Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๑๐. เทวทตฺตสุตฺตวณฺณนา
10. Devadattasuttavaṇṇanā
๘๙. ทสเม ตีหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธเมฺมหิ อภิภูโตติ กา อุปฺปตฺติ? เทวทเตฺต หิ อวีจิมหานิรยํ ปวิเฎฺฐ เทวทตฺตปกฺขิยา อญฺญติตฺถิยา จ ‘‘สมเณน โคตเมน อภิสปิโต เทวทโตฺต ปถวิํ ปวิโฎฺฐ’’ติ อพฺภาจิกฺขิํสุฯ ตํ สุตฺวา สาสเน อนภิปฺปสนฺนา มนุสฺสา ‘‘สิยา นุ โข เอตเทวํ, ยถา อิเม ภณนฺตี’’ติ อาสงฺกํ อุปฺปาเทสุํฯ ตํ ปวตฺติํ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํฯ อถ ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคตา กสฺสจิ อภิสปํ เทนฺติ, ตสฺมา น เทวทโตฺต มยา อภิสปิโต, อตฺตโน กเมฺมเนว นิรยํ ปวิโฎฺฐ’’ติ วตฺวา เตสํ มิจฺฉาคาหํ ปฎิเสเธโนฺต อิมาย อฎฺฐุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ อภาสิฯ
89. Dasame tīhi, bhikkhave, asaddhammehi abhibhūtoti kā uppatti? Devadatte hi avīcimahānirayaṃ paviṭṭhe devadattapakkhiyā aññatitthiyā ca ‘‘samaṇena gotamena abhisapito devadatto pathaviṃ paviṭṭho’’ti abbhācikkhiṃsu. Taṃ sutvā sāsane anabhippasannā manussā ‘‘siyā nu kho etadevaṃ, yathā ime bhaṇantī’’ti āsaṅkaṃ uppādesuṃ. Taṃ pavattiṃ bhikkhū bhagavato ārocesuṃ. Atha bhagavā ‘‘na, bhikkhave, tathāgatā kassaci abhisapaṃ denti, tasmā na devadatto mayā abhisapito, attano kammeneva nirayaṃ paviṭṭho’’ti vatvā tesaṃ micchāgāhaṃ paṭisedhento imāya aṭṭhuppattiyā idaṃ suttaṃ abhāsi.
ตตฺถ อสทฺธเมฺมหีติ อสตํ ธเมฺมหิ, อสเนฺตหิ วา ธเมฺมหิฯ อเตกิโจฺฉติ พุเทฺธหิปิ อนิวตฺตนียตฺตา อวีจินิพฺพตฺติยา ติกิจฺฉาภาวโต อเตกิโจฺฉ, อติกิจฺฉนีโยติ อโตฺถฯ อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาเยน ปวตฺตา ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิโจฺฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา , ตายฯ ‘‘อหํ พุโทฺธ ภวิสฺสามิ, สงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ ตสฺส อิจฺฉา อุปฺปนฺนาฯ โกกาลิกาทโย ปาปา ลามกา มิตฺตา เอตสฺสาติ ปาปมิโตฺต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา, ตายฯ อุตฺตริกรณีเยติ ฌานาภิญฺญาหิ อุตฺตริกรณีเย อธิคนฺตเพฺพ มคฺคผเล อนธิคเต สติ เอว, ตํ อนธิคนฺตฺวาติ อโตฺถฯ โอรมตฺตเกนาติ อปฺปมตฺตเกน ฌานาภิญฺญามเตฺตนฯ วิเสสาธิคเมนาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคเมนฯ อนฺตราติ เวมเชฺฌฯ โวสานํ อาปาทีติ อกตกิโจฺจว สมาโน ‘‘กตกิโจฺจมฺหี’’ติ มญฺญมาโน สมณธมฺมโต วิคมํ อาปชฺชิฯ อิติ ภควา อิมินา สุเตฺตน วิเสสโต ปุถุชฺชนภาเว อาทีนวํ ปกาเสสิ ภาริโย ปุถุชฺชนภาโว, ยตฺร หิ นาม ฌานาภิญฺญาปริโยสานา สมฺปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวาปิ อเนกานตฺถาวหํ นานาวิธํ ทุกฺขเหตุํ อสนฺตคุณสมฺภาวนํ อสปฺปุริสสํสคฺคํ อาลสิยานุโยคญฺจ อวิชหโนฺต อวีจิมฺหิ กปฺปฎฺฐิยํ อเตกิจฺฉํ กิพฺพิสํ ปสวิสฺสตีติฯ
Tattha asaddhammehīti asataṃ dhammehi, asantehi vā dhammehi. Atekicchoti buddhehipi anivattanīyattā avīcinibbattiyā tikicchābhāvato atekiccho, atikicchanīyoti attho. Asantaguṇasambhāvanādhippāyena pavattā pāpā icchā etassāti pāpiccho, tassa bhāvo pāpicchatā, tāya. ‘‘Ahaṃ buddho bhavissāmi, saṅghaṃ pariharissāmī’’ti tassa icchā uppannā. Kokālikādayo pāpā lāmakā mittā etassāti pāpamitto, tassa bhāvo pāpamittatā, tāya. Uttarikaraṇīyeti jhānābhiññāhi uttarikaraṇīye adhigantabbe maggaphale anadhigate sati eva, taṃ anadhigantvāti attho. Oramattakenāti appamattakena jhānābhiññāmattena. Visesādhigamenāti uttarimanussadhammādhigamena. Antarāti vemajjhe. Vosānaṃ āpādīti akatakiccova samāno ‘‘katakiccomhī’’ti maññamāno samaṇadhammato vigamaṃ āpajji. Iti bhagavā iminā suttena visesato puthujjanabhāve ādīnavaṃ pakāsesi bhāriyo puthujjanabhāvo, yatra hi nāma jhānābhiññāpariyosānā sampattiyo nibbattetvāpi anekānatthāvahaṃ nānāvidhaṃ dukkhahetuṃ asantaguṇasambhāvanaṃ asappurisasaṃsaggaṃ ālasiyānuyogañca avijahanto avīcimhi kappaṭṭhiyaṃ atekicchaṃ kibbisaṃ pasavissatīti.
คาถาสุ มาติ ปฎิเสเธ นิปาโตฯ ชาตูติ เอกํเสนฯ โกจีติ สพฺพสงฺคาหกวจนํฯ โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเกฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อิมสฺมิํ สตฺตโลเก โกจิ ปุคฺคโล เอกํเสน ปาปิโจฺฉ มา โหตู’’ติฯ ตทมินาปิ ชานาถ, ปาปิจฺฉานํ ยถา คตีติ ปาปิจฺฉานํ ปุคฺคลานํ ยถา คติ ยาทิสี นิปฺผตฺติ, ยาทิโส อภิสมฺปราโย, ตํ อิมินาปิ การเณน ชานาถาติ เทวทตฺตํ นิทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ ปณฺฑิโตติ สมญฺญาโตติ ปริยตฺติพาหุสเจฺจน ปณฺฑิโตติ ญาโตฯ ภาวิตโตฺตติ สมฺมโตติ ฌานาภิญฺญาหิ ภาวิตจิโตฺตติ สมฺภาวิโตฯ ตถา หิ โส ปุเพฺพ ‘‘มหิทฺธิโก โคธิปุโตฺต, มหานุภาโว โคธิปุโตฺต’’ติ ธมฺมเสนาปตินาปิ ปสํสิโต อโหสิฯ ชลํว ยสสา อฎฺฐา, เทวทโตฺตติ วิสฺสุโตติ อตฺตโน กิตฺติยา ปริวาเรน ชลโนฺต วิย โอภาเสโนฺต วิย ฐิโต เทวทโตฺตติ เอวํ วิสฺสุโต ปากโฎ อโหสิฯ ‘‘เม สุตฺต’’นฺติปิ ปาโฐ, มยา สุตํ สุตมตฺตํ, กติปาเหเนว อตถาภูตตฺตา ตสฺส ตํ ปณฺฑิจฺจาทิ สวนมตฺตเมวาติ อโตฺถฯ
Gāthāsu māti paṭisedhe nipāto. Jātūti ekaṃsena. Kocīti sabbasaṅgāhakavacanaṃ. Lokasminti sattaloke. Idaṃ vuttaṃ hoti ‘‘imasmiṃ sattaloke koci puggalo ekaṃsena pāpiccho mā hotū’’ti. Tadamināpi jānātha, pāpicchānaṃ yathā gatīti pāpicchānaṃ puggalānaṃ yathā gati yādisī nipphatti, yādiso abhisamparāyo, taṃ imināpi kāraṇena jānāthāti devadattaṃ nidassento evamāha. Paṇḍitoti samaññātoti pariyattibāhusaccena paṇḍitoti ñāto. Bhāvitattoti sammatoti jhānābhiññāhi bhāvitacittoti sambhāvito. Tathā hi so pubbe ‘‘mahiddhiko godhiputto, mahānubhāvo godhiputto’’ti dhammasenāpatināpi pasaṃsito ahosi. Jalaṃva yasasā aṭṭhā, devadattoti vissutoti attano kittiyā parivārena jalanto viya obhāsento viya ṭhito devadattoti evaṃ vissuto pākaṭo ahosi. ‘‘Me sutta’’ntipi pāṭho, mayā sutaṃ sutamattaṃ, katipāheneva atathābhūtattā tassa taṃ paṇḍiccādi savanamattamevāti attho.
โส สมานมนุจิโณฺณ, อาสชฺช นํ ตถาคตนฺติ โส เอวํภูโต เทวทโตฺต ‘‘พุโทฺธปิ สกฺยปุโตฺต, อหมฺปิ สกฺยปุโตฺต, พุโทฺธปิ สมโณ, อหมฺปิ สมโณ, พุโทฺธปิ อิทฺธิมา, อหมฺปิ อิทฺธิมา, พุโทฺธปิ ทิพฺพจกฺขุโก, อหมฺปิ ทิพฺพจกฺขุโก, พุโทฺธปิ ทิพฺพโสตโก, อหมฺปิ ทิพฺพโสตโก, พุโทฺธปิ เจโตปริยญาณลาภี, อหมฺปิ เจโตปริยญาณลาภี, พุโทฺธปิ อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺน ธเมฺม ชานาติ, อหมฺปิ เต ชานามี’’ติ อตฺตโน ปมาณํ อชานิตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ อตฺตนา สมสมฎฺฐปเนน สมานํ อาปชฺชโนฺต ‘‘อิทานาหํ พุโทฺธ ภวิสฺสามิ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ อภิมารปโยชนา ตถาคตํ อาสชฺช อาสาเทตฺวา วิเหเฐตฺวาฯ ‘‘ปมาทมนุชีโน’’ติปิ ปฐนฺติฯ ตสฺสโตฺถ ‘‘วุตฺตนเยน ปมาทํ อาปชฺชโนฺต ปมาทํ นิสฺสาย ภควตา สทฺธิํ ยุคคฺคาหจิตฺตุปฺปาเทน สเหว ฌานาภิญฺญาหิ อนุชีโน ปริหีโน’’ติฯ อวีจินิรยํ ปโตฺต, จตุทฺวารํ ภยานกนฺติ ชาลานํ ตตฺถ อุปฺปนฺนสตฺตานํ วา นิรนฺตรตาย ‘‘อวีจี’’ติ ลทฺธนามํ จตูสุ ปเสฺสสุ จตุมหาทฺวารโยเคน จตุทฺวารํ อติภยานกํ มหานิรยํ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน ปโตฺตฯ ตถา หิ วุตฺตํ –
So samānamanuciṇṇo, āsajja naṃ tathāgatanti so evaṃbhūto devadatto ‘‘buddhopi sakyaputto, ahampi sakyaputto, buddhopi samaṇo, ahampi samaṇo, buddhopi iddhimā, ahampi iddhimā, buddhopi dibbacakkhuko, ahampi dibbacakkhuko, buddhopi dibbasotako, ahampi dibbasotako, buddhopi cetopariyañāṇalābhī, ahampi cetopariyañāṇalābhī, buddhopi atītānāgatapaccuppanne dhamme jānāti, ahampi te jānāmī’’ti attano pamāṇaṃ ajānitvā sammāsambuddhaṃ attanā samasamaṭṭhapanena samānaṃ āpajjanto ‘‘idānāhaṃ buddho bhavissāmi, bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’’ti abhimārapayojanā tathāgataṃ āsajja āsādetvā viheṭhetvā. ‘‘Pamādamanujīno’’tipi paṭhanti. Tassattho ‘‘vuttanayena pamādaṃ āpajjanto pamādaṃ nissāya bhagavatā saddhiṃ yugaggāhacittuppādena saheva jhānābhiññāhi anujīno parihīno’’ti. Avīcinirayaṃ patto, catudvāraṃ bhayānakanti jālānaṃ tattha uppannasattānaṃ vā nirantaratāya ‘‘avīcī’’ti laddhanāmaṃ catūsu passesu catumahādvārayogena catudvāraṃ atibhayānakaṃ mahānirayaṃ paṭisandhiggahaṇavasena patto. Tathā hi vuttaṃ –
‘‘จตุกฺกโณฺณ จตุทฺวาโร, วิภโตฺต ภาคโส มิโต;
‘‘Catukkaṇṇo catudvāro, vibhatto bhāgaso mito;
อโยปาการปริยโนฺต, อยสา ปฎิกุชฺชิโตฯ
Ayopākārapariyanto, ayasā paṭikujjito.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
‘‘Tassa ayomayā bhūmi, jalitā tejasā yutā;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฎฺฐติ สพฺพทา’’ติฯ (ม. นิ. ๓.๒๕๐; อ. นิ. ๓.๓๖; เป. ว. ๖๙๓-๖๙๔; ชา. ๒.๑๙.๘๖-๘๗);
Samantā yojanasataṃ, pharitvā tiṭṭhati sabbadā’’ti. (ma. ni. 3.250; a. ni. 3.36; pe. va. 693-694; jā. 2.19.86-87);
อทุฎฺฐสฺสาติ อทุฎฺฐจิตฺตสฺสฯ ทุเพฺภติ ทูเสยฺยฯ ตเมว ปาปํ ผุสตีติ ตเมว อทุฎฺฐทุพฺภิํ ปาปปุคฺคลํ ปาปํ นิหีนํ ปาปผลํ ผุสติ ปาปุณาติ อภิภวติฯ เภสฺมาติ วิปุลภาเวน คมฺภีรภาเวน จ ภิํสาเปโนฺต วิย, วิปุลคมฺภีโรติ อโตฺถฯ วาเทนาติ โทเสนฯ วิหิํสตีติ พาธติ อาสาเทติฯ วาโท ตมฺหิ น รูหตีติ ตสฺมิํ ตถาคเต ปเรน อาโรปิยมาโน โทโส น รุหติ, น ติฎฺฐติ, วิสกุโมฺภ วิย สมุทฺทสฺส, น ตสฺส วิการํ ชเนตีติ อโตฺถฯ
Aduṭṭhassāti aduṭṭhacittassa. Dubbheti dūseyya. Tameva pāpaṃ phusatīti tameva aduṭṭhadubbhiṃ pāpapuggalaṃ pāpaṃ nihīnaṃ pāpaphalaṃ phusati pāpuṇāti abhibhavati. Bhesmāti vipulabhāvena gambhīrabhāvena ca bhiṃsāpento viya, vipulagambhīroti attho. Vādenāti dosena. Vihiṃsatīti bādhati āsādeti. Vādo tamhi na rūhatīti tasmiṃ tathāgate parena āropiyamāno doso na ruhati, na tiṭṭhati, visakumbho viya samuddassa, na tassa vikāraṃ janetīti attho.
เอวํ ฉหิ คาถาหิ ปาปิจฺฉตาทิสมนฺนาคตสฺส นิรยูปคภาวทสฺสเนน ทุกฺขโต อปริมุตฺตตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตปฺปฎิปกฺขธมฺมสมนฺนาคตสฺส ทุกฺขกฺขยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตาทิสํ มิตฺต’’นฺติ โอสานคาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยสฺส สมฺมา ปฎิปนฺนสฺส มคฺคานุโค ปฎิปตฺติมคฺคํ อนุคโต สมฺมา ปฎิปโนฺน อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเมน สกลวฎฺฎทุกฺขสฺส ขยํ ปริโยสานํ ปาปุเณยฺยฯ ตาทิสํ พุทฺธํ วา พุทฺธสาวกํ วา ปณฺฑิโต สปฺปโญฺญ, อตฺตโน มิตฺตํ กุเพฺพถ เตน เมตฺติกํ กเรยฺย, ตญฺจ เสเวยฺย ตเมว ปยิรุปาเสยฺยาติฯ
Evaṃ chahi gāthāhi pāpicchatādisamannāgatassa nirayūpagabhāvadassanena dukkhato aparimuttataṃ dassetvā idāni tappaṭipakkhadhammasamannāgatassa dukkhakkhayaṃ dassento ‘‘tādisaṃ mitta’’nti osānagāthamāha. Tassattho – yassa sammā paṭipannassa maggānugo paṭipattimaggaṃ anugato sammā paṭipanno appicchatādiguṇasamannāgamena sakalavaṭṭadukkhassa khayaṃ pariyosānaṃ pāpuṇeyya. Tādisaṃ buddhaṃ vā buddhasāvakaṃ vā paṇḍito sappañño, attano mittaṃ kubbetha tena mettikaṃ kareyya, tañca seveyya tameva payirupāseyyāti.
อิติ อิมสฺมิํ วเคฺค ฉฎฺฐสตฺตมสุเตฺตสุ วิวฎฺฎํ กถิตํ, อิตเรสุ วฎฺฎวิวฎฺฎํ กถิตํฯ
Iti imasmiṃ vagge chaṭṭhasattamasuttesu vivaṭṭaṃ kathitaṃ, itaresu vaṭṭavivaṭṭaṃ kathitaṃ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dasamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑๐. เทวทตฺตสุตฺตํ • 10. Devadattasuttaṃ