Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi |
๔. ปฎินิเทฺทสวาโร
4. Paṭiniddesavāro
๑. เทสนาหารวิภโงฺค
1. Desanāhāravibhaṅgo
๕. ตตฺถ กตโม เทสนาหาโร? ‘‘อสฺสาทาทีนวตา’’ติ คาถา อยํ เทสนาหาโรฯ กิํ เทสยติ? อสฺสาทํ อาทีนวํ นิสฺสรณํ ผลํ อุปายํ อาณตฺติํฯ ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสามีติฯ
5. Tattha katamo desanāhāro? ‘‘Assādādīnavatā’’ti gāthā ayaṃ desanāhāro. Kiṃ desayati? Assādaṃ ādīnavaṃ nissaraṇaṃ phalaṃ upāyaṃ āṇattiṃ. Dhammaṃ vo, bhikkhave, desessāmi ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsessāmīti.
ตตฺถ กตโม อสฺสาโท?
Tattha katamo assādo?
อทฺธา ปีติมโน โหติ, ลทฺธา มโจฺจ ยทิจฺฉตี’’ติฯ
Addhā pītimano hoti, laddhā macco yadicchatī’’ti.
อยํ อสฺสาโทฯ
Ayaṃ assādo.
ตตฺถ กตโม อาทีนโว?
Tattha katamo ādīnavo?
‘‘ตสฺส เจ กามยานสฺส, ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;
‘‘Tassa ce kāmayānassa, chandajātassa jantuno;
เต กามา ปริหายนฺติ, สลฺลวิโทฺธว รุปฺปตี’’ติฯ
Te kāmā parihāyanti, sallaviddhova ruppatī’’ti.
อยํ อาทีนโวฯ
Ayaṃ ādīnavo.
ตตฺถ กตมํ นิสฺสรณํ?
Tattha katamaṃ nissaraṇaṃ?
‘‘โย กาเม ปริวเชฺชติ, สปฺปเสฺสว ปทา สิโร;
‘‘Yo kāme parivajjeti, sappasseva padā siro;
โสมํ วิสตฺติกํ โลเก, สโต สมติวตฺตตี’’ติฯ
Somaṃ visattikaṃ loke, sato samativattatī’’ti.
อิทํ นิสฺสรณํฯ
Idaṃ nissaraṇaṃ.
ตตฺถ กตโม อสฺสาโท?
Tattha katamo assādo?
‘‘เขตฺตํ วตฺถุํ หิรญฺญํ วา, ควาสฺสํ ทาสโปริสํ;
‘‘Khettaṃ vatthuṃ hiraññaṃ vā, gavāssaṃ dāsaporisaṃ;
ถิโย พนฺธู ปุถู กาเม, โย นโร อนุคิชฺฌตี’’ติฯ
Thiyo bandhū puthū kāme, yo naro anugijjhatī’’ti.
อยํ อสฺสาโทฯ
Ayaṃ assādo.
ตตฺถ กตโม อาทีนโว?
Tattha katamo ādīnavo?
‘‘อพลา นํ พลียนฺติ, มทฺทเนฺต นํ ปริสฺสยา;
‘‘Abalā naṃ balīyanti, maddante naṃ parissayā;
ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ, นาวํ ภินฺนมิโวทก’’นฺติฯ
Tato naṃ dukkhamanveti, nāvaṃ bhinnamivodaka’’nti.
อยํ อาทีนโวฯ
Ayaṃ ādīnavo.
ตตฺถ กตมํ นิสฺสรณํ?
Tattha katamaṃ nissaraṇaṃ?
‘‘ตสฺมา ชนฺตุ สทา สโต, กามานิ ปริวชฺชเย;
‘‘Tasmā jantu sadā sato, kāmāni parivajjaye;
เต ปหาย ตเร โอฆํ, นาวํ สิตฺวาว ปารคู’’ติฯ
Te pahāya tare oghaṃ, nāvaṃ sitvāva pāragū’’ti.
อิทํ นิสฺสรณํฯ
Idaṃ nissaraṇaṃ.
ตตฺถ กตมํ ผลํ?
Tattha katamaṃ phalaṃ?
‘‘ธโมฺม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริํ, ฉตฺตํ มหนฺตํ ยถ วสฺสกาเล;
‘‘Dhammo have rakkhati dhammacāriṃ, chattaṃ mahantaṃ yatha vassakāle;
เอสานิสํโส ธเมฺม สุจิเณฺณ, น ทุคฺคติํ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติฯ
Esānisaṃso dhamme suciṇṇe, na duggatiṃ gacchati dhammacārī’’ti.
อิทํ ผลํฯ
Idaṃ phalaṃ.
ตตฺถ กตโม อุปาโย?
Tattha katamo upāyo?
‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ…เป.…
‘‘Sabbe saṅkhārā aniccā’’ti…pe…
‘‘สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ, ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ;
‘‘Sabbe dhammā anattā’’ti, yadā paññāya passati;
อถ นิพฺพินฺทติ ทุเกฺข, เอส มโคฺค วิสุทฺธิยา’’ติฯ
Atha nibbindati dukkhe, esa maggo visuddhiyā’’ti.
อยํ อุปาโยฯ
Ayaṃ upāyo.
ตตฺถ กตมา อาณตฺติ?
Tattha katamā āṇatti?
ปณฺฑิโต ชีวโลกสฺมิํ, ปาปานิ ปริวชฺชเย’’ติฯ
Paṇḍito jīvalokasmiṃ, pāpāni parivajjaye’’ti.
อยํ อาณตฺติฯ
Ayaṃ āṇatti.
‘‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ,
‘‘‘Suññato lokaṃ avekkhassu,
โมฆราชา’ติ อาณตฺติ, ‘สทา สโต’ติ อุปาโย;
Mogharājā’ti āṇatti, ‘sadā sato’ti upāyo;
อิทํ ผลํฯ
Idaṃ phalaṃ.
๖. ตตฺถ ภควา อุคฺฆฎิตญฺญุสฺส ปุคฺคลสฺส นิสฺสรณํ เทสยติ, วิปญฺจิตญฺญุสฺส ปุคฺคลสฺส อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ เทสยติ, เนยฺยสฺส ปุคฺคลสฺส อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ เทสยติฯ
6. Tattha bhagavā ugghaṭitaññussa puggalassa nissaraṇaṃ desayati, vipañcitaññussa puggalassa ādīnavañca nissaraṇañca desayati, neyyassa puggalassa assādañca ādīnavañca nissaraṇañca desayati.
ตตฺถ จตโสฺส ปฎิปทา, จตฺตาโร ปุคฺคลาฯ ตณฺหาจริโต มโนฺท สตินฺทฺริเยน ทุกฺขาย ปฎิปทาย ทนฺธาภิญฺญาย นิยฺยาติ สติปฎฺฐาเนหิ นิสฺสเยหิฯ ตณฺหาจริโต อุทโตฺต 9 สมาธินฺทฺริเยน ทุกฺขาย ปฎิปทาย ขิปฺปาภิญฺญาย นิยฺยาติ ฌาเนหิ นิสฺสเยหิฯ ทิฎฺฐิจริโต มโนฺท วีริยินฺทฺริเยน สุขาย ปฎิปทาย ทนฺธาภิญฺญาย นิยฺยาติ สมฺมปฺปธาเนหิ นิสฺสเยหิฯ ทิฎฺฐิจริโต อุทโตฺต ปญฺญินฺทฺริเยน สุขาย ปฎิปทาย ขิปฺปาภิญฺญาย นิยฺยาติ สเจฺจหิ นิสฺสเยหิฯ
Tattha catasso paṭipadā, cattāro puggalā. Taṇhācarito mando satindriyena dukkhāya paṭipadāya dandhābhiññāya niyyāti satipaṭṭhānehi nissayehi. Taṇhācarito udatto 10 samādhindriyena dukkhāya paṭipadāya khippābhiññāya niyyāti jhānehi nissayehi. Diṭṭhicarito mando vīriyindriyena sukhāya paṭipadāya dandhābhiññāya niyyāti sammappadhānehi nissayehi. Diṭṭhicarito udatto paññindriyena sukhāya paṭipadāya khippābhiññāya niyyāti saccehi nissayehi.
อุโภ ตณฺหาจริตา สมถปุพฺพงฺคมาย วิปสฺสนา นิยฺยนฺติ ราควิราคาย เจโตวิมุตฺติยาฯ อุโภ ทิฎฺฐิจริตา วิปสฺสนาปุพฺพงฺคเม สมเถน นิยฺยนฺติ อวิชฺชาวิราคาย ปญฺญาวิมุตฺติยาฯ
Ubho taṇhācaritā samathapubbaṅgamāya vipassanā niyyanti rāgavirāgāya cetovimuttiyā. Ubho diṭṭhicaritā vipassanāpubbaṅgame samathena niyyanti avijjāvirāgāya paññāvimuttiyā.
ตตฺถ เย สมถปุพฺพงฺคมาหิ ปฎิปทาหิ นิยฺยนฺติ, เต นนฺทิยาวเฎฺฎน นเยน หาตพฺพา, เย วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมาหิ ปฎิปทาหิ นิยฺยนฺติ, เต สีหวิกฺกีฬิเตน นเยน หาตพฺพาฯ
Tattha ye samathapubbaṅgamāhi paṭipadāhi niyyanti, te nandiyāvaṭṭena nayena hātabbā, ye vipassanāpubbaṅgamāhi paṭipadāhi niyyanti, te sīhavikkīḷitena nayena hātabbā.
๗. สฺวายํ หาโร กตฺถ สมฺภวติ, ยสฺส สตฺถา วา ธมฺมํ เทสยติ อญฺญตโร วา ครุฎฺฐานีโย สพฺรหฺมจารี, โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา สทฺธํ ปฎิลภติฯ ตตฺถ ยา วีมํสา อุสฺสาหนา ตุลนา อุปปริกฺขา, อยํ สุตมยี ปญฺญาฯ ตถา สุเตน นิสฺสเยน ยา วีมํสา ตุลนา อุปปริกฺขา มนสานุเปกฺขณา, อยํ จินฺตามยี ปญฺญาฯ อิมาหิ ทฺวีหิ ปญฺญาหิ มนสิการสมฺปยุตฺตสฺส ยํ ญาณํ อุปฺปชฺชติ ทสฺสนภูมิยํ วา ภาวนาภูมิยํ วา, อยํ ภาวนามยี ปญฺญาฯ
7. Svāyaṃ hāro kattha sambhavati, yassa satthā vā dhammaṃ desayati aññataro vā garuṭṭhānīyo sabrahmacārī, so taṃ dhammaṃ sutvā saddhaṃ paṭilabhati. Tattha yā vīmaṃsā ussāhanā tulanā upaparikkhā, ayaṃ sutamayī paññā. Tathā sutena nissayena yā vīmaṃsā tulanā upaparikkhā manasānupekkhaṇā, ayaṃ cintāmayī paññā. Imāhi dvīhi paññāhi manasikārasampayuttassa yaṃ ñāṇaṃ uppajjati dassanabhūmiyaṃ vā bhāvanābhūmiyaṃ vā, ayaṃ bhāvanāmayī paññā.
๘. ปรโตโฆสา สุตมยี ปญฺญาฯ ปจฺจตฺตสมุฎฺฐิตา โยนิโส มนสิการา จินฺตามยี ปญฺญาฯ ยํ ปรโต จ โฆเสน ปจฺจตฺตสมุฎฺฐิเตน จ โยนิโสมนสิกาเรน ญาณํ อุปฺปชฺชติ, อยํ ภาวนามยี ปญฺญาฯ ยสฺส อิมา เทฺว ปญฺญา อตฺถิ สุตมยี จินฺตามยี จ, อยํ อุคฺฆฎิตญฺญูฯ ยสฺส สุตมยี ปญฺญา อตฺถิ, จินฺตามยี นตฺถิ, อยํ วิปญฺจิตญฺญู 11ฯ ยสฺส เนว สุตมยี ปญฺญา อตฺถิ น จินฺตามยี, อยํ เนโยฺยฯ
8. Paratoghosā sutamayī paññā. Paccattasamuṭṭhitā yoniso manasikārā cintāmayī paññā. Yaṃ parato ca ghosena paccattasamuṭṭhitena ca yonisomanasikārena ñāṇaṃ uppajjati, ayaṃ bhāvanāmayī paññā. Yassa imā dve paññā atthi sutamayī cintāmayī ca, ayaṃ ugghaṭitaññū. Yassa sutamayī paññā atthi, cintāmayī natthi, ayaṃ vipañcitaññū 12. Yassa neva sutamayī paññā atthi na cintāmayī, ayaṃ neyyo.
๙. สายํ ธมฺมเทสนา กิํ เทสยติ? จตฺตาริ สจฺจานิ ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺคํฯ อาทีนโว จ ผลญฺจ ทุกฺขํ, อสฺสาโท สมุทโย, นิสฺสรณํ นิโรโธ, อุปาโย อาณตฺติ จ มโคฺคฯ อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิฯ อิทํ ธมฺมจกฺกํฯ
9. Sāyaṃ dhammadesanā kiṃ desayati? Cattāri saccāni dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ maggaṃ. Ādīnavo ca phalañca dukkhaṃ, assādo samudayo, nissaraṇaṃ nirodho, upāyo āṇatti ca maggo. Imāni cattāri saccāni. Idaṃ dhammacakkaṃ.
ยถาห ภควา – ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ เม, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฎิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํ, สพฺพํ ธมฺมจกฺกํฯ
Yathāha bhagavā – ‘‘idaṃ dukkha’’nti me, bhikkhave, bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ appaṭivattiyaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ, sabbaṃ dhammacakkaṃ.
ตตฺถ อปริมาณา ปทา, อปริมาณา อกฺขรา, อปริมาณา พฺยญฺชนา, อปริมาณา อาการา เนรุตฺตา นิเทฺทสาฯ เอตเสฺสว อตฺถสฺส สงฺกาสนา ปกาสนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ 13 ปญฺญตฺติ, อิติปิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํฯ
Tattha aparimāṇā padā, aparimāṇā akkharā, aparimāṇā byañjanā, aparimāṇā ākārā neruttā niddesā. Etasseva atthassa saṅkāsanā pakāsanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ 14 paññatti, itipidaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ.
‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ เม, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ…เป.… ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ เม, ภิกฺขเว…เป.… ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ติ เม, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฎิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํฯ
‘‘Ayaṃ dukkhasamudayo’’ti me, bhikkhave, bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ…pe… ‘‘ayaṃ dukkhanirodho’’ti me, bhikkhave…pe… ‘‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’ti me, bhikkhave, bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ appaṭivattiyaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ.
ตตฺถ อปริมาณา ปทา, อปริมาณา อกฺขรา, อปริมาณา พฺยญฺชนา, อปริมาณา อาการา เนรุตฺตา นิเทฺทสาฯ เอตเสฺสว อตฺถสฺส สงฺกาสนา ปกาสนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ ปญฺญตฺติ อิติปิทํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํฯ
Tattha aparimāṇā padā, aparimāṇā akkharā, aparimāṇā byañjanā, aparimāṇā ākārā neruttā niddesā. Etasseva atthassa saṅkāsanā pakāsanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ paññatti itipidaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ.
ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ, ปเทหิ ปกาเสติ, พฺยญฺชเนหิ วิวรติ, อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานีกโรติ 15, นิเทฺทเสหิ ปญฺญเปติฯ ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ จ ปเทหิ จ อุคฺฆเฎติ 16, พฺยญฺชเนหิ จ อากาเรหิ จ วิปญฺจยติ, นิรุตฺตีหิ จ นิเทฺทเสหิ จ วิตฺถาเรติฯ ตตฺถ อุคฺฆฎนา 17 อาทิ, วิปญฺจนา มเชฺฌ, วิตฺถารณา ปริโยสานํฯ โสยํ ธมฺมวินโย อุคฺฆฎียโนฺต อุคฺฆฎิตญฺญูปุคฺคลํ วิเนติ, เตน นํ อาหุ ‘‘อาทิกลฺยาโณ’’ติฯ วิปญฺจียโนฺต วิปญฺจิตญฺญูปุคฺคลํ วิเนติ, เตน นํ อาหุ ‘‘มเชฺฌกลฺยาโณ’’ติฯ วิตฺถารียโนฺต เนยฺยํ ปุคฺคลํ วิเนติ, เตน นํ อาหุ ‘‘ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติฯ
Tattha bhagavā akkharehi saṅkāseti, padehi pakāseti, byañjanehi vivarati, ākārehi vibhajati, niruttīhi uttānīkaroti 18, niddesehi paññapeti. Tattha bhagavā akkharehi ca padehi ca ugghaṭeti 19, byañjanehi ca ākārehi ca vipañcayati, niruttīhi ca niddesehi ca vitthāreti. Tattha ugghaṭanā 20 ādi, vipañcanā majjhe, vitthāraṇā pariyosānaṃ. Soyaṃ dhammavinayo ugghaṭīyanto ugghaṭitaññūpuggalaṃ vineti, tena naṃ āhu ‘‘ādikalyāṇo’’ti. Vipañcīyanto vipañcitaññūpuggalaṃ vineti, tena naṃ āhu ‘‘majjhekalyāṇo’’ti. Vitthārīyanto neyyaṃ puggalaṃ vineti, tena naṃ āhu ‘‘pariyosānakalyāṇo’’ti.
๑๐. ตตฺถ ฉปฺปทานิ อโตฺถ สงฺกาสนา ปกาสนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ ปญฺญตฺติ, อิมานิ ฉปฺปทานิ อโตฺถฯ ฉปฺปทานิ พฺยญฺชนํ อกฺขรํ ปทํ พฺยญฺชนํ อากาโร นิรุตฺติ นิเทฺทโส, อิมานิ ฉปฺปทานิ พฺยญฺชนํฯ เตนาห ภควา ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชน’’นฺติฯ
10. Tattha chappadāni attho saṅkāsanā pakāsanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ paññatti, imāni chappadāni attho. Chappadāni byañjanaṃ akkharaṃ padaṃ byañjanaṃ ākāro nirutti niddeso, imāni chappadāni byañjanaṃ. Tenāha bhagavā ‘‘dhammaṃ vo, bhikkhave, desessāmi ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjana’’nti.
เกวลนฺติ โลกุตฺตรํ, น มิสฺสํ โลกิเยหิ ธเมฺมหิฯ ปริปุณฺณนฺติ ปริปูรํ อนูนํ อนติเรกํฯ ปริสุทฺธนฺติ นิมฺมลํ สพฺพมลาปคตํ ปริโยทาตํ อุปฎฺฐิตํ สพฺพวิเสสานํ, อิทํ วุจฺจติ ตถาคตปทํอิติปิ ตถาคตนิเสวิตํอิติปิ ตถาคตารญฺชิตํอิติปิ, อโตเจตํ พฺรหฺมจริยํ ปญฺญายติฯ เตนาห ภควา ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสามี’’ติฯ
Kevalanti lokuttaraṃ, na missaṃ lokiyehi dhammehi. Paripuṇṇanti paripūraṃ anūnaṃ anatirekaṃ. Parisuddhanti nimmalaṃ sabbamalāpagataṃ pariyodātaṃ upaṭṭhitaṃ sabbavisesānaṃ, idaṃ vuccati tathāgatapadaṃitipi tathāgatanisevitaṃitipi tathāgatārañjitaṃitipi, atocetaṃ brahmacariyaṃ paññāyati. Tenāha bhagavā ‘‘kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsessāmī’’ti.
เกสํ อยํ ธมฺมเทสนา, โยคีนํฯ เตนาห อายสฺมา มหากจฺจายโน –
Kesaṃ ayaṃ dhammadesanā, yogīnaṃ. Tenāha āyasmā mahākaccāyano –
‘‘อสฺสาทาทีนวตา, นิสฺสรณมฺปิ จ ผลํ อุปาโย จ;
‘‘Assādādīnavatā, nissaraṇampi ca phalaṃ upāyo ca;
อาณตฺตี จ ภควโต, โยคีนํ เทสนาหาโร’’ติฯ
Āṇattī ca bhagavato, yogīnaṃ desanāhāro’’ti.
นิยุโตฺต เทสนาหาโรฯ
Niyutto desanāhāro.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. เทสนาหารวิภงฺควณฺณนา • 1. Desanāhāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑. เทสนาหารวิภงฺควณฺณนา • 1. Desanāhāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๑. เทสนาหารวิภงฺควิภาวนา • 1. Desanāhāravibhaṅgavibhāvanā