Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī

    ๑. เทสนาหารสมฺปาตวิภาวนา

    1. Desanāhārasampātavibhāvanā

    ๕๒. เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน เทสนาหารวิภงฺคาทิหารวิภเงฺคน อสฺสาทาทโย นานาสุตฺตตฺถา วิภตฺตา, โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต เทสนาหารวิภงฺคาทิหารวิภโงฺค ปริปุโณฺณฯ

    52. Yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena desanāhāravibhaṅgādihāravibhaṅgena assādādayo nānāsuttatthā vibhattā, so saṃvaṇṇanāvisesabhūto desanāhāravibhaṅgādihāravibhaṅgo paripuṇṇo.

    ‘‘โสฬส หารา ปฐมํ, ทิสาโลจนโต ทิสา วิโลเกตฺวา;

    ‘‘Soḷasa hārā paṭhamaṃ, disālocanato disā viloketvā;

    สงฺขิปิย องฺกุเสน หิ, นเยหิ ตีหิ นิทฺทิเส สุตฺต’’นฺติฯ (เนตฺติ. ๔ นยสเงฺขป) –

    Saṅkhipiya aṅkusena hi, nayehi tīhi niddise sutta’’nti. (netti. 4 nayasaṅkhepa) –

    คาถา นิเทฺทสวาเร อาจริเยน วุตฺตา, ตสฺสา คาถาย นิเทฺทโส หารวิภงฺควารสฺส อาทิมฺหิ น วิภโตฺต, ‘‘กุหิญฺจิ วิภโตฺต, หารสมฺปาเต วา วิภโตฺต กิํ, อุทาหุ นยสมุฎฺฐานหาเร วา วิภโตฺต กิ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘หารสมฺปาเต วิภโตฺต’’ติ ตุเมฺหหิ ทฎฺฐโพฺพติ วิญฺญาปนตฺถํ ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Gāthā niddesavāre ācariyena vuttā, tassā gāthāya niddeso hāravibhaṅgavārassa ādimhi na vibhatto, ‘‘kuhiñci vibhatto, hārasampāte vā vibhatto kiṃ, udāhu nayasamuṭṭhānahāre vā vibhatto ki’’nti pucchitabbattā ‘‘hārasampāte vibhatto’’ti tumhehi daṭṭhabboti viññāpanatthaṃ ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’ntiādi vuttaṃ.

    อถ วา สุปริกมฺมกตภูมิสทิเสสุ สํวเณฺณตเพฺพสุ นานาสุตฺตปฺปเทเสสุ นานาวณฺณสุคนฺธปุปฺผสทิเส โสฬส หาเร สํวณฺณนาภาเวน โยเชตฺวา โสฬส หารา อาจริเยน วิภตฺตา, ตถา สุสิกฺขิตสิปฺปาจริยสุวิจาริตชมฺพุนทาภรณสทิเสสุ สํวเณฺณตเพฺพสุ นานาสุตฺตปฺปเทเสสุ นานาวิธรํสิชาลวิวิธมณิรตนสทิเส โสฬส หาเร สํวณฺณนาภาเวน โยเชตฺวาว โสฬส หารา วิภตฺตา, มหาปถวิํ ปริวเตฺตตฺวา ปปฺปฎโกชสฺส ขาทาปนํ อติทุกฺกรํ วิย, นานาวิเธสุ สํวเณฺณตเพฺพสุ สุตฺตปฺปเทเสสุ ปรมโตฺถชาย โสฬสหิ หาเรหิ อติทุกฺกรขาทาปนสทิสํ วิญฺญาปนํ กโรเนฺตน จ โยชนิกมธุคณฺฑํ ปีเฬตฺวา สุมธุรสสฺส ปายาปนํ อติทุกฺกรํ วิย นานาวิเธสุ สํวเณฺณตเพฺพสุ สุตฺตปฺปเทเสสุ ปรมตฺถมธุรสสฺส โสฬสหิ หาเรหิ อติทุกฺกรํ ปายาปนสทิสํ วิญฺญาปนํ กโรเนฺตน จ อาจริเยน อเนเกสุ สํวเณฺณตพฺพสุตฺตปฺปเทเสสุ โสฬส หาเร สํวณฺณนาภาเวน โยเชตฺวา โสฬส หารา วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘นานาวิธสุตฺตปฺปเทเสสุ เต สํวณฺณนาภาเวน โยเชตฺวา โสฬส หารา วิภตฺตา กิํ , อุทาหุ เอกสฺมิมฺปิ สํวเณฺณตพฺพสุตฺตปฺปเทเส สํวณฺณนาภาเวน โยเชตฺวา โสฬส หารา วิภตฺตา กิ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา เอกสฺมิมฺปิ สํวเณฺณตพฺพสุตฺตปฺปเทเส สํวณฺณนาภาเวน โยเชตฺวา โสฬส หารา วิภตฺตาเยวาติ ตถา วิภชโนฺต ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติอาทิกํ หารสมฺปาตวารํ อาหฯ

    Atha vā suparikammakatabhūmisadisesu saṃvaṇṇetabbesu nānāsuttappadesesu nānāvaṇṇasugandhapupphasadise soḷasa hāre saṃvaṇṇanābhāvena yojetvā soḷasa hārā ācariyena vibhattā, tathā susikkhitasippācariyasuvicāritajambunadābharaṇasadisesu saṃvaṇṇetabbesu nānāsuttappadesesu nānāvidharaṃsijālavividhamaṇiratanasadise soḷasa hāre saṃvaṇṇanābhāvena yojetvāva soḷasa hārā vibhattā, mahāpathaviṃ parivattetvā pappaṭakojassa khādāpanaṃ atidukkaraṃ viya, nānāvidhesu saṃvaṇṇetabbesu suttappadesesu paramatthojāya soḷasahi hārehi atidukkarakhādāpanasadisaṃ viññāpanaṃ karontena ca yojanikamadhugaṇḍaṃ pīḷetvā sumadhurasassa pāyāpanaṃ atidukkaraṃ viya nānāvidhesu saṃvaṇṇetabbesu suttappadesesu paramatthamadhurasassa soḷasahi hārehi atidukkaraṃ pāyāpanasadisaṃ viññāpanaṃ karontena ca ācariyena anekesu saṃvaṇṇetabbasuttappadesesu soḷasa hāre saṃvaṇṇanābhāvena yojetvā soḷasa hārā vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘nānāvidhasuttappadesesu te saṃvaṇṇanābhāvena yojetvā soḷasa hārā vibhattā kiṃ , udāhu ekasmimpi saṃvaṇṇetabbasuttappadese saṃvaṇṇanābhāvena yojetvā soḷasa hārā vibhattā ki’’nti vattabbattā ekasmimpi saṃvaṇṇetabbasuttappadese saṃvaṇṇanābhāvena yojetvā soḷasa hārā vibhattāyevāti tathā vibhajanto ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’ntiādikaṃ hārasampātavāraṃ āha.

    นนุ หารสมฺปาตวารํ กเถตุกาเมน อาจริเยน ‘‘ตตฺถ กตโม เทสนาหารสมฺปาโต’’ติอาทิวจนํ วตฺตพฺพํ, อถ กสฺมา ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติอาทิ วตฺตพฺพนฺติ เจ? นิเทฺทเส วุตฺตํ ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติอาทิกํ คาถํ หารวิภงฺควาโร นปฺปโยเชติ วิปฺปกิณฺณวิสยตฺตา จ นยวิจารสฺส จ อนฺตริตตฺตาฯ หารสมฺปาตวาโร ปน ตํ คาถํ ปโยเชติ อวิกิณฺณวิสยตฺตาฯ ตสฺมา ตํ คาถํ ปจฺจามสิตฺวา หารสมฺปาตวาเร ตสฺสา คาถาย นิเทฺทโส ทฎฺฐโพฺพติ วิญฺญาปนตฺถํ ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติอาทิ วตฺตพฺพํเยวาติฯ อฎฺฐกถายํ ปน –

    Nanu hārasampātavāraṃ kathetukāmena ācariyena ‘‘tattha katamo desanāhārasampāto’’tiādivacanaṃ vattabbaṃ, atha kasmā ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’ntiādi vattabbanti ce? Niddese vuttaṃ ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’ntiādikaṃ gāthaṃ hāravibhaṅgavāro nappayojeti vippakiṇṇavisayattā ca nayavicārassa ca antaritattā. Hārasampātavāro pana taṃ gāthaṃ payojeti avikiṇṇavisayattā. Tasmā taṃ gāthaṃ paccāmasitvā hārasampātavāre tassā gāthāya niddeso daṭṭhabboti viññāpanatthaṃ ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’ntiādi vattabbaṃyevāti. Aṭṭhakathāyaṃ pana –

    เอวํ สุปริกมฺมกตาย ภูมิยา นานาวณฺณานิ มุตฺตปุปฺผานิ ปกิรโนฺต วิย, สุสิกฺขิตสิปฺปาจริยวิจาริเตสุ สุรตฺตสุวณฺณาลงฺกาเรสุ นานาวิธรํสิชาลสมุชฺชลานิ วิวิธานิ มณิรตนานิ พนฺธโนฺต วิย, มหาปถวิํ ปริวเตฺตตฺวา ปปฺปฎโกชํ ขาทาเปโนฺต วิย , โยชนิกมธุคณฺฑํ ปีเฬตฺวา สุมธุรสํ ปาเยโนฺต วิย จ อายสฺมา มหากจฺจาโน นานาสุตฺตปฺปเทเส อุทาหรโนฺต โสฬส หาเร วิภชิตฺวา อิทานิ เต เอกสฺมิํเยว สุเตฺต โยเชตฺวา ทเสฺสโนฺต หารสมฺปาตวารํ อารภิฯ อารภโนฺต จ ยายํ นิเทฺทสวาเร –

    Evaṃ suparikammakatāya bhūmiyā nānāvaṇṇāni muttapupphāni pakiranto viya, susikkhitasippācariyavicāritesu surattasuvaṇṇālaṅkāresu nānāvidharaṃsijālasamujjalāni vividhāni maṇiratanāni bandhanto viya, mahāpathaviṃ parivattetvā pappaṭakojaṃ khādāpento viya , yojanikamadhugaṇḍaṃ pīḷetvā sumadhurasaṃ pāyento viya ca āyasmā mahākaccāno nānāsuttappadese udāharanto soḷasa hāre vibhajitvā idāni te ekasmiṃyeva sutte yojetvā dassento hārasampātavāraṃ ārabhi. Ārabhanto ca yāyaṃ niddesavāre –

    ‘‘โสฬส หารา ปฐมํ, ทิสาโลจนโต ทิสา วิโลเกตฺวา;

    ‘‘Soḷasa hārā paṭhamaṃ, disālocanato disā viloketvā;

    สงฺขิปิย องฺกุเสน หิ, นเยหิ ตีหิ นิทฺทิเส สุตฺต’’นฺติฯ –

    Saṅkhipiya aṅkusena hi, nayehi tīhi niddise sutta’’nti. –

    คาถา วุตฺตาฯ ยสฺมา ตํ หารวิภงฺควาโร นปฺปโยเชติ วิปฺปกิณฺณวิสยตฺตา, นยวิจารสฺส จ อนฺตริตตฺตาฯ อเนเกหิ สุตฺตปฺปเทเสหิ หารานํ วิภาคทสฺสนเมว หิ หารวิภงฺควาโรฯ หารสมฺปาตวาโร ปน ตํ ปโยเชติ เอกสฺมิํเยว สุตฺตปฺปเทเส โสฬส หาเร โยเชตฺวาว ตทนนฺตรํ นยสมุฎฺฐานสฺส กถิตตฺตาฯ ตสฺมา ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติ คาถํ ปจฺจามสิตฺวา ‘‘ตสฺสา นิเทฺทโส กุหิํ ทฎฺฐโพฺพ? หารสมฺปาเตติ อาหา’’ติ –

    Gāthā vuttā. Yasmā taṃ hāravibhaṅgavāro nappayojeti vippakiṇṇavisayattā, nayavicārassa ca antaritattā. Anekehi suttappadesehi hārānaṃ vibhāgadassanameva hi hāravibhaṅgavāro. Hārasampātavāro pana taṃ payojeti ekasmiṃyeva suttappadese soḷasa hāre yojetvāva tadanantaraṃ nayasamuṭṭhānassa kathitattā. Tasmā ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’nti gāthaṃ paccāmasitvā ‘‘tassā niddeso kuhiṃ daṭṭhabbo? Hārasampāteti āhā’’ti –

    วุตฺตํฯ คาถาโตฺถ นิเทฺทสวิภาวนายํ วุโตฺตวฯ ‘‘โสฬส…เป.… สุตฺต’’นฺติ ยา คาถา นิเทฺทเส อาจริเยน วุตฺตา, ตสฺสา คาถาย นิเทฺทโส กุหิํ ทฎฺฐโพฺพ, หารวิภงฺคสฺส อาทิมฺหิ อาจริเยน น วิภโตฺต, หารสมฺปาเต วา ปจฺจามสิตฺวา วิภโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพ กิํ, อุทาหุ นยสมุฎฺฐาเน วา ปจฺจามสิตฺวา วิภโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพ กินฺติ ปุจฺฉติฯ หารสมฺปาเต ปจฺจามสิตฺวา วิภโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพติ วิสฺสชฺชนาฯ

    Vuttaṃ. Gāthāttho niddesavibhāvanāyaṃ vuttova. ‘‘Soḷasa…pe… sutta’’nti yā gāthā niddese ācariyena vuttā, tassā gāthāya niddeso kuhiṃ daṭṭhabbo, hāravibhaṅgassa ādimhi ācariyena na vibhatto, hārasampāte vā paccāmasitvā vibhattoti daṭṭhabbo kiṃ, udāhu nayasamuṭṭhāne vā paccāmasitvā vibhattoti daṭṭhabbo kinti pucchati. Hārasampāte paccāmasitvā vibhattoti daṭṭhabboti vissajjanā.

    หารสมฺปาเต ตสฺสา คาถาย นิเทฺทโส ทฎฺฐโพฺพติ อาจริเยน วุโตฺต, โส หารสมฺปาโต เทสนาหารสมฺปาตเภเทน โสฬสวิโธ, ‘‘ตตฺถ กตโม หารสมฺปาโต เทสนาหารสมฺปาโต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อิมสฺมิํ สุเตฺต สํวเณฺณตเพฺพ สํวณฺณนาภาเวน มยา วิภชิยมาโน หารสมฺปาตภูโต สํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหารสมฺปาโต นามาติ ตถา วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ กตโม เทสนาหารสมฺปาโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ โสฬสวิเธ เทสนาหารสมฺปาตาทิเก หารสมฺปาเตฯ กตโม หารสมฺปาตภูโต สํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหารสมฺปาโต นามาติ ปุจฺฉติฯ

    Hārasampāte tassā gāthāya niddeso daṭṭhabboti ācariyena vutto, so hārasampāto desanāhārasampātabhedena soḷasavidho, ‘‘tattha katamo hārasampāto desanāhārasampāto’’ti pucchitabbattā imasmiṃ sutte saṃvaṇṇetabbe saṃvaṇṇanābhāvena mayā vibhajiyamāno hārasampātabhūto saṃvaṇṇanāviseso desanāhārasampāto nāmāti tathā vibhajituṃ ‘‘tattha katamo desanāhārasampāto’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti tasmiṃ soḷasavidhe desanāhārasampātādike hārasampāte. Katamo hārasampātabhūto saṃvaṇṇanāviseso desanāhārasampāto nāmāti pucchati.

    ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตน, มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตน จ;

    ‘‘Arakkhitena cittena, micchādiṭṭhihatena ca;

    ถินมิทฺธาภิภูเตน, วสํ มารสฺส คจฺฉตี’’ติฯ –

    Thinamiddhābhibhūtena, vasaṃ mārassa gacchatī’’ti. –

    สุเตฺต ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนาติ กิํเทสยตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปมาทํ เทสยตี’’ติอาทิสํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหารสมฺปาโต นามาติ วุตฺตํ โหติฯ คาถาโตฺถ อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๒) วิภโตฺตฯ โยชนโตฺถ ปน อรกฺขิเตน จิเตฺตน อรกฺขิตจิตฺตสมงฺคี ปุคฺคโล มารสฺส มจฺจุโน วสํ คจฺฉติฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตน วิปลฺลาเสน วิปลฺลาสสมงฺคี ปุคฺคโล มารสฺส วสํ คจฺฉติฯ ถินมิทฺธาภิภูเตน สสงฺขาริกจิเตฺตน กุสีตจิเตฺตน ตํจิตฺตสมงฺคี ปุคฺคโล มารสฺส กิเลสาทิมารสฺส วสํ คจฺฉตีติฯ

    Sutte ‘‘arakkhitena cittenāti kiṃdesayatī’’ti pucchitvā ‘‘pamādaṃ desayatī’’tiādisaṃvaṇṇanāviseso desanāhārasampāto nāmāti vuttaṃ hoti. Gāthāttho aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 52) vibhatto. Yojanattho pana arakkhitena cittena arakkhitacittasamaṅgī puggalo mārassa maccuno vasaṃ gacchati. Micchādiṭṭhihatena vipallāsena vipallāsasamaṅgī puggalo mārassa vasaṃ gacchati. Thinamiddhābhibhūtena sasaṅkhārikacittena kusītacittena taṃcittasamaṅgī puggalo mārassa kilesādimārassa vasaṃ gacchatīti.

    ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนา’ติ ปเทน เทสิตํ ตํ ปมาทธมฺมชาตํ กสฺส ปท’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตํ มจฺจุโน ปท’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนา’’ติ อิมินา สุตฺตปฺปเทเสน เทสิโต อโตฺถ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตน จาติ สุตฺตปฺปเทเสน เทสิโต อโตฺถ กถํ วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตน จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เยน วิปลฺลาเสน ยทา อนิเจฺจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ ปสฺสติ, ตทา ปวโตฺต โส วิปลฺลาโส ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิหตํ นามา’’ติ วุจฺจติฯ ‘‘โส ปน วิปลฺลาโส กิํลกฺขโณ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ตถา ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิปรีตคฺคาหลกฺขโณ วิปลฺลาโส’’ติ วุตฺตํฯ

    ‘‘Arakkhitena cittenā’ti padena desitaṃ taṃ pamādadhammajātaṃ kassa pada’’nti vattabbattā ‘‘taṃ maccuno pada’’nti vuttaṃ. ‘‘Arakkhitena cittenā’’ti iminā suttappadesena desito attho ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘micchādiṭṭhihatena cāti suttappadesena desito attho kathaṃ vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘micchādiṭṭhihatena cā’’tiādi vuttaṃ. Yena vipallāsena yadā anicce ‘‘nicca’’nti passati, tadā pavatto so vipallāso ‘‘micchādiṭṭhihataṃ nāmā’’ti vuccati. ‘‘So pana vipallāso kiṃlakkhaṇo’’ti pucchitabbattā tathā pucchitvā ‘‘viparītaggāhalakkhaṇo vipallāso’’ti vuttaṃ.

    วิปรีตคฺคาหลกฺขโณติ อสุภาทีนํเยว สุภาทิวิปรีตคฺคาหลกฺขโณ วิปลฺลาโส ‘‘วิปลฺลาสยตี’’ติ การิตตฺถสมฺภวโตฯ กิํ วิปลฺลาโส วิปรีตคฺคาหลกฺขโณ? โส วิปลฺลาโส สญฺญํ วิปลฺลาสยติ, จิตฺตมฺปิ วิปลฺลาสยติ, ทิฎฺฐิมฺปิ วิปลฺลาสยติฯ อิติ ตโย ธเมฺม วิปลฺลาสยตีติ วิปลฺลาเสตพฺพานํ ติวิธตฺตา วิปลฺลาสาปิ ติวิธา โหนฺติฯ เตสุ สญฺญาวิปลฺลาโส มุทุโก ทุพฺพโล สุภาทิวเสน อุปฎฺฐิตาการคฺคหณมตฺตตฺตา, จิตฺตวิปลฺลาโส สญฺญาวิปลฺลาสโต พลวา สุภาทิวเสน อุปฎฺฐหนฺตานํ รูปกฺขนฺธาทีนํ สุภาทิวเสน สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา คหณโตฯ ทิฎฺฐิวิปลฺลาโส สญฺญาวิปลฺลาสจิตฺตวิปลฺลาเสหิ พลวตโร, ยํ ยํ อารมฺมณํ สุภาทิอากาเรน อุปฎฺฐาติฯ ตํ ตํ อารมฺมณํ สสฺสตาทิวเสน อภินิวิสิตฺวา คหณโตฯ ตสฺมา สญฺญาวิปลฺลาโส ปฐมํ วุโตฺต, ตทนนฺตรํ จิตฺตวิปลฺลาโส, ตทนนฺตรํ ทิฎฺฐิวิปลฺลาโส วุโตฺตฯ วิตฺถารโต ปน เอเกกสฺส สุภสุขอตฺตนิจฺจคฺคหณวเสน จตุพฺพิธตฺตา ทฺวาทสวิธา โหนฺติฯ

    Viparītaggāhalakkhaṇoti asubhādīnaṃyeva subhādiviparītaggāhalakkhaṇo vipallāso ‘‘vipallāsayatī’’ti kāritatthasambhavato. Kiṃ vipallāso viparītaggāhalakkhaṇo? So vipallāso saññaṃ vipallāsayati, cittampi vipallāsayati, diṭṭhimpi vipallāsayati. Iti tayo dhamme vipallāsayatīti vipallāsetabbānaṃ tividhattā vipallāsāpi tividhā honti. Tesu saññāvipallāso muduko dubbalo subhādivasena upaṭṭhitākāraggahaṇamattattā, cittavipallāso saññāvipallāsato balavā subhādivasena upaṭṭhahantānaṃ rūpakkhandhādīnaṃ subhādivasena sanniṭṭhānaṃ katvā gahaṇato. Diṭṭhivipallāso saññāvipallāsacittavipallāsehi balavataro, yaṃ yaṃ ārammaṇaṃ subhādiākārena upaṭṭhāti. Taṃ taṃ ārammaṇaṃ sassatādivasena abhinivisitvā gahaṇato. Tasmā saññāvipallāso paṭhamaṃ vutto, tadanantaraṃ cittavipallāso, tadanantaraṃ diṭṭhivipallāso vutto. Vitthārato pana ekekassa subhasukhaattaniccaggahaṇavasena catubbidhattā dvādasavidhā honti.

    วิปลฺลาสา อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตเม วิปลฺลาสปวตฺติฎฺฐานวิสยา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อิมานิ อตฺตภาววตฺถูนิ วิปลฺลาสปวตฺติฎฺฐานวิสยานีติ ทเสฺสตุํ ‘‘โส กุหิํ วิปลฺลาสยติ จตูสุ อตฺตภาววตฺถูสู’’ติ วุตฺตํฯ จตูสุ รูปกายเวทนาจิตฺตธมฺมสงฺขาเตสุ อตฺตภาววตฺถูสุ โส สโพฺพ วิปลฺลาโส สญฺญาจิตฺตทิฎฺฐิโย วิปลฺลาสยติฯ ‘‘กถํ สมนุปสฺสนฺตสฺส วิปลฺลาสยตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โย ปุคฺคโล รูปํ วา อตฺตโต สมนุปสฺสติ, รูปวนฺตํ อตฺตานํ วา อตฺตโต สมนุปสฺสติ , อตฺตนิ รูปํ วา อตฺตโต สมนุปสฺสติฯ รูปสฺมิํ อตฺตานํ วา อตฺตโต สมนุปสฺสติ, เอวํ ตสฺส สมนุปสฺสนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วิปลฺลาโส รูปกาเย สญฺญาจิตฺตทิฎฺฐิโย วิปลฺลาสยติฯ เอเสว นโย เวทนาทีสุปิฯ

    Vipallāsā ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘katame vipallāsapavattiṭṭhānavisayā’’ti pucchitabbattā imāni attabhāvavatthūni vipallāsapavattiṭṭhānavisayānīti dassetuṃ ‘‘so kuhiṃ vipallāsayati catūsu attabhāvavatthūsū’’ti vuttaṃ. Catūsu rūpakāyavedanācittadhammasaṅkhātesu attabhāvavatthūsu so sabbo vipallāso saññācittadiṭṭhiyo vipallāsayati. ‘‘Kathaṃ samanupassantassa vipallāsayatī’’ti pucchitabbattā ‘‘rūpaṃ attato samanupassatī’’tiādi vuttaṃ. Yo puggalo rūpaṃ vā attato samanupassati, rūpavantaṃ attānaṃ vā attato samanupassati , attani rūpaṃ vā attato samanupassati. Rūpasmiṃ attānaṃ vā attato samanupassati, evaṃ tassa samanupassantassa puggalassa vipallāso rūpakāye saññācittadiṭṭhiyo vipallāsayati. Eseva nayo vedanādīsupi.

    ‘‘เตสุ รูปกายาทีสุ กตมํ กตมสฺส วิปลฺลาสสฺส วตฺถู’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา เอวํ ปวตฺตมานสฺส วิปลฺลาสสฺส อิทํ อิมสฺส วตฺถูติ วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ เตสุ รูปาทีสุ จตูสุ ปฐมํ วิปลฺลาสวตฺถุ รูปํ ‘‘อสุเภ สุภ’’นฺติ เอวํ ปวตฺตมานสฺส วิปลฺลาสสฺส วตฺถุ โหตีติ วิภชิตฺวา คเหตพฺพํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เอวํ ‘‘อสุเภ สุภ’’นฺติอาทิปฺปกาเรน วิปลฺลาสา จตุพฺพิธา ภวนฺติฯ

    ‘‘Tesu rūpakāyādīsu katamaṃ katamassa vipallāsassa vatthū’’ti pucchitabbattā evaṃ pavattamānassa vipallāsassa idaṃ imassa vatthūti vibhajituṃ ‘‘tattha rūpa’’ntiādi vuttaṃ. Tatthāti tesu rūpādīsu catūsu paṭhamaṃ vipallāsavatthu rūpaṃ ‘‘asubhe subha’’nti evaṃ pavattamānassa vipallāsassa vatthu hotīti vibhajitvā gahetabbaṃ. Esa nayo sesesupi. Evaṃ ‘‘asubhe subha’’ntiādippakārena vipallāsā catubbidhā bhavanti.

    อิทํ อิมสฺส วตฺถูติ อาจริเยน วิภชิตฺวา ทสฺสิตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘เตสํ วิปลฺลาสานํ กตเม มูลการณธมฺมา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เทฺว ธมฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จิตฺตสฺส สํกิเลสา, ตณฺหา จ อวิชฺชา จ – อิเม เทฺว ธมฺมา วิปลฺลาสานํ มูลการณภูตา ภวนฺติฯ

    Idaṃ imassa vatthūti ācariyena vibhajitvā dassitā, amhehi ca ñātā, ‘‘tesaṃ vipallāsānaṃ katame mūlakāraṇadhammā’’ti pucchitabbattā ‘‘dve dhammā’’tiādi vuttaṃ. Cittassa saṃkilesā, taṇhā ca avijjā ca – ime dve dhammā vipallāsānaṃ mūlakāraṇabhūtā bhavanti.

    ‘‘อิเม เทฺว ธมฺมา เอกโต วิปลฺลาสานํ มูลการณํ กิํ โหนฺติ, อุทาหุ วิสุํ วิสุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา วิสุํ วิสุํ วิภชิตุํ ‘‘ตณฺหานิวุต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อวิชฺชารหิตา ตณฺหา นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ตณฺหาอวิชฺชานิวุต’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ? น, ตณฺหาย สาติสยปจฺจยตฺตาฯ สาติสยาย หิ ตณฺหาย อสุเภปิ ‘‘สุภ’’นฺติ, ทุเกฺขปิ ‘‘สุข’’นฺติ สมนุปสฺสนฺติฯ ‘‘ตณฺหา จ อวิชฺชา จา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อวิชฺชานิวุต’’นฺติ วตฺตพฺพํ, กสฺมา ‘‘ทิฎฺฐินิวุต’’นฺติ วุตฺตนฺติ? อวิชฺชาย ทิฎฺฐิ ภวตีติ ทิฎฺฐิสีเสน อวิชฺชํ คเหตฺวา ‘‘ทิฎฺฐินิวุต’’นฺติ วุตฺตํ, อวิชฺชานิวุตนฺติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ ‘‘อวิชฺชานิวุต’’นฺติ วุเตฺต ปน ทิฎฺฐิรหิตา อวิชฺชาปิ คหิตา สิยา, ทิฎฺฐิสหิตาย หิ อวิชฺชาย อนิเจฺจปิ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ, อนตฺตนิเยปิ ‘‘อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสนฺติฯ

    ‘‘Ime dve dhammā ekato vipallāsānaṃ mūlakāraṇaṃ kiṃ honti, udāhu visuṃ visu’’nti vattabbattā visuṃ visuṃ vibhajituṃ ‘‘taṇhānivuta’’ntiādi vuttaṃ. Avijjārahitā taṇhā nāma natthi, tasmā ‘‘taṇhāavijjānivuta’’nti vattabbanti? Na, taṇhāya sātisayapaccayattā. Sātisayāya hi taṇhāya asubhepi ‘‘subha’’nti, dukkhepi ‘‘sukha’’nti samanupassanti. ‘‘Taṇhā ca avijjā cā’’ti vuttattā ‘‘avijjānivuta’’nti vattabbaṃ, kasmā ‘‘diṭṭhinivuta’’nti vuttanti? Avijjāya diṭṭhi bhavatīti diṭṭhisīsena avijjaṃ gahetvā ‘‘diṭṭhinivuta’’nti vuttaṃ, avijjānivutanti attho gahetabbo. ‘‘Avijjānivuta’’nti vutte pana diṭṭhirahitā avijjāpi gahitā siyā, diṭṭhisahitāya hi avijjāya aniccepi ‘‘nicca’’nti, anattaniyepi ‘‘attā’’ti samanupassanti.

    ‘‘กถํ ตณฺหามูลโก วิปลฺลาโส ปวโตฺต, กถํ ทิฎฺฐิสหิตาวิชฺชามูลโก วิปลฺลาโส ปวโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ โย ทิฎฺฐิวิปลฺลาโส’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ เตสุ ตณฺหามูลกทิฎฺฐิสหิตาวิชฺชามูลเกสุฯ ทิฎฺฐิวิปลฺลาโสติ ทิฎฺฐิสหิตาวิชฺชามูลกวิปลฺลาโสฯ อตีตํ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ อทพฺพภูโตปิ ทพฺพภูโต วิย วุโตฺตฯ ตณฺหาวิปลฺลาโสติ ทิฎฺฐิสหิตตณฺหามูลโก วิปลฺลาโส อนาคตํ รูปํ ทิฎฺฐิภินนฺทนวเสน อภินนฺทตีติฯ เอวํ อตีตสมนุปสฺสนอนาคตาภินนฺทนเภเทน ปวตฺติวิเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘จิตฺตสฺส สํกิเลโส ตณฺหาอวิชฺชาเยว เทฺว ธมฺมา น โหนฺติ, อถ โข ทส กิเลสาปิ, กสฺมา เทฺวเยว วุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เทฺว ธมฺมา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตณฺหา จ อวิชฺชา จ – อิเม เทฺวเยว ธมฺมา ปรมสาวชฺชสฺส วิปลฺลาสสฺส มูลการณตฺตาฯ ตาหิ ตณฺหาอวิชฺชาหิ วิสุชฺฌนฺตํ จิตฺตํ สเพฺพหิ กิเลเสหิ วิสุชฺฌติ, ตสฺมา จ วิเสสโต จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา โหนฺตีติ เทฺว ธมฺมา วุตฺตาฯ น หิ ตาสุ ตณฺหาอวิชฺชาสุ อรหตฺตมเคฺคน ปหีนาสุ โกจิ สํกิเลโส อปฺปหีโน นาม นตฺถีติฯ

    ‘‘Kathaṃ taṇhāmūlako vipallāso pavatto, kathaṃ diṭṭhisahitāvijjāmūlako vipallāso pavatto’’ti vattabbattā ‘‘tattha yo diṭṭhivipallāso’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti tesu taṇhāmūlakadiṭṭhisahitāvijjāmūlakesu. Diṭṭhivipallāsoti diṭṭhisahitāvijjāmūlakavipallāso. Atītaṃ rūpaṃ attato samanupassatīti adabbabhūtopi dabbabhūto viya vutto. Taṇhāvipallāsoti diṭṭhisahitataṇhāmūlako vipallāso anāgataṃrūpaṃ diṭṭhibhinandanavasena abhinandatīti. Evaṃ atītasamanupassanaanāgatābhinandanabhedena pavattiviseso daṭṭhabbo. ‘‘Cittassa saṃkileso taṇhāavijjāyeva dve dhammā na honti, atha kho dasa kilesāpi, kasmā dveyeva vuttā’’ti vattabbattā ‘‘dve dhammā cittassa upakkilesā’’tiādi vuttaṃ. Taṇhā ca avijjā ca – ime dveyeva dhammā paramasāvajjassa vipallāsassa mūlakāraṇattā. Tāhi taṇhāavijjāhi visujjhantaṃ cittaṃ sabbehi kilesehi visujjhati, tasmā ca visesato cittassa upakkilesā hontīti dve dhammā vuttā. Na hi tāsu taṇhāavijjāsu arahattamaggena pahīnāsu koci saṃkileso appahīno nāma natthīti.

    ‘‘วุตฺตปฺปการา ตณฺหาอวิชฺชา วุตฺตปฺปการานํ วิปลฺลาสานํเยว มูลการณํ โหนฺติ กิํ, อุทาหุ สกลสฺส วฎฺฎสฺสาปิ มูลการณํ โหนฺติ กิ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา วุตฺตปฺปการา ตณฺหาอวิชฺชา วุตฺตปฺปการานํ มูลการณํ โหนฺติ ยถา, เอวํ สกลสฺส วฎฺฎสฺสาปิ มูลการณํ โหนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เยสํ ปุคฺคลานํ จิตฺตํ อรกฺขิตํ, มิจฺฉาทิฎฺฐิหตญฺจ โหติ, เตสํ ปุคฺคลานํฯ เยสํ อวิชฺชานีวรณานํ ตณฺหาสํโยชนานํ ปุพฺพโกฎิ น ปญฺญายติ, เตหิ อวิชฺชานีวรเณหิ ตณฺหาสํโยชเนหิ สํสาเร สนฺธาวนฺตานํ สํสรนฺตานํ ปุคฺคลานํ สกิํ นิรยํ มารวสคมเนน สนฺธาวนํ สํสรณํ โหติ, สกิํ ติรจฺฉานโยนิํ สนฺธาวนํ สํสรณํ โหติ, สกิํ เปตฺติวิสยํ สนฺธาวนํ สํสรณํ โหติ, สกิํ อสุรกายํ สนฺธาวนํ สํสรณํ โหติ, สกิํ เทเว สนฺธาวนํ สํสรณํ โหติ, สกิํ มนุเสฺส สนฺธาวนํ สํสรณํ โหตีติ อโตฺถฯ

    ‘‘Vuttappakārā taṇhāavijjā vuttappakārānaṃ vipallāsānaṃyeva mūlakāraṇaṃ honti kiṃ, udāhu sakalassa vaṭṭassāpi mūlakāraṇaṃ honti ki’’nti vattabbattā vuttappakārā taṇhāavijjā vuttappakārānaṃ mūlakāraṇaṃ honti yathā, evaṃ sakalassa vaṭṭassāpi mūlakāraṇaṃ hontīti dassetuṃ ‘‘tesa’’ntiādi vuttaṃ. Tattha yesaṃ puggalānaṃ cittaṃ arakkhitaṃ, micchādiṭṭhihatañca hoti, tesaṃ puggalānaṃ. Yesaṃ avijjānīvaraṇānaṃ taṇhāsaṃyojanānaṃ pubbakoṭi na paññāyati, tehi avijjānīvaraṇehi taṇhāsaṃyojanehi saṃsāre sandhāvantānaṃ saṃsarantānaṃ puggalānaṃ sakiṃ nirayaṃ māravasagamanena sandhāvanaṃ saṃsaraṇaṃ hoti, sakiṃ tiracchānayoniṃ sandhāvanaṃ saṃsaraṇaṃ hoti, sakiṃ pettivisayaṃ sandhāvanaṃ saṃsaraṇaṃ hoti, sakiṃ asurakāyaṃ sandhāvanaṃ saṃsaraṇaṃ hoti, sakiṃ deve sandhāvanaṃ saṃsaraṇaṃ hoti, sakiṃ manusse sandhāvanaṃ saṃsaraṇaṃ hotīti attho.

    ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตน จา’’ติ สุตฺตปฺปเทเสน เทสิโต อโตฺถ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘ถินมิทฺธาภิภูเตนาติ สุตฺตปฺปเทเสน เทสิโต อโตฺถ กถํ วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ถินมิทฺธาภิภูเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จิตฺตสฺส วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส ยา อกลฺลตา อกมฺมนิยตา อตฺถิ, อิทํ อกลฺลตฺตํ อกมฺมนิยตฺตํ ถินํ นามฯ ยํ กายสฺส ลีนตฺตํ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยลีนตฺตํ อตฺถิ, อิทํ กายสฺส ลีนตฺตํ มิทฺธํ นามาติ ถินมิทฺธสรูปเมว วุตฺตํฯ เตหิ ถินมิเทฺธหิ จิตฺตสฺส อภิภูตภาวาทิโก ปน สุวิเญฺญยฺยตฺตา น วุโตฺต, อวุเตฺตปิ เยสํ ปุคฺคลานํ จิตฺตํ ถินมิเทฺธหิ อภิภูตํ, เตสํ ปุคฺคลานํ เตน จิเตฺตน จิตฺตสีเสน สํโยชเนน สํสาเร มารวสคมเนน สนฺธาวนํ สํสรณํ ปริโยสานสภาโว วิตฺถาเรตฺวา คเหตโพฺพฯ

    ‘‘Micchādiṭṭhihatena cā’’ti suttappadesena desito attho ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘thinamiddhābhibhūtenāti suttappadesena desito attho kathaṃ vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘thinamiddhābhibhūtenā’’tiādi vuttaṃ. Cittassa viññāṇakkhandhassa yā akallatā akammaniyatā atthi, idaṃ akallattaṃ akammaniyattaṃ thinaṃ nāma. Yaṃ kāyassa līnattaṃ vedanādikkhandhattayalīnattaṃ atthi, idaṃ kāyassa līnattaṃ middhaṃ nāmāti thinamiddhasarūpameva vuttaṃ. Tehi thinamiddhehi cittassa abhibhūtabhāvādiko pana suviññeyyattā na vutto, avuttepi yesaṃ puggalānaṃ cittaṃ thinamiddhehi abhibhūtaṃ, tesaṃ puggalānaṃ tena cittena cittasīsena saṃyojanena saṃsāre māravasagamanena sandhāvanaṃ saṃsaraṇaṃ pariyosānasabhāvo vitthāretvā gahetabbo.

    ‘‘วสํ มารสฺส คจฺฉตีติ สุตฺตปฺปเทเสน เทสิโต อโตฺถ กถํ วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘วสํ มารสฺส คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ กิเลสมารสฺสาติ กิเลโส ทานาทิปุเญฺญ มาเรติ นิวาเรตีติ อเตฺถน มาโรติ กิเลสมาโรฯ อิมินา กิเลสมารํ นิสฺสาย ปวตฺตตฺตา อภิสงฺขารมารขนฺธมารมจฺจุมารา จ คหิตา, -สเทฺทน วา คหิตาติ เวทิตพฺพาฯ สตฺตมารสฺสาติ เทวปุตฺตมารสฺสฯ อถ วา ‘‘เทวปุตฺตมารสฺสา’’ติ อวตฺวา ‘‘สตฺตมารสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา โย โย ราชโจราทิโก ทานาทีนิ วา อิสฺสริยโภคาทีนิ วา มาเรติ, โส โส ราชโจราทิโกปิ คหิโต, ตสฺมา ยสฺส กสฺสจิ สตฺตมารสฺสาติ อโตฺถฯ วสนฺติ อิจฺฉํ โลภํ อธิปฺปายํ รุจิํ อากงฺขํ อาณํ อาณตฺติํฯ คจฺฉตีติ อุปคจฺฉติ อุเปติ อนุวตฺตติ อนุคจฺฉติ นาติกฺกมตีติ อโตฺถฯ ‘‘กสฺมา วสํ คจฺฉตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โส หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โย สโตฺต อรกฺขิตจิเตฺตน จ มิจฺฉาทิฎฺฐิหตจิเตฺตน จ ถินมิทฺธาภิภูตจิเตฺตน จ สมนฺนาคโต โหติ, โส สโตฺต อวิชฺชานีวรณาทีหิ นิวุโต หุตฺวา สํสาราภิมุโข หิ ยสฺมา โหติ, น วิสงฺขาราภิมุโข, ตสฺมา มารสฺส วสํ คจฺฉตีติ อโตฺถฯ

    ‘‘Vasaṃ mārassa gacchatīti suttappadesena desito attho kathaṃ vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘vasaṃ mārassa gacchatī’’ti vuttaṃ. Tattha kilesamārassāti kileso dānādipuññe māreti nivāretīti atthena māroti kilesamāro. Iminā kilesamāraṃ nissāya pavattattā abhisaṅkhāramārakhandhamāramaccumārā ca gahitā, ca-saddena vā gahitāti veditabbā. Sattamārassāti devaputtamārassa. Atha vā ‘‘devaputtamārassā’’ti avatvā ‘‘sattamārassā’’ti vuttattā yo yo rājacorādiko dānādīni vā issariyabhogādīni vā māreti, so so rājacorādikopi gahito, tasmā yassa kassaci sattamārassāti attho. Vasanti icchaṃ lobhaṃ adhippāyaṃ ruciṃ ākaṅkhaṃ āṇaṃ āṇattiṃ. Gacchatīti upagacchati upeti anuvattati anugacchati nātikkamatīti attho. ‘‘Kasmā vasaṃ gacchatī’’ti vattabbattā ‘‘so hī’’tiādi vuttaṃ. Yo satto arakkhitacittena ca micchādiṭṭhihatacittena ca thinamiddhābhibhūtacittena ca samannāgato hoti, so satto avijjānīvaraṇādīhi nivuto hutvā saṃsārābhimukho hi yasmā hoti, na visaṅkhārābhimukho, tasmā mārassa vasaṃ gacchatīti attho.

    ‘‘อรกฺขิเตนาติอาทิกสฺส ยสฺส สุตฺตสฺส อโตฺถ วิภโตฺต, เตน ‘อรกฺขิเตนา’ติอาทิเกน สุเตฺตน กิตฺตกานิ สจฺจานิ เทสิตานี’’ติวตฺตพฺพตฺตา ‘‘อิมานิ ภควตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อรกฺขิเตนา’’ติอาทิสุเตฺตน ภควตา อิมานิ เทฺว สจฺจานิ เทสิตานิ ทุกฺขํ, สมุทโย จาติฯ กถํ เทสิตานิ? อภิธมฺมนิสฺสิตาย กถาย เจว สุตฺตนฺตนิสฺสิตาย กถาย จ เทสิตานิฯ ตาสุ กถาสุ อภิธมฺมนิสฺสิตาย กถาย เทสิเต สติ ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนา’’ติ อิมินา ปเทน อรกฺขิตํ รตฺตมฺปิ จิตฺตํ, อรกฺขิตํ ทุฎฺฐมฺปิ จิตฺตํ, อรกฺขิตํ มูฬฺหมฺปิ จิตฺตํ ภควตา เทสิตํ ญาปิตํฯ ตตฺถ รตฺตจิตฺตํ โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทวเสน อฎฺฐวิธํ, ทุฎฺฐจิตฺตํ ปฎิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทวเสน ทุพฺพิธํ, มูฬฺหจิตฺตํ โมมูหจิตฺตุปฺปาทวเสน ทุพฺพิธนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิเมสญฺหิ จิตฺตุปฺปาทานํ วเสน ยา จกฺขุนฺทฺริยาทีนํ อคุตฺติ อนารกฺขา อุปฺปนฺนา, ตาย อคุตฺติยา อนารกฺขาย จิตฺตํ อรกฺขิตํ โหติ ผลูปจาเรนาติฯ

    ‘‘Arakkhitenātiādikassa yassa suttassa attho vibhatto, tena ‘arakkhitenā’tiādikena suttena kittakāni saccāni desitānī’’tivattabbattā ‘‘imāni bhagavatā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Arakkhitenā’’tiādisuttena bhagavatā imāni dve saccāni desitāni dukkhaṃ, samudayo cāti. Kathaṃ desitāni? Abhidhammanissitāya kathāya ceva suttantanissitāya kathāya ca desitāni. Tāsu kathāsu abhidhammanissitāya kathāya desite sati ‘‘arakkhitena cittenā’’ti iminā padena arakkhitaṃ rattampi cittaṃ, arakkhitaṃ duṭṭhampi cittaṃ, arakkhitaṃ mūḷhampi cittaṃ bhagavatā desitaṃ ñāpitaṃ. Tattha rattacittaṃ lobhasahagatacittuppādavasena aṭṭhavidhaṃ, duṭṭhacittaṃ paṭighasampayuttacittuppādavasena dubbidhaṃ, mūḷhacittaṃ momūhacittuppādavasena dubbidhanti veditabbaṃ. Imesañhi cittuppādānaṃ vasena yā cakkhundriyādīnaṃ agutti anārakkhā uppannā, tāya aguttiyā anārakkhāya cittaṃ arakkhitaṃ hoti phalūpacārenāti.

    ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตนา’’ติ อิมินา ปเทน มิจฺฉาทิฎฺฐิสํสฎฺฐํ จิตฺตํ เทสิตํ, ตํ ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทวเสน จตุพฺพิธนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตญฺหิ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา สํสฎฺฐภาเวน มิจฺฉาทิฎฺฐิวสานุคตตฺตา มิจฺฉาทิฎฺฐิหตํ นามาติฯ ‘‘ถินมิทฺธาภิภูเตนา’’ติ อิมินา ปเทน ถินมิเทฺธน สํสฎฺฐํ จิตฺตํ เทสิตํ, ตํ สสงฺขาริกจิตฺตุปฺปาทวเสน ปญฺจวิธนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตญฺหิ ถินมิเทฺธน สํสฎฺฐภาเวน ถินมิทฺธวสานุคตตฺตา ถินมิทฺธาภิภูตํ นามาติ เอวํ เย ทฺวาทสากุสลา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ ‘‘กตเม ธมฺมา อกุสลา? ยสฺมิํ สมเย อกุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๓๖๕) วิตฺถารโต วตฺตพฺพา, เต ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาทา ตีหิ ปเทหิ ภควตา เทสิตาติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘มารสฺสา’’ติ ปเทน ปญฺจ มารา คหิตาฯ เตสุ กิเลสมาโร ‘‘จตฺตาโร อาสวา, จตฺตาโร โอฆา, จตฺตาโร โยคา, จตฺตาโร คนฺถา, จตฺตาริ อุปาทานานิ, อฎฺฐ นีวรณา, ทส กิเลสา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๐๒ อาทโย) เทสิโตฯ อภิสงฺขารมาโร ปน ‘‘กุสลา เจตนา (วิภ. ๒๒๖) อกุสลา เจตนา (วิภ. ๒๒๖) กุสลํ กมฺมํ อกุสลํ กมฺม’’นฺติอาทินา เทสิโตฯ ขนฺธมาโร ปน ‘‘อตฺตภาโว ปญฺจกฺขนฺธา’’ติอาทินา เทสิโตฯ มจฺจุมาโร ปน ‘‘จุติ จวนตา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๙๓) เทสิโตฯ เอวํ ตาเวตฺถ อภิธมฺมนิสฺสิตาย กถาย เทสิโต อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Micchādiṭṭhihatenā’’ti iminā padena micchādiṭṭhisaṃsaṭṭhaṃ cittaṃ desitaṃ, taṃ diṭṭhisampayuttacittuppādavasena catubbidhanti veditabbaṃ. Tañhi micchādiṭṭhiyā saṃsaṭṭhabhāvena micchādiṭṭhivasānugatattā micchādiṭṭhihataṃ nāmāti. ‘‘Thinamiddhābhibhūtenā’’ti iminā padena thinamiddhena saṃsaṭṭhaṃ cittaṃ desitaṃ, taṃ sasaṅkhārikacittuppādavasena pañcavidhanti veditabbaṃ. Tañhi thinamiddhena saṃsaṭṭhabhāvena thinamiddhavasānugatattā thinamiddhābhibhūtaṃ nāmāti evaṃ ye dvādasākusalā cittuppādakaṇḍe ‘‘katame dhammā akusalā? Yasmiṃ samaye akusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hotī’’tiādinā (dha. sa. 365) vitthārato vattabbā, te dvādasākusalacittuppādā tīhi padehi bhagavatā desitāti veditabbā. ‘‘Mārassā’’ti padena pañca mārā gahitā. Tesu kilesamāro ‘‘cattāro āsavā, cattāro oghā, cattāro yogā, cattāro ganthā, cattāri upādānāni, aṭṭha nīvaraṇā, dasa kilesā’’ti (dha. sa. 1102 ādayo) desito. Abhisaṅkhāramāro pana ‘‘kusalā cetanā (vibha. 226) akusalā cetanā (vibha. 226) kusalaṃ kammaṃ akusalaṃ kamma’’ntiādinā desito. Khandhamāro pana ‘‘attabhāvo pañcakkhandhā’’tiādinā desito. Maccumāro pana ‘‘cuti cavanatā’’tiādinā (vibha. 193) desito. Evaṃ tāvettha abhidhammanissitāya kathāya desito attho daṭṭhabbo.

    สุตฺตนฺตนิสฺสิตาย ปน กถาย เทสิเต สติ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหติ อนุพฺยญฺชนคฺคาหี, ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย น ปฎิปชฺชติ, น รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติ…เป.… โสตินฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติ… ฆานินฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติ… ชิวฺหินฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติ… กายินฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติ… มนินฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๔๗) เอวํ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน ยํ ฉทฺวาริกจิตฺตํ วุตฺตํ, ตํ ฉทฺวาริกจิตฺตํ ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนา’’ติ อิมินา ปเทน เทสิตํฯ ยา มิจฺฉาทิฎฺฐิโย ปุพฺพนฺตกปฺปนวเสน วา อปรนฺตกปฺปนวเสน วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปนวเสน วา มิจฺฉา อภินิวิสนฺตสฺส อโยนิโส อุมฺมุชฺชนฺตสฺส ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ วา ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ วา ‘‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วา อุปฺปนฺนา, ตาหิ ทิฎฺฐีหิ วา, ยา จ ทิฎฺฐิโย ‘‘อิมา จตฺตาโร สสฺสตวาทา…เป.… ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา’’ติ พฺรหฺมชาลสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๐ อาทโย) วุตฺตา, ตาหิ ทิฎฺฐีหิ วา สมฺปยุตฺตํ ยํ จิตฺตํ ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตน จา’’ติ อิมินา ปเทน เทสิตํฯ

    Suttantanissitāya pana kathāya desite sati ‘‘cakkhunā rūpaṃ disvā nimittaggāhī hoti anubyañjanaggāhī, yatvādhikaraṇamenaṃ cakkhundriyaṃ asaṃvutaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssaveyyuṃ, tassa saṃvarāya na paṭipajjati, na rakkhati cakkhundriyaṃ, cakkhundriye na saṃvaraṃ āpajjati…pe… sotindriye na saṃvaraṃ āpajjati… ghānindriye na saṃvaraṃ āpajjati… jivhindriye na saṃvaraṃ āpajjati… kāyindriye na saṃvaraṃ āpajjati… manindriye na saṃvaraṃ āpajjatī’’ti (ma. ni. 1.347) evaṃ puggalādhiṭṭhānena yaṃ chadvārikacittaṃ vuttaṃ, taṃ chadvārikacittaṃ ‘‘arakkhitena cittenā’’ti iminā padena desitaṃ. Yā micchādiṭṭhiyo pubbantakappanavasena vā aparantakappanavasena vā pubbantāparantakappanavasena vā micchā abhinivisantassa ayoniso ummujjantassa ‘‘sassato loko’’ti vā ‘‘asassato loko’’ti vā ‘‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti vā uppannā, tāhi diṭṭhīhi vā, yā ca diṭṭhiyo ‘‘imā cattāro sassatavādā…pe… paramadiṭṭhadhammanibbānavādā’’ti brahmajālasuttādīsu (dī. ni. 1.30 ādayo) vuttā, tāhi diṭṭhīhi vā sampayuttaṃ yaṃ cittaṃ ‘‘micchādiṭṭhihatena cā’’ti iminā padena desitaṃ.

    ‘‘ถินํ นาม จิตฺตสฺส อกมฺมญฺญตา, มิทฺธํ นาม เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺส อกมฺมญฺญตา’’ติ วา ‘‘ถินํ อนุสฺสาหสํสีทนํ, มิทฺธํ อุสฺสาหสตฺติวิฆาโต’’ติ วา ยานิ ถินมิทฺธานิ วุตฺตานิ, เตหิ ถินมิเทฺธหิ ยํ จิตฺตํ อภิภูตํ อโชฺฌตฺถฎํ, ตํ จิตฺตํ ‘‘ถินมิทฺธาภิภูเตนา’’ติ อิมินา ปเทน เทสิตํฯ

    ‘‘Thinaṃ nāma cittassa akammaññatā, middhaṃ nāma vedanādikkhandhattayassa akammaññatā’’ti vā ‘‘thinaṃ anussāhasaṃsīdanaṃ, middhaṃ ussāhasattivighāto’’ti vā yāni thinamiddhāni vuttāni, tehi thinamiddhehi yaṃ cittaṃ abhibhūtaṃ ajjhotthaṭaṃ, taṃ cittaṃ ‘‘thinamiddhābhibhūtenā’’ti iminā padena desitaṃ.

    ‘‘วโส นาม อิจฺฉา โลโภ อธิปฺปาโย รุจิ อากงฺขา อาณา อาณตฺตี’’ติ โย วโส วุโตฺต, โส วโส ‘‘วส’’นฺติ อิมินา ปเทน เทสิโตฯ ‘‘ปญฺจ มารา – ขนฺธมาโร อภิสงฺขารมาโร มจฺจุมาโร เทวปุตฺตมาโร กิเลสมาโร’’ติ โย มาโร วุโตฺต, โส มาโร ‘‘มารสฺสา’’ติ อิมินา เทสิโตฯ ‘‘คจฺฉติ, อุปคจฺฉติ, อุเปติ, อนุวตฺตติ, อนุคจฺฉติ, นาติกฺกมตี’’ติ โย ปุคฺคโล วุโตฺต, โส ปุคฺคโล ‘‘คจฺฉตี’’ติ อิมินา เทสิโตติฯ เอวํ เทสิเตสุ ธเมฺมสุ อกุสลา สมุทยสจฺจํ, ‘‘วสํ มารสฺส คจฺฉตี’’ติ อิมินา ปเทน เย ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ อุปาทาย ปญฺญโตฺต ปุคฺคโล วุโตฺต, เต ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจนฺติ เทฺว สจฺจานิ เทสิตานิฯ ‘‘กิมตฺถาย เทฺว สจฺจานิ เทสิตานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เตสํ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตสํ ทฺวินฺนํ สจฺจานํ ปริญฺญาย จ ปหานาย จ ‘‘อรกฺขิเตนา’’ติอาทิ ธมฺมํ ภควา เทเสติ, ตานิ เทฺว สจฺจานิ ‘‘อรกฺขิเตนา’’ติอาทิเกน ญาเปตีติ อโตฺถฯ

    ‘‘Vaso nāma icchā lobho adhippāyo ruci ākaṅkhā āṇā āṇattī’’ti yo vaso vutto, so vaso ‘‘vasa’’nti iminā padena desito. ‘‘Pañca mārā – khandhamāro abhisaṅkhāramāro maccumāro devaputtamāro kilesamāro’’ti yo māro vutto, so māro ‘‘mārassā’’ti iminā desito. ‘‘Gacchati, upagacchati, upeti, anuvattati, anugacchati, nātikkamatī’’ti yo puggalo vutto, so puggalo ‘‘gacchatī’’ti iminā desitoti. Evaṃ desitesu dhammesu akusalā samudayasaccaṃ, ‘‘vasaṃ mārassa gacchatī’’ti iminā padena ye pañcupādānakkhandhe upādāya paññatto puggalo vutto, te pañcupādānakkhandhā dukkhasaccanti dve saccāni desitāni. ‘‘Kimatthāya dve saccāni desitānī’’ti pucchitabbattā ‘‘tesaṃ bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Tesaṃ dvinnaṃ saccānaṃ pariññāya ca pahānāya ca ‘‘arakkhitenā’’tiādi dhammaṃ bhagavā deseti, tāni dve saccāni ‘‘arakkhitenā’’tiādikena ñāpetīti attho.

    ‘‘เตสุ ทฺวีสุ สเจฺจสุ กสฺส สจฺจสฺส ปริญฺญาย, กสฺส สจฺจสฺส ปหานาย เทเสตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย, สมุทยสฺส ปหานายา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ปริญฺญาปหาเนหิ กตมานิ สจฺจานิ เทสิตานี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เยน จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เยน อรหตฺตมเคฺคน ปริชานาติ, เยน อรหตฺตมเคฺคน ปชหติ จ, อยํ อรหตฺตมโคฺค มคฺคสจฺจํ นามฯ ยํ นิพฺพานธมฺมํ อารพฺภ ตณฺหาย, อวิชฺชาย จ ปหานํ ชาตํ, อยํ นิพฺพานธโมฺม นิโรโธ นิโรธสจฺจํ นามาติฯ เอวํ จตฺตาริ สจฺจานิ ภควตา เทสิตานิฯ

    ‘‘Tesu dvīsu saccesu kassa saccassa pariññāya, kassa saccassa pahānāya desetī’’ti pucchitabbattā ‘‘dukkhassa pariññāya, samudayassa pahānāyā’’ti vuttaṃ. ‘‘Pariññāpahānehi katamāni saccāni desitānī’’ti vattabbattā ‘‘yena cā’’tiādi vuttaṃ. Yena arahattamaggena parijānāti, yena arahattamaggena pajahati ca, ayaṃ arahattamaggo maggasaccaṃ nāma. Yaṃ nibbānadhammaṃ ārabbha taṇhāya, avijjāya ca pahānaṃ jātaṃ, ayaṃ nibbānadhammo nirodho nirodhasaccaṃ nāmāti. Evaṃ cattāri saccāni bhagavatā desitāni.

    ‘‘จตุนฺนํ สจฺจานํ เทสิตภาโว เกน วิญฺญาตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตสุ จตูสุ สเจฺจสุ สมุทยสเจฺจน อสฺสาโท คหิโต, ทุกฺขสเจฺจน อาทีนโว คหิโต, มคฺคสจฺจนิโรธสเจฺจหิ นิสฺสรณํ คหิตํ, สมุทยปฺปหานวเสน สพฺพคติปชหนํ ชาตํ, สพฺพคติปชหนํ ผลนฺติ คหิตํฯ เยน รกฺขิตจิตฺตตาทิเกน สพฺพคติปชหนํ ชาตํ, โส รกฺขิตจิตฺตตาทิโก อุปาโยติ คหิโต, อรกฺขิตจิตฺตตาทิกสฺส ปฎิเสธนมุเขน รกฺขิตจิตฺตตาทิกสฺส นิโยชนํ ภควโต อาณตฺตีติ คหิตนฺติ เทสนาหาเรน นานาสุเตฺตสุ ทสฺสิตา อสฺสาทาทโย ‘‘อรกฺขิเตนา’’ติอาทิเก เอกสฺมิํเยว สุเตฺต นีหริตฺวา ทสฺสิตาฯ

    ‘‘Catunnaṃ saccānaṃ desitabhāvo kena viññātabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Tesu catūsu saccesu samudayasaccena assādo gahito, dukkhasaccena ādīnavo gahito, maggasaccanirodhasaccehi nissaraṇaṃ gahitaṃ, samudayappahānavasena sabbagatipajahanaṃ jātaṃ, sabbagatipajahanaṃ phalanti gahitaṃ. Yena rakkhitacittatādikena sabbagatipajahanaṃ jātaṃ, so rakkhitacittatādiko upāyoti gahito, arakkhitacittatādikassa paṭisedhanamukhena rakkhitacittatādikassa niyojanaṃ bhagavato āṇattīti gahitanti desanāhārena nānāsuttesu dassitā assādādayo ‘‘arakkhitenā’’tiādike ekasmiṃyeva sutte nīharitvā dassitā.

    ‘‘อสฺสาทาทีนํ นีหริตฺวา ทสฺสิตภาโว เกน วิญฺญาตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ เยน สํวณฺณนาวิเสเสน นานาสุเตฺตสุ อสฺสาทาทโย นีหริตฺวา ทสฺสิตา, โส สํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหารวิภโงฺค นามฯ เยน สํวณฺณนาวิเสเสน เอกสฺมิํเยว สุเตฺต อสฺสาทาทโย นีหริตฺวา ทสฺสิตา, โส สํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหารสมฺปาโต นามาติ วิเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Assādādīnaṃ nīharitvā dassitabhāvo kena viññātabbo saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Ettha ca yena saṃvaṇṇanāvisesena nānāsuttesu assādādayo nīharitvā dassitā, so saṃvaṇṇanāviseso desanāhāravibhaṅgo nāma. Yena saṃvaṇṇanāvisesena ekasmiṃyeva sutte assādādayo nīharitvā dassitā, so saṃvaṇṇanāviseso desanāhārasampāto nāmāti viseso daṭṭhabbo.

    ‘‘เอตฺตโกว เทสนาหารสมฺปาโต ปริปุโณฺณ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต เทสนาหารสมฺปาโต’’ติ วุตฺตํฯ เอเกกสฺมิํเยว สุเตฺต อสฺสาทาทโย เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน เทสนาหารสมฺปาเตน นีหริตฺวา ยถารหํ ทสฺสิตา, โส โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต เทสนาหารสมฺปาโต นิยุโตฺต ยถารหํ นิทฺธาเรตฺวา ยุชฺชิตโพฺพติ อโตฺถ คหิโตฯ

    ‘‘Ettakova desanāhārasampāto paripuṇṇo’’ti vattabbattā ‘‘niyutto desanāhārasampāto’’ti vuttaṃ. Ekekasmiṃyeva sutte assādādayo yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena desanāhārasampātena nīharitvā yathārahaṃ dassitā, so so saṃvaṇṇanāvisesabhūto desanāhārasampāto niyutto yathārahaṃ niddhāretvā yujjitabboti attho gahito.

    อิติ เทสนาหารสมฺปาเต สตฺติพลานุรูปา รจิตา

    Iti desanāhārasampāte sattibalānurūpā racitā

    วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vibhāvanā niṭṭhitā.

    ปณฺฑิเตหิ ปน…เป.… คเหตโพฺพติฯ

    Paṇḍitehi pana…pe… gahetabboti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๑. เทสนาหารสมฺปาโต • 1. Desanāhārasampāto

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. เทสนาหารสมฺปาตวณฺณนา • 1. Desanāhārasampātavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑. เทสนาหารสมฺปาตวณฺณนา • 1. Desanāhārasampātavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact