Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๒. เทสนาสุตฺตวณฺณนา
2. Desanāsuttavaṇṇanā
๓๙. ทุติเย ปริยาเยนาติ เอตฺถ ปริยาย-สโทฺท ‘‘มธุปิณฺฑิกปริยาโยเตฺวว นํ ธาเรหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) เทสนายํ อาคโตฯ ‘‘อตฺถิ เขฺวส , พฺราหฺมณ, ปริยาโย, เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – อกิริยวาโท สมโณ โคตโม’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕; อ. นิ. ๘.๑๑) การเณฯ ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘) วาเรฯ อิธ ปน วาเรปิ การเณปิ วฎฺฎติ, ตสฺมา, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส เทฺว ธมฺมเทสนา ยถารหํ การเณน ภวนฺติ, วาเรน วาติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ ภควา หิ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ กทาจิ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม, ธมฺมา อกุสลาฯ อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชาฯ อิเม เสวิตพฺพา, อิเม น เสวิตพฺพา’’ติอาทินา กุสลากุสลธเมฺม วิภชโนฺต กุสลธเมฺมหิ อกุสลธเมฺม อสงฺกรโต ปญฺญาเปโนฺต ‘‘ปาปํ ปาปกโต ปสฺสถา’’ติ ธมฺมํ เทเสติฯ กทาจิ ‘‘ปาณาติปาโต, ภิกฺขเว, อาเสวิโต ภาวิโต พหุลีกโต นิรยสํวตฺตนิโก ติรจฺฉานโยนิสํวตฺตนิโก เปตฺติวิสยสํวตฺตนิโก, โย สพฺพลหุโก ปาณาติปาโต, โส อปฺปายุกสํวตฺตนิโก’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๔๐) อาทีนวํ ปกาเสโนฺต ปาปโต นิพฺพิทาทีหิ นิโยเชโนฺต ‘‘นิพฺพินฺทถ วิรชฺชถา’’ติ ธมฺมํ เทเสติฯ
39. Dutiye pariyāyenāti ettha pariyāya-saddo ‘‘madhupiṇḍikapariyāyotveva naṃ dhārehī’’tiādīsu (ma. ni. 1.205) desanāyaṃ āgato. ‘‘Atthi khvesa , brāhmaṇa, pariyāyo, yena maṃ pariyāyena sammā vadamāno vadeyya – akiriyavādo samaṇo gotamo’’tiādīsu (pārā. 5; a. ni. 8.11) kāraṇe. ‘‘Kassa nu kho, ānanda, ajja pariyāyo bhikkhuniyo ovaditu’’ntiādīsu (ma. ni. 3.398) vāre. Idha pana vārepi kāraṇepi vaṭṭati, tasmā, bhikkhave, tathāgatassa dve dhammadesanā yathārahaṃ kāraṇena bhavanti, vārena vāti ayamettha attho. Bhagavā hi veneyyajjhāsayānurūpaṃ kadāci ‘‘ime dhammā kusalā, ime, dhammā akusalā. Ime dhammā sāvajjā, ime dhammā anavajjā. Ime sevitabbā, ime na sevitabbā’’tiādinā kusalākusaladhamme vibhajanto kusaladhammehi akusaladhamme asaṅkarato paññāpento ‘‘pāpaṃ pāpakato passathā’’ti dhammaṃ deseti. Kadāci ‘‘pāṇātipāto, bhikkhave, āsevito bhāvito bahulīkato nirayasaṃvattaniko tiracchānayonisaṃvattaniko pettivisayasaṃvattaniko, yo sabbalahuko pāṇātipāto, so appāyukasaṃvattaniko’’tiādinā (a. ni. 8.40) ādīnavaṃ pakāsento pāpato nibbidādīhi niyojento ‘‘nibbindatha virajjathā’’ti dhammaṃ deseti.
ภวนฺตีติ โหนฺติ ปวตฺตนฺติฯ ปาปํ ปาปกโต ปสฺสถาติ สพฺพํ ปาปธมฺมํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม อายติญฺจ อหิตทุกฺขาวหโต ลามกโต ปสฺสถฯ ตตฺถ นิพฺพินฺทถาติ ตสฺมิํ ปาปธเมฺม ‘‘อจฺจนฺตหีนภาวโต ลามกเฎฺฐน ปาปํ, อโกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน อกุสลํ, ปกติปภสฺสรสฺส ปสนฺนสฺส จ จิตฺตสฺส ปภสฺสราทิภาววินาสนโต สํกิเลสิกํ, ปุนปฺปุนํ ภวทุกฺขนิพฺพตฺตนโต โปโนพฺภวิกํ, สเหว ทรเถหิ ปริฬาเหหิ วตฺตนโต สทรถํ, ทุกฺขเสฺสว วิปจฺจนโต ทุกฺขวิปากํ, อปริมาณมฺปิ กาลํ อนาคเต ชาติชรามรณนิพฺพตฺตนโต อายติํ ชาติชรามรณิยํ, สพฺพหิตสุขวิทฺธํสนสมตฺถ’’นฺติอาทินา นเยน นานาวิเธ อาทีนเว, ตสฺส จ ปหาเน อานิสํเส สมฺมปญฺญาย ปสฺสนฺตา นิพฺพินฺทถ นิเพฺพทํ อาปชฺชถฯ นิพฺพินฺทนฺตา จ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน ปาปโต วิรชฺชถ เจว วิมุจฺจถ จฯ มเคฺคน วา สมุเจฺฉทวิราควเสน วิรชฺชถ, ตโต ผเลน ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติวเสน วิมุจฺจถฯ อถ วา ปาปนฺติ ลามกโต ปาปํฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยํ อนิจฺจทุกฺขาทิภาเวน กุจฺฉิตํ อริเยหิ ชิคุจฺฉนียํ วฎฺฎทุกฺขํ ปาเปตีติ ปาปํฯ กิํ ปน ตํ? เตภูมกธมฺมชาตํ ฯ ยถาวุเตฺตน อเตฺถน ปาปกโต ทิสฺวา ตตฺถ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, โรคโต, คณฺฑโต, สลฺลโต, อฆโต, อาพาธโตติอาทินา วิปสฺสนํ วเฑฺฒนฺตา นิพฺพินฺทถฯ อยํ ทุติยาติ ยาถาวโต อหิตานตฺถวิภาวนํ ปฐมํ อุปาทาย ตโต วิเวจนํ อยํ ทุติยา ธมฺมเทสนาฯ
Bhavantīti honti pavattanti. Pāpaṃ pāpakato passathāti sabbaṃ pāpadhammaṃ diṭṭheva dhamme āyatiñca ahitadukkhāvahato lāmakato passatha. Tattha nibbindathāti tasmiṃ pāpadhamme ‘‘accantahīnabhāvato lāmakaṭṭhena pāpaṃ, akosallasambhūtaṭṭhena akusalaṃ, pakatipabhassarassa pasannassa ca cittassa pabhassarādibhāvavināsanato saṃkilesikaṃ, punappunaṃ bhavadukkhanibbattanato ponobbhavikaṃ, saheva darathehi pariḷāhehi vattanato sadarathaṃ, dukkhasseva vipaccanato dukkhavipākaṃ, aparimāṇampi kālaṃ anāgate jātijarāmaraṇanibbattanato āyatiṃ jātijarāmaraṇiyaṃ, sabbahitasukhaviddhaṃsanasamattha’’ntiādinā nayena nānāvidhe ādīnave, tassa ca pahāne ānisaṃse sammapaññāya passantā nibbindatha nibbedaṃ āpajjatha. Nibbindantā ca vipassanaṃ vaḍḍhetvā ariyamaggādhigamena pāpato virajjatha ceva vimuccatha ca. Maggena vā samucchedavirāgavasena virajjatha, tato phalena paṭippassaddhivimuttivasena vimuccatha. Atha vā pāpanti lāmakato pāpaṃ. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yaṃ aniccadukkhādibhāvena kucchitaṃ ariyehi jigucchanīyaṃ vaṭṭadukkhaṃ pāpetīti pāpaṃ. Kiṃ pana taṃ? Tebhūmakadhammajātaṃ . Yathāvuttena atthena pāpakato disvā tattha aniccato, dukkhato, rogato, gaṇḍato, sallato, aghato, ābādhatotiādinā vipassanaṃ vaḍḍhentā nibbindatha. Ayaṃ dutiyāti yāthāvato ahitānatthavibhāvanaṃ paṭhamaṃ upādāya tato vivecanaṃ ayaṃ dutiyā dhammadesanā.
คาถาสุ พุทฺธสฺสาติ สพฺพญฺญุพุทฺธสฺสฯ สพฺพภูตานุกมฺปิโนติ สเพฺพปิ สเตฺต มหากรุณาย อนุกมฺปนสภาวสฺสฯ ปริยายวจนนฺติ ปริยาเยน กถนํ เทสนํฯ ปสฺสาติ ปริสํ อาลปติ, ปริสเชฎฺฐกํ วา สนฺธาย วุตฺตํฯ เกจิ ปนาหุ ‘‘อตฺตานเมว สนฺธาย ภควา ‘ปสฺสา’ติ อโวจา’’ติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปาปเก วิรชฺชถ ราคํ ปชหถาติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Gāthāsu buddhassāti sabbaññubuddhassa. Sabbabhūtānukampinoti sabbepi satte mahākaruṇāya anukampanasabhāvassa. Pariyāyavacananti pariyāyena kathanaṃ desanaṃ. Passāti parisaṃ ālapati, parisajeṭṭhakaṃ vā sandhāya vuttaṃ. Keci panāhu ‘‘attānameva sandhāya bhagavā ‘passā’ti avocā’’ti. Tatthāti tasmiṃ pāpake virajjatha rāgaṃ pajahathāti attho. Sesaṃ vuttanayameva.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๒. เทสนาสุตฺตํ • 2. Desanāsuttaṃ