมานสมุคฺฆาโต'ติฯ อิเม ฉ ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’m rid of the conceit “I am”. And I don’t regard anything as “I am this”. Yet somehow the dart of doubt and indecision still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! Don’t say that. Don’t misrepresent the Buddha, for misrepresentation of the Buddha is not good. And the Buddha would not say that. It’s impossible, friend, it cannot happen that the conceit “I am” has been done away with, and nothing is regarded as “I am this”, yet somehow the dart of doubt and indecision still occupy the mind. For it is the uprooting of the conceit “I am” that is the escape from the dart of doubt and indecision.’

    กตเม ฉ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? ฉ สตตวิหาราฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา …

    What six things should be produced? Six consistent responses. A bhikkhu, seeing a sight with their eyes, is neither happy nor sad. They remain equanimous, mindful and aware. Hearing a sound with their ears … Smelling an odor with their nose … Tasting a flavor with their tongue …

    กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา … มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิเม ฉ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    Feeling a touch with their body … Knowing a thought with their mind, they’re neither happy nor sad. They remain equanimous, mindful and aware.

    กตเม ฉ ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? ฉ อนุตฺตริยานิ—ทสฺสนานุตฺตริยํ, สวนานุตฺตริยํ, ลาภานุตฺตริยํ, สิกฺขานุตฺตริยํ, ปาริจริยานุตฺตริยํ, อนุสฺสตานุตฺตริยํฯ อิเม ฉ ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    What six things should be directly known? Six unsurpassable things: the unsurpassable seeing, listening, acquisition, training, service, and recollection.

    กตเม ฉ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ฉ อภิญฺญา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ—เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมติ เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชติ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตติฯ

    What six things should be realized? Six direct knowledges. A bhikkhu wields the many kinds of psychic power: multiplying themselves and becoming one again; appearing and disappearing; going unimpeded through a wall, a rampart, or a mountain as if through space; diving in and out of the earth as if it were water; walking on water as if it were earth; flying cross-legged through the sky like a bird; touching and stroking with the hand the sun and moon, so mighty and powerful; controlling the body as far as the Brahmā realm.

    ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณาติ ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จฯ

    With clairaudience that is purified and superhuman, they hear both kinds of sounds, human and divine, whether near or far.

    ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ, สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ …เป… อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติฯ

    They understand the minds of other beings and individuals, having comprehended them with their own mind.

    โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ—เอกมฺปิ ชาตึ …เป… อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ

    They recollect many kinds of past lives, with features and details.

    ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ …เป…

    With clairvoyance that is purified and superhuman, they see sentient beings passing away and being reborn—inferior and superior, beautiful and ugly, in a good place or a bad place. They understand how sentient beings are reborn according to their deeds.

    อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิเม ฉ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    They realize the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life. And they live having realized it with their own insight due to the ending of defilements.

    อิติ อิเม สฏฺฐิ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these sixty things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ๗ฯ สตฺต ธมฺมา

    7. Groups of Seven

    สตฺต ธมฺมา พหุการา …เป… สตฺต ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Seven things are helpful, etc.

    กตเม สตฺต ธมฺมา พหุการา? สตฺต อริยธนานิ—สทฺธาธนํ, สีลธนํ, หิริธนํ, โอตฺตปฺปธนํ, สุตธนํ, จาคธนํ, ปญฺญาธนํฯ อิเม สตฺต ธมฺมา พหุการาฯ

    What seven things are helpful? Seven riches of the noble ones: the riches of faith, ethics, conscience, prudence, learning, generosity, and wisdom.

    กตเม สตฺต ธมฺมา ภาเวตพฺพา? สตฺต สมฺโพชฺฌงฺคา—สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโคฯ อิเม สตฺต ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What seven things should be developed? Seven awakening factors: mindfulness, investigation of principles, energy, rapture, tranquility, immersion, and equanimity.

    กตเม สตฺต ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? สตฺต วิญฺญาณฏฺฐิติโย—สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐมา วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    What seven things should be completely understood? Seven planes of consciousness. There are sentient beings that are diverse in body and diverse in perception, such as human beings, some gods, and some beings in the underworld. This is the first plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติยา วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that are diverse in body and unified in perception, such as the gods reborn in Brahmā’s Host through the first jhāna. This is the second plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติยา วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that are unified in body and diverse in perception, such as the gods of streaming radiance. This is the third plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุตฺถี วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that are unified in body and unified in perception, such as the gods replete with glory. This is the fourth plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา …เป… ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ปญฺจมี วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond perceptions of form. With the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, they have been reborn in the dimension of infinite space. This is the fifth plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉฏฺฐี วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of infinite space. Aware that ‘consciousness is infinite’, they have been reborn in the dimension of infinite consciousness. This is the sixth plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ สตฺตมี วิญฺญาณฏฺฐิติฯ อิเม สตฺต ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of infinite consciousness. Aware that ‘there is nothing at all’, they have been reborn in the dimension of nothingness. This is the seventh plane of consciousness.

    กตเม สตฺต ธมฺมา ปหาตพฺพา? สตฺตานุสยา—กามราคานุสโย, ปฏิฆานุสโย, ทิฏฺฐานุสโย, วิจิกิจฺฉานุสโย, มานานุสโย, ภวราคานุสโย, อวิชฺชานุสโยฯ อิเม สตฺต ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What seven things should be given up? Seven underlying tendencies: sensual desire, repulsion, views, doubt, conceit, desire to be reborn, and ignorance.

    กตเม สตฺต ธมฺมา หานภาคิยา? สตฺต อสทฺธมฺมา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ, อปฺปสฺสุโต โหติ, กุสีโต โหติ, มุฏฺฐสฺสติ โหติ, ทุปฺปญฺโญ โหติฯ อิเม สตฺต ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    What seven things make things worse? Seven bad qualities: a bhikkhu is faithless, shameless, imprudent, unlearned, lazy, unmindful, and witless.

    กตเม สตฺต ธมฺมา วิเสสภาคิยา? สตฺต สทฺธมฺมา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, หิริมา โหติ, โอตฺตปฺปี โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, อุปฏฺฐิตสฺสติ โหติ, ปญฺญวา โหติฯ อิเม สตฺต ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    What seven things lead to distinction? Seven good qualities: a bhikkhu is faithful, conscientious, prudent, learned, energetic, mindful, and wise.

    กตเม สตฺต ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? สตฺต สปฺปุริสธมฺมา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺมญฺญู จ โหติ อตฺถญฺญู จ อตฺตญฺญู จ มตฺตญฺญู จ กาลญฺญู จ ปริสญฺญู จ ปุคฺคลญฺญู จฯ อิเม สตฺต ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    What seven things are hard to comprehend? Seven aspects of the teachings of the good persons: a bhikkhu knows the teachings, knows the meaning, knows themselves, knows moderation, knows the right time, knows assemblies, and knows people.

    กตเม สตฺต ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? สตฺต สญฺญา—อนิจฺจสญฺญา, อนตฺตสญฺญา, อสุภสญฺญา, อาทีนวสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญา, นิโรธสญฺญาฯ อิเม สตฺต ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    What seven things should be produced? Seven perceptions: the perception of impermanence, the perception of not-self, the perception of ugliness, the perception of drawbacks, the perception of giving up, the perception of fading away, and the perception of cessation.

    กตเม สตฺต ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? สตฺต นิทฺทสวตฺถูนิ—อิธาวุโส, ภิกฺขุ สิกฺขาสมาทาเน ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ สิกฺขาสมาทาเน อวิคตเปโมฯ ธมฺมนิสนฺติยา ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ ธมฺมนิสนฺติยา อวิคตเปโมฯ อิจฺฉาวินเย ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ อิจฺฉาวินเย อวิคตเปโมฯ ปฏิสลฺลาเน ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ ปฏิสลฺลาเน อวิคตเปโมฯ วีริยารมฺเภ ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ วีริยารมฺเภ อวิคตเปโมฯ สติเนปกฺเก ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ สติเนปกฺเก อวิคตเปโมฯ ทิฏฺฐิปฏิเวเธ ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ ทิฏฺฐิปฏิเวเธ อวิคตเปโมฯ อิเม สตฺต ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    What seven things should be directly known? Seven qualifications for graduation. A bhikkhu has a keen enthusiasm to undertake the training … to examine the teachings … to get rid of desires … for retreat … to rouse up energy … for mindfulness and alertness … to penetrate theoretically. And they don’t lose these desires in the future.

    กตเม สตฺต ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? สตฺต ขีณาสวพลานิ—อิธาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อนิจฺจโต สพฺเพ สงฺขารา ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฏฺฐา โหนฺติฯ ยํปาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อนิจฺจโต สพฺเพ สงฺขารา ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฏฺฐา โหนฺติ, อิทมฺปิ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน พลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ขีณาสโว ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปฏิชานาติ: ‘ขีณา เม อาสวา'ติฯ

    What seven things should be realized? Seven powers of one who has ended the defilements. Firstly, a bhikkhu with defilements ended has clearly seen with right wisdom all conditions as truly impermanent. This is a power that a bhikkhu who has ended the defilements relies on to claim: ‘My defilements have ended.’

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน องฺคารกาสูปมา กามา ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฏฺฐา โหนฺติฯ ยํปาวุโส …เป… ‘ขีณา เม อาสวา'ติฯ

    Furthermore, a bhikkhu with defilements ended has clearly seen with right wisdom that sensual pleasures are truly like a pit of glowing coals. …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ โหติ วิเวกโปณํ วิเวกปพฺภารํ วิเวกฏฺฐํ เนกฺขมฺมาภิรตํ พฺยนฺตีภูตํ สพฺพโส อาสวฏฺฐานิเยหิ ธมฺเมหิฯ ยํปาวุโส …เป… ‘ขีณา เม อาสวา'ติฯ

    Furthermore, the mind of a bhikkhu with defilements ended slants, slopes, and inclines to seclusion. They’re withdrawn, loving renunciation, and they’ve totally done with defiling influences. …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน จตฺตาโร สติปฏฺฐานา ภาวิตา โหนฺติ สุภาวิตาฯ ยํปาวุโส …เป… ‘ขีณา เม อาสวา'ติฯ

    Furthermore, a bhikkhu with defilements ended has well developed the four kinds of mindfulness meditation. …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน ปญฺจินฺทฺริยานิ ภาวิตานิ โหนฺติ สุภาวิตานิฯ ยํปาวุโส …เป… ‘ขีณา เม อาสวา'ติฯ

    Furthermore, a bhikkhu with defilements ended has well developed the five faculties. …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวิตา โหนฺติ สุภาวิตาฯ ยํปาวุโส …เป… ‘ขีณา เม อาสวา'ติฯ

    Furthermore, a bhikkhu with defilements ended has well developed the seven awakening factors. …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อริโย อฏฺฐงฺคิโก มคฺโค ภาวิโต โหติ สุภาวิโตฯ ยํปาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อริโย อฏฺฐงฺคิโก มคฺโค ภาวิโต โหติ สุภาวิโต, อิทมฺปิ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน พลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ขีณาสโว ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปฏิชานาติ: ‘ขีณา เม อาสวา'ติฯ อิเม สตฺต ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Furthermore, a bhikkhu with defilements ended has well developed the noble eightfold path. … This is a power that a bhikkhu who has ended the defilements relies on to claim: ‘My defilements have ended.’

    อิติเม สตฺตติ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these seventy things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ปฐมภาณวาโร นิฏฺฐิโตฯ

    The first recitation section is finished.

    ๘ฯ อฏฺฐ ธมฺมา

    8. Groups of Eight

    อฏฺฐ ธมฺมา พหุการา …เป… อฏฺฐ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Eight things are helpful, etc.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา พหุการา? อฏฺฐ เหตู อฏฺฐ ปจฺจยา อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺติฯ กตเม อฏฺฐ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อญฺญตรํ วา ครุฏฺฐานิยํ สพฺรหฺมจารึ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ โหติ เปมญฺจ คารโว จฯ อยํ ปฐโม เหตุ ปฐโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    What eight things are helpful? There are eight causes and reasons that lead to acquiring the wisdom fundamental to the spiritual life, and to its increase, growth, development, and fulfillment once it has been acquired. What eight? It’s when a bhikkhu lives relying on the Teacher or a spiritual companion in a teacher’s role. And they set up a keen sense of conscience and prudence for them, with warmth and respect. This is the first cause.

    ตํ โข ปน สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อญฺญตรํ วา ครุฏฺฐานิยํ สพฺรหฺมจารึ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ โหติ เปมญฺจ คารโว จฯ เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปญฺหติ: ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ? อิมสฺส โก อตฺโถ'ติ? ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏญฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตญฺจ อุตฺตานีกโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาฏฺฐานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติฯ อยํ ทุติโย เหตุ ทุติโย ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย, เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    When a bhikkhu lives relying on the Teacher or a spiritual companion in a teacher’s role—with a keen sense of conscience and prudence for them, with warmth and respect—from time to time they go and ask them questions: ‘Why, sir, does it say this? What does that mean?’ Those venerables clarify what is unclear, reveal what is obscure, and dispel doubt regarding the many doubtful matters. This is the second cause.

    ตํ โข ปน ธมฺมํ สุตฺวา ทฺวเยน วูปกาเสน สมฺปาเทติ—กายวูปกาเสน จ จิตฺตวูปกาเสน จฯ อยํ ตติโย เหตุ ตติโย ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    After hearing that teaching they perfect withdrawal of both body and mind. This is the third cause.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อยํ จตุตฺโถ เหตุ จตุตฺโถ ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu is ethical, restrained in the monastic code, conducting themselves well and seeking alms in suitable places. Seeing danger in the slightest fault, they keep the rules they’ve undertaken. This is the fourth cause.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโยฯ เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยญฺชนา เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺฐิยา สุปฺปฏิวิทฺธาฯ อยํ ปญฺจโม เหตุ ปญฺจโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu is very learned, remembering and keeping what they’ve learned. These teachings are good in the beginning, good in the middle, and good in the end, meaningful and well-phrased, describing a spiritual practice that’s entirely full and pure. They are very learned in such teachings, remembering them, reinforcing them by recitation, mentally scrutinizing them, and comprehending them theoretically. This is the fifth cause.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ อยํ ฉฏฺโฐ เหตุ ฉฏฺโฐ ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu lives with energy roused up for giving up unskillful qualities and embracing skillful qualities. They are strong, staunchly vigorous, not slacking off when it comes to developing skillful qualities. This is the sixth cause.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สติมา โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโตฯ จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตาฯ อยํ สตฺตโม เหตุ สตฺตโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu is mindful. They have utmost mindfulness and alertness, and can remember and recall what was said and done long ago. This is the seventh cause.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ, อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติ: ‘อิติ รูปํ อิติ รูปสฺส สมุทโย อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา อิติ เวทนาย สมุทโย อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สญฺญา อิติ สญฺญาย สมุทโย อิติ สญฺญาย อตฺถงฺคโม; อิติ สงฺขารา อิติ สงฺขารานํ สมุทโย อิติ สงฺขารานํ อตฺถงฺคโม; อิติ วิญฺญาณํ อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม'ติฯ อยํ อฏฺฐโม เหตุ อฏฺฐโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฏิลทฺธาย ปฏิลาภาย, ปฏิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา พหุการาฯ

    Furthermore, a bhikkhu meditates observing rise and fall in the five grasping aggregates. ‘Such is form, such is the origin of form, such is the ending of form. Such is feeling, such is the origin of feeling, such is the ending of feeling. Such is perception, such is the origin of perception, such is the ending of perception. Such are choices, such is the origin of choices, such is the ending of choices. Such is consciousness, such is the origin of consciousness, such is the ending of consciousness.’ This is the eighth cause.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา ภาเวตพฺพา? อริโย อฏฺฐงฺคิโก มคฺโค เสยฺยถิทํ—สมฺมาทิฏฺฐิ, สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What eight things should be developed? The noble eightfold path, that is: right view, right thought, right speech, right action, right livelihood, right effort, right mindfulness, and right immersion.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? อฏฺฐ โลกธมฺมา—ลาโภ จ, อลาโภ จ, ยโส จ, อยโส จ, นินฺทา จ, ปสํสา จ, สุขญฺจ, ทุกฺขญฺจฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    What eight things should be completely understood? Eight worldly conditions: gain and loss, fame and disgrace, blame and praise, pleasure and pain.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา ปหาตพฺพา? อฏฺฐ มิจฺฉตฺตา—มิจฺฉาทิฏฺฐิ, มิจฺฉาสงฺกปฺโป, มิจฺฉาวาจา, มิจฺฉากมฺมนฺโต, มิจฺฉาอาชีโว, มิจฺฉาวายาโม, มิจฺฉาสติ, มิจฺฉาสมาธิฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What eight things should be given up? Eight wrong ways: wrong view, wrong thought, wrong speech, wrong action, wrong livelihood, wrong effort, wrong mindfulness, and wrong immersion.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา หานภาคิยา? อฏฺฐ กุสีตวตฺถูนิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กาตพฺพํ โหติ, ตสฺส เอวํ โหติ: ‘กมฺมํ โข เม กาตพฺพํ ภวิสฺสติ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺตสฺส กาโย กิลมิสฺสติ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ, น วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ ปฐมํ กุสีตวตฺถุฯ

    What eight things make things worse? Eight grounds for laziness. Firstly, a bhikkhu has some work to do. They think: ‘I have some work to do. But while doing it my body will get tired. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized. This is the first ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตํ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข กมฺมํ อกาสึ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺตสฺส กาโย กิลนฺโต, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ, น วีริยํ อารภติ …เป… อิทํ ทุติยํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has done some work. They think: ‘I’ve done some work. But while working my body got tired. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the second ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มคฺโค คนฺตพฺโพ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘มคฺโค โข เม คนฺตพฺโพ ภวิสฺสติ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉนฺตสฺส กาโย กิลมิสฺสติ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ, น วีริยํ อารภติ …เป… อิทํ ตติยํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has to go on a journey. They think: ‘I have to go on a journey. But while walking my body will get tired. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the third ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มคฺโค คโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข มคฺคํ อคมาสึ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉนฺตสฺส กาโย กิลนฺโต, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ, น วีริยํ อารภติ …เป… อิทํ จตุตฺถํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has gone on a journey. They think: ‘I’ve gone on a journey. But while walking my body got tired. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the fourth ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต น ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต นาลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ตสฺส เม กาโย กิลนฺโต อกมฺมญฺโญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติ …เป… อิทํ ปญฺจมํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has wandered for alms, but they didn’t get to fill up on as much food as they like, rough or fine. They think: ‘I’ve wandered for alms, but I didn’t get to fill up on as much food as I like, rough or fine. My body is tired and unfit for work. I’d better have a lie down.’… This is the fifth ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต อลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ตสฺส เม กาโย ครุโก อกมฺมญฺโญ, มาสาจิตํ มญฺเญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ …เป… อิทํ ฉฏฺฐํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has wandered for alms, and they got to fill up on as much food as they like, rough or fine. They think: ‘I’ve wandered for alms, and I got to fill up on as much food as I like, rough or fine. My body is heavy, unfit for work, like I’ve just eaten a load of beans. I’d better have a lie down.’… They lie down, and don’t rouse energy… This is the sixth ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน โหติ อปฺปมตฺตโก อาพาโธ, ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ อปฺปมตฺตโก อาพาโธ อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุํ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ …เป… อิทํ สตฺตมํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu feels a little sick. They think: ‘I feel a little sick. Lying down would be good for me. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the seventh ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คิลานาวุฏฺฐิโต โหติ อจิรวุฏฺฐิโต เคลญฺญาฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คิลานาวุฏฺฐิโต อจิรวุฏฺฐิโต เคลญฺญาฯ ตสฺส เม กาโย ทุพฺพโล อกมฺมญฺโญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ …เป… อิทํ อฏฺฐมํ กุสีตวตฺถุฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    Furthermore, a bhikkhu has recently recovered from illness. They think: ‘I’ve recently recovered from illness. My body is weak and unfit for work. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the eighth ground for laziness.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา วิเสสภาคิยา? อฏฺฐ อารมฺภวตฺถูนิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กาตพฺพํ โหติ, ตสฺส เอวํ โหติ: ‘กมฺมํ โข เม กาตพฺพํ ภวิสฺสติ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺเตน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิกาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา'ติฯ โส วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ ปฐมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    What eight things lead to distinction? Eight grounds for arousing energy. Firstly, a bhikkhu has some work to do. They think: ‘I have some work to do. While working it’s not easy to focus on the instructions of the Buddhas. I’d better preemptively rouse up energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized.’ They rouse energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized. This is the first ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตํ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข กมฺมํ อกาสึ, กมฺมํ โข ปนาหํ กโรนฺโต นาสกฺขึ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิกาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… อิทํ ทุติยํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has done some work. They think: ‘I’ve done some work. While I was working I wasn’t able to focus on the instructions of the Buddhas. I’d better preemptively rouse up energy.’… This is the second ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มคฺโค คนฺตพฺโพ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘มคฺโค โข เม คนฺตพฺโพ ภวิสฺสติ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉนฺเตน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิกาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… อิทํ ตติยํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has to go on a journey. They think: ‘I have to go on a journey. While walking it’s not easy to focus on the instructions of the Buddhas. I’d better preemptively rouse up energy.’… This is the third ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มคฺโค คโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข มคฺคํ อคมาสึ, มคฺคํ โข ปนาหํ คจฺฉนฺโต นาสกฺขึ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิกาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… อิทํ จตุตฺถํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has gone on a journey. They think: ‘I’ve gone on a journey. While I was walking I wasn’t able to focus on the instructions of the Buddhas. I’d better preemptively rouse up energy.’… This is the fourth ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต น ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต นาลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ตสฺส เม กาโย ลหุโก กมฺมญฺโญ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… อิทํ ปญฺจมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has wandered for alms, but they didn’t get to fill up on as much food as they like, rough or fine. They think: ‘I’ve wandered for alms, but I didn’t get to fill up on as much food as I like, rough or fine. My body is light and fit for work. I’d better preemptively rouse up energy.’… This is the fifth ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต อลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เม กาโย พลวา กมฺมญฺโญ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… อิทํ ฉฏฺฐํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has wandered for alms, and they got to fill up on as much food as they like, rough or fine. They think: ‘I’ve wandered for alms, and I got to fill up on as much food as I like, rough or fine. My body is strong and fit for work. I’d better preemptively rouse up energy.’… This is the sixth ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน โหติ อปฺปมตฺตโก อาพาโธฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ อปฺปมตฺตโก อาพาโธ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ เม อาพาโธ ปวฑฺเฒยฺย, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… อิทํ สตฺตมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu feels a little sick. They think: ‘I feel a little sick. It’s possible this illness will worsen. I’d better preemptively rouse up energy.’… This is the seventh ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คิลานา วุฏฺฐิโต โหติ อจิรวุฏฺฐิโต เคลญฺญาฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คิลานา วุฏฺฐิโต อจิรวุฏฺฐิโต เคลญฺญา, ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ เม อาพาโธ ปจฺจุทาวตฺเตยฺย, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา'ติฯ โส วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ อฏฺฐมํ อารมฺภวตฺถุฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    Furthermore, a bhikkhu has recently recovered from illness. They think: ‘I’ve recently recovered from illness. It’s possible the illness will come back. I’d better preemptively rouse up energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized.’ They rouse energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized. This is the eighth ground for arousing energy.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? อฏฺฐ อกฺขณา อสมยา พฺรหฺมจริยวาสายฯ อิธาวุโส, ตถาคโต จ โลเก อุปฺปนฺโน โหติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ธมฺโม จ เทสิยติ โอปสมิโก ปรินิพฺพานิโก สมฺโพธคามี สุคตปฺปเวทิโตฯ อยญฺจ ปุคฺคโล นิรยํ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ ปฐโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    What eight things are hard to comprehend? Eight lost opportunities for spiritual practice. Firstly, a Realized One has arisen in the world. He teaches the Dhamma leading to peace, Nibbana, awakening, as proclaimed by the Holy One. But a person has been reborn in hell. This is the first lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ตถาคโต จ โลเก อุปฺปนฺโน โหติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ธมฺโม จ เทสิยติ โอปสมิโก ปรินิพฺพานิโก สมฺโพธคามี สุคตปฺปเวทิโตฯ อยญฺจ ปุคฺคโล ติรจฺฉานโยนึ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ ทุติโย อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But a person has been reborn in the animal realm. This is the second lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… เปตฺติวิสยํ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ ตติโย อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But a person has been reborn in the ghost realm. This is the third lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… อญฺญตรํ ทีฆายุกํ เทวนิกายํ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ จตุตฺโถ อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But person has been reborn in one of the long-lived orders of gods. This is the fourth lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ มิลกฺเขสุ อวิญฺญาตาเรสุ, ยตฺถ นตฺถิ คติ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ อยํ ปญฺจโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But a person has been reborn in the borderlands, among strange barbarian tribes, where monks, nuns, laymen, and laywomen do not go. This is the fifth lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… อยญฺจ ปุคฺคโล มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ, โส จ โหติ มิจฺฉาทิฏฺฐิโก วิปรีตทสฺสโน: ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺฐํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี'ติฯ อยํ ฉฏฺโฐ อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. And a person is reborn in a central country. But they have wrong view and distorted perspective: ‘There’s no meaning in giving, sacrifice, or offerings. There’s no fruit or result of good and bad deeds. There’s no afterlife. There’s no such thing as mother and father, or beings that are reborn spontaneously. And there’s no ascetic or brahmin who is well attained and practiced, and who describes the afterlife after realizing it with their own insight.’ This is the sixth lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… อยญฺจ ปุคฺคโล มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ, โส จ โหติ ทุปฺปญฺโญ ชโฬ เอฬมูโค, นปฺปฏิพโล สุภาสิตทุพฺภาสิตานมตฺถมญฺญาตุํฯ อยํ สตฺตโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. And a person is reborn in a central country. But they’re witless, dull, stupid, and unable to distinguish what is well said from what is poorly said. This is the seventh lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… อยญฺจ ปุคฺคโล มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ, โส จ โหติ ปญฺญวา อชโฬ อเนฬมูโค, ปฏิพโล สุภาสิตทุพฺภาสิตานมตฺถมญฺญาตุํฯ อยํ อฏฺฐโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But he doesn’t teach the Dhamma leading to peace, Nibbana, awakening, as announced by the Holy One. And a person is reborn in a central country. And they’re wise, bright, clever, and able to distinguish what is well said from what is poorly said. This is the eighth lost opportunity for spiritual practice.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? อฏฺฐ มหาปุริสวิตกฺกา—อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มหิจฺฉสฺสฯ สนฺตุฏฺฐสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม อสนฺตุฏฺฐสฺสฯ ปวิวิตฺตสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม สงฺคณิการามสฺสฯ อารทฺธวีริยสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม กุสีตสฺสฯ อุปฏฺฐิตสติสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มุฏฺฐสฺสติสฺสฯ สมาหิตสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม อสมาหิตสฺสฯ ปญฺญวโต อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม ทุปฺปญฺญสฺสฯ นิปฺปปญฺจสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม ปปญฺจารามสฺสาติ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    What eight things should be produced? Eight thoughts of a great man. ‘This teaching is for those of few wishes, not those of many wishes. It’s for the contented, not those who lack contentment. It’s for the secluded, not those who enjoy company. It’s for the energetic, not the lazy. It’s for the mindful, not the unmindful. It’s for those with immersion, not those without immersion. It’s for the wise, not the witless. This teaching is for those who don’t enjoy proliferating, not for those who enjoy proliferating.’

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? อฏฺฐ อภิภายตนานิ—อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ—เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ปฐมํ อภิภายตนํฯ

    What eight things should be directly known? Eight dimensions of mastery. Perceiving form internally, someone sees visions externally, limited, both pretty and ugly. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the first dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ—เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ทุติยํ อภิภายตนํฯ

    Perceiving form internally, someone sees visions externally, limitless, both pretty and ugly. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the second dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ—เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ตติยํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally, limited, both pretty and ugly. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the third dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ—เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ จตุตฺถํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally, limitless, both pretty and ugly. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the fourth dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม อุมาปุปฺผํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํ, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺฐํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ปญฺจมํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally that are blue, with blue color, blue hue, and blue tint. They’re like a flax flower that’s blue, with blue color, blue hue, and blue tint. Or a cloth from Varanasi that’s smoothed on both sides, blue, with blue color, blue hue, and blue tint. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the fifth dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม กณิการปุปฺผํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํ, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺฐํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ฉฏฺฐํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally that are yellow, with yellow color, yellow hue, and yellow tint. They’re like a champak flower that’s yellow, with yellow color, yellow hue, and yellow tint. Or a cloth from Varanasi that’s smoothed on both sides, yellow, with yellow color, yellow hue, and yellow tint. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the sixth dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม พนฺธุชีวกปุปฺผํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํ, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺฐํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ สตฺตมํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally that are red, with red color, red hue, and red tint. They’re like a scarlet mallow flower that’s red, with red color, red hue, and red tint. Or a cloth from Varanasi that’s smoothed on both sides, red, with red color, red hue, and red tint. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the seventh dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม โอสธิตารกา โอทาตา โอทาตวณฺณา โอทาตนิทสฺสนา โอทาตนิภาสา, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺฐํ โอทาตํ โอทาตวณฺณํ โอทาตนิทสฺสนํ โอทาตนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ อฏฺฐมํ อภิภายตนํฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally that are white, with white color, white hue, and white tint. They’re like the morning star that’s white, with white color, white hue, and white tint. Or a cloth from Varanasi that’s smoothed on both sides, white, with white color, white hue, and white tint. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the eighth dimension of mastery.

    กตเม อฏฺฐ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? อฏฺฐ วิโมกฺขา—รูปี รูปานิ ปสฺสติฯ อยํ ปฐโม วิโมกฺโขฯ

    What eight things should be realized? Eight liberations. Having physical form, they see visions. This is the first liberation.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติฯ อยํ ทุติโย วิโมกฺโขฯ

    Not perceiving physical form internally, someone see visions externally. This is the second liberation.

    สุภนฺเตว อธิมุตฺโต โหติฯ อยํ ตติโย วิโมกฺโขฯ

    They’re focused only on beauty. This is the third liberation.

    สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ จตุตฺโถ วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite space. This is the fourth liberation.

    สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ปญฺจโม วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite consciousness. This is the fifth liberation.

    สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ฉฏฺโฐ วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, they enter and remain in the dimension of nothingness. This is the sixth liberation.

    สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ สตฺตโม วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond the dimension of nothingness, they enter and remain in the dimension of neither perception nor non-perception. This is the seventh liberation.

    สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ อฏฺฐโม วิโมกฺโขฯ อิเม อฏฺฐ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Going totally beyond the dimension of neither perception nor non-perception, they enter and remain in the cessation of perception and feeling. This is the eighth liberation.

    อิติ อิเม อสีติ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these eighty things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ๙ฯ นว ธมฺมา

    9. Groups of Nine

    นว ธมฺมา พหุการา …เป… นว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Nine things are helpful, etc.

    กตเม นว ธมฺมา พหุการา? นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, โยนิโสมนสิกโรโต ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิเต จิตฺเต ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ, ยถาภูตํ ชานํ ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติฯ อิเม นว ธมฺมา พหุการาฯ

    What nine things are helpful? Nine things rooted in rational application of mind. When you apply the mind rationally, joy springs up. When you’re joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, you feel bliss. And when you’re blissful, the mind becomes immersed. When your mind is immersed, you truly know and see. When you truly know and see, you grow disillusioned. Being disillusioned, desire fades away. When desire fades away you’re freed.

    กตเม นว ธมฺมา ภาเวตพฺพา? นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ—สีลวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, จิตฺตวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, ทิฏฺฐิวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, มคฺคามคฺคญาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, ปฏิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, ญาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, ปญฺญาวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, วิมุตฺติวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํฯ อิเม นว ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What nine things should be developed? Nine factors of trying to be pure. The factors of trying to be pure in ethics, mind, view, overcoming doubt, knowledge and vision of the variety of paths, knowledge and vision of the practice, knowledge and vision, wisdom, and freedom.

    กตเม นว ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? นว สตฺตาวาสา—สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐโม สตฺตาวาโสฯ

    What nine things should be completely understood? Nine abodes of sentient beings. There are sentient beings that are diverse in body and diverse in perception, such as human beings, some gods, and some beings in the underworld. This is the first abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติโย สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that are diverse in body and unified in perception, such as the gods reborn in Brahmā’s Host through the first jhāna. This is the second abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติโย สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that are unified in body and diverse in perception, such as the gods of streaming radiance. This is the third abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุตฺโถ สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that are unified in body and unified in perception, such as the gods replete with glory. This is the fourth abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา อสญฺญิโน อปฺปฏิสํเวทิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อสญฺญสตฺตาฯ อยํ ปญฺจโม สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that are non-percipient and do not experience anything, such as the gods who are non-percipient beings. This is the fifth abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉฏฺโฐ สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond perceptions of form. With the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, they have been reborn in the dimension of infinite space. This is the sixth abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ สตฺตโม สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of infinite space. Aware that ‘consciousness is infinite’, they have been reborn in the dimension of infinite consciousness. This is the seventh abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ อฏฺฐโม สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of infinite consciousness. Aware that ‘there is nothing at all’, they have been reborn in the dimension of nothingness. This is the eighth abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคาฯ อยํ นวโม สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of nothingness. They have been reborn in the dimension of neither perception nor non-perception. This is the ninth abode of sentient beings.

    อิเม นว ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    กตเม นว ธมฺมา ปหาตพฺพา? นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา—ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฏิจฺจ ฉนฺทราโค, ฉนฺทราคํ ปฏิจฺจ อชฺโฌสานํ, อชฺโฌสานํ ปฏิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฏิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฏิจฺจ อารกฺโข, อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ อิเม นว ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What nine things should be given up? Nine things rooted in craving. Craving is a cause of seeking. Seeking is a cause of gaining material possessions. Gaining material possessions is a cause of assessing. Assessing is a cause of desire and lust. Desire and lust is a cause of attachment. Attachment is a cause of ownership. Ownership is a cause of stinginess. Stinginess is a cause of safeguarding. Owing to safeguarding, many bad, unskillful things come to be: taking up the rod and the sword, quarrels, arguments, disputes, accusations, divisive speech, and lies.

    กตเม นว ธมฺมา หานภาคิยา? นว อาฆาตวตฺถูนิ: ‘อนตฺถํ เม อจรี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ, ‘อนตฺถํ เม จรตี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ, ‘อนตฺถํ เม จริสฺสตี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจรี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ …เป… ‘อนตฺถํ จรตี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ …เป… ‘อนตฺถํ จริสฺสตี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจรี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ …เป… ‘อตฺถํ จรตี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ …เป… ‘อตฺถํ จริสฺสตี'ติ อาฆาตํ พนฺธติฯ อิเม นว ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    What nine things make things worse? Nine grounds for resentment. Thinking: ‘They did wrong to me,’ you harbor resentment. Thinking: ‘They are doing wrong to me’ … ‘They will do wrong to me’ … ‘They did wrong by someone I love’ … ‘They are doing wrong by someone I love’ … ‘They will do wrong by someone I love’ … ‘They helped someone I dislike’ … ‘They are helping someone I dislike’ … Thinking: ‘They will help someone I dislike,’ you harbor resentment.

    กตเม นว ธมฺมา วิเสสภาคิยา? นว อาฆาตปฏิวินยา: ‘อนตฺถํ เม อจริ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘อนตฺถํ เม จรติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘อนตฺถํ เม จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจริ …เป… อนตฺถํ จรติ …เป… อนตฺถํ จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจริ …เป… อตฺถํ จรติ …เป… อตฺถํ จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติฯ อิเม นว ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    What nine things lead to distinction? Nine methods to get rid of resentment. Thinking: ‘They did wrong to me, but what can I possibly do?’ you get rid of resentment. Thinking: ‘They are doing wrong to me …’ … ‘They will do wrong to me …’ … ‘They did wrong by someone I love …’ … ‘They are doing wrong by someone I love …’ … ‘They will do wrong by someone I love …’ … ‘They helped someone I dislike …’ … ‘They are helping someone I dislike …’ … Thinking: ‘They will help someone I dislike, but what can I possibly do?’ you get rid of resentment.

    กตเม นว ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? นว นานตฺตา—ธาตุนานตฺตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ ผสฺสนานตฺตํ, ผสฺสนานตฺตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ เวทนานานตฺตํ, เวทนานานตฺตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สญฺญานานตฺตํ, สญฺญานานตฺตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สงฺกปฺปนานตฺตํ, สงฺกปฺปนานตฺตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ ฉนฺทนานตฺตํ, ฉนฺทนานตฺตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ ปริฬาหนานตฺตํ, ปริฬาหนานตฺตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ ปริเยสนานานตฺตํ, ปริเยสนานานตฺตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ ลาภนานตฺตํ (…)ฯ อิเม นว ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    What nine things are hard to comprehend? Nine kinds of diversity. Diversity of elements gives rise to diversity of contacts. Diversity of contacts gives rise to diversity of feelings. Diversity of feelings gives rise to diversity of perceptions. Diversity of perceptions gives rise to diversity of thoughts. Diversity of thoughts gives rise to diversity of desires. Diversity of desires gives rise to diversity of passions. Diversity of passions gives rise to diversity of searches. Diversity of searches gives rise to diversity of gains.

    กตเม นว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? นว สญฺญา—อสุภสญฺญา, มรณสญฺญา, อาหาเร ปฏิกูลสญฺญา, สพฺพโลเก อนภิรติสญฺญา, อนิจฺจสญฺญา, อนิจฺเจ ทุกฺขสญฺญา, ทุกฺเข อนตฺตสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญาฯ อิเม นว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    What nine things should be produced? Nine perceptions: the perceptions of ugliness, death, repulsiveness in food, dissatisfaction with the whole world, impermanence, suffering in impermanence, not-self in suffering, giving up, and fading away.

    กตเม นว ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? นว อนุปุพฺพวิหารา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา …เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ปีติยา จ วิราคา …เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สุขสฺส จ ปหานา …เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา …เป… อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิเม นว ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    What nine things should be directly known? Nine progressive meditations. A bhikkhu, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna … second jhāna … third jhāna … fourth jhāna. Going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite space. Going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite consciousness. Going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, they enter and remain in the dimension of nothingness. Going totally beyond the dimension of nothingness, they enter and remain in the dimension of neither perception nor non-perception. Going totally beyond the dimension of neither perception nor non-perception, they enter and remain in the cessation of perception and feeling.

    กตเม นว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? นว อนุปุพฺพนิโรธา—ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส กามสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส วิตกฺกวิจารา นิรุทฺธา โหนฺติ, ตติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ปีติ นิรุทฺธา โหติ, จตุตฺถํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส อสฺสาสปสฺสาสฺสา นิรุทฺธา โหนฺติ, อากาสานญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส รูปสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส อากาสานญฺจายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส วิญฺญาณญฺจายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส อากิญฺจญฺญายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส สญฺญา จ เวทนา จ นิรุทฺธา โหนฺติฯ อิเม นว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    What nine things should be realized? Nine progressive cessations. For someone who has attained the first jhāna, sensual perceptions have ceased. For someone who has attained the second jhāna, the placing of the mind and keeping it connected have ceased. For someone who has attained the third jhāna, rapture has ceased. For someone who has attained the fourth jhāna, breathing has ceased. For someone who has attained the dimension of infinite space, the perception of form has ceased. For someone who has attained the dimension of infinite consciousness, the perception of the dimension of infinite space has ceased. For someone who has attained the dimension of nothingness, the perception of the dimension of infinite consciousness has ceased. For someone who has attained the dimension of neither perception nor non-perception, the perception of the dimension of nothingness has ceased. For someone who has attained the cessation of perception and feeling, perception and feeling have ceased.

    อิติ อิเม นวุติ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    So these ninety things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.

    ๑๐ฯ ทส ธมฺมา

    10. Groups of Ten

    ทส ธมฺมา พหุการา …เป… ทส ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    Ten things are helpful, ten things should be developed, ten things should be completely understood, ten things should be given up, ten things make things worse, ten things lead to distinction, ten things are hard to comprehend, ten things should be produced, ten things should be directly known, ten things should be realized.

    กตเม ทส ธมฺมา พหุการา? ทส นาถกรณา ธมฺมา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ …เป… สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    What ten things are helpful? Ten qualities that serve as protector. First, a bhikkhu is ethical, restrained in the monastic code, conducting themselves well and seeking alms in suitable places. Seeing danger in the slightest fault, they keep the rules they’ve undertaken. This is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต …เป… ทิฏฺฐิยา สุปฺปฏิวิทฺธาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต …เป… อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is learned. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโกฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป… กลฺยาณสมฺปวงฺโกฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu has good friends, companions, and associates. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวโจ โหติ โสวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป… อนุสาสนึฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is easy to admonish, having qualities that make them easy to admonish. They’re patient, and take instruction respectfully. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิงฺกรณียานิ ตตฺถ ทกฺโข โหติ อนลโส ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต, อลํ กาตุํ, อลํ สํวิธาตุํฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป… อลํ สํวิธาตุํฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is deft and tireless in a diverse spectrum of duties for their spiritual companions, understanding how to go about things in order to complete and organize the work. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺมกาโม โหติ ปิยสมุทาหาโร อภิธมฺเม อภิวินเย อุฬารปาโมชฺโชฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป… อุฬารปาโมชฺโชฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu loves the teachings and is a delight to converse with, being full of joy in the teaching and training. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโฐ โหติ อิตรีตเรหิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป… อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is content with any kind of robes, almsfood, lodgings, and medicines and supplies for the sick. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ …เป… กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป… อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is energetic. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สติมา โหติ, ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป… อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is mindful. They have utmost mindfulness and alertness, and can remember and recall what was said and done long ago. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต, อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป… อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ อิเม ทส ธมฺมา พหุการาฯ

    Furthermore, a bhikkhu is wise. They have the wisdom of arising and passing away which is noble, penetrative, and leads to the complete ending of suffering. This too is a quality that serves as protector.

    กตเม ทส ธมฺมา ภาเวตพฺพา? ทส กสิณายตนานิ—ปถวีกสิณเมโก สญฺชานาติ อุทฺธํ อโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณํฯ อาโปกสิณเมโก สญฺชานาติ …เป… เตโชกสิณเมโก สญฺชานาติ … วาโยกสิณเมโก สญฺชานาติ … นีลกสิณเมโก สญฺชานาติ … ปีตกสิณเมโก สญฺชานาติ … โลหิตกสิณเมโก สญฺชานาติ … โอทาตกสิณเมโก สญฺชานาติ … อากาสกสิณเมโก สญฺชานาติ … วิญฺญาณกสิณเมโก สญฺชานาติ อุทฺธํ อโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณํฯ อิเม ทส ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    What ten things should be developed? Ten universal dimensions of meditation. Someone perceives the meditation on universal earth above, below, across, undivided and limitless. They perceive the meditation on universal water … the meditation on universal fire … the meditation on universal air … the meditation on universal blue … the meditation on universal yellow … the meditation on universal red … the meditation on universal white … the meditation on universal space … They perceive the meditation on universal consciousness above, below, across, undivided and limitless.

    กตเม ทส ธมฺมา ปริญฺเญยฺยา? ทสายตนานิ—จกฺขายตนํ, รูปายตนํ, โสตายตนํ, สทฺทายตนํ, ฆานายตนํ, คนฺธายตนํ, ชิวฺหายตนํ, รสายตนํ, กายายตนํ, โผฏฺฐพฺพายตนํฯ อิเม ทส ธมฺมา ปริญฺเญยฺยาฯ

    What ten things should be completely understood? Ten sense fields: eye and sights, ear and sounds, nose and smells, tongue and tastes, body and touches.

    กตเม ทส ธมฺมา ปหาตพฺพา? ทส มิจฺฉตฺตา—มิจฺฉาทิฏฺฐิ, มิจฺฉาสงฺกปฺโป, มิจฺฉาวาจา, มิจฺฉากมฺมนฺโต, มิจฺฉาอาชีโว, มิจฺฉาวายาโม, มิจฺฉาสติ, มิจฺฉาสมาธิ, มิจฺฉาญาณํ, มิจฺฉาวิมุตฺติฯ อิเม ทส ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    What ten things should be given up? Ten wrong ways: wrong view, wrong thought, wrong speech, wrong action, wrong livelihood, wrong effort, wrong mindfulness, wrong immersion, wrong knowledge, and wrong freedom.

    กตเม ทส ธมฺมา หานภาคิยา? ทส อกุสลกมฺมปถา—ปาณาติปาโต, อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจาโร, มุสาวาโท, ปิสุณา วาจา, ผรุสา วาจา, สมฺผปฺปลาโป, อภิชฺฌา, พฺยาปาโท, มิจฺฉาทิฏฺฐิฯ อิเม ทส ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    What ten things make things worse? Ten ways of doing unskillful deeds: killing living creatures, stealing, and sexual misconduct; speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; covetousness, ill will, and wrong view.

    กตเม ทส ธมฺมา วิเสสภาคิยา? ทส กุสลกมฺมปถา—ปาณาติปาตา เวรมณี, อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี, มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี, อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท, สมฺมาทิฏฺฐิฯ อิเม ทส ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    What ten things lead to distinction? Ten ways of doing skillful deeds: refraining from killing living creatures, stealing, and sexual misconduct; avoiding speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; contentment, good will, and right view.

    กตเม ทส ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌา? ทส อริยวาสา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ, ฉฬงฺคสมนฺนาคโต, เอการกฺโข, จตุราปเสฺสโน, ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ, สมวยสฏฺเฐสโน, อนาวิลสงฺกปฺโป, ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร, สุวิมุตฺตจิตฺโต, สุวิมุตฺตปญฺโญฯ

    What ten things are hard to comprehend? Ten abodes of the noble ones. A bhikkhu has given up five factors, possesses six factors, has a single guard, has four supports, has eliminated idiosyncratic interpretations of the truth, has totally given up searching, has unsullied intentions, has stilled the physical process, and is well freed in mind and well freed by wisdom.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กามจฺฉนฺโท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติฯ

    And how has a bhikkhu given up five factors? It’s when a bhikkhu has given up sensual desire, ill will, dullness and drowsiness, restlessness and remorse, and doubt. That’s how a bhikkhu has given up five factors.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา …

    And how does a bhikkhu possess six factors? A bhikkhu, seeing a sight with their eyes, is neither happy nor sad. They remain equanimous, mindful and aware. Hearing a sound with their ears … Smelling an odor with their nose … Tasting a flavor with their tongue …

    กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา … มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติฯ

    Feeling a touch with their body … Knowing a thought with their mind, they’re neither happy nor sad. They remain equanimous, mindful and aware. That’s how a bhikkhu possesses six factors.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ เอการกฺโข โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตารกฺเขน เจตสา สมนฺนาคโต โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ เอการกฺโข โหติฯ

    And how does a bhikkhu have a single guard? It’s when a bhikkhu’s heart is guarded by mindfulness. That’s how a bhikkhu has a single guard.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ จตุราปเสฺสโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ จตุราปเสฺสโน โหติฯ

    And how does a bhikkhu have four supports? After appraisal, a bhikkhu uses some things, endures some things, avoids some things, and gets rid of some things. That’s how a bhikkhu has four supports.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ปุถุปจฺเจกสจฺจานิ, สพฺพานิ ตานิ นุนฺนานิ โหนฺติ ปณุนฺนานิ จตฺตานิ วนฺตานิ มุตฺตานิ ปหีนานิ ปฏินิสฺสฏฺฐานิฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ โหติฯ

    And how has a bhikkhu eliminated idiosyncratic interpretations of the truth? Different ascetics and brahmins have different idiosyncratic interpretations of the truth. A bhikkhu has dispelled, eliminated, thrown out, rejected, let go of, given up, and relinquished all these. That’s how a bhikkhu has eliminated idiosyncratic interpretations of the truth.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเฐสโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กาเมสนา ปหีนา โหติ, ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฏิปฺปสฺสทฺธาฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเฐสโน โหติฯ

    And how has a bhikkhu totally given up searching? It’s when they’ve given up searching for sensual pleasures, for continued existence, and for a spiritual path. That’s how a bhikkhu has totally given up searching.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺปา โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กามสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, พฺยาปาทสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, วิหึสาสงฺกปฺโป ปหีโน โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺโป โหติฯ

    And how does a bhikkhu have unsullied intentions? It’s when they’ve given up sensual, malicious, and cruel intentions. That’s how a bhikkhu has unsullied intentions.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติฯ

    And how has a bhikkhu stilled the physical process? Giving up pleasure and pain, and ending former happiness and sadness, they enter and remain in the fourth jhāna, without pleasure or pain, with pure equanimity and mindfulness. That’s how a bhikkhu has stilled the physical process.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน ราคา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โทสา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โมหา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติฯ

    And how is a bhikkhu well freed in mind? It’s when a bhikkhu’s mind is freed from greed, hate, and delusion. That’s how a bhikkhu is well freed in mind.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปญฺโญ โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ‘ราโค เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม'ติ ปชานาติฯ ‘โทโส เม ปหีโน …เป… อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม'ติ ปชานาติฯ ‘โมโห เม ปหีโน …เป… อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม'ติ ปชานาติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปญฺโญ โหติฯ อิเม ทส ธมฺมา ทุปฺปฏิวิชฺฌาฯ

    And how is a bhikkhu well freed by wisdom? It’s when a bhikkhu understands: ‘I’ve given up greed, hate, and delusion, cut them off at the root, made them like a palm stump, obliterated them, so they’re unable to arise in the future.’ That’s how a bhikkhu’s mind is well freed by wisdom.

    กตเม ทส ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? ทส สญฺญา—อสุภสญฺญา, มรณสญฺญา, อาหาเร ปฏิกูลสญฺญา, สพฺพโลเก อนภิรติสญฺญา, อนิจฺจสญฺญา, อนิจฺเจ ทุกฺขสญฺญา, ทุกฺเข อนตฺตสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญา, นิโรธสญฺญาฯ อิเม ทส ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    What ten things should be produced? Ten perceptions: the perceptions of ugliness, death, repulsiveness in food, dissatisfaction with the whole world, impermanence, suffering in impermanence, not-self in suffering, giving up, fading away, and cessation.

    กตเม ทส ธมฺมา อภิญฺเญยฺยา? ทส นิชฺชรวตฺถูนิ—สมฺมาทิฏฺฐิสฺส มิจฺฉาทิฏฺฐิ นิชฺชิณฺณา โหติฯ เย จ มิจฺฉาทิฏฺฐิปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ, เต จสฺส นิชฺชิณฺณา โหนฺติฯ สมฺมาสงฺกปฺปสฺส มิจฺฉาสงฺกปฺโป …เป… สมฺมาวาจสฺส มิจฺฉาวาจา … สมฺมากมฺมนฺตสฺส มิจฺฉากมฺมนฺโต … สมฺมาอาชีวสฺส มิจฺฉาอาชีโว … สมฺมาวายามสฺส มิจฺฉาวายาโม … สมฺมาสติสฺส มิจฺฉาสติ … สมฺมาสมาธิสฺส มิจฺฉาสมาธิ … สมฺมาญาณสฺส มิจฺฉาญาณํ นิชฺชิณฺณํ โหติฯ สมฺมาวิมุตฺติสฺส มิจฺฉาวิมุตฺติ นิชฺชิณฺณา โหติฯ เย จ มิจฺฉาวิมุตฺติปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ, เต จสฺส นิชฺชิณฺณา โหนฺติฯ อิเม ทส ธมฺมา อภิญฺเญยฺยาฯ

    What ten things should be directly known? Ten grounds for wearing away. For one of right view, wrong view is worn away. And the many bad, unskillful qualities that arise because of wrong view are worn away. For one of right intention, wrong intention is worn away. … For one of right speech, wrong speech is worn away. … For one of right action, wrong action is worn away. … For one of right livelihood, wrong livelihood is worn away. … For one of right effort, wrong effort is worn away. … For one of right mindfulness, wrong mindfulness is worn away. … For one of right immersion, wrong immersion is worn away. … For one of right knowledge, wrong knowledge is worn away. … For one of right freedom, wrong freedom is worn away. And the many bad, unskillful qualities that arise because of wrong freedom are worn away.

    กตเม ทส ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ทส อเสกฺขา ธมฺมา—อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺฐิ, อเสกฺโข สมฺมาสงฺกปฺโป, อเสกฺขา สมฺมาวาจา, อเสกฺโข สมฺมากมฺมนฺโต, อเสกฺโข สมฺมาอาชีโว, อเสกฺโข สมฺมาวายาโม, อเสกฺขา สมฺมาสติ, อเสกฺโข สมฺมาสมาธิ, อเสกฺขํ สมฺมาญาณํ, อเสกฺขา สมฺมาวิมุตฺติฯ อิเม ทส ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    What ten things should be realized? Ten qualities of an adept: an adept’s right view, right thought, right speech, right action, right livelihood, right effort, right mindfulness, right immersion, right knowledge, and right freedom.

    อิติ อิเม สตธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา”ติฯ อิทมโวจายสฺมา สาริปุตฺโตฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    So these hundred things that are true, real, and accurate, not unreal, not otherwise were rightly awakened to by the Realized One.” This is what Venerable Sāriputta said. Satisfied, the bhikkhus approved what Sāriputta said.

    ทสุตฺตรสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ เอกาทสมํฯ

    ปาถิกวคฺโค นิฏฺฐิโตฯ

    ตสฺสุทฺทานํ

    ปาถิโก จ อุทุมฺพรํ, จกฺกวตฺติ อคฺคญฺญกํ; สมฺปสาทนปาสาทํ, มหาปุริสลกฺขณํฯ

    สิงฺคาลาฏานาฏิยกํ, สงฺคีติ จ ทสุตฺตรํ; เอกาทสหิ สุตฺเตหิ, ปาถิกวคฺโคติ วุจฺจติฯ

    ปาถิกวคฺคปาฬิ นิฏฺฐิตาฯ

    ตีหิ วคฺเคหิ ปฏิมณฺฑิโต สกโล

    ทีฆนิกาโย สมตฺโตฯ

    The Long Discourses are completed.



    The authoritative text of the Dīgha Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact