Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī |
๔. ปฎินิเทฺทสวารอตฺถวิภาวนา
4. Paṭiniddesavāraatthavibhāvanā
๑. เทสนาหารวิภงฺควิภาวนา
1. Desanāhāravibhaṅgavibhāvanā
๕. เอวํ หาราทโย สรูปโต อาจริเยน อุเทฺทสโต อุทฺทิฎฺฐา, นิเทฺทสโต จ นิทฺทิฎฺฐา, อเมฺหหิ จ ญาตา, อถ กสฺมา ปุน ‘‘ตตฺถ กตโม เทสนาหาโร’’ติอาทิโก อารโทฺธติ เจ? เวเนยฺยานํ ติวิธตฺตาฯ เวเนยฺยา หิ อติติกฺขปโญฺญ นาติติกฺขปโญฺญ มนฺทปโญฺญติ ติวิธา โหนฺติฯ เตสญฺหิ อติติกฺขปญฺญสฺสานุรูปํ หาราทโย อุเทฺทสโต อุทฺทิฎฺฐา, นาติติกฺขปญฺญสฺส อนุรูปํ นิเทฺทสโต นิทฺทิฎฺฐา, อิทานิ มนฺทปญฺญสฺสานุรูปํ หาราทโย วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กตโม เทสนาหาโร’’ติอาทิโก วิภงฺควาโร อารโทฺธฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ หาราทโยสุขคฺคหณตฺถํ คาถาพนฺธวเสน สรูปโต นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ เตสุ หาเร ตาว ปฎินิเทฺทสวเสน วิภชิตุํ ‘ตตฺถ กตโม เทสนาหาโร’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕) วุตฺตํฯ
5. Evaṃ hārādayo sarūpato ācariyena uddesato uddiṭṭhā, niddesato ca niddiṭṭhā, amhehi ca ñātā, atha kasmā puna ‘‘tattha katamo desanāhāro’’tiādiko āraddhoti ce? Veneyyānaṃ tividhattā. Veneyyā hi atitikkhapañño nātitikkhapañño mandapaññoti tividhā honti. Tesañhi atitikkhapaññassānurūpaṃ hārādayo uddesato uddiṭṭhā, nātitikkhapaññassa anurūpaṃ niddesato niddiṭṭhā, idāni mandapaññassānurūpaṃ hārādayo vibhajitvā dassetuṃ ‘‘tattha katamo desanāhāro’’tiādiko vibhaṅgavāro āraddho. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ hārādayosukhaggahaṇatthaṃ gāthābandhavasena sarūpato niddisitvā idāni tesu hāre tāva paṭiniddesavasena vibhajituṃ ‘tattha katamo desanāhāro’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 5) vuttaṃ.
ตตฺถ เย หาราทโย อุเทฺทสนิเทฺทเสสุ นิทฺทิฎฺฐา, ตตฺถ หาราทีสุ กตโม เทสนาหาโรติ เจ? ยา ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถา (เนตฺติ. ๔) วุตฺตา, สา อยํ คาถา นิเทฺทสวเสน เทสนาหาโร นาม, ตสฺส ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔) นิเทฺทสสฺส อิทานิ มยา วุจฺจมาโน ‘‘อยํ เทสนาหาโร กิํ เทสยตี’’ติอาทิโก วิตฺถารสํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหารวิภโงฺค นามาติ โยชนาฯ ‘‘อยํ เทสนาหาโร กิํ เทสยตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ปุจฺฉํ ฐเปตฺวา ‘‘อิมํ เทสยตี’’ติ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อยํ เทสนาหาโร กิํ เทสยติ? อสฺสาทํ อาทีนว’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อยํ เทสนาหาโร กิํ เทสยตีติ เจ ? อสฺสาทํ เทสยติ สํวเณฺณติ วิตฺถาเรติ, อาทีนวํ เทสยติ…เป.… วิตฺถาเรติ, นิสฺสรณํ เทสยติ…เป.… วิตฺถาเรติ, ผลํ เทสยติ…เป.… วิตฺถาเรติ, อุปายํ เทสยติ…เป.… วิตฺถาเรติ, อาณตฺติํ เทสยติ สํวเณฺณติ วิตฺถาเรตีติ โยชโนฯ
Tattha ye hārādayo uddesaniddesesu niddiṭṭhā, tattha hārādīsu katamo desanāhāroti ce? Yā ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthā (netti. 4) vuttā, sā ayaṃ gāthā niddesavasena desanāhāro nāma, tassa ‘‘assādādīnavatā’’tiādi (netti. 4) niddesassa idāni mayā vuccamāno ‘‘ayaṃ desanāhāro kiṃ desayatī’’tiādiko vitthārasaṃvaṇṇanāviseso desanāhāravibhaṅgo nāmāti yojanā. ‘‘Ayaṃ desanāhāro kiṃ desayatī’’ti pucchitabbattā pucchaṃ ṭhapetvā ‘‘imaṃ desayatī’’ti niyametvā dassetuṃ ‘‘ayaṃ desanāhāro kiṃ desayati? Assādaṃ ādīnava’’ntiādi vuttaṃ. Tattha ayaṃ desanāhāro kiṃ desayatīti ce ? Assādaṃ desayati saṃvaṇṇeti vitthāreti, ādīnavaṃ desayati…pe… vitthāreti, nissaraṇaṃ desayati…pe… vitthāreti, phalaṃ desayati…pe… vitthāreti, upāyaṃ desayati…pe… vitthāreti, āṇattiṃ desayati saṃvaṇṇeti vitthāretīti yojano.
เอตฺถ จ ‘‘อยํ เทสนาหาโร’’ติ สโทฺท ปุพฺพาปราเปโกฺขติ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘‘อสฺสาทาทีนวตา’ติอาทิคาถายํ (เนตฺติ. ๔) ทสฺสิตา อิเม อสฺสาทาทโย กตฺถ สํวเณฺณตเพฺพ ปาฬิธเมฺม อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘‘อสฺสาทาทีนวตา’ติอาทิคาถายํ (เนตฺติ. ๔) ทสฺสิตา อิเม อสฺสาทาทโย กตฺถ สํวเณฺณตเพฺพ ปาฬิธเมฺม อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสามี’’ติ ปฎิญฺญาตเพฺพ ปาฬิธเมฺม สํวเณฺณตเพฺพ เย อสฺสาทาทโย อาคตา, เต อยํ เทสนาหาโร เทสยตีติ อธิปฺปาโยฯ
Ettha ca ‘‘ayaṃ desanāhāro’’ti saddo pubbāparāpekkhoti daṭṭhabbo. ‘‘‘Assādādīnavatā’tiādigāthāyaṃ (netti. 4) dassitā ime assādādayo kattha saṃvaṇṇetabbe pāḷidhamme āgatā’’ti pucchitabbattā ‘‘dhammaṃ vo, bhikkhave, desessāmī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘‘Assādādīnavatā’tiādigāthāyaṃ (netti. 4) dassitā ime assādādayo kattha saṃvaṇṇetabbe pāḷidhamme āgatā’’ti pucchitabbattā ‘‘dhammaṃ vo, bhikkhave, desessāmi ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsessāmī’’ti paṭiññātabbe pāḷidhamme saṃvaṇṇetabbe ye assādādayo āgatā, te ayaṃ desanāhāro desayatīti adhippāyo.
ตตฺถ ธมฺมสโทฺท ปริยตฺติสจฺจสมาธิปญฺญาปกติปุญฺญาปตฺติเญยฺยาทีสุ พหูสุ อเตฺถสุ ปวโตฺต, ตถาปิ อิธ ปริยตฺติธเมฺมเยว ปวโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ อตฺถุเทฺทโส ปน อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕) วุโตฺต, ตสฺมา อิธ มยา น วุโตฺตฯ โว-กาโรปิ อุปโยคกรณปทปูรณสมฺปทานเตฺถสุ ทิสฺสติ จ, ตถาปิ อิธ สมฺปทานเตฺถวาติ ทฎฺฐโพฺพฯ ภิกฺขนฺติ ยาจนฺติ สีลกฺขนฺธาทโย, ปจฺจเย วา กายวิญฺญตฺติยาติ ภิกฺขู, สํสาเร ภยํ อิกฺขนฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตีติ วา ภิกฺขูฯ ภิกฺขเวติ เต ภิกฺขู อาลปติ, กิมตฺถายาติ อตฺตโน มุขาภิมุขํ กตฺวา ธมฺมสฺสวเน อติอุสฺสาหเน นิโยเชตุํ อาลปตีติ เวทิตโพฺพฯ
Tattha dhammasaddo pariyattisaccasamādhipaññāpakatipuññāpattiñeyyādīsu bahūsu atthesu pavatto, tathāpi idha pariyattidhammeyeva pavattoti daṭṭhabbo. Atthuddeso pana aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 5) vutto, tasmā idha mayā na vutto. Vo-kāropi upayogakaraṇapadapūraṇasampadānatthesu dissati ca, tathāpi idha sampadānatthevāti daṭṭhabbo. Bhikkhanti yācanti sīlakkhandhādayo, paccaye vā kāyaviññattiyāti bhikkhū, saṃsāre bhayaṃ ikkhanti paccavekkhantīti vā bhikkhū. Bhikkhaveti te bhikkhū ālapati, kimatthāyāti attano mukhābhimukhaṃ katvā dhammassavane atiussāhane niyojetuṃ ālapatīti veditabbo.
ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ นาหํ อิสฺสรตาย ตุเมฺห อญฺญํ กิญฺจิ กาเรยฺยามิ, ธมฺมํเยว เทเสสฺสามิ, เทเสโนฺต จ น อเญฺญสํ ธมฺมํ สุตฺวา สุตมยญาณานุสาเรน เทเสสฺสามิ, อนาวรณญาเณน สพฺพเญยฺยธเมฺมสุ ปจฺจกฺขการิตาย อิทานิ มยาเยว ปวตฺติยมานํ ธมฺมํ อหํ เทเสสฺสามีติ ปฎิชานาติฯ อาทิมฺหิ กลฺยาณํ อาทิกลฺยาณํ, อาทิ กลฺยาณเมตสฺสาติ วา อาทิกลฺยาณํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อาทิกลฺยาณาทโย เจตฺถ อตฺถกลฺยาณาทิวเสน วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ เตนาห – ‘‘สีเลน อาทิกลฺยาณํ, สมาธินา มเชฺฌกลฺยาณํ, ปญฺญาย ปริโยสานกลฺยาณํฯ พุทฺธสุพุทฺธตาย วา อาทิกลฺยาณํ, ธมฺมสุธมฺมตาย มเชฺฌกลฺยาณํ, สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาณํฯ อถ วา อุคฺฆฎิตญฺญุวินยเนน อาทิกลฺยาณํ, วิปญฺจิตญฺญุวินยเนน มเชฺฌกลฺยาณํ, เนยฺยปุคฺคลวินยเนน ปริโยสานกลฺยาณํฯ อยเมวโตฺถ อิธาธิเปฺปโต’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕)ฯ
Dhammaṃ desessāmīti nāhaṃ issaratāya tumhe aññaṃ kiñci kāreyyāmi, dhammaṃyeva desessāmi, desento ca na aññesaṃ dhammaṃ sutvā sutamayañāṇānusārena desessāmi, anāvaraṇañāṇena sabbañeyyadhammesu paccakkhakāritāya idāni mayāyeva pavattiyamānaṃ dhammaṃ ahaṃ desessāmīti paṭijānāti. Ādimhi kalyāṇaṃ ādikalyāṇaṃ, ādi kalyāṇametassāti vā ādikalyāṇaṃ. Sesesupi eseva nayo. Ādikalyāṇādayo cettha atthakalyāṇādivasena vuttāti daṭṭhabbā. Tenāha – ‘‘sīlena ādikalyāṇaṃ, samādhinā majjhekalyāṇaṃ, paññāya pariyosānakalyāṇaṃ. Buddhasubuddhatāya vā ādikalyāṇaṃ, dhammasudhammatāya majjhekalyāṇaṃ, saṅghasuppaṭipattiyā pariyosānakalyāṇaṃ. Atha vā ugghaṭitaññuvinayanena ādikalyāṇaṃ, vipañcitaññuvinayanena majjhekalyāṇaṃ, neyyapuggalavinayanena pariyosānakalyāṇaṃ. Ayamevattho idhādhippeto’’ti (netti. aṭṭha. 5).
อรียติ ญายตีติ อโตฺถ, อร-ธาตุยา นิปฺปริยายโต ญาณปฺปธาโน อารมฺมณิกจิตฺตุปฺปาโท อโตฺถ, ฐานูปจารโต อตฺถสฺส ญาตพฺพสฺส อารมฺมณปจฺจยสตฺติ อโตฺถ, อิติ-สเทฺทน สาเยว สตฺติ ปรามสียติ, อารมฺมณปจฺจยสตฺติสหิโต อารมฺมณปจฺจยสงฺขาโต ญาตโพฺพ อโตฺถ ต-ปจฺจยสฺส อโตฺถติ ธาตุปจฺจยานํ อตฺถวิเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ อสติ ภวตีติ วา อโตฺถ, สห อเตฺถน โย ธโมฺม วตฺตตีติ โส ธโมฺม สาโตฺถ, อเตฺถน สมนฺนาคโต วา ธโมฺม สาโตฺถ, สงฺกาสนาทิฉอตฺถปทสมาโยคโต วา สาโตฺถฯ อยเมวโตฺถ อิธาธิเปฺปโต เนตฺติวิสยตฺตาฯ สมฺปนฺนํ พฺยญฺชนํ ยสฺส ธมฺมสฺสาติ สพฺยญฺชโนฯ สิถิลธนิตทีฆรสฺสครุลหุสมฺพนฺธววตฺถิตวิมุตฺตนิคฺคหิตสมฺปนฺนตฺตา , อการนฺตาทิอิตฺถิลิงฺคาทิเอกวจนาทิสมฺปนฺนตฺตา, ปมาทเลขาทิรหิตตฺตา จ อวยโว สมฺปโนฺน ตํสมูหตฺตา ธโมฺม สมฺปนฺนพฺยญฺชโน นาม, อกฺขราทิฉพฺยญฺชนปทสมาโยคา วา สพฺยญฺชโนฯ อยเมวโตฺถ อิธาธิเปฺปโตฯ อิมสฺมิํ อยํ อูโน, โส เนตโพฺพ ปกฺขิปิตโพฺพติ อุปเนตพฺพาภาวโต เกวลปริปุโณฺณ, สีลกฺขนฺธสมาธิกฺขนฺธปญฺญากฺขนฺธ- วิมุตฺติกฺขนฺธวิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺธปาริปูริยา วา เกวลปริปุโณฺณฯ อิธายํ อติเรโก, โส อปเนตโพฺพติ วตฺวา อปเนตพฺพาภาวโต ปริสุโทฺธ, จตุโรฆนิตฺถรณตฺถาย, โลกามิสนิรเปกฺขตาย ปวตฺติยมานตฺตา วา ปริสุโทฺธฯ เสฎฺฐตฺตา พฺรหฺมจริยํ, พฺรหฺมานํ วา เสฎฺฐานํ อริยานํ จริยํ พฺรหฺมจริยํ, ปพฺพชฺชพฺรหฺมจริยมคฺคพฺรหฺมจริยสาสนพฺรหฺมจริยาทีสุ สาสนพฺรหฺมจริยํ ปกาสยิสฺสามิ, ปริทีปยิสฺสามีติ อโตฺถฯ
Arīyati ñāyatīti attho, ara-dhātuyā nippariyāyato ñāṇappadhāno ārammaṇikacittuppādo attho, ṭhānūpacārato atthassa ñātabbassa ārammaṇapaccayasatti attho, iti-saddena sāyeva satti parāmasīyati, ārammaṇapaccayasattisahito ārammaṇapaccayasaṅkhāto ñātabbo attho ta-paccayassa atthoti dhātupaccayānaṃ atthaviseso daṭṭhabbo. Asati bhavatīti vā attho, saha atthena yo dhammo vattatīti so dhammo sāttho, atthena samannāgato vā dhammo sāttho, saṅkāsanādichaatthapadasamāyogato vā sāttho. Ayamevattho idhādhippeto nettivisayattā. Sampannaṃ byañjanaṃ yassa dhammassāti sabyañjano. Sithiladhanitadīgharassagarulahusambandhavavatthitavimuttaniggahitasampannattā , akārantādiitthiliṅgādiekavacanādisampannattā, pamādalekhādirahitattā ca avayavo sampanno taṃsamūhattā dhammo sampannabyañjano nāma, akkharādichabyañjanapadasamāyogā vā sabyañjano. Ayamevattho idhādhippeto. Imasmiṃ ayaṃ ūno, so netabbo pakkhipitabboti upanetabbābhāvato kevalaparipuṇṇo, sīlakkhandhasamādhikkhandhapaññākkhandha- vimuttikkhandhavimuttiñāṇadassanakkhandhapāripūriyā vā kevalaparipuṇṇo. Idhāyaṃ atireko, so apanetabboti vatvā apanetabbābhāvato parisuddho, caturoghanittharaṇatthāya, lokāmisanirapekkhatāya pavattiyamānattā vā parisuddho. Seṭṭhattā brahmacariyaṃ, brahmānaṃ vā seṭṭhānaṃ ariyānaṃ cariyaṃ brahmacariyaṃ, pabbajjabrahmacariyamaggabrahmacariyasāsanabrahmacariyādīsu sāsanabrahmacariyaṃ pakāsayissāmi, paridīpayissāmīti attho.
‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ…เป.… ปกาเสสฺสามี’’ติ ปฎิญฺญาตเพฺพ ปาฬิธเมฺม อาคเต อสฺสาทาทโย เทสนาหาโร เทสยติ สํวเณฺณติ วิตฺถาเรตีติ อาจริเยน สามญฺญวเสเนว วุตฺตํ, ตสฺมา เทสนาหาโร อิธ ปาฬิยํ อาคตํ อิมํ อสฺสาทํ เทสยติ, อิธ ปาฬิยํ อาคตํ อิมํ อาทีนวํ เทสยตีติอาทิ วิเสโส น วิญฺญาตโพฺพ, ‘‘กถํ วิญฺญาตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิธ ปาฬิยํ อาคโต อยํ อสฺสาโท, อิธ ปาฬิยํ อาคโต อยํ อาทีนโว’’ติ วิเสสํ นิยเมตฺวา อุปลกฺขณนเยน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท? กามํ กามยมานสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิเฎฺฐสุ วิสยวิสยิเภเทสุ อสฺสาเทสุ กตโม อสฺสาโท ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิยํ อาคโตติ ปุจฺฉิตฺวา –
‘‘Dhammaṃ vo, bhikkhave, desessāmi…pe… pakāsessāmī’’ti paṭiññātabbe pāḷidhamme āgate assādādayo desanāhāro desayati saṃvaṇṇeti vitthāretīti ācariyena sāmaññavaseneva vuttaṃ, tasmā desanāhāro idha pāḷiyaṃ āgataṃ imaṃ assādaṃ desayati, idha pāḷiyaṃ āgataṃ imaṃ ādīnavaṃ desayatītiādi viseso na viññātabbo, ‘‘kathaṃ viññātabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘idha pāḷiyaṃ āgato ayaṃ assādo, idha pāḷiyaṃ āgato ayaṃ ādīnavo’’ti visesaṃ niyametvā upalakkhaṇanayena dassetuṃ ‘‘tattha katamo assādo? Kāmaṃ kāmayamānassā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhesu visayavisayibhedesu assādesu katamo assādo tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷiyaṃ āgatoti pucchitvā –
‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจตํ สมิชฺฌติ;
‘‘Kāmaṃ kāmayamānassa, tassa cetaṃ samijjhati;
อทฺธา ปีติมโน โหติ, ลทฺธา มโจฺจ ยทิจฺฉตี’’ติฯ (สุ. นิ. ๗๗๒; มหานิ. ๑) –
Addhā pītimano hoti, laddhā macco yadicchatī’’ti. (su. ni. 772; mahāni. 1) –
อิธ ปาฬิคาถายํ โย วิสยภูโต อสฺสาโท อาคโต, โส อยํ อสฺสาเทตโพฺพ อสฺสาโท เทสนาหารสฺส วิสโยติฯ อฎฺฐกถายํ ปน –
Idha pāḷigāthāyaṃ yo visayabhūto assādo āgato, so ayaṃ assādetabbo assādo desanāhārassa visayoti. Aṭṭhakathāyaṃ pana –
‘‘เอวํ ภควตา เทสิโต, ปกาสิโต จ สาสนธโมฺม เยสํ อสฺสาทาทีนํ ทสฺสนวเสน ปวโตฺต, เต อสฺสาทาทโย เทสนาหารสฺส วิสยภูตา ยตฺถ ยตฺถ ปาเฐ สวิเสสํ วุตฺตา, ตโต ตโต นิทฺธาเรตฺวา อุทาหรณวเสน อิธาเนตฺวา ทเสฺสตุํ ‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕) วุตฺตํฯ
‘‘Evaṃ bhagavatā desito, pakāsito ca sāsanadhammo yesaṃ assādādīnaṃ dassanavasena pavatto, te assādādayo desanāhārassa visayabhūtā yattha yattha pāṭhe savisesaṃ vuttā, tato tato niddhāretvā udāharaṇavasena idhānetvā dassetuṃ ‘tattha katamo assādo’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 5) vuttaṃ.
ตตฺถ อสฺสาทียเตติ อสฺสาโท, อสฺสาเทตโพฺพ วตฺถุกาโมฯ กามียเตติ กาโม, วตฺถุกาโม จฯ ตํ กามยตีติ กามยมาโน, สโตฺตฯ ตสฺส ปีติยา ยุตฺตํ มโน เอตสฺสาติ ปีติมโนฯ มนติ ชานาตีติอาทิวจนเตฺถน มโจฺจฯ กามํ กามิตพฺพํ วตฺถุ กามยมานสฺส ตสฺส สตฺตสฺส เอตํ กามิตพฺพํ วตฺถุ สเจ สมิชฺฌติ, เอวํ สติ โส สโตฺต อทฺธา ปีติมโน โหติฯ โย มโจฺจ ยํ วตฺถุํ อิจฺฉติ, ตํ วตฺถุํ โส มโจฺจ ลทฺธา อทฺธา ปีติมโน โหตีติ คาถายโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Tattha assādīyateti assādo, assādetabbo vatthukāmo. Kāmīyateti kāmo, vatthukāmo ca. Taṃ kāmayatīti kāmayamāno, satto. Tassa pītiyā yuttaṃ mano etassāti pītimano. Manati jānātītiādivacanatthena macco. Kāmaṃ kāmitabbaṃ vatthu kāmayamānassa tassa sattassa etaṃ kāmitabbaṃ vatthu sace samijjhati, evaṃ sati so satto addhā pītimano hoti. Yo macco yaṃ vatthuṃ icchati, taṃ vatthuṃ so macco laddhā addhā pītimano hotīti gāthāyattho daṭṭhabbo.
‘‘กามํ …เป.… ปีติมโน โหตี’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ‘‘ลทฺธา มโจฺจ ยทิจฺฉตี’’ติ วุตฺตตฺตา โลภนียํ วตฺถุํเยว ลทฺธา ปีติมโน น โหติ, อถ โข ปเตฺถตพฺพํ ปูเชตพฺพนฺติ สพฺพํ ลทฺธา มโจฺจ ปีติมโน จ โหตีติ อติเรกโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
‘‘Kāmaṃ …pe… pītimano hotī’’ti ettakameva avatvā ‘‘laddhā macco yadicchatī’’ti vuttattā lobhanīyaṃ vatthuṃyeva laddhā pītimano na hoti, atha kho patthetabbaṃ pūjetabbanti sabbaṃ laddhā macco pītimano ca hotīti atirekattho daṭṭhabbo.
วิสยภูโต อสฺสาเทตโพฺพ อสฺสาโท อิธ ปาฬิยํ คาถายํ อาคโตติ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘ทุกฺขโทมนสฺสาทิเภเทสุ อาทีนเวสุ กตโม อาทีนโว กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคโต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม อาทีนโว? ตสฺส เจ กามยานสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิเฎฺฐสุ ทุกฺขโทมนสฺสาทีสุ อาทีนเวสุ กตโม อาทีนโว ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิยํ อาคโตติ ปุจฺฉิตฺวา –
Visayabhūto assādetabbo assādo idha pāḷiyaṃ gāthāyaṃ āgatoti ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘dukkhadomanassādibhedesu ādīnavesu katamo ādīnavo kattha pāḷidhamme āgato’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo ādīnavo? Tassa ce kāmayānassā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhesu dukkhadomanassādīsu ādīnavesu katamo ādīnavo tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷiyaṃ āgatoti pucchitvā –
‘‘ตสฺส เจ กามยานสฺส, ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;
‘‘Tassa ce kāmayānassa, chandajātassa jantuno;
เต กามา ปริหายนฺติ, สลฺลวิโทฺธว รุปฺปตี’’ติฯ (สุ. นิ. ๗๗๓; มหานิ. ๒) –
Te kāmā parihāyanti, sallaviddhova ruppatī’’ti. (su. ni. 773; mahāni. 2) –
อิธ ปาฬิคาถายํ โย โทมนสฺสสงฺขาโต อาทีนโว อาคโต, โส อยํ โทมนสฺสสงฺขาโต อาทีนโว เทสนาหารสฺส วิสโยติฯ
Idha pāḷigāthāyaṃ yo domanassasaṅkhāto ādīnavo āgato, so ayaṃ domanassasaṅkhāto ādīnavo desanāhārassa visayoti.
คาถายํ ปน กามยติ อิจฺฉตีติ กามยาโนฯ อถ วา ยายติ คจฺฉตีติ ยาโน, กาเมน ยาโน กามยาโน, ตสฺสฯ ฉโนฺท ชาโต ยสฺส โส ฉนฺทชาโต, ตสฺสฯ วิชฺฌียเตติ วิโทฺธ , สลฺลติ ปวิสตีติ สโลฺล, สเลฺลน วิโทฺธ สลฺลวิโทฺธฯ กามํ กามยานสฺส ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน เย กามา ลภิตพฺพา, เต กามา เกนจิ อนฺตราเยน ยทา ปริหายนฺติ, ตทา โส ชนฺตุ รุปฺปติฯ กีทิโสว รุปฺปติ? อโยมยสลฺลวิโทฺธ มิโค รุปฺปติ อิว, ปริหีนกาโม ชนฺตุ รุปฺปตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ เอตฺถ จ ‘‘รุปฺปตี’’ติวจเนน โทมนสฺสุปฺปตฺติ ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Gāthāyaṃ pana kāmayati icchatīti kāmayāno. Atha vā yāyati gacchatīti yāno, kāmena yāno kāmayāno, tassa. Chando jāto yassa so chandajāto, tassa. Vijjhīyateti viddho, sallati pavisatīti sallo, sallena viddho sallaviddho. Kāmaṃ kāmayānassa chandajātassa jantuno ye kāmā labhitabbā, te kāmā kenaci antarāyena yadā parihāyanti, tadā so jantu ruppati. Kīdisova ruppati? Ayomayasallaviddho migo ruppati iva, parihīnakāmo jantu ruppatīti daṭṭhabbo. Ettha ca ‘‘ruppatī’’tivacanena domanassuppatti dassitāti daṭṭhabbā.
โทมนสฺสภูโต อาทีนโว อิธ ปาฬิยํ อาคโตติ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘มคฺคนิพฺพานวเสน ทุวิเธสุ นิสฺสรเณสุ กตมํ นิสฺสรณํ กตฺถ ปาฬิยํ อาคต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมํ นิสฺสรณํ? โย กาเม ปริวเชฺชตี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิเฎฺฐสุ มคฺคนิพฺพานวเสน ทุวิเธสุ นิสฺสรเณสุ กตมํ นิสฺสรณํ ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคตนฺติ ปุจฺฉิตฺวา –
Domanassabhūto ādīnavo idha pāḷiyaṃ āgatoti ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘magganibbānavasena duvidhesu nissaraṇesu katamaṃ nissaraṇaṃ kattha pāḷiyaṃ āgata’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha katamaṃ nissaraṇaṃ? Yo kāme parivajjetī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhesu magganibbānavasena duvidhesu nissaraṇesu katamaṃ nissaraṇaṃ tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷidhamme āgatanti pucchitvā –
‘‘โย กาเม ปริวเชฺชติ, สปฺปเสฺสว ปทา สิโร;
‘‘Yo kāme parivajjeti, sappasseva padā siro;
โสมํ วิสตฺติกํ โลเก, สโต สมติวตฺตตี’’ติฯ (สุ. นิ. ๗๗๔; มหานิ. ๓) –
Somaṃ visattikaṃ loke, sato samativattatī’’ti. (su. ni. 774; mahāni. 3) –
อิธ ปาฬิคาถายํ ยํ สมติวตฺตนกรณํ มคฺคสงฺขาตํ นิสฺสรณํ อาคตํ, ตํ อิทํ มคฺคสงฺขาตํ สมติวตฺตนกรณํ นิสฺสรณํ เทสนาหารสฺส วิสยนฺติฯ
Idha pāḷigāthāyaṃ yaṃ samativattanakaraṇaṃ maggasaṅkhātaṃ nissaraṇaṃ āgataṃ, taṃ idaṃ maggasaṅkhātaṃ samativattanakaraṇaṃ nissaraṇaṃ desanāhārassa visayanti.
คาถายํ โยติ ฌานลาภี วา อริโย วาฯ กาเมติ วุตฺตปฺปกาโร วตฺถุกาโมฯ เตสุ ปวตฺตฉนฺทราคสฺส วิกฺขมฺภเนน วา สมุจฺฉินฺทเนน วา ปริวเชฺชติฯ กิํ ปริวเชฺชติ อิว วเชฺชติ? สปฺปสฺส สิโร สิรํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา ปทา ปาเทน ปริวเชฺชติ อิว, เอวํ ปริวเชฺชติฯ สโต สติสมฺปโนฺน โส ปุคฺคโล โลเก รูปาทีสุ วิสตฺติกํ อิมํ ตณฺหํ เยน มเคฺคน สมติวตฺตติ สํ สุฎฺฐุ อติกฺกมิตฺวา วตฺตติ, อิทํ มคฺคสงฺขาตํ สมติวตฺตนกรณํ เอกเทสํ นิสฺสรณํ นามาติ โยเชตพฺพํฯ ‘‘ปาทา’’ติ วตฺตเพฺพ อาการสฺส รสฺสํ กตฺวา ‘‘ปทา’’ติ วุตฺตํฯ ปาทาติ จ ปาเทน ยถา ‘‘อโมหภาวา อโมหภาเวนา’’ติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน ปาเทนา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕)ฯ
Gāthāyaṃ yoti jhānalābhī vā ariyo vā. Kāmeti vuttappakāro vatthukāmo. Tesu pavattachandarāgassa vikkhambhanena vā samucchindanena vā parivajjeti. Kiṃ parivajjeti iva vajjeti? Sappassa siro siraṃ cakkhumā puriso disvā padā pādena parivajjeti iva, evaṃ parivajjeti. Sato satisampanno so puggalo loke rūpādīsu visattikaṃ imaṃ taṇhaṃ yena maggena samativattati saṃ suṭṭhu atikkamitvā vattati, idaṃ maggasaṅkhātaṃ samativattanakaraṇaṃ ekadesaṃ nissaraṇaṃ nāmāti yojetabbaṃ. ‘‘Pādā’’ti vattabbe ākārassa rassaṃ katvā ‘‘padā’’ti vuttaṃ. Pādāti ca pādena yathā ‘‘amohabhāvā amohabhāvenā’’ti. Tena vuttaṃ ‘‘attano pādenā’’ti (netti. aṭṭha. 5).
เอกเทโส วิสยสงฺขาโต อสฺสาโท อิธ ปาฬิยํ อาคโตติ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘เอกเทโส วิสยิสงฺขาโต อสฺสาโท กตฺถ ปาฬิยํ อาคโต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท? เขตฺตํ วตฺถุ’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ อถ วา ‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท? เขตฺตํ วตฺถุ’’นฺติอาทิ กสฺมา เอวํ อารทฺธํ, นนุ ‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท? กามํ กามยมานสฺสา’’ติอาทินา อสฺสาโท วิภโตฺต? สจฺจํ, อสฺสาโท ปน ทุวิโธ วิสยวิสยิวเสน, ตสฺมิํ วิสยสงฺขาโต อสฺสาโท ปุเพฺพ วิภโตฺต, อิทานิ วิสยิสงฺขาตํ อสฺสาทํ วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท? เขตฺตํ วตฺถุ’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิเฎฺฐสุ วิสยวิสยิเภเทสุ อสฺสาเทสุ กตโม อสฺสาโท ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิยํ อาคโตติ ปุจฺฉิตฺวา –
Ekadeso visayasaṅkhāto assādo idha pāḷiyaṃ āgatoti ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘ekadeso visayisaṅkhāto assādo kattha pāḷiyaṃ āgato’’ti pucchitabbattā ‘‘tatthakatamo assādo? Khettaṃ vatthu’’ntiādi āraddhaṃ. Atha vā ‘‘tattha katamo assādo? Khettaṃ vatthu’’ntiādi kasmā evaṃ āraddhaṃ, nanu ‘‘tattha katamo assādo? Kāmaṃ kāmayamānassā’’tiādinā assādo vibhatto? Saccaṃ, assādo pana duvidho visayavisayivasena, tasmiṃ visayasaṅkhāto assādo pubbe vibhatto, idāni visayisaṅkhātaṃ assādaṃ vibhajituṃ ‘‘tattha katamo assādo? Khettaṃ vatthu’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhesu visayavisayibhedesu assādesu katamo assādo tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷiyaṃ āgatoti pucchitvā –
‘‘เขตฺตํ วตฺถุํ หิรญฺญํ วา, ควาสฺสํ ทาสโปริสํ;
‘‘Khettaṃ vatthuṃ hiraññaṃ vā, gavāssaṃ dāsaporisaṃ;
ถิโย พนฺธู ปุถู กาเม, โย นโร อนุคิชฺฌตี’’ติฯ (สุ. นิ. ๗๗๕; มหานิ. ๔) –
Thiyo bandhū puthū kāme, yo naro anugijjhatī’’ti. (su. ni. 775; mahāni. 4) –
อิธ ปาฬิคาถายํ โย อนุคิชฺฌนสงฺขาโต อสฺสาโท อาคโต, โส อยํ อนุคิชฺฌนสงฺขาโต วิสยิอสฺสาโท เทสนาหารสฺส วิสโยติฯ
Idha pāḷigāthāyaṃ yo anugijjhanasaṅkhāto assādo āgato, so ayaṃ anugijjhanasaṅkhāto visayiassādo desanāhārassa visayoti.
คาถายํ เขตฺตนฺติ ขิปียนฺติ พีชานิ เอตฺถ ฐาเนติ เขตฺตํฯ ขิปนฺตานํ ชนานํ ขิปนกิริยา ขิป-ธาตุยา มุขฺยโตฺถ, ขิปนกิริยาชนโก จิตฺตุปฺปาโท ผลูปจารโตฺถ, ตสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยภูตสฺส เกทารสฺส วิรุฬฺหาปนสตฺติ ผลูปจารโตฺถ, อิติ-สเทฺทน สา วิรุฬฺหาปนสตฺติเยว ปรามสียติ, ตสฺสา สตฺติยา ปติฎฺฐํ เกทารสงฺขาตํ ฐานํ ต-ปจฺจยโตฺถฯ เอส นโย ตีสุ ปิฎเกสุ เอวรูเปสุ จ วจนเตฺถสุ ยถารหํ นีหริตฺวา คเหตโพฺพฯ วปนฺติ ปติฎฺฐหนฺติ เอตฺถาติ วตฺถุฯ อปรณฺณาทีนํ ปติฎฺฐหนํ วป-ธาตุยา มุขฺยโตฺถ, ฐานสฺส ปติฎฺฐาปนสตฺติ ผลูปจารโตฺถ, อิติ-สเทฺทน สา ปติฎฺฐาปนสตฺติ ปรามสียติฯ ตสฺสา สตฺติยา ปติฎฺฐฎฺฐานํ ต-ปจฺจยโตฺถฯ เขตฺตํ ปน ปุพฺพณฺณวิรูหนฎฺฐานํ, วตฺถุ อปรณฺณวิรูหนฎฺฐานํฯ
Gāthāyaṃ khettanti khipīyanti bījāni ettha ṭhāneti khettaṃ. Khipantānaṃ janānaṃ khipanakiriyā khipa-dhātuyā mukhyattho, khipanakiriyājanako cittuppādo phalūpacārattho, tassa cittuppādassa upanissayapaccayabhūtassa kedārassa viruḷhāpanasatti phalūpacārattho, iti-saddena sā viruḷhāpanasattiyeva parāmasīyati, tassā sattiyā patiṭṭhaṃ kedārasaṅkhātaṃ ṭhānaṃ ta-paccayattho. Esa nayo tīsu piṭakesu evarūpesu ca vacanatthesu yathārahaṃ nīharitvā gahetabbo. Vapanti patiṭṭhahanti etthāti vatthu. Aparaṇṇādīnaṃ patiṭṭhahanaṃ vapa-dhātuyā mukhyattho, ṭhānassa patiṭṭhāpanasatti phalūpacārattho, iti-saddena sā patiṭṭhāpanasatti parāmasīyati. Tassā sattiyā patiṭṭhaṭṭhānaṃ ta-paccayattho. Khettaṃ pana pubbaṇṇavirūhanaṭṭhānaṃ, vatthu aparaṇṇavirūhanaṭṭhānaṃ.
หิโนติ ปวตฺตติ ปีติโสมนสฺสนฺติ หิ, กิํ ตํ? ปีติโสมนสฺสํ, ราติ ปวเตฺตติ ชาตรูปนฺติ รํ, กิํ ตํ? ชาตรูปํ, หิํ รนฺติ หิรํ, ทุติยาตปฺปุริสสมาโสฯ ญาเปติ โตเสตีติ ญํ, กิํ ตํ? ชาตรูปํฯ หิรํ หุตฺวา ญํ หิรญฺญํ, ปวตฺตมานํ ปีติโสมนสฺสํ ปวเตฺตตฺวา ชเน วิเสเสน โตเสตีติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ วา-สโทฺท วุตฺตาวุตฺตตฺถสมุจฺจยโตฺถฯ คจฺฉนฺติ วิเสเสนาติ คาโว, รตฺตินฺทิวํ อสนฺติ ภกฺขนฺติ วิเสเสนาติ อสฺสา, คาโว จ อสฺสา จ ควาสฺสํฯ ทาตพฺพํ ปฐมํ เทนฺตีติ ทา, อสนฺติ ภกฺขนฺตีติ อสา, ทตฺวา อสา ทาสา , สามิกานํ ทาตพฺพํ ปฐมํ ทตฺวา ปจฺฉา อสนฺติ ภกฺขนฺตีติ อโตฺถฯ สามิเกหิ วา ทินฺนํ อสนฺติ ภกฺขนฺตีติ ทาสา, ทุเกฺขน กสิเรน อสนฺติ ปวตฺตนฺตีติ วา ทาสา,ฯ มาตาปิตูนํ หทยํ ปุเรนฺตีติ ปุริสา, ปุรํ หิตํ วา อิสนฺติ คเวสนฺตีติ ปุริสาฯ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธจกฺกวตฺติภาวํ ปุเรติ กมฺมนฺติ ปุรํ, กิํ ตํ? พลวกมฺมํ, ปุรํ อิสนฺติ สีเลนาติ วา ปุริสาฯ ปุริสา เอว หิ สมฺมาสมฺพุทฺธปเจฺจกพุทฺธจกฺกวตฺติภาวํ คจฺฉนฺติฯ ‘‘ปุริ อุจฺจฎฺฐาเน เสนฺตีติ วา ปุริสาฯ ปุริสา หิ มาตูนํ ปิตุฎฺฐาเน ฐิตา’’ติ อิเม วจนตฺถา วุตฺตปฺปการา ยุตฺตาเยว อตฺถสมฺภวโตฯ ทาสา จ ปุริสา จ ทาสโปริสํ, มเชฺฌ วุทฺธิฯ เอตฺถ จ ทาสคฺคหเณน ทาสีปิ คหิตาฯ ทาสา ทุกฺกฎชนา, ปุริสา สุขิตชนาติ วิเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ ฐนฺติ ปติฎฺฐหนฺติ เอตฺถ มาตุคาเม ปุตฺตธีตาติ ถิโยฯ นรสทฺทสฺส วิคฺคหโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตวฯ
Hinoti pavattati pītisomanassanti hi, kiṃ taṃ? Pītisomanassaṃ, rāti pavatteti jātarūpanti raṃ, kiṃ taṃ? Jātarūpaṃ, hiṃ ranti hiraṃ, dutiyātappurisasamāso. Ñāpeti tosetīti ñaṃ, kiṃ taṃ? Jātarūpaṃ. Hiraṃ hutvā ñaṃ hiraññaṃ, pavattamānaṃ pītisomanassaṃ pavattetvā jane visesena tosetīti attho gahetabbo. Vā-saddo vuttāvuttatthasamuccayattho. Gacchanti visesenāti gāvo, rattindivaṃ asanti bhakkhanti visesenāti assā, gāvo ca assā ca gavāssaṃ. Dātabbaṃ paṭhamaṃ dentīti dā, asanti bhakkhantīti asā, datvā asā dāsā, sāmikānaṃ dātabbaṃ paṭhamaṃ datvā pacchā asanti bhakkhantīti attho. Sāmikehi vā dinnaṃ asanti bhakkhantīti dāsā, dukkhena kasirena asanti pavattantīti vā dāsā,. Mātāpitūnaṃ hadayaṃ purentīti purisā, puraṃ hitaṃ vā isanti gavesantīti purisā. Buddhapaccekabuddhacakkavattibhāvaṃ pureti kammanti puraṃ, kiṃ taṃ? Balavakammaṃ, puraṃ isanti sīlenāti vā purisā. Purisā eva hi sammāsambuddhapaccekabuddhacakkavattibhāvaṃ gacchanti. ‘‘Puri uccaṭṭhāne sentīti vā purisā. Purisā hi mātūnaṃ pituṭṭhāne ṭhitā’’ti ime vacanatthā vuttappakārā yuttāyeva atthasambhavato. Dāsā ca purisā ca dāsaporisaṃ, majjhe vuddhi. Ettha ca dāsaggahaṇena dāsīpi gahitā. Dāsā dukkaṭajanā, purisā sukhitajanāti viseso daṭṭhabbo. Ṭhanti patiṭṭhahanti ettha mātugāme puttadhītāti thiyo. Narasaddassa viggahattho heṭṭhā vuttova.
เอกเทโส โทมนสฺสสงฺขาโต อาทีนโว อิธ ปาฬิคาถายํ อาคโตติ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘ทุกฺขสงฺขาโต อาทีนโว กตฺถ ปาฬิยํ อาคโต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม อาทีนโว? อพลา นํ พลียนฺตี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อถ วา ‘‘ตตฺถ กตโม อาทีนโว? อพลา นํ พลียนฺตี’’ติอาทิ กสฺมา เอวํ อารทฺธํ, นนุ ‘‘ตตฺถ กตโม อาทีนโว? ตสฺส เจ กามยานสฺสา’’ติอาทินา อาทีนโว วิภโตฺตติ? สจฺจํ, อาทีนโว ปน พหุวิโธ ทุกฺขโทมนสฺสาทิวเสน, ตสฺมิํ พหุวิเธ อาทีนเว เอกเทโส โทมนสฺสสงฺขาโต อาทีนโว ปุเพฺพ วิภโตฺต, อิทานิ ทุกฺขสงฺขาตํ อาทีนวํ วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ กตโม อาทีนโว? อพลา นํ พลียนฺตี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิเฎฺฐสุ ทุกฺขโทมนสฺสาทีสุ อาทีนเวสุ กตโม อาทีนโว ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคโตติ ปุจฺฉิตฺวา –
Ekadeso domanassasaṅkhāto ādīnavo idha pāḷigāthāyaṃ āgatoti ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘dukkhasaṅkhāto ādīnavo kattha pāḷiyaṃ āgato’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo ādīnavo? Abalā naṃ balīyantī’’tiādi āraddhaṃ. Atha vā ‘‘tattha katamo ādīnavo? Abalā naṃ balīyantī’’tiādi kasmā evaṃ āraddhaṃ, nanu ‘‘tattha katamo ādīnavo? Tassa ce kāmayānassā’’tiādinā ādīnavo vibhattoti? Saccaṃ, ādīnavo pana bahuvidho dukkhadomanassādivasena, tasmiṃ bahuvidhe ādīnave ekadeso domanassasaṅkhāto ādīnavo pubbe vibhatto, idāni dukkhasaṅkhātaṃ ādīnavaṃ vibhajituṃ ‘‘tattha katamo ādīnavo? Abalā naṃ balīyantī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhesu dukkhadomanassādīsu ādīnavesu katamo ādīnavo tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷidhamme āgatoti pucchitvā –
‘‘อพลา นํ พลียนฺติ, มทฺทเนฺตนํ ปริสฺสยา;
‘‘Abalā naṃ balīyanti, maddantenaṃ parissayā;
ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ, นาวํ ภินฺนมิโวทก’’นฺติฯ (สุ. นิ. ๗๗๖; มหานิ. ๕) –
Tato naṃ dukkhamanveti, nāvaṃ bhinnamivodaka’’nti. (su. ni. 776; mahāni. 5) –
อิธ ปาฬิคาถายํ โย ทุกฺขสงฺขาโต เอกเทโส อาทีนโว อาคโต, โส อยํ ทุกฺขสงฺขาโต เอกเทโส อาทีนโว เทสนาหารสฺส วิสโยติฯ
Idha pāḷigāthāyaṃ yo dukkhasaṅkhāto ekadeso ādīnavo āgato, so ayaṃ dukkhasaṅkhāto ekadeso ādīnavo desanāhārassa visayoti.
คาถายํ นตฺถิ พลํ เอเตสํ กิเลสานนฺติ อพลาฯ กสฺมา กิเลสา อพลา โหนฺตีติ? กุสเลหิ ปหาตพฺพตฺตาฯ นรนฺติ เขตฺตาทิกาเม อนุคิชฺฌนฺตํ นรํ, สทฺธาพลาทิวิรหโต วา อพลํ ตํ นรํ พลียนฺติ อภิภวนฺติฯ กิญฺจาปิ กิเลสา กุสเลหิ ปหาตพฺพตฺตา อพลา โหนฺติ, ตถาปิ กามมนุคิชฺฌนฺตํ สทฺธาพลาทิวิรหิตํ อภิภวิตุํ สมตฺถา ภวนฺติฯ มทฺทเนฺตนํ ปริสฺสยาติ กามคิทฺธํ กาเม ปริเยสนฺตํ, กามํ รกฺขนฺตญฺจ เอนํ นรํ ปริ สมนฺตโต ปริปีเฬตฺวา อยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ปริสฺสยา, สีหพฺยคฺฆาทโย เจว กายทุจฺจริตาทโย จ มทฺทนฺติฯ ตโต เตหิ ปริสฺสเยหิ อภิภูตํ นํ นรํ ชาติอาทิทุกฺขํ อเนฺวติ อนุคจฺฉติฯ กิมิว อเนฺวติ? อุทกํ ภินฺนนาวํ อเนฺวติ อิว, เอวํ อเนฺวตีติ อโตฺถฯ
Gāthāyaṃ natthi balaṃ etesaṃ kilesānanti abalā. Kasmā kilesā abalā hontīti? Kusalehi pahātabbattā. Naranti khettādikāme anugijjhantaṃ naraṃ, saddhābalādivirahato vā abalaṃ taṃ naraṃ balīyanti abhibhavanti. Kiñcāpi kilesā kusalehi pahātabbattā abalā honti, tathāpi kāmamanugijjhantaṃ saddhābalādivirahitaṃ abhibhavituṃ samatthā bhavanti. Maddantenaṃ parissayāti kāmagiddhaṃ kāme pariyesantaṃ, kāmaṃ rakkhantañca enaṃ naraṃ pari samantato paripīḷetvā ayanti pavattantīti parissayā, sīhabyagghādayo ceva kāyaduccaritādayo ca maddanti. Tato tehi parissayehi abhibhūtaṃ naṃ naraṃ jātiādidukkhaṃ anveti anugacchati. Kimiva anveti? Udakaṃ bhinnanāvaṃ anveti iva, evaṃ anvetīti attho.
เอกเทสํ มคฺคสงฺขาตํ นิสฺสรณํ อิธ ปาฬิคาถายํ อาคตนฺติ อาจริเยน วิภตฺตํ, อเมฺหติ จ วิญฺญาตํ, ‘‘นิพฺพานสงฺขาตํ เอกเทสํ นิสฺสรณํ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมํ นิสฺสรณํ? ตสฺมา ชนฺตุ สทา สโต’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อถ วา ‘‘ตตฺถ กตมํ นิสฺสรณํ? ตสฺมา ชนฺตุ สทา สโต’’ติอาทิ กสฺมา เอวํ อารทฺธํ, นนุ ‘‘ตตฺถ กตมํ นิสฺสรณํ? โย กาเม ปริวเชฺชตี’’ติอาทินา นิสฺสรณํ วิภตฺตนฺติ? สจฺจํ, นิสฺสรณํ ปน ทุวิธํ มคฺคนิพฺพานวเสน, ตตฺถ ทุวิเธ นิสฺสรเณ มคฺคสงฺขาตํ นิสฺสรณํ ปุเพฺพ วิภตฺตํ, อิทานิ นิพฺพานสงฺขาตํ นิสฺสรณํ วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ กตมํ นิสฺสรณํ? ตสฺมา ชนฺตุ สทา สโต’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิเฎฺฐสุ มคฺคนิพฺพาเนสุ นิสฺสรเณสุ เอกเทสํ นิพฺพานสงฺขาตํ นิสฺสรณํ ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคตนฺติ ปุจฺฉิตฺวา –
Ekadesaṃ maggasaṅkhātaṃ nissaraṇaṃ idha pāḷigāthāyaṃ āgatanti ācariyena vibhattaṃ, amheti ca viññātaṃ, ‘‘nibbānasaṅkhātaṃ ekadesaṃ nissaraṇaṃ kattha pāḷidhamme āgata’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha katamaṃ nissaraṇaṃ? Tasmā jantu sadā sato’’tiādi āraddhaṃ. Atha vā ‘‘tattha katamaṃ nissaraṇaṃ? Tasmā jantu sadā sato’’tiādi kasmā evaṃ āraddhaṃ, nanu ‘‘tattha katamaṃ nissaraṇaṃ? Yo kāme parivajjetī’’tiādinā nissaraṇaṃ vibhattanti? Saccaṃ, nissaraṇaṃ pana duvidhaṃ magganibbānavasena, tattha duvidhe nissaraṇe maggasaṅkhātaṃ nissaraṇaṃ pubbe vibhattaṃ, idāni nibbānasaṅkhātaṃ nissaraṇaṃ vibhajituṃ ‘‘tattha katamaṃ nissaraṇaṃ? Tasmā jantu sadā sato’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhesu magganibbānesu nissaraṇesu ekadesaṃ nibbānasaṅkhātaṃ nissaraṇaṃ tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷidhamme āgatanti pucchitvā –
‘‘ตสฺมา ชนฺตุ สทา สโต, กามานิ ปริวชฺชเย;
‘‘Tasmā jantu sadā sato, kāmāni parivajjaye;
เต ปหาย ตเร โอฆํ, นาวํ สิตฺวาว ปารคู’’ติฯ –
Te pahāya tare oghaṃ, nāvaṃ sitvāva pāragū’’ti. –
อิธ ปาฬิคาถายํ ยํ นิพฺพานสงฺขาตํ นิสฺสรณํ อาคตํ, อิทํ นิสฺสรณํ เทสนาหารสฺส วิสยนฺติฯ
Idha pāḷigāthāyaṃ yaṃ nibbānasaṅkhātaṃ nissaraṇaṃ āgataṃ, idaṃ nissaraṇaṃ desanāhārassa visayanti.
คาถายํ ตสฺมาติ ยสฺมา กามคิทฺธํ นรํ ทุกฺขํ อเนฺวติ, ตสฺมา ชนฺตุ สทา สพฺพกาเล ปุพฺพรตฺตาปรรเตฺต ชาคริยานุโยเคน สโต สติสมฺปโนฺน หุตฺวา กามานิ กิเลสกาเม วิกฺขมฺภนวเสน วา สมุเจฺฉทวเสน วา ปริวชฺชเย ปริชเหยฺยฯ เต กาเม อริยมเคฺคน ปหาย จตุพฺพิธํ โอฆํ ตเรยฺย ตริตุํ สกฺกุเณยฺยฯ โก ตรติ อิว ตเรยฺย? นาวาสามิโก นาวํ ยํ ปวิสนฺตํ อุทกํ สิตฺวา พหิ สิญฺจิตฺวา ลหุกาย นาวาย อปฺปกสิเรน ตริตฺวา ปารคู ปารํ คจฺฉติ อิว, เอวํ อตฺตนิ ปวตฺตํ กิเลสูทกํ สิญฺจิตฺวา อริยมเคฺคน นีหริตฺวา ลหุเกน อตฺตภาเวน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา นิพฺพาเนน ปารํ นิพฺพานํ สนฺติํ คเจฺฉยฺยาติ อโตฺถฯ อิทํ นิพฺพานํ กสฺมา นิสฺสรณํ โหติ? สพฺพสงฺขตนิสฺสรณโต นิสฺสรณํ นามฯ
Gāthāyaṃ tasmāti yasmā kāmagiddhaṃ naraṃ dukkhaṃ anveti, tasmā jantu sadā sabbakāle pubbarattāpararatte jāgariyānuyogena sato satisampanno hutvā kāmāni kilesakāme vikkhambhanavasena vā samucchedavasena vā parivajjaye parijaheyya. Te kāme ariyamaggena pahāya catubbidhaṃ oghaṃ tareyya tarituṃ sakkuṇeyya. Ko tarati iva tareyya? Nāvāsāmiko nāvaṃ yaṃ pavisantaṃ udakaṃ sitvā bahi siñcitvā lahukāya nāvāya appakasirena taritvā pāragū pāraṃ gacchati iva, evaṃ attani pavattaṃ kilesūdakaṃ siñcitvā ariyamaggena nīharitvā lahukena attabhāvena anupādisesāya nibbānadhātuyā nibbānena pāraṃ nibbānaṃ santiṃ gaccheyyāti attho. Idaṃ nibbānaṃ kasmā nissaraṇaṃ hoti? Sabbasaṅkhatanissaraṇato nissaraṇaṃ nāma.
อิทํ นิสฺสรณํ อิธ ปาฬิธเมฺม อาคตนฺติ อาจริเยน วิภตฺตํ, อเมฺหหิ จ วิญฺญาตํ, ‘‘กตมํ ผลํ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมํ ผลํ? ธโมฺม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิเฎฺฐสุ รกฺขนนิปฺผาทนมจฺจุตรณาทีสุ ผเลสุ กตมํ ผลํ ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคตนฺติ ปุจฺฉิตฺวา –
Idaṃ nissaraṇaṃ idha pāḷidhamme āgatanti ācariyena vibhattaṃ, amhehi ca viññātaṃ, ‘‘katamaṃ phalaṃ kattha pāḷidhamme āgata’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha katamaṃ phalaṃ? Dhammo have rakkhati dhammacāri’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhesu rakkhananipphādanamaccutaraṇādīsu phalesu katamaṃ phalaṃ tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷidhamme āgatanti pucchitvā –
‘‘ธโมฺม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริํ, ฉตฺตํ มหนฺตํ ยถ วสฺสกาเล;
‘‘Dhammo have rakkhati dhammacāriṃ, chattaṃ mahantaṃ yatha vassakāle;
เอสานิสํโส ธเมฺม สุจิเณฺณ, น ทุคฺคติํ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติฯ (สุ. นิ. ๑๐๒, ๑๐๓) –
Esānisaṃso dhamme suciṇṇe, na duggatiṃ gacchati dhammacārī’’ti. (su. ni. 102, 103) –
อิธ ปาฬิคาถายํ ยํ อนเตฺถหิ ธมฺมสฺส รกฺขนผลํ อาคตํ, รกฺขาวหนสฺส อพฺภุทยสฺส ยญฺจ นิปฺผาทนํ ผลํ อาคตํ, อิทํ รกฺขนนิปฺผาทนํ ผลํ เทสนาหารสฺส วิสยนฺติฯ
Idha pāḷigāthāyaṃ yaṃ anatthehi dhammassa rakkhanaphalaṃ āgataṃ, rakkhāvahanassa abbhudayassa yañca nipphādanaṃ phalaṃ āgataṃ, idaṃ rakkhananipphādanaṃ phalaṃ desanāhārassa visayanti.
คาถายํ ธโมฺมติ เยน ปุคฺคเลน โย ทานาทิปฺปเภโท ปุญฺญธโมฺม นิพฺพตฺติโต, โส ธโมฺมฯ ธมฺมจาริํ ธมฺมนิพฺพตฺตกํ ตํ ปุคฺคลํ อนเตฺถหิ รกฺขติฯ กิมิว? วสฺสกาเล เทเว วสฺสเนฺต สติ มหนฺตํ กุสเลน ธาเรตพฺพํ ฉตฺตํ ธาเรนฺตํ กุสลํ ตํ ชนํ วสฺสเตมนโต รกฺขติ ยถา, เอวํ รกฺขิตโพฺพ ธโมฺมปิ อตฺตสมฺมาปณิธาเนน อปฺปมโตฺต หุตฺวา สุฎฺฐุ ธมฺมํ รกฺขนฺตํเยว รกฺขติ, ตาทิโส ธมฺมจารีเยว ทุคฺคติํ น คจฺฉติฯ เอโส อานิสํโส สุจิเณฺณ สุจิณฺณสฺส ธเมฺม ธมฺมสฺส อานิสํโสติ อโตฺถฯ
Gāthāyaṃ dhammoti yena puggalena yo dānādippabhedo puññadhammo nibbattito, so dhammo. Dhammacāriṃ dhammanibbattakaṃ taṃ puggalaṃ anatthehi rakkhati. Kimiva? Vassakāle deve vassante sati mahantaṃ kusalena dhāretabbaṃ chattaṃ dhārentaṃ kusalaṃ taṃ janaṃ vassatemanato rakkhati yathā, evaṃ rakkhitabbo dhammopi attasammāpaṇidhānena appamatto hutvā suṭṭhu dhammaṃ rakkhantaṃyeva rakkhati, tādiso dhammacārīyeva duggatiṃ na gacchati. Eso ānisaṃso suciṇṇe suciṇṇassa dhamme dhammassa ānisaṃsoti attho.
เอกเทสํ ผลํ อิธ ปาฬิธเมฺม อาคตนฺติ อาจริเยน วิภตฺตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กตโม อุปาโย กตฺถ ปาฬิยํ อาคโต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม อุปาโย? สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิเฎฺฐสุ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมนิพฺพิทาทีสุ อุปาเยสุ กตโม อุปาโย ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคโตติ ปุจฺฉิตฺวา –
Ekadesaṃ phalaṃ idha pāḷidhamme āgatanti ācariyena vibhattaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘katamo upāyo kattha pāḷiyaṃ āgato’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo upāyo? Sabbe saṅkhārā aniccā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhesu vipassanāpubbaṅgamanibbidādīsu upāyesu katamo upāyo tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷidhamme āgatoti pucchitvā –
‘‘สเพฺพ สงฺขารา ‘อนิจฺจา’ติ…เป.…;
‘‘Sabbe saṅkhārā ‘aniccā’ti…pe…;
สเพฺพ ธมฺมา ‘อนตฺตา’ติ, ยทา ปญฺญาย ปสฺสตี’’ติฯ (ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙) –
Sabbe dhammā ‘anattā’ti, yadā paññāya passatī’’ti. (dha. pa. 277-279) –
อิธ ปาฬิคาถาสุ โย วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมนิพฺพิทาญาณสงฺขาโต วิสุทฺธิยา อธิคมเหตุภาวโต มโคฺค อาคโต, อยํ อุปาโย เทสนาหารสฺส วิสโยติฯ
Idha pāḷigāthāsu yo vipassanāpubbaṅgamanibbidāñāṇasaṅkhāto visuddhiyā adhigamahetubhāvato maggo āgato, ayaṃ upāyo desanāhārassa visayoti.
คาถาสุ สเพฺพ นิรวเสสา กมฺมจิโตฺตตุอาหาเรหิ สงฺขริตา สงฺขตสงฺขารา หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจา อิติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ, อถ อนิเจฺจ ทุกฺขสภาเว นิพฺพินฺทติ, เอโส วิปสฺสนาปุพฺพงฺคโม นิพฺพินฺทนญาณสงฺขาโต ธโมฺม วิสุทฺธิยา มโคฺคติฯ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทีสุ สงฺขารานํ สงฺขตธมฺมภาโว ปจฺจยาการวิภงฺคฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิเทฺทส) วุโตฺตว, ตํ วิภงฺคฎฺฐกถํ อโนโลเกตฺวา เอกเจฺจ อาจริยา ‘‘วิปสฺสนาญาณารมฺมณตฺตา เตภูมกธมฺมาเยวา’’ติ วทนฺติ, เอวํ สติ มคฺคผลธมฺมานํ นิจฺจาทิภาโว ภเวยฺย, ตสฺมา วิภงฺคฎฺฐกถานุรูโปว อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ทุกฺขาติ ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขภาเวน ทุกฺขาฯ อนตฺตาติ นิจฺจสารสุขสารอตฺตสารรหิตตฺตา อสารกเฎฺฐน อนตฺตา, อวสวตฺตนเฎฺฐน วา อนตฺตาฯ
Gāthāsu sabbe niravasesā kammacittotuāhārehi saṅkharitā saṅkhatasaṅkhārā hutvā abhāvaṭṭhena aniccā iti yadā paññāya passati, atha anicce dukkhasabhāve nibbindati, eso vipassanāpubbaṅgamo nibbindanañāṇasaṅkhāto dhammo visuddhiyā maggoti. ‘‘Sabbe saṅkhārā aniccā’’tiādīsu saṅkhārānaṃ saṅkhatadhammabhāvo paccayākāravibhaṅgaṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 226 saṅkhārapadaniddesa) vuttova, taṃ vibhaṅgaṭṭhakathaṃ anoloketvā ekacce ācariyā ‘‘vipassanāñāṇārammaṇattā tebhūmakadhammāyevā’’ti vadanti, evaṃ sati maggaphaladhammānaṃ niccādibhāvo bhaveyya, tasmā vibhaṅgaṭṭhakathānurūpova attho daṭṭhabbo. Dukkhāti dukkhadukkhavipariṇāmadukkhasaṅkhāradukkhabhāvena dukkhā. Anattāti niccasārasukhasāraattasārarahitattā asārakaṭṭhena anattā, avasavattanaṭṭhena vā anattā.
เอกเทโส อุปาโย อิธ ปาฬิธเมฺม อาคโตติ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตมา อาณตฺติ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมา อาณตฺติ? จกฺขุมา วิสมานีวา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติอาทิคาถายํ นิทฺทิฎฺฐาสุ ปาปทุจฺจริตปริวชฺชนาณตฺติกลฺยาณสุจริตจรณาณตฺติอาทีสุ กตมาณตฺติ ตตฺถ เตสุ ปาฬิธเมฺมสุ กตฺถ ปาฬิธเมฺม อาคตาติ ปุจฺฉิตฺวา –
Ekadeso upāyo idha pāḷidhamme āgatoti ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘katamā āṇatti kattha pāḷidhamme āgatā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamā āṇatti? Cakkhumā visamānīvā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘assādādīnavatā’’tiādigāthāyaṃ niddiṭṭhāsu pāpaduccaritaparivajjanāṇattikalyāṇasucaritacaraṇāṇattiādīsu katamāṇatti tattha tesu pāḷidhammesu kattha pāḷidhamme āgatāti pucchitvā –
‘‘จกฺขุมา วิสมานีว, วิชฺชมาเน ปรกฺกเม;
‘‘Cakkhumā visamānīva, vijjamāne parakkame;
ปณฺฑิโต ชีวโลกสฺมิํ, ปาปานิ ปริวชฺชเย’’ติฯ (อุทา. ๔๓) –
Paṇḍito jīvalokasmiṃ, pāpāni parivajjaye’’ti. (udā. 43) –
อิธ ปาฬิธเมฺม ยา ปาปทุจฺจริตปริวชฺชนาณตฺติ อาคตา, อยํ ปาปทุจฺจริตปริวชฺชนาณตฺติ เทสนาหารสฺส วิสยาติฯ
Idha pāḷidhamme yā pāpaduccaritaparivajjanāṇatti āgatā, ayaṃ pāpaduccaritaparivajjanāṇatti desanāhārassa visayāti.
คาถายํ จกฺขุมา ปุริโส วิชฺชมาเน ปรกฺกเม อาวหิตํ สรีรํ อาวหโนฺตว หุตฺวา วิสมานิ ภูมิปฺปเทสานิ วา วิสเม หตฺถิอาทโย วา ปริวเชฺชติ อิว, เอวํ ชีวโลกสฺมิํ ปณฺฑิโต ปาปานิ ลามกานิ ทุจฺจริตานิ ปริวเชฺชติฯ อาณตฺติ นาม อาณารหสฺส ธมฺมราชสฺส ภควโต อาณา, สา พหุวิธา, ตสฺมา ‘‘กเรยฺย กลฺยาณ’’นฺติอาทิคาถายํ สุจริตจรณา อาณตฺติฯ
Gāthāyaṃ cakkhumā puriso vijjamāne parakkame āvahitaṃ sarīraṃ āvahantova hutvā visamāni bhūmippadesāni vā visame hatthiādayo vā parivajjeti iva, evaṃ jīvalokasmiṃ paṇḍito pāpāni lāmakāni duccaritāni parivajjeti. Āṇatti nāma āṇārahassa dhammarājassa bhagavato āṇā, sā bahuvidhā, tasmā ‘‘kareyya kalyāṇa’’ntiādigāthāyaṃ sucaritacaraṇā āṇatti.
‘‘อุเปถ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมํ สงฺฆญฺจ ตาทินํ;
‘‘Upetha saraṇaṃ buddhaṃ, dhammaṃ saṅghañca tādinaṃ;
สมาทิยถ สีลานิ, ตํ โว อตฺถาย เหหิตี’’ติฯ (เถรีคา. ๒๔๙-๒๕๐, ๒๘๙-๒๙๐) –
Samādiyatha sīlāni, taṃ vo atthāya hehitī’’ti. (therīgā. 249-250, 289-290) –
อาทีสุ คาถาสุ สรณคมนาณตฺติสีลสมาทานาณตฺติอาทิ อาคตาติฯ
Ādīsu gāthāsu saraṇagamanāṇattisīlasamādānāṇattiādi āgatāti.
‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสู’’ติอาทิ กสฺมา เอวํ อารทฺธํ, นนุ ‘‘ตตฺถ กตมํ ผลํ? ธโมฺม หเว’’ติอาทินา, ‘‘ตตฺถ กตโม อุปาโย? สเพฺพ สงฺขารา’’ติอาทินา, ‘‘ตตฺถ กตมา อาณตฺติ? จกฺขุมา’’ติอาทินา จ ผลูปายาณตฺติโย วิภตฺตาติ? สจฺจํ, วิสุํ วิสุํ ปน สุเตฺตสุ อาคตา ผลูปายาณตฺติโย วิภตฺตา, อิทานิ เอกโต อาคตา ผลูปายาณตฺติโย วิภชิตุํ ‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสู’’ติอาทิ อารทฺธํฯ
‘‘Suññato lokaṃ avekkhassū’’tiādi kasmā evaṃ āraddhaṃ, nanu ‘‘tattha katamaṃ phalaṃ? Dhammo have’’tiādinā, ‘‘tattha katamo upāyo? Sabbe saṅkhārā’’tiādinā, ‘‘tattha katamā āṇatti? Cakkhumā’’tiādinā ca phalūpāyāṇattiyo vibhattāti? Saccaṃ, visuṃ visuṃ pana suttesu āgatā phalūpāyāṇattiyo vibhattā, idāni ekato āgatā phalūpāyāṇattiyo vibhajituṃ ‘‘suññato lokaṃ avekkhassū’’tiādi āraddhaṃ.
ตตฺถ สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสูติ สพฺพมฺปิ สงฺขารโลกํ อตฺตโต สุโญฺญติ อวสวตฺติตาสลฺลกฺขณวเสน วา ตุจฺฉภาวสมนุปสฺสนวเสน วา ปสฺสาติ อิทํ ภควโต วจนํ วิธานภาวโต อาณตฺติ นามฯ นิจฺจสารสุขสารอตฺตสาราทิรหิตตฺตา ‘‘โมฆราชา’’ติ อาลปติ, สทฺธาสีลสุตจาคาทิรหิตตฺตา วา โมโฆฯ
Tattha suññato lokaṃ avekkhassūti sabbampi saṅkhāralokaṃ attato suññoti avasavattitāsallakkhaṇavasena vā tucchabhāvasamanupassanavasena vā passāti idaṃ bhagavato vacanaṃ vidhānabhāvato āṇatti nāma. Niccasārasukhasāraattasārādirahitattā ‘‘mogharājā’’ti ālapati, saddhāsīlasutacāgādirahitattā vā mogho.
‘‘สทา สโต’’ติ ปุคฺคลวเสน วุตฺตาย สติยา สุญฺญตาทสฺสนสฺส สมฺปชานเหตุภาวโต สติเยว อุปาโย, น สติมาติ เอตฺถ สตีติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Sadā sato’’ti puggalavasena vuttāya satiyā suññatādassanassa sampajānahetubhāvato satiyeva upāyo, na satimāti ettha satīti adhippāyo.
อตฺตานุทิฎฺฐิํ อูหจฺจาติ เอตฺถ อตฺตานุทิฎฺฐิ นาม ‘‘รูปํ อตฺตา, รูปวา อตฺตา, รูปสฺมิํ อตฺตา, อตฺตนิ รูป’’นฺติอาทิปฺปการา วีสติวตฺถุกา ทิฎฺฐิฯ มเคฺคน อูหจฺจ สมุจฺฉินฺทิตฺวา เอวํ วุตฺตวิธินา มจฺจุตโร มจฺจุโน วิสยาติกฺกโนฺต สิยา ภเวยฺยฯ เอตฺถ ยํ มจฺจุวิสยํ ตรณํ อติกฺกมนํ, ตสฺส อติกฺกมนสฺส ยญฺจ ปุพฺพภาคปฎิปทาสมฺปชฺชนํ, อิทํ ภควโต เทสนาย ผลํ เทสนาหารสฺส วิสยนฺติ อธิปฺปาโยฯ ปุเพฺพ วิสุํ วิสุํ ผลูปายาณตฺติโย วิภตฺตาปิ –
Attānudiṭṭhiṃ ūhaccāti ettha attānudiṭṭhi nāma ‘‘rūpaṃ attā, rūpavā attā, rūpasmiṃ attā, attani rūpa’’ntiādippakārā vīsativatthukā diṭṭhi. Maggena ūhacca samucchinditvā evaṃ vuttavidhinā maccutaro maccuno visayātikkanto siyā bhaveyya. Ettha yaṃ maccuvisayaṃ taraṇaṃ atikkamanaṃ, tassa atikkamanassa yañca pubbabhāgapaṭipadāsampajjanaṃ, idaṃ bhagavato desanāya phalaṃ desanāhārassa visayanti adhippāyo. Pubbe visuṃ visuṃ phalūpāyāṇattiyo vibhattāpi –
‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ, โมฆราช สทา สโต;
‘‘Suññato lokaṃ avekkhassu, mogharāja sadā sato;
อตฺตานุทิฎฺฐิํ อูหจฺจ, เอวํ มจฺจุตโร สิยา’’ติฯ (สุ. นิ. ๑๑๒๕; มหานิ. ๑๘๖; จูฬนิ. ปิงฺคิยมาณวปุจฺฉา ๑๔๔, โมฆราชมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘๘) –
Attānudiṭṭhiṃ ūhacca, evaṃ maccutaro siyā’’ti. (su. ni. 1125; mahāni. 186; cūḷani. piṅgiyamāṇavapucchā 144, mogharājamāṇavapucchāniddesa 88) –
เอกคาถายํ ปุน เอกโต วิภชนโต ผลาทีสุ เอกโต ทสฺสิเตสุ สพฺพตฺถ สุเตฺตสุ วา สพฺพตฺถ คาถาสุ วา ผลาทโย ทเสฺสตพฺพา อสฺสาทาทโย วิย กตฺถจิ นิทฺธาเรตฺวาติ วิเสโส วิชานิตโพฺพฯ เตนาห อฎฺฐกถาจริโย ‘‘ยถา ปน…เป.… เอกโต อุทาหรณํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕)ฯ
Ekagāthāyaṃ puna ekato vibhajanato phalādīsu ekato dassitesu sabbattha suttesu vā sabbattha gāthāsu vā phalādayo dassetabbā assādādayo viya katthaci niddhāretvāti viseso vijānitabbo. Tenāha aṭṭhakathācariyo ‘‘yathā pana…pe… ekato udāharaṇaṃ katanti daṭṭhabba’’nti (netti. aṭṭha. 5).
๖. เทสนาหารสฺส วิสยภูตา อสฺสาทาทโย ‘‘อิธ ปาฬิธเมฺม อยํ อสฺสาโท อาคโต, อิธ ปาฬิธเมฺม อยํ อาทีนโว อาคโต’’ติอาทินา วิเสสโต นิทสฺสนวเสน สรูปโต อาจริเยน วิภตฺตา, เต อสฺสาทาทโย ติณฺณํ อุคฺฆฎิตญฺญุอาทีนํ ปุคฺคลานํ สามญฺญโต ภควา กิํ นุ โข เทเสติ, อุทาหุ เอกสฺส ปุคฺคลสฺส ยถาลาภํ กิํ นุ เทเสตีติ อนุโยคสฺส สมฺภวโต อิมสฺส ปุคฺคลสฺส อิมํ เทเสติ, อิมสฺส ปุคฺคลสฺส อิมํ เทเสตีติ ปุคฺคลเภเทน อสฺสาทาทโย วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ภควา อุคฺฆฎิตญฺญุสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ อสฺสาทาทีสุฯ นิสฺสรณํ อุคฺฆฎิตญฺญุสฺส ปุคฺคลสฺส ภควา เทเสติ, อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ อิเม เทฺว วิปญฺจิตญฺญุสฺส ปุคฺคลสฺส ภควา เทเสติ, อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ อิเม ตโย เนยฺยสฺส ปุคฺคลสฺส ภควา เทเสตีติ โยชนโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
6. Desanāhārassa visayabhūtā assādādayo ‘‘idha pāḷidhamme ayaṃ assādo āgato, idha pāḷidhamme ayaṃ ādīnavo āgato’’tiādinā visesato nidassanavasena sarūpato ācariyena vibhattā, te assādādayo tiṇṇaṃ ugghaṭitaññuādīnaṃ puggalānaṃ sāmaññato bhagavā kiṃ nu kho deseti, udāhu ekassa puggalassa yathālābhaṃ kiṃ nu desetīti anuyogassa sambhavato imassa puggalassa imaṃ deseti, imassa puggalassa imaṃ desetīti puggalabhedena assādādayo vibhajitvā dassetuṃ ‘‘tattha bhagavā ugghaṭitaññussā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tesu assādādīsu. Nissaraṇaṃ ugghaṭitaññussa puggalassa bhagavā deseti, ādīnavañca nissaraṇañca ime dve vipañcitaññussa puggalassa bhagavā deseti, assādañca ādīnavañca nissaraṇañca ime tayo neyyassa puggalassa bhagavā desetīti yojanattho daṭṭhabbo.
อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ อสฺสาทาทโย อุทาหรณวเสน สรูปโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ปุคฺคลวิภาเคน เทสนาวิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘ตตฺถ ภควา’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ
Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ assādādayo udāharaṇavasena sarūpato dassetvā idāni tattha puggalavibhāgena desanāvibhāgaṃ dassetuṃ ‘tattha bhagavā’tiādi vutta’’nti vuttaṃ.
ตตฺถ อุคฺฆฎิตญฺญุสฺสาติ อุคฺฆฎียเต ปฎิวิชฺฌียเต, ฐปียเต วา สปฺปเภโท วิตฺถาโร อโตฺถติ อุคฺฆฎิโต, ชานาตีติ ญู, อุคฺฆฎิตํ อตฺถํ ญู อุคฺฆฎิตญฺญู, อุเทฺทสมเตฺตเนว สปฺปเภทํ สวิตฺถารํ ปฎิวิชฺฌิตพฺพํ อตฺถํ ปฎิวิชฺฌตีติ อโตฺถฯ โย ปุคฺคโล อุเทฺทเสเนว อุทฺทิฎฺฐมเตฺตเนว อตฺถํ ญตฺวา อตฺถสิทฺธิปฺปโตฺต โหติ, โส อุคฺฆฎิตญฺญู นามฯ
Tattha ugghaṭitaññussāti ugghaṭīyate paṭivijjhīyate, ṭhapīyate vā sappabhedo vitthāro atthoti ugghaṭito, jānātīti ñū, ugghaṭitaṃ atthaṃ ñū ugghaṭitaññū, uddesamatteneva sappabhedaṃ savitthāraṃ paṭivijjhitabbaṃ atthaṃ paṭivijjhatīti attho. Yo puggalo uddeseneva uddiṭṭhamatteneva atthaṃ ñatvā atthasiddhippatto hoti, so ugghaṭitaññū nāma.
วิปญฺจียเต วิตฺถรียเต อโตฺถติ วิปญฺจิโต, ตํ ชานาตีติ วิปญฺจิตญฺญูฯ โย ปุคฺคโล นิเทฺทเสน นิทฺทิฎฺฐมตฺตเมว อตฺถํ ญตฺวา อตฺถสิทฺธิปฺปโตฺต, โส วิปญฺจิตญฺญู นามฯ
Vipañcīyate vittharīyate atthoti vipañcito, taṃ jānātīti vipañcitaññū. Yo puggalo niddesena niddiṭṭhamattameva atthaṃ ñatvā atthasiddhippatto, so vipañcitaññū nāma.
ปฎินิเทฺทเสน อโตฺถ เนตโพฺพ ปาเปตโพฺพติ เนโยฺยฯ โย ปุคฺคโล ปฎินิเทฺทเสน วา ปฎิโลเมน วา วิภตฺตํ เอว อตฺถํ ญตฺวา อตฺถสิทฺธิปฺปโตฺต, โส เนโยฺย นามฯ นิสฺสรณเทสนาเยว อุคฺฆฎิตญฺญุสฺส ปฎิเวธาภิสมโย สิโทฺธ โหติ, อาทีนวเทสนาย เจว นิสฺสรณเทสนาย จ วิปญฺจิตญฺญุสฺส ปฎิเวธาภิสมโย สิโทฺธ โหติ, อสฺสาทเทสนาย จ อาทีนวเทสนาย จ นิสฺสรณเทสนาย จ เนยฺยสฺส ปฎิเวธาภิสมโย สิโทฺธ โหตีติ อธิปฺปาโย อิธ คเหตโพฺพฯ
Paṭiniddesena attho netabbo pāpetabboti neyyo. Yo puggalo paṭiniddesena vā paṭilomena vā vibhattaṃ eva atthaṃ ñatvā atthasiddhippatto, so neyyo nāma. Nissaraṇadesanāyeva ugghaṭitaññussa paṭivedhābhisamayo siddho hoti, ādīnavadesanāya ceva nissaraṇadesanāya ca vipañcitaññussa paṭivedhābhisamayo siddho hoti, assādadesanāya ca ādīnavadesanāya ca nissaraṇadesanāya ca neyyassa paṭivedhābhisamayo siddho hotīti adhippāyo idha gahetabbo.
ปทปรโม ปเนตฺถ ปฎิเวธาภิสมยภชนาภาวโต น คหิโตฯ ตสฺมิญฺจ อคฺคหิเต อสฺสาโท, อาทีนโว, นิสฺสรณํ, อสฺสาทาทีนวา, อสฺสาทนิสฺสรณานิ, อาทีนวนิสฺสรณานิ, อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานิ จาติ สตฺตสุ ปฎฺฐานนเยสุ ตติยฉฎฺฐสตฺตมาว คหิตา, อวเสสา จตฺตาโร นยา น คหิตาฯ เวเนยฺยวินยนาภาวโต หิ คหณาคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ เวเนยฺยวินยญฺจ เวเนยฺยานํ สนฺตาเน อริยมคฺคสฺสุปฺปาทนํ, น สาสนวินยนมตฺตํ, อริยมคฺคุปฺปาทนญฺจ ยถาวุเตฺตหิ เอว ตีหิ ปทฎฺฐานนเยหิ สิชฺฌตีติ อิตเร นยา อิธ น วุตฺตาฯ
Padaparamo panettha paṭivedhābhisamayabhajanābhāvato na gahito. Tasmiñca aggahite assādo, ādīnavo, nissaraṇaṃ, assādādīnavā, assādanissaraṇāni, ādīnavanissaraṇāni, assādādīnavanissaraṇāni cāti sattasu paṭṭhānanayesu tatiyachaṭṭhasattamāva gahitā, avasesā cattāro nayā na gahitā. Veneyyavinayanābhāvato hi gahaṇāgahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Veneyyavinayañca veneyyānaṃ santāne ariyamaggassuppādanaṃ, na sāsanavinayanamattaṃ, ariyamagguppādanañca yathāvuttehi eva tīhi padaṭṭhānanayehi sijjhatīti itare nayā idha na vuttā.
ยสฺมา ปน เปฎเก (เปฎโก. ๒๓) –
Yasmā pana peṭake (peṭako. 23) –
‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท จ อาทีนโว จ?
‘‘Tattha katamo assādo ca ādīnavo ca?
‘ยานิ กโรติ ปุริโส, ตานิ ปสฺสติ อตฺตนิ;
‘Yāni karoti puriso, tāni passati attani;
กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปก’นฺติฯ
Kalyāṇakārī kalyāṇaṃ, pāpakārī ca pāpaka’nti.
‘‘ตตฺถ ยํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปจฺจนุโภติ, อยํ อสฺสาโทฯ ยํ ปาปการี ปาปํ ปจฺจนุโภติ, อยํ อาทีนโวฯ
‘‘Tattha yaṃ kalyāṇakārī kalyāṇaṃ paccanubhoti, ayaṃ assādo. Yaṃ pāpakārī pāpaṃ paccanubhoti, ayaṃ ādīnavo.
‘‘อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, โลกธมฺมาฯ กตเม อฎฺฐ? ‘ลาโภ’ติอาทิ (อ. นิ. ๘.๖)ฯ ตตฺถ ลาโภ ยโส สุขํ ปสํสา, อยํ อสฺสาโทฯ อลาโภ อยโส ทุกฺขํ นินฺทา, อยํ อาทีนโวฯ
‘‘Aṭṭhime, bhikkhave, lokadhammā. Katame aṭṭha? ‘Lābho’tiādi (a. ni. 8.6). Tattha lābho yaso sukhaṃ pasaṃsā, ayaṃ assādo. Alābho ayaso dukkhaṃ nindā, ayaṃ ādīnavo.
‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท จ นิสฺสรณญฺจ?
‘‘Tattha katamo assādo ca nissaraṇañca?
‘สุโข วิปาโก ปุญฺญานํ, อธิปฺปาโย จ อิชฺฌติ;
‘Sukho vipāko puññānaṃ, adhippāyo ca ijjhati;
ขิปฺปญฺจ ปรมํ สนฺติํ, นิพฺพานมธิคจฺฉตี’ติฯ –
Khippañca paramaṃ santiṃ, nibbānamadhigacchatī’ti. –
อยํ อสฺสาโท จ นิสฺสรณญฺจฯ
Ayaṃ assādo ca nissaraṇañca.
‘‘ทฺวตฺติํสิมานิ, ภิกฺขเว, มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส เทฺวเยว คติโย ภวนฺติ…เป.… วิวฎจฺฉโทติ สพฺพํ ลกฺขณสุตฺตํ (ที. นิ. ๓.๑๙๙) อยํ อสฺสาโท จ นิสฺสรณญฺจฯ
‘‘Dvattiṃsimāni, bhikkhave, mahāpurisassa mahāpurisalakkhaṇāni, yehi samannāgatassa mahāpurisassa dveyeva gatiyo bhavanti…pe… vivaṭacchadoti sabbaṃ lakkhaṇasuttaṃ (dī. ni. 3.199) ayaṃ assādo ca nissaraṇañca.
‘‘ตตฺถ กตโม อาทีนโว จ นิสฺสรณญฺจ?
‘‘Tattha katamo ādīnavo ca nissaraṇañca?
‘ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา, ภารหาโร จ ปุคฺคโล;
‘Bhārā have pañcakkhandhā, bhārahāro ca puggalo;
ภาราทานํ ทุขํ โลเก, ภารนิเกฺขปนํ สุขํฯ
Bhārādānaṃ dukhaṃ loke, bhāranikkhepanaṃ sukhaṃ.
‘นิกฺขิปิตฺวา ครุํ ภารํ, อญฺญํ ภารํ อนาทิย;
‘Nikkhipitvā garuṃ bhāraṃ, aññaṃ bhāraṃ anādiya;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโต’ติฯ (สํ. นิ. ๓.๒๒) –
Samūlaṃ taṇhamabbuyha, nicchāto parinibbuto’ti. (saṃ. ni. 3.22) –
อยํ อาทีนโว จ นิสฺสรณญฺจฯ
Ayaṃ ādīnavo ca nissaraṇañca.
‘‘ตตฺถ กตโม อสฺสาโท จ อาทีนโว จ นิสฺสรณญฺจ?
‘‘Tattha katamo assādo ca ādīnavo ca nissaraṇañca?
‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ;
‘Kāmā hi citrā madhurā manoramā, virūparūpena mathenti cittaṃ;
ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราช, อปณฺณกํ สามญฺญเมว เสโยฺย’ติฯ (ม. นิ. ๒.๓๐๗; เถรคา. ๗๘๗; เปฎโก. ๒๓) –
Tasmā ahaṃ pabbajitomhi rāja, apaṇṇakaṃ sāmaññameva seyyo’ti. (ma. ni. 2.307; theragā. 787; peṭako. 23) –
อยํ อสฺสาโท จ อาทีนโว จ นิสฺสรณญฺจา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เตปิ นยา อิธ นิทฺธาเรตฺวา เวทิตพฺพาฯ ผลาทีสุปิ อยํ นโย ลพฺภติเยวฯ
Ayaṃ assādo ca ādīnavo ca nissaraṇañcā’’ti vuttaṃ, tasmā tepi nayā idha niddhāretvā veditabbā. Phalādīsupi ayaṃ nayo labbhatiyeva.
ยสฺมา เปฎเก (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฎโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙) – ‘‘ตตฺถ กตมํ ผลญฺจ อุปาโย จ? ‘สีเล ปติฎฺฐาย นโร สปฺปโญฺญ’ติ คาถา, อิทํ ผลญฺจ อุปาโย จฯ
Yasmā peṭake (saṃ. ni. 1.23, 192; peṭako. 22; mi. pa. 2.1.9) – ‘‘tattha katamaṃ phalañca upāyo ca? ‘Sīle patiṭṭhāya naro sappañño’ti gāthā, idaṃ phalañca upāyo ca.
‘‘ตตฺถ กตมํ ผลญฺจ อาณตฺติ จ?
‘‘Tattha katamaṃ phalañca āṇatti ca?
‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺส, สเจ โว ทุกฺขมปฺปิยํ;
‘Sace bhāyatha dukkhassa, sace vo dukkhamappiyaṃ;
มากตฺถ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห’ติฯ (อุทา. ๔๔) –
Mākattha pāpakaṃ kammaṃ, āvi vā yadi vā raho’ti. (udā. 44) –
อิทํ ผลญฺจ อาณตฺติ จฯ
Idaṃ phalañca āṇatti ca.
‘‘ตตฺถ กตโม อุปาโย จ อาณตฺติ จ?
‘‘Tattha katamo upāyo ca āṇatti ca?
‘กุมฺภูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา, นครูปมํ จิตฺตมิทํ ฐเปตฺวา;
‘Kumbhūpamaṃ kāyamimaṃ viditvā, nagarūpamaṃ cittamidaṃ ṭhapetvā;
โยเธถ มารํ ปญฺญาวุเธน, ชิตญฺจ รเกฺข อนิเวสโน สิยา’ติฯ (ธ. ป. ๔๐) –
Yodhetha māraṃ paññāvudhena, jitañca rakkhe anivesano siyā’ti. (dha. pa. 40) –
อยํ อุปาโย จ อาณตฺติ จา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ ผลาทีนํ ทุกฺขวเสนาปิ อุทาหรณํ เวทิตพฺพํฯ
Ayaṃ upāyo ca āṇatti cā’’ti vuttaṃ, tasmā evaṃ phalādīnaṃ dukkhavasenāpi udāharaṇaṃ veditabbaṃ.
‘‘อุคฺฆฎิตญฺญุอาทีนํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส อิมํ เทเสติ, อิมสฺส ปุคฺคลสฺส อิมํ เทเสตี’’ติ เยหิ ปุคฺคเลหิ อสฺสาทาทโย ยถารหํ อาจริเยน วิภตฺตา, เต ปุคฺคลา ยาหิ ปฎิปทาหิ ภินฺนา, ตา ปฎิปทา กิตฺติกา ภวนฺติ, ตาหิ ภินฺนา ปุคฺคลา จ กิตฺติกาติ วิจารณาย สมฺภวโต ตา ปฎิปทา, เต จ ปุคฺคลา เอตฺตกาติ คณนโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ จตโสฺส ปฎิปทา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ
‘‘Ugghaṭitaññuādīnaṃ tiṇṇaṃ puggalānaṃ imassa puggalassa imaṃ deseti, imassa puggalassa imaṃ desetī’’ti yehi puggalehi assādādayo yathārahaṃ ācariyena vibhattā, te puggalā yāhi paṭipadāhi bhinnā, tā paṭipadā kittikā bhavanti, tāhi bhinnā puggalā ca kittikāti vicāraṇāya sambhavato tā paṭipadā, te ca puggalā ettakāti gaṇanato dassetuṃ ‘‘tattha catasso paṭipadā’’tiādi āraddhaṃ.
ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ อุคฺฆฎิตญฺญุอาทีสุ ปุคฺคเลสุฯ เย ปุคฺคลา ยาหิ ปฎิปทาหิ ภินฺนา, ตา ปฎิปทา จตโสฺส ภวนฺติ, เต จ ปุคฺคลา จตฺตาโรติ โยชนา กาตพฺพาฯ กตมา จตโสฺส? ทุกฺขาปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, ทุกฺขาปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา, สุขาปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, สุขาปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา จาติ จตโสฺสฯ กตเม จตฺตาโร? ตณฺหาจริโต มโนฺท ปุคฺคโล, ตณฺหาจริโต อุทโตฺต ปุคฺคโล, ทิฎฺฐิจริโต มโนฺท ปุคฺคโล, ทิฎฺฐิจริโต อุทโตฺต ปุคฺคโล จาติ จตฺตาโรฯ
Tattha tatthāti tesu ugghaṭitaññuādīsu puggalesu. Ye puggalā yāhi paṭipadāhi bhinnā, tā paṭipadā catasso bhavanti, te ca puggalā cattāroti yojanā kātabbā. Katamā catasso? Dukkhāpaṭipadā dandhābhiññā, dukkhāpaṭipadā khippābhiññā, sukhāpaṭipadā dandhābhiññā, sukhāpaṭipadā khippābhiññā cāti catasso. Katame cattāro? Taṇhācarito mando puggalo, taṇhācarito udatto puggalo, diṭṭhicarito mando puggalo, diṭṭhicarito udatto puggalo cāti cattāro.
ปฎิปทาภิญฺญาหิ กโต วิภาโคปิ ปฎิปทาหิ กโต วิภาโค นาม โหติ อวินาภาวโตติ มนสิ กตฺวา ‘‘จตโสฺส ปฎิปทาภิญฺญา’’ติ อวตฺวา ‘‘จตโสฺส ปฎิปทา’’ติ วุตฺตาฯ ตา ปเนตา สมถวเสนาปิ ภินฺนา, วิปสฺสนาวเสนาปิ ภินฺนาฯ กถํ สมถวเสน? ปถวีกสิณาทีสุ สพฺพปฐมํ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติอาทินา ปวตฺตมนสิการโต ปฎฺฐาย ยาว ฌานสฺส อุปจารํ อุปฺปชฺชติ, ตาว ปวตฺตา ปญฺญา สมถภาวนา ‘‘ปฎิปทา’’ติ วุจฺจติฯ อุปจารโต ปน ปฎฺฐาย ยาว อปฺปนา, ตาว ปวตฺตา ปญฺญา ‘‘อภิญฺญา’’ติ วุจฺจติ เหฎฺฐิมปญฺญาโต อธิคตปญฺญาภาวโตฯ
Paṭipadābhiññāhi kato vibhāgopi paṭipadāhi kato vibhāgo nāma hoti avinābhāvatoti manasi katvā ‘‘catasso paṭipadābhiññā’’ti avatvā ‘‘catasso paṭipadā’’ti vuttā. Tā panetā samathavasenāpi bhinnā, vipassanāvasenāpi bhinnā. Kathaṃ samathavasena? Pathavīkasiṇādīsu sabbapaṭhamaṃ ‘‘pathavī pathavī’’tiādinā pavattamanasikārato paṭṭhāya yāva jhānassa upacāraṃ uppajjati, tāva pavattā paññā samathabhāvanā ‘‘paṭipadā’’ti vuccati. Upacārato pana paṭṭhāya yāva appanā, tāva pavattā paññā ‘‘abhiññā’’ti vuccati heṭṭhimapaññāto adhigatapaññābhāvato.
สา จ ปฎิปทา กสฺสจิ ทุกฺขา กิจฺฉา โหติ นีวรณาทิปจฺจนีกธมฺมสมุทาจารคฺคหณตาย, กสฺสจิ ตทภาวโต สุขา อกิจฺฉา โหติ, อภิญฺญาปิ กสฺสจิ ทนฺธา อสีฆปฺปวตฺติ โหติ อวิสทญาณตาย, กสฺสจิ ขิปฺปา สีฆปฺปวตฺติ โหติ วิสทญาณตายาติฯ
Sā ca paṭipadā kassaci dukkhā kicchā hoti nīvaraṇādipaccanīkadhammasamudācāraggahaṇatāya, kassaci tadabhāvato sukhā akicchā hoti, abhiññāpi kassaci dandhā asīghappavatti hoti avisadañāṇatāya, kassaci khippā sīghappavatti hoti visadañāṇatāyāti.
กถํ วิปสฺสนาวเสน? โย รูปารูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสโนฺต จตฺตาริ มหาภูตานิ ปริคฺคเหตฺวา อุปาทารูปํ ปริคฺคณฺหาติ, อรูปํ ปริคฺคณฺหาติ, รูปารูปํ ปน ปริคฺคณฺหโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปริคฺคหเอตอุํ สโกฺกติ, ตสฺส ทุกฺขาปฎิปทา นาม โหติฯ ปริคฺคหิตรูปารูปสฺส วิปสฺสนาปริวาเส มคฺคปาตุภาวทนฺธตาย ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ ตพฺพิปริยาเยน อิตรา เทฺว โหนฺติฯ วิปสฺสนาวเสน ปน ภินฺนาเยว ปฎิปทาภิญฺญาโย อิธ ทฎฺฐพฺพา อภิสมยาธิการตฺตา, อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ เยสํ ปุคฺคลานํ วเสน เทสนาวิภาโค ทสฺสิโต, เต ปุคฺคเล ปฎิปทาวิภาเคน วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘จตโสฺส ปฎิปทา’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๖) วุตฺตํฯ โยชนานโย วุตฺตนยานุสาเรเนว เวทิตโพฺพฯ
Kathaṃ vipassanāvasena? Yo rūpārūpamukhena vipassanaṃ abhinivisanto cattāri mahābhūtāni pariggahetvā upādārūpaṃ pariggaṇhāti, arūpaṃ pariggaṇhāti, rūpārūpaṃ pana pariggaṇhanto dukkhena kasirena kilamanto pariggahaetauṃ sakkoti, tassa dukkhāpaṭipadā nāma hoti. Pariggahitarūpārūpassa vipassanāparivāse maggapātubhāvadandhatāya dandhābhiññā nāma hoti. Tabbipariyāyena itarā dve honti. Vipassanāvasena pana bhinnāyeva paṭipadābhiññāyo idha daṭṭhabbā abhisamayādhikārattā, aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ yesaṃ puggalānaṃ vasena desanāvibhāgo dassito, te puggale paṭipadāvibhāgena vibhajitvā dassetuṃ ‘catasso paṭipadā’tiādi vutta’’nti (netti. aṭṭha. 6) vuttaṃ. Yojanānayo vuttanayānusāreneva veditabbo.
จตูหิ ปฎิปทาภิญฺญาหิ จตฺตาโร ปุคฺคลา สเพฺพว อนิยมโต วฎฺฎทุกฺขโต กิํ นุ โข นิยฺยนฺติ, อุทาหุ ‘‘อิมาย ปฎิปทาภิญฺญาย อยํ ปุคฺคโล นิยฺยาติ, อิมาย ปฎิปทาภิญฺญาย อยํ ปุคฺคโล นิยฺยาตี’’ติ นิยมโต จ นิยฺยาตีติ วิจารณาย สมฺภวโต ‘‘อยํ ปุคฺคโล อิเมหิ นิสฺสเยหิ อุปนิสฺสยปจฺจยํ ลภิตฺวา อิมาย ปฎิปทาภิญฺญาย วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยาตี’’ติ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตณฺหาจริโต มโนฺท’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Catūhi paṭipadābhiññāhi cattāro puggalā sabbeva aniyamato vaṭṭadukkhato kiṃ nu kho niyyanti, udāhu ‘‘imāya paṭipadābhiññāya ayaṃ puggalo niyyāti, imāya paṭipadābhiññāya ayaṃ puggalo niyyātī’’ti niyamato ca niyyātīti vicāraṇāya sambhavato ‘‘ayaṃ puggalo imehi nissayehi upanissayapaccayaṃ labhitvā imāya paṭipadābhiññāya vaṭṭadukkhato niyyātī’’ti niyametvā dassetuṃ ‘‘taṇhācarito mando’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถ ตณฺหาจริโต มโนฺท ปุคฺคโล สติปฎฺฐาเนหิ นิสฺสเยหิ อุปนิสฺสยปจฺจยํ ลภิตฺวา สตินฺทฺริเยน สตินฺทฺริยาธิเกน อริยมเคฺคน ทุกฺขาปฎิปทาทนฺธาภิญฺญาย วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยาติ, ตณฺหาจริโต อุทโตฺต ปุคฺคโล ฌาเนหิ นิสฺสเยหิ อุปนิสฺสยปจฺจยํ ลภิตฺวา สมาธินฺทฺริเยน สมาธินฺทฺริยาธิเกน อริยมเคฺคน ทุกฺขาปฎิปทาขิปฺปาภิญฺญาย วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยาติ , ทิฎฺฐิจริโต มโนฺท ปุคฺคโล สมฺมปฺปธาเนหิ นิสฺสเยหิ อุปนิสฺสยปจฺจยํ ลภิตฺวา วีริยินฺทฺริเยน วีริยินฺทฺริยาธิเกน อริยมเคฺคน สุขาปฎิปทาทนฺธาภิญฺญาย วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยาติ, ทิฎฺฐิจริโต อุทโตฺต ปุคฺคโล สเจฺจหิ นิสฺสเยหิ อุปนิสฺสยปจฺจยํ ลภิตฺวา ปญฺญินฺทฺริเยน ปญฺญินฺทฺริยาธิเกน อริยมเคฺคน สุขาปฎิปทาขิปฺปาภิญฺญาย วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยาตีติ โยชนา กาตพฺพาฯ อฎฺฐกถายํ ปน –
Tattha taṇhācarito mando puggalo satipaṭṭhānehi nissayehi upanissayapaccayaṃ labhitvā satindriyena satindriyādhikena ariyamaggena dukkhāpaṭipadādandhābhiññāya vaṭṭadukkhato niyyāti, taṇhācarito udatto puggalo jhānehi nissayehi upanissayapaccayaṃ labhitvā samādhindriyena samādhindriyādhikena ariyamaggena dukkhāpaṭipadākhippābhiññāya vaṭṭadukkhato niyyāti , diṭṭhicarito mando puggalo sammappadhānehi nissayehi upanissayapaccayaṃ labhitvā vīriyindriyena vīriyindriyādhikena ariyamaggena sukhāpaṭipadādandhābhiññāya vaṭṭadukkhato niyyāti, diṭṭhicarito udatto puggalo saccehi nissayehi upanissayapaccayaṃ labhitvā paññindriyena paññindriyādhikena ariyamaggena sukhāpaṭipadākhippābhiññāya vaṭṭadukkhato niyyātīti yojanā kātabbā. Aṭṭhakathāyaṃ pana –
‘‘จตฺตาโร ปุคฺคลาติ ยถาวุตฺตปฎิปทาวิภาเคเนว จตฺตาโร ปฎิปนฺนกปุคฺคลา, ตํ ปน ปฎิปทาวิภาคํ สทฺธิํ เหตุปายผเลหิ ทเสฺสตุํ ‘ตณฺหาจริโต’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๖) –
‘‘Cattāro puggalāti yathāvuttapaṭipadāvibhāgeneva cattāro paṭipannakapuggalā, taṃ pana paṭipadāvibhāgaṃ saddhiṃ hetupāyaphalehi dassetuṃ ‘taṇhācarito’tiādi vutta’’nti (netti. aṭṭha. 6) –
วุตฺตํฯ ตตฺถ ตณฺหาจริโตติ ตณฺหาย นิพฺพตฺติตํ จริตํ เอตสฺส ปุคฺคลสฺสาติ ตณฺหาจริโตฯ มโนฺทติ มนฺทิยาย อวิชฺชาย สมนฺนาคโตติ มโนฺท, โมหาธิกปุคฺคโลฯ อุทโตฺตติ อุทอโตฺต, อุฬารปโญฺญติ อโตฺถฯ อุฬารํ ผลํ เทตีติ อุโท, โก โส? ปวิจโย, อตฺตนิ นิพฺพโตฺตติ อโตฺต, อุโท อโตฺต ยสฺส ปุคฺคลสฺสาติ อุทโตฺตติ วจนโตฺถ กาตโพฺพฯ
Vuttaṃ. Tattha taṇhācaritoti taṇhāya nibbattitaṃ caritaṃ etassa puggalassāti taṇhācarito. Mandoti mandiyāya avijjāya samannāgatoti mando, mohādhikapuggalo. Udattoti udaatto, uḷārapaññoti attho. Uḷāraṃ phalaṃ detīti udo, ko so? Pavicayo, attani nibbattoti atto, udo atto yassa puggalassāti udattoti vacanattho kātabbo.
ปฐมาย ปฎิปทาย เหตุ นาม ตณฺหาจริตตา, มนฺทปญฺญตา จ, อุปาโย สตินฺทฺริยํ, สพฺพาสมฺปิ ผลํ นิยฺยานเมวฯ ทุติยาย ปฎิปทาย เหตุ นาม ตณฺหาจริตตา, อุทตฺตปญฺญตา จ, อุปาโย วีริยินฺทฺริยํฯ ตติยาย ปฎิปทาย เหตุ นาม ทิฎฺฐิจริตตา, มนฺทปญฺญตา จ, อุปาโย สมาธินฺทฺริยํฯ จตุตฺถิยา ปฎิปทาย เหตุ นาม ทิฎฺฐิจริตตา, อุทตฺตปญฺญตา จ, อุปาโย ปญฺญินฺทฺริยนฺติ เหตุปายผลานิ ทฎฺฐพฺพานิฯ
Paṭhamāya paṭipadāya hetu nāma taṇhācaritatā, mandapaññatā ca, upāyo satindriyaṃ, sabbāsampi phalaṃ niyyānameva. Dutiyāya paṭipadāya hetu nāma taṇhācaritatā, udattapaññatā ca, upāyo vīriyindriyaṃ. Tatiyāya paṭipadāya hetu nāma diṭṭhicaritatā, mandapaññatā ca, upāyo samādhindriyaṃ. Catutthiyā paṭipadāya hetu nāma diṭṭhicaritatā, udattapaññatā ca, upāyo paññindriyanti hetupāyaphalāni daṭṭhabbāni.
เอตฺถ จ ทิฎฺฐิจริโต อุทโตฺต ปุคฺคโล อุคฺฆฎิตญฺญู นาม, ทิฎฺฐิจริโต มโนฺท เจว ตณฺหาจริโต อุทโตฺต จ วิปญฺจิตญฺญู นาม, ตณฺหาจริโต มโนฺท ปุคฺคโล เนโยฺย นาม, ตสฺมา ‘‘ตตฺถ ภควา อุคฺฆฎิตญฺญุสฺส ปุคฺคลสฺส นิสฺสรณํ เทสยตี’’ติอาทินา นเยน อุคฺฆฎิตญฺญุอาทิเวเนยฺยตฺตยสฺส เภททสฺสเนน นิสฺสรณํ เทสยติ, ‘‘อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ เทสยติ, อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ เทสยตี’’ติ เทสนาวิภาโค ทสฺสิโตฯ ‘‘ตตฺถ จตโสฺส ปฎิปทา’’ติอาทินา ปฎิปทาเภททสฺสเนน ‘‘ตณฺหาจริโต มโนฺท ปุคฺคโล, ตณฺหาจริโต อุทโตฺต ปุคฺคโล, ทิฎฺฐิจริโต มโนฺท ปุคฺคโล, ทิฎฺฐิจริโต อุทโตฺต ปุคฺคโล’’ติ จตุธา ภินฺนํ ตณฺหาจริตมนฺทาทิกํ ปุคฺคลจตุกฺกํ ทสฺสิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Ettha ca diṭṭhicarito udatto puggalo ugghaṭitaññū nāma, diṭṭhicarito mando ceva taṇhācarito udatto ca vipañcitaññū nāma, taṇhācarito mando puggalo neyyo nāma, tasmā ‘‘tattha bhagavā ugghaṭitaññussa puggalassa nissaraṇaṃ desayatī’’tiādinā nayena ugghaṭitaññuādiveneyyattayassa bhedadassanena nissaraṇaṃ desayati, ‘‘ādīnavañca nissaraṇañca desayati, assādañca ādīnavañca nissaraṇañca desayatī’’ti desanāvibhāgo dassito. ‘‘Tattha catasso paṭipadā’’tiādinā paṭipadābhedadassanena ‘‘taṇhācarito mando puggalo, taṇhācarito udatto puggalo, diṭṭhicarito mando puggalo, diṭṭhicarito udatto puggalo’’ti catudhā bhinnaṃ taṇhācaritamandādikaṃ puggalacatukkaṃ dassitanti daṭṭhabbaṃ.
อิทานิ จตูหิ ปฎิปทาภิญฺญาหิ จตุธา ภินฺนํ ตณฺหาจริตมนฺทจตุกฺกํ อตฺถนยโยชนาย ทุติยาย วิสยํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อุโภ ตณฺหาจริตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตณฺหาย สมาธิปฎิปกฺขตฺตา ตณฺหาจริตา มนฺทอุทตฺตา อุโภ ปุคฺคลา สมถปุพฺพงฺคมาย วิปสฺสนาย อุปนิสฺสยํ ลภิตฺวา ราควิราคาย มคฺคปญฺญาย นิยฺยนฺติ เจโตวิมุตฺติยา เสกฺขผลภาวายฯ สมฺมาทิฎฺฐิสหิเตเนว สมฺมาสมาธินา นิยฺยานํ ภวติ, น สมฺมาสมาธินา เอว, ตสฺมา ทิฎฺฐิจริตา มนฺทอุทตฺตา อุโภ ปุคฺคลา วิปสฺสนาปุพฺพงฺคเมน สมเถน อวิชฺชาวิราคาย มคฺคปญฺญาย นิยฺยนฺติ ปญฺญาวิมุตฺติยา อเสกฺขผลภาวายาติ จตฺตาโรปิ ปุคฺคลา ทุวิธาเยว ภวนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Idāni catūhi paṭipadābhiññāhi catudhā bhinnaṃ taṇhācaritamandacatukkaṃ atthanayayojanāya dutiyāya visayaṃ katvā dassetuṃ ‘‘ubho taṇhācaritā’’tiādi vuttaṃ. Tattha taṇhāya samādhipaṭipakkhattā taṇhācaritā mandaudattā ubho puggalā samathapubbaṅgamāya vipassanāya upanissayaṃ labhitvā rāgavirāgāya maggapaññāya niyyanti cetovimuttiyā sekkhaphalabhāvāya. Sammādiṭṭhisahiteneva sammāsamādhinā niyyānaṃ bhavati, na sammāsamādhinā eva, tasmā diṭṭhicaritā mandaudattā ubho puggalā vipassanāpubbaṅgamena samathena avijjāvirāgāya maggapaññāya niyyanti paññāvimuttiyā asekkhaphalabhāvāyāti cattāropi puggalā duvidhāyeva bhavantīti vuttaṃ hoti.
ราควิราคายาติ รญฺชตีติ ราโค, โส วิรชฺชติ เอตายาติ วิราคา, ราคสฺส วิราคา ราควิราคา, ตาย ราควิราคายฯ เจโตติ จิตฺตปฺปเภเทน จ สมาธิ วุจฺจติ ยถา ‘‘จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; มิ. ป. ๒.๑.๙.)ฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวเสน ปฎิปกฺขโต วิมุจฺจตีติ วิมุตฺติ, เจตสา จิเตฺตน สมาธินา วิมุจฺจตีติ เจโตวิมุตฺติ, เจโต เอว วา วิมุตฺติ เจโตวิมุตฺติ, อนาคามิผลสมาธิฯ อนาคามิปุคฺคโล หิ สมาธิสฺมิํ ปริปูรการิตาย เจโตวิมุตฺติยา นิยฺยาติฯ อวิชฺชาวิราคายาติ อวินฺทิยํ กายทุจฺจริตาทิํ วินฺทตีติ อวิชฺชา, วินฺทิยํ วา กายสุจริตาทิํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา นิรุตฺตินเยนฯ วิรชฺชติ เอตายาติ วิราคา, อวิชฺชาย วิราคา อวิชฺชาวิราคา, ตาย อวิชฺชาวิราคายฯ ปกาเรหิ ชานาตีติ ปญฺญา, วิมุจฺจตีติ วิมุตฺติ, ปญฺญาย วิมุจฺจตีติ ปญฺญาวิมุตฺติ, ปญฺญา เอว วา วิมุตฺติ ปญฺญาวิมุตฺติ, อรหตฺตผลปญฺญา, ตาย ปญฺญาวิมุตฺติยาฯ
Rāgavirāgāyāti rañjatīti rāgo, so virajjati etāyāti virāgā, rāgassa virāgā rāgavirāgā, tāya rāgavirāgāya. Cetoti cittappabhedena ca samādhi vuccati yathā ‘‘cittaṃ paññañca bhāvaya’’nti (saṃ. ni. 1.23, 192; mi. pa. 2.1.9.). Paṭippassaddhivasena paṭipakkhato vimuccatīti vimutti, cetasā cittena samādhinā vimuccatīti cetovimutti, ceto eva vā vimutti cetovimutti, anāgāmiphalasamādhi. Anāgāmipuggalo hi samādhismiṃ paripūrakāritāya cetovimuttiyā niyyāti. Avijjāvirāgāyāti avindiyaṃ kāyaduccaritādiṃ vindatīti avijjā, vindiyaṃ vā kāyasucaritādiṃ na vindatīti avijjā niruttinayena. Virajjati etāyāti virāgā, avijjāya virāgā avijjāvirāgā, tāya avijjāvirāgāya. Pakārehi jānātīti paññā, vimuccatīti vimutti, paññāya vimuccatīti paññāvimutti, paññā eva vā vimutti paññāvimutti, arahattaphalapaññā, tāya paññāvimuttiyā.
‘‘เตสุ กตเม ปุคฺคลา เกน อตฺถนเยน หาตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพโต ‘‘ตตฺถ เย สมถปุพฺพงฺคมาหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ‘‘อุโภ ตณฺหาจริตา’’ติอาทินา วิภเตฺตสุ ปุคฺคเลสุ เย อุโภ ตณฺหาจริตา มนฺทอุทตฺตา ปุคฺคลา สมถ…เป.… นิยฺยนฺติ, เต อุโภ ตณฺหาจริตา มนฺทอุทตฺตา ปุคฺคลา นนฺทิยาวเฎฺฎน นเยน หาตพฺพา คเมตพฺพา เนตพฺพาฯ เย อุโภ ทิฎฺฐิจริตา มนฺทอุทตฺตา ปุคฺคลา วิปสฺสนา…เป.… สมเถน นิยฺยนฺติ, เต อุโภ ทิฎฺฐิจริตา มนฺทอุทตฺตา ปุคฺคลา สีหวิกฺกีฬิเตน นเยน หาตพฺพา คเมตพฺพา เนตพฺพาติ อโตฺถฯ
‘‘Tesu katame puggalā kena atthanayena hātabbā’’ti vattabbato ‘‘tattha ye samathapubbaṅgamāhī’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu ‘‘ubho taṇhācaritā’’tiādinā vibhattesu puggalesu ye ubho taṇhācaritā mandaudattā puggalā samatha…pe… niyyanti, te ubho taṇhācaritā mandaudattā puggalā nandiyāvaṭṭena nayena hātabbā gametabbā netabbā. Ye ubho diṭṭhicaritā mandaudattā puggalā vipassanā…pe… samathena niyyanti, te ubho diṭṭhicaritā mandaudattā puggalā sīhavikkīḷitena nayena hātabbā gametabbā netabbāti attho.
๗. ‘‘ตตฺถ จตโสฺส ปฎิปทา’’ติอาทินา เทสนาหาเรน ทุกฺขาปฎิปทาเภเทน ตณฺหาจริตมนฺทาทิเภโท ปุคฺคโล วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘ตสฺส วิภตฺตานนฺตรํ สฺวายํ เทสนาหาโร กตฺถ สํวเณฺณตเพฺพ ธเมฺม เกนจิ อากาเรน สมฺภวตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพภาวโต ‘‘สฺวายํ หาโร กตฺถ สมฺภวตี’’ติอาทิมาหฯ นวมกฺขณสมฺปนฺนสฺส สตฺถา ยํ ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมิํ สํวเณฺณตเพฺพ ธเมฺม ยา วีมํสาทิกา สุตมยาทิกา ติโสฺส ปญฺญา วิภตฺตา, ตาหิ ปญฺญาหิ เย อุคฺฆฎิตญฺญุอาทโย ตโย ปุคฺคลา วิภตฺตา, อิติ วิภตฺตากาเรน อยํ เทสนาหาโร สตฺถารา เทเสตเพฺพ ธเมฺม สมฺภวตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ
7. ‘‘Tattha catasso paṭipadā’’tiādinā desanāhārena dukkhāpaṭipadābhedena taṇhācaritamandādibhedo puggalo vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘tassa vibhattānantaraṃ svāyaṃ desanāhāro kattha saṃvaṇṇetabbe dhamme kenaci ākārena sambhavatī’’ti pucchitabbabhāvato ‘‘svāyaṃ hāro kattha sambhavatī’’tiādimāha. Navamakkhaṇasampannassa satthā yaṃ dhammaṃ deseti, tasmiṃ saṃvaṇṇetabbe dhamme yā vīmaṃsādikā sutamayādikā tisso paññā vibhattā, tāhi paññāhi ye ugghaṭitaññuādayo tayo puggalā vibhattā, iti vibhattākārena ayaṃ desanāhāro satthārā desetabbe dhamme sambhavatīti daṭṭhabbo.
ตตฺถ สฺวายํ หาโรติ เทสนาหาเรน ปฎิปทาวิภาเคน เวเนยฺยปุคฺคลวิภาโค ทสฺสิโต, โส อยํ เทสนาหาโรฯ กตฺถ สมฺภวตีติ กตฺถ สํวเณฺณตเพฺพ ธเมฺม สํวณฺณนาภาเวน สมฺภวตีติฯ ยสฺสาติ โย โส เวเนโยฺย ปจฺจนฺตชาทีหิ อฎฺฐหิ อกฺขเณหิ วิมุโตฺต, สวนธารณาทีหิ จ สมฺปตฺตีหิ สมนฺนาคโต, ตสฺส เวเนยฺยสฺสฯ สตฺถาติ สเทวกํ โลกํ สาสติ อนุสาสตีติ สตฺถาฯ ธมฺมนฺติ เทสิตํ สํวเณฺณตพฺพํ ธมฺมํฯ เทสยตีติ สเงฺขปนยวิตฺถารนเยหิ ภาสติฯ อญฺญตโรติ ภควโต สาวเกสุ เอวํ ธมฺมํ เทเสตุํ สมโตฺถ สาวโกฯ ครุฎฺฐานิโยติ คารวสฺส ฐานภูเตหิ สีลสุตจาคาทิคุณวิเสเสหิ ยุโตฺต มานิโต สทฺทหิตพฺพวจโนฯ สพฺรหฺมจารีติ สมํ, สห วา พฺรหฺมํ สตฺถุสาสนํ จรติ ปฎิปชฺชตีติ สพฺรหฺมจารีฯ สทฺธํ ลภติ ‘‘โย สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, โส สตฺถา สมฺมาสมฺพุโทฺธ โหตี’’ติ สตฺถริ, ‘‘สฺวากฺขาโต วตายํ ธโมฺม สาโตฺถ สพฺยญฺชโน เอกนฺตปริปุโณฺณ เอกนฺตปริสุโทฺธ อตฺถาวโห หิตาวโห สุขาวโห ฌานมคฺคผลนิพฺพตฺตโก, อเมฺหหิ จ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ เทสิเต ธเมฺม จ อจลสทฺธํ ลภติ, สทฺทหนํ อตฺตโน สนฺตาเน ปุนปฺปุนํ อุปฺปาเทติฯ ตถา ‘‘โย สาวโก ธมฺมํ เทเสติ, โส สาวโก สเงฺขปโต วา วิตฺถารโต วา ธมฺมํ เทเสตุํ สมโตฺถ วต ครุฎฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี มานิโต สทฺทหิตพฺพวจโน’’ติ เทสเก สาวเก จ ‘‘ตาทิเสน สาวเกน เทสิโต โย ธโมฺม, โส ธโมฺม สาโตฺถ สพฺยญฺชโน เอกนฺตปริปุโณฺณ เอกนฺตปริสุโทฺธ อตฺถาวโห หิตาวโห สุขาวโห ฌานมคฺคผลนิพฺพตฺตโก, อเมฺหหิ จ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ สาวเกน เทสิตธเมฺม จ สทฺธํ สทฺทหนํ อตฺตโน สนฺตาเน ปุนปฺปุนํ อุปฺปาเทตีติ อโตฺถฯ
Tattha svāyaṃ hāroti desanāhārena paṭipadāvibhāgena veneyyapuggalavibhāgo dassito, so ayaṃ desanāhāro. Kattha sambhavatīti kattha saṃvaṇṇetabbe dhamme saṃvaṇṇanābhāvena sambhavatīti. Yassāti yo so veneyyo paccantajādīhi aṭṭhahi akkhaṇehi vimutto, savanadhāraṇādīhi ca sampattīhi samannāgato, tassa veneyyassa. Satthāti sadevakaṃ lokaṃ sāsati anusāsatīti satthā. Dhammanti desitaṃ saṃvaṇṇetabbaṃ dhammaṃ. Desayatīti saṅkhepanayavitthāranayehi bhāsati. Aññataroti bhagavato sāvakesu evaṃ dhammaṃ desetuṃ samattho sāvako. Garuṭṭhāniyoti gāravassa ṭhānabhūtehi sīlasutacāgādiguṇavisesehi yutto mānito saddahitabbavacano. Sabrahmacārīti samaṃ, saha vā brahmaṃ satthusāsanaṃ carati paṭipajjatīti sabrahmacārī. Saddhaṃ labhati ‘‘yo satthā dhammaṃ deseti, so satthā sammāsambuddho hotī’’ti satthari, ‘‘svākkhāto vatāyaṃ dhammo sāttho sabyañjano ekantaparipuṇṇo ekantaparisuddho atthāvaho hitāvaho sukhāvaho jhānamaggaphalanibbattako, amhehi ca saddahitabbo’’ti desite dhamme ca acalasaddhaṃ labhati, saddahanaṃ attano santāne punappunaṃ uppādeti. Tathā ‘‘yo sāvako dhammaṃ deseti, so sāvako saṅkhepato vā vitthārato vā dhammaṃ desetuṃ samattho vata garuṭṭhāniyo sabrahmacārī mānito saddahitabbavacano’’ti desake sāvake ca ‘‘tādisena sāvakena desito yo dhammo, so dhammo sāttho sabyañjano ekantaparipuṇṇo ekantaparisuddho atthāvaho hitāvaho sukhāvaho jhānamaggaphalanibbattako, amhehi ca saddahitabbo’’ti sāvakena desitadhamme ca saddhaṃ saddahanaṃ attano santāne punappunaṃ uppādetīti attho.
ตตฺถาติ ตสฺมิํ สทฺทหิตเพฺพ สตฺถารา เทสิตธเมฺม เจว สาวเกน เทสิตธเมฺม จ สทฺทหนฺตสฺส เวเนยฺยสฺส ยา วีมํสา, วีมํสนฺตสฺส ยา อุสฺสาหนา, อุสฺสหนฺตสฺส ยา ตุลนา, ตุลยนฺตสฺส ยา อุปปริกฺขา, สา อยํ วีมํสาทิกา ปญฺญา สทฺธานุสาเรน ปวตฺตนโต สุตมยี ปญฺญา นามฯ ตตฺถ วีมํสนํ วิมํสา, ปาฬิยา, ปาฬิอตฺถสฺส จ วีมํสาฯ วีมํสตีติ วา วีมํสา, ปทํ ปทนฺตเรน, ปทตฺถํ ปทตฺถนฺตเรน วิจารณกา ปญฺญาฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ อุสฺสาหนาทีสุปิ ภาวสาธนกตฺตุสาธนานิ กาตพฺพานิฯ อุสฺสาหนา จ อุสฺสาเหน อุปตฺถมฺภิกา ธมฺมสฺส ธารณปริจยสาธิกา ปญฺญา จ, น วีริยํ, เอตฺถ จ ยา สุตมเตฺตเยว ปวตฺตา, วีมํสาทิภาวํ อปฺปตฺตา นิวตฺตา, สา สุตมยี ปญฺญา น โหติฯ ยา จ สุตฺวา วีมํสิตฺวา อุสฺสาหนาทิภาวํ อปฺปตฺตา นิวตฺตา, ยา จ สุตฺวา วีมํสิตฺวา อุสฺสหิตฺวา ตุลนาทิภาวํ อปฺปตฺตา นิวตฺตา, ยา จ สุตฺวา วีมํสิตฺวา อุสฺสหิตฺวา ตุลยิตฺวา อุปปริกฺขนภาวํ อปฺปตฺตา นิวตฺตา, สาปิ ปญฺญา น สุตมยี ปญฺญา โหตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ ยา ปน สุตฺวา สทฺทหนฺตสฺส วีมํสา, วีมํสนฺตสฺส อุสฺสาหนา, อุสฺสหนฺตสฺส ตุลนา, ตุลยนฺตสฺส อุปปริกฺขา โหติ, อยํ สุตมยี ปญฺญา นาม โหตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Tatthāti tasmiṃ saddahitabbe satthārā desitadhamme ceva sāvakena desitadhamme ca saddahantassa veneyyassa yā vīmaṃsā, vīmaṃsantassa yā ussāhanā, ussahantassa yā tulanā, tulayantassa yā upaparikkhā, sā ayaṃ vīmaṃsādikā paññā saddhānusārena pavattanato sutamayī paññā nāma. Tattha vīmaṃsanaṃ vimaṃsā, pāḷiyā, pāḷiatthassa ca vīmaṃsā. Vīmaṃsatīti vā vīmaṃsā, padaṃ padantarena, padatthaṃ padatthantarena vicāraṇakā paññā. Yathā cettha, evaṃ ussāhanādīsupi bhāvasādhanakattusādhanāni kātabbāni. Ussāhanā ca ussāhena upatthambhikā dhammassa dhāraṇaparicayasādhikā paññā ca, na vīriyaṃ, ettha ca yā sutamatteyeva pavattā, vīmaṃsādibhāvaṃ appattā nivattā, sā sutamayī paññā na hoti. Yā ca sutvā vīmaṃsitvā ussāhanādibhāvaṃ appattā nivattā, yā ca sutvā vīmaṃsitvā ussahitvā tulanādibhāvaṃ appattā nivattā, yā ca sutvā vīmaṃsitvā ussahitvā tulayitvā upaparikkhanabhāvaṃ appattā nivattā, sāpi paññā na sutamayī paññā hotīti daṭṭhabbā. Yā pana sutvā saddahantassa vīmaṃsā, vīmaṃsantassa ussāhanā, ussahantassa tulanā, tulayantassa upaparikkhā hoti, ayaṃ sutamayī paññā nāma hotīti daṭṭhabbā.
สุตมยี ปญฺญา อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตมา จินฺตามยี ปญฺญา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต สุตมยิยา ปญฺญาย วิภชนานนฺตรํ จินฺตามยิํ ปญฺญํ วิภชิตุํ ‘‘ตถา สุเตน นิสฺสเยนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุตนฺติ สุยฺยเต ปริยตฺติธโมฺมติ สุโต, สวนํ ปริยตฺติธมฺมสฺสาติ วา สุตํ, ทุวิธมฺปิ สุตํฯ นิสฺสเยน อุปนิสฺสายาติ อโตฺถฯ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ ‘‘สุเตน นิสฺสเยนา’’ติ กรณวจนํฯ เอตฺถ ปน ‘‘อิทํ ปาณาติปาตาทิวิรมนํ สีลนเฎฺฐน สีลํ, อยํ เอกคฺคตา สมาทหนเฎฺฐน สมาธิ , อิมานิ ภูตุปาทานิ รุปฺปนเฎฺฐน รูปานิ, อิเม ผสฺสาทโย นมนเฎฺฐน นามานิ, อิเม รูปาทโย ปญฺจ ธมฺมา ราสเฎฺฐน ขนฺธา’’ติ เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ปีฬนาทิสภาวสฺส วีมํสนาภูตา ปญฺญา วีมํสา นามฯ เตสํเยว สีลสมาธิอาทีนํ สีลติ ปติฎฺฐหติ เอตฺถาติ สีลนฺติอาทิวจนตฺถํ ปุจฺฉิตฺวา สภาคลกฺขณรสปจฺจุปฎฺฐานปทฎฺฐานานํ ตุเลตฺวา วิย คหณปญฺญา ตุลนํ นามฯ เตสํเยว สีลสมาธิอาทีนํ ธมฺมานํ สภาวลกฺขณํ อวิชหิตฺวา อนิจฺจตาทุกฺขตาทินมนรุปฺปนาทิสปฺปจฺจยสงฺขตาทิอากาเร วิตเกฺกตฺวา อุปปริกฺขณปญฺญา เอว อุปปริกฺขา นามาติ วิเสสโต ทฎฺฐโพฺพฯ สุตธมฺมสฺส ธารณปริจยวเสน ปวตฺตนโต สุตมยี ปญฺญา อุสฺสาหนา ชาตา วิย น จินฺตามยี ปญฺญา จินฺติตสฺส ธารณปริจยวเสน อปฺปวตฺตนโตติ ‘‘อุสฺสาหนา’’ติ น วุตฺตํฯ
Sutamayī paññā ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘katamā cintāmayī paññā’’ti vattabbabhāvato sutamayiyā paññāya vibhajanānantaraṃ cintāmayiṃ paññaṃ vibhajituṃ ‘‘tathā sutena nissayenā’’tiādimāha. Tattha sutanti suyyate pariyattidhammoti suto, savanaṃ pariyattidhammassāti vā sutaṃ, duvidhampi sutaṃ. Nissayena upanissāyāti attho. Itthambhūtalakkhaṇe cetaṃ ‘‘sutena nissayenā’’ti karaṇavacanaṃ. Ettha pana ‘‘idaṃ pāṇātipātādiviramanaṃ sīlanaṭṭhena sīlaṃ, ayaṃ ekaggatā samādahanaṭṭhena samādhi , imāni bhūtupādāni ruppanaṭṭhena rūpāni, ime phassādayo namanaṭṭhena nāmāni, ime rūpādayo pañca dhammā rāsaṭṭhena khandhā’’ti tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ pīḷanādisabhāvassa vīmaṃsanābhūtā paññā vīmaṃsā nāma. Tesaṃyeva sīlasamādhiādīnaṃ sīlati patiṭṭhahati etthāti sīlantiādivacanatthaṃ pucchitvā sabhāgalakkhaṇarasapaccupaṭṭhānapadaṭṭhānānaṃ tuletvā viya gahaṇapaññā tulanaṃ nāma. Tesaṃyeva sīlasamādhiādīnaṃ dhammānaṃ sabhāvalakkhaṇaṃ avijahitvā aniccatādukkhatādinamanaruppanādisappaccayasaṅkhatādiākāre vitakketvā upaparikkhaṇapaññā eva upaparikkhā nāmāti visesato daṭṭhabbo. Sutadhammassa dhāraṇaparicayavasena pavattanato sutamayī paññā ussāhanā jātā viya na cintāmayī paññā cintitassa dhāraṇaparicayavasena appavattanatoti ‘‘ussāhanā’’ti na vuttaṃ.
สุตมยี ปญฺญา เจว จินฺตามยี ปญฺญา จ อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตมา ภาวนามยี ปญฺญา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต การณภูตานํ ทฺวินฺนํ สุตมยิจินฺตามยิปญฺญานํ ทสฺสนานนฺตรํ ผลภูตํ ภาวนามยิํ ปญฺญํ วิภชโนฺต ‘‘อิมาหิ ทฺวีหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิมาหิ ทฺวีหิ ปญฺญาหีติ สุตมยิจินฺตามยิปญฺญาหิ การณภูตาหิฯ สุตมยิปญฺญาย วา จินฺตามยิปญฺญาย วา อุภยตฺถ วา ฐิโตเยว โยคาวจโร วิปสฺสนํ อารภตีติฯ มนสิการสมฺปยุตฺตสฺสาติ รูปารูเปสุ ปริคฺคหาทิวเสน สงฺขาเรสุ อนิจฺจตาทิวเสน มนสิกาเรน สมฺมา ปกาเรหิ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺสฯ ทิฎฺฐิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิมคฺคามคฺคญาณทสฺสนวิสุทฺธิ- ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธิสมฺปาทเนน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกนฺตสฺส โยคาวจรสฺส สนฺตาเน ญาณทสฺสนวิสุทฺธิสงฺขาตํ ยํ อริยมคฺคญาณํ นิพฺพานารมฺมณทสฺสนภูมิยํ วา ภาวนาภูมิยํ วา อุปฺปชฺชติ, อยํ ภาวนามยี ปญฺญาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยทิปิ ปฐมมคฺคญาณํ ปฐมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุตฺตํ, ภาวนาวเสน ปน ปวตฺตนโต ‘‘ภาวนามยี ปญฺญา’’ติ เวทิตพฺพํฯ ทสฺสนภูมีติ ปฐมมคฺคผลานิ, เสสานิ ‘‘ภาวนาภูมี’’ติ วุจฺจนฺติฯ
Sutamayī paññā ceva cintāmayī paññā ca ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘katamā bhāvanāmayī paññā’’ti vattabbabhāvato kāraṇabhūtānaṃ dvinnaṃ sutamayicintāmayipaññānaṃ dassanānantaraṃ phalabhūtaṃ bhāvanāmayiṃ paññaṃ vibhajanto ‘‘imāhi dvīhī’’tiādimāha. Tattha imāhi dvīhi paññāhīti sutamayicintāmayipaññāhi kāraṇabhūtāhi. Sutamayipaññāya vā cintāmayipaññāya vā ubhayattha vā ṭhitoyeva yogāvacaro vipassanaṃ ārabhatīti. Manasikārasampayuttassāti rūpārūpesu pariggahādivasena saṅkhāresu aniccatādivasena manasikārena sammā pakārehi yuttappayuttassa. Diṭṭhivisuddhikaṅkhāvitaraṇavisuddhimaggāmaggañāṇadassanavisuddhi- paṭipadāñāṇadassanavisuddhisampādanena vipassanaṃ ussukkantassa yogāvacarassa santāne ñāṇadassanavisuddhisaṅkhātaṃ yaṃ ariyamaggañāṇaṃ nibbānārammaṇadassanabhūmiyaṃ vā bhāvanābhūmiyaṃ vā uppajjati, ayaṃ bhāvanāmayī paññāti attho daṭṭhabbo. Yadipi paṭhamamaggañāṇaṃ paṭhamaṃ nibbānadassanato ‘‘dassana’’nti vuttaṃ, bhāvanāvasena pana pavattanato ‘‘bhāvanāmayī paññā’’ti veditabbaṃ. Dassanabhūmīti paṭhamamaggaphalāni, sesāni ‘‘bhāvanābhūmī’’ti vuccanti.
๘. อมฺหากาจริย ตุเมฺหหิ ‘‘ยสฺส สตฺถา วา’’ติอาทินา สุตมยิปญฺญาทิกา วิภตฺตา, เอวํ สติ สุเตน วินา จินฺตามยี ปญฺญา นาม น ภเวยฺย, มหาโพธิสตฺตานํ ปน สุเตน วินา จินฺตามยี ปญฺญา โหเตฺววาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ตสฺมิํ สงฺคเหตฺวา ปการนฺตเรน วิภชิตุํ ‘‘ปรโตโฆสา’’ติอาทิมาหฯ
8. Amhākācariya tumhehi ‘‘yassa satthā vā’’tiādinā sutamayipaññādikā vibhattā, evaṃ sati sutena vinā cintāmayī paññā nāma na bhaveyya, mahābodhisattānaṃ pana sutena vinā cintāmayī paññā hotvevāti codanaṃ manasi katvā tasmiṃ saṅgahetvā pakārantarena vibhajituṃ ‘‘paratoghosā’’tiādimāha.
ตตฺถ ปรโตโฆสาติ ปรโต ปวโตฺต เทสนาโฆโส ปจฺจโย เอติสฺสาติ ปรโตโฆสาฯ ปจฺจตฺตสมุฎฺฐิตาติ ปติ วิสุํ อตฺตนิเยว สมุฎฺฐิตาฯ โยนิโสมนสิการาติ เตสํ เตสํ จิเนฺตตพฺพานํ รูปาทีนํ ธมฺมานํ รุปฺปนนมนาทิสภาวปริคฺคณฺหนาทินา อุปาเยน ปวตฺตมนสิการา จินฺตามยี ปญฺญา นาม, อิมินา สาวกาปิ สามญฺญโต คหิตา, ตถาปิ อุคฺฆฎิตญฺญุอาทีนํเยว วุตฺตตฺตา สาวกา อิธ คหิตา, ตสฺมา ปุริมนโย ยุตฺตตโรฯ ปรโตติ ธมฺมเทสกโต ปวเตฺตน ธมฺมเทสนาโฆเสน เหตุนา ยํ ญาณํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺจตฺตสมุฎฺฐิเตน, โยนิโสมนสิกาเรน จ เหตุนา ยํ ญาณํ อุปฺปชฺชติ, อยํ ภาวนาวเสน ปวตฺตนโต ภาวนามยี ปญฺญา นาม, อิมินา สาวกาปิ สามญฺญโต คหิตา, ตถาปิ อุคฺฆฎิตญฺญุอาทีนํเยว วุตฺตตฺตา สาวกา อิธ คหิตา, ตสฺมา ปุริมนโย ยุตฺตตโรฯ ปรโตติ ธมฺมเทสกโต ปวเตฺตน ธมฺมเทสนาโฆเสน เหตุนา ยํ ญาณํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺจตฺตสมุฎฺฐิเตน, โยนิโสมนสิกาเรน จ เหตุนา ยํ ญาณํ อุปฺปชฺชติ, อยํ ภาวนาวเสน ปวตฺตนโต ภาวนามยี ปญฺญา นามาติ วิภชิตฺวา ปณฺฑิเตหิ เญยฺยาติ วิตฺถาเรน คมฺภีรตฺถํ ญาตุํ อิจฺฉเนฺตหิ ‘‘เอวํ ปฎิปทาวิภาเคนา’’ติอาทินา (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๙) อฎฺฐกถาวจเนน ชานิตโพฺพฯ
Tattha paratoghosāti parato pavatto desanāghoso paccayo etissāti paratoghosā. Paccattasamuṭṭhitāti pati visuṃ attaniyeva samuṭṭhitā. Yonisomanasikārāti tesaṃ tesaṃ cintetabbānaṃ rūpādīnaṃ dhammānaṃ ruppananamanādisabhāvapariggaṇhanādinā upāyena pavattamanasikārā cintāmayī paññā nāma, iminā sāvakāpi sāmaññato gahitā, tathāpi ugghaṭitaññuādīnaṃyeva vuttattā sāvakā idha gahitā, tasmā purimanayo yuttataro. Paratoti dhammadesakato pavattena dhammadesanāghosena hetunā yaṃ ñāṇaṃ uppajjati, paccattasamuṭṭhitena, yonisomanasikārena ca hetunā yaṃ ñāṇaṃ uppajjati, ayaṃ bhāvanāvasena pavattanato bhāvanāmayī paññā nāma, iminā sāvakāpi sāmaññato gahitā, tathāpi ugghaṭitaññuādīnaṃyeva vuttattā sāvakā idha gahitā, tasmā purimanayo yuttataro. Paratoti dhammadesakato pavattena dhammadesanāghosena hetunā yaṃ ñāṇaṃ uppajjati, paccattasamuṭṭhitena, yonisomanasikārena ca hetunā yaṃ ñāṇaṃ uppajjati, ayaṃ bhāvanāvasena pavattanato bhāvanāmayī paññā nāmāti vibhajitvā paṇḍitehi ñeyyāti vitthārena gambhīratthaṃ ñātuṃ icchantehi ‘‘evaṃ paṭipadāvibhāgenā’’tiādinā (netti. aṭṭha. 9) aṭṭhakathāvacanena jānitabbo.
สุตมยิปญฺญาทิกา ติโสฺส ปญฺญา อาจริเยน นานานเยหิ วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘ตาสุ ยสฺส เอกา วา เทฺว วา ปญฺญา อตฺถิ, โส ปุคฺคโล โกนาโม, ยสฺส เอกาปิ นตฺถิ, โส ปุคฺคโล โกนาโม’’ติ ปุจฺฉิตพฺพภาวโต ยสฺส อยํ ปญฺญา, อิมา วา อตฺถิ, โส ปุคฺคโล อิตฺถนฺนาโม, ยสฺส นตฺถิ, โส ปุคฺคโล อิตฺถนฺนาโมติ ปฎิปทาปญฺญาปฺปเภเทน ปุคฺคลํ วิภชิตุํ ‘‘ยสฺส อิมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Sutamayipaññādikā tisso paññā ācariyena nānānayehi vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘tāsu yassa ekā vā dve vā paññā atthi, so puggalo konāmo, yassa ekāpi natthi, so puggalo konāmo’’ti pucchitabbabhāvato yassa ayaṃ paññā, imā vā atthi, so puggalo itthannāmo, yassa natthi, so puggalo itthannāmoti paṭipadāpaññāppabhedena puggalaṃ vibhajituṃ ‘‘yassa imā’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถ ยสฺส อติติกฺขปญฺญสฺส สุตมยี ปญฺญา เจว จินฺตามยี ปญฺญา จ อิมา เทฺว ปญฺญา อตฺถิ, อยํ อติติกฺขปโญฺญ อุเทฺทสมเตฺตเนว ชานนโต อุคฺฆฎิตญฺญู นามฯ ยสฺส นาติติกฺขปญฺญสฺส อุเทฺทสนิเทฺทเสหิ สุตมยี ปญฺญา อตฺถิ, จินฺตามยี ปญฺญา นตฺถิ, อยํ นาติติกฺขปโญฺญ อุเทฺทสนิเทฺทเสหิ ชานนโต วิปญฺจิตญฺญู นามฯ ยสฺส มนฺทปญฺญสฺส อุเทฺทสนิเทฺทเสหิ เนว สุตมยี ปญฺญา อตฺถิ, น จินฺตามยี ปญฺญา จ, อยํ มนฺทปโญฺญ อุเทฺทสนิเทฺทสปฎินิเทฺทเสหิ ชานนโต นิรวเสสวิตฺถารเทสนาย เนตพฺพโต เนโยฺย นามาติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อิทานิ ยทตฺถํ อิมา ปญฺญา อุทฺธฎา, ตเมว เวเนยฺยปุคฺคลวิภาคํ โยเชตฺวา ทเสฺสตุํ ‘ยสฺสา’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติอาทิ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๘) วุตฺตํฯ
Tattha yassa atitikkhapaññassa sutamayī paññā ceva cintāmayī paññā ca imā dve paññā atthi, ayaṃ atitikkhapañño uddesamatteneva jānanato ugghaṭitaññū nāma. Yassa nātitikkhapaññassa uddesaniddesehi sutamayī paññā atthi, cintāmayī paññā natthi, ayaṃ nātitikkhapañño uddesaniddesehi jānanato vipañcitaññū nāma. Yassa mandapaññassa uddesaniddesehi neva sutamayī paññā atthi, na cintāmayī paññā ca, ayaṃ mandapañño uddesaniddesapaṭiniddesehi jānanato niravasesavitthāradesanāya netabbato neyyo nāmāti. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘idāni yadatthaṃ imā paññā uddhaṭā, tameva veneyyapuggalavibhāgaṃ yojetvā dassetuṃ ‘yassā’tiādi vutta’’ntiādi (netti. aṭṭha. 8) vuttaṃ.
๙. ‘‘ตตฺถ ภควา อุคฺฆฎิตญฺญุสฺสา’’ติอาทินา เทสนํ วิภาเวติ, ‘‘ตตฺถ จตโสฺส ปฎิปทา’’ติอาทินา ปฎิปทาวิภาเคหิ, ‘‘สฺวายํ หาโร’’ติอาทินา ญาณวิภาเคหิ จ เทสนาภาชนํ เวเนยฺยตฺตยํ อาจริเยน วิภตฺตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘ยาย เทสนาปาฬิยา เทสนาหารํ โยเชตุํ ปุเพฺพ ‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’ติอาทินา เทสนาหารสฺส วิสยภาเวน ยา ปาฬิเทสนา นิกฺขิตฺตา, สา ปาฬิเทสนา เทสนาหาเรน นิทฺธาริเตสุ อสฺสาทาทีสุ อเตฺถสุ กิมตฺถํ เทสยตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิมํ อตฺถํ เทสยตี’’ติ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สายํ ธมฺมเทสนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ
9. ‘‘Tattha bhagavā ugghaṭitaññussā’’tiādinā desanaṃ vibhāveti, ‘‘tattha catasso paṭipadā’’tiādinā paṭipadāvibhāgehi, ‘‘svāyaṃ hāro’’tiādinā ñāṇavibhāgehi ca desanābhājanaṃ veneyyattayaṃ ācariyena vibhattaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘yāya desanāpāḷiyā desanāhāraṃ yojetuṃ pubbe ‘dhammaṃ vo, bhikkhave, desessāmī’tiādinā desanāhārassa visayabhāvena yā pāḷidesanā nikkhittā, sā pāḷidesanā desanāhārena niddhāritesu assādādīsu atthesu kimatthaṃ desayatī’’ti pucchitabbattā ‘‘imaṃ atthaṃ desayatī’’ti niyametvā dassetuṃ ‘‘sāyaṃ dhammadesanā’’tiādi āraddhaṃ.
ตตฺถ สายํ ธมฺมเทสนาติ ยา ธมฺมเทสนา อาทิกลฺยาณาทิกา ปุเพฺพ เทสนาหารสฺส วิสยภาเวน นิกฺขิตฺตา, สายํ ธมฺมเทสนา อสฺสาทาทีสุ กิมตฺถํ เทสยตีติ กเถตุกามตาย ปุจฺฉติ, ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จตฺตาริ สจฺจานิ เทสยตี’’ติ วิสฺสเชฺชติ, ตานิ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺค’’นฺติ วุตฺตํฯ ปวตฺติปวตฺตกนิวตฺตินิวตฺตนุปายภาเวน อวิปรีตภาวโต ‘‘สจฺจานี’’ติ วุตฺตานิฯ
Tattha sāyaṃ dhammadesanāti yā dhammadesanā ādikalyāṇādikā pubbe desanāhārassa visayabhāvena nikkhittā, sāyaṃ dhammadesanā assādādīsu kimatthaṃ desayatīti kathetukāmatāya pucchati, pucchitvā ‘‘cattāri saccāni desayatī’’ti vissajjeti, tāni sarūpato dassetuṃ ‘‘dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ magga’’nti vuttaṃ. Pavattipavattakanivattinivattanupāyabhāvena aviparītabhāvato ‘‘saccānī’’ti vuttāni.
ยสฺสํ เทสนายํ สจฺจานิ เทสนาหาเรน นิทฺธาริตานิ, สา เทสนา จตฺตาริ สจฺจานิ เทสยตีติ ยุตฺตํ โหตุฯ ยสฺสํ เทสนายํ อสฺสาทาทโย นิทฺธาริตา, สา เทสนา จตฺตาริ สจฺจานิ เทสยตีติ น สกฺกา วตฺตุํฯ เหฎฺฐา จ อสฺสาทาทโย นิทฺธาริตา, ตสฺมา ‘‘อสฺสาทาทโย’’ติปิ วตฺตพฺพนฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘อาทีนโว ผลญฺจ ทุกฺข’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เทสนาหาเรน สํวณฺณนานเยน เทสนายํ นิทฺธาริโต อาทีนโว เจว ผลญฺจ ทุกฺขสจฺจํ โหติ, อสฺสาโท สมุทยสจฺจํ, นิสฺสรณํ นิโรธสจฺจํ, อุปาโย เจว อาณตฺติ จ มคฺคสจฺจํ โหติ, ตสฺมา ‘‘จตฺตาริ สจฺจานิ เทสยตี’’ติ วตฺตพฺพเมวาติฯ
Yassaṃ desanāyaṃ saccāni desanāhārena niddhāritāni, sā desanā cattāri saccāni desayatīti yuttaṃ hotu. Yassaṃ desanāyaṃ assādādayo niddhāritā, sā desanā cattāri saccāni desayatīti na sakkā vattuṃ. Heṭṭhā ca assādādayo niddhāritā, tasmā ‘‘assādādayo’’tipi vattabbanti codanaṃ manasi katvā ‘‘ādīnavo phalañca dukkha’’ntiādi vuttaṃ. Desanāhārena saṃvaṇṇanānayena desanāyaṃ niddhārito ādīnavo ceva phalañca dukkhasaccaṃ hoti, assādo samudayasaccaṃ, nissaraṇaṃ nirodhasaccaṃ, upāyo ceva āṇatti ca maggasaccaṃ hoti, tasmā ‘‘cattāri saccāni desayatī’’ti vattabbamevāti.
ตณฺหาวชฺชา เตภูมกธมฺมา ทุกฺขํ, เต จ อนิจฺจาทีหิ ปีฬิตตฺตา อาทีนวาเยวฯ ผลนฺติ เทสนาย ผลํ โลกิยํ, น โลกุตฺตรํ, ตสฺมา ทุกฺขนฺติ วตฺตพฺพเมวฯ อสฺสาโทติ ตณฺหาสฺสาทสฺส คหิตตฺตา ‘‘อสฺสาโท สมุทโย’’ติ จ วตฺตพฺพํฯ อสฺสาเทกเทโส ทุกฺขเมว, อสฺสาเทกเทโส ทุกฺขเญฺจว สมุทโย จฯ สห วิปสฺสนาย อริยมโคฺค จ ภควโต อาณตฺติ จ เทสนาย ผลาธิคมสฺส อุปายภาวโต ‘‘อุปาโย, อาณตฺติ จ มโคฺค’’ติ วุตฺตํ, นิสฺสรเณกเทโสปิ มโคฺคติ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ ยา เทสนา วิเสสโต เทสยติ, กตมา สา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา วิเสสํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ อิทํ ธมฺมจกฺก’’นฺติ วุตฺตํฯ อิทํ วุจฺจมานํ ธมฺมจกฺกํ อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ วิเสสโต เทสยตีติ โยชนา กาตพฺพาฯ
Taṇhāvajjā tebhūmakadhammā dukkhaṃ, te ca aniccādīhi pīḷitattā ādīnavāyeva. Phalanti desanāya phalaṃ lokiyaṃ, na lokuttaraṃ, tasmā dukkhanti vattabbameva. Assādoti taṇhāssādassa gahitattā ‘‘assādo samudayo’’ti ca vattabbaṃ. Assādekadeso dukkhameva, assādekadeso dukkhañceva samudayo ca. Saha vipassanāya ariyamaggo ca bhagavato āṇatti ca desanāya phalādhigamassa upāyabhāvato ‘‘upāyo, āṇatti ca maggo’’ti vuttaṃ, nissaraṇekadesopi maggoti daṭṭhabbo. ‘‘Imāni cattāri saccāni yā desanā visesato desayati, katamā sā’’ti pucchitabbattā visesaṃ niyametvā dassetuṃ ‘‘imāni cattāri saccāni idaṃ dhammacakka’’nti vuttaṃ. Idaṃ vuccamānaṃ dhammacakkaṃ imāni cattāri saccāni visesato desayatīti yojanā kātabbā.
‘‘ยา เทสนา อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ วิเสสโต เทสยติ, ตสฺสา เทสนาย ธมฺมจกฺกภาวํ กิํ ภควา อาหา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘ยถาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๔) ตณฺหาวชฺชํ ชาติอาทิกํ เตภูมกธมฺมชาตํ ทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาเวน, ทุกฺขทุกฺขาทิภาเวน จ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ วุตฺตํฯ เมติ มยา ปวตฺติตนฺติ โยชนาฯ ภิกฺขเวติ สวเน อุสฺสาหํ ชเนตุํ อาลปติฯ พาราณสิยนฺติ พาราณสีนครสฺส อวิทูเรฯ อิสิปตเนติ สีลกฺขนฺธาทีนํ อิสนโต คเวสนโต ‘‘อิสี’’ติ โวหริตานํ ปเจฺจกพุทฺธานํ ปตนฎฺฐาเนฯ มิคทาเยติ มิคานํ อภยทานฎฺฐาเน การิเต อสฺสเมวฯ
‘‘Yā desanā imāni cattāri saccāni visesato desayati, tassā desanāya dhammacakkabhāvaṃ kiṃ bhagavā āhā’’ti vattabbabhāvato ‘‘yathāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘jātipi dukkhā’’tiādivacanato (mahāva. 14) taṇhāvajjaṃ jātiādikaṃ tebhūmakadhammajātaṃ dukkhassa adhiṭṭhānabhāvena, dukkhadukkhādibhāvena ca ‘‘dukkha’’nti vuttaṃ. Meti mayā pavattitanti yojanā. Bhikkhaveti savane ussāhaṃ janetuṃ ālapati. Bārāṇasiyanti bārāṇasīnagarassa avidūre. Isipataneti sīlakkhandhādīnaṃ isanato gavesanato ‘‘isī’’ti voharitānaṃ paccekabuddhānaṃ patanaṭṭhāne. Migadāyeti migānaṃ abhayadānaṭṭhāne kārite assameva.
อนุตฺตรนฺติ อุตฺตริตราภาเวน อนุตฺตรํ อนติสยํฯ ธมฺมจกฺกนฺติ สติปฎฺฐานาทิเก สภาวธารณาทินา อเตฺถน ธโมฺม เจว ปวตฺตนเฎฺฐน จกฺกญฺจาติ ธมฺมจกฺกํฯ อปฺปฎิวตฺติยนฺติ อปฺปฎิเสธนียํฯ กสฺมา? ชนกสฺส ภควโต ธมฺมิสฺสรตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา, ชญฺญสฺส จ อนุตฺตรตฺตา โกณฺฑญฺญาทีนเญฺจว อฎฺฐารสพฺรหฺมโกฎิยา จ จตุสจฺจปฎิเวธสาธนโต จฯ ‘‘เกน อปฺปฎิวตฺติย’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘สมเณน วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมเณนาติ ปพฺพชฺชมตฺตูปคเตน ฯ พฺราหฺมเณนาติ ชาติพฺราหฺมเณนฯ ปรมตฺถานญฺหิ สมณพฺราหฺมณานํ ปฎิเสธเน จิตฺตุปฺปาทานุปฺปชฺชนมฺปิ นตฺถิฯ เทเวนาติ ฉกามาวจรเทเวนฯ พฺรหฺมุนาติ รูปพฺรหฺมา คหิตาฯ ‘‘สมเณน วา …เป.… พฺรหฺมุนา’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา‘‘เกนจี’’ติ วุตฺตวจเนน อวเสสขตฺติยคหปติปริสชนา สงฺคหิตาฯ ตสฺมา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติสมณจาตุมหาราชิกตาวติํสมารพฺรหฺมปริสา อฎฺฐวิธาปิ ปฎิเสเธตุํ อสมตฺถาเยวาติ เวทิตพฺพาฯ โลกสฺมินฺติ สตฺตสมูเห ธมฺมจกฺกาธาเรฯ
Anuttaranti uttaritarābhāvena anuttaraṃ anatisayaṃ. Dhammacakkanti satipaṭṭhānādike sabhāvadhāraṇādinā atthena dhammo ceva pavattanaṭṭhena cakkañcāti dhammacakkaṃ. Appaṭivattiyanti appaṭisedhanīyaṃ. Kasmā? Janakassa bhagavato dhammissarattā sammāsambuddhattā, jaññassa ca anuttarattā koṇḍaññādīnañceva aṭṭhārasabrahmakoṭiyā ca catusaccapaṭivedhasādhanato ca. ‘‘Kena appaṭivattiya’’nti pucchitabbattā ‘‘samaṇena vā’’tiādimāha. Tattha samaṇenāti pabbajjamattūpagatena . Brāhmaṇenāti jātibrāhmaṇena. Paramatthānañhi samaṇabrāhmaṇānaṃ paṭisedhane cittuppādānuppajjanampi natthi. Devenāti chakāmāvacaradevena. Brahmunāti rūpabrahmā gahitā. ‘‘Samaṇena vā …pe… brahmunā’’ti ettakameva avatvā‘‘kenacī’’ti vuttavacanena avasesakhattiyagahapatiparisajanā saṅgahitā. Tasmā khattiyabrāhmaṇagahapatisamaṇacātumahārājikatāvatiṃsamārabrahmaparisā aṭṭhavidhāpi paṭisedhetuṃ asamatthāyevāti veditabbā. Lokasminti sattasamūhe dhammacakkādhāre.
‘‘ทฺวาทส ปทานิ สุตฺต’’นฺติ คาถานุรูปํ ธมฺมจกฺกสุเตฺต ปทานิ วิภชโนฺต ‘‘ตตฺถ อปริมาณา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ธมฺมจกฺกเทสนายํ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓ อาทโย; ปฎิ. ม. ๒.๓๐)ฯ ‘‘อปริมาณา อกฺขรา อปริมาณา ปทา’’ติ อวตฺวา ‘‘อปริมาณา ปทา อปริมาณา อกฺขรา’’ติ อุปฺปฎิปาฎิวจเนหิ เยภุเยฺยน ปทสงฺคหิตานีติ ทเสฺสติฯ ปทา, อกฺขรา, พฺยญฺชนาติ จ ลิงฺควิปลฺลาสานีติ ทฎฺฐพฺพานิฯ เอตเสฺสว อตฺถสฺสาติ วตฺตพฺพาการสฺส จตุสจฺจสงฺขาตสฺส อตฺถเสฺสว สงฺกาสนา ปกาสนา ปกาสนากาโร ปญฺญตฺตากาโรติ อาการวนฺตอาการสมฺพเนฺธ สามิวจนํฯ สงฺกาสนากาโรติ จ สงฺกาสนียสฺส อตฺถสฺส อากาโรฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อิติปีติ อิติ อิมินา ปกาเรนปิ, อิมินา ปกาเรนปิ อิทํ ชาติอาทิกํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ เวทิตพฺพํฯ
‘‘Dvādasa padāni sutta’’nti gāthānurūpaṃ dhammacakkasutte padāni vibhajanto ‘‘tattha aparimāṇā’’tiādimāha. Tattha tatthāti dhammacakkadesanāyaṃ (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 13 ādayo; paṭi. ma. 2.30). ‘‘Aparimāṇā akkharā aparimāṇā padā’’ti avatvā ‘‘aparimāṇā padā aparimāṇā akkharā’’ti uppaṭipāṭivacanehi yebhuyyena padasaṅgahitānīti dasseti. Padā, akkharā, byañjanāti ca liṅgavipallāsānīti daṭṭhabbāni. Etasseva atthassāti vattabbākārassa catusaccasaṅkhātassa atthasseva saṅkāsanā pakāsanā pakāsanākāro paññattākāroti ākāravantaākārasambandhe sāmivacanaṃ. Saṅkāsanākāroti ca saṅkāsanīyassa atthassa ākāro. Esa nayo sesesupi. Itipīti iti iminā pakārenapi, iminā pakārenapi idaṃ jātiādikaṃ dukkhaṃ ariyasaccanti veditabbaṃ.
อยนฺติ กามตณฺหาทิเภทา อยํ ตณฺหาฯ ทุกฺขสมุทโยติ ทุกฺขนิพฺพตฺตนสฺส เหตุภาวโต ทุกฺขสมุทโยฯ อยนฺติ สพฺพสงฺขตโต นิสฺสฎา อยํ อสงฺขตา ธาตุฯ ทุกฺขนิโรโธติ ชาติอาทิปฺปเภทสฺส ทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนนิโรธปจฺจยตฺตา ทุกฺขนิโรโธฯ อยนฺติ สมฺมาทิฎฺฐาทิโก อฎฺฐงฺคิโก อริโย มโคฺคฯ ทุกฺขนิโรธภูตํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตตฺตา, ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา ปฎิปทาภาวโต จ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Ayanti kāmataṇhādibhedā ayaṃ taṇhā. Dukkhasamudayoti dukkhanibbattanassa hetubhāvato dukkhasamudayo. Ayanti sabbasaṅkhatato nissaṭā ayaṃ asaṅkhatā dhātu. Dukkhanirodhoti jātiādippabhedassa dukkhassa anuppādananirodhapaccayattā dukkhanirodho. Ayanti sammādiṭṭhādiko aṭṭhaṅgiko ariyo maggo. Dukkhanirodhabhūtaṃ nibbānaṃ ārammaṇakaraṇavasena gatattā, dukkhanirodhappattiyā paṭipadābhāvato ca dukkhanirodhagāminī paṭipadā. Sesaṃ vuttanayameva.
‘‘ตตฺถ อปริมาณา’’ติอาทินา พฺยญฺชนปทอตฺถปทานิ วิภชิตฺวา เตสํ อญฺญมญฺญํ วิสยิวิสยภาเวน สมฺพนฺธภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อถ วา ภควา กิํ สามเญฺญหิ อกฺขราทีหิ สงฺกาเสติ วา ปกาเสติ วา, อุทาหุ ยถารหํ สงฺกาเสติ ปกาเสตีติอาทิวิจารณาย สมฺภวโต วิสยวิสยิภาเวน สมฺพนฺธภาวํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘อกฺขเรหิ สงฺกาเสตี’’ติ กสฺมา เอวํ วุตฺตํ, นนุ ‘‘ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทีสุ ปเทเนว ทุกฺขสจฺจตฺถตฺตาทิโก สงฺกาสิตโพฺพติ? สจฺจํ, ปทาวยวสฺส ปน อกฺขรสฺส คหณมุเขเนว อกฺขรสมุทายสฺสปิ ปทสฺส คหณํ โหติ, ปเท คหิเต จ ทุกฺขสจฺจตฺถาทิกาวโพโธ โหเตฺวว, เอวํ สติ ปเทเนว สิชฺฌนโต อกฺขโร วิสุํ น คเหตโพฺพติ? น, ทุกฺขสจฺจตฺถาทิกาวโพธสฺส วิเสสุปฺปตฺติภาวโตฯ ทุ-อิติ อกฺขเรน หิ อเนกุปทฺทวาธิฎฺฐานภาเวน กุจฺฉิตโตฺถ คหิโต, ข-อิติ อกฺขเรน ธุวสุภสุขตฺตภาววิรเหน ตุจฺฉโตฺถติ เอวมาทิกาวโพธสฺส วิเสสุปฺปตฺติ ภวติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปทตฺถคหณสฺส วิเสสาธานํ ชายตี’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๙)ฯ ปทปริโยสาเน วากฺยปริโยสานาภาวโต อกฺขเรหิ สํขิเตฺตน ทีปิยมาโน อโตฺถ ปเทหิ ปกาสิโตวาติ วุตฺตํ ‘‘ปเทหิ ปกาเสตี’’ติฯ วากฺยปริโยสาเน ปน สงฺกาสิโต ปกาสิโต อโตฺถ วิวริโต วิวโฎ กโตวาติ วุตฺตํฯ ‘‘พฺยญฺชเนหิ วิวรตี’’ติฯ ปกาเรหิ จ วากฺยเภเท กเต โส อโตฺถ วิภโตฺต นามาติ วุตฺตํ ‘‘อากาเรหิ วิภชตี’’ติฯ วากฺยาวยวานํ ปทานํ ปเจฺจกํ นิพฺพจนวิภาเค กเต โส อโตฺถ ปากโฎ กโตวาติ วุตฺตํ ‘‘นิรุตฺตีหิ อุตฺตานีกโรตี’’ติฯ กตนิพฺพจเนหิ วากฺยาวยเวหิ วิตฺถารวเสน นิรวเสสโต เทสิเตหิ เวเนยฺยสตฺตานํ จิเตฺต ปริสมนฺตโต โตสนํ โหติ, ปญฺญาเตชนญฺจาติ อาห ‘‘นิเทฺทเสหิ ปญฺญเปตี’’ติฯ
‘‘Tattha aparimāṇā’’tiādinā byañjanapadaatthapadāni vibhajitvā tesaṃ aññamaññaṃ visayivisayabhāvena sambandhabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘tattha bhagavā akkharehi saṅkāsetī’’tiādi vuttaṃ. Atha vā bhagavā kiṃ sāmaññehi akkharādīhi saṅkāseti vā pakāseti vā, udāhu yathārahaṃ saṅkāseti pakāsetītiādivicāraṇāya sambhavato visayavisayibhāvena sambandhabhāvaṃ niyametvā dassetuṃ ‘‘tattha bhagavā akkharehi saṅkāsetī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘akkharehi saṅkāsetī’’ti kasmā evaṃ vuttaṃ, nanu ‘‘dukkhasacca’’ntiādīsu padeneva dukkhasaccatthattādiko saṅkāsitabboti? Saccaṃ, padāvayavassa pana akkharassa gahaṇamukheneva akkharasamudāyassapi padassa gahaṇaṃ hoti, pade gahite ca dukkhasaccatthādikāvabodho hotveva, evaṃ sati padeneva sijjhanato akkharo visuṃ na gahetabboti? Na, dukkhasaccatthādikāvabodhassa visesuppattibhāvato. Du-iti akkharena hi anekupaddavādhiṭṭhānabhāvena kucchitattho gahito, kha-iti akkharena dhuvasubhasukhattabhāvavirahena tucchatthoti evamādikāvabodhassa visesuppatti bhavati. Tena vuttaṃ ‘‘padatthagahaṇassa visesādhānaṃ jāyatī’’ti (netti. aṭṭha. 9). Padapariyosāne vākyapariyosānābhāvato akkharehi saṃkhittena dīpiyamāno attho padehi pakāsitovāti vuttaṃ ‘‘padehi pakāsetī’’ti. Vākyapariyosāne pana saṅkāsito pakāsito attho vivarito vivaṭo katovāti vuttaṃ. ‘‘Byañjanehi vivaratī’’ti. Pakārehi ca vākyabhede kate so attho vibhatto nāmāti vuttaṃ ‘‘ākārehi vibhajatī’’ti. Vākyāvayavānaṃ padānaṃ paccekaṃ nibbacanavibhāge kate so attho pākaṭo katovāti vuttaṃ ‘‘niruttīhi uttānīkarotī’’ti. Katanibbacanehi vākyāvayavehi vitthāravasena niravasesato desitehi veneyyasattānaṃ citte parisamantato tosanaṃ hoti, paññātejanañcāti āha ‘‘niddesehi paññapetī’’ti.
‘‘ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสตี’’ติอาทีสุ ‘‘ภควา เอวา’’ติ วา ‘‘อกฺขเรหิ เอวา’’ติ วา อวธารเณ โยชิเต ‘‘สาวโก น สงฺกาเสติ, ปทาทีหิ น สงฺกาเสตี’’ติ อโตฺถ ภเวยฺย, สาวโก จ สงฺกาเสติ, ปทาทีหิ จ สงฺกาเสติฯ กตฺถ อวธารณํ โยเชตพฺพนฺติ เจ? ‘‘ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสติเยวา’’ติ อวธารณํ โยเชตพฺพํฯ เอวญฺหิ สติ สาวเกน สงฺกาสิโต วา ปทาทีหิ สงฺกาสิโต วา อโตฺถ สงฺคหิโต โหติฯ อตฺถปทานญฺจ อกฺขราทินานาวิสยตา สิทฺธา โหติฯ เตน เอกานุสนฺธิเก สุเตฺต ฉเฬว อตฺถปทานิ นิทฺธาเรตพฺพานิ, อเนกานุสนฺธิเก สุเตฺต อนุสนฺธิเภเทน วิสุํ วิสุํ ฉ ฉ อตฺถปทานิ นิทฺธาเรตพฺพานิฯ
‘‘Bhagavā akkharehi saṅkāsetī’’tiādīsu ‘‘bhagavā evā’’ti vā ‘‘akkharehi evā’’ti vā avadhāraṇe yojite ‘‘sāvako na saṅkāseti, padādīhi na saṅkāsetī’’ti attho bhaveyya, sāvako ca saṅkāseti, padādīhi ca saṅkāseti. Kattha avadhāraṇaṃ yojetabbanti ce? ‘‘Bhagavā akkharehi saṅkāsetiyevā’’ti avadhāraṇaṃ yojetabbaṃ. Evañhi sati sāvakena saṅkāsito vā padādīhi saṅkāsito vā attho saṅgahito hoti. Atthapadānañca akkharādinānāvisayatā siddhā hoti. Tena ekānusandhike sutte chaḷeva atthapadāni niddhāretabbāni, anekānusandhike sutte anusandhibhedena visuṃ visuṃ cha cha atthapadāni niddhāretabbāni.
‘‘ฉสุ พฺยญฺชนปเทสุ กตเมน พฺยญฺชนปเทน กตมํ กิจฺจํ สาเธตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิมินา อิทํ กิจฺจํ, อิมินา อิทํ กิจฺจํ สาเธตี’’ติ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ จ ปเทหิ จ อุคฺฆเฎตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ อกฺขราทีสุ พฺยญฺชนปเทสุฯ อุคฺฆเฎตีติ อุคฺฆฎนกิจฺจํ สาเธตีติ อโตฺถฯ กิญฺจาปิ เทสนาว อุคฺฆฎนกิจฺจํ สาเธติ, ภควา ปน เทสนาชนกตฺตา อุคฺฆฎนกิจฺจํ สาเธตีติ วุจฺจติฯ เสเสสุปิ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
‘‘Chasu byañjanapadesu katamena byañjanapadena katamaṃ kiccaṃ sādhetī’’ti pucchitabbattā ‘‘iminā idaṃ kiccaṃ, iminā idaṃ kiccaṃ sādhetī’’ti niyametvā dassetuṃ ‘‘tattha bhagavā akkharehi ca padehi ca ugghaṭetī’’tiādimāha. Tattha tatthāti akkharādīsu byañjanapadesu. Ugghaṭetīti ugghaṭanakiccaṃ sādhetīti attho. Kiñcāpi desanāva ugghaṭanakiccaṃ sādheti, bhagavā pana desanājanakattā ugghaṭanakiccaṃ sādhetīti vuccati. Sesesupi evamattho daṭṭhabbo.
‘‘อุคฺฆฎนกิจฺจสาธิกา เทสนาเยว กิํ วิปญฺจนวิตฺถารณกิจฺจสาธิกา เทสนาชนกตฺตา, อุทาหุ วิสุํ วิสุํ กิจฺจสาธิกา อญฺญา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพภาวโต วิสุํ วิสุํ กิจฺจสาธิกา อญฺญา เทสนาติ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ อุคฺฆฎนา อาที’’ติอาทิมาหฯ อถ วา ‘‘กตมา อุคฺฆฎนา, กตมา วิปญฺจนา, กตมา วิตฺถารณา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ อุคฺฆฎนา อาที’’ติอาทิฯ ตตฺถ ตตฺถาติ อุคฺฆฎนาทิกิจฺจสาธิกาสุ เทสนาสุฯ อุคฺฆฎนาติ อุคฺฆฎนกิจฺจสาธิกา เทสนา อาทิเทสนา โหติฯ วิปญฺจนาติ วิปญฺจนกิจฺจสาธิกา เทสนา มเชฺฌเทสนา โหติฯ วิตฺถารณาติ วิตฺถารณกิจฺจสาธิกา เทสนา ปริโยสานเทสนา โหตีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
‘‘Ugghaṭanakiccasādhikā desanāyeva kiṃ vipañcanavitthāraṇakiccasādhikā desanājanakattā, udāhu visuṃ visuṃ kiccasādhikā aññā’’ti pucchitabbabhāvato visuṃ visuṃ kiccasādhikā aññā desanāti niyametvā dassetuṃ ‘‘tattha ugghaṭanā ādī’’tiādimāha. Atha vā ‘‘katamā ugghaṭanā, katamā vipañcanā, katamā vitthāraṇā’’ti pucchitabbattā vuttaṃ ‘‘tattha ugghaṭanā ādī’’tiādi. Tattha tatthāti ugghaṭanādikiccasādhikāsu desanāsu. Ugghaṭanāti ugghaṭanakiccasādhikā desanā ādidesanā hoti. Vipañcanāti vipañcanakiccasādhikā desanā majjhedesanā hoti. Vitthāraṇāti vitthāraṇakiccasādhikā desanā pariyosānadesanā hotīti attho daṭṭhabbo.
‘‘อุคฺฆฎิยโนฺต อุทฺทิสิยมาโน ปริยตฺติอตฺถภูโต ธมฺมวินโย กตมํ ปุคฺคลํ วิเนติ, วิปญฺจิยโนฺต นิทฺทิสิยมาโน ปริยตฺติอตฺถภูโต ธมฺมวินโย กตมํ ปุคฺคลํ วิเนติ, วิตฺถาริยโนฺต ปฎินิทฺทิสิยมาโน ปริยตฺติอตฺถภูโต ธมฺมวินโย กตมํ ปุคฺคลํ วิเนตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โสยํ ธมฺมวินโย’’ติอาทิมาหฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ ‘อกฺขเรหิ สงฺกาเสตี’ติอาทีนํ ฉนฺนํ พฺยญฺชนปทานํ พฺยาปารํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺถปทานํ พฺยาปารํ ทเสฺสตุํ ‘โสยํ ธมฺมวินโย’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๙) วุตฺตํฯ
‘‘Ugghaṭiyanto uddisiyamāno pariyattiatthabhūto dhammavinayo katamaṃ puggalaṃ vineti, vipañciyanto niddisiyamāno pariyattiatthabhūto dhammavinayo katamaṃ puggalaṃ vineti, vitthāriyanto paṭiniddisiyamāno pariyattiatthabhūto dhammavinayo katamaṃ puggalaṃ vinetī’’ti pucchitabbattā ‘‘soyaṃ dhammavinayo’’tiādimāha. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ ‘akkharehi saṅkāsetī’tiādīnaṃ channaṃ byañjanapadānaṃ byāpāraṃ dassetvā idāni atthapadānaṃ byāpāraṃ dassetuṃ ‘soyaṃ dhammavinayo’tiādi vutta’’nti (netti. aṭṭha. 9) vuttaṃ.
ตตฺถ อุคฺฆฎิยโนฺต อุทฺทิสิยมาโน อุเทฺทสปริยตฺติอตฺถภูโต โส อยํ ธมฺมวินโย อุคฺฆฎิตญฺญุปุคฺคลํ วิเนติ, เตน อุคฺฆฎิตญฺญุโน ปุคฺคลสฺส วินยเนน นํ อุคฺฆฎิยนฺตํ อุทฺทิสิยมานํ อุเทฺทสปริยตฺติอตฺถภูตํ วินยํ ‘‘อาทิกลฺยาโณ’’ติ อาหุฯ วิปญฺจิยโนฺต นิทฺทิสิยมาโน นิเทฺทสปริยตฺติอตฺถภูโต โส อยํ ธมฺมวินโย วิปญฺจิตญฺญุปุคฺคลํ วิเนติ, เตน วิปญฺจิตญฺญุปุคฺคลสฺส วินยเนน นํ วิปญฺจิยนฺตํ นิทฺทิสิยมานํ นิเทฺทสปริยตฺติอตฺถภูตํ วินยํ ‘‘มเชฺฌกลฺยาโณ’’ติ อาหุฯ วิตฺถาริยโนฺต ปฎินิทฺทิสิยมาโน ปฎินิเทฺทสปริยตฺติอตฺถภูโต โส อยํ ธมฺมวินโย เนยฺยํ ปุคฺคลํ วิเนติ วินยนํ ชเนติ, เตน เนยฺยสฺส ปุคฺคลสฺส วินยเนน นํ วิตฺถาริยนฺตํ ปฎินิทฺทิสิยมานํ ปฎินิเทฺทสปริยตฺติอตฺถภูตํ วินยํ ‘‘ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติ อาหูติ โยชนโตฺถติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Tattha ugghaṭiyanto uddisiyamāno uddesapariyattiatthabhūto so ayaṃ dhammavinayo ugghaṭitaññupuggalaṃ vineti, tena ugghaṭitaññuno puggalassa vinayanena naṃ ugghaṭiyantaṃ uddisiyamānaṃ uddesapariyattiatthabhūtaṃ vinayaṃ ‘‘ādikalyāṇo’’ti āhu. Vipañciyanto niddisiyamāno niddesapariyattiatthabhūto so ayaṃ dhammavinayo vipañcitaññupuggalaṃ vineti, tena vipañcitaññupuggalassa vinayanena naṃ vipañciyantaṃ niddisiyamānaṃ niddesapariyattiatthabhūtaṃ vinayaṃ ‘‘majjhekalyāṇo’’ti āhu. Vitthāriyanto paṭiniddisiyamāno paṭiniddesapariyattiatthabhūto so ayaṃ dhammavinayo neyyaṃ puggalaṃ vineti vinayanaṃ janeti, tena neyyassa puggalassa vinayanena naṃ vitthāriyantaṃ paṭiniddisiyamānaṃ paṭiniddesapariyattiatthabhūtaṃ vinayaṃ ‘‘pariyosānakalyāṇo’’ti āhūti yojanatthoti daṭṭhabbo.
อถ วา ‘‘อกฺขเรหิ สงฺกาเสตี’’ติอาทินา ฉนฺนํ ปทานํ พฺยาปาโร ทสฺสิโต, เอวํ สติ อโตฺถ นิพฺยาปาโร สิยา, อโตฺถ จ นิปฺปริยายโต สพฺยาปาโรเยวาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘โสยํ ธมฺมวินโย’’ติอาทิฯ เอเตน อโตฺถเยว มุขฺยโต เวเนยฺยตฺตยสฺส วินยนกิจฺจํ สาเธติ, อตฺถวาจโก ปน สโทฺท ฐานูปจารโต เวเนยฺยตฺตยสฺส วินยนกิจฺจํ สาเธตีติ ทเสฺสติฯ ปทปรมสฺส ปน สจฺจปฺปฎิเวธสฺส ปติฎฺฐานาภาวโต โส อิธ น วุโตฺตฯ เสกฺขคฺคหเณน วา กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส วิย เนยฺยคฺคหเณน ปทปรมสฺส ปุคฺคลสฺสาปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํ ฯ อกฺขเรหีติอาทีสุ กรณเตฺถ กรณวจนํ, น เหตฺวเตฺถฯ อกฺขราทีนญฺหิ อุคฺฆฎนาทีนิ ปโยชนานิเยว โหนฺติ, น อุคฺฆฎนาทีนํ อกฺขราทีนิ ปโยชนานีติ ‘‘อเนฺนน วสตี’’ติอาทีสุ วิย น เหตุอโตฺถ คเหตโพฺพฯ ตตฺถ หิ อเนฺนน เหตุนา วสติ, วสเนน เหตุนา อนฺนํ ลทฺธนฺติ วสนกิริยาย ผลํ วสนกิริยาย เหตุภาเวน คหิตํฯ ‘‘อเชฺฌสเนน วสตี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เตนาห ‘‘ยทตฺถา จ กิริยา, โส เหตู’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๙)ฯ ตตฺถ ยทตฺถาติ โส อนฺนาทิโก อโตฺถ ยสฺสา วสนาทิกิริยายาติ ยทตฺถา, วสนาทิกิริยา, โส อนฺนาทิโก อโตฺถ ตสฺสา วสนาทิกิริยาย เหตูติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Atha vā ‘‘akkharehi saṅkāsetī’’tiādinā channaṃ padānaṃ byāpāro dassito, evaṃ sati attho nibyāpāro siyā, attho ca nippariyāyato sabyāpāroyevāti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘soyaṃ dhammavinayo’’tiādi. Etena atthoyeva mukhyato veneyyattayassa vinayanakiccaṃ sādheti, atthavācako pana saddo ṭhānūpacārato veneyyattayassa vinayanakiccaṃ sādhetīti dasseti. Padaparamassa pana saccappaṭivedhassa patiṭṭhānābhāvato so idha na vutto. Sekkhaggahaṇena vā kalyāṇaputhujjanassa viya neyyaggahaṇena padaparamassa puggalassāpi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ . Akkharehītiādīsu karaṇatthe karaṇavacanaṃ, na hetvatthe. Akkharādīnañhi ugghaṭanādīni payojanāniyeva honti, na ugghaṭanādīnaṃ akkharādīni payojanānīti ‘‘annena vasatī’’tiādīsu viya na hetuattho gahetabbo. Tattha hi annena hetunā vasati, vasanena hetunā annaṃ laddhanti vasanakiriyāya phalaṃ vasanakiriyāya hetubhāvena gahitaṃ. ‘‘Ajjhesanena vasatī’’tiādīsupi eseva nayo. Tenāha ‘‘yadatthā ca kiriyā, so hetū’’ti (netti. aṭṭha. 9). Tattha yadatthāti so annādiko attho yassā vasanādikiriyāyāti yadatthā, vasanādikiriyā, so annādiko attho tassā vasanādikiriyāya hetūti attho veditabbo.
๑๐. ‘‘ตตฺถ อปริมาณา ปทา’’ติอาทินา ‘‘ธมฺมํ โว ภิกฺขเว เทเสสฺสามี’’ติ อุทฺทิฎฺฐาย ปาฬิยา ทฺวาทสปทสมฺปตฺติสงฺขาตํ ติวิธกลฺยาณตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ฉอตฺถปทฉพฺยญฺชนปทเภเทน สมฺปตฺติสงฺขาตํ อตฺถปทพฺยญฺชนปทกลฺยาณตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ ฉปฺปทานิ อโตฺถ’’ติอาทิมาหฯ อถ วา ‘‘ทฺวาทส ปทานิ สุตฺต’’นฺติ วุตฺตานุรูปํ ‘‘ตตฺถ อปริมาณา’’ติอาทินา ‘‘ธมฺมํ โว ภิกฺขเว เทเสสฺสามี’’ติ อุทฺทิฎฺฐาย ปาฬิยา ทฺวาทสปทตา ทเสฺสตฺวา ‘‘อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณ’’นฺติ วุตฺตานุรูปํ ‘‘ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ จา’’ติอาทินา ตสฺสา ปาฬิยา ติวิธกลฺยาณตา ทสฺสิตา, ทเสฺสตฺวา อิทานิ ‘‘สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธ’’นฺติ วุตฺตานุรูปํ ตสฺสา ปาฬิยา ฉอตฺถปทพฺยญฺชนปทสมฺปนฺนตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ฉปฺปทานิ อโตฺถ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ติสฺสํ เทสนาหารวิสยสงฺขาตายํ ปาฬิยํ ฉปฺปทานิ อโตฺถฯ กตมานิ ฉปฺปทานิ? สงฺกาสนา, ปกาสนา, วิวรณา, วิภชนา, อุตฺตานีกมฺมํ, ปญฺญตฺติ อิมานิ ฉปฺปทานิฯ อโตฺถ ยสฺส อตฺถิ ตสฺมา สาตฺถํฯ ตตฺถาติ ติสฺสํ เทสนาหารวิสยสงฺขาตายํ ปาฬิยํ ฉปฺปทานิ พฺยญฺชนํฯ กตมานิ ฉปฺปทานิ? อกฺขรํ, ปทํ, พฺยญฺชนํ, อากาโร, นิรุตฺติ, นิเทฺทโส อิมานิ ฉปฺปทานิฯ พฺยญฺชนํ ยสฺส อตฺถีติ สพฺยญฺชนนฺติ โยชนา กาตพฺพาฯ เตนาติ ตสฺสา ปาฬิยา ติวิธกลฺยาณฉอตฺถปทสมฺปนฺนฉพฺยญฺชนปทสมฺปนฺนเฎฺฐน, ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว…เป.… สุทฺธ’’นฺติ ภควา อาหาติ อโตฺถฯ
10. ‘‘Tattha aparimāṇā padā’’tiādinā ‘‘dhammaṃ vo bhikkhave desessāmī’’ti uddiṭṭhāya pāḷiyā dvādasapadasampattisaṅkhātaṃ tividhakalyāṇataṃ dassetvā idāni chaatthapadachabyañjanapadabhedena sampattisaṅkhātaṃ atthapadabyañjanapadakalyāṇataṃ dassento ‘‘tattha chappadāni attho’’tiādimāha. Atha vā ‘‘dvādasa padāni sutta’’nti vuttānurūpaṃ ‘‘tattha aparimāṇā’’tiādinā ‘‘dhammaṃ vo bhikkhave desessāmī’’ti uddiṭṭhāya pāḷiyā dvādasapadatā dassetvā ‘‘ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇa’’nti vuttānurūpaṃ ‘‘tattha bhagavā akkharehi cā’’tiādinā tassā pāḷiyā tividhakalyāṇatā dassitā, dassetvā idāni ‘‘sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddha’’nti vuttānurūpaṃ tassā pāḷiyā chaatthapadabyañjanapadasampannataṃ dassetuṃ ‘‘tattha chappadāni attho’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tissaṃ desanāhāravisayasaṅkhātāyaṃ pāḷiyaṃ chappadāni attho. Katamāni chappadāni? Saṅkāsanā, pakāsanā, vivaraṇā, vibhajanā, uttānīkammaṃ, paññatti imāni chappadāni. Attho yassa atthi tasmā sātthaṃ. Tatthāti tissaṃ desanāhāravisayasaṅkhātāyaṃ pāḷiyaṃ chappadāni byañjanaṃ. Katamāni chappadāni? Akkharaṃ, padaṃ, byañjanaṃ, ākāro, nirutti, niddeso imāni chappadāni. Byañjanaṃ yassa atthīti sabyañjananti yojanā kātabbā. Tenāti tassā pāḷiyā tividhakalyāṇachaatthapadasampannachabyañjanapadasampannaṭṭhena, ‘‘dhammaṃ vo, bhikkhave…pe… suddha’’nti bhagavā āhāti attho.
เกวลสทฺทสฺส สกลาทิอตฺถวาจกตฺตา อธิเปฺปตตฺถํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เกวลนฺติ โลกุตฺตรํ น มิสฺสํ โลกิเยหิ ธเมฺมหี’’ติ วุตฺตํฯ ปริปุณฺณนฺติ อธิเปฺปตเตฺถ เอโกปิ อโตฺถ อูโน นตฺถิ, วาจกสเทฺทสุปิ อนตฺถโก เอโกปิ สโทฺท อธิโก นตฺถีติ ปริปุณฺณํ อนูนํ อนติเรกํฯ ปริสุทฺธนฺติ สทฺทโทสอตฺถโทสาทิวิรหโต วา ปริสุทฺธํ, ราคาทิมลวิรหโต วา ปริโยทาตานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิเสสานํ อุปฎฺฐิตฎฺฐานตฺตา ปริสุทฺธํ ปริโยทาตํฯ นิคฺคตํ มลํ เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ นิมฺมลํฯ สทฺทโทสาทิวิรหโต วา ราคาทิวิรหโต วา สพฺพมเลหิ อปคตํ ปริ สมนฺตโต โอทาตนฺติ ปริโยทาตํฯ อุปฎฺฐิตนฺติ อุปติฎฺฐนฺติ เอตฺถ สพฺพวิเสสาติ อุปฎฺฐิตํ ยถา ‘‘ปทกฺกนฺต’’นฺติฯ ปทกฺกนฺตํ ปทกฺกนฺตฎฺฐานํฯ วิสิสนฺติ มนุสฺสธเมฺมหีติ วิเสสา, สเพฺพ วิเสสา สพฺพวิเสสา, สพฺพโต วา วิเสสาติ สพฺพวิเสสา, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาฯ เตสํ สพฺพวิเสสานํ อุปฎฺฐิตนฺติ โยชนาฯ อิทนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สาสนพฺรหฺมจริยํฯ ตถาคตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปทนฺติ ตถาคตปทํฯ ปทนฺติ จ ปฎิปตฺติคมเนน วา เทสนาคมเนน วา กิเลสคฺคหณํฯ โอตฺถริตฺวา คมนฎฺฐานํ อิติปิ วุจฺจติ ปวุจฺจติ, ตถาคเตน โคจราเสวเนน วา ภาวนาเสวเนน วา นิเสวิตํ ภชิตํ อิติปิ วุจฺจติ, ตถาคตสฺส มหาวชิรญาณสพฺพญฺญุตญฺญาณทเนฺตหิ อารญฺชิตํ อารญฺชิตฎฺฐานํ อิติปิ วุจฺจติ, อโต ตถาคตปทาทิภาเวน วตฺตพฺพภาวโต เอตํ สาสนพฺรหฺมจริยํ อิติ ปญฺญายติฯ พฺรหฺมจริยนฺติ พฺรหฺมุโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ภควโต จริยํ, พฺรหฺมํ วา สพฺพเสฎฺฐํ จริยํ พฺรหฺมจริยํฯ ปญฺญายตีติ ยถาวุเตฺตหิ ปกาเรหิ ญายตีติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Kevalasaddassa sakalādiatthavācakattā adhippetatthaṃ niyametvā dassetuṃ ‘‘kevalanti lokuttaraṃ na missaṃ lokiyehi dhammehī’’ti vuttaṃ. Paripuṇṇanti adhippetatthe ekopi attho ūno natthi, vācakasaddesupi anatthako ekopi saddo adhiko natthīti paripuṇṇaṃ anūnaṃ anatirekaṃ. Parisuddhanti saddadosaatthadosādivirahato vā parisuddhaṃ, rāgādimalavirahato vā pariyodātānaṃ uttarimanussadhammavisesānaṃ upaṭṭhitaṭṭhānattā parisuddhaṃ pariyodātaṃ. Niggataṃ malaṃ etassa dhammassāti nimmalaṃ. Saddadosādivirahato vā rāgādivirahato vā sabbamalehi apagataṃ pari samantato odātanti pariyodātaṃ. Upaṭṭhitanti upatiṭṭhanti ettha sabbavisesāti upaṭṭhitaṃ yathā ‘‘padakkanta’’nti. Padakkantaṃ padakkantaṭṭhānaṃ. Visisanti manussadhammehīti visesā, sabbe visesā sabbavisesā, sabbato vā visesāti sabbavisesā, uttarimanussadhammā. Tesaṃ sabbavisesānaṃ upaṭṭhitanti yojanā. Idanti sikkhattayasaṅgahaṃ sāsanabrahmacariyaṃ. Tathāgatassa sammāsambuddhassa padanti tathāgatapadaṃ. Padanti ca paṭipattigamanena vā desanāgamanena vā kilesaggahaṇaṃ. Ottharitvā gamanaṭṭhānaṃ itipi vuccati pavuccati, tathāgatena gocarāsevanena vā bhāvanāsevanena vā nisevitaṃ bhajitaṃ itipi vuccati, tathāgatassa mahāvajirañāṇasabbaññutaññāṇadantehi ārañjitaṃ ārañjitaṭṭhānaṃ itipi vuccati, ato tathāgatapadādibhāvena vattabbabhāvato etaṃ sāsanabrahmacariyaṃ iti paññāyati. Brahmacariyanti brahmuno sabbasattuttamassa bhagavato cariyaṃ, brahmaṃ vā sabbaseṭṭhaṃ cariyaṃ brahmacariyaṃ. Paññāyatīti yathāvuttehi pakārehi ñāyatīti attho veditabbo.
‘‘อิมสฺส สิกฺขตฺตยสฺส สงฺคหสฺส สาสนสฺส ปริปุณฺณภาวปริสุทฺธภาวสงฺขาตํ ตถาคตปทภาวํ!ตถาคตปทภาวํ, ตถาคตนิเสวิตภาวํ, ตถาคตอารญฺชิตภาวํ, เตหิ ปกาเรหิ ญาปิตภาวํ กถํ มยํ นิกฺกงฺขา ชานิสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพโต ‘‘เตนาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตพฺภาวทีปเกน ภควตา วุเตฺตน วจเนน ตุเมฺหหิ นิกฺกเงฺขหิ ชานิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ
‘‘Imassa sikkhattayassa saṅgahassa sāsanassa paripuṇṇabhāvaparisuddhabhāvasaṅkhātaṃ tathāgatapadabhāvaṃ!Tathāgatapadabhāvaṃ, tathāgatanisevitabhāvaṃ, tathāgataārañjitabhāvaṃ, tehi pakārehi ñāpitabhāvaṃ kathaṃ mayaṃ nikkaṅkhā jānissāmā’’ti vattabbato ‘‘tenāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ, tabbhāvadīpakena bhagavatā vuttena vacanena tumhehi nikkaṅkhehi jānitabboti vuttaṃ hoti.
ยทิ ภควา อกฺขเรหิ จ ปเทหิ จ อุคฺฆเฎติ, พฺยญฺชเนหิ จ อากาเรหิ จ วิปญฺจยติ, นิรุตฺตีหิ จ นิเทฺทเสหิ จ วิตฺถาเรติ, เอวํ สติ อาจริเยน รจิเตน เทสนาหาเรน ปโยชนํ น ภวติ, เทสนาหาเรน น วินา ภควโต เทสนายเมว อตฺถสิชฺฌนโตติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘เกสํ อยํ ธมฺมเทสนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โยคีน’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ โยคีนนฺติ ยุชฺชนฺติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานภาวนายนฺติ โยคิโน, เตสํ โยคีนํฯ เตน มยา รจิเตน เทสนาหาเรน สํวณฺณิตา อยํ วุตฺตปฺปการา ภควโต เทสนา อุคฺฆฎนาทิกิจฺจํ สาเธตีติ เทสนาหาโร โยคีนํ สาตฺถโกเยวาติ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘เทสนาหารสฺส อสฺสาทาทิเทสนาหารภาโว เกน อเมฺหหิ ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาห อายสฺมา…เป.… เทสนาหาโร’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตน อสฺสาทาทิเทสนาหารภาเวน อายสฺมา มหากจฺจาโน ‘‘อสฺสาทาทีนวตา…เป.… เทสนาหาโร’’ติ ยํ วจนํ อาห, เตน วจเนน ตุเมฺหหิ เทสนาหารสฺส โยคีนํ อสฺสาทาทิเทสนาหารภาโว ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ
Yadi bhagavā akkharehi ca padehi ca ugghaṭeti, byañjanehi ca ākārehi ca vipañcayati, niruttīhi ca niddesehi ca vitthāreti, evaṃ sati ācariyena racitena desanāhārena payojanaṃ na bhavati, desanāhārena na vinā bhagavato desanāyameva atthasijjhanatoti codanaṃ manasi katvā ‘‘kesaṃ ayaṃ dhammadesanā’’ti pucchitvā ‘‘yogīna’’nti āha. Tattha yogīnanti yujjanti catusaccakammaṭṭhānabhāvanāyanti yogino, tesaṃ yogīnaṃ. Tena mayā racitena desanāhārena saṃvaṇṇitā ayaṃ vuttappakārā bhagavato desanā ugghaṭanādikiccaṃ sādhetīti desanāhāro yogīnaṃ sātthakoyevāti daṭṭhabbo. ‘‘Desanāhārassa assādādidesanāhārabhāvo kena amhehi jānitabbo saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāha āyasmā…pe… desanāhāro’’ti vuttaṃ. Tattha tena assādādidesanāhārabhāvena āyasmā mahākaccāno ‘‘assādādīnavatā…pe… desanāhāro’’ti yaṃ vacanaṃ āha, tena vacanena tumhehi desanāhārassa yogīnaṃ assādādidesanāhārabhāvo jānitabbo saddahitabboti vuttaṃ hoti.
‘‘กิํ ปน เอตฺตาวตา เทสนาหาโร ปริปุโณฺณ, อโญฺญ นิยุโตฺต นตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต เทสนาหาโร’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺสํ เทสนายํ อสฺสาทาทโย เยน เทสนาหาเรน นิทฺธาริตา, ตสฺสํ เทสนายํ โส เทสนาหาโร นิทฺธาเรตฺวา โยชิโตติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพติฯ
‘‘Kiṃ pana ettāvatā desanāhāro paripuṇṇo, añño niyutto natthī’’ti pucchitabbattā ‘‘niyutto desanāhāro’’ti vuttaṃ. Tattha yassaṃ desanāyaṃ assādādayo yena desanāhārena niddhāritā, tassaṃ desanāyaṃ so desanāhāro niddhāretvā yojitoti attho daṭṭhabboti.
อิติ เทสนาหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา
Iti desanāhāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā
วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Vibhāvanā niṭṭhitā.
ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรน คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพติฯ
Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusārena gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabboti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๑. เทสนาหารวิภโงฺค • 1. Desanāhāravibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. เทสนาหารวิภงฺควณฺณนา • 1. Desanāhāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑. เทสนาหารวิภงฺควณฺณนา • 1. Desanāhāravibhaṅgavaṇṇanā