Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๖. เทวทูตสุตฺตวณฺณนา
6. Devadūtasuttavaṇṇanā
๓๖. ฉเฎฺฐ เทวทูตานีติ เทวทูตาฯ อยํ ปเนตฺถ วจนโตฺถ – เทโวติ มจฺจุ, ตสฺส ทูตาติ เทวทูตาฯ ชิณฺณพฺยาธิมตา หิ สํเวคชนนเฎฺฐน ‘‘อิทานิ เต มจฺจุสมีปํ คนฺตพฺพ’’นฺติ โจเทนฺติ วิย, ตสฺมา เทวทูตาติ วุจฺจนฺติฯ เทวา วิย ทูตาติปิ เทวทูตาฯ ยถา หิ อลงฺกตปฎิยตฺตาย เทวตาย อากาเส ฐตฺวา ‘‘ตฺวํ อสุกทิวเส มริสฺสสี’’ติ วุเตฺต ตสฺสา วจนํ สทฺธาตพฺพํ โหติ; เอวเมวํ ชิณฺณพฺยาธิมตาปิ ทิสฺสมานา ‘‘ตฺวมฺปิ เอวํธโมฺม’’ติ โจเทนฺติ วิย, เตสญฺจ ตํ วจนํ อนญฺญถาภาวิตาย เทวตาย พฺยากรณสทิสเมว โหตีติ เทวา วิย ทูตาติ เทวทูตาฯ วิสุทฺธิเทวานํ ทูตาติปิ เทวทูตาฯ สพฺพโพธิสตฺตา หิ ชิณฺณพฺยาธิมตปพฺพชิเต ทิสฺวาว สํเวคํ อาปชฺชิตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิํสุฯ เอวํ วิสุทฺธิเทวานํ ทูตาติปิ เทวทูตาฯ อิธ ปน ลิงฺควิปลฺลาเสน ‘‘เทวทูตานี’’ติ วุตฺตํฯ
36. Chaṭṭhe devadūtānīti devadūtā. Ayaṃ panettha vacanattho – devoti maccu, tassa dūtāti devadūtā. Jiṇṇabyādhimatā hi saṃvegajananaṭṭhena ‘‘idāni te maccusamīpaṃ gantabba’’nti codenti viya, tasmā devadūtāti vuccanti. Devā viya dūtātipi devadūtā. Yathā hi alaṅkatapaṭiyattāya devatāya ākāse ṭhatvā ‘‘tvaṃ asukadivase marissasī’’ti vutte tassā vacanaṃ saddhātabbaṃ hoti; evamevaṃ jiṇṇabyādhimatāpi dissamānā ‘‘tvampi evaṃdhammo’’ti codenti viya, tesañca taṃ vacanaṃ anaññathābhāvitāya devatāya byākaraṇasadisameva hotīti devā viya dūtāti devadūtā. Visuddhidevānaṃ dūtātipi devadūtā. Sabbabodhisattā hi jiṇṇabyādhimatapabbajite disvāva saṃvegaṃ āpajjitvā nikkhamma pabbajiṃsu. Evaṃ visuddhidevānaṃ dūtātipi devadūtā. Idha pana liṅgavipallāsena ‘‘devadūtānī’’ti vuttaṃ.
กาเยน ทุจฺจริตนฺติอาทิ กสฺมา อารทฺธํ? เทวทูตานุยุญฺชนฎฺฐานุปกฺกมกมฺมทสฺสนตฺถํฯ อิมินา หิ กเมฺมน อยํ สโตฺต นิรเย นิพฺพตฺตติ, อถ นํ ตตฺถ ยโม ราชา เทวทูเต สมนุยุญฺชติฯ ตตฺถ กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติ กายทฺวาเรน ติวิธํ ทุจฺจริตํ จรติฯ วาจายาติ วจีทฺวาเรน จตุพฺพิธํ ทุจฺจริตํ จรติฯ มนสาติ มโนทฺวาเรน ติวิธํ ทุจฺจริตํ จรติฯ
Kāyenaduccaritantiādi kasmā āraddhaṃ? Devadūtānuyuñjanaṭṭhānupakkamakammadassanatthaṃ. Iminā hi kammena ayaṃ satto niraye nibbattati, atha naṃ tattha yamo rājā devadūte samanuyuñjati. Tattha kāyena duccaritaṃ caratīti kāyadvārena tividhaṃ duccaritaṃ carati. Vācāyāti vacīdvārena catubbidhaṃ duccaritaṃ carati. Manasāti manodvārena tividhaṃ duccaritaṃ carati.
ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลาติ เอตฺถ เอกเจฺจ เถรา ‘‘นิรยปาลา นาม นตฺถิ, ยนฺตรูปํ วิย กมฺมเมว การณํ กาเรตี’’ติ วทนฺติฯ ตํ ‘‘อตฺถิ นิรเย นิรยปาลาติ, อามนฺตาฯ อตฺถิ จ การณิกา’’ติอาทินา นเยน อภิธเมฺม (กถา. ๘๖๖) ปฎิเสธิตเมวฯ ยถา หิ มนุสฺสโลเก กมฺมการณการกา อตฺถิ, เอวเมว นิรเย นิรยปาลา อตฺถีติฯ ยมสฺส รโญฺญติ ยมราชา นาม เวมานิกเปตราชาฯ เอกสฺมิํ กาเล ทิพฺพวิมาเน ทิพฺพกปฺปรุกฺขทิพฺพอุยฺยานทิพฺพนาฎกาทิสพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวติ, เอกสฺมิํ กาเล กมฺมวิปากํ, ธมฺมิโก ราชา, น เจส เอโกว โหติ, จตูสุ ปน ทฺวาเรสุ จตฺตาโร ชนา โหนฺติฯ อมเตฺตโยฺยติ มาตุ หิโต มเตฺตโยฺย, มาตริ สมฺมา ปฎิปโนฺนติ อโตฺถฯ น มเตฺตโยฺยติ อมเตฺตโยฺย, มาตริ มิจฺฉา ปฎิปโนฺนติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อพฺรหฺมโญฺญติ เอตฺถ จ ขีณาสวา พฺราหฺมณา นาม, เตสุ มิจฺฉา ปฎิปโนฺน อพฺรหฺมโญฺญ นามฯ
Tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālāti ettha ekacce therā ‘‘nirayapālā nāma natthi, yantarūpaṃ viya kammameva kāraṇaṃ kāretī’’ti vadanti. Taṃ ‘‘atthi niraye nirayapālāti, āmantā. Atthi ca kāraṇikā’’tiādinā nayena abhidhamme (kathā. 866) paṭisedhitameva. Yathā hi manussaloke kammakāraṇakārakā atthi, evameva niraye nirayapālā atthīti. Yamassaraññoti yamarājā nāma vemānikapetarājā. Ekasmiṃ kāle dibbavimāne dibbakapparukkhadibbauyyānadibbanāṭakādisabbasampattiṃ anubhavati, ekasmiṃ kāle kammavipākaṃ, dhammiko rājā, na cesa ekova hoti, catūsu pana dvāresu cattāro janā honti. Amatteyyoti mātu hito matteyyo, mātari sammā paṭipannoti attho. Na matteyyoti amatteyyo, mātari micchā paṭipannoti attho. Sesapadesupi eseva nayo. Abrahmaññoti ettha ca khīṇāsavā brāhmaṇā nāma, tesu micchā paṭipanno abrahmañño nāma.
สมนุยุญฺชตีติ อนุโยควตฺตํ อาโรเปโนฺต ปุจฺฉติ, ลทฺธิํ ปติฎฺฐาเปโนฺต ปน สมนุคฺคาหติ นาม, การณํ ปุจฺฉโนฺต สมนุภาสติ นามฯ นาทฺทสนฺติ อตฺตโน สนฺติเก ปหิตสฺส กสฺสจิ เทวทูตสฺส อภาวํ สนฺธาย เอวํ วทติฯ
Samanuyuñjatīti anuyogavattaṃ āropento pucchati, laddhiṃ patiṭṭhāpento pana samanuggāhati nāma, kāraṇaṃ pucchanto samanubhāsati nāma. Nāddasanti attano santike pahitassa kassaci devadūtassa abhāvaṃ sandhāya evaṃ vadati.
อถ นํ ยโม ‘‘นายํ ภาสิตสฺส อตฺถํ สลฺลเกฺขตี’’ติ ญตฺวา อตฺถํ สลฺลกฺขาเปตุกาโม อโมฺภติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชิณฺณนฺติ ชราชิณฺณํฯ โคปานสิวงฺกนฺติ โคปานสี วิย วงฺกํฯ โภคฺคนฺติ ภคฺคํฯ อิมินาปิสฺส วงฺกภาวเมว ทีเปติฯ ทณฺฑปรายณนฺติ ทณฺฑปฎิสรณํ ทณฺฑทุติยํฯ ปเวธมานนฺติ กมฺปมานํฯ อาตุรนฺติ ชราตุรํฯ ขณฺฑทนฺตนฺติ ชรานุภาเวน ขณฺฑิตทนฺตํฯ ปลิตเกสนฺติ ปณฺฑรเกสํฯ วิลูนนฺติ ลุญฺจิตฺวา คหิตเกสํ วิย ขลฺลาฎํฯ ขลิตสิรนฺติ มหาขลฺลาฎสีสํฯ วลิตนฺติ สญฺชาตวลิํฯ ติลกาหตคตฺตนฺติ เสตติลกกาฬติลเกหิ วิกิณฺณสรีรํฯ ชราธโมฺมติ ชราสภาโว, อปริมุโตฺต ชราย, ชรา นาม มยฺหํ อพฺภนฺตเรเยว ปวตฺตตีติฯ ปรโต พฺยาธิธโมฺม มรณธโมฺมติ ปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ
Atha naṃ yamo ‘‘nāyaṃ bhāsitassa atthaṃ sallakkhetī’’ti ñatvā atthaṃ sallakkhāpetukāmo ambhotiādimāha. Tattha jiṇṇanti jarājiṇṇaṃ. Gopānasivaṅkanti gopānasī viya vaṅkaṃ. Bhogganti bhaggaṃ. Imināpissa vaṅkabhāvameva dīpeti. Daṇḍaparāyaṇanti daṇḍapaṭisaraṇaṃ daṇḍadutiyaṃ. Pavedhamānanti kampamānaṃ. Āturanti jarāturaṃ. Khaṇḍadantanti jarānubhāvena khaṇḍitadantaṃ. Palitakesanti paṇḍarakesaṃ. Vilūnanti luñcitvā gahitakesaṃ viya khallāṭaṃ. Khalitasiranti mahākhallāṭasīsaṃ. Valitanti sañjātavaliṃ. Tilakāhatagattanti setatilakakāḷatilakehi vikiṇṇasarīraṃ. Jarādhammoti jarāsabhāvo, aparimutto jarāya, jarā nāma mayhaṃ abbhantareyeva pavattatīti. Parato byādhidhammo maraṇadhammoti padadvayepi eseva nayo.
ปฐมํ เทวทูตํ สมนุยุญฺชิตฺวาติ เอตฺถ ชราชิณฺณสโตฺต อตฺถโต เอวํ วทติ นาม – ‘‘ปสฺสถ, โภ, อหมฺปิ ตุเมฺห วิย ตรุโณ อโหสิํ อูรุพลี พาหุพลี ชวสมฺปโนฺน, ตสฺส เม ตา พลชวสมฺปตฺติโย อนฺตรหิตา, วิชฺชมานาปิ เม หตฺถปาทา หตฺถปาทกิจฺจํ น กโรนฺติ, ชรายมฺหิ อปริมุตฺตตาย เอทิโส ชาโตฯ น โข ปนาหเมว, ตุเมฺหปิ ชราย อปริมุตฺตาวฯ ยเถว หิ มยฺหํ, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ ชรา อาคมิสฺสติฯ อิติ ตสฺสา ปุเร อาคมนาว กลฺยาณํ กโรถา’’ติ ฯ เตเนเวส เทวทูโต นาม ชาโตฯ อาพาธิกนฺติ พาธิกํฯ ทุกฺขิตนฺติ ทุกฺขปฺปตฺตํฯ พาฬฺหคิลานนฺติ อธิมตฺตคิลานํฯ
Paṭhamaṃ devadūtaṃ samanuyuñjitvāti ettha jarājiṇṇasatto atthato evaṃ vadati nāma – ‘‘passatha, bho, ahampi tumhe viya taruṇo ahosiṃ ūrubalī bāhubalī javasampanno, tassa me tā balajavasampattiyo antarahitā, vijjamānāpi me hatthapādā hatthapādakiccaṃ na karonti, jarāyamhi aparimuttatāya ediso jāto. Na kho panāhameva, tumhepi jarāya aparimuttāva. Yatheva hi mayhaṃ, evaṃ tumhākampi jarā āgamissati. Iti tassā pure āgamanāva kalyāṇaṃ karothā’’ti . Tenevesa devadūto nāma jāto. Ābādhikanti bādhikaṃ. Dukkhitanti dukkhappattaṃ. Bāḷhagilānanti adhimattagilānaṃ.
ทุติยํ เทวทูตนฺติ เอตฺถปิ คิลานสโตฺต อตฺถโต เอวํ วทติ นาม – ‘‘ปสฺสถ, โภ, อหมฺปิ ตุเมฺห วิย นิโรโค อโหสิํ, โสมฺหิ เอตรหิ พฺยาธินา อภิหโต, สเก มุตฺตกรีเส ปลิปโนฺน, อุฎฺฐาตุมฺปิ น สโกฺกมิฯ วิชฺชมานาปิ เม หตฺถปาทา หตฺถปาทกิจฺจํ น กโรนฺติ, พฺยาธิโตมฺหิ อปริมุตฺตตาย เอทิโส ชาโตฯ น โข ปนาหเมว, ตุเมฺหปิ พฺยาธิโต อปริมุตฺตาวฯ ยเถว หิ มยฺหํ, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ พฺยาธิ อาคมิสฺสติฯ อิติ ตสฺส ปุเร อาคมนาว กลฺยาณํ กโรถา’’ติฯ เตเนเวส เทวทูโต นาม ชาโตฯ
Dutiyaṃ devadūtanti etthapi gilānasatto atthato evaṃ vadati nāma – ‘‘passatha, bho, ahampi tumhe viya nirogo ahosiṃ, somhi etarahi byādhinā abhihato, sake muttakarīse palipanno, uṭṭhātumpi na sakkomi. Vijjamānāpi me hatthapādā hatthapādakiccaṃ na karonti, byādhitomhi aparimuttatāya ediso jāto. Na kho panāhameva, tumhepi byādhito aparimuttāva. Yatheva hi mayhaṃ, evaṃ tumhākampi byādhi āgamissati. Iti tassa pure āgamanāva kalyāṇaṃ karothā’’ti. Tenevesa devadūto nāma jāto.
เอกาหมตนฺติอาทีสุ เอกาหํ มตสฺส อสฺสาติ เอกาหมโต, ตํ เอกาหมตํฯ ปรโต ปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ภสฺตา วิย วายุนา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา ยถากฺกมํ สมุคฺคเตน สูนภาเวน อุทฺธุมาตตฺตา อุทฺธุมาตกํฯ วินีโล วุจฺจติ วิปริภินฺนวโณฺณ, วินีโลว วินีลโก, ตํ วินีลกํฯ ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วินีลนฺติ วินีลกํฯ วิปุพฺพกนฺติ วิสฺสนฺทมานปุพฺพกํ, ปริภินฺนฎฺฐาเน หิ ปคฺฆริเตน ปุเพฺพน ปลิมกฺขิตนฺติ อโตฺถฯ
Ekāhamatantiādīsu ekāhaṃ matassa assāti ekāhamato, taṃ ekāhamataṃ. Parato padadvayepi eseva nayo. Bhastā viya vāyunā uddhaṃ jīvitapariyādānā yathākkamaṃ samuggatena sūnabhāvena uddhumātattā uddhumātakaṃ. Vinīlo vuccati viparibhinnavaṇṇo, vinīlova vinīlako, taṃ vinīlakaṃ. Paṭikūlattā vā kucchitaṃ vinīlanti vinīlakaṃ. Vipubbakanti vissandamānapubbakaṃ, paribhinnaṭṭhāne hi paggharitena pubbena palimakkhitanti attho.
ตติยํ เทวทูตนฺติ เอตฺถ มตกสโตฺต อตฺถโต เอวํ วทติ นาม – ‘‘ปสฺสถ, โภ, มํ อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตํ อุทฺธุมาตกาทิภาวปฺปตฺตํ, มรณโตมฺหิ อปริมุตฺตตาย เอทิโส ชาโตฯ น โข ปนาหเมว, ตุเมฺหปิ มรณโต อปริมุตฺตาฯ ยเถว หิ มยฺหํ, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ มรณํ อาคมิสฺสติฯ อิติ ตสฺส ปุเร อาคมนาว กลฺยาณํ กโรถา’’ติฯ เตเนวสฺส เทวทูโต นาม ชาโตฯ
Tatiyaṃdevadūtanti ettha matakasatto atthato evaṃ vadati nāma – ‘‘passatha, bho, maṃ āmakasusāne chaḍḍitaṃ uddhumātakādibhāvappattaṃ, maraṇatomhi aparimuttatāya ediso jāto. Na kho panāhameva, tumhepi maraṇato aparimuttā. Yatheva hi mayhaṃ, evaṃ tumhākampi maraṇaṃ āgamissati. Iti tassa pure āgamanāva kalyāṇaṃ karothā’’ti. Tenevassa devadūto nāma jāto.
อิมํ ปน เทวทูตานุโยคํ โก ลภติ, โก น ลภติ? เยน ตาว พหุํ ปาปํ กตํ, โส คนฺตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติเยวฯ เยน ปน ปริตฺตํ ปาปํ กตํ, โส ลภติฯ ยถา หิ สภณฺฑํ โจรํ คเหตฺวา กตฺตพฺพเมว กโรนฺติ น วินิจฺฉินนฺติฯ อนุวิชฺชิตฺวา คหิตํ ปน วินิจฺฉยฎฺฐานํ นยนฺติ, โส วินิจฺฉยํ ลภติฯ เอวํสมฺปทเมตํฯ ปริตฺตปาปกมฺมา หิ อตฺตโน ธมฺมตายปิ สรนฺติ, สารียมานาปิ สรนฺติฯ
Imaṃ pana devadūtānuyogaṃ ko labhati, ko na labhati? Yena tāva bahuṃ pāpaṃ kataṃ, so gantvā niraye nibbattatiyeva. Yena pana parittaṃ pāpaṃ kataṃ, so labhati. Yathā hi sabhaṇḍaṃ coraṃ gahetvā kattabbameva karonti na vinicchinanti. Anuvijjitvā gahitaṃ pana vinicchayaṭṭhānaṃ nayanti, so vinicchayaṃ labhati. Evaṃsampadametaṃ. Parittapāpakammā hi attano dhammatāyapi saranti, sārīyamānāpi saranti.
ตตฺถ ทีฆชยนฺตทมิโฬ นาม อตฺตโน ธมฺมตาย สริฯ โส กิร ทมิโฬ สุมนคิริมหาวิหาเร อากาสเจติยํ รตฺตปเฎน ปูเชสิ, อถ นิรเย อุสฺสทสามเนฺต นิพฺพโตฺต อคฺคิชาลสทฺทํ สุตฺวาว อตฺตนา ปูชิตปฎํ อนุสฺสริ, โส คนฺตฺวา สเคฺค นิพฺพโตฺตฯ อปโรปิ ปุตฺตสฺส ทหรภิกฺขุโน ขลิสาฎกํ เทโนฺต ปาทมูเล ฐเปสิ, มรณกาลมฺหิ ปฎปฎาติ สเทฺท นิมิตฺตํ คณฺหิ , โสปิ อุสฺสทสามเนฺต นิพฺพโตฺต ชาลสเทฺทน ตํ สาฎกํ อนุสฺสริตฺวา สเคฺค นิพฺพโตฺตฯ เอวํ ตาว อตฺตโน ธมฺมตาย กุสลํ กมฺมํ สริตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตตีติฯ
Tattha dīghajayantadamiḷo nāma attano dhammatāya sari. So kira damiḷo sumanagirimahāvihāre ākāsacetiyaṃ rattapaṭena pūjesi, atha niraye ussadasāmante nibbatto aggijālasaddaṃ sutvāva attanā pūjitapaṭaṃ anussari, so gantvā sagge nibbatto. Aparopi puttassa daharabhikkhuno khalisāṭakaṃ dento pādamūle ṭhapesi, maraṇakālamhi paṭapaṭāti sadde nimittaṃ gaṇhi , sopi ussadasāmante nibbatto jālasaddena taṃ sāṭakaṃ anussaritvā sagge nibbatto. Evaṃ tāva attano dhammatāya kusalaṃ kammaṃ saritvā sagge nibbattatīti.
อตฺตโน ธมฺมตาย อสรเนฺต ปน ตโย เทวทูเต ปุจฺฉติฯ ตตฺถ โกจิ ปฐเมน เทวทูเตน สรติ, โกจิ ทุติยตติเยหิ, โกจิ ตีหิปิ นสฺสรติฯ ตํ ยโม ราชา ทิสฺวา สยํ สาเรติฯ เอโก กิร อมโจฺจ สุมนปุปฺผกุเมฺภน มหาเจติยํ ปูเชตฺวา ยมสฺส ปตฺติํ อทาสิ, ตํ อกุสลกเมฺมน นิรเย นิพฺพตฺตํ ยมสฺส สนฺติกํ นยิํสุฯ ตสฺมิํ ตีหิปิ เทวทูเตหิ กุสลํ อสรเนฺต ยโม สยํ โอโลเกโนฺต ทิสฺวา – ‘‘นนุ ตฺวํ มหาเจติยํ สุมนปุปฺผกุเมฺภน ปูเชตฺวา มยฺหํ ปตฺติํ อทาสี’’ติ สาเรสิ, โส ตสฺมิํ กาเล สริตฺวา เทวโลกํ คโต ฯ ยโม ปน สยํ โอโลเกตฺวาปิ อปสฺสโนฺต – ‘‘มหาทุกฺขํ นาม อนุภวิสฺสติ อยํ สโตฺต’’ติ ตุณฺหี อโหสิฯ
Attano dhammatāya asarante pana tayo devadūte pucchati. Tattha koci paṭhamena devadūtena sarati, koci dutiyatatiyehi, koci tīhipi nassarati. Taṃ yamo rājā disvā sayaṃ sāreti. Eko kira amacco sumanapupphakumbhena mahācetiyaṃ pūjetvā yamassa pattiṃ adāsi, taṃ akusalakammena niraye nibbattaṃ yamassa santikaṃ nayiṃsu. Tasmiṃ tīhipi devadūtehi kusalaṃ asarante yamo sayaṃ olokento disvā – ‘‘nanu tvaṃ mahācetiyaṃ sumanapupphakumbhena pūjetvā mayhaṃ pattiṃ adāsī’’ti sāresi, so tasmiṃ kāle saritvā devalokaṃ gato . Yamo pana sayaṃ oloketvāpi apassanto – ‘‘mahādukkhaṃ nāma anubhavissati ayaṃ satto’’ti tuṇhī ahosi.
ตตฺตํ อโยขิลนฺติ ติคาวุตํ อตฺตภาวํ สมฺปชฺชลิตาย โลหปถวิยา อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา ทกฺขิณหเตฺถ ตาลปฺปมาณํ อยสูลํ ปเวเสนฺติ, ตถา วามหตฺถาทีสุฯ ยถา จ ตํ อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา, เอวํ อุเรนปิ วามปเสฺสนปิ ทกฺขิณปเสฺสนปิ นิปชฺชาเปตฺวา เต ตํ กมฺมการณํ กโรนฺติเยวฯ สํเวเสตฺวาติ ชลิตาย โลหปถวิยา ติคาวุตํ อตฺตภาวํ นิปชฺชาเปตฺวาฯ กุฐารีหีติ มหตีหิ เคหสฺส เอกปกฺขจฺฉทนมตฺตาหิ กุฐารีหิ ตจฺฉนฺติ, โลหิตํ นที หุตฺวา สนฺทติ, โลหปถวิโต ชาลา อุฎฺฐหิตฺวา ตจฺฉิตฎฺฐานํ คณฺหาติ, มหาทุกฺขํ อุปฺปชฺชติฯ ตจฺฉนฺตา ปน สุตฺตาหตํ กริตฺวา ทารุํ วิย อฎฺฐํสมฺปิ ฉฬํสมฺปิ กโรนฺติฯ วาสีหีติ มหาสุปฺปปฺปมาณาหิ วาสีหิฯ รเถ โยเชตฺวาติ สทฺธิํ ยุคโยตฺตปกฺขรถจกฺกกุพฺพรปาชเนหิ สพฺพโต ปชฺชลิเต รเถ โยเชตฺวาฯ มหนฺตนฺติ มหากูฎาคารปฺปมาณํฯ อาโรเปนฺตีติ สมฺปชฺชลิเตหิ อยมุคฺคเรหิ โปเถนฺตา อาโรเปนฺติฯ สกิมฺปิ อุทฺธนฺติ สุปกฺกุถิตาย อุกฺขลิยา ปกฺขิตฺตตณฺฑุลา วิย อุทฺธมโธติริยญฺจ คจฺฉติฯ มหานิรเยติ อวีจิมหานิรยมฺหิฯ
Tattaṃ ayokhilanti tigāvutaṃ attabhāvaṃ sampajjalitāya lohapathaviyā uttānakaṃ nipajjāpetvā dakkhiṇahatthe tālappamāṇaṃ ayasūlaṃ pavesenti, tathā vāmahatthādīsu. Yathā ca taṃ uttānakaṃ nipajjāpetvā, evaṃ urenapi vāmapassenapi dakkhiṇapassenapi nipajjāpetvā te taṃ kammakāraṇaṃ karontiyeva. Saṃvesetvāti jalitāya lohapathaviyā tigāvutaṃ attabhāvaṃ nipajjāpetvā. Kuṭhārīhīti mahatīhi gehassa ekapakkhacchadanamattāhi kuṭhārīhi tacchanti, lohitaṃ nadī hutvā sandati, lohapathavito jālā uṭṭhahitvā tacchitaṭṭhānaṃ gaṇhāti, mahādukkhaṃ uppajjati. Tacchantā pana suttāhataṃ karitvā dāruṃ viya aṭṭhaṃsampi chaḷaṃsampi karonti. Vāsīhīti mahāsuppappamāṇāhi vāsīhi. Rathe yojetvāti saddhiṃ yugayottapakkharathacakkakubbarapājanehi sabbato pajjalite rathe yojetvā. Mahantanti mahākūṭāgārappamāṇaṃ. Āropentīti sampajjalitehi ayamuggarehi pothentā āropenti. Sakimpi uddhanti supakkuthitāya ukkhaliyā pakkhittataṇḍulā viya uddhamadhotiriyañca gacchati. Mahānirayeti avīcimahānirayamhi.
ภาคโส มิโตติ ภาเค ฐเปตฺวา วิภโตฺตฯ ปริยโนฺตติ ปริกฺขิโตฺตฯ อยสาติ อุปริ อยปเฎฺฎน ฉาทิโตฯ สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฎฺฐตีติ เอวํ ผริตฺวา ติฎฺฐติ, ยถา ตํ สมนฺตา โยชนสเต ฐตฺวา โอโลเกนฺตสฺส อกฺขีนิ ยมกโคฬกา วิย นิกฺขมนฺติฯ
Bhāgasomitoti bhāge ṭhapetvā vibhatto. Pariyantoti parikkhitto. Ayasāti upari ayapaṭṭena chādito. Samantā yojanasataṃ, pharitvā tiṭṭhatīti evaṃ pharitvā tiṭṭhati, yathā taṃ samantā yojanasate ṭhatvā olokentassa akkhīni yamakagoḷakā viya nikkhamanti.
หีนกายูปคาติ หีนํ กายํ อุปคตา หุตฺวาฯ อุปาทาเนติ ตณฺหาทิฎฺฐิคฺคหเณฯ ชาติมรณสมฺภเวติ ชาติยา จ มรณสฺส จ การณภูเตฯ อนุปาทาติ จตูหิ อุปาทาเนหิ อนุปาทิยิตฺวาฯ ชาติมรณสงฺขเยติ ชาติมรณสงฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน วิมุจฺจนฺติฯ ทิฎฺฐธมฺมาภินิพฺพุตาติ ทิฎฺฐธเมฺม อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว สพฺพกิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุตาฯ สพฺพทุกฺขํ อุปจฺจคุนฺติ สกลวฎฺฎทุกฺขํ อติกฺกนฺตาฯ
Hīnakāyūpagāti hīnaṃ kāyaṃ upagatā hutvā. Upādāneti taṇhādiṭṭhiggahaṇe. Jātimaraṇasambhaveti jātiyā ca maraṇassa ca kāraṇabhūte. Anupādāti catūhi upādānehi anupādiyitvā. Jātimaraṇasaṅkhayeti jātimaraṇasaṅkhayasaṅkhāte nibbāne vimuccanti. Diṭṭhadhammābhinibbutāti diṭṭhadhamme imasmiṃyeva attabhāve sabbakilesanibbānena nibbutā. Sabbadukkhaṃ upaccagunti sakalavaṭṭadukkhaṃ atikkantā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๖. เทวทูตสุตฺตํ • 6. Devadūtasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. เทวทูตสุตฺตวณฺณนา • 6. Devadūtasuttavaṇṇanā