Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
มชฺฌิมนิกาเย
Majjhimanikāye
อุปริปณฺณาส-ฎีกา
Uparipaṇṇāsa-ṭīkā
๑. เทวทหวโคฺค
1. Devadahavaggo
๑. เทวทหสุตฺตวณฺณนา
1. Devadahasuttavaṇṇanā
๑. ทิพฺพนฺติ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, ลฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ, วิชยสมตฺถตาโยเคน ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ; อิสฺสริยฎฺฐานาทิสกฺการทานคฺคหณํ ตํตํอตฺถานุสาสนญฺจ กโรนฺตา โวหรนฺติ, ปุญฺญานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชเตนฺติ วาติ เทวา วุจฺจนฺติ ราชาโนฯ ตถา หิ เต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รญฺชยนฺตา สยํ ยถาวุเตฺตหิ วิเสเสหิ ราชนฺติ ทิพฺพนฺติ โสภนฺตีติ จ, ‘‘ราชาโน’’ติ วุจฺจนฺติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ นิคมเทเสฯ สาติ โปกฺขรณีฯ ตนฺติ ตํ, ‘‘เทวทห’’นฺติ ลทฺธนามํ โปกฺขรณิํ อุปาทาย, ตสฺส อทูรภวตฺตาติ เกจิฯ สพฺพํ สุขาทิเภทํ เวทยิตํฯ ปุเพฺพติ ปุริมชาติยํฯ กตกมฺมปจฺจยาติ กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยภาวโต ชาตํ กมฺมํ ปฎิจฺจฯ เตน สพฺพาปิ เวทนา กมฺมผลภูตา เอว อนุภวิตพฺพาติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อิมินา’’ติอาทิฯ อนิยเมตฺวา วุตฺตนฺติ, ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน’’ติ เอวํ อิเม นามาติ อวิเสเสตฺวา วุตฺตมตฺถํฯ นิยเมตฺวาติ, ‘‘เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, นิคณฺฐา’’ติ เอวํ วิเสเสตฺวา ทเสฺสติฯ
1. Dibbanti kāmaguṇehi kīḷanti, laḷanti, tesu vā viharanti, vijayasamatthatāyogena paccatthike vijetuṃ icchanti; issariyaṭṭhānādisakkāradānaggahaṇaṃ taṃtaṃatthānusāsanañca karontā voharanti, puññānubhāvappattāya jutiyā jotenti vāti devā vuccanti rājāno. Tathā hi te catūhi saṅgahavatthūhi janaṃ rañjayantā sayaṃ yathāvuttehi visesehi rājanti dibbanti sobhantīti ca, ‘‘rājāno’’ti vuccanti. Tatthāti tasmiṃ nigamadese. Sāti pokkharaṇī. Tanti taṃ, ‘‘devadaha’’nti laddhanāmaṃ pokkharaṇiṃ upādāya, tassa adūrabhavattāti keci. Sabbaṃ sukhādibhedaṃ vedayitaṃ. Pubbeti purimajātiyaṃ. Katakammapaccayāti katassa kammassa paccayabhāvato jātaṃ kammaṃ paṭicca. Tena sabbāpi vedanā kammaphalabhūtā eva anubhavitabbāti dasseti. Tenāha ‘‘iminā’’tiādi. Aniyametvā vuttanti, ‘‘santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino’’ti evaṃ ime nāmāti avisesetvā vuttamatthaṃ. Niyametvāti, ‘‘evaṃvādino, bhikkhave, nigaṇṭhā’’ti evaṃ visesetvā dasseti.
กลิสาสนนฺติ ปราชยํฯ กลีติ หิ อนโตฺถ วุจฺจติ, กลีติ สสติ วิปฺผรตีติ กลิสาสนํ, ปราชโยฯ กลีติ วา โกธมานาทิกิเลสชาติ, ตาย ปน อยุตฺตวาทิตา กลิสาสนํฯ ตํ อาโรเปตุกาโม วิภาเวตุกาโม ฯ เย กมฺมํ กตํ อกตํ วาติ น ชานนฺติ, เต กถํ ตํ เอทิสนฺติ ชานิสฺสนฺติฯ เย จ กมฺมํ ปเภทโต น ชานนฺติ, เต กถํ ตสฺส วิปากํ ชานิสฺสนฺติ; วิปากปริโยสิตภาวํ ชานิสฺสนฺติ, เย จ ปาปสฺส กมฺมสฺส ปฎิปกฺขเมว น ชานนฺติ; เต กถํ ตสฺส ปหานํ กุสลกมฺมสฺส จ สมฺปาทนวิธิํ ชานิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต, ‘‘อุตฺตริ ปุจฺฉายปิ เอเสว นโย’’ติ อาหฯ
Kalisāsananti parājayaṃ. Kalīti hi anattho vuccati, kalīti sasati vippharatīti kalisāsanaṃ, parājayo. Kalīti vā kodhamānādikilesajāti, tāya pana ayuttavāditā kalisāsanaṃ. Taṃ āropetukāmo vibhāvetukāmo . Ye kammaṃ kataṃ akataṃ vāti na jānanti, te kathaṃ taṃ edisanti jānissanti. Ye ca kammaṃ pabhedato na jānanti, te kathaṃ tassa vipākaṃ jānissanti; vipākapariyositabhāvaṃ jānissanti, ye ca pāpassa kammassa paṭipakkhameva na jānanti; te kathaṃ tassa pahānaṃ kusalakammassa ca sampādanavidhiṃ jānissantīti imamatthaṃ dassento, ‘‘uttari pucchāyapi eseva nayo’’ti āha.
๒. กิญฺจาปิ จูฬทุกฺขกฺขเนฺธปิ, (ม. นิ. ๑.๑๘๐) ‘‘เอวํ สเนฺต’’ติ อิมินา เตสํ นิคณฺฐานํ อชานนภาโว เอว อุชุกํ ปกาสิโต เหฎฺฐา เทสนาย ตถา ปวตฺตตฺตาฯ ตถา หิ อฎฺฐกถายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๘๐) วุตฺตํ – ‘‘เอวํ สเนฺตติ ตุมฺหากํ เอวํ อชานนภาเว สตี’’ติ, ตถาปิ ตตฺถ อุปริเทสนาย สมฺพโทฺธ เอวมโตฺถ วุจฺจมาโน ยุชฺชติ, น อญฺญถาติ ทเสฺสตุํ อิธ, ‘‘มหานิคณฺฐสฺส วจเน สเจฺจ สเนฺตติ อโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺตกสฺส ฐานสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส ปญฺจปริมาณสฺส การณสฺสฯ
2. Kiñcāpi cūḷadukkhakkhandhepi, (ma. ni. 1.180) ‘‘evaṃ sante’’ti iminā tesaṃ nigaṇṭhānaṃ ajānanabhāvo eva ujukaṃ pakāsito heṭṭhā desanāya tathā pavattattā. Tathā hi aṭṭhakathāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 1.180) vuttaṃ – ‘‘evaṃ santeti tumhākaṃ evaṃ ajānanabhāve satī’’ti, tathāpi tattha uparidesanāya sambaddho evamattho vuccamāno yujjati, na aññathāti dassetuṃ idha, ‘‘mahānigaṇṭhassa vacane sacce santeti attho’’ti vuttaṃ. Ettakassa ṭhānassāti yathāvuttassa pañcaparimāṇassa kāraṇassa.
๓. อเนกวารํ วิสรญฺชนํ อิธ คาฬฺหาปเลปนํ, น สาฎกสฺส วิย ลิตฺตตาติ อาห – ‘‘พหลูป…เป.… ลิเตฺตน วิยา’’ติฯ วุตฺตเมว, น ปุน วตฺตพฺพํ, ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ
3. Anekavāraṃ visarañjanaṃ idha gāḷhāpalepanaṃ, na sāṭakassa viya littatāti āha – ‘‘bahalūpa…pe… littena viyā’’ti. Vuttameva, na puna vattabbaṃ, tattha vuttanayeneva veditabbanti adhippāyo.
อิเมสํ นิคณฺฐานํ ตาทิสสฺส เตสํ อภาวโต, ‘‘ชานนกาโล สิยา’’ติ ปริกปฺปวเสน วทติฯ เตน เอวํ ชานิตุํ เตหิ สกฺกา สิยา, เตสญฺจ ทสฺสนํ สจฺจํ สิยาฯ ยสฺมา เตสํ ทสฺสนํ อสจฺจํ, ตสฺมา เต น ชานิํสูติ ทเสฺสติฯ จตูสุ กาเลสูติ วณมุขสฺส ปริกนฺตนกาโล, สลฺลสฺส เอสนกาโล, อพฺพุหนกาโล, วณมุเข อคทงฺคารโอทหนกาโลติ อิเมสุ จตูสุ กาเลสุฯ สุทฺธเนฺตติ สุทฺธโกฎฺฐาเส, ทุกฺขสฺส อนวเสสโต นิชฺชีรณเฎฺฐน นิทฺทุกฺขภาเวติ อโตฺถฯ เอกาย อุปมายาติ, ‘‘สเลฺลน วิทฺธสฺส หิ วิทฺธกาเล เวทนาย ปากฎกาโล วิยา’’ติ อิมาย เอกาย อุปมายฯ ตโย อตฺถาติ ปุเพฺพ อหุวมฺหา วา โน วา, ปาปกมฺมํ อกริมฺหา วา โน วา, เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกริมฺหาติ อิเม ตโย อตฺถาฯ จตูหิ อุปมาหีติ วณมุขปริกนฺตนาทีหิ จตูหิ อุปมาหิฯ เอโก อโตฺถติ, ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณ’’นฺติอาทินา วุโตฺต เอโก อโตฺถฯ โส หิ ทุกฺขนิชฺชีรณภาวสามญฺญา เอโก อโตฺถติ วุโตฺตฯ
Imesaṃ nigaṇṭhānaṃ tādisassa tesaṃ abhāvato, ‘‘jānanakālo siyā’’ti parikappavasena vadati. Tena evaṃ jānituṃ tehi sakkā siyā, tesañca dassanaṃ saccaṃ siyā. Yasmā tesaṃ dassanaṃ asaccaṃ, tasmā te na jāniṃsūti dasseti. Catūsu kālesūti vaṇamukhassa parikantanakālo, sallassa esanakālo, abbuhanakālo, vaṇamukhe agadaṅgāraodahanakāloti imesu catūsu kālesu. Suddhanteti suddhakoṭṭhāse, dukkhassa anavasesato nijjīraṇaṭṭhena niddukkhabhāveti attho. Ekāya upamāyāti, ‘‘sallena viddhassa hi viddhakāle vedanāya pākaṭakālo viyā’’ti imāya ekāya upamāya. Tayo atthāti pubbe ahuvamhā vā no vā, pāpakammaṃ akarimhā vā no vā, evarūpaṃ vā pāpakammaṃ akarimhāti ime tayo atthā. Catūhi upamāhīti vaṇamukhaparikantanādīhi catūhi upamāhi. Eko atthoti, ‘‘ettakaṃ dukkhaṃ nijjiṇṇa’’ntiādinā vutto eko attho. So hi dukkhanijjīraṇabhāvasāmaññā eko atthoti vutto.
๔. อิเม ปน นิคณฺฐาฯ อาสงฺกาย วิโทฺธสฺมีติ สญฺญํ อุปฺปาเทตฺวาฯ ปจฺจาหริตุนฺติ ปจฺจาวตฺติตุํ, ปริหริตุนฺติ อโตฺถฯ
4.Imepana nigaṇṭhā. Āsaṅkāya viddhosmīti saññaṃ uppādetvā. Paccāharitunti paccāvattituṃ, pariharitunti attho.
๕. อตีตวาทํ สทฺทหนฺตานนฺติ, ‘‘อตฺถิ โข, โภ, นิคณฺฐา ปุเพฺพ ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ เอวํ อตีตํสํ อารพฺภ ปวตฺตํ มหานิคณฺฐสฺส วาทํ สทฺทหนฺตานํฯ ภูตตฺตาติ ยถาภูตตฺตา กิํ อวิปรีตเมว อตฺถํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตาติ ปุจฺฉติฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ สห ธเมฺมนาติ สหธโมฺม, โส เอว สหธมฺมิโก ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘)ฯ ‘‘ธโมฺม’’ติ เอตฺถ การณํ อธิเปฺปตนฺติ อาห – ‘‘สเหตุกํ สการณ’’นฺติฯ ปฎิหรติ ปฎิวเตฺตตีติ ปฎิหาโร, วาโท เอว ปฎิหาโร วาทปฎิหาโร; ตํ, อุตฺตรนฺติ อโตฺถฯ เตนาห – ‘‘ปจฺจาคมนกวาท’’นฺติ, โจทนํ ปริวเตฺตตฺวา ปฎิปากติกกรณนฺติ อโตฺถฯ เตสนฺติ อิทํ อาวุตฺติวเสน คเหตพฺพํ, ‘‘เตสํ สทฺธาเฉทกวาทํ นาม เตสํ ทเสฺสตี’’ติฯ
5.Atītavādaṃ saddahantānanti, ‘‘atthi kho, bho, nigaṇṭhā pubbe pāpakammaṃ kata’’nti evaṃ atītaṃsaṃ ārabbha pavattaṃ mahānigaṇṭhassa vādaṃ saddahantānaṃ. Bhūtattāti yathābhūtattā kiṃ aviparītameva atthaṃ ārammaṇaṃ katvā pavattāti pucchati. Sesapadesupi eseva nayo. Saha dhammenāti sahadhammo, so eva sahadhammiko yathā ‘‘venayiko’’ti (a. ni. 8.11; pārā. 8). ‘‘Dhammo’’ti ettha kāraṇaṃ adhippetanti āha – ‘‘sahetukaṃ sakāraṇa’’nti. Paṭiharati paṭivattetīti paṭihāro, vādo eva paṭihāro vādapaṭihāro; taṃ, uttaranti attho. Tenāha – ‘‘paccāgamanakavāda’’nti, codanaṃ parivattetvā paṭipākatikakaraṇanti attho. Tesanti idaṃ āvuttivasena gahetabbaṃ, ‘‘tesaṃ saddhāchedakavādaṃ nāma tesaṃ dassetī’’ti.
๖. อวิชฺชา อญฺญาณา สโมฺมหาติ ปริยายวจนเมตํฯ อวิชฺชาติ วา อวิชฺชาย กรณภูตายฯ อญฺญาเณนาติ อชานเนนฯ สโมฺมเหนาติ สมฺมุยฺหเนน มหามุฬฺหตายฯ สามํเยว โอปกฺกมิกา เอตรหิ อตฺตโน อุปกฺกมเหตุ ทุกฺขเวทนํ เวทิยมานํ – ‘‘ยํกิญฺจายํ…เป.… ปุเพฺพกตเหตู’’ติ วิปรีตโต สทฺทหถฯ ปุเพฺพกตเหตุวาทสญฺญิตํ วิปลฺลาสคฺคาหํ คณฺหถฯ
6.Avijjā aññāṇā sammohāti pariyāyavacanametaṃ. Avijjāti vā avijjāya karaṇabhūtāya. Aññāṇenāti ajānanena. Sammohenāti sammuyhanena mahāmuḷhatāya. Sāmaṃyeva opakkamikā etarahi attano upakkamahetu dukkhavedanaṃ vediyamānaṃ – ‘‘yaṃkiñcāyaṃ…pe… pubbekatahetū’’ti viparītato saddahatha. Pubbekatahetuvādasaññitaṃ vipallāsaggāhaṃ gaṇhatha.
๗. ทิฎฺฐธโมฺม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต, ตตฺถ เวทิตพฺพํ ผลํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํฯ เตนาห – ‘‘อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว วิปากทายก’’นฺติฯ ปโยเคนาติ กายิเกน ปโยเคน วา วาจสิเกน วา ปโยเคนฯ ปธาเนนาติ ปทหเนน เจตสิเกน อุสฺสาหเนนฯ อาสเนฺน ภวนฺตเร วิปาเจตุํ น สกฺกา, ปเคว ทูเรติ ทเสฺสตุํ, ‘‘ทุติเย วา ตติเย วา อตฺตภาเว’’ติ วุตฺตํฯ นิพฺพตฺตกภาวโต สุขเวทนาย หิตนฺติ สุขเวทนียํฯ สา ปน วิปากเวทนาภาวโต เอกนฺตโต อิฎฺฐารมฺมณา เอว โหตีติ อาห ‘‘อิฎฺฐารมฺมณวิปากทายก’’นฺติฯ วิปรีตนฺติ อนิฎฺฐารมฺมณวิปากทายกํฯ นิปฺผเนฺนติ สทฺธิํ อเญฺญน กเมฺมน นิพฺพเตฺตฯ สมฺปรายเวทนียสฺสาติ อุปปชฺชเวทนียสฺส อปราปริยเวทนียสฺสฯ เอวํ สเนฺตปีติ กามํ ปริปกฺกเวทนียนฺติ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียเมว วุจฺจติ, ตถาปิ อเตฺถตฺถ อติสโย ทิฎฺฐธมฺมวิเสสภาวโต ปริปกฺกเวทนียสฺสาติ ทเสฺสตุํ, ‘‘อยเมตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺมิํ ทิวเส กตํ, ตโต สตฺตทิวสพฺภนฺตเรฯ
7.Diṭṭhadhammo vuccati paccakkhabhūto, tattha veditabbaṃ phalaṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ. Tenāha – ‘‘imasmiṃyeva attabhāve vipākadāyaka’’nti. Payogenāti kāyikena payogena vā vācasikena vā payogena. Padhānenāti padahanena cetasikena ussāhanena. Āsanne bhavantare vipācetuṃ na sakkā, pageva dūreti dassetuṃ, ‘‘dutiye vā tatiye vā attabhāve’’ti vuttaṃ. Nibbattakabhāvato sukhavedanāya hitanti sukhavedanīyaṃ. Sā pana vipākavedanābhāvato ekantato iṭṭhārammaṇā eva hotīti āha ‘‘iṭṭhārammaṇavipākadāyaka’’nti. Viparītanti aniṭṭhārammaṇavipākadāyakaṃ. Nipphanneti saddhiṃ aññena kammena nibbatte. Samparāyavedanīyassāti upapajjavedanīyassa aparāpariyavedanīyassa. Evaṃ santepīti kāmaṃ paripakkavedanīyanti diṭṭhadhammavedanīyameva vuccati, tathāpi atthettha atisayo diṭṭhadhammavisesabhāvato paripakkavedanīyassāti dassetuṃ, ‘‘ayametthā’’tiādi vuttaṃ. Yasmiṃ divase kataṃ, tato sattadivasabbhantare.
ตตฺราติ ตสฺมิํ ปริปกฺกเวทนียกมฺมสฺส สตฺตทิวสพฺภนฺตเร วิปากทาเนฯ เอกวารํ กสิตฺวา นิสีทิ ฉาตชฺฌโตฺต หุตฺวาฯ อาคจฺฉนฺตี อาห – ‘‘อุสฺสูเร ภตฺตํ อาหรียิตฺถา’’ติ โทมนสฺสํ อนุปฺปาเทตฺวา ยถา กตปุญฺญํ อนุโมทติฯ วิโชฺชตมานํ ทิสฺวา, ‘‘กิํ นุ โข อิทมฺปิ ตปฺปกาโร, มม จิตฺตวิกปฺปมตฺตํ, อุทาหุ สุวณฺณเมวา’’ติ วีมํสโนฺต ยฎฺฐิยา ปหริตฺวาฯ
Tatrāti tasmiṃ paripakkavedanīyakammassa sattadivasabbhantare vipākadāne. Ekavāraṃ kasitvā nisīdi chātajjhatto hutvā. Āgacchantī āha – ‘‘ussūre bhattaṃ āharīyitthā’’ti domanassaṃ anuppādetvā yathā katapuññaṃ anumodati. Vijjotamānaṃ disvā, ‘‘kiṃ nu kho idampi tappakāro, mama cittavikappamattaṃ, udāhu suvaṇṇamevā’’ti vīmaṃsanto yaṭṭhiyā paharitvā.
วาฬยกฺขสญฺจรณตฺตา ราชคหูปจารสฺส นคเร สหสฺสภณฺฑิกํ จาเรสุํฯ อุปฺปนฺนราโค จูฬาย ฑํสิฯ รโญฺญ อาจิกฺขิตฺวาติ ตํ ปวตฺติํ รโญฺญ อาจิกฺขิตฺวาฯ มลฺลิกาย วตฺถุ ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.มลฺลิกาเทวีวตฺถุ) อาคเตน นเยน กเถตพฺพํฯ
Vāḷayakkhasañcaraṇattā rājagahūpacārassa nagare sahassabhaṇḍikaṃ cāresuṃ. Uppannarāgo cūḷāya ḍaṃsi. Rañño ācikkhitvāti taṃ pavattiṃ rañño ācikkhitvā. Mallikāya vatthu dhammapadavatthumhi (dha. pa. aṭṭha. 2.mallikādevīvatthu) āgatena nayena kathetabbaṃ.
มรณสนฺติเกปิ กตํ, ปเคว ตโต ปุเรตรํ อตีตตฺตภาเวสุ จ กตํฯ อิธ นิพฺพตฺติตวิปาโกติ วุโตฺต อวสฺสํภาวิภาวโตฯ สมฺปรายเวทนียเมว ภวนฺตเร วิปากทายกภาวโตฯ อิธ นิพฺพตฺติตคุโณเตฺวว วุโตฺต, น อิธ นิพฺพตฺติตวิปาโกติ วิมุตฺติภาวโตฯ ปริปกฺกเวทนียนฺติ เวทิตพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตปริปกฺกเวทนียลกฺขณานติวตฺตนโตฯ สพฺพลหุํ ผลทายิกาติ เอเตน ผลุปฺปาทนสมตฺถตาโยเคน กมฺมสฺส ปริปกฺกเวทนียตาติ ทเสฺสติฯ
Maraṇasantikepi kataṃ, pageva tato puretaraṃ atītattabhāvesu ca kataṃ. Idha nibbattitavipākoti vutto avassaṃbhāvibhāvato. Samparāyavedanīyameva bhavantare vipākadāyakabhāvato. Idha nibbattitaguṇotveva vutto, na idha nibbattitavipākoti vimuttibhāvato. Paripakkavedanīyanti veditabbaṃ heṭṭhā vuttaparipakkavedanīyalakkhaṇānativattanato. Sabbalahuṃ phaladāyikāti etena phaluppādanasamatthatāyogena kammassa paripakkavedanīyatāti dasseti.
จตุปฺปญฺจกฺขนฺธผลตาย สญฺญาภวูปคํ กมฺมํ พหุเวทนียนฺติ วุตฺตํฯ เอกขนฺธผลตฺตา อสญฺญาภวูปคํ กมฺมํ อปฺปเวทนียํฯ เกจิ ปน, ‘‘อรูปาวจรกมฺมํ พหุกาลํ เวทิตพฺพผลตฺตา พหุเวทนียํ, อิตรํ อปฺปเวทนียํฯ รูปารูปาวจรกมฺมํ วา พหุเวทนียํ, ปริตฺตกมฺมํ อปฺปเวทนีย’’นฺติ วทนฺติฯ สวิปากํ กมฺมนฺติ ปจฺจยนฺตรสมวาเย วิปากุปฺปาทนสมตฺถํ, น อารทฺธวิปากเมวฯ อวิปากํ กมฺมนฺติ ปจฺจยเวกเลฺลน วิปจฺจิตุํ อสมตฺถํ อโหสิกมฺมาทิเภทํฯ
Catuppañcakkhandhaphalatāya saññābhavūpagaṃ kammaṃ bahuvedanīyanti vuttaṃ. Ekakhandhaphalattā asaññābhavūpagaṃ kammaṃ appavedanīyaṃ. Keci pana, ‘‘arūpāvacarakammaṃ bahukālaṃ veditabbaphalattā bahuvedanīyaṃ, itaraṃ appavedanīyaṃ. Rūpārūpāvacarakammaṃ vā bahuvedanīyaṃ, parittakammaṃ appavedanīya’’nti vadanti. Savipākaṃ kammanti paccayantarasamavāye vipākuppādanasamatthaṃ, na āraddhavipākameva. Avipākaṃ kammanti paccayavekallena vipaccituṃ asamatthaṃ ahosikammādibhedaṃ.
๘. ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทีนนฺติ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทีนํ ทสนฺนํ กมฺมานํ อุปกฺกเมน กมฺมานํ อญฺญาถาภาวสฺส อนาปาทนียตฺตา ยถาสภาเวเนว กมฺมานิ ติฎฺฐนฺติฯ ตตฺถ นิคณฺฐานํ อุปกฺกโม นิปฺปโยชโนติ อาห ‘‘อผโล’’ติฯ นิคณฺฐานํ ปทหนสฺส มิจฺฉาวายามสฺส นิปฺผลภาวปฺปเวทโน ปธานเจฺฉทกวาโทฯ ปเรหิ วุตฺตการเณหีติ เยหิ การเณหิ นิคณฺฐานํ วาเทสุ โทสํ ทเสฺสนฺติฯ เตหิ ปเรหิ วุตฺตการเณหิฯ น หิ ลกฺขณยุเตฺตน เหตุนา วินา ปรวาเทสุ โทสํ ทเสฺสตุํ สกฺกาฯ เตนาห ‘‘สการณา หุตฺวา’’ติฯ นิคณฺฐานํ วาทา จ อนุวาทา จาติ นิคเณฺฐหิ วุจฺจมานา สกสกสมยปฺปเวทิกา วาทาเจว สาวเกหิ วุจฺจมานา เตสํ อนุวาทา จฯ วิญฺญูหิ ครหิตพฺพํ การณํ อาคจฺฉนฺตีติ, ‘‘อยเมตฺถ โทโส’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วิญฺญูหิ ปณฺฑิเตหิ ครหารหํ การณํ อุปคจฺฉนฺติ, ปาปุณนฺตีติ อโตฺถฯ ตสฺสโตฺถติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ , ‘‘วุตฺตนเยน ปเรหิ วุเตฺตน การเณน สการณา หุตฺวา โทสทสฺสนวเสน นิคณฺฐานํ วาทา อนุปฺปตฺตา, ตโต เอว ตํ วาทํ อปฺปสาทนียภาวทสฺสเนน โสเสนฺตา เหตุสมฺปตฺติโวหารสุกฺขเนน มิลาเปนฺตา ทุกฺกฎกมฺมการิโนติอาทโย ทส คารยฺหาปเทสา อุปคจฺฉนฺตี’’ติฯ
8.Diṭṭhadhammavedanīyādīnanti diṭṭhadhammavedanīyādīnaṃ dasannaṃ kammānaṃ upakkamena kammānaṃ aññāthābhāvassa anāpādanīyattā yathāsabhāveneva kammāni tiṭṭhanti. Tattha nigaṇṭhānaṃ upakkamo nippayojanoti āha ‘‘aphalo’’ti. Nigaṇṭhānaṃ padahanassa micchāvāyāmassa nipphalabhāvappavedano padhānacchedakavādo. Parehi vuttakāraṇehīti yehi kāraṇehi nigaṇṭhānaṃ vādesu dosaṃ dassenti. Tehi parehi vuttakāraṇehi. Na hi lakkhaṇayuttena hetunā vinā paravādesu dosaṃ dassetuṃ sakkā. Tenāha ‘‘sakāraṇā hutvā’’ti. Nigaṇṭhānaṃ vādā ca anuvādā cāti nigaṇṭhehi vuccamānā sakasakasamayappavedikā vādāceva sāvakehi vuccamānā tesaṃ anuvādā ca. Viññūhi garahitabbaṃ kāraṇaṃ āgacchantīti, ‘‘ayamettha doso’’ti tattha tattha viññūhi paṇḍitehi garahārahaṃ kāraṇaṃ upagacchanti, pāpuṇantīti attho. Tassatthotiādīsu ayaṃ saṅkhepattho , ‘‘vuttanayena parehi vuttena kāraṇena sakāraṇā hutvā dosadassanavasena nigaṇṭhānaṃ vādā anuppattā, tato eva taṃ vādaṃ appasādanīyabhāvadassanena sosentā hetusampattivohārasukkhanena milāpentā dukkaṭakammakārinotiādayo dasa gārayhāpadesā upagacchantī’’ti.
๙. สงฺคติภาวเหตูติ ตตฺถ ตตฺถ ยทิจฺฉาย สมุฎฺฐิตสงฺคตินิมิตฺตํฯ สา ปน สงฺคติ นิยติลกฺขณาติ อาห ‘‘นิยติภาวการณา’’ติฯ อเจฺฉชฺชสุตฺตาวุตอเภชฺชมณิ วิย หิ ปฎินิยตตา นิยติปวตฺตีติฯ ฉฬภิชาติเหตูติ กณฺหาภิชาติ นีลาภิชาติ โลหิตาภิชาติ หลิทฺทาภิชาติ สุกฺกาภิชาติ ปรมสุกฺกาภิชาตีติ อิมาสุ อภิชาตีสุ ชาตินิมิตฺตํฯ ปาปสงฺคติกาติ นิหีนสงฺคติกาฯ
9.Saṅgatibhāvahetūti tattha tattha yadicchāya samuṭṭhitasaṅgatinimittaṃ. Sā pana saṅgati niyatilakkhaṇāti āha ‘‘niyatibhāvakāraṇā’’ti. Acchejjasuttāvutaabhejjamaṇi viya hi paṭiniyatatā niyatipavattīti. Chaḷabhijātihetūti kaṇhābhijāti nīlābhijāti lohitābhijāti haliddābhijāti sukkābhijāti paramasukkābhijātīti imāsu abhijātīsu jātinimittaṃ. Pāpasaṅgatikāti nihīnasaṅgatikā.
๑๐. อนทฺธภูตนฺติ เอตฺถ อธิ-สเทฺทน สมานโตฺถ อทฺธ-สโทฺทติ อาห – ‘‘อนทฺธภูตนฺติ อนธิภูต’’นฺติฯ ยถา อาปายิโก อตฺตภาโว มหตา ทุเกฺขน อภิภุยฺยติ, น ตถา อยนฺติ อาห – ‘‘ทุเกฺขน อนธิภูโต นาม มนุสฺสตฺตภาโว วุจฺจตี’’ติฯ ‘‘อเจลโก โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๙๔) วุตฺตาย นานปฺปการาย ทุกฺกรการิกาย กิลมเถนฯ ยทิ เอวํ กถํ ธุตงฺคธราติ อาห ‘‘เย ปนา’’ติอาทิฯ นิยฺยานิกสาสนสฺมิญฺหิ วีริยนฺติ วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ปวตฺติยมานํ วีริยํ สรีรํ เขทนฺตมฺปิ สมฺมาวายาโม นาม โหติ ญายารทฺธภาวโตฯ
10.Anaddhabhūtanti ettha adhi-saddena samānattho addha-saddoti āha – ‘‘anaddhabhūtanti anadhibhūta’’nti. Yathā āpāyiko attabhāvo mahatā dukkhena abhibhuyyati, na tathā ayanti āha – ‘‘dukkhena anadhibhūto nāma manussattabhāvo vuccatī’’ti. ‘‘Acelako hotī’’tiādinā (dī. ni. 1.394) vuttāya nānappakārāya dukkarakārikāya kilamathena. Yadi evaṃ kathaṃ dhutaṅgadharāti āha ‘‘ye panā’’tiādi. Niyyānikasāsanasmiñhi vīriyanti vivaṭṭasannissitaṃ katvā pavattiyamānaṃ vīriyaṃ sarīraṃ khedantampi sammāvāyāmo nāma hoti ñāyāraddhabhāvato.
เถโรติ เอตฺถ อาคตมหารกฺขิตเตฺถโรฯ ติโสฺส สมฺปตฺติโย มนุสฺสเทวนิพฺพานสมฺปตฺติโย, สีลสมาธิปญฺญาสมฺปตฺติโย วาฯ ขุรเคฺคเยวาติ ขุเร สีสเคฺค เอว, ขุเร สีสคฺคโต อปนีเต เอวาติ อธิปฺปาโยฯ อยนฺติ, ‘‘อิสฺสรกุเล นิพฺพโตฺต’’ติอาทินา วุโตฺตฯ น สเพฺพ เอว สกฺการปุพฺพกํ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺตีติ อาห ‘‘โย ทาสิกุจฺฉิย’’นฺติอาทิฯ รชตมุทฺทิกนฺติ รชตมยํ องฺคุลิมุทฺทิกํฯ โครกปิยงฺคุมเตฺตนปีติ กปิตฺถฉลฺลิกงฺคุปุปฺผคนฺธมเตฺตนปิฯ
Theroti ettha āgatamahārakkhitatthero. Tisso sampattiyo manussadevanibbānasampattiyo, sīlasamādhipaññāsampattiyo vā. Khuraggeyevāti khure sīsagge eva, khure sīsaggato apanīte evāti adhippāyo. Ayanti, ‘‘issarakule nibbatto’’tiādinā vutto. Na sabbe eva sakkārapubbakaṃ pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇantīti āha ‘‘yo dāsikucchiya’’ntiādi. Rajatamuddikanti rajatamayaṃ aṅgulimuddikaṃ. Gorakapiyaṅgumattenapīti kapitthachallikaṅgupupphagandhamattenapi.
ธเมฺมน ญาเยน อาคตสุขํ ธมฺมสุขนฺติ อาห – ‘‘สงฺฆโต วา…เป.… ปจฺจยสุข’’นฺติฯ อมุจฺฉิโตติ อนชฺฌาปโนฺนฯ อิทานิ ตํ อนชฺฌาปนฺนตํ ตสฺส จ ผลํ ทเสฺสตุํ ‘‘ธมฺมิกํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิมสฺสาติ สมุทยสฺสฯ โส หิ ปญฺจกฺขนฺธสฺส ทุกฺขสฺส การณภูตตฺตา อาสโนฺน ปจฺจโกฺข กตฺวา วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนาน’’นฺติอาทิฯ สงฺขารนฺติ ยถารทฺธาย สาติสยํ กรณโต สงฺขารนฺติ ลทฺธนามํ พลววีริยํ อุโสฺสฬฺหิํฯ ปทหโตติ ปยุญฺชนฺตสฺส ปวเตฺตนฺตสฺสฯ มเคฺคน วิราโค โหตีติ อริยมเคฺคน ทุกฺขนิทานสฺส วิรชฺชนา โหติฯ เตนาห ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ อิมินา สุขาปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา กถิตา อกสิเรเนว สีฆตรํ มคฺคปชานตาย โพธิตตฺตาฯ มชฺฌตฺตตากาโรติ วีริยูเปกฺขมาหฯ สงฺขารํ ตตฺถ ปทหตีติ ปธานสงฺขารํ ตตฺถ ทุกฺขนิทานสฺส วิรชฺชนนิมิตฺตํ วิรชฺชนตฺถํ ปทหติฯ กถํ? มคฺคปฺปธาเนน จตุกิจฺจปฺปธาเน อริยมเคฺค วายาเมน ปทหติ วายมติฯ อชฺฌุเปกฺขโตติ วีริยสฺส อนจฺจารทฺธนาติสิถิลตาย วีริยสมตาโยชเน พฺยาปารากรเณน อชฺฌุเปกฺขโตฯ เตนาห ‘‘อุเปกฺขํ ภาเวนฺตสฺสา’’ติฯ อุเปกฺขาภาวนา จ นาเมตฺถ ตถาปวตฺตา อริยมคฺคภาวนา เอวาติ อาห – ‘‘มคฺคภาวนาย ภาเวตี’’ติฯ
Dhammena ñāyena āgatasukhaṃ dhammasukhanti āha – ‘‘saṅghato vā…pe… paccayasukha’’nti. Amucchitoti anajjhāpanno. Idāni taṃ anajjhāpannataṃ tassa ca phalaṃ dassetuṃ ‘‘dhammikaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Imassāti samudayassa. So hi pañcakkhandhassa dukkhassa kāraṇabhūtattā āsanno paccakkho katvā vutto. Tenāha ‘‘paccuppannāna’’ntiādi. Saṅkhāranti yathāraddhāya sātisayaṃ karaṇato saṅkhāranti laddhanāmaṃ balavavīriyaṃ ussoḷhiṃ. Padahatoti payuñjantassa pavattentassa. Maggena virāgo hotīti ariyamaggena dukkhanidānassa virajjanā hoti. Tenāha ‘‘idaṃ vuttaṃ hotī’’ti. Iminā sukhāpaṭipadā khippābhiññā kathitā akasireneva sīghataraṃ maggapajānatāya bodhitattā. Majjhattatākāroti vīriyūpekkhamāha. Saṅkhāraṃ tattha padahatīti padhānasaṅkhāraṃ tattha dukkhanidānassa virajjananimittaṃ virajjanatthaṃ padahati. Kathaṃ? Maggappadhānena catukiccappadhāne ariyamagge vāyāmena padahati vāyamati. Ajjhupekkhatoti vīriyassa anaccāraddhanātisithilatāya vīriyasamatāyojane byāpārākaraṇena ajjhupekkhato. Tenāha ‘‘upekkhaṃ bhāventassā’’ti. Upekkhābhāvanā ca nāmettha tathāpavattā ariyamaggabhāvanā evāti āha – ‘‘maggabhāvanāya bhāvetī’’ti.
เอตฺถ จ เอวํ ปาฬิยา ปทโยชนา เวทิตพฺพา, – ‘‘โส เอวํ ปชานาติฯ กถํ? สงฺขารํ เม ปทหโต สงฺขารปทหนา อิมสฺส ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหติ , อชฺฌุเปกฺขโต เม อุเปกฺขนา อิมสฺส ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหตี’’ติฯ ปฎิปชฺชมานสฺส จายํ ปุพฺพภาควีมํสสฺสาติ คเหตพฺพํฯ ตตฺถ สงฺขารปฺปธานาติ สมฺมสนปเทน สุเขเนว ขิปฺปตรํ ภาวนาอุสฺสุกฺกาปนวีริยํ ทสฺสิตนฺติ สุขาปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ทสฺสิตาฯ อชฺฌุเปกฺขโตติ เอตฺถ กสฺสจิ นาติทฬฺหํ กตฺวา ปวตฺติตวีริเยนปิ ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหติ วิปสฺสนมนุยุญฺชตีติ ทสฺสิตํฯ อุภยตฺถาปิ จตุตฺถีเยว ปฎิปทา วิภาวิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิทานิ, ‘‘ยสฺส หิ ขฺวาสฺส…เป.… อุเปกฺขํ ตตฺถ ภาเวตี’’ติ วาเรหิ ตาสํเยว ปฎิปทานํ วเสน เตสํ ปุคฺคลานํ ปฎิปตฺติ ทสฺสิตาฯ วฎฺฎทุกฺขนิทานสฺส ปริชิณฺณํ อิเมหิ วาเรหิ ทุกฺขกฺขโย วิภาวิโตฯ
Ettha ca evaṃ pāḷiyā padayojanā veditabbā, – ‘‘so evaṃ pajānāti. Kathaṃ? Saṅkhāraṃ me padahato saṅkhārapadahanā imassa dukkhanidānassa virāgo hoti , ajjhupekkhato me upekkhanā imassa dukkhanidānassa virāgo hotī’’ti. Paṭipajjamānassa cāyaṃ pubbabhāgavīmaṃsassāti gahetabbaṃ. Tattha saṅkhārappadhānāti sammasanapadena sukheneva khippataraṃ bhāvanāussukkāpanavīriyaṃ dassitanti sukhāpaṭipadā khippābhiññā dassitā. Ajjhupekkhatoti ettha kassaci nātidaḷhaṃ katvā pavattitavīriyenapi dukkhanidānassa virāgo hoti vipassanamanuyuñjatīti dassitaṃ. Ubhayatthāpi catutthīyeva paṭipadā vibhāvitāti daṭṭhabbaṃ. Idāni, ‘‘yassa hi khvāssa…pe… upekkhaṃ tattha bhāvetī’’ti vārehi tāsaṃyeva paṭipadānaṃ vasena tesaṃ puggalānaṃ paṭipatti dassitā. Vaṭṭadukkhanidānassa parijiṇṇaṃ imehi vārehi dukkhakkhayo vibhāvito.
๑๑. พทฺธจิโตฺตติ สมฺพทฺธจิโตฺตฯ พหลจฺฉโนฺทติ พหลตณฺหาฉโนฺทฯ อติจริตฺวาติ อติกฺกมิตฺวาฯ นฎสตฺถวิธินา นจฺจนกา นฎา, นจฺจกา อิตเรฯ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, ‘‘อีทิสํ นาม อิตฺถิํ ปริจฺจชิ’’นฺติฯ ฉิชฺชาติ ทฺวิธา โหตุฯ ภิชฺชาติ ภิชฺชตุฯ ‘‘ฉิชฺช วา ภิชฺชวา’’ติ ปททฺวเยนปิ วินาสเมว วทติฯ ญตฺวาติ ปุพฺพภาคญาเณน ชานิตฺวาฯ ตทุภยนฺติ สงฺขารปทหนอุเปกฺขาภาวนํฯ
11.Baddhacittoti sambaddhacitto. Bahalacchandoti bahalataṇhāchando. Aticaritvāti atikkamitvā. Naṭasatthavidhinā naccanakā naṭā, naccakā itare. Somanassaṃ uppajjati, ‘‘īdisaṃ nāma itthiṃ pariccaji’’nti. Chijjāti dvidhā hotu. Bhijjāti bhijjatu. ‘‘Chijja vā bhijjavā’’ti padadvayenapi vināsameva vadati. Ñatvāti pubbabhāgañāṇena jānitvā. Tadubhayanti saṅkhārapadahanaupekkhābhāvanaṃ.
๑๒. เปเสนฺตสฺสาติ วายมนฺตสฺสฯ ตํ สนฺธายาติ ทุกฺขาย ปฎิปทาย นิยฺยานตํ สนฺธายฯ
12.Pesentassāti vāyamantassa. Taṃ sandhāyāti dukkhāya paṭipadāya niyyānataṃ sandhāya.
อุสุกาโร วิย โยคี เตชนสฺส วิย จิตฺตสฺส อุชุกรณโตฯ โคมุตฺตวงฺกํ, จนฺทเลขากุฎิลํ, นงฺคลโกฎิชิมฺหํ จิตฺตํฯ อลาตา วิย วีริยํ อาตาปน-ปริตาปนโตฯ กญฺจิกเตลํ วิย สทฺธา สิเนหนโตฯ นมนทณฺฑโก วิย โลกุตฺตรมโคฺค นิพฺพานารมฺมเณ จิตฺตสฺส นามนโตฯ โลกุตฺตรมเคฺคน จิตฺตสฺส อุชุกรณํ ภาวนาภิสมยโต ทฎฺฐพฺพํฯ อนฺตทฺวยวชฺชิตา มชฺฌิมา ปฎิปตฺตีติ กตฺวา กิเลสคณวิชฺฌนํ ปหานาภิสมโยฯ อิตรา ปน ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อิมาสุ ทฺวีสุ ยถาวุตฺตาสุ ขิปฺปาภิญฺญาสุ กถิตาสุ, อิตราปิ กถิตาว โหนฺติ ลกฺขณหารนเยน ปฎิปทาสามญฺญโตฯ สหาคมนียาปิ วา ปฎิปทา กถิตาว, ‘‘น เหว อนทฺธภูตํ อตฺถาน’’นฺติอาทินา ปุพฺพภาคปฎิปทาย กถิตตฺตาฯ ‘‘อาคมนียปฎิปทา ปน น กถิตา’’ติ อิทํ สวิเสสํ อชฺฌุเปกฺขสฺส อกถิตตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ นิกฺขมนเทสนนฺติ นิกฺขมนุปายํ เทสนํฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Usukāro viya yogī tejanassa viya cittassa ujukaraṇato. Gomuttavaṅkaṃ, candalekhākuṭilaṃ, naṅgalakoṭijimhaṃ cittaṃ. Alātā viya vīriyaṃ ātāpana-paritāpanato. Kañcikatelaṃviya saddhā sinehanato. Namanadaṇḍako viya lokuttaramaggo nibbānārammaṇe cittassa nāmanato. Lokuttaramaggena cittassa ujukaraṇaṃ bhāvanābhisamayato daṭṭhabbaṃ. Antadvayavajjitā majjhimā paṭipattīti katvā kilesagaṇavijjhanaṃ pahānābhisamayo. Itarā pana paṭipadā dandhābhiññāti imesaṃ dvinnaṃ bhikkhūnaṃ imāsu dvīsu yathāvuttāsu khippābhiññāsu kathitāsu, itarāpi kathitāva honti lakkhaṇahāranayena paṭipadāsāmaññato. Sahāgamanīyāpi vā paṭipadā kathitāva, ‘‘na heva anaddhabhūtaṃ atthāna’’ntiādinā pubbabhāgapaṭipadāya kathitattā. ‘‘Āgamanīyapaṭipadā pana na kathitā’’ti idaṃ savisesaṃ ajjhupekkhassa akathitataṃ sandhāya vuttanti daṭṭhabbaṃ. Nikkhamanadesananti nikkhamanupāyaṃ desanaṃ. Sesaṃ suviññeyyameva.
เทวทหสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Devadahasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. เทวทหสุตฺตํ • 1. Devadahasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. เทวทหสุตฺตวณฺณนา • 1. Devadahasuttavaṇṇanā