Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๔๒. เทสนานิเทฺทสวณฺณนา

    42. Desanāniddesavaṇṇanā

    ๓๘๒. อิทานิ เทสนานิทสฺสนพฺยาเสน เหฎฺฐา อวุตฺตานิ กานิจิ สิกฺขาปทานิ อุปทิสิตุํ ‘‘จาโค’’ติอาทิมาหฯ ภิกฺขุภาวสฺส โย จาโค, สา ปาราชิกเทสนาติ สมฺพโนฺธฯ ภวติ อเนนาติ ภาโว, สทฺทปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, ภิกฺขุโน ภาโว ภิกฺขุ-สทฺทสฺส ปวตฺตินิมิตฺตํ ภิกฺขุกิจฺจํ ภิกฺขุภาโว, ตสฺสฯ ทิสี อุจฺจารเณ, อุจฺจารณา ปกาสนา เทสนาฯ ‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ, วิวฎฺฎํ นาติวสฺสตี’’ติ (อุทา. ๔๕) หิ วุตฺตํฯ อิธ ปน ภิกฺขุภาวปริจฺจาโคเยว ปาราชิกาย ปกาสนา นาม ปาราชิกาย เทสนาฯ ‘‘โย’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘โส’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตํ, ตถาปิ สพฺพาทีหิ วุตฺตสฺส วา ลิงฺคมาทิยฺยเต วกฺขมานสฺส วาติ วกฺขมานเทสนาเปกฺขาย ‘‘โส’’ติ วุตฺตํฯ ยถา เยน ปกาเรน ‘‘ฉาเทติ ชานมาปนฺน’’นฺติอาทินา วุตฺตํ ยถาวุตฺตํ, เตนฯ วุตฺตมนติกฺกมฺมาติ อพฺยยีภาววเสน วา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิธาปิ ครุกาปตฺติยา วุฎฺฐานานติกฺกเมเนว ปกาสนา เทสนา สิยาติ ‘‘วุฎฺฐานํ ครุกาปตฺติเทสนา’’ติ วุจฺจติฯ

    382. Idāni desanānidassanabyāsena heṭṭhā avuttāni kānici sikkhāpadāni upadisituṃ ‘‘cāgo’’tiādimāha. Bhikkhubhāvassa yo cāgo, sā pārājikadesanāti sambandho. Bhavati anenāti bhāvo, saddappavattinimittaṃ, bhikkhuno bhāvo bhikkhu-saddassa pavattinimittaṃ bhikkhukiccaṃ bhikkhubhāvo, tassa. Disī uccāraṇe, uccāraṇā pakāsanā desanā. ‘‘Channamativassati, vivaṭṭaṃ nātivassatī’’ti (udā. 45) hi vuttaṃ. Idha pana bhikkhubhāvapariccāgoyeva pārājikāya pakāsanā nāma pārājikāya desanā. ‘‘Yo’’ti vuttattā ‘‘so’’ti vattuṃ yuttaṃ, tathāpi sabbādīhi vuttassa vā liṅgamādiyyate vakkhamānassa vāti vakkhamānadesanāpekkhāya ‘‘so’’ti vuttaṃ. Yathā yena pakārena ‘‘chādeti jānamāpanna’’ntiādinā vuttaṃ yathāvuttaṃ, tena. Vuttamanatikkammāti abyayībhāvavasena vā attho veditabbo. Idhāpi garukāpattiyā vuṭṭhānānatikkameneva pakāsanā desanā siyāti ‘‘vuṭṭhānaṃ garukāpattidesanā’’ti vuccati.

    ๓๘๓. อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย ‘‘เอว’’นฺติ วุตฺตํฯ เอกสฺสาติ เอกสฺส ภิกฺขุโนฯ

    383. Idāni vattabbaṃ sandhāya ‘‘eva’’nti vuttaṃ. Ekassāti ekassa bhikkhuno.

    ๓๘๔. ตุมฺหมูเลติ ตุมฺหากํ มูเล สมีเปฯ ปฎิเทเสมีติ ปกาเสมิฯ สํวเรยฺยาสีติ สํยเมยฺยาสิ, สํวเร ปติเฎฺฐยฺยาสีติ อโตฺถฯ

    384.Tumhamūleti tumhākaṃ mūle samīpe. Paṭidesemīti pakāsemi. Saṃvareyyāsīti saṃyameyyāsi, saṃvare patiṭṭheyyāsīti attho.

    ๓๘๕. นิสฺสชฺชิตฺวานาติ เอกพหุภาวํ สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวํ ญตฺวา ‘‘อิทํ เม, ภเนฺต, จีวร’’นฺติอาทินา นิสฺสชฺชิตฺวาฯ เตนาติ ยสฺส จีวรํ นิสฺสฎฺฐํ, เตนฯ ‘‘อิมํ…เป.… ทมฺมี’’ติ นิสฺสฎฺฐจีวรํ เทยฺยนฺติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ‘‘อิมํ จีวรํ ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติอาทินา โยเชตพฺพํฯ

    385.Nissajjitvānāti ekabahubhāvaṃ sannihitāsannihitabhāvaṃ ñatvā ‘‘idaṃ me, bhante, cīvara’’ntiādinā nissajjitvā. Tenāti yassa cīvaraṃ nissaṭṭhaṃ, tena. ‘‘Imaṃ…pe… dammī’’ti nissaṭṭhacīvaraṃ deyyanti sambandhitabbaṃ. ‘‘Imaṃ cīvaraṃ dasāhātikkanta’’ntiādinā yojetabbaṃ.

    ๓๘๖. (ก) จีวรนฺติ ติจีวราธิฎฺฐานนเยน อธิฎฺฐิเตสุ สงฺฆาฎิอาทีสุ ยํ กิญฺจิ จีวรํฯ วิปฺปวุตฺถนฺติ วิปฺปยุเตฺตน วุตฺถํฯ

    386. (Ka) cīvaranti ticīvarādhiṭṭhānanayena adhiṭṭhitesu saṅghāṭiādīsu yaṃ kiñci cīvaraṃ. Vippavutthanti vippayuttena vutthaṃ.

    (ข) อกาลจีวรนฺติ อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิมมาสํ ฐเปตฺวา เสเส เอกาทสมาเส, อตฺถเต กถิเน ตญฺจ มาสํ เหมนฺติเก จตฺตาโร มาเส จ ฐเปตฺวา เสเส สตฺตมาเส อุปฺปนฺนํ, กาเลปิ สงฺฆสฺส วา ‘‘อิทํ อกาลจีวร’’นฺติ เอกปุคฺคลสฺส วา ‘‘อิทํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติ อุทฺทิสิตฺวา ทินฺนํฯ อิตรํ ปน กาลจีวรํฯ มาสาติกฺกนฺตนฺติ อกาลจีวเร อุปฺปเนฺน อูนสฺส ปาริปูริยา สงฺฆคณาทิโต สติยา ปจฺจาสาย มาสเมกํ ปริหาโร ลพฺภติ, ตํ มาสํ อติกฺกนฺตํฯ

    (Kha) akālacīvaranti anatthate kathine vassānassa pacchimamāsaṃ ṭhapetvā sese ekādasamāse, atthate kathine tañca māsaṃ hemantike cattāro māse ca ṭhapetvā sese sattamāse uppannaṃ, kālepi saṅghassa vā ‘‘idaṃ akālacīvara’’nti ekapuggalassa vā ‘‘idaṃ tuyhaṃ dammī’’ti uddisitvā dinnaṃ. Itaraṃ pana kālacīvaraṃ. Māsātikkantanti akālacīvare uppanne ūnassa pāripūriyā saṅghagaṇādito satiyā paccāsāya māsamekaṃ parihāro labbhati, taṃ māsaṃ atikkantaṃ.

    (ค) ปุราณจีวรนฺติ ยํ อนฺตมโส อุสฺสีสกํ กตฺวา นิปโนฺนฯ จีวรํ นาม ฉนฺนํ อญฺญตรํ วิกปฺปนูปคํฯ เอเสว นโย สเพฺพสุ วกฺขมานจีวรปฺปฎิสํยุตฺตสิกฺขาปเทสุฯ

    (Ga) purāṇacīvaranti yaṃ antamaso ussīsakaṃ katvā nipanno. Cīvaraṃ nāma channaṃ aññataraṃ vikappanūpagaṃ. Eseva nayo sabbesu vakkhamānacīvarappaṭisaṃyuttasikkhāpadesu.

    (ฆ) อญฺญตฺร ปาริวตฺตกาติ อนฺตมโส หรีตกีขเณฺฑนปิ ปาริวตฺตกํ วินาฯ

    (Gha) aññatra pārivattakāti antamaso harītakīkhaṇḍenapi pārivattakaṃ vinā.

    (ง) คหปติกนฺติ ภิกฺขูสุ อปพฺพชิตกํฯ อญฺญตฺร สมยาติ อจฺฉินฺนจีวรนฎฺฐจีวรสมยํ วินา, อจฺฉินฺนจีวเรหิ ปน สาขาปลาสํ อตฺตนา ภญฺชิตฺวาปิ วากาทีนิ คณฺหิตฺวาปิ นิวาเสตุํ วฎฺฎติ, ปเคว วิญฺญตฺติฯ จีวรํ วิญฺญาปิตนฺติ สมฺพโนฺธฯ กนฺติ อาห ‘‘อญฺญาตก’’นฺติอาทิฯ

    (Ṅa) gahapatikanti bhikkhūsu apabbajitakaṃ. Aññatra samayāti acchinnacīvaranaṭṭhacīvarasamayaṃ vinā, acchinnacīvarehi pana sākhāpalāsaṃ attanā bhañjitvāpi vākādīni gaṇhitvāpi nivāsetuṃ vaṭṭati, pageva viññatti. Cīvaraṃ viññāpitanti sambandho. Kanti āha ‘‘aññātaka’’ntiādi.

    (จ) ตทุตฺตรีติ ตโต วุตฺตปฺปมาณโต อุตฺตริ, อจฺฉินฺนจีวเรน ภิกฺขุนา กาเยน วา วาจาย วา อภิหริตฺวา ปวาริตจีวรโต ตีสุ นเฎฺฐสุ เทฺว สาทิตพฺพานิ, ทฺวีสุ นเฎฺฐสุ เอกํ สาทิตพฺพํฯ ปกติยา สนฺตรุตฺตเรน จรเนฺตน ทฺวีสุ นเฎฺฐสุ เทฺวเยว สาทิตพฺพานิ, เอกสฺมิํ นเฎฺฐ เอกํเยว สาทิตพฺพํฯ ยสฺส เอกํเยว โหติ, ตสฺมิํ นเฎฺฐ เทฺว สาทิตพฺพานิฯ

    (Ca) taduttarīti tato vuttappamāṇato uttari, acchinnacīvarena bhikkhunā kāyena vā vācāya vā abhiharitvā pavāritacīvarato tīsu naṭṭhesu dve sāditabbāni, dvīsu naṭṭhesu ekaṃ sāditabbaṃ. Pakatiyā santaruttarena carantena dvīsu naṭṭhesu dveyeva sāditabbāni, ekasmiṃ naṭṭhe ekaṃyeva sāditabbaṃ. Yassa ekaṃyeva hoti, tasmiṃ naṭṭhe dve sāditabbāni.

    (ฉ) อปฺปวาริโตติ คหปตินา วา คหปตานิยา วาฯ วิกปฺปนฺติ ปฐมอธิเปฺปตโต มูลํ วฑฺฒาเปโนฺต สุนฺทรกามตาย ‘‘อายตํ วา’’ติอาทินา วิสิฎฺฐกปฺปํ อธิกวิธานํฯ

    (Cha) appavāritoti gahapatinā vā gahapatāniyā vā. Vikappanti paṭhamaadhippetato mūlaṃ vaḍḍhāpento sundarakāmatāya ‘‘āyataṃ vā’’tiādinā visiṭṭhakappaṃ adhikavidhānaṃ.

    (ช) อญฺญาตเก คหปติเกติ พหูนํ วเสน วุตฺตมตฺตเมว ปุริมโต วิเสโสฯ

    (Ja) aññātake gahapatiketi bahūnaṃ vasena vuttamattameva purimato viseso.

    (ฌ) โจทนายาติ ‘‘อโตฺถ เม, อาวุโส, จีวเรนา’’ติ โจทนายฯ ฐาเนนาติ กายโจทนมาหฯ ราชาทีหิ เปสิเตน หิ ทูเตน เวยฺยาวจฺจกรสฺส หเตฺถ จีวรเจตาปเนฺน นิกฺขิเตฺต ติโสฺส โจทนา อนุญฺญาตา, โจทนาย ทิคุณํ ฐานํ, ตสฺมา สเจ โจเทติเยว, ติฎฺฐติ, ฉ โจทนา ลพฺภนฺติฯ สเจ ติฎฺฐติเยว, น โจเทติ, ทฺวาทส ฐานานิ ลพฺภนฺติฯ สเจ อุภยํ กโรติ, เอกาย โจทนาย เทฺว ฐานานิ หาเปตพฺพานิฯ

    (Jha) codanāyāti ‘‘attho me, āvuso, cīvarenā’’ti codanāya. Ṭhānenāti kāyacodanamāha. Rājādīhi pesitena hi dūtena veyyāvaccakarassa hatthe cīvaracetāpanne nikkhitte tisso codanā anuññātā, codanāya diguṇaṃ ṭhānaṃ, tasmā sace codetiyeva, na tiṭṭhati, cha codanā labbhanti. Sace tiṭṭhatiyeva, na codeti, dvādasa ṭhānāni labbhanti. Sace ubhayaṃ karoti, ekāya codanāya dve ṭhānāni hāpetabbāni.

    (ฎ) สุทฺธานิ จ ตานิ กาฬกานิ จ ชาติยา รชเนน วาฯ

    (Ṭa) suddhāni ca tāni kāḷakāni ca jātiyā rajanena vā.

    (ฐ) ตุลนฺติ จตูหิ ตุลาหิ กาเรตุกามตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อตฺถโต ปน ยตฺตเกหิ เอฬกโลเมหิ กาตุกาโม โหติ, เตสุ เทฺว โกฎฺฐาสา กาฬกานํ, เอโก โอทาตานํ, เอโก โคจริยานํ คเหตโพฺพฯ ตุลา นาม ปลสตํฯ โคจริยา นาม กปิลวณฺณาฯ อิทํ เม สนฺถตํ การาปิตนฺติ โยชนาฯ

    (Ṭha) tulanti catūhi tulāhi kāretukāmataṃ sandhāya vuttaṃ. Atthato pana yattakehi eḷakalomehi kātukāmo hoti, tesu dve koṭṭhāsā kāḷakānaṃ, eko odātānaṃ, eko gocariyānaṃ gahetabbo. Tulā nāma palasataṃ. Gocariyā nāma kapilavaṇṇā. Idaṃ me santhataṃ kārāpitanti yojanā.

    (ณ) ติโยชนปรมนฺติ คหิตฎฺฐานโต ตีณิ โยชนานิ ปรโม อสฺส อติกฺกมนสฺสาติ ภาวนปุํสกวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อติกฺกามิตานีติ อนฺตมโส สุตฺตเกนปิ ภณฺฑกตภณฺฑหรณํ วินา อนฺตมโส วาตาพาธปฺปฎิการตฺถํ กณฺณจฺฉิเทฺท ปกฺขิตฺตานิ อติกฺกามิตานิฯ

    (Ṇa) tiyojanaparamanti gahitaṭṭhānato tīṇi yojanāni paramo assa atikkamanassāti bhāvanapuṃsakavasena attho veditabbo. Atikkāmitānīti antamaso suttakenapi bhaṇḍakatabhaṇḍaharaṇaṃ vinā antamaso vātābādhappaṭikāratthaṃ kaṇṇacchidde pakkhittāni atikkāmitāni.

    ๓๘๗-๙. นิสฺสชฺชิตฺวานาติ วุตฺตนเยน วตฺถูนิ นิสฺสชฺชิตฺวาฯ อถาติ เทสิตานนฺตรํฯ ‘‘อิมํ ชานาหี’’ติ คิหิํ วเทติ โยชนาฯ โสติ อารามิกาทิโก คิหีฯ ‘‘อิมินา กิํ อาหรามี’’ติ วเทยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ วเทยฺยาติ ยทิ วทติฯ อิมนฺติ อวตฺวาติ ‘‘อิมํ อาหรา’’ติ อวตฺวา ภิกฺขูนํ กปฺปิยํ เตลาทินฺติ วเทติ สมฺพโนฺธฯ อาทินฺติ สนฺธิวเสน นิคฺคหิตํฯ เตน ปริวเตฺตตฺวาน โส ยํ กปฺปิยํ อาหรตีติ โยชนาฯ เตนาติ นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา ฯ เทฺวเปเต ฐเปตฺวาติ เอเต รูปิยปฺปฎิคฺคาหกรูปิยสํโวหารเก เทฺว ฐเปตฺวา เสเสหิ ปริภุญฺชิตุํ ลพฺภนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปริภุญฺชิตุนฺติ ตํ ภุญฺชิตุํฯ ตโตติ ปริวตฺติตกปฺปิยโตฯ อเญฺญนาติ อนฺตมโส อารามิเกนาปิฯ เตสนฺติ วุตฺตานํ ทฺวินฺนํฯ

    387-9.Nissajjitvānāti vuttanayena vatthūni nissajjitvā. Athāti desitānantaraṃ. ‘‘Imaṃ jānāhī’’ti gihiṃ vadeti yojanā. Soti ārāmikādiko gihī. ‘‘Iminā kiṃ āharāmī’’ti vadeyyāti sambandho. Vadeyyāti yadi vadati. Imanti avatvāti ‘‘imaṃ āharā’’ti avatvā bhikkhūnaṃ kappiyaṃ telādinti vadeti sambandho. Ādinti sandhivasena niggahitaṃ. Tena parivattetvāna so yaṃ kappiyaṃ āharatīti yojanā. Tenāti nissaggiyavatthunā . Dvepete ṭhapetvāti ete rūpiyappaṭiggāhakarūpiyasaṃvohārake dve ṭhapetvā sesehi paribhuñjituṃ labbhanti sambandho. Paribhuñjitunti taṃ bhuñjituṃ. Tatoti parivattitakappiyato. Aññenāti antamaso ārāmikenāpi. Tesanti vuttānaṃ dvinnaṃ.

    ๓๙๐. อนฺตมโส ตนฺนิพฺพตฺตา รุกฺขจฺฉายาปีติ สมฺพโนฺธฯ ตนฺนิพฺพตฺตาติ นิสฺสฎฺฐวตฺถุนา กิณิตฺวา คหิตอาราเม รุกฺขจฺฉายา ตนฺนิพฺพตฺตา โหตีติ ตโต นิพฺพตฺตาติ สมาโสฯ อาทิโต สนฺถตตฺตยนฺติ อาทิมฺหิ โกสิยสุทฺธกาฬกเทฺวภาคสนฺถตตฺตยํฯ

    390. Antamaso tannibbattā rukkhacchāyāpīti sambandho. Tannibbattāti nissaṭṭhavatthunā kiṇitvā gahitaārāme rukkhacchāyā tannibbattā hotīti tato nibbattāti samāso. Ādito santhatattayanti ādimhi kosiyasuddhakāḷakadvebhāgasanthatattayaṃ.

    ๓๙๑. เอวํ เจ โน ลเภถาติ เอวํ ปริวเตฺตตฺวา กปฺปิยการโก โน เจ ลเภยฺย, โส คิหี ‘‘อิมํ ฉเฑฺฑหี’’ติ สํสิโย วตฺตโพฺพ, เอวํ รูปิยฉฑฺฑโก คิหี โน เจ ลเภยฺย, สมฺมโต ภิกฺขุ ฉเฑฺฑยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ สมฺมโตติ ‘‘โย ฉนฺทาคติํ น คเจฺฉยฺยา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๘๔) วุตฺตปญฺจงฺคสมนฺนาคโต รูปิยฉฑฺฑกสมฺมุติยา สมฺมโต ภิกฺขุฯ

    391.Evaṃ ce no labhethāti evaṃ parivattetvā kappiyakārako no ce labheyya, so gihī ‘‘imaṃ chaḍḍehī’’ti saṃsiyo vattabbo, evaṃ rūpiyachaḍḍako gihī no ce labheyya, sammato bhikkhu chaḍḍeyyāti sambandho. Sammatoti ‘‘yo chandāgatiṃ na gaccheyyā’’tiādinā (pārā. 584) vuttapañcaṅgasamannāgato rūpiyachaḍḍakasammutiyā sammato bhikkhu.

    ๓๙๒. เอตานีติ ปฎิคฺคหิตรูปิยานิฯ ทุติยํ ปตฺตนฺติ อูนปญฺจพนฺธเน สติ วิญฺญาปิตปตฺตํ สเงฺฆ วตฺตุํ ลพฺภเรติ ปทสมฺพโนฺธฯ วตฺตุนฺติ ‘‘อหํ ภเนฺต รูปิยํ ปฎิคฺคเหสิ’’นฺติอาทินา วตฺตุํฯ เสสานิ อวเสสนิสฺสคฺคิยวตฺถูนิ สเงฺฆ เอกสฺมิํ คเณ จ วตฺตุํ ลพฺภเรติ โยชนาฯ ภาสนฺตเรนปิ วตฺตุํ ลพฺภนฺติ น เกวลํ ปาฬิภาสายเมว, สีหฬาทิภาสายปิ นิสฺสชฺชิตุํ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ

    392.Etānīti paṭiggahitarūpiyāni. Dutiyaṃ pattanti ūnapañcabandhane sati viññāpitapattaṃ saṅghe vattuṃ labbhareti padasambandho. Vattunti ‘‘ahaṃ bhante rūpiyaṃ paṭiggahesi’’ntiādinā vattuṃ. Sesāni avasesanissaggiyavatthūni saṅghe ekasmiṃ gaṇe ca vattuṃ labbhareti yojanā. Bhāsantarenapi vattuṃ labbhanti na kevalaṃ pāḷibhāsāyameva, sīhaḷādibhāsāyapi nissajjituṃ labbhatīti attho.

    ๓๙๓. (ก) นานปฺปการนฺติ จีวราทีนํ กปฺปิยภณฺฑานํ วเสน อเนกวิธํฯ กโย คหณํ, วิกฺกโย ทานํฯ กโย จ วิกฺกโย จ กยวิกฺกยํ

    393. (Ka) nānappakāranti cīvarādīnaṃ kappiyabhaṇḍānaṃ vasena anekavidhaṃ. Kayo gahaṇaṃ, vikkayo dānaṃ. Kayo ca vikkayo ca kayavikkayaṃ.

    (ค) อูนปญฺจพนฺธเนนาติ อูนานิ ปญฺจ พนฺธนานิ ยสฺส, เตน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํฯ ยถากถญฺจิ ปน ปญฺจพนฺธโน ปโตฺต, ปญฺจพนฺธโนกาโส วา, โส อปโตฺต, อญฺญํ วิญฺญาเปตุํ วฎฺฎติฯ

    (Ga) ūnapañcabandhanenāti ūnāni pañca bandhanāni yassa, tena, itthambhūtalakkhaṇe karaṇavacanaṃ. Yathākathañci pana pañcabandhano patto, pañcabandhanokāso vā, so apatto, aññaṃ viññāpetuṃ vaṭṭati.

    ๓๙๔. สมฺมนฺนิตฺวานาติ ปทภาชนีเย วุตฺตญตฺติทุติยกเมฺมน สมฺมนฺนิตฺวาฯ สงฺฆสฺส ปตฺตนฺตนฺติ อนฺต-สเทฺทน ปตฺตานํ อเนฺต ภโว ลามโก ปโตฺตเยว คหิโต, นิสฺสฎฺฐปตฺตสฺส วิชฺชมานคุณํ วตฺวา เถรํ, เถรสฺส ปตฺตํ ทุติยเตฺถรํ คาหาเปตฺวา เอเตเนว อุปาเยน ยาวสงฺฆนวกํ คาหาเปตฺวา โย ตตฺถ สนฺนิปติตสงฺฆสฺส ปเตฺตสุ ปริยโนฺต ปโตฺต, ตํ ปตฺตนฺติฯ ตสฺสาติ กตนิสฺสชฺชนสฺส ภิกฺขุโนฯ ทาปเยติ สมฺมเตน ปตฺตคาหาปเกน ทาเปยฺยฯ

    394.Sammannitvānāti padabhājanīye vuttañattidutiyakammena sammannitvā. Saṅghassa pattantanti anta-saddena pattānaṃ ante bhavo lāmako pattoyeva gahito, nissaṭṭhapattassa vijjamānaguṇaṃ vatvā theraṃ, therassa pattaṃ dutiyattheraṃ gāhāpetvā eteneva upāyena yāvasaṅghanavakaṃ gāhāpetvā yo tattha sannipatitasaṅghassa pattesu pariyanto patto, taṃ pattanti. Tassāti katanissajjanassa bhikkhuno. Dāpayeti sammatena pattagāhāpakena dāpeyya.

    ๓๙๕. (ก) เภสชฺชนฺติ เภสชฺชกิจฺจํ กโรตุ วา, มา วา, เอวํ ลทฺธโวหารํ สปฺปิอาทิกํ สตฺตาหกาลิกํฯ

    395. (Ka) bhesajjanti bhesajjakiccaṃ karotu vā, mā vā, evaṃ laddhavohāraṃ sappiādikaṃ sattāhakālikaṃ.

    (ข) คิมฺหานสฺส ปจฺฉิมมาเส ปุริโม อทฺธมาโส ปริเยสนกรณานํ เขตฺตํ, ปจฺฉิมทฺธมาโส ปริเยสนกรณนิวาสนานํ เขตฺตํ, วสฺสิกมาสา จตฺตาโรปิ อธิฎฺฐาเนน สห จตุนฺนมฺปิ เขตฺตํ, อิเมเยว ปญฺจมาสา กุจฺฉิสมโย, อิตรสตฺตมาสา ปิฎฺฐิสมโยฯ ปิฎฺฐิสมเย ปริเยสนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, กุจฺฉิสมเย จ อติเรกทฺธมาเส กตฺวา ปริทหโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อติเรกมาเส เสเส’’ติฯ

    (Kha) gimhānassa pacchimamāse purimo addhamāso pariyesanakaraṇānaṃ khettaṃ, pacchimaddhamāso pariyesanakaraṇanivāsanānaṃ khettaṃ, vassikamāsā cattāropi adhiṭṭhānena saha catunnampi khettaṃ, imeyeva pañcamāsā kucchisamayo, itarasattamāsā piṭṭhisamayo. Piṭṭhisamaye pariyesantassa nissaggiyaṃ pācittiyaṃ, kucchisamaye ca atirekaddhamāse katvā paridahato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘atirekamāse sese’’ti.

    (ค) สามํ ทตฺวาติ เวยฺยาวจฺจาทีนิ ปจฺจาสีสมาโน สยเมว ทตฺวาฯ อจฺฉินฺนนฺติ ตํ อกโรนฺตํ ทิสฺวา สกสญฺญาย อจฺฉินฺนํฯ ภิกฺขุโนปิ จีวรํ ฐเปตฺวา อญฺญํ ปริกฺขารํ, อนุปสมฺปนฺนสฺส จ ยํ กิญฺจิ ปริกฺขารํ อจฺฉินฺทโต ทุกฺกฎํฯ ปริจฺจชิตฺวา ทินฺนํ สกสญฺญํ วินา อจฺฉินฺทโนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ

    (Ga) sāmaṃ datvāti veyyāvaccādīni paccāsīsamāno sayameva datvā. Acchinnanti taṃ akarontaṃ disvā sakasaññāya acchinnaṃ. Bhikkhunopi cīvaraṃ ṭhapetvā aññaṃ parikkhāraṃ, anupasampannassa ca yaṃ kiñci parikkhāraṃ acchindato dukkaṭaṃ. Pariccajitvā dinnaṃ sakasaññaṃ vinā acchindanto bhaṇḍagghena kāretabbo.

    (ง) วิกปฺปนฺติ ‘‘อายตญฺจ กโรหิ วิตฺถตญฺจา’’ติอาทิกํ อธิกวิธานํฯ

    (Ṅa) vikappanti ‘‘āyatañca karohi vitthatañcā’’tiādikaṃ adhikavidhānaṃ.

    (จ) อเจฺจกจีวรนฺติ คมิกคิลานคพฺภินิอภินวุปฺปนฺนสทฺธานํ อญฺญตเรน ปวารณมาสสฺส ชุณฺหปกฺขปญฺจมิโต ปฎฺฐาย ‘‘วสฺสาวาสิกํ ทสฺสามี’’ติ ทินฺนํ อจฺจายิกจีวรํฯ อเจฺจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิกา ปญฺจ มาสา จีวรกาลสมโย, ตํ อติกฺกาเมนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จีวรกาลสมยํ อติกฺกามิต’’นฺติฯ กาโล จ โส สมโย จ จีวรสฺส กาลสมโย, ตํฯ

    (Ca) accekacīvaranti gamikagilānagabbhiniabhinavuppannasaddhānaṃ aññatarena pavāraṇamāsassa juṇhapakkhapañcamito paṭṭhāya ‘‘vassāvāsikaṃ dassāmī’’ti dinnaṃ accāyikacīvaraṃ. Accekacīvarassa anatthate kathine ekādasadivasādhiko māso, atthate kathine ekādasadivasādhikā pañca māsā cīvarakālasamayo, taṃ atikkāmentassa nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘cīvarakālasamayaṃ atikkāmita’’nti. Kālo ca so samayo ca cīvarassa kālasamayo, taṃ.

    (ฉ) สปฺปฎิภเย อารญฺญกเสนาสเน วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วิหรเนฺตน ภิกฺขุนา ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํ ปุริมิกาย อุปคนฺตฺวา มหาปวารณาย ปวาริตตา, กตฺติกมาสตา, ปญฺจธนุสติกปจฺฉิ มปฺปมาณยุตฺตเสนาสนตา, สาสงฺกสปฺปฎิภยตาติ เอวํ วุตฺตจตุรงฺคสมฺปตฺติยาอนฺตรฆเร นิกฺขิปิตฺวา สติ ปจฺจเย ฉารตฺตปรมํ เตน จีวเรน วิปฺปวสิตพฺพํฯ ตโต เจ อุตฺตริ วิปฺปวเสยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อติเรกฉารตฺต’’นฺติอาทิฯ

    (Cha) sappaṭibhaye āraññakasenāsane vassaṃ upagantvā viharantena bhikkhunā tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ purimikāya upagantvā mahāpavāraṇāya pavāritatā, kattikamāsatā, pañcadhanusatikapacchi mappamāṇayuttasenāsanatā, sāsaṅkasappaṭibhayatāti evaṃ vuttacaturaṅgasampattiyāantaraghare nikkhipitvā sati paccaye chārattaparamaṃ tena cīvarena vippavasitabbaṃ. Tato ce uttari vippavaseyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘atirekachāratta’’ntiādi.

    (ช) ชานนฺติ ชานโนฺตฯ

    (Ja) jānanti jānanto.

    ๓๙๖. อาทิมฺหิ วิยาติ ปฐมนิสฺสคฺคิเย วิยฯ

    396.Ādimhi viyāti paṭhamanissaggiye viya.

    ๓๙๗. (ข) อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต ขาทนียาทิปฺปฎิคฺคหเณ จ ภิกฺขูสุ กุเลสุ ภุญฺชเนฺตสุ ‘‘อิธ ปูวํ, สูปํ เทถา’’ติอาทินา นเยน โวสาสมานาย ภิกฺขุนิยา อนปสาทเนน จ เสขสมฺมเตสุ กุเลสุ ปุเพฺพ อนิมนฺติตสฺส ขาทนียาทีนํ ปฎิคฺคหเณ จ สปฺปฎิภเย อารญฺญกเสนาสเน วิหรนฺตสฺส ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิตขาทนียาทิปฺปฎิคฺคหเณ จ ปาฎิเทสนียํ นาม อาปตฺตินิกาโย วุโตฺตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘คารยฺห’’นฺติอาทิฯ

    397. (Kha) antaragharaṃ paviṭṭhāya bhikkhuniyā hatthato khādanīyādippaṭiggahaṇe ca bhikkhūsu kulesu bhuñjantesu ‘‘idha pūvaṃ, sūpaṃ dethā’’tiādinā nayena vosāsamānāya bhikkhuniyā anapasādanena ca sekhasammatesu kulesu pubbe animantitassa khādanīyādīnaṃ paṭiggahaṇe ca sappaṭibhaye āraññakasenāsane viharantassa pubbe appaṭisaṃviditakhādanīyādippaṭiggahaṇe ca pāṭidesanīyaṃ nāma āpattinikāyo vutto. Tena vuttaṃ ‘‘gārayha’’ntiādi.

    ๓๙๘. ‘‘อเทสนาคามินิย’’นฺติอาทิ ‘‘น เทสเย’’ติ เอตฺถ กมฺมํฯ ปาราชิกา สงฺฆาทิเสสา จ อเทสนาคามินิโย นามฯ น อาปตฺติ อนาปตฺติ, ตํฯ กตเทสนํ เทสิตํฯ นานาสํวาสนิสฺสีมฎฺฐิตานํ น เทสเยติ สมฺพโนฺธฯ เอวํ จตุปญฺจหิ น เทสเย, มนสา น เทสเย, อปกตตฺตานํ น เทสเย, นานา ‘‘เอกา’’ติ น เทสเยติฯ มนสาติ เกวลํ จิเตฺตเนวฯ นานาติ สมฺพหุลา อาปตฺติโย ‘‘เอกา’’ติ วตฺวาฯ เอกํ ปน อาปตฺติํ ‘‘สมฺพหุลา’’ติ เทเสตุํ วฎฺฎตีติฯ

    398.‘‘Adesanāgāminiya’’ntiādi ‘‘na desaye’’ti ettha kammaṃ. Pārājikā saṅghādisesā ca adesanāgāminiyo nāma. Na āpatti anāpatti, taṃ. Katadesanaṃ desitaṃ. Nānāsaṃvāsanissīmaṭṭhitānaṃ na desayeti sambandho. Evaṃ catupañcahi na desaye, manasā na desaye, apakatattānaṃ na desaye, nānā ‘‘ekā’’ti na desayeti. Manasāti kevalaṃ citteneva. Nānāti sambahulā āpattiyo ‘‘ekā’’ti vatvā. Ekaṃ pana āpattiṃ ‘‘sambahulā’’ti desetuṃ vaṭṭatīti.

    เทสนานิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Desanāniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact