Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya

    ๑๑. ทสุตฺตรสุตฺตํ

    11. Dasuttarasuttaṃ

    ๓๕๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิฯ ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ! ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –

    350. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā campāyaṃ viharati gaggarāya pokkharaṇiyā tīre mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi. Tatra kho āyasmā sāriputto bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso bhikkhave’’ti! ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –

    ‘‘ทสุตฺตรํ ปวกฺขามิ, ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา;

    ‘‘Dasuttaraṃ pavakkhāmi, dhammaṃ nibbānapattiyā;

    ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สพฺพคนฺถปฺปโมจนํ’’ฯ

    Dukkhassantakiriyāya, sabbaganthappamocanaṃ’’.

    เอโก ธโมฺม

    Eko dhammo

    ๓๕๑. ‘‘เอโก, อาวุโส, ธโมฺม พหุกาโร, เอโก ธโมฺม ภาเวตโพฺพ, เอโก ธโมฺม ปริเญฺญโยฺย, เอโก ธโมฺม ปหาตโพฺพ, เอโก ธโมฺม หานภาคิโย, เอโก ธโมฺม วิเสสภาคิโย, เอโก ธโมฺม ทุปฺปฎิวิโชฺฌ, เอโก ธโมฺม อุปฺปาเทตโพฺพ, เอโก ธโมฺม อภิเญฺญโยฺย, เอโก ธโมฺม สจฺฉิกาตโพฺพฯ

    351. ‘‘Eko, āvuso, dhammo bahukāro, eko dhammo bhāvetabbo, eko dhammo pariññeyyo, eko dhammo pahātabbo, eko dhammo hānabhāgiyo, eko dhammo visesabhāgiyo, eko dhammo duppaṭivijjho, eko dhammo uppādetabbo, eko dhammo abhiññeyyo, eko dhammo sacchikātabbo.

    (ก) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม พหุกาโร? อปฺปมาโท กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ อยํ เอโก ธโมฺม พหุกาโรฯ

    (Ka) ‘‘katamo eko dhammo bahukāro? Appamādo kusalesu dhammesu. Ayaṃ eko dhammo bahukāro.

    (ข) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม ภาเวตโพฺพ? กายคตาสติ สาตสหคตาฯ อยํ เอโก ธโมฺม ภาเวตโพฺพฯ

    (Kha) ‘‘katamo eko dhammo bhāvetabbo? Kāyagatāsati sātasahagatā. Ayaṃ eko dhammo bhāvetabbo.

    (ค) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม ปริเญฺญโยฺย? ผโสฺส สาสโว อุปาทานิโยฯ อยํ เอโก ธโมฺม ปริเญฺญโยฺยฯ

    (Ga) ‘‘katamo eko dhammo pariññeyyo? Phasso sāsavo upādāniyo. Ayaṃ eko dhammo pariññeyyo.

    (ฆ) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม ปหาตโพฺพ? อสฺมิมาโนฯ อยํ เอโก ธโมฺม ปหาตโพฺพฯ

    (Gha) ‘‘katamo eko dhammo pahātabbo? Asmimāno. Ayaṃ eko dhammo pahātabbo.

    (ง) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม หานภาคิโย? อโยนิโส มนสิกาโรฯ อยํ เอโก ธโมฺม หานภาคิโยฯ

    (Ṅa) ‘‘katamo eko dhammo hānabhāgiyo? Ayoniso manasikāro. Ayaṃ eko dhammo hānabhāgiyo.

    (จ) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม วิเสสภาคิโย? โยนิโส มนสิกาโรฯ อยํ เอโก ธโมฺม วิเสสภาคิโยฯ

    (Ca) ‘‘katamo eko dhammo visesabhāgiyo? Yoniso manasikāro. Ayaṃ eko dhammo visesabhāgiyo.

    (ฉ) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม ทุปฺปฎิวิโชฺฌ? อานนฺตริโก เจโตสมาธิฯ อยํ เอโก ธโมฺม ทุปฺปฎิวิโชฺฌฯ

    (Cha) ‘‘katamo eko dhammo duppaṭivijjho? Ānantariko cetosamādhi. Ayaṃ eko dhammo duppaṭivijjho.

    (ช) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม อุปฺปาเทตโพฺพ? อกุปฺปํ ญาณํฯ อยํ เอโก ธโมฺม อุปฺปาเทตโพฺพฯ

    (Ja) ‘‘katamo eko dhammo uppādetabbo? Akuppaṃ ñāṇaṃ. Ayaṃ eko dhammo uppādetabbo.

    (ฌ) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม อภิเญฺญโยฺย? สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกาฯ อยํ เอโก ธโมฺม อภิเญฺญโยฺยฯ

    (Jha) ‘‘katamo eko dhammo abhiññeyyo? Sabbe sattā āhāraṭṭhitikā. Ayaṃ eko dhammo abhiññeyyo.

    (ญ) ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม สจฺฉิกาตโพฺพ? อกุปฺปา เจโตวิมุตฺติฯ อยํ เอโก ธโมฺม สจฺฉิกาตโพฺพฯ

    (Ña) ‘‘katamo eko dhammo sacchikātabbo? Akuppā cetovimutti. Ayaṃ eko dhammo sacchikātabbo.

    ‘‘อิติ อิเม ทส ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Iti ime dasa dhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    เทฺว ธมฺมา

    Dve dhammā

    ๓๕๒. ‘‘เทฺว ธมฺมา พหุการา, เทฺว ธมฺมา ภาเวตพฺพา, เทฺว ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา, เทฺว ธมฺมา ปหาตพฺพา , เทฺว ธมฺมา หานภาคิยา, เทฺว ธมฺมา วิเสสภาคิยา, เทฺว ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา, เทฺว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา, เทฺว ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา, เทฺว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    352. ‘‘Dve dhammā bahukārā, dve dhammā bhāvetabbā, dve dhammā pariññeyyā, dve dhammā pahātabbā , dve dhammā hānabhāgiyā, dve dhammā visesabhāgiyā, dve dhammā duppaṭivijjhā, dve dhammā uppādetabbā, dve dhammā abhiññeyyā, dve dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา พหุการา? สติ จ สมฺปชญฺญญฺจฯ อิเม เทฺว ธมฺมา พหุการาฯ

    (Ka) ‘‘katame dve dhammā bahukārā? Sati ca sampajaññañca. Ime dve dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา ภาเวตพฺพา? สมโถ จ วิปสฺสนา จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame dve dhammā bhāvetabbā? Samatho ca vipassanā ca. Ime dve dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? นามญฺจ รูปญฺจฯ อิเม เทฺว ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    (Ga) ‘‘katame dve dhammā pariññeyyā? Nāmañca rūpañca. Ime dve dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา ปหาตพฺพา? อวิชฺชา จ ภวตณฺหา จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame dve dhammā pahātabbā? Avijjā ca bhavataṇhā ca. Ime dve dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา หานภาคิยา? โทวจสฺสตา จ ปาปมิตฺตตา จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    (Ṅa) ‘‘katame dve dhammā hānabhāgiyā? Dovacassatā ca pāpamittatā ca. Ime dve dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา วิเสสภาคิยา? โสวจสฺสตา จ กลฺยาณมิตฺตตา จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    (Ca) ‘‘katame dve dhammā visesabhāgiyā? Sovacassatā ca kalyāṇamittatā ca. Ime dve dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? โย จ เหตุ โย จ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย, โย จ เหตุ โย จ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยาฯ อิเม เทฺว ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    (Cha) ‘‘katame dve dhammā duppaṭivijjhā? Yo ca hetu yo ca paccayo sattānaṃ saṃkilesāya, yo ca hetu yo ca paccayo sattānaṃ visuddhiyā. Ime dve dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? เทฺว ญาณานิ – ขเย ญาณํ, อนุปฺปาเท ญาณํฯ อิเม เทฺว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame dve dhammā uppādetabbā? Dve ñāṇāni – khaye ñāṇaṃ, anuppāde ñāṇaṃ. Ime dve dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? เทฺว ธาตุโย – สงฺขตา จ ธาตุ อสงฺขตา จ ธาตุฯ อิเม เทฺว ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    (Jha) ‘‘katame dve dhammā abhiññeyyā? Dve dhātuyo – saṅkhatā ca dhātu asaṅkhatā ca dhātu. Ime dve dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม เทฺว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? วิชฺชา จ วิมุตฺติ จฯ อิเม เทฺว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    (Ña) ‘‘katame dve dhammā sacchikātabbā? Vijjā ca vimutti ca. Ime dve dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติ อิเม วีสติ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Iti ime vīsati dhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    ตโย ธมฺมา

    Tayo dhammā

    ๓๕๓. ‘‘ตโย ธมฺมา พหุการา, ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา…เป.… ตโย ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    353. ‘‘Tayo dhammā bahukārā, tayo dhammā bhāvetabbā…pe… tayo dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา พหุการา? สปฺปุริสสํเสโว, สทฺธมฺมสฺสวนํ, ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺติฯ อิเม ตโย ธมฺมา พหุการาฯ

    (Ka) ‘‘katame tayo dhammā bahukārā? Sappurisasaṃsevo, saddhammassavanaṃ, dhammānudhammappaṭipatti. Ime tayo dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา? ตโย สมาธี – สวิตโกฺก สวิจาโร สมาธิ, อวิตโกฺก วิจารมโตฺต สมาธิ, อวิตโกฺก อวิจาโร สมาธิฯ อิเม ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame tayo dhammā bhāvetabbā? Tayo samādhī – savitakko savicāro samādhi, avitakko vicāramatto samādhi, avitakko avicāro samādhi. Ime tayo dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? ติโสฺส เวทนา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนาฯ อิเม ตโย ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    (Ga) ‘‘katame tayo dhammā pariññeyyā? Tisso vedanā – sukhā vedanā, dukkhā vedanā, adukkhamasukhā vedanā. Ime tayo dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา ปหาตพฺพา? ติโสฺส ตณฺหา – กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหาฯ อิเม ตโย ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame tayo dhammā pahātabbā? Tisso taṇhā – kāmataṇhā, bhavataṇhā, vibhavataṇhā. Ime tayo dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา หานภาคิยา? ตีณิ อกุสลมูลานิ – โลโภ อกุสลมูลํ, โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํฯ อิเม ตโย ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    (Ṅa) ‘‘katame tayo dhammā hānabhāgiyā? Tīṇi akusalamūlāni – lobho akusalamūlaṃ, doso akusalamūlaṃ, moho akusalamūlaṃ. Ime tayo dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา วิเสสภาคิยา? ตีณิ กุสลมูลานิ – อโลโภ กุสลมูลํ, อโทโส กุสลมูลํ, อโมโห กุสลมูลํฯ อิเม ตโย ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    (Ca) ‘‘katame tayo dhammā visesabhāgiyā? Tīṇi kusalamūlāni – alobho kusalamūlaṃ, adoso kusalamūlaṃ, amoho kusalamūlaṃ. Ime tayo dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? ติโสฺส นิสฺสรณิยา ธาตุโย – กามานเมตํ นิสฺสรณํ ยทิทํ เนกฺขมฺมํ, รูปานเมตํ นิสฺสรณํ ยทิทํ อรูปํ, ยํ โข ปน กิญฺจิ ภูตํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ, นิโรโธ ตสฺส นิสฺสรณํฯ อิเม ตโย ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    (Cha) ‘‘katame tayo dhammā duppaṭivijjhā? Tisso nissaraṇiyā dhātuyo – kāmānametaṃ nissaraṇaṃ yadidaṃ nekkhammaṃ, rūpānametaṃ nissaraṇaṃ yadidaṃ arūpaṃ, yaṃ kho pana kiñci bhūtaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ, nirodho tassa nissaraṇaṃ. Ime tayo dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? ตีณิ ญาณานิ – อตีตํเส ญาณํ, อนาคตํเส ญาณํ, ปจฺจุปฺปนฺนํเส ญาณํฯ อิเม ตโย ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame tayo dhammā uppādetabbā? Tīṇi ñāṇāni – atītaṃse ñāṇaṃ, anāgataṃse ñāṇaṃ, paccuppannaṃse ñāṇaṃ. Ime tayo dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? ติโสฺส ธาตุโย – กามธาตุ, รูปธาตุ, อรูปธาตุฯ อิเม ตโย ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    (Jha) ‘‘katame tayo dhammā abhiññeyyā? Tisso dhātuyo – kāmadhātu, rūpadhātu, arūpadhātu. Ime tayo dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม ตโย ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ติโสฺส วิชฺชา – ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ วิชฺชา, สตฺตานํ จุตูปปาเต ญาณํ วิชฺชา, อาสวานํ ขเย ญาณํ วิชฺชาฯ อิเม ตโย ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    (Ña) ‘‘katame tayo dhammā sacchikātabbā? Tisso vijjā – pubbenivāsānussatiñāṇaṃ vijjā, sattānaṃ cutūpapāte ñāṇaṃ vijjā, āsavānaṃ khaye ñāṇaṃ vijjā. Ime tayo dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติ อิเม ติํส ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Iti ime tiṃsa dhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    จตฺตาโร ธมฺมา

    Cattāro dhammā

    ๓๕๔. ‘‘จตฺตาโร ธมฺมา พหุการา, จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา…เป.… จตฺตาโร ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    354. ‘‘Cattāro dhammā bahukārā, cattāro dhammā bhāvetabbā…pe… cattāro dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา พหุการา? จตฺตาริ จกฺกานิ – ปติรูปเทสวาโส, สปฺปุริสูปนิสฺสโย 1, อตฺตสมฺมาปณิธิ, ปุเพฺพ จ กตปุญฺญตาฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา พหุการาฯ

    (Ka) ‘‘katame cattāro dhammā bahukārā? Cattāri cakkāni – patirūpadesavāso, sappurisūpanissayo 2, attasammāpaṇidhi, pubbe ca katapuññatā. Ime cattāro dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา? จตฺตาโร สติปฎฺฐานา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ…เป.… จิเตฺต… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame cattāro dhammā bhāvetabbā? Cattāro satipaṭṭhānā – idhāvuso, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Vedanāsu…pe… citte… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Ime cattāro dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? จตฺตาโร อาหารา – กพฬีกาโร 3 อาหาโร โอฬาริโก วา สุขุโม วา, ผโสฺส ทุติโย, มโนสเญฺจตนา ตติยา, วิญฺญาณํ จตุตฺถํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    (Ga) ‘‘katame cattāro dhammā pariññeyyā? Cattāro āhārā – kabaḷīkāro 4 āhāro oḷāriko vā sukhumo vā, phasso dutiyo, manosañcetanā tatiyā, viññāṇaṃ catutthaṃ. Ime cattāro dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา ปหาตพฺพา? จตฺตาโร โอฆา – กาโมโฆ, ภโวโฆ, ทิโฎฺฐโฆ, อวิโชฺชโฆฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame cattāro dhammā pahātabbā? Cattāro oghā – kāmogho, bhavogho, diṭṭhogho, avijjogho. Ime cattāro dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา หานภาคิยา? จตฺตาโร โยคา – กามโยโค, ภวโยโค, ทิฎฺฐิโยโค, อวิชฺชาโยโคฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    (Ṅa) ‘‘katame cattāro dhammā hānabhāgiyā? Cattāro yogā – kāmayogo, bhavayogo, diṭṭhiyogo, avijjāyogo. Ime cattāro dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา วิเสสภาคิยา? จตฺตาโร วิสโญฺญคา – กามโยควิสํโยโค, ภวโยควิสํโยโค, ทิฎฺฐิโยควิสํโยโค, อวิชฺชาโยควิสํโยโคฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    (Ca) ‘‘katame cattāro dhammā visesabhāgiyā? Cattāro visaññogā – kāmayogavisaṃyogo, bhavayogavisaṃyogo, diṭṭhiyogavisaṃyogo, avijjāyogavisaṃyogo. Ime cattāro dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? จตฺตาโร สมาธี – หานภาคิโย สมาธิ, ฐิติภาคิโย สมาธิ, วิเสสภาคิโย สมาธิ, นิเพฺพธภาคิโย สมาธิฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    (Cha) ‘‘katame cattāro dhammā duppaṭivijjhā? Cattāro samādhī – hānabhāgiyo samādhi, ṭhitibhāgiyo samādhi, visesabhāgiyo samādhi, nibbedhabhāgiyo samādhi. Ime cattāro dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? จตฺตาริ ญาณานิ – ธเมฺม ญาณํ, อนฺวเย ญาณํ, ปริเย ญาณํ, สมฺมุติยา ญาณํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame cattāro dhammā uppādetabbā? Cattāri ñāṇāni – dhamme ñāṇaṃ, anvaye ñāṇaṃ, pariye ñāṇaṃ, sammutiyā ñāṇaṃ. Ime cattāro dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? จตฺตาริ อริยสจฺจานิ – ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขสมุทยํ 5 อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธํ 6 อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    (Jha) ‘‘katame cattāro dhammā abhiññeyyā? Cattāri ariyasaccāni – dukkhaṃ ariyasaccaṃ, dukkhasamudayaṃ 7 ariyasaccaṃ, dukkhanirodhaṃ 8 ariyasaccaṃ, dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ. Ime cattāro dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม จตฺตาโร ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? จตฺตาริ สามญฺญผลานิ – โสตาปตฺติผลํ, สกทาคามิผลํ, อนาคามิผลํ, อรหตฺตผลํ ฯ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    (Ña) ‘‘katame cattāro dhammā sacchikātabbā? Cattāri sāmaññaphalāni – sotāpattiphalaṃ, sakadāgāmiphalaṃ, anāgāmiphalaṃ, arahattaphalaṃ . Ime cattāro dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติ อิเม จตฺตารีสธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Iti ime cattārīsadhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    ปญฺจ ธมฺมา

    Pañca dhammā

    ๓๕๕. ‘‘ปญฺจ ธมฺมา พหุการา…เป.… ปญฺจ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    355. ‘‘Pañca dhammā bahukārā…pe… pañca dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา พหุการา? ปญฺจ ปธานิยงฺคานิ – อิธาวุโส, ภิกฺขุ สโทฺธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธิํ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตโงฺก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมายฯ อสโฐ โหติ อมายาวี ยถาภูตมตฺตานํ อาวีกตฺตา สตฺถริ วา วิญฺญูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุฯ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิเพฺพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา พหุการาฯ

    (Ka) ‘‘katame pañca dhammā bahukārā? Pañca padhāniyaṅgāni – idhāvuso, bhikkhu saddho hoti, saddahati tathāgatassa bodhiṃ – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Appābādho hoti appātaṅko samavepākiniyā gahaṇiyā samannāgato nātisītāya nāccuṇhāya majjhimāya padhānakkhamāya. Asaṭho hoti amāyāvī yathābhūtamattānaṃ āvīkattā satthari vā viññūsu vā sabrahmacārīsu. Āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya, thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu. Paññavā hoti udayatthagāminiyā paññāya samannāgato ariyāya nibbedhikāya sammā dukkhakkhayagāminiyā. Ime pañca dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา? ปญฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ – ปีติผรณตา, สุขผรณตา, เจโตผรณตา , อาโลกผรณตา, ปจฺจเวกฺขณนิมิตฺตํ 9ฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame pañca dhammā bhāvetabbā? Pañcaṅgiko sammāsamādhi – pītipharaṇatā, sukhapharaṇatā, cetopharaṇatā , ālokapharaṇatā, paccavekkhaṇanimittaṃ 10. Ime pañca dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา 11 – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    (Ga) ‘‘katame pañca dhammā pariññeyyā? Pañcupādānakkhandhā 12 – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho viññāṇupādānakkhandho. Ime pañca dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา ปหาตพฺพา? ปญฺจ นีวรณานิ – กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถินมิทฺธนีวรณํ, อุทฺธจฺจกุกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame pañca dhammā pahātabbā? Pañca nīvaraṇāni – kāmacchandanīvaraṇaṃ, byāpādanīvaraṇaṃ, thinamiddhanīvaraṇaṃ, uddhaccakukuccanīvaraṇaṃ, vicikicchānīvaraṇaṃ. Ime pañca dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา หานภาคิยา? ปญฺจ เจโตขิลา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย ฯ อยํ ปฐโม เจโตขิโลฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ธเมฺม กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ…เป.… สเงฺฆ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ…เป.… สิกฺขาย กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ…เป.… สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิโตฺต ขิลชาโต, โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิโตฺต ขิลชาโต, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ อยํ ปญฺจโม เจโตขิโลฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    (Ṅa) ‘‘katame pañca dhammā hānabhāgiyā? Pañca cetokhilā – idhāvuso, bhikkhu satthari kaṅkhati vicikicchati nādhimuccati na sampasīdati. Yo so, āvuso, bhikkhu satthari kaṅkhati vicikicchati nādhimuccati na sampasīdati, tassa cittaṃ na namati ātappāya anuyogāya sātaccāya padhānāya. Yassa cittaṃ na namati ātappāya anuyogāya sātaccāya padhānāya . Ayaṃ paṭhamo cetokhilo. Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu dhamme kaṅkhati vicikicchati…pe… saṅghe kaṅkhati vicikicchati…pe… sikkhāya kaṅkhati vicikicchati…pe… sabrahmacārīsu kupito hoti anattamano āhatacitto khilajāto, yo so, āvuso, bhikkhu sabrahmacārīsu kupito hoti anattamano āhatacitto khilajāto, tassa cittaṃ na namati ātappāya anuyogāya sātaccāya padhānāya. Yassa cittaṃ na namati ātappāya anuyogāya sātaccāya padhānāya. Ayaṃ pañcamo cetokhilo. Ime pañca dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา วิเสสภาคิยา? ปญฺจินฺทฺริยานิ – สทฺธินฺทฺริยํ, วีริยินฺทฺริยํ, สตินฺทฺริยํ, สมาธินฺทฺริยํ, ปญฺญินฺทฺริยํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    (Ca) ‘‘katame pañca dhammā visesabhāgiyā? Pañcindriyāni – saddhindriyaṃ, vīriyindriyaṃ, satindriyaṃ, samādhindriyaṃ, paññindriyaṃ. Ime pañca dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? ปญฺจ นิสฺสรณิยา ธาตุโย – อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กาเม มนสิกโรโต กาเมสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจติฯ เนกฺขมฺมํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต เนกฺขเมฺม จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฎฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ กาเมหิฯ เย จ กามปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุโตฺต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ กามานํ นิสฺสรณํฯ

    (Cha) ‘‘katame pañca dhammā duppaṭivijjhā? Pañca nissaraṇiyā dhātuyo – idhāvuso, bhikkhuno kāme manasikaroto kāmesu cittaṃ na pakkhandati na pasīdati na santiṭṭhati na vimuccati. Nekkhammaṃ kho panassa manasikaroto nekkhamme cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati. Tassa taṃ cittaṃ sugataṃ subhāvitaṃ suvuṭṭhitaṃ suvimuttaṃ visaṃyuttaṃ kāmehi. Ye ca kāmapaccayā uppajjanti āsavā vighātā pariḷāhā, mutto so tehi. Na so taṃ vedanaṃ vedeti. Idamakkhātaṃ kāmānaṃ nissaraṇaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน พฺยาปาทํ มนสิกโรโต พฺยาปาเท จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อพฺยาปาทํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อพฺยาปาเท จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฎฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ พฺยาปาเทนฯ เย จ พฺยาปาทปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุโตฺต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno byāpādaṃ manasikaroto byāpāde cittaṃ na pakkhandati na pasīdati na santiṭṭhati na vimuccati. Abyāpādaṃ kho panassa manasikaroto abyāpāde cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati. Tassa taṃ cittaṃ sugataṃ subhāvitaṃ suvuṭṭhitaṃ suvimuttaṃ visaṃyuttaṃ byāpādena. Ye ca byāpādapaccayā uppajjanti āsavā vighātā pariḷāhā, mutto so tehi. Na so taṃ vedanaṃ vedeti. Idamakkhātaṃ byāpādassa nissaraṇaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน วิเหสํ มนสิกโรโต วิเหสาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อวิเหสํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อวิเหสาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติ ฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฎฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ วิเหสายฯ เย จ วิเหสาปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุโตฺต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ วิเหสาย นิสฺสรณํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno vihesaṃ manasikaroto vihesāya cittaṃ na pakkhandati na pasīdati na santiṭṭhati na vimuccati. Avihesaṃ kho panassa manasikaroto avihesāya cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati . Tassa taṃ cittaṃ sugataṃ subhāvitaṃ suvuṭṭhitaṃ suvimuttaṃ visaṃyuttaṃ vihesāya. Ye ca vihesāpaccayā uppajjanti āsavā vighātā pariḷāhā, mutto so tehi. Na so taṃ vedanaṃ vedeti. Idamakkhātaṃ vihesāya nissaraṇaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน รูเป มนสิกโรโต รูเปสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อรูปํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อรูเป จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฎฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ รูเปหิฯ เย จ รูปปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุโตฺต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ รูปานํ นิสฺสรณํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno rūpe manasikaroto rūpesu cittaṃ na pakkhandati na pasīdati na santiṭṭhati na vimuccati. Arūpaṃ kho panassa manasikaroto arūpe cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati. Tassa taṃ cittaṃ sugataṃ subhāvitaṃ suvuṭṭhitaṃ suvimuttaṃ visaṃyuttaṃ rūpehi. Ye ca rūpapaccayā uppajjanti āsavā vighātā pariḷāhā, mutto so tehi. Na so taṃ vedanaṃ vedeti. Idamakkhātaṃ rūpānaṃ nissaraṇaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน สกฺกายํ มนสิกโรโต สกฺกาเย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจติฯ สกฺกายนิโรธํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต สกฺกายนิโรเธ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฎฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ สกฺกาเยนฯ เย จ สกฺกายปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุโตฺต โส เตหิฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ สกฺกายสฺส นิสฺสรณํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno sakkāyaṃ manasikaroto sakkāye cittaṃ na pakkhandati na pasīdati na santiṭṭhati na vimuccati. Sakkāyanirodhaṃ kho panassa manasikaroto sakkāyanirodhe cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati. Tassa taṃ cittaṃ sugataṃ subhāvitaṃ suvuṭṭhitaṃ suvimuttaṃ visaṃyuttaṃ sakkāyena. Ye ca sakkāyapaccayā uppajjanti āsavā vighātā pariḷāhā, mutto so tehi. Na so taṃ vedanaṃ vedeti. Idamakkhātaṃ sakkāyassa nissaraṇaṃ. Ime pañca dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? ปญฺจ ญาณิโก สมฺมาสมาธิ – ‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติญฺจ สุขวิปาโก’ติ ปจฺจตฺตํเยว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ‘อยํ สมาธิ อริโย นิรามิโส’ติ ปจฺจตฺตเญฺญว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ‘อยํ สมาธิ อกาปุริสเสวิโต’ติ ปจฺจตฺตํเยว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ‘อยํ สมาธิ สโนฺต ปณีโต ปฎิปฺปสฺสทฺธลโทฺธ เอโกทิภาวาธิคโต, น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต’ติ 13 ปจฺจตฺตํเยว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ‘โส โข ปนาหํ อิมํ สมาธิํ สโตว สมาปชฺชามิ สโต วุฎฺฐหามี’ติ ปจฺจตฺตํเยว ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame pañca dhammā uppādetabbā? Pañca ñāṇiko sammāsamādhi – ‘ayaṃ samādhi paccuppannasukho ceva āyatiñca sukhavipāko’ti paccattaṃyeva ñāṇaṃ uppajjati. ‘Ayaṃ samādhi ariyo nirāmiso’ti paccattaññeva ñāṇaṃ uppajjati. ‘Ayaṃ samādhi akāpurisasevito’ti paccattaṃyeva ñāṇaṃ uppajjati. ‘Ayaṃ samādhi santo paṇīto paṭippassaddhaladdho ekodibhāvādhigato, na sasaṅkhāraniggayhavāritagato’ti 14 paccattaṃyeva ñāṇaṃ uppajjati. ‘So kho panāhaṃ imaṃ samādhiṃ satova samāpajjāmi sato vuṭṭhahāmī’ti paccattaṃyeva ñāṇaṃ uppajjati. Ime pañca dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? ปญฺจ วิมุตฺตายตนานิ – อิธาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อญฺญตโร วา ครุฎฺฐานิโย สพฺรหฺมจารีฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฎฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, ตถา ตถา โส 15 ตสฺมิํ ธเมฺม อตฺถปฺปฎิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฎิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฎิสํเวทิโน ธมฺมปฎิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ปฐมํ วิมุตฺตายตนํฯ

    (Jha) ‘‘katame pañca dhammā abhiññeyyā? Pañca vimuttāyatanāni – idhāvuso, bhikkhuno satthā dhammaṃ deseti aññataro vā garuṭṭhāniyo sabrahmacārī. Yathā yathā, āvuso, bhikkhuno satthā dhammaṃ deseti, aññataro vā garuṭṭhāniyo sabrahmacārī, tathā tathā so 16 tasmiṃ dhamme atthappaṭisaṃvedī ca hoti dhammapaṭisaṃvedī ca. Tassa atthappaṭisaṃvedino dhammapaṭisaṃvedino pāmojjaṃ jāyati, pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyati. Idaṃ paṭhamaṃ vimuttāyatanaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฎฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติฯ ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม อตฺถปฺปฎิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฎิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฎิสํเวทิโน ธมฺมปฎิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ทุติยํ วิมุตฺตายตนํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno na heva kho satthā dhammaṃ deseti, aññataro vā garuṭṭhāniyo sabrahmacārī, api ca kho yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena paresaṃ deseti yathā yathā, āvuso, bhikkhu yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena paresaṃ deseti. Tathā tathā so tasmiṃ dhamme atthappaṭisaṃvedī ca hoti dhammapaṭisaṃvedī ca. Tassa atthappaṭisaṃvedino dhammapaṭisaṃvedino pāmojjaṃ jāyati, pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyati. Idaṃ dutiyaṃ vimuttāyatanaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฎฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติฯ อปิ จ โข, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม อตฺถปฺปฎิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฎิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฎิสํเวทิโน ธมฺมปฎิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ตติยํ วิมุตฺตายตนํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno na heva kho satthā dhammaṃ deseti, aññataro vā garuṭṭhāniyo sabrahmacārī, nāpi yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena paresaṃ deseti. Api ca kho, yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena sajjhāyaṃ karoti. Yathā yathā, āvuso, bhikkhu yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena sajjhāyaṃ karoti tathā tathā so tasmiṃ dhamme atthappaṭisaṃvedī ca hoti dhammapaṭisaṃvedī ca. Tassa atthappaṭisaṃvedino dhammapaṭisaṃvedino pāmojjaṃ jāyati, pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyati. Idaṃ tatiyaṃ vimuttāyatanaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฎฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติฯ อปิ จ โข, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติฯ ยถา ยถา , อาวุโส , ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม อตฺถปฺปฎิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฎิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฎิสํเวทิโน ธมฺมปฎิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ จตุตฺถํ วิมุตฺตายตนํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno na heva kho satthā dhammaṃ deseti, aññataro vā garuṭṭhāniyo sabrahmacārī, nāpi yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena paresaṃ deseti, nāpi yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena sajjhāyaṃ karoti. Api ca kho, yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ cetasā anuvitakketi anuvicāreti manasānupekkhati. Yathā yathā , āvuso , bhikkhu yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ cetasā anuvitakketi anuvicāreti manasānupekkhati tathā tathā so tasmiṃ dhamme atthappaṭisaṃvedī ca hoti dhammapaṭisaṃvedī ca. Tassa atthappaṭisaṃvedino dhammapaṭisaṃvedino pāmojjaṃ jāyati, pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyati. Idaṃ catutthaṃ vimuttāyatanaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อญฺญตโร วา ครุฎฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ; อปิ จ ขฺวสฺส อญฺญตรํ สมาธินิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฎิวิทฺธํ ปญฺญายฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุโน อญฺญตรํ สมาธินิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฎิวิทฺธํ ปญฺญาย ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม อตฺถปฺปฎิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฎิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฺปฎิสํเวทิโน ธมฺมปฺปฎิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ปญฺจมํ วิมุตฺตายตนํฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno na heva kho satthā dhammaṃ deseti, aññataro vā garuṭṭhāniyo sabrahmacārī, nāpi yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena paresaṃ deseti, nāpi yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena sajjhāyaṃ karoti, nāpi yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ cetasā anuvitakketi anuvicāreti manasānupekkhati; api ca khvassa aññataraṃ samādhinimittaṃ suggahitaṃ hoti sumanasikataṃ sūpadhāritaṃ suppaṭividdhaṃ paññāya. Yathā yathā, āvuso, bhikkhuno aññataraṃ samādhinimittaṃ suggahitaṃ hoti sumanasikataṃ sūpadhāritaṃ suppaṭividdhaṃ paññāya tathā tathā so tasmiṃ dhamme atthappaṭisaṃvedī ca hoti dhammappaṭisaṃvedī ca. Tassa atthappaṭisaṃvedino dhammappaṭisaṃvedino pāmojjaṃ jāyati, pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyati. Idaṃ pañcamaṃ vimuttāyatanaṃ. Ime pañca dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม ปญฺจ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ปญฺจ ธมฺมกฺขนฺธา – สีลกฺขโนฺธ , สมาธิกฺขโนฺธ, ปญฺญากฺขโนฺธ, วิมุตฺติกฺขโนฺธ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขโนฺธฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    (Ña) ‘‘katame pañca dhammā sacchikātabbā? Pañca dhammakkhandhā – sīlakkhandho , samādhikkhandho, paññākkhandho, vimuttikkhandho, vimuttiñāṇadassanakkhandho. Ime pañca dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติ อิเม ปญฺญาส ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Iti ime paññāsa dhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    ฉ ธมฺมา

    Cha dhammā

    ๓๕๖. ‘‘ฉ ธมฺมา พหุการา…เป.… ฉ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    356. ‘‘Cha dhammā bahukārā…pe… cha dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา พหุการา? ฉ สารณียา ธมฺมาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    (Ka) ‘‘katame cha dhammā bahukārā? Cha sāraṇīyā dhammā. Idhāvuso, bhikkhuno mettaṃ kāyakammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca, ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ วจีกมฺมํ…เป.… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno mettaṃ vacīkammaṃ…pe… ekībhāvāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ มโนกมฺมํ…เป.… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno mettaṃ manokammaṃ…pe… ekībhāvāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ เย เต ลาภา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปิ, ตถารูเปหิ ลาเภหิ อปฺปฎิวิภตฺตโภคี โหติ สีลวเนฺตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคี, อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย…เป.… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu ye te lābhā dhammikā dhammaladdhā antamaso pattapariyāpannamattampi, tathārūpehi lābhehi appaṭivibhattabhogī hoti sīlavantehi sabrahmacārīhi sādhāraṇabhogī, ayampi dhammo sāraṇīyo…pe… ekībhāvāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ, ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฎฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย…เป.… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu, yāni tāni sīlāni akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni bhujissāni viññuppasatthāni aparāmaṭṭhāni samādhisaṃvattanikāni, tathārūpesu sīlesu sīlasāmaññagato viharati sabrahmacārīhi āvi ceva raho ca, ayampi dhammo sāraṇīyo…pe… ekībhāvāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา ทิฎฺฐิ สามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ, สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ อิเม ฉ ธมฺมา พหุการาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya, tathārūpāya diṭṭhiyā diṭṭhi sāmaññagato viharati sabrahmacārīhi āvi ceva raho ca, ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo, saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati. Ime cha dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา ภาเวตพฺพา? ฉ อนุสฺสติฎฺฐานานิ – พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมานุสฺสติ, สงฺฆานุสฺสติ, สีลานุสฺสติ, จาคานุสฺสติ, เทวตานุสฺสติฯ อิเม ฉ ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame cha dhammā bhāvetabbā? Cha anussatiṭṭhānāni – buddhānussati, dhammānussati, saṅghānussati, sīlānussati, cāgānussati, devatānussati. Ime cha dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ – จกฺขายตนํ, โสตายตนํ, ฆานายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, มนายตนํฯ อิเม ฉ ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    (Ga) ‘‘katame cha dhammā pariññeyyā? Cha ajjhattikāni āyatanāni – cakkhāyatanaṃ, sotāyatanaṃ, ghānāyatanaṃ, jivhāyatanaṃ, kāyāyatanaṃ, manāyatanaṃ. Ime cha dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา ปหาตพฺพา? ฉ ตณฺหากายา – รูปตณฺหา, สทฺทตณฺหา, คนฺธตณฺหา, รสตณฺหา, โผฎฺฐพฺพตณฺหา, ธมฺมตณฺหาฯ อิเม ฉ ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame cha dhammā pahātabbā? Cha taṇhākāyā – rūpataṇhā, saddataṇhā, gandhataṇhā, rasataṇhā, phoṭṭhabbataṇhā, dhammataṇhā. Ime cha dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา หานภาคิยา? ฉ อคารวา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺสฯ ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ… สิกฺขาย… อปฺปมาเท… ปฎิสนฺถาเร อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺสฯ อิเม ฉ ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    (Ṅa) ‘‘katame cha dhammā hānabhāgiyā? Cha agāravā – idhāvuso, bhikkhu satthari agāravo viharati appatisso. Dhamme…pe… saṅghe… sikkhāya… appamāde… paṭisanthāre agāravo viharati appatisso. Ime cha dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา วิเสสภาคิยา? ฉ คารวา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺส ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ… สิกฺขาย… อปฺปมาเท… ปฎิสนฺถาเร สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺสฯ อิเม ฉ ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    (Ca) ‘‘katame cha dhammā visesabhāgiyā? Cha gāravā – idhāvuso, bhikkhu satthari sagāravo viharati sappatisso dhamme…pe… saṅghe… sikkhāya… appamāde… paṭisanthāre sagāravo viharati sappatisso. Ime cha dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? ฉ นิสฺสรณิยา ธาตุโย – อิธาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘เมตฺตา หิ โข เม, เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, อถ จ ปน เม พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐตี’ติฯ โส ‘มา เหวํ’ ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิฯ น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฎฺฐานเมตํ อาวุโส อนวกาโส ยํ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฎฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธายฯ อถ จ ปนสฺส พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, พฺยาปาทสฺส, ยทิทํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺตี’ติฯ

    (Cha) ‘‘katame cha dhammā duppaṭivijjhā? Cha nissaraṇiyā dhātuyo – idhāvuso, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘mettā hi kho me, cetovimutti bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, atha ca pana me byāpādo cittaṃ pariyādāya tiṭṭhatī’ti. So ‘mā hevaṃ’ tissa vacanīyo ‘māyasmā evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi. Na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ, na hi bhagavā evaṃ vadeyya. Aṭṭhānametaṃ āvuso anavakāso yaṃ mettāya cetovimuttiyā bhāvitāya bahulīkatāya yānīkatāya vatthukatāya anuṭṭhitāya paricitāya susamāraddhāya. Atha ca panassa byāpādo cittaṃ pariyādāya ṭhassatīti, netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Nissaraṇaṃ hetaṃ, āvuso, byāpādassa, yadidaṃ mettācetovimuttī’ti.

    ‘‘อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘กรุณา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาฯ อถ จ ปน เม วิเหสา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐตี’ติฯ โส – ‘มา เหวํ’ ติสฺส วจนีโย, ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ…เป.… นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, วิเหสาย, ยทิทํ กรุณาเจโตวิมุตฺตี’ติฯ

    ‘‘Idha panāvuso, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘karuṇā hi kho me cetovimutti bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā. Atha ca pana me vihesā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhatī’ti. So – ‘mā hevaṃ’ tissa vacanīyo, ‘māyasmā evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi…pe… nissaraṇaṃ hetaṃ, āvuso, vihesāya, yadidaṃ karuṇācetovimuttī’ti.

    ‘‘อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘มุทิตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา…เป.… อถ จ ปน เม อรติ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐตี’ติฯ โส – ‘มา เหวํ’ ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ…เป.… นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส อรติยา, ยทิทํ มุทิตาเจโตวิมุตฺตี’ติฯ

    ‘‘Idha panāvuso, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘muditā hi kho me cetovimutti bhāvitā…pe… atha ca pana me arati cittaṃ pariyādāya tiṭṭhatī’ti. So – ‘mā hevaṃ’ tissa vacanīyo ‘māyasmā evaṃ avaca…pe… nissaraṇaṃ hetaṃ, āvuso aratiyā, yadidaṃ muditācetovimuttī’ti.

    ‘‘อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อุเปกฺขา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา…เป.… อถ จ ปน เม ราโค จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐตี’ติฯ โส – ‘มา เหวํ’ ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ…เป.… นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, ราคสฺส ยทิทํ อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺตี’ติฯ

    ‘‘Idha panāvuso, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘upekkhā hi kho me cetovimutti bhāvitā…pe… atha ca pana me rāgo cittaṃ pariyādāya tiṭṭhatī’ti. So – ‘mā hevaṃ’ tissa vacanīyo ‘māyasmā evaṃ avaca…pe… nissaraṇaṃ hetaṃ, āvuso, rāgassa yadidaṃ upekkhācetovimuttī’ti.

    ‘‘อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อนิมิตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา…เป.… อถ จ ปน เม นิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหตี’ติฯ โส – ‘มา เหวํ’ ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ…เป.… นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, สพฺพนิมิตฺตานํ ยทิทํ อนิมิตฺตา เจโตวิมุตฺตี’ติฯ

    ‘‘Idha panāvuso, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘animittā hi kho me cetovimutti bhāvitā…pe… atha ca pana me nimittānusāri viññāṇaṃ hotī’ti. So – ‘mā hevaṃ’ tissa vacanīyo ‘māyasmā evaṃ avaca…pe… nissaraṇaṃ hetaṃ, āvuso, sabbanimittānaṃ yadidaṃ animittā cetovimuttī’ti.

    ‘‘อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อสฺมีติ โข เม วิคตํ, อยมหมสฺมีติ น สมนุปสฺสามิ, อถ จ ปน เม วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐตี’ติฯ โส – ‘มา เหวํ’ ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฎฺฐานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส ยํ อสฺมีติ วิคเต อยมหมสฺมีติ อสมนุปสฺสโตฯ อถ จ ปนสฺส วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลสฺส, ยทิทํ อสฺมิมานสมุคฺฆาโฎ’ติฯ อิเม ฉ ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    ‘‘Idha panāvuso, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘asmīti kho me vigataṃ, ayamahamasmīti na samanupassāmi, atha ca pana me vicikicchākathaṃkathāsallaṃ cittaṃ pariyādāya tiṭṭhatī’ti. So – ‘mā hevaṃ’ tissa vacanīyo ‘māyasmā evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi, na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ, na hi bhagavā evaṃ vadeyya. Aṭṭhānametaṃ, āvuso, anavakāso yaṃ asmīti vigate ayamahamasmīti asamanupassato. Atha ca panassa vicikicchākathaṃkathāsallaṃ cittaṃ pariyādāya ṭhassati, netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Nissaraṇaṃ hetaṃ, āvuso, vicikicchākathaṃkathāsallassa, yadidaṃ asmimānasamugghāṭo’ti. Ime cha dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? ฉ สตตวิหาราฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิเม ฉ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame cha dhammā uppādetabbā? Cha satatavihārā. Idhāvuso, bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā neva sumano hoti na dummano, upekkhako viharati sato sampajāno. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya neva sumano hoti na dummano, upekkhako viharati sato sampajāno. Ime cha dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? ฉ อนุตฺตริยานิ – ทสฺสนานุตฺตริยํ, สวนานุตฺตริยํ, ลาภานุตฺตริยํ, สิกฺขานุตฺตริยํ, ปาริจริยานุตฺตริยํ, อนุสฺสตานุตฺตริยํฯ อิเม ฉ ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    (Jha) ‘‘katame cha dhammā abhiññeyyā? Cha anuttariyāni – dassanānuttariyaṃ, savanānuttariyaṃ, lābhānuttariyaṃ, sikkhānuttariyaṃ, pāricariyānuttariyaṃ, anussatānuttariyaṃ. Ime cha dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม ฉ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ฉ อภิญฺญา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ , พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติฯ อาวิภาวํ ติโรภาวํฯ ติโรกุฎฺฎํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเส ฯ ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ เสยฺยถาปิ อุทเกฯ อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ ปถวิยํฯ อากาเสปิ ปลฺลเงฺกน กมติ เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณฯ อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชติฯ ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วเตฺตติฯ

    (Ña) ‘‘katame cha dhammā sacchikātabbā? Cha abhiññā – idhāvuso, bhikkhu anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhoti – ekopi hutvā bahudhā hoti , bahudhāpi hutvā eko hoti. Āvibhāvaṃ tirobhāvaṃ. Tirokuṭṭaṃ tiropākāraṃ tiropabbataṃ asajjamāno gacchati seyyathāpi ākāse . Pathaviyāpi ummujjanimujjaṃ karoti seyyathāpi udake. Udakepi abhijjamāne gacchati seyyathāpi pathaviyaṃ. Ākāsepi pallaṅkena kamati seyyathāpi pakkhī sakuṇo. Imepi candimasūriye evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve pāṇinā parāmasati parimajjati. Yāva brahmalokāpi kāyena vasaṃ vatteti.

    ‘‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สเทฺท สุณาติ ทิเพฺพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จฯ

    ‘‘Dibbāya sotadhātuyā visuddhāya atikkantamānusikāya ubho sadde suṇāti dibbe ca mānuse ca, ye dūre santike ca.

    ‘‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ 17, สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ …เป.… อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติฯ

    ‘‘Parasattānaṃ parapuggalānaṃ cetasā ceto paricca pajānāti 18, sarāgaṃ vā cittaṃ sarāgaṃ cittanti pajānāti …pe… avimuttaṃ vā cittaṃ avimuttaṃ cittanti pajānāti.

    ‘‘โส อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ เอกมฺปิ ชาติํ…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ

    ‘‘So anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati, seyyathidaṃ ekampi jātiṃ…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati.

    ‘‘ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติ …เป.…

    ‘‘Dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate yathākammūpage satte pajānāti …pe…

    ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิเม ฉ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    ‘‘Āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ime cha dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติ อิเม สฎฺฐิ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Iti ime saṭṭhi dhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    สตฺต ธมฺมา

    Satta dhammā

    ๓๕๗. ‘‘สตฺต ธมฺมา พหุการา…เป.… สตฺต ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    357. ‘‘Satta dhammā bahukārā…pe… satta dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา พหุการา? สตฺต อริยธนานิ – สทฺธาธนํ, สีลธนํ, หิริธนํ, โอตฺตปฺปธนํ, สุตธนํ, จาคธนํ, ปญฺญาธนํฯ อิเม สตฺต ธมฺมา พหุการาฯ

    (Ka) ‘‘katame satta dhammā bahukārā? Satta ariyadhanāni – saddhādhanaṃ, sīladhanaṃ, hiridhanaṃ, ottappadhanaṃ, sutadhanaṃ, cāgadhanaṃ, paññādhanaṃ. Ime satta dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา ภาเวตพฺพา? สตฺต สโมฺพชฺฌงฺคา – สติสโมฺพชฺฌโงฺค, ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค, วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค, ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค, ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค, อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค ฯ อิเม สตฺต ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame satta dhammā bhāvetabbā? Satta sambojjhaṅgā – satisambojjhaṅgo, dhammavicayasambojjhaṅgo, vīriyasambojjhaṅgo, pītisambojjhaṅgo, passaddhisambojjhaṅgo, samādhisambojjhaṅgo, upekkhāsambojjhaṅgo . Ime satta dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโย – สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกเจฺจ จ เทวา เอกเจฺจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐมา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    (Ga) ‘‘katame satta dhammā pariññeyyā? Satta viññāṇaṭṭhitiyo – santāvuso, sattā nānattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi manussā ekacce ca devā ekacce ca vinipātikā. Ayaṃ paṭhamā viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺตาวุโส , สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติยา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santāvuso , sattā nānattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi devā brahmakāyikā paṭhamābhinibbattā. Ayaṃ dutiyā viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติยา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā ekattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi devā ābhassarā. Ayaṃ tatiyā viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุตฺถี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā ekattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi devā subhakiṇhā. Ayaṃ catutthī viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา…เป.… ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ปญฺจมี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā…pe… ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanūpagā. Ayaṃ pañcamī viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉฎฺฐี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanūpagā. Ayaṃ chaṭṭhī viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ สตฺตมี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ อิเม สตฺต ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanūpagā. Ayaṃ sattamī viññāṇaṭṭhiti. Ime satta dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา ปหาตพฺพา? สตฺตานุสยา – กามราคานุสโย, ปฎิฆานุสโย, ทิฎฺฐานุสโย, วิจิกิจฺฉานุสโย, มานานุสโย, ภวราคานุสโย , อวิชฺชานุสโยฯ อิเม สตฺต ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame satta dhammā pahātabbā? Sattānusayā – kāmarāgānusayo, paṭighānusayo, diṭṭhānusayo, vicikicchānusayo, mānānusayo, bhavarāgānusayo , avijjānusayo. Ime satta dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา หานภาคิยา? สตฺต อสทฺธมฺมา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ อสฺสโทฺธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ, อปฺปสฺสุโต โหติ, กุสีโต โหติ, มุฎฺฐสฺสติ โหติ, ทุปฺปโญฺญ โหติฯ อิเม สตฺต ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    (Ṅa) ‘‘katame satta dhammā hānabhāgiyā? Satta asaddhammā – idhāvuso, bhikkhu assaddho hoti, ahiriko hoti, anottappī hoti, appassuto hoti, kusīto hoti, muṭṭhassati hoti, duppañño hoti. Ime satta dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา วิเสสภาคิยา? สตฺต สทฺธมฺมา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ สโทฺธ โหติ, หิริมา 19 โหติ, โอตฺตปฺปี โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, อุปฎฺฐิตสฺสติ โหติ, ปญฺญวา โหติฯ อิเม สตฺต ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    (Ca) ‘‘katame satta dhammā visesabhāgiyā? Satta saddhammā – idhāvuso, bhikkhu saddho hoti, hirimā 20 hoti, ottappī hoti, bahussuto hoti, āraddhavīriyo hoti, upaṭṭhitassati hoti, paññavā hoti. Ime satta dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? สตฺต สปฺปุริสธมฺมา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺมญฺญู จ โหติ อตฺถญฺญู จ อตฺตญฺญู จ มตฺตญฺญู จ กาลญฺญู จ ปริสญฺญู จ ปุคฺคลญฺญู จฯ อิเม สตฺต ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    (Cha) ‘‘katame satta dhammā duppaṭivijjhā? Satta sappurisadhammā – idhāvuso, bhikkhu dhammaññū ca hoti atthaññū ca attaññū ca mattaññū ca kālaññū ca parisaññū ca puggalaññū ca. Ime satta dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? สตฺต สญฺญา – อนิจฺจสญฺญา, อนตฺตสญฺญา, อสุภสญฺญา, อาทีนวสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญา, นิโรธสญฺญาฯ อิเม สตฺต ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame satta dhammā uppādetabbā? Satta saññā – aniccasaññā, anattasaññā, asubhasaññā, ādīnavasaññā, pahānasaññā, virāgasaññā, nirodhasaññā. Ime satta dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? สตฺต นิทฺทสวตฺถูนิ – อิธาวุโส, ภิกฺขุ สิกฺขาสมาทาเน ติพฺพจฺฉโนฺท โหติ, อายติญฺจ สิกฺขาสมาทาเน อวิคตเปโมฯ ธมฺมนิสนฺติยา ติพฺพจฺฉโนฺท โหติ, อายติญฺจ ธมฺมนิสนฺติยา อวิคตเปโมฯ อิจฺฉาวินเย ติพฺพจฺฉโนฺท โหติ, อายติญฺจ อิจฺฉาวินเย อวิคตเปโมฯ ปฎิสลฺลาเน ติพฺพจฺฉโนฺท โหติ, อายติญฺจ ปฎิสลฺลาเน อวิคตเปโมฯ วีริยารเมฺม ติพฺพจฺฉโนฺท โหติ, อายติญฺจ วีริยารเมฺม อวิคตเปโมฯ สติเนปเกฺก ติพฺพจฺฉโนฺท โหติ, อายติญฺจ สติเนปเกฺก อวิคตเปโมฯ ทิฎฺฐิปฎิเวเธ ติพฺพจฺฉโนฺท โหติ, อายติญฺจ ทิฎฺฐิปฎิเวเธ อวิคตเปโมฯ อิเม สตฺต ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    (Jha) ‘‘katame satta dhammā abhiññeyyā? Satta niddasavatthūni – idhāvuso, bhikkhu sikkhāsamādāne tibbacchando hoti, āyatiñca sikkhāsamādāne avigatapemo. Dhammanisantiyā tibbacchando hoti, āyatiñca dhammanisantiyā avigatapemo. Icchāvinaye tibbacchando hoti, āyatiñca icchāvinaye avigatapemo. Paṭisallāne tibbacchando hoti, āyatiñca paṭisallāne avigatapemo. Vīriyāramme tibbacchando hoti, āyatiñca vīriyāramme avigatapemo. Satinepakke tibbacchando hoti, āyatiñca satinepakke avigatapemo. Diṭṭhipaṭivedhe tibbacchando hoti, āyatiñca diṭṭhipaṭivedhe avigatapemo. Ime satta dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม สตฺต ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? สตฺต ขีณาสวพลานิ – อิธาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อนิจฺจโต สเพฺพ สงฺขารา ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐา โหนฺติฯ ยํปาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อนิจฺจโต สเพฺพ สงฺขารา ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐา โหนฺติ, อิทมฺปิ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน พลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ขีณาสโว ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปฎิชานาติ – ‘ขีณา เม อาสวา’ติฯ

    (Ña) ‘‘katame satta dhammā sacchikātabbā? Satta khīṇāsavabalāni – idhāvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno aniccato sabbe saṅkhārā yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhā honti. Yaṃpāvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno aniccato sabbe saṅkhārā yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhā honti, idampi khīṇāsavassa bhikkhuno balaṃ hoti, yaṃ balaṃ āgamma khīṇāsavo bhikkhu āsavānaṃ khayaṃ paṭijānāti – ‘khīṇā me āsavā’ti.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน องฺคารกาสูปมา กามา ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐา โหนฺติฯ ยํปาวุโส…เป.… ‘ขีณา เม อาสวา’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno aṅgārakāsūpamā kāmā yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhā honti. Yaṃpāvuso…pe… ‘khīṇā me āsavā’ti.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ โหติ วิเวกโปณํ วิเวกปพฺภารํ วิเวกฎฺฐํ เนกฺขมฺมาภิรตํ พฺยนฺตีภูตํ สพฺพโส อาสวฎฺฐานิเยหิ ธเมฺมหิฯ ยํปาวุโส…เป.… ‘ขีณา เม อาสวา’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno vivekaninnaṃ cittaṃ hoti vivekapoṇaṃ vivekapabbhāraṃ vivekaṭṭhaṃ nekkhammābhirataṃ byantībhūtaṃ sabbaso āsavaṭṭhāniyehi dhammehi. Yaṃpāvuso…pe… ‘khīṇā me āsavā’ti.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวิตา โหนฺติ สุภาวิตา ฯ ยํปาวุโส…เป.… ‘ขีณา เม อาสวา’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno cattāro satipaṭṭhānā bhāvitā honti subhāvitā . Yaṃpāvuso…pe… ‘khīṇā me āsavā’ti.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน ปญฺจินฺทฺริยานิ ภาวิตานิ โหนฺติ สุภาวิตานิฯ ยํปาวุโส…เป.… ‘ขีณา เม อาสวา’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno pañcindriyāni bhāvitāni honti subhāvitāni. Yaṃpāvuso…pe… ‘khīṇā me āsavā’ti.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวิตา โหนฺติ สุภาวิตาฯ ยํปาวุโส…เป.… ‘ขีณา เม อาสวา’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno satta bojjhaṅgā bhāvitā honti subhāvitā. Yaṃpāvuso…pe… ‘khīṇā me āsavā’ti.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวิโต โหติ สุภาวิโตฯ ยํปาวุโส, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวิโต โหติ สุภาวิโต, อิทมฺปิ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน พลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ขีณาสโว ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปฎิชานาติ – ‘ขีณา เม อาสวา’ติฯ อิเม สตฺต ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvito hoti subhāvito. Yaṃpāvuso, khīṇāsavassa bhikkhuno ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvito hoti subhāvito, idampi khīṇāsavassa bhikkhuno balaṃ hoti, yaṃ balaṃ āgamma khīṇāsavo bhikkhu āsavānaṃ khayaṃ paṭijānāti – ‘khīṇā me āsavā’ti. Ime satta dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติเม สตฺตติ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Itime sattati dhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    ปฐมภาณวาโร นิฎฺฐิโตฯ

    Paṭhamabhāṇavāro niṭṭhito.

    อฎฺฐ ธมฺมา

    Aṭṭha dhammā

    ๓๕๘. ‘‘อฎฺฐ ธมฺมา พหุการา…เป.… อฎฺฐ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    358. ‘‘Aṭṭha dhammā bahukārā…pe… aṭṭha dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา พหุการา? อฎฺฐ เหตู อฎฺฐ ปจฺจยา อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺติฯ กตเม อฎฺฐ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถารํ 21 อุปนิสฺสาย วิหรติ อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ เปมญฺจ คารโว จฯ อยํ ปฐโม เหตุ ปฐโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย ฯ ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    (Ka) ‘‘katame aṭṭha dhammā bahukārā? Aṭṭha hetū aṭṭha paccayā ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattanti. Katame aṭṭha? Idhāvuso, bhikkhu satthāraṃ 22 upanissāya viharati aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ, yatthassa tibbaṃ hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti pemañca gāravo ca. Ayaṃ paṭhamo hetu paṭhamo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya . Paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.

    ‘‘ตํ โข ปน สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํ , ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ เปมญฺจ คารโว จฯ เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปญฺหติ – ‘อิทํ, ภเนฺต, กถํ? อิมสฺส โก อโตฺถ’ติ? ตสฺส เต อายสฺมโนฺต อวิวฎเญฺจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตญฺจ อุตฺตานี 23 กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาฎฺฐานิเยสุ ธเมฺมสุ กงฺขํ ปฎิวิโนเทนฺติฯ อยํ ทุติโย เหตุ ทุติโย ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย, เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    ‘‘Taṃ kho pana satthāraṃ upanissāya viharati aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ , yatthassa tibbaṃ hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti pemañca gāravo ca. Te kālena kālaṃ upasaṅkamitvā paripucchati paripañhati – ‘idaṃ, bhante, kathaṃ? Imassa ko attho’ti? Tassa te āyasmanto avivaṭañceva vivaranti, anuttānīkatañca uttānī 24 karonti, anekavihitesu ca kaṅkhāṭṭhāniyesu dhammesu kaṅkhaṃ paṭivinodenti. Ayaṃ dutiyo hetu dutiyo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya, vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.

    ‘‘ตํ โข ปน ธมฺมํ สุตฺวา ทฺวเยน วูปกาเสน สมฺปาเทติ – กายวูปกาเสน จ จิตฺตวูปกาเสน จฯ อยํ ตติโย เหตุ ตติโย ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    ‘‘Taṃ kho pana dhammaṃ sutvā dvayena vūpakāsena sampādeti – kāyavūpakāsena ca cittavūpakāsena ca. Ayaṃ tatiyo hetu tatiyo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน, อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อยํ จตุโตฺถ เหตุ จตุโตฺถ ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno, aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī samādāya sikkhati sikkhāpadesu. Ayaṃ catuttho hetu catuttho paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโยฯ เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มเชฺฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยญฺชนา เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ อยํ ปญฺจโม เหตุ ปญฺจโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu bahussuto hoti sutadharo sutasannicayo. Ye te dhammā ādikalyāṇā majjhekalyāṇā pariyosānakalyāṇā sātthā sabyañjanā kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ abhivadanti, tathārūpāssa dhammā bahussutā honti dhātā vacasā paricitā manasānupekkhitā diṭṭhiyā suppaṭividdhā. Ayaṃ pañcamo hetu pañcamo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ อยํ ฉโฎฺฐ เหตุ ฉโฎฺฐ ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya, thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu. Ayaṃ chaṭṭho hetu chaṭṭho paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สติมา โหติ ปรเมน สติเนปเกฺกน สมนฺนาคโตฯ จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตาฯ อยํ สตฺตโม เหตุ สตฺตโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu satimā hoti paramena satinepakkena samannāgato. Cirakatampi cirabhāsitampi saritā anussaritā. Ayaṃ sattamo hetu sattamo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ, อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติ – ‘อิติ รูปํ อิติ รูปสฺส สมุทโย อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา อิติ เวทนาย สมุทโย อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สญฺญา อิติ สญฺญาย สมุทโย อิติ สญฺญาย อตฺถงฺคโม; อิติ สงฺขารา อิติ สงฺขารานํ สมุทโย อิติ สงฺขารานํ อตฺถงฺคโม; อิติ วิญฺญาณํ อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติฯ อยํ อฎฺฐโม เหตุ อฎฺฐโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา พหุการาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu pañcasu upādānakkhandhesu, udayabbayānupassī viharati – ‘iti rūpaṃ iti rūpassa samudayo iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā iti vedanāya samudayo iti vedanāya atthaṅgamo; iti saññā iti saññāya samudayo iti saññāya atthaṅgamo; iti saṅkhārā iti saṅkhārānaṃ samudayo iti saṅkhārānaṃ atthaṅgamo; iti viññāṇaṃ iti viññāṇassa samudayo iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti. Ayaṃ aṭṭhamo hetu aṭṭhamo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati. Ime aṭṭha dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา ภาเวตพฺพา? อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame aṭṭha dhammā bhāvetabbā? Ariyo aṭṭhaṅgiko maggo seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi, sammāsaṅkappo, sammāvācā, sammākammanto, sammāājīvo, sammāvāyāmo, sammāsati, sammāsamādhi. Ime aṭṭha dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? อฎฺฐ โลกธมฺมา – ลาโภ จ, อลาโภ จ, ยโส จ, อยโส จ, นินฺทา จ, ปสํสา จ, สุขญฺจ, ทุกฺขญฺจฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    (Ga) ‘‘katame aṭṭha dhammā pariññeyyā? Aṭṭha lokadhammā – lābho ca, alābho ca, yaso ca, ayaso ca, nindā ca, pasaṃsā ca, sukhañca, dukkhañca. Ime aṭṭha dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา ปหาตพฺพา? อฎฺฐ มิจฺฉตฺตา – มิจฺฉาทิฎฺฐิ, มิจฺฉาสงฺกโปฺป, มิจฺฉาวาจา, มิจฺฉากมฺมโนฺต, มิจฺฉาอาชีโว, มิจฺฉาวายาโม, มิจฺฉาสติ, มิจฺฉาสมาธิฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame aṭṭha dhammā pahātabbā? Aṭṭha micchattā – micchādiṭṭhi, micchāsaṅkappo, micchāvācā, micchākammanto, micchāājīvo, micchāvāyāmo, micchāsati, micchāsamādhi. Ime aṭṭha dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา หานภาคิยา? อฎฺฐ กุสีตวตฺถูนิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กาตพฺพํ โหติ, ตสฺส เอวํ โหติ – ‘กมฺมํ โข เม กาตพฺพํ ภวิสฺสติ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺตสฺส กาโย กิลมิสฺสติ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’ติฯ โส นิปชฺชติ, น วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ ปฐมํ กุสีตวตฺถุฯ

    (Ṅa) ‘‘katame aṭṭha dhammā hānabhāgiyā? Aṭṭha kusītavatthūni. Idhāvuso, bhikkhunā kammaṃ kātabbaṃ hoti, tassa evaṃ hoti – ‘kammaṃ kho me kātabbaṃ bhavissati, kammaṃ kho pana me karontassa kāyo kilamissati, handāhaṃ nipajjāmī’ti. So nipajjati, na vīriyaṃ ārabhati appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya. Idaṃ paṭhamaṃ kusītavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตํ โหติ ฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข กมฺมํ อกาสิํ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺตสฺส กาโย กิลโนฺต, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’ติฯ โส นิปชฺชติ, น วีริยํ อารภติ…เป.… อิทํ ทุติยํ กุสีตวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā kammaṃ kataṃ hoti . Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho kammaṃ akāsiṃ, kammaṃ kho pana me karontassa kāyo kilanto, handāhaṃ nipajjāmī’ti. So nipajjati, na vīriyaṃ ārabhati…pe… idaṃ dutiyaṃ kusītavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มโคฺค คนฺตโพฺพ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มโคฺค โข เม คนฺตโพฺพ ภวิสฺสติ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉนฺตสฺส กาโย กิลมิสฺสติ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’ติฯ โส นิปชฺชติ, น วีริยํ อารภติ…เป.… อิทํ ตติยํ กุสีตวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā maggo gantabbo hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘maggo kho me gantabbo bhavissati, maggaṃ kho pana me gacchantassa kāyo kilamissati, handāhaṃ nipajjāmī’ti. So nipajjati, na vīriyaṃ ārabhati…pe… idaṃ tatiyaṃ kusītavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มโคฺค คโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข มคฺคํ อคมาสิํ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉนฺตสฺส กาโย กิลโนฺต, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’ติฯ โส นิปชฺชติ, น วีริยํ อารภติ…เป.… อิทํ จตุตฺถํ กุสีตวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā maggo gato hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho maggaṃ agamāsiṃ, maggaṃ kho pana me gacchantassa kāyo kilanto, handāhaṃ nipajjāmī’ti. So nipajjati, na vīriyaṃ ārabhati…pe… idaṃ catutthaṃ kusītavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรโนฺต น ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูริํฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรโนฺต นาลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูริํ, ตสฺส เม กาโย กิลโนฺต อกมฺมโญฺญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’ติ…เป.… อิทํ ปญฺจมํ กุสีตวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya caranto na labhati lūkhassa vā paṇītassa vā bhojanassa yāvadatthaṃ pāripūriṃ. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya caranto nālatthaṃ lūkhassa vā paṇītassa vā bhojanassa yāvadatthaṃ pāripūriṃ, tassa me kāyo kilanto akammañño, handāhaṃ nipajjāmī’ti…pe… idaṃ pañcamaṃ kusītavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรโนฺต ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูริํฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรโนฺต อลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูริํ , ตสฺส เม กาโย ครุโก อกมฺมโญฺญ, มาสาจิตํ มเญฺญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’ติฯ โส นิปชฺชติ…เป.… อิทํ ฉฎฺฐํ กุสีตวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya caranto labhati lūkhassa vā paṇītassa vā bhojanassa yāvadatthaṃ pāripūriṃ. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya caranto alatthaṃ lūkhassa vā paṇītassa vā bhojanassa yāvadatthaṃ pāripūriṃ , tassa me kāyo garuko akammañño, māsācitaṃ maññe, handāhaṃ nipajjāmī’ti. So nipajjati…pe… idaṃ chaṭṭhaṃ kusītavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน อุปฺปโนฺน โหติ อปฺปมตฺตโก อาพาโธ, ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อุปฺปโนฺน โข เม อยํ อปฺปมตฺตโก อาพาโธ อตฺถิ กโปฺป นิปชฺชิตุํ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’ติฯ โส นิปชฺชติ…เป.… อิทํ สตฺตมํ กุสีตวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno uppanno hoti appamattako ābādho, tassa evaṃ hoti – ‘uppanno kho me ayaṃ appamattako ābādho atthi kappo nipajjituṃ, handāhaṃ nipajjāmī’ti. So nipajjati…pe… idaṃ sattamaṃ kusītavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คิลานาวุฎฺฐิโต โหติ อจิรวุฎฺฐิโต เคลญฺญาฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข คิลานาวุฎฺฐิโต อจิรวุฎฺฐิโต เคลญฺญาฯ ตสฺส เม กาโย ทุพฺพโล อกมฺมโญฺญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’ติฯ โส นิปชฺชติ…เป.… อิทํ อฎฺฐมํ กุสีตวตฺถุฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu gilānāvuṭṭhito hoti aciravuṭṭhito gelaññā. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho gilānāvuṭṭhito aciravuṭṭhito gelaññā. Tassa me kāyo dubbalo akammañño, handāhaṃ nipajjāmī’ti. So nipajjati…pe… idaṃ aṭṭhamaṃ kusītavatthu. Ime aṭṭha dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา วิเสสภาคิยา? อฎฺฐ อารมฺภวตฺถูนิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กาตพฺพํ โหติ, ตสฺส เอวํ โหติ – ‘กมฺมํ โข เม กาตพฺพํ ภวิสฺสติ, กมฺมํ โข ปน เม กโรเนฺตน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิกาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’ติฯ โส วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ ปฐมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    (Ca) ‘‘katame aṭṭha dhammā visesabhāgiyā? Aṭṭha ārambhavatthūni. Idhāvuso, bhikkhunā kammaṃ kātabbaṃ hoti, tassa evaṃ hoti – ‘kammaṃ kho me kātabbaṃ bhavissati, kammaṃ kho pana me karontena na sukaraṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasikātuṃ, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāyā’ti. So vīriyaṃ ārabhati appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya. Idaṃ paṭhamaṃ ārambhavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตํ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข กมฺมํ อกาสิํ, กมฺมํ โข ปนาหํ กโรโนฺต นาสกฺขิํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิกาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ…เป.… อิทํ ทุติยํ อารมฺภวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā kammaṃ kataṃ hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho kammaṃ akāsiṃ, kammaṃ kho panāhaṃ karonto nāsakkhiṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasikātuṃ, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi…pe… idaṃ dutiyaṃ ārambhavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มโคฺค คนฺตโพฺพ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มโคฺค โข เม คนฺตโพฺพ ภวิสฺสติ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉเนฺตน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิกาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ…เป.… อิทํ ตติยํ อารมฺภวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā maggo gantabbo hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘maggo kho me gantabbo bhavissati, maggaṃ kho pana me gacchantena na sukaraṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasikātuṃ, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi…pe… idaṃ tatiyaṃ ārambhavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มโคฺค คโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข มคฺคํ อคมาสิํ, มคฺคํ โข ปนาหํ คจฺฉโนฺต นาสกฺขิํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิกาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ…เป.… อิทํ จตุตฺถํ อารมฺภวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā maggo gato hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho maggaṃ agamāsiṃ, maggaṃ kho panāhaṃ gacchanto nāsakkhiṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasikātuṃ, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi…pe… idaṃ catutthaṃ ārambhavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรโนฺต น ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูริํฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรโนฺต นาลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูริํ , ตสฺส เม กาโย ลหุโก กมฺมโญฺญ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ…เป.… อิทํ ปญฺจมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya caranto na labhati lūkhassa vā paṇītassa vā bhojanassa yāvadatthaṃ pāripūriṃ. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya caranto nālatthaṃ lūkhassa vā paṇītassa vā bhojanassa yāvadatthaṃ pāripūriṃ , tassa me kāyo lahuko kammañño, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi…pe… idaṃ pañcamaṃ ārambhavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรโนฺต ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูริํฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรโนฺต อลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูริํฯ ตสฺส เม กาโย พลวา กมฺมโญฺญ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ…เป.… อิทํ ฉฎฺฐํ อารมฺภวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya caranto labhati lūkhassa vā paṇītassa vā bhojanassa yāvadatthaṃ pāripūriṃ. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya caranto alatthaṃ lūkhassa vā paṇītassa vā bhojanassa yāvadatthaṃ pāripūriṃ. Tassa me kāyo balavā kammañño, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi…pe… idaṃ chaṭṭhaṃ ārambhavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน อุปฺปโนฺน โหติ อปฺปมตฺตโก อาพาโธฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อุปฺปโนฺน โข เม อยํ อปฺปมตฺตโก อาพาโธ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ เม อาพาโธ ปวเฑฺฒยฺย, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ…เป.… อิทํ สตฺตมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhuno uppanno hoti appamattako ābādho. Tassa evaṃ hoti – ‘uppanno kho me ayaṃ appamattako ābādho ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ me ābādho pavaḍḍheyya, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi…pe… idaṃ sattamaṃ ārambhavatthu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คิลานา วุฎฺฐิโต โหติ อจิรวุฎฺฐิโต เคลญฺญาฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข คิลานา วุฎฺฐิโต อจิรวุฎฺฐิโต เคลญฺญา, ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ เม อาพาโธ ปจฺจุทาวเตฺตยฺย, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’ติฯ โส วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ อฎฺฐมํ อารมฺภวตฺถุฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu gilānā vuṭṭhito hoti aciravuṭṭhito gelaññā. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho gilānā vuṭṭhito aciravuṭṭhito gelaññā, ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ me ābādho paccudāvatteyya, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāyā’ti. So vīriyaṃ ārabhati appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya. Idaṃ aṭṭhamaṃ ārambhavatthu. Ime aṭṭha dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? อฎฺฐ อกฺขณา อสมยา พฺรหฺมจริยวาสายฯ อิธาวุโส, ตถาคโต จ โลเก อุปฺปโนฺน โหติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ เทสิยติ โอปสมิโก ปรินิพฺพานิโก สโมฺพธคามี สุคตปฺปเวทิโตฯ อยญฺจ ปุคฺคโล นิรยํ อุปปโนฺน โหติฯ อยํ ปฐโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    (Cha) ‘‘katame aṭṭha dhammā duppaṭivijjhā? Aṭṭha akkhaṇā asamayā brahmacariyavāsāya. Idhāvuso, tathāgato ca loke uppanno hoti arahaṃ sammāsambuddho, dhammo ca desiyati opasamiko parinibbāniko sambodhagāmī sugatappavedito. Ayañca puggalo nirayaṃ upapanno hoti. Ayaṃ paṭhamo akkhaṇo asamayo brahmacariyavāsāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ตถาคโต จ โลเก อุปฺปโนฺน โหติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ เทสิยติ โอปสมิโก ปรินิพฺพานิโก สโมฺพธคามี สุคตปฺปเวทิโต, อยญฺจ ปุคฺคโล ติรจฺฉานโยนิํ อุปปโนฺน โหติฯ อยํ ทุติโย อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, tathāgato ca loke uppanno hoti arahaṃ sammāsambuddho, dhammo ca desiyati opasamiko parinibbāniko sambodhagāmī sugatappavedito, ayañca puggalo tiracchānayoniṃ upapanno hoti. Ayaṃ dutiyo akkhaṇo asamayo brahmacariyavāsāya.

    ‘‘ปุน จปรํ…เป.… เปตฺติวิสยํ อุปปโนฺน โหติฯ อยํ ตติโย อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ…pe… pettivisayaṃ upapanno hoti. Ayaṃ tatiyo akkhaṇo asamayo brahmacariyavāsāya.

    ‘‘ปุน จปรํ…เป.… อญฺญตรํ ทีฆายุกํ เทวนิกายํ อุปปโนฺน โหติฯ อยํ จตุโตฺถ อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ…pe… aññataraṃ dīghāyukaṃ devanikāyaṃ upapanno hoti. Ayaṃ catuttho akkhaṇo asamayo brahmacariyavāsāya.

    ‘‘ปุน จปรํ…เป.… ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ มิลเกฺขสุ อวิญฺญาตาเรสุ, ยตฺถ นตฺถิ คติ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ อยํ ปญฺจโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ…pe… paccantimesu janapadesu paccājāto hoti milakkhesu aviññātāresu, yattha natthi gati bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ. Ayaṃ pañcamo akkhaṇo asamayo brahmacariyavāsāya.

    ‘‘ปุน จปรํ…เป.… อยญฺจ ปุคฺคโล มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ, โส จ โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิโก วิปรีตทสฺสโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฎฺฐํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฎิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ อยํ ฉโฎฺฐ อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ…pe… ayañca puggalo majjhimesu janapadesu paccājāto hoti, so ca hoti micchādiṭṭhiko viparītadassano – ‘natthi dinnaṃ, natthi yiṭṭhaṃ, natthi hutaṃ, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko, natthi ayaṃ loko, natthi paro loko, natthi mātā, natthi pitā, natthi sattā opapātikā, natthi loke samaṇabrāhmaṇā sammaggatā sammāpaṭipannā ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti. Ayaṃ chaṭṭho akkhaṇo asamayo brahmacariyavāsāya.

    ‘‘ปุน จปรํ…เป.… อยญฺจ ปุคฺคโล มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ , โส จ โหติ ทุปฺปโญฺญ ชโฬ เอฬมูโค, นปฺปฎิพโล สุภาสิตทุพฺภาสิตานมตฺถมญฺญาตุํฯ อยํ สตฺตโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ…pe… ayañca puggalo majjhimesu janapadesu paccājāto hoti , so ca hoti duppañño jaḷo eḷamūgo, nappaṭibalo subhāsitadubbhāsitānamatthamaññātuṃ. Ayaṃ sattamo akkhaṇo asamayo brahmacariyavāsāya.

    ‘‘ปุน จปรํ…เป.… อยญฺจ ปุคฺคโล มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ, โส จ โหติ ปญฺญวา อชโฬ อเนฬมูโค, ปฎิพโล สุภาสิตทุพฺภาสิตานมตฺถมญฺญาตุํฯ อยํ อฎฺฐโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ…pe… ayañca puggalo majjhimesu janapadesu paccājāto hoti, so ca hoti paññavā ajaḷo aneḷamūgo, paṭibalo subhāsitadubbhāsitānamatthamaññātuṃ. Ayaṃ aṭṭhamo akkhaṇo asamayo brahmacariyavāsāya. Ime aṭṭha dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? อฎฺฐ มหาปุริสวิตกฺกา – อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มหิจฺฉสฺสฯ สนฺตุฎฺฐสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสนฺตุฎฺฐสฺสฯ ปวิวิตฺตสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม สงฺคณิการามสฺสฯ อารทฺธวีริยสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม กุสีตสฺสฯ อุปฎฺฐิตสติสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มุฎฺฐสฺสติสฺสฯ สมาหิตสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสมาหิตสฺส ฯ ปญฺญวโต 25 อยํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม ทุปฺปญฺญสฺสฯ นิปฺปปญฺจสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม ปปญฺจารามสฺสาติ 26 อิเม อฎฺฐ ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame aṭṭha dhammā uppādetabbā? Aṭṭha mahāpurisavitakkā – appicchassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo mahicchassa. Santuṭṭhassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo asantuṭṭhassa. Pavivittassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo saṅgaṇikārāmassa. Āraddhavīriyassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo kusītassa. Upaṭṭhitasatissāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo muṭṭhassatissa. Samāhitassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo asamāhitassa . Paññavato 27 ayaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo duppaññassa. Nippapañcassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo papañcārāmassāti 28 ime aṭṭha dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? อฎฺฐ อภิภายตนานิ – อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ , ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ – เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ปฐมํ อภิภายตนํฯ

    (Jha) ‘‘katame aṭṭha dhammā abhiññeyyā? Aṭṭha abhibhāyatanāni – ajjhattaṃ rūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati parittāni suvaṇṇadubbaṇṇāni , ‘tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti – evaṃsaññī hoti. Idaṃ paṭhamaṃ abhibhāyatanaṃ.

    ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ – เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ทุติยํ อภิภายตนํฯ

    ‘‘Ajjhattaṃ rūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati appamāṇāni suvaṇṇadubbaṇṇāni, ‘tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti – evaṃsaññī hoti. Idaṃ dutiyaṃ abhibhāyatanaṃ.

    ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ตติยํ อภิภายตนํฯ

    ‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati parittāni suvaṇṇadubbaṇṇāni, ‘tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ tatiyaṃ abhibhāyatanaṃ.

    ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ จตุตฺถํ อภิภายตนํฯ

    ‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati appamāṇāni suvaṇṇadubbaṇṇāni, ‘tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ catutthaṃ abhibhāyatanaṃ.

    ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม อุมาปุปฺผํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํฯ เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฎฺฐํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํ, เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ปญฺจมํ อภิภายตนํฯ

    ‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati nīlāni nīlavaṇṇāni nīlanidassanāni nīlanibhāsāni. Seyyathāpi nāma umāpupphaṃ nīlaṃ nīlavaṇṇaṃ nīlanidassanaṃ nīlanibhāsaṃ. Seyyathā vā pana taṃ vatthaṃ bārāṇaseyyakaṃ ubhatobhāgavimaṭṭhaṃ nīlaṃ nīlavaṇṇaṃ nīlanidassanaṃ nīlanibhāsaṃ, evameva ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati nīlāni nīlavaṇṇāni nīlanidassanāni nīlanibhāsāni, ‘tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ pañcamaṃ abhibhāyatanaṃ.

    ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม กณิการปุปฺผํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํฯ เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฎฺฐํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํ , เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ฉฎฺฐํ อภิภายตนํฯ

    ‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati pītāni pītavaṇṇāni pītanidassanāni pītanibhāsāni. Seyyathāpi nāma kaṇikārapupphaṃ pītaṃ pītavaṇṇaṃ pītanidassanaṃ pītanibhāsaṃ. Seyyathā vā pana taṃ vatthaṃ bārāṇaseyyakaṃ ubhatobhāgavimaṭṭhaṃ pītaṃ pītavaṇṇaṃ pītanidassanaṃ pītanibhāsaṃ , evameva ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati pītāni pītavaṇṇāni pītanidassanāni pītanibhāsāni, ‘tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ chaṭṭhaṃ abhibhāyatanaṃ.

    ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม พนฺธุชีวกปุปฺผํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํ, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฎฺฐํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํ, เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ สตฺตมํ อภิภายตนํฯ

    ‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati lohitakāni lohitakavaṇṇāni lohitakanidassanāni lohitakanibhāsāni. Seyyathāpi nāma bandhujīvakapupphaṃ lohitakaṃ lohitakavaṇṇaṃ lohitakanidassanaṃ lohitakanibhāsaṃ, seyyathā vā pana taṃ vatthaṃ bārāṇaseyyakaṃ ubhatobhāgavimaṭṭhaṃ lohitakaṃ lohitakavaṇṇaṃ lohitakanidassanaṃ lohitakanibhāsaṃ, evameva ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati lohitakāni lohitakavaṇṇāni lohitakanidassanāni lohitakanibhāsāni, ‘tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ sattamaṃ abhibhāyatanaṃ.

    ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม โอสธิตารกา โอทาตา โอทาตวณฺณา โอทาตนิทสฺสนา โอทาตนิภาสา, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฎฺฐํ โอทาตํ โอทาตวณฺณํ โอทาตนิทสฺสนํ โอทาตนิภาสํ, เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ อฎฺฐมํ อภิภายตนํฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    ‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati odātāni odātavaṇṇāni odātanidassanāni odātanibhāsāni. Seyyathāpi nāma osadhitārakā odātā odātavaṇṇā odātanidassanā odātanibhāsā, seyyathā vā pana taṃ vatthaṃ bārāṇaseyyakaṃ ubhatobhāgavimaṭṭhaṃ odātaṃ odātavaṇṇaṃ odātanidassanaṃ odātanibhāsaṃ, evameva ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati odātāni odātavaṇṇāni odātanidassanāni odātanibhāsāni, ‘tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ aṭṭhamaṃ abhibhāyatanaṃ. Ime aṭṭha dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม อฎฺฐ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? อฎฺฐ วิโมกฺขา – รูปี รูปานิ ปสฺสติฯ อยํ ปฐโม วิโมโกฺขฯ

    (Ña) ‘‘katame aṭṭha dhammā sacchikātabbā? Aṭṭha vimokkhā – rūpī rūpāni passati. Ayaṃ paṭhamo vimokkho.

    ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติฯ อยํ ทุติโย วิโมโกฺขฯ

    ‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati. Ayaṃ dutiyo vimokkho.

    ‘‘สุภเนฺตว อธิมุโตฺต โหติฯ อยํ ตติโย วิโมโกฺขฯ

    ‘‘Subhanteva adhimutto hoti. Ayaṃ tatiyo vimokkho.

    ‘‘สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ จตุโตฺถ วิโมโกฺขฯ

    ‘‘Sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ catuttho vimokkho.

    ‘‘สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ปญฺจโม วิโมโกฺขฯ

    ‘‘Sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ pañcamo vimokkho.

    ‘‘สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ฉโฎฺฐ วิโมโกฺขฯ

    ‘‘Sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ chaṭṭho vimokkho.

    ‘‘สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ สตฺตโม วิโมโกฺขฯ

    ‘‘Sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ sattamo vimokkho.

    ‘‘สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ อฎฺฐโม วิโมโกฺขฯ อิเม อฎฺฐ ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    ‘‘Sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ aṭṭhamo vimokkho. Ime aṭṭha dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติ อิเม อสีติ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Iti ime asīti dhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    นว ธมฺมา

    Nava dhammā

    ๓๕๙. ‘‘นว ธมฺมา พหุการา…เป.… นว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    359. ‘‘Nava dhammā bahukārā…pe… nava dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม นว ธมฺมา พหุการา? นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, โยนิโสมนสิกโรโต ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิเต จิเตฺต ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ, ยถาภูตํ ชานํ ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติฯ อิเม นว ธมฺมา พหุการาฯ

    (Ka) ‘‘katame nava dhammā bahukārā? Nava yonisomanasikāramūlakā dhammā, yonisomanasikaroto pāmojjaṃ jāyati, pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyati, samāhite citte yathābhūtaṃ jānāti passati, yathābhūtaṃ jānaṃ passaṃ nibbindati, nibbindaṃ virajjati, virāgā vimuccati. Ime nava dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม นว ธมฺมา ภาเวตพฺพา? นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ – สีลวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, จิตฺตวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, มคฺคามคฺคญาณทสฺสน – วิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, ญาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, ปญฺญาวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํ, วิมุตฺติวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคํฯ อิเม นว ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame nava dhammā bhāvetabbā? Nava pārisuddhipadhāniyaṅgāni – sīlavisuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ, cittavisuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ, diṭṭhivisuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ, kaṅkhāvitaraṇavisuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ, maggāmaggañāṇadassana – visuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ, paṭipadāñāṇadassanavisuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ, ñāṇadassanavisuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ, paññāvisuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ, vimuttivisuddhi pārisuddhipadhāniyaṅgaṃ. Ime nava dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม นว ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? นว สตฺตาวาสา – สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกเจฺจ จ เทวา เอกเจฺจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐโม สตฺตาวาโสฯ

    (Ga) ‘‘katame nava dhammā pariññeyyā? Nava sattāvāsā – santāvuso, sattā nānattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi manussā ekacce ca devā ekacce ca vinipātikā. Ayaṃ paṭhamo sattāvāso.

    ‘‘สนฺตาวุโส , สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติโย สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santāvuso , sattā nānattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi devā brahmakāyikā paṭhamābhinibbattā. Ayaṃ dutiyo sattāvāso.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติโย สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā ekattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi devā ābhassarā. Ayaṃ tatiyo sattāvāso.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุโตฺถ สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā ekattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi devā subhakiṇhā. Ayaṃ catuttho sattāvāso.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา อสญฺญิโน อปฺปฎิสํเวทิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อสญฺญสตฺตาฯ อยํ ปญฺจโม สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā asaññino appaṭisaṃvedino, seyyathāpi devā asaññasattā. Ayaṃ pañcamo sattāvāso.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉโฎฺฐ สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanūpagā. Ayaṃ chaṭṭho sattāvāso.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ สตฺตโม สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanūpagā. Ayaṃ sattamo sattāvāso.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ อฎฺฐโม สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanūpagā. Ayaṃ aṭṭhamo sattāvāso.

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคาฯ อยํ นวโม สตฺตาวาโสฯ อิเม นว ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanūpagā. Ayaṃ navamo sattāvāso. Ime nava dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม นว ธมฺมา ปหาตพฺพา? นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา – ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฎิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฎิจฺจ ฉนฺทราโค , ฉนฺทราคํ ปฎิจฺจ อโชฺฌสานํ, อโชฺฌสานํ ปฎิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฎิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฎิจฺจ อารโกฺข, อารกฺขาธิกรณํ 29 ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ อิเม นว ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame nava dhammā pahātabbā? Nava taṇhāmūlakā dhammā – taṇhaṃ paṭicca pariyesanā, pariyesanaṃ paṭicca lābho, lābhaṃ paṭicca vinicchayo, vinicchayaṃ paṭicca chandarāgo , chandarāgaṃ paṭicca ajjhosānaṃ, ajjhosānaṃ paṭicca pariggaho, pariggahaṃ paṭicca macchariyaṃ, macchariyaṃ paṭicca ārakkho, ārakkhādhikaraṇaṃ 30 daṇḍādānasatthādānakalahaviggahavivādatuvaṃtuvaṃpesuññamusāvādā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti. Ime nava dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม นว ธมฺมา หานภาคิยา? นว อาฆาตวตฺถูนิ – ‘อนตฺถํ เม อจรี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ, ‘อนตฺถํ เม จรตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ, ‘อนตฺถํ เม จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจรี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ…เป.… ‘อนตฺถํ จรตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ…เป.… ‘อนตฺถํ จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจรี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ…เป.… ‘อตฺถํ จรตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ…เป.… ‘อตฺถํ จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติฯ อิเม นว ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    (Ṅa) ‘‘katame nava dhammā hānabhāgiyā? Nava āghātavatthūni – ‘anatthaṃ me acarī’ti āghātaṃ bandhati, ‘anatthaṃ me caratī’ti āghātaṃ bandhati, ‘anatthaṃ me carissatī’ti āghātaṃ bandhati; ‘piyassa me manāpassa anatthaṃ acarī’ti āghātaṃ bandhati…pe… ‘anatthaṃ caratī’ti āghātaṃ bandhati…pe… ‘anatthaṃ carissatī’ti āghātaṃ bandhati; ‘appiyassa me amanāpassa atthaṃ acarī’ti āghātaṃ bandhati…pe… ‘atthaṃ caratī’ti āghātaṃ bandhati…pe… ‘atthaṃ carissatī’ti āghātaṃ bandhati. Ime nava dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม นว ธมฺมา วิเสสภาคิยา? นว อาฆาตปฎิวินยา – ‘อนตฺถํ เม อจริ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฎิวิเนติ; ‘อนตฺถํ เม จรติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฎิวิเนติ; ‘อนตฺถํ เม จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฎิวิเนติ; ‘ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจริ…เป.… อนตฺถํ จรติ…เป.… อนตฺถํ จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฎิวิเนติ; ‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจริ…เป.… อตฺถํ จรติ…เป.… อตฺถํ จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ อาฆาตํ ปฎิวิเนติฯ อิเม นว ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    (Ca) ‘‘katame nava dhammā visesabhāgiyā? Nava āghātapaṭivinayā – ‘anatthaṃ me acari, taṃ kutettha labbhā’ti āghātaṃ paṭivineti; ‘anatthaṃ me carati, taṃ kutettha labbhā’ti āghātaṃ paṭivineti; ‘anatthaṃ me carissati, taṃ kutettha labbhā’ti āghātaṃ paṭivineti; ‘piyassa me manāpassa anatthaṃ acari…pe… anatthaṃ carati…pe… anatthaṃ carissati, taṃ kutettha labbhā’ti āghātaṃ paṭivineti; ‘appiyassa me amanāpassa atthaṃ acari…pe… atthaṃ carati…pe… atthaṃ carissati, taṃ kutettha labbhā’ti āghātaṃ paṭivineti. Ime nava dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม นว ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? นว นานตฺตา – ธาตุนานตฺตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ ผสฺสนานตฺตํ, ผสฺสนานตฺตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ เวทนานานตฺตํ, เวทนานานตฺตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สญฺญานานตฺตํ, สญฺญานานตฺตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สงฺกปฺปนานตฺตํ, สงฺกปฺปนานตฺตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ ฉนฺทนานตฺตํ, ฉนฺทนานตฺตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ ปริฬาหนานตฺตํ, ปริฬาหนานตฺตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ ปริเยสนานานตฺตํ, ปริเยสนานานตฺตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ ลาภนานตฺตํฯ อิเม นว ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    (Cha) ‘‘katame nava dhammā duppaṭivijjhā? Nava nānattā – dhātunānattaṃ paṭicca uppajjati phassanānattaṃ, phassanānattaṃ paṭicca uppajjati vedanānānattaṃ, vedanānānattaṃ paṭicca uppajjati saññānānattaṃ, saññānānattaṃ paṭicca uppajjati saṅkappanānattaṃ, saṅkappanānattaṃ paṭicca uppajjati chandanānattaṃ, chandanānattaṃ paṭicca uppajjati pariḷāhanānattaṃ, pariḷāhanānattaṃ paṭicca uppajjati pariyesanānānattaṃ, pariyesanānānattaṃ paṭicca uppajjati lābhanānattaṃ. Ime nava dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม นว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? นว สญฺญา – อสุภสญฺญา, มรณสญฺญา, อาหาเรปฎิกูลสญฺญา , สพฺพโลเกอนภิรติสญฺญา 31, อนิจฺจสญฺญา, อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญา, ทุเกฺข อนตฺตสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญาฯ อิเม นว ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame nava dhammā uppādetabbā? Nava saññā – asubhasaññā, maraṇasaññā, āhārepaṭikūlasaññā , sabbalokeanabhiratisaññā 32, aniccasaññā, anicce dukkhasaññā, dukkhe anattasaññā, pahānasaññā, virāgasaññā. Ime nava dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม นว ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? นว อนุปุพฺพวิหารา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ปีติยา จ วิราคา …เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา…เป.… อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิเม นว ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    (Jha) ‘‘katame nava dhammā abhiññeyyā? Nava anupubbavihārā – idhāvuso, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Pītiyā ca virāgā …pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Sukhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā…pe… ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. Sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati. Sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati. Sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati. Sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati. Ime nava dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม นว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? นว อนุปุพฺพนิโรธา – ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส กามสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส วิตกฺกวิจารา นิรุทฺธา โหนฺติ, ตติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ปีติ นิรุทฺธา โหติ, จตุตฺถํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส อสฺสาสปสฺสาสฺสา นิรุทฺธา โหนฺติ, อากาสานญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส รูปสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส อากาสานญฺจายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส วิญฺญาณญฺจายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส อากิญฺจญฺญายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส สญฺญา จ เวทนา จ นิรุทฺธา โหนฺติฯ อิเม นว ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    (Ña) ‘‘katame nava dhammā sacchikātabbā? Nava anupubbanirodhā – paṭhamaṃ jhānaṃ samāpannassa kāmasaññā niruddhā hoti, dutiyaṃ jhānaṃ samāpannassa vitakkavicārā niruddhā honti, tatiyaṃ jhānaṃ samāpannassa pīti niruddhā hoti, catutthaṃ jhānaṃ samāpannassa assāsapassāssā niruddhā honti, ākāsānañcāyatanaṃ samāpannassa rūpasaññā niruddhā hoti, viññāṇañcāyatanaṃ samāpannassa ākāsānañcāyatanasaññā niruddhā hoti, ākiñcaññāyatanaṃ samāpannassa viññāṇañcāyatanasaññā niruddhā hoti, nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpannassa ākiñcaññāyatanasaññā niruddhā hoti, saññāvedayitanirodhaṃ samāpannassa saññā ca vedanā ca niruddhā honti. Ime nava dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติ อิเม นวุติ ธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาฯ

    ‘‘Iti ime navuti dhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā.

    ทส ธมฺมา

    Dasa dhammā

    ๓๖๐. ‘‘ทส ธมฺมา พหุการา…เป.… ทส ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    360. ‘‘Dasa dhammā bahukārā…pe… dasa dhammā sacchikātabbā.

    (ก) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา พหุการา? ทส นาถกรณาธมฺมา – อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน, อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, ยํปาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป.… สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    (Ka) ‘‘katame dasa dhammā bahukārā? Dasa nāthakaraṇādhammā – idhāvuso, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno, aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī samādāya sikkhati sikkhāpadesu, yaṃpāvuso, bhikkhu sīlavā hoti…pe… sikkhati sikkhāpadesu. Ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต …เป.… ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธา, ยํปาวุโส, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต…เป.… อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu bahussuto …pe… diṭṭhiyā suppaṭividdhā, yaṃpāvuso, bhikkhu bahussuto…pe… ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ กลฺยาณมิโตฺต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวโงฺกฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ…เป.… กลฺยาณสมฺปวโงฺกฯ อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu kalyāṇamitto hoti kalyāṇasahāyo kalyāṇasampavaṅko. Yaṃpāvuso, bhikkhu…pe… kalyāṇasampavaṅko. Ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวโจ โหติ โสวจสฺสกรเณหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต, ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิํฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ…เป.… อนุสาสนิํฯ อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu suvaco hoti sovacassakaraṇehi dhammehi samannāgato, khamo padakkhiṇaggāhī anusāsaniṃ. Yaṃpāvuso, bhikkhu…pe… anusāsaniṃ. Ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิํกรณียานิ ตตฺถ ทโกฺข โหติ อนลโส ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต, อลํ กาตุํ, อลํ สํวิธาตุํฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ…เป.… อลํ สํวิธาตุํฯ อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu yāni tāni sabrahmacārīnaṃ uccāvacāni kiṃkaraṇīyāni tattha dakkho hoti analaso tatrupāyāya vīmaṃsāya samannāgato, alaṃ kātuṃ, alaṃ saṃvidhātuṃ. Yaṃpāvuso, bhikkhu…pe… alaṃ saṃvidhātuṃ. Ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺมกาโม โหติ ปิยสมุทาหาโร อภิธเมฺม อภิวินเย อุฬารปาโมโชฺชฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ…เป.… อุฬารปาโมโชฺชฯ อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu dhammakāmo hoti piyasamudāhāro abhidhamme abhivinaye uḷārapāmojjo. Yaṃpāvuso, bhikkhu…pe… uḷārapāmojjo. Ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺตุโฎฺฐ โหติ อิตรีตเรหิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ …เป.… อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu santuṭṭho hoti itarītarehi cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārehi. Yaṃpāvuso, bhikkhu …pe… ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ…เป.… กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ…เป.… อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu āraddhavīriyo viharati…pe… kusalesu dhammesu. Yaṃpāvuso, bhikkhu…pe… ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สติมา โหติ, ปรเมน สติเนปเกฺกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ…เป.… อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu satimā hoti, paramena satinepakkena samannāgato, cirakatampi cirabhāsitampi saritā anussaritā. Yaṃpāvuso, bhikkhu…pe… ayampi dhammo nāthakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต, อริยาย นิเพฺพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ…เป.… อยมฺปิ ธโมฺม นาถกรโณฯ อิเม ทส ธมฺมา พหุการาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu paññavā hoti udayatthagāminiyā paññāya samannāgato, ariyāya nibbedhikāya sammā dukkhakkhayagāminiyā. Yaṃpāvuso, bhikkhu…pe… ayampi dhammo nāthakaraṇo. Ime dasa dhammā bahukārā.

    (ข) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา ภาเวตพฺพา? ทส กสิณายตนานิ – ปถวีกสิณเมโก สญฺชานาติ อุทฺธํ อโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณํฯ อาโปกสิณเมโก สญฺชานาติ…เป.… เตโชกสิณเมโก สญฺชานาติ… วาโยกสิณเมโก สญฺชานาติ… นีลกสิณเมโก สญฺชานาติ… ปีตกสิณเมโก สญฺชานาติ… โลหิตกสิณเมโก สญฺชานาติ… โอทาตกสิณเมโก สญฺชานาติ… อากาสกสิณเมโก สญฺชานาติ… วิญฺญาณกสิณเมโก สญฺชานาติ อุทฺธํ อโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณํ ฯ อิเม ทส ธมฺมา ภาเวตพฺพาฯ

    (Kha) ‘‘katame dasa dhammā bhāvetabbā? Dasa kasiṇāyatanāni – pathavīkasiṇameko sañjānāti uddhaṃ adho tiriyaṃ advayaṃ appamāṇaṃ. Āpokasiṇameko sañjānāti…pe… tejokasiṇameko sañjānāti… vāyokasiṇameko sañjānāti… nīlakasiṇameko sañjānāti… pītakasiṇameko sañjānāti… lohitakasiṇameko sañjānāti… odātakasiṇameko sañjānāti… ākāsakasiṇameko sañjānāti… viññāṇakasiṇameko sañjānāti uddhaṃ adho tiriyaṃ advayaṃ appamāṇaṃ . Ime dasa dhammā bhāvetabbā.

    (ค) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา ปริเญฺญยฺยา? ทสายตนานิ – จกฺขายตนํ, รูปายตนํ, โสตายตนํ, สทฺทายตนํ, ฆานายตนํ, คนฺธายตนํ, ชิวฺหายตนํ, รสายตนํ, กายายตนํ, โผฎฺฐพฺพายตนํฯ อิเม ทส ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ

    (Ga) ‘‘katame dasa dhammā pariññeyyā? Dasāyatanāni – cakkhāyatanaṃ, rūpāyatanaṃ, sotāyatanaṃ, saddāyatanaṃ, ghānāyatanaṃ, gandhāyatanaṃ, jivhāyatanaṃ, rasāyatanaṃ, kāyāyatanaṃ, phoṭṭhabbāyatanaṃ. Ime dasa dhammā pariññeyyā.

    (ฆ) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา ปหาตพฺพา? ทส มิจฺฉตฺตา – มิจฺฉาทิฎฺฐิ, มิจฺฉาสงฺกโปฺป, มิจฺฉาวาจา, มิจฺฉากมฺมโนฺต, มิจฺฉาอาชีโว, มิจฺฉาวายาโม, มิจฺฉาสติ, มิจฺฉาสมาธิ, มิจฺฉาญาณํ, มิจฺฉาวิมุตฺติฯ อิเม ทส ธมฺมา ปหาตพฺพาฯ

    (Gha) ‘‘katame dasa dhammā pahātabbā? Dasa micchattā – micchādiṭṭhi, micchāsaṅkappo, micchāvācā, micchākammanto, micchāājīvo, micchāvāyāmo, micchāsati, micchāsamādhi, micchāñāṇaṃ, micchāvimutti. Ime dasa dhammā pahātabbā.

    (ง) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา หานภาคิยา? ทส อกุสลกมฺมปถา – ปาณาติปาโต, อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจาโร, มุสาวาโท, ปิสุณา วาจา, ผรุสา วาจา, สมฺผปฺปลาโป, อภิชฺฌา, พฺยาปาโท, มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ อิเม ทส ธมฺมา หานภาคิยาฯ

    (Ṅa) ‘‘katame dasa dhammā hānabhāgiyā? Dasa akusalakammapathā – pāṇātipāto, adinnādānaṃ, kāmesumicchācāro, musāvādo, pisuṇā vācā, pharusā vācā, samphappalāpo, abhijjhā, byāpādo, micchādiṭṭhi. Ime dasa dhammā hānabhāgiyā.

    (จ) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา วิเสสภาคิยา? ทส กุสลกมฺมปถา – ปาณาติปาตา เวรมณี, อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี, มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี, อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท, สมฺมาทิฎฺฐิฯ อิเม ทส ธมฺมา วิเสสภาคิยาฯ

    (Ca) ‘‘katame dasa dhammā visesabhāgiyā? Dasa kusalakammapathā – pāṇātipātā veramaṇī, adinnādānā veramaṇī, kāmesumicchācārā veramaṇī, musāvādā veramaṇī, pisuṇāya vācāya veramaṇī, pharusāya vācāya veramaṇī, samphappalāpā veramaṇī, anabhijjhā, abyāpādo, sammādiṭṭhi. Ime dasa dhammā visesabhāgiyā.

    (ฉ) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌา? ทส อริยวาสา – อิธาวุโส , ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ, ฉฬงฺคสมนฺนาคโต, เอการโกฺข, จตุราปเสฺสโน, ปณุนฺนปเจฺจกสโจฺจ, สมวยสเฎฺฐสโน, อนาวิลสงฺกโปฺป, ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร, สุวิมุตฺตจิโตฺต, สุวิมุตฺตปโญฺญฯ

    (Cha) ‘‘katame dasa dhammā duppaṭivijjhā? Dasa ariyavāsā – idhāvuso , bhikkhu pañcaṅgavippahīno hoti, chaḷaṅgasamannāgato, ekārakkho, caturāpasseno, paṇunnapaccekasacco, samavayasaṭṭhesano, anāvilasaṅkappo, passaddhakāyasaṅkhāro, suvimuttacitto, suvimuttapañño.

    ‘‘กถญฺจาวุโส , ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กามจฺฉโนฺท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso , bhikkhu pañcaṅgavippahīno hoti? Idhāvuso, bhikkhuno kāmacchando pahīno hoti, byāpādo pahīno hoti, thinamiddhaṃ pahīnaṃ hoti, uddhaccakukkuccaṃ pahīnaṃ hoti, vicikicchā pahīnā hoti. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu pañcaṅgavippahīno hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu chaḷaṅgasamannāgato hoti? Idhāvuso, bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā neva sumano hoti na dummano, upekkhako viharati sato sampajāno. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya neva sumano hoti na dummano, upekkhako viharati sato sampajāno. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu chaḷaṅgasamannāgato hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ เอการโกฺข โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตารเกฺขน เจตสา สมนฺนาคโต โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ เอการโกฺข โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu ekārakkho hoti? Idhāvuso, bhikkhu satārakkhena cetasā samannāgato hoti. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu ekārakkho hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ จตุราปเสฺสโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สงฺขาเยกํ ปฎิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวเชฺชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ จตุราปเสฺสโน โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu caturāpasseno hoti? Idhāvuso, bhikkhu saṅkhāyekaṃ paṭisevati, saṅkhāyekaṃ adhivāseti, saṅkhāyekaṃ parivajjeti, saṅkhāyekaṃ vinodeti. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu caturāpasseno hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ปณุนฺนปเจฺจกสโจฺจ โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ปุถุปเจฺจกสจฺจานิ, สพฺพานิ ตานิ นุนฺนานิ โหนฺติ ปณุนฺนานิ จตฺตานิ วนฺตานิ มุตฺตานิ ปหีนานิ ปฎินิสฺสฎฺฐานิฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปณุนฺนปเจฺจกสโจฺจ โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu paṇunnapaccekasacco hoti? Idhāvuso, bhikkhuno yāni tāni puthusamaṇabrāhmaṇānaṃ puthupaccekasaccāni, sabbāni tāni nunnāni honti paṇunnāni cattāni vantāni muttāni pahīnāni paṭinissaṭṭhāni. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu paṇunnapaccekasacco hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สมวยสเฎฺฐสโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กาเมสนา ปหีนา โหติ, ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฎิปฺปสฺสทฺธาฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สมวยสเฎฺฐสโน โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu samavayasaṭṭhesano hoti? Idhāvuso, bhikkhuno kāmesanā pahīnā hoti, bhavesanā pahīnā hoti, brahmacariyesanā paṭippassaddhā. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu samavayasaṭṭhesano hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส , ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺปา โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กามสงฺกโปฺป ปหีโน โหติ, พฺยาปาทสงฺกโปฺป ปหีโน โหติ, วิหิํสาสงฺกโปฺป ปหีโน โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกโปฺป โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso , bhikkhu anāvilasaṅkappā hoti? Idhāvuso, bhikkhuno kāmasaṅkappo pahīno hoti, byāpādasaṅkappo pahīno hoti, vihiṃsāsaṅkappo pahīno hoti. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu anāvilasaṅkappo hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu passaddhakāyasaṅkhāro hoti? Idhāvuso, bhikkhu sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu passaddhakāyasaṅkhāro hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิโตฺต โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน ราคา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โทสา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โมหา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิโตฺต โหติฯ

    ‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu suvimuttacitto hoti? Idhāvuso, bhikkhuno rāgā cittaṃ vimuttaṃ hoti, dosā cittaṃ vimuttaṃ hoti, mohā cittaṃ vimuttaṃ hoti. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu suvimuttacitto hoti.

    ‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปโญฺญ โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ‘ราโค เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายติํ อนุปฺปาทธโมฺม’ติ ปชานาติฯ ‘โทโส เม ปหีโน…เป.… อายติํ อนุปฺปาทธโมฺม’ติ ปชานาติฯ ‘โมโห เม ปหีโน …เป.… อายติํ อนุปฺปาทธโมฺม’ติ ปชานาติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปโญฺญ โหติฯ อิเม ทส ธมฺมา ทุปฺปฎิวิชฺฌาฯ

    ‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu suvimuttapañño hoti? Idhāvuso, bhikkhu ‘rāgo me pahīno ucchinnamūlo tālāvatthukato anabhāvaṃkato āyatiṃ anuppādadhammo’ti pajānāti. ‘Doso me pahīno…pe… āyatiṃ anuppādadhammo’ti pajānāti. ‘Moho me pahīno …pe… āyatiṃ anuppādadhammo’ti pajānāti. Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu suvimuttapañño hoti. Ime dasa dhammā duppaṭivijjhā.

    (ช) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพา? ทส สญฺญา – อสุภสญฺญา, มรณสญฺญา, อาหาเรปฎิกูลสญฺญา, สพฺพโลเกอนภิรติสญฺญา, อนิจฺจสญฺญา, อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญา, ทุเกฺข อนตฺตสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญา, นิโรธสญฺญาฯ อิเม ทส ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    (Ja) ‘‘katame dasa dhammā uppādetabbā? Dasa saññā – asubhasaññā, maraṇasaññā, āhārepaṭikūlasaññā, sabbalokeanabhiratisaññā, aniccasaññā, anicce dukkhasaññā, dukkhe anattasaññā, pahānasaññā, virāgasaññā, nirodhasaññā. Ime dasa dhammā uppādetabbā.

    (ฌ) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา อภิเญฺญยฺยา? ทส นิชฺชรวตฺถูนิ – สมฺมาทิฎฺฐิสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิ นิชฺชิณฺณา โหติฯ เย จ มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ, เต จสฺส นิชฺชิณฺณา โหนฺติฯ สมฺมาสงฺกปฺปสฺส มิจฺฉาสงฺกโปฺป…เป.… สมฺมาวาจสฺส มิจฺฉาวาจา… สมฺมากมฺมนฺตสฺส มิจฺฉากมฺมโนฺต… สมฺมาอาชีวสฺส มิจฺฉาอาชีโว… สมฺมาวายามสฺส มิจฺฉาวายาโม… สมฺมาสติสฺส มิจฺฉาสติ… สมฺมาสมาธิสฺส มิจฺฉาสมาธิ… สมฺมาญาณสฺส มิจฺฉาญาณํ นิชฺชิณฺณํ โหติฯ สมฺมาวิมุตฺติสฺส มิจฺฉาวิมุตฺติ นิชฺชิณฺณา โหติฯ เย จ มิจฺฉาวิมุตฺติปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ, เต จสฺส นิชฺชิณฺณา โหนฺติฯ อิเม ทส ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาฯ

    (Jha) ‘‘katame dasa dhammā abhiññeyyā? Dasa nijjaravatthūni – sammādiṭṭhissa micchādiṭṭhi nijjiṇṇā hoti. Ye ca micchādiṭṭhipaccayā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti, te cassa nijjiṇṇā honti. Sammāsaṅkappassa micchāsaṅkappo…pe… sammāvācassa micchāvācā… sammākammantassa micchākammanto… sammāājīvassa micchāājīvo… sammāvāyāmassa micchāvāyāmo… sammāsatissa micchāsati… sammāsamādhissa micchāsamādhi… sammāñāṇassa micchāñāṇaṃ nijjiṇṇaṃ hoti. Sammāvimuttissa micchāvimutti nijjiṇṇā hoti. Ye ca micchāvimuttipaccayā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti, te cassa nijjiṇṇā honti. Ime dasa dhammā abhiññeyyā.

    (ญ) ‘‘กตเม ทส ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ทส อเสกฺขา ธมฺมา – อเสกฺขา สมฺมาทิฎฺฐิ, อเสโกฺข สมฺมาสงฺกโปฺป, อเสกฺขา สมฺมาวาจา, อเสโกฺข สมฺมากมฺมโนฺต, อเสโกฺข สมฺมาอาชีโว, อเสโกฺข สมฺมาวายาโม, อเสกฺขา สมฺมาสติ, อเสโกฺข สมฺมาสมาธิ, อเสกฺขํ สมฺมาญาณํ, อเสกฺขา สมฺมาวิมุตฺติฯ อิเม ทส ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    (Ña) ‘‘katame dasa dhammā sacchikātabbā? Dasa asekkhā dhammā – asekkhā sammādiṭṭhi, asekkho sammāsaṅkappo, asekkhā sammāvācā, asekkho sammākammanto, asekkho sammāājīvo, asekkho sammāvāyāmo, asekkhā sammāsati, asekkho sammāsamādhi, asekkhaṃ sammāñāṇaṃ, asekkhā sammāvimutti. Ime dasa dhammā sacchikātabbā.

    ‘‘อิติ อิเม สตธมฺมา ภูตา ตจฺฉา ตถา อวิตถา อนญฺญถา สมฺมา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา’’ติฯ อิทมโวจายสฺมา สาริปุโตฺตฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    ‘‘Iti ime satadhammā bhūtā tacchā tathā avitathā anaññathā sammā tathāgatena abhisambuddhā’’ti. Idamavocāyasmā sāriputto. Attamanā te bhikkhū āyasmato sāriputtassa bhāsitaṃ abhinandunti.

    ทสุตฺตรสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ เอกาทสมํฯ

    Dasuttarasuttaṃ niṭṭhitaṃ ekādasamaṃ.

    ปาถิกวโคฺค 33 นิฎฺฐิโตฯ

    Pāthikavaggo 34 niṭṭhito.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    ปาถิโก จ 35 อุทุมฺพรํ 36, จกฺกวตฺติ อคฺคญฺญกํ;

    Pāthiko ca 37 udumbaraṃ 38, cakkavatti aggaññakaṃ;

    สมฺปสาทนปาสาทํ 39, มหาปุริสลกฺขณํฯ

    Sampasādanapāsādaṃ 40, mahāpurisalakkhaṇaṃ.

    สิงฺคาลาฎานาฎิยกํ , สงฺคีติ จ ทสุตฺตรํ;

    Siṅgālāṭānāṭiyakaṃ , saṅgīti ca dasuttaraṃ;

    เอกาทสหิ สุเตฺตหิ, ปาถิกวโคฺคติ วุจฺจติฯ

    Ekādasahi suttehi, pāthikavaggoti vuccati.

    ปาถิกวคฺคปาฬิ นิฎฺฐิตาฯ

    Pāthikavaggapāḷi niṭṭhitā.

    ตีหิ วเคฺคหิ ปฎิมณฺฑิโต สกโล

    Tīhi vaggehi paṭimaṇḍito sakalo

    ทีฆนิกาโย สมโตฺตฯ

    Dīghanikāyo samatto.




    Footnotes:
    1. สปฺปุริสุปสฺสโย (สฺยา. กํ.)
    2. sappurisupassayo (syā. kaṃ.)
    3. กวฬีกาโร (สฺยา. กํ.)
    4. kavaḷīkāro (syā. kaṃ.)
    5. ทุกฺขสมุทโย (สฺยา. กํ.)
    6. ทุกฺขนิโรโธ (สฺยา. กํ.)
    7. dukkhasamudayo (syā. kaṃ.)
    8. dukkhanirodho (syā. kaṃ.)
    9. ปจฺจเวกฺขณานิมิตฺตํ (สฺยา. กํ.)
    10. paccavekkhaṇānimittaṃ (syā. kaṃ.)
    11. เสยฺยถีทํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    12. seyyathīdaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    13. น จ สสงฺขารนิคฺคยฺห วาริตวโตติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริวาวโต (ก.), น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริยาธิคโต (?)
    14. na ca sasaṅkhāraniggayha vāritavatoti (sī. syā. kaṃ. pī.), na sasaṅkhāraniggayhavārivāvato (ka.), na sasaṅkhāraniggayhavāriyādhigato (?)
    15. ภิกฺขุ (สฺยา. กํ.)
    16. bhikkhu (syā. kaṃ.)
    17. ชานาติ (สฺยา. กํ.)
    18. jānāti (syā. kaṃ.)
    19. หิริโก (สฺยา. กํ.)
    20. hiriko (syā. kaṃ.)
    21. สตฺถารํ วา (สฺยา. ก.)
    22. satthāraṃ vā (syā. ka.)
    23. อนุตฺตานิกตญฺจ อุตฺตานิํ (ก.)
    24. anuttānikatañca uttāniṃ (ka.)
    25. ปญฺญาวโต (สี. ปี.)
    26. นิปฺปปญฺจารามสฺส อยํ ธโมฺม นิปฺปปญฺจรติโน, นายํ ธโมฺม ปปญฺจารามสฺส ปปญฺจรติโนติ (สี. สฺยา. ปี.) องฺคุตฺตเรปิ ตเถว ทิสฺสติฯ อฎฺฐกถาฎีกา ปน โอโลเกตพฺพา
    27. paññāvato (sī. pī.)
    28. nippapañcārāmassa ayaṃ dhammo nippapañcaratino, nāyaṃ dhammo papañcārāmassa papañcaratinoti (sī. syā. pī.) aṅguttarepi tatheva dissati. aṭṭhakathāṭīkā pana oloketabbā
    29. อารกฺขาธิกรณํ ปฎิจฺจ (สฺยา. ปี. ก.)
    30. ārakkhādhikaraṇaṃ paṭicca (syā. pī. ka.)
    31. อนภิรตสญฺญา (สฺยา. ก.)
    32. anabhiratasaññā (syā. ka.)
    33. ปาฎิกวโคฺค (สี. สฺยา. ปี.)
    34. pāṭikavaggo (sī. syā. pī.)
    35. ปาฎิกญฺจ (สฺยา. กํ.)
    36. ปาฎิโกทุมฺพรีเจว (สี. ปี.)
    37. pāṭikañca (syā. kaṃ.)
    38. pāṭikodumbarīceva (sī. pī.)
    39. สมฺปสาทญฺจ ปาสาทํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    40. sampasādañca pāsādaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑๑. ทสุตฺตรสุตฺตวณฺณนา • 11. Dasuttarasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑๑. ทสุตฺตรสุตฺตวณฺณนา • 11. Dasuttarasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact