Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā

    ๔. ปฎินิเทฺทสวารวณฺณนา

    4. Paṭiniddesavāravaṇṇanā

    ๑. เทสนาหารวิภงฺควณฺณนา

    1. Desanāhāravibhaṅgavaṇṇanā

    . อนฺวตฺถสญฺญตนฺติ อตฺถานุคตสญฺญภาวํ, ‘‘เทสนาหาโร’’ติ อยํ สญฺญา อนฺวตฺถา อตฺถานุคตาติ อโตฺถฯ

    5.Anvatthasaññatanti atthānugatasaññabhāvaṃ, ‘‘desanāhāro’’ti ayaṃ saññā anvatthā atthānugatāti attho.

    อวุตฺตเมวาติ ปุเพฺพ อสํวณฺณิตปทเมวฯ ‘‘ธมฺมํ โว’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) วจนสฺส สมฺพนฺธํ ทเสฺสตุํ ‘‘กตฺถ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตปิฎกสฺส หิ พุทฺธวจนสฺส สํวณฺณนาลกฺขณํ เนตฺติปฺปกรณํ, ตญฺจ ปริยตฺติธมฺมสงฺคาหเก สุตฺตปเท สํวเณฺณตพฺพภาเวน คหิเต คหิตเมว โหติฯ เตนาห ‘‘เทสนาหาเรน…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ

    Avuttamevāti pubbe asaṃvaṇṇitapadameva. ‘‘Dhammaṃ vo’’tiādi (ma. ni. 3.420) vacanassa sambandhaṃ dassetuṃ ‘‘kattha panā’’tiādi vuttaṃ. Tepiṭakassa hi buddhavacanassa saṃvaṇṇanālakkhaṇaṃ nettippakaraṇaṃ, tañca pariyattidhammasaṅgāhake suttapade saṃvaṇṇetabbabhāvena gahite gahitameva hoti. Tenāha ‘‘desanāhārena…pe… dassetī’’ti.

    เยสํ อสฺสาทาทีนํ วิภชนลกฺขโณ เทสนาหาโร, เต คาถาย, อิธาปิ จ อาคเต ‘‘อสฺสาทํ อาทีนว’’นฺติอาทินา อุทาหรณวเสน วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติ คาถายํ วุโตฺต กตโม อสฺสาโทฯ อถ วา ‘‘อสฺสาทํ อาทีนว’’นฺติอาทินา โย อิธ อสฺสาทาทีนํ อุเทฺทโส, ตตฺถ กตโม อสฺสาโทติ เจติ อโตฺถฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ กมฺมกรณตฺถภินฺนสฺส วิสยวิสยิตาลกฺขณสฺส อสฺสาททฺวยสฺส นิทสฺสนตฺถํ คาถาทฺวยุทาหรณํ, ตถา กามวิปริณามลกฺขณสฺส, วฎฺฎทุกฺขลกฺขณสฺส จาติ ทุวิธสฺสาปิ อาทีนวสฺส นิทสฺสนตฺถํ ‘‘อริยมโคฺค นิพฺพาน’’นฺติ ทุวิธสฺสาปิ นิสฺสรณสฺส นิทสฺสนนิทสฺสนตฺถญฺจ เทฺว เทฺว คาถา อุทาหฎาฯ

    Yesaṃ assādādīnaṃ vibhajanalakkhaṇo desanāhāro, te gāthāya, idhāpi ca āgate ‘‘assādaṃ ādīnava’’ntiādinā udāharaṇavasena vibhajituṃ ‘‘tattha katamo assādo’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’ti gāthāyaṃ vutto katamo assādo. Atha vā ‘‘assādaṃ ādīnava’’ntiādinā yo idha assādādīnaṃ uddeso, tattha katamo assādoti ceti attho. Esa nayo sesesupi. Kammakaraṇatthabhinnassa visayavisayitālakkhaṇassa assādadvayassa nidassanatthaṃ gāthādvayudāharaṇaṃ, tathā kāmavipariṇāmalakkhaṇassa, vaṭṭadukkhalakkhaṇassa cāti duvidhassāpi ādīnavassa nidassanatthaṃ ‘‘ariyamaggo nibbāna’’nti duvidhassāpi nissaraṇassa nidassananidassanatthañca dve dve gāthā udāhaṭā.

    ธโมฺม หเว รกฺขติ ธมฺมจารินฺติ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒-๑๐๓; เนตฺติ. ๕, ๒๖, ๓๑; เปฎโก. ๒๒) เอตฺถ ธมฺมจาริโน มคฺคผลนิพฺพาเนหิ สาติสยารกฺขา สมฺภวติ, สมฺปตฺติภวสฺสาปิ วิปริณามสงฺขารทุกฺขตาหิ ทุคฺคติภาโว อิจฺฉิโตวาติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘นิสฺสรณํ อนามสิตฺวา’’ติฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘นิพฺพานํ วา อุปนิธาย สพฺพา อุปปตฺติโย ทุคฺคตี’’ติฯ

    Dhammo have rakkhati dhammacārinti (jā. 1.10.102-103; netti. 5, 26, 31; peṭako. 22) ettha dhammacārino maggaphalanibbānehi sātisayārakkhā sambhavati, sampattibhavassāpi vipariṇāmasaṅkhāradukkhatāhi duggatibhāvo icchitovāti adhippāyenāha ‘‘nissaraṇaṃ anāmasitvā’’ti. Tathā hi vakkhati ‘‘nibbānaṃ vā upanidhāya sabbā upapattiyo duggatī’’ti.

    อเวกฺขสฺสูติ วิธานํฯ ตสฺสา ปน อเวกฺขาย ปวตฺติอากาโร, วิสโย, กตฺตา จ ‘‘สุญฺญโต, โลกํ, โมฆราชา’’ติ ปทตฺตเยน วุตฺตาติ อาห – ‘‘สุญฺญโต…เป.… อาณตฺตี’’ติฯ ตตฺถ สงฺขารานํ สุญฺญตา อนตฺตสภาวตาย, อตฺตสุญฺญตาย จ สิยาฯ ยโต เต น วสวตฺติโน, อตฺตสารวิรหิตา จ, ยโต เต อนตฺตา, ริตฺตา, ตุจฺฉา จ อตฺตนา, ตทุภยํ ทเสฺสติ ‘‘อวสวตฺติตา’’ติอาทินาฯ เอวํ มจฺจุตโร สิยาติ เอวํ ปฎิปตฺติยา มจฺจุตโร ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ ปริกเปฺปตฺวา วิธิยมานสฺส มจฺจุตรณสฺส ปุพฺพภาคปฎิปทา เทสนาย ปจฺจกฺขโต สิชฺฌมานํ สาติสยํ ผลนฺติ อาห ‘‘ตสฺส ยํ…เป.… ผล’’นฺติฯ

    Avekkhassūti vidhānaṃ. Tassā pana avekkhāya pavattiākāro, visayo, kattā ca ‘‘suññato, lokaṃ, mogharājā’’ti padattayena vuttāti āha – ‘‘suññato…pe… āṇattī’’ti. Tattha saṅkhārānaṃ suññatā anattasabhāvatāya, attasuññatāya ca siyā. Yato te na vasavattino, attasāravirahitā ca, yato te anattā, rittā, tucchā ca attanā, tadubhayaṃ dasseti ‘‘avasavattitā’’tiādinā. Evaṃ maccutaro siyāti evaṃ paṭipattiyā maccutaro bhaveyyāti attho. Parikappetvā vidhiyamānassa maccutaraṇassa pubbabhāgapaṭipadā desanāya paccakkhato sijjhamānaṃ sātisayaṃ phalanti āha ‘‘tassa yaṃ…pe… phala’’nti.

    . อุทาหรณวเสนาติ นิทสฺสนวเสนฯ ตตฺถ ‘‘ปุคฺคลวิภาเคนา’’ติ อิมินา อุคฺฆฎิตญฺญุอาทิปุคฺคลปโยชิโต อสฺสาทาทีสุ ภควโต เทสนาวิเสโสติ ทเสฺสติฯ

    6.Udāharaṇavasenāti nidassanavasena. Tattha ‘‘puggalavibhāgenā’’ti iminā ugghaṭitaññuādipuggalapayojito assādādīsu bhagavato desanāvisesoti dasseti.

    ฆฎิตมตฺตนฺติ โสตทฺวารานุสาเรน มโนทฺวาริกวิญฺญาณสนฺตาเนน อาลมฺพิตมตฺตํฯ สสฺสตาทิอาการสฺสาติ สสฺสตุเจฺฉทาการสฺสฯ อิทญฺหิ ทฺวยํ ธมฺมเทสนาย จาเลตพฺพํ, น อนุโลมิกขนฺติ, ยถาภูตญาณํ วาฯ เอตสฺมิญฺหิ จตุเกฺก อาสยสามญฺญตาฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Ghaṭitamattanti sotadvārānusārena manodvārikaviññāṇasantānena ālambitamattaṃ. Sassatādiākārassāti sassatucchedākārassa. Idañhi dvayaṃ dhammadesanāya cāletabbaṃ, na anulomikakhanti, yathābhūtañāṇaṃ vā. Etasmiñhi catukke āsayasāmaññatā. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐี จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;

    ‘‘Sassatucchedadiṭṭhī ca, khanti cevānulomikā;

    ยถาภูตญฺจ ยํ ญาณํ, เอตํ อาสยสญฺญิต’’นฺติฯ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๑๓๖; ที. นิ. ฎี. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฎี. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา, เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา; วิ. วิ. ฎี. ๑.เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา);

    Yathābhūtañca yaṃ ñāṇaṃ, etaṃ āsayasaññita’’nti. (visuddhi. mahāṭī. 1.136; dī. ni. ṭī. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā; sārattha. ṭī. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā, verañjakaṇḍavaṇṇanā; vi. vi. ṭī. 1.verañjakaṇḍavaṇṇanā);

    จลนายาติ วิกฺขมฺภนายฯ ปรานุวตฺติยาติ สมุเจฺฉทนายฯ อุคฺฆฎิเต ชานาตีติ อุคฺฆฎิตญฺญูติ มูลวิภุชาทิปเกฺขเปน สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ วิปญฺจิตนฺติ ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย ภาวนปุํสกนิเทฺทโสติ อาห ‘‘มนฺทํ สณิก’’นฺติฯ นิสฺสรณอาทีนวนิสฺสรณอสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานํ วิภาวนา เวเนยฺยตฺตยวินยนสมตฺถาฯ

    Calanāyāti vikkhambhanāya. Parānuvattiyāti samucchedanāya. Ugghaṭite jānātīti ugghaṭitaññūti mūlavibhujādipakkhepena saddasiddhi veditabbā. Vipañcitanti ‘‘visamaṃ candimasūriyā parivattantī’’tiādīsu (a. ni. 4.70) viya bhāvanapuṃsakaniddesoti āha ‘‘mandaṃ saṇika’’nti. Nissaraṇaādīnavanissaraṇaassādādīnavanissaraṇānaṃ vibhāvanā veneyyattayavinayanasamatthā.

    จตฺตาโรติ อสฺสาโท จ อาทีนโว จ อสฺสาโท อาทีนโว จ อสฺสาโท นิสฺสรณญฺจาติ เอเต จตฺตาโรฯ ยทิ นิสฺสรณวิภาวนา เวเนยฺยวินยนสมตฺถา, กสฺมา ปญฺจโม น คหิโตติ อาห ‘‘อาทีนวาวจนโต’’ติฯ ยทิ หิ อุคฺฆฎิตญฺญุํ สนฺธาย อยํ นโย วุจฺจติ, นิสฺสรณมเตฺตน สิทฺธํ สิยาฯ อถ วิปญฺจิตญฺญุํ, เนยฺยํ วา, อาทีนโว จ นิสฺสรณญฺจ อสฺสาโท จ อาทีนโว นิสฺสรณญฺจ วตฺตโพฺพ สิยา? ตถา อปฺปวตฺตตฺตา น คหิโตฯ เตนาห ‘‘อาทีนวาวจนโต’’ติอาทิฯ เทสนนฺติ สามญฺญโต คหิตํ ‘‘สุเตฺตกเทสํ คาถํ วา’’ติ วิเสเสติฯ ปทปรมอคฺคหณเญฺจตฺถ สอุปายสฺส นิสฺสรณสฺส อนามฎฺฐตฺตาฯ

    Cattāroti assādo ca ādīnavo ca assādo ādīnavo ca assādo nissaraṇañcāti ete cattāro. Yadi nissaraṇavibhāvanā veneyyavinayanasamatthā, kasmā pañcamo na gahitoti āha ‘‘ādīnavāvacanato’’ti. Yadi hi ugghaṭitaññuṃ sandhāya ayaṃ nayo vuccati, nissaraṇamattena siddhaṃ siyā. Atha vipañcitaññuṃ, neyyaṃ vā, ādīnavo ca nissaraṇañca assādo ca ādīnavo nissaraṇañca vattabbo siyā? Tathā appavattattā na gahito. Tenāha ‘‘ādīnavāvacanato’’tiādi. Desananti sāmaññato gahitaṃ ‘‘suttekadesaṃ gāthaṃ vā’’ti viseseti. Padaparamaaggahaṇañcettha saupāyassa nissaraṇassa anāmaṭṭhattā.

    ‘‘กลฺยาณ’’นฺติ อิมินา อิฎฺฐวิปาโก, ‘‘ปาปก’’นฺติ อนิฎฺฐวิปาโก อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘อยํ อสฺสาโท, อยํ อาทีนโว’’ติฯ ลาภาทีนํ ปุญฺญผลตฺตา ตทนุโรธํ วา สนฺธาย ‘‘อยํ อสฺสาโท’’ติ วุตฺตํฯ ตพฺพิปริยาเยน อลาภาทีนํ อาทีนวตา เวทิตพฺพาฯ

    ‘‘Kalyāṇa’’nti iminā iṭṭhavipāko, ‘‘pāpaka’’nti aniṭṭhavipāko adhippetoti āha ‘‘ayaṃ assādo, ayaṃ ādīnavo’’ti. Lābhādīnaṃ puññaphalattā tadanurodhaṃ vā sandhāya ‘‘ayaṃ assādo’’ti vuttaṃ. Tabbipariyāyena alābhādīnaṃ ādīnavatā veditabbā.

    กามาติ กิเลสกามสหิตา วตฺถุกามาฯ วิรูปรูเปนาติ อปฺปติรูปากาเรนฯ มเถนฺตีติ มทฺทนฺติฯ ปพฺพชิโตมฺหีติ ปพฺพชฺชํ อุปคโต อมฺหิฯ อปณฺณกนฺติ อวิรชฺฌนกํฯ สามญฺญนฺติ สมณภาโวฯ สมิตปาปภาโวเยว เสโยฺย สุนฺทรตโรฯ

    Kāmāti kilesakāmasahitā vatthukāmā. Virūparūpenāti appatirūpākārena. Mathentīti maddanti. Pabbajitomhīti pabbajjaṃ upagato amhi. Apaṇṇakanti avirajjhanakaṃ. Sāmaññanti samaṇabhāvo. Samitapāpabhāvoyeva seyyo sundarataro.

    ตตฺถ ‘‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา’’ติ อยํ อสฺสาโท, ‘‘วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺต’’นฺติ อยํ อาทีนโว, ‘‘อปณฺณกํ สามญฺญ’’นฺติ อิทํ นิสฺสรณนฺติ อาห ‘‘อยํ…เป.… นิสฺสรณญฺจา’’ติฯ

    Tattha ‘‘kāmā hi citrā madhurā manoramā’’ti ayaṃ assādo, ‘‘virūparūpena mathenti citta’’nti ayaṃ ādīnavo, ‘‘apaṇṇakaṃ sāmañña’’nti idaṃ nissaraṇanti āha ‘‘ayaṃ…pe… nissaraṇañcā’’ti.

    ผลาทีนํ เอกกวเสน จ ติกวเสน จ ปาฬิยํ อุทาหฎตฺตา วุตฺตํ ‘‘ทุกวเสนปี’’ติฯ

    Phalādīnaṃ ekakavasena ca tikavasena ca pāḷiyaṃ udāhaṭattā vuttaṃ ‘‘dukavasenapī’’ti.

    สุขา ปฎิปทา, ทุกฺขา ปฎิปทาติ ยา เทฺว ปฎิปทา, ตาสุ เอเกกา ทนฺธขิปฺปาภิญฺญตาย เทฺว เทฺว โหนฺตีติ อาห ‘‘ปฎิปทาภิญฺญากโต วิภาโค ปฎิปทากโต โหตี’’ติฯ กตปุพฺพกิจฺจสฺส ปถวีกสิณาทีสุ สพฺพปฐมํ ‘‘ปถวี’’ติอาทินา ปวตฺตมนสิกาโร ปฐมสมนฺนาหาโรฯ อุปจารนฺติ อุปจารชฺฌานํฯ ปฎิปชฺชิตพฺพตาย ฌานมฺปิ ‘‘ปฎิปทา’’ติ วุจฺจติฯ ตทญฺญา เหฎฺฐิมปญฺญโต อธิกา ปญฺญาติ กตฺวา ‘‘อภิญฺญา’’ติ วุจฺจติฯ

    Sukhā paṭipadā, dukkhā paṭipadāti yā dve paṭipadā, tāsu ekekā dandhakhippābhiññatāya dve dve hontīti āha ‘‘paṭipadābhiññākato vibhāgo paṭipadākato hotī’’ti. Katapubbakiccassa pathavīkasiṇādīsu sabbapaṭhamaṃ ‘‘pathavī’’tiādinā pavattamanasikāro paṭhamasamannāhāro. Upacāranti upacārajjhānaṃ. Paṭipajjitabbatāya jhānampi ‘‘paṭipadā’’ti vuccati. Tadaññā heṭṭhimapaññato adhikā paññāti katvā ‘‘abhiññā’’ti vuccati.

    กิเลเสติ นีวรณปฺปกาเร, ตํสหคตกิเลเส จฯ องฺคปาตุภาวนฺติ วิตกฺกาทิฌานงฺคปฎิลาภํฯ

    Kileseti nīvaraṇappakāre, taṃsahagatakilese ca. Aṅgapātubhāvanti vitakkādijhānaṅgapaṭilābhaṃ.

    อภินิวิสโนฺตติ ปฎฺฐเปโนฺตฯ รูปารูปํ ปริคฺคณฺหโนฺตติ รูปารูปธเมฺม ลกฺขณาทีหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหโนฺตฯ ปริคฺคหิตรูปารูปสฺส มคฺคปาตุภาวทนฺธตา จ นามรูปววตฺถานาทีนํ กิจฺฉสิทฺธิยา สิยาติ น รูปารูปปริคฺคหกิจฺฉตาย เอว ทุกฺขาปฎิปทตา วตฺตพฺพาติ เจ? น, นามรูปววตฺถาปนาทีนํ ปจฺจนีกกิเลสมนฺทตาย สุขสิทฺธิยมฺปิ ตถาสิทฺธวิปสฺสนาสหคตานํ อินฺทฺริยานํ มนฺทตาย มคฺคปาตุภาวโตฯ รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวาติ อกิเจฺฉนปิ ปริคฺคเหตฺวา, กิเจฺฉน ปริคฺคหิเต วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ เอวํ เสเสสุปิฯ นามรูปํ ววตฺถาเปโนฺตติ ‘‘นามรูปมตฺตเมตํ, น อโญฺญ โกจิ สตฺตาทิโก’’ติ ววตฺถาปนํ กโรโนฺตฯ กตโร ปเนตฺถ วาโร ยุตฺตรูโปติ? โย โกจิ สกิํ, ทฺวิกฺขตฺตุํ, อเนกสตกฺขตฺตุนฺติ เอวมาทีสุ หิ วิกฺขมฺภนวาเรสุ สกิํ, ทฺวิกฺขตฺตุญฺจ วิกฺขมฺภนวาโร สุขา ปฎิปทา เอว, น ตโต อุทฺธํ สุขา ปฎิปทา โหติ, ตสฺมา ติกฺขตฺตุํ วิกฺขมฺภนวารโต ปฎฺฐาย ทุกฺขา ปฎิปทา เวทิตพฺพาฯ อปิจ กลาปสมฺมสนาวสาเน อุทยพฺพยานุปสฺสนาย อุปฺปนฺนสฺส วิปสฺสนุปกฺกิเลสสฺส ติกฺขตฺตุํ วิกฺขมฺภเนน กิจฺฉตาวาโร ทุกฺขา ปฎิปทา เวทิตพฺพาฯ เอตฺถ ทนฺธตฺตา ปฎิปทาย เอตสฺส อกิจฺฉเตฺตปิ ปุริมานํ กิจฺฉเตฺต ทุกฺขาปฎิปทตา วุตฺตนยาวฯ ยสฺส ปน สพฺพตฺถ อกิจฺฉตา, ตสฺส ปรมุกฺกํสคตา สุขา ปฎิปทา เวทิตพฺพาฯ

    Abhinivisantoti paṭṭhapento. Rūpārūpaṃ pariggaṇhantoti rūpārūpadhamme lakkhaṇādīhi paricchinditvā gaṇhanto. Pariggahitarūpārūpassa maggapātubhāvadandhatā ca nāmarūpavavatthānādīnaṃ kicchasiddhiyā siyāti na rūpārūpapariggahakicchatāya eva dukkhāpaṭipadatā vattabbāti ce? Na, nāmarūpavavatthāpanādīnaṃ paccanīkakilesamandatāya sukhasiddhiyampi tathāsiddhavipassanāsahagatānaṃ indriyānaṃ mandatāya maggapātubhāvato. Rūpārūpaṃ pariggahetvāti akicchenapi pariggahetvā, kicchena pariggahite vattabbameva natthi. Evaṃ sesesupi. Nāmarūpaṃ vavatthāpentoti ‘‘nāmarūpamattametaṃ, na añño koci sattādiko’’ti vavatthāpanaṃ karonto. Kataro panettha vāro yuttarūpoti? Yo koci sakiṃ, dvikkhattuṃ, anekasatakkhattunti evamādīsu hi vikkhambhanavāresu sakiṃ, dvikkhattuñca vikkhambhanavāro sukhā paṭipadā eva, na tato uddhaṃ sukhā paṭipadā hoti, tasmā tikkhattuṃ vikkhambhanavārato paṭṭhāya dukkhā paṭipadā veditabbā. Apica kalāpasammasanāvasāne udayabbayānupassanāya uppannassa vipassanupakkilesassa tikkhattuṃ vikkhambhanena kicchatāvāro dukkhā paṭipadā veditabbā. Ettha dandhattā paṭipadāya etassa akicchattepi purimānaṃ kicchatte dukkhāpaṭipadatā vuttanayāva. Yassa pana sabbattha akicchatā, tassa paramukkaṃsagatā sukhā paṭipadā veditabbā.

    ยถา นามรูปปริคฺคหกิจฺฉตาย มคฺคปาตุภาวทนฺธตาย ทุกฺขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา วุตฺตา, ตถา ตพฺพิปริยาเยน จตุตฺถี, ตทุภยโวมิสฺสตาวเสน ทุติยา, ตติยา จ ญาตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อิมินา…เป.… เวทิตพฺพา’’ติฯ วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยานสฺส อธิเปฺปตตฺตา ‘‘วิปสฺสนาปกฺขิกา เอวา’’ติ วุตฺตํฯ

    Yathā nāmarūpapariggahakicchatāya maggapātubhāvadandhatāya dukkhā paṭipadā dandhābhiññā vuttā, tathā tabbipariyāyena catutthī, tadubhayavomissatāvasena dutiyā, tatiyā ca ñātabbāti dassento āha ‘‘iminā…pe… veditabbā’’ti. Vaṭṭadukkhato niyyānassa adhippetattā ‘‘vipassanāpakkhikā evā’’ti vuttaṃ.

    เหตุปายผเลหีติ เอตฺถ ตณฺหาจริตตา, มนฺทปญฺญตา จ ปฐมาย ปฎิปทาย เหตุ, ตณฺหาจริตตา, อุทตฺถปญฺญตา จ ทุติยาย, ทิฎฺฐิจริตตา, มนฺทปญฺญตา จ ตติยาย, ทิฎฺฐิจริตตา, อุทตฺถปญฺญตา จ จตุตฺถิยาฯ อุปาโย ปน ยถากฺกมํ สติสมาธิวีริยปญฺญินฺทฺริยานิ , สติปฎฺฐานฌานสมฺมปฺปธานสจฺจานิ จ อุปนิสฺสยภูตานิฯ ผลํ วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยานํฯ

    Hetupāyaphalehīti ettha taṇhācaritatā, mandapaññatā ca paṭhamāya paṭipadāya hetu, taṇhācaritatā, udatthapaññatā ca dutiyāya, diṭṭhicaritatā, mandapaññatā ca tatiyāya, diṭṭhicaritatā, udatthapaññatā ca catutthiyā. Upāyo pana yathākkamaṃ satisamādhivīriyapaññindriyāni , satipaṭṭhānajhānasammappadhānasaccāni ca upanissayabhūtāni. Phalaṃ vaṭṭadukkhato niyyānaṃ.

    สมาธิมุเขนาติ สมาธิมุเขน ภาวนานุโยเคนฯ เตเนวาห ‘‘สมถปุพฺพงฺคมาย วิปสฺสนายา’’ติฯ อิธาติ อิมสฺมิํ เนตฺติปฺปกรเณฯ วกฺขติ ‘‘ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ เสกฺขผล’’นฺติ, ‘‘ราควิราคา เจโตวิมุตฺติกามธาตุสมติกฺกม’’นฺติ จฯ โสติ อนาคามีฯ

    Samādhimukhenāti samādhimukhena bhāvanānuyogena. Tenevāha ‘‘samathapubbaṅgamāya vipassanāyā’’ti. Idhāti imasmiṃ nettippakaraṇe. Vakkhati ‘‘rāgavirāgā cetovimutti sekkhaphala’’nti, ‘‘rāgavirāgā cetovimuttikāmadhātusamatikkama’’nti ca. Soti anāgāmī.

    เตนาติ ปฎิปเกฺขนฯ ตโตติ ปฎิปกฺขโตฯ สมานาธิกรณวเสน จ เจโตวิมุตฺติสทฺทานํ สมาสํ กตฺวา ภินฺนาธิกรณวเสน วตฺตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุน ‘‘เจตโส วา’’ติอาทินา อญฺญปทตฺถวเสน เจโตวิมุตฺติปทานํ สมาสํ ทเสฺสติฯ วิญฺญาณปริยาเยน เจโต-สเทฺทน วุตฺตโยชนา น สมฺภวตีติ อาห ‘‘ยถาสมฺภว’’นฺติฯ

    Tenāti paṭipakkhena. Tatoti paṭipakkhato. Samānādhikaraṇavasena ca cetovimuttisaddānaṃ samāsaṃ katvā bhinnādhikaraṇavasena vattuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Puna ‘‘cetaso vā’’tiādinā aññapadatthavasena cetovimuttipadānaṃ samāsaṃ dasseti. Viññāṇapariyāyena ceto-saddena vuttayojanā na sambhavatīti āha ‘‘yathāsambhava’’nti.

    หา-สโทฺท คติอโตฺถ, คติ เจตฺถ ญาณคติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘หาตพฺพาติ คเมตพฺพา’’ติฯ เนตพฺพาติ ญาเปตพฺพาฯ

    -saddo gatiattho, gati cettha ñāṇagati adhippetāti āha ‘‘hātabbāti gametabbā’’ti. Netabbāti ñāpetabbā.

    . นฺติ ปุคฺคลวิภาคํฯ ญาณวิภาเคนาติ สุตมยาทิญาณปฺปเภเทนฯ นิพฺพตฺตนนฺติ อุปฺปาทนํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อุคฺฆฎิตญฺญุตาติอาทิปุคฺคลวิภาคภูเต เทสนาภาชเนฯ เทสนายนฺติ สุเตฺตฯ ตํ ทเสฺสตุนฺติ ตํ ปุคฺคลวิภาคํ ทเสฺสตุํฯ ‘‘สฺวายํ หาโร กถํ สมฺภวตี’’ติ เกจิ ปฐนฺติฯ

    7.Tanti puggalavibhāgaṃ. Ñāṇavibhāgenāti sutamayādiñāṇappabhedena. Nibbattananti uppādanaṃ. Tatthāti tasmiṃ ugghaṭitaññutātiādipuggalavibhāgabhūte desanābhājane. Desanāyanti sutte. Taṃ dassetunti taṃ puggalavibhāgaṃ dassetuṃ. ‘‘Svāyaṃ hāro kathaṃ sambhavatī’’ti keci paṭhanti.

    สาติ วุตฺตปฺปการธมฺมตฺถานํ วีมํสนปญฺญาฯ อธิการโตติ ‘‘สตฺถา วา ธมฺมํ เทสยตี’’ติอาทิอธิการโตฯ สามตฺถิยโต อุคฺฆฎิตญฺญุอาทิเวเนยฺยวินยนสมตฺถภาวโตฯ ปริยตฺติธมฺมสฺส อุปธารณนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘อธิการโต สามตฺถิยโต วา’’ติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ

    ti vuttappakāradhammatthānaṃ vīmaṃsanapaññā. Adhikāratoti ‘‘satthā vā dhammaṃ desayatī’’tiādiadhikārato. Sāmatthiyato ugghaṭitaññuādiveneyyavinayanasamatthabhāvato. Pariyattidhammassa upadhāraṇanti etthāpi ‘‘adhikārato sāmatthiyato vā’’ti ānetvā yojetabbaṃ.

    ‘‘วีมํสาทิปริยายวตี ปฐมวิกปฺปวเสน, วีมํสาทิวิภาควตี ทุติยวิกปฺปวเสน, จินฺตาย เหตุภูตาย นิพฺพตฺตา จินฺตามยี’’ติ เอวมาทิวุตฺตนยานุสาเรน สกฺกา โยเชตุนฺติ อาห ‘‘เสสํ วุตฺตนยเมวา’’ติฯ

    ‘‘Vīmaṃsādipariyāyavatī paṭhamavikappavasena, vīmaṃsādivibhāgavatī dutiyavikappavasena, cintāya hetubhūtāya nibbattā cintāmayī’’ti evamādivuttanayānusārena sakkā yojetunti āha ‘‘sesaṃ vuttanayamevā’’ti.

    สุตจินฺตามยญาเณสูติ สุตมยญาเณ จ จินฺตามยญาเณ จ สุตจินฺตามยญาเณสุ จ สุตจินฺตามยญาเณสูติ เอกเทสสรูเปกเสโส เวทิตโพฺพฯ จินฺตามยญาเณเยว หิ ปติฎฺฐิตา มหาโพธิสตฺตา จริมภเว วิปสฺสนํ อารภนฺติ, อิตเร สุตจินฺตามยญาเณสูติฯ เตหีติ ตถา ปฐเนฺตหิฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘อุปาทารูปํ ปริคฺคณฺหาติ, อรูปํ ปริคฺคณฺหาตี’’ติอาทินา ปฎิปทากถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕) วุตฺตนเยนฯ

    Sutacintāmayañāṇesūti sutamayañāṇe ca cintāmayañāṇe ca sutacintāmayañāṇesu ca sutacintāmayañāṇesūti ekadesasarūpekaseso veditabbo. Cintāmayañāṇeyeva hi patiṭṭhitā mahābodhisattā carimabhave vipassanaṃ ārabhanti, itare sutacintāmayañāṇesūti. Tehīti tathā paṭhantehi. Vuttanayenāti ‘‘upādārūpaṃ pariggaṇhāti, arūpaṃ pariggaṇhātī’’tiādinā paṭipadākathāyaṃ (netti. aṭṭha. 5) vuttanayena.

    . ปรโต โฆโส ปจฺจยภูโต เอติสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ปจฺจตฺตสมุฎฺฐิเตน จ โยนิโสมนสิกาเรนา’’ติ อิทํ อาวุตฺตินเยน ทุติยํ อาวฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ เตน สาวกานํ ภาวนามยญาณุปฺปตฺติ สงฺคหิตา โหติฯ สาวกานเมว วา ญาณุปฺปตฺติ อิธาธิเปฺปตา อุคฺฆฎิตญฺญุอาทิวิภาคกถนโตฯ เอตสฺมิํ ปเกฺข ปุเพฺพ วุตฺตเอกเสสนโยปิ ปฎิกฺขิโตฺต ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘อาสยปโยคปโพธสฺส นิปฺผาทิตตฺตา’’ติ เอเตน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยปริยาปนฺนานิ ปุพฺพเหตุสงฺคหานิ สุตจินฺตามยญาณานิ สนฺธาย ‘‘อิมา เทฺว ปญฺญา อตฺถี’’ติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ อตฺถิภาโว เจตาสํ ปฎิปเกฺขน อนุปทฺทุตตา เวทิตพฺพาฯ อปริกฺขตตฺตา อนภิสงฺขตตฺตาฯ สุตมยญาณสฺสาปิ ปุริมสิทฺธสฺสฯ

    8. Parato ghoso paccayabhūto etissāti adhippāyo. ‘‘Paccattasamuṭṭhitena ca yonisomanasikārenā’’ti idaṃ āvuttinayena dutiyaṃ āvaṭṭatīti veditabbaṃ. Tena sāvakānaṃ bhāvanāmayañāṇuppatti saṅgahitā hoti. Sāvakānameva vā ñāṇuppatti idhādhippetā ugghaṭitaññuādivibhāgakathanato. Etasmiṃ pakkhe pubbe vuttaekasesanayopi paṭikkhitto daṭṭhabbo. ‘‘Āsayapayogapabodhassa nipphāditattā’’ti etena pacchimacakkadvayapariyāpannāni pubbahetusaṅgahāni sutacintāmayañāṇāni sandhāya ‘‘imā dve paññā atthī’’ti vuttanti dasseti. Atthibhāvo cetāsaṃ paṭipakkhena anupaddutatā veditabbā. Aparikkhatattā anabhisaṅkhatattā. Sutamayañāṇassāpi purimasiddhassa.

    . เทสนาปฎิปทาญาณวิภาเคหีติ นิสฺสรณเทสนาทิเทสนาวิภาเคหิ, ทุกฺขาปฎิปทาทิปฎิปทาวิภาเคหิ, สุตมยญาณาทิญาณวิภาเคหิฯ

    9.Desanāpaṭipadāñāṇavibhāgehīti nissaraṇadesanādidesanāvibhāgehi, dukkhāpaṭipadādipaṭipadāvibhāgehi, sutamayañāṇādiñāṇavibhāgehi.

    อวสิฎฺฐปาริสเชฺชนาติ ขตฺติยคหปติปริสปริยาปเนฺนนฯ อฎฺฐนฺนนฺติ ขตฺติยปริสา พฺราหฺมณคหปติสมณจาตุมหาราชิกตาวติํสมารพฺรหฺมปริสาติ อิมาสํ อฎฺฐนฺนํฯ

    Avasiṭṭhapārisajjenāti khattiyagahapatiparisapariyāpannena. Aṭṭhannanti khattiyaparisā brāhmaṇagahapatisamaṇacātumahārājikatāvatiṃsamārabrahmaparisāti imāsaṃ aṭṭhannaṃ.

    สมเตฺถตีติ สมตฺถํ สมฺพนฺธตฺถํ กโรติฯ

    Samatthetīti samatthaṃ sambandhatthaṃ karoti.

    ตเมว ทฺวาทสปทภาวํ ทีเปตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ ตทตฺถสฺสาติ ฉฉกฺกปริยายตฺถสฺส (ม. นิ. ๓.๔๒๐ อาทโย)ฯ สพฺพปริยตฺติธมฺมสงฺคาหกตฺตา ฉฉกฺกปริยายสฺส, ตทตฺถสฺส จ ธมฺมจกฺกปฺปวเตฺตน สุเตฺตน (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓; ปฎิ. ม. ๒.๓๐) สงฺคหิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สพฺพสฺสาปิ…เป.… วิภาเวโนฺต’’ติฯ วิสยิภาเวน พฺยญฺชนปทานํ, วิสยภาเวน อตฺถปทานํ สมฺพนฺธํ สนฺธายาห ‘‘เตสํ…เป.… สมฺพนฺธภาว’’นฺติฯ

    Tameva dvādasapadabhāvaṃ dīpetvāti sambandho. Tadatthassāti chachakkapariyāyatthassa (ma. ni. 3.420 ādayo). Sabbapariyattidhammasaṅgāhakattā chachakkapariyāyassa, tadatthassa ca dhammacakkappavattena suttena (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 13; paṭi. ma. 2.30) saṅgahitattā vuttaṃ ‘‘sabbassāpi…pe… vibhāvento’’ti. Visayibhāvena byañjanapadānaṃ, visayabhāvena atthapadānaṃ sambandhaṃ sandhāyāha ‘‘tesaṃ…pe… sambandhabhāva’’nti.

    ปทาวยโว อกฺขรานิฯ ปทโตฺถติ ปทตฺถาวยโวฯ ปทตฺถคฺคหณสฺสาติ ปทตฺถาวโพธสฺสฯ วิเสสาธานํ วิเสสุปฺปตฺติฯ วากฺยเภเทติ วากฺยวิเสเสฯ จิตฺตปริโตสนํ จิตฺตาราธนํฯ พุทฺธินิสานํ ปญฺญาย เตชนํ ติกฺขภาวกรณํฯ นานาวากฺยวิสยตาปิ สิทฺธา โหติ ปทาทีหิปิ สงฺกาสนสฺส สิทฺธตฺตา ฯ เอกวากฺยวิสยตาย หิ อตฺถปทานํ สงฺกาสนาทโย ยถากฺกมํ อกฺขราทิวิสยา เอวาติ นิยโม สิยาฯ เอเตนาติ อตฺถปทานํ นานาวากฺยวิสยเตฺถนฯ

    Padāvayavo akkharāni. Padatthoti padatthāvayavo. Padatthaggahaṇassāti padatthāvabodhassa. Visesādhānaṃ visesuppatti. Vākyabhedeti vākyavisese. Cittaparitosanaṃ cittārādhanaṃ. Buddhinisānaṃ paññāya tejanaṃ tikkhabhāvakaraṇaṃ. Nānāvākyavisayatāpi siddhā hoti padādīhipi saṅkāsanassa siddhattā . Ekavākyavisayatāya hi atthapadānaṃ saṅkāsanādayo yathākkamaṃ akkharādivisayā evāti niyamo siyā. Etenāti atthapadānaṃ nānāvākyavisayatthena.

    อุคฺฆฎนาทิอตฺถานีติ อุคฺฆฎนวิปญฺจนนยนปฺปโยชนานิฯ

    Ugghaṭanādiatthānīti ugghaṭanavipañcananayanappayojanāni.

    ๑๐. อุปติฎฺฐติ เอตฺถาติ อุปฎฺฐิตนฺติ อุปฎฺฐิตสทฺทสฺส อธิกรณตฺถตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุปติฎฺฐนฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปทกฺกนฺต’’นฺติฯ เตนาห ‘‘อิทํ เนส’’นฺติอาทิฯ ปฎิปตฺติเทสนาคมเนหีติ ปฎิปตฺติคมนเทสนาคมเนหิฯ ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปโนฺน ชายติ จ…เป.… ชรามรณสฺสา’’ติอาทินา ชรามรณโต ปฎฺฐาย ปฎิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา มหาคหนํ ฉินฺทิตุํ นิสานสิลายํ ผรสุํ นิเสโนฺต วิย กิเลสคหนํ ฉินฺทิตุํ โลกนาโถ ญาณผรสุํ เตเชโนฺต พุทฺธภาวาย เหตุสมฺปตฺติยา ปริปากคตตฺตา สพฺพญฺญุตญฺญาณาธิคมาย วิปสฺสนาคพฺภํ คณฺหาเปโนฺต อนฺตรนฺตรา นานาสมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน อเนกาการโวการสงฺขาเร สมฺมสโนฺต ฉตฺติํสโกฎิสตสหสฺสมุเขน ยํ ญาณํ ปวเตฺตสิ, ตํ ‘‘มหาวชิรญาณ’’นฺติ วทนฺติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสมาปตฺติสญฺจาริมหาวชิรญาณ’’นฺติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๔๑) อาคตํ, ตํ เทวสิกํ วฬญฺชนกสมาปตฺตีนํ ปุเรจรานุจรญาณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยํ ปน วกฺขติ ‘‘ญาณวชิรโมหชาลปทาลน’’นฺติ, ตํ สห วิปสฺสนาย มคฺคญาณํ เวทิตพฺพํฯ เอตํ พฺรหฺมจริยนฺติ สาสนพฺรหฺมจริยํ อธิเปฺปตนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘พฺรหฺมุโน’’ติอาทิมาหฯ

    10. Upatiṭṭhati etthāti upaṭṭhitanti upaṭṭhitasaddassa adhikaraṇatthataṃ dassetuṃ ‘‘upatiṭṭhanaṭṭhāna’’nti vuttaṃ yathā ‘‘padakkanta’’nti. Tenāha ‘‘idaṃ nesa’’ntiādi. Paṭipattidesanāgamanehīti paṭipattigamanadesanāgamanehi. ‘‘Kicchaṃ vatāyaṃ loko āpanno jāyati ca…pe… jarāmaraṇassā’’tiādinā jarāmaraṇato paṭṭhāya paṭiccasamuppādamukhena vipassanaṃ abhinivisitvā mahāgahanaṃ chindituṃ nisānasilāyaṃ pharasuṃ nisento viya kilesagahanaṃ chindituṃ lokanātho ñāṇapharasuṃ tejento buddhabhāvāya hetusampattiyā paripākagatattā sabbaññutaññāṇādhigamāya vipassanāgabbhaṃ gaṇhāpento antarantarā nānāsamāpattiyo samāpajjitvā anupadadhammavipassanāvasena anekākāravokārasaṅkhāre sammasanto chattiṃsakoṭisatasahassamukhena yaṃ ñāṇaṃ pavattesi, taṃ ‘‘mahāvajirañāṇa’’nti vadanti. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘catuvīsatikoṭisatasahassasamāpattisañcārimahāvajirañāṇa’’nti (dī. ni. aṭṭha. 3.141) āgataṃ, taṃ devasikaṃ vaḷañjanakasamāpattīnaṃ purecarānucarañāṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Yaṃ pana vakkhati ‘‘ñāṇavajiramohajālapadālana’’nti, taṃ saha vipassanāya maggañāṇaṃ veditabbaṃ. Etaṃ brahmacariyanti sāsanabrahmacariyaṃ adhippetanti taṃ dassento ‘‘brahmuno’’tiādimāha.

    เทสนายาติ กรณเตฺถ อิทํ กรณวจนํฯ นิยุโตฺตติ เอตฺถ เหตุอโตฺถ อโนฺตนีโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิทฺธาเรตฺวา โยชิโต’’ติ อาหฯ

    Desanāyāti karaṇatthe idaṃ karaṇavacanaṃ. Niyuttoti ettha hetuattho antonītoti dassento ‘‘niddhāretvā yojito’’ti āha.

    เทสนาหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Desanāhāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๑. เทสนาหารวิภโงฺค • 1. Desanāhāravibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. เทสนาหารวิภงฺควณฺณนา • 1. Desanāhāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๑. เทสนาหารวิภงฺควิภาวนา • 1. Desanāhāravibhaṅgavibhāvanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact