Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๖. เทวทูตสุตฺตวณฺณนา
6. Devadūtasuttavaṇṇanā
๓๖. ฉเฎฺฐ เทวทูตานีติ ลิงฺควิปลฺลาสํ กตฺวา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เทวทูตา’’ติ, อุภยลิงฺคํ วา เอตํ ปทํ, ตสฺมา นปุํสกลิงฺควเสน ปาฬิยํ วุตฺตสฺส ปุลฺลิงฺควเสน อตฺถทสฺสนํ กตํฯ เทโวติ มจฺจูติ อภิภวนเฎฺฐน สตฺตานํ อตฺตโน วเส วตฺตาปนโต มจฺจุราชา ‘‘เทโว’’ติ วุจฺจติฯ ยถา หิ เทโว ปกติสเตฺต อภิภวติ, เอวํ มจฺจุ สพฺพสเตฺต อภิภวติ, ตสฺมา เทโว วิยาติ เทโวฯ ‘‘ตสฺส ทูตา’’ติ วตฺวา อิทานิสฺส ทูเต เตสํ ทูตภาวญฺจ วิภาเวตุํ ‘‘ชิณฺณพฺยาธิมตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน โจทนเตฺถน เทวสฺส ทูตา วิยาติ เทวทูตาติ ทเสฺสติฯ ‘‘อหํ อสุกํ ปมทฺทิตุํ อาคมิสฺสามิ, ตุวํ ตสฺส เกเส คเหตฺวา มา วิสฺสเชฺชหี’’ติ มจฺจุเทวสฺส อาณากรา ทูตา วิยาติ หิ ทูตาติ วุจฺจนฺติฯ
36. Chaṭṭhe devadūtānīti liṅgavipallāsaṃ katvā vuttanti āha ‘‘devadūtā’’ti, ubhayaliṅgaṃ vā etaṃ padaṃ, tasmā napuṃsakaliṅgavasena pāḷiyaṃ vuttassa pulliṅgavasena atthadassanaṃ kataṃ. Devoti maccūti abhibhavanaṭṭhena sattānaṃ attano vase vattāpanato maccurājā ‘‘devo’’ti vuccati. Yathā hi devo pakatisatte abhibhavati, evaṃ maccu sabbasatte abhibhavati, tasmā devo viyāti devo. ‘‘Tassa dūtā’’ti vatvā idānissa dūte tesaṃ dūtabhāvañca vibhāvetuṃ ‘‘jiṇṇabyādhimatā hī’’tiādi vuttaṃ. Tena codanatthena devassa dūtā viyāti devadūtāti dasseti. ‘‘Ahaṃ asukaṃ pamaddituṃ āgamissāmi, tuvaṃ tassa kese gahetvā mā vissajjehī’’ti maccudevassa āṇākarā dūtā viyāti hi dūtāti vuccanti.
อิทานิ สทฺธาตพฺพเฎฺฐน เทวา วิย ทูตาติ เทวทูตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เทวา วิย ทูตา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อลงฺกตปฺปฎิยตฺตายาติ อิทํ อตฺตโน ทิพฺพานุภาวํ อาวิกตฺวา ฐิตายาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เทวตาย พฺยากรณสทิสเมว โหติ น จิรเสฺสว ชราพฺยาธิมรณสฺส สมฺภวโตฯ วิสุทฺธิเทวานนฺติ ขีณาสวพฺรหฺมานํฯ เต หิ จริมภเว โพธิสตฺตานํ ชิณฺณาทิเภทํ ทเสฺสนฺติ, ตสฺมา อนฺติมภวิกโพธิสตฺตานํ วิสุทฺธิเทเวหิ อุปฎฺฐาปิตภาวํ อุปาทาย ตทเญฺญสมฺปิ เตหิ อนุปฎฺฐาปิตานมฺปิ ตถา โวหริตพฺพตา ปริยายสิทฺธาติ เวทิตพฺพาฯ ทิสฺวาวาติ วิสุทฺธิเทเวหิ ทสฺสิเต ทิสฺวาวฯ ตโตเยว หิ เต วิสุทฺธิเทวานํ ทูตา วุตฺตาฯ
Idāni saddhātabbaṭṭhena devā viya dūtāti devadūtāti dassento ‘‘devā viya dūtā’’tiādimāha. Tattha alaṅkatappaṭiyattāyāti idaṃ attano dibbānubhāvaṃ āvikatvā ṭhitāyāti dassanatthaṃ vuttaṃ. Devatāya byākaraṇasadisameva hoti na cirasseva jarābyādhimaraṇassa sambhavato. Visuddhidevānanti khīṇāsavabrahmānaṃ. Te hi carimabhave bodhisattānaṃ jiṇṇādibhedaṃ dassenti, tasmā antimabhavikabodhisattānaṃ visuddhidevehi upaṭṭhāpitabhāvaṃ upādāya tadaññesampi tehi anupaṭṭhāpitānampi tathā voharitabbatā pariyāyasiddhāti veditabbā. Disvāvāti visuddhidevehi dassite disvāva. Tatoyeva hi te visuddhidevānaṃ dūtā vuttā.
กสฺมา อารทฺธนฺติ เกวลํ เทวทูเต เอว สรูปโต อทเสฺสตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ เทวานํ ทูตานํ ทสฺสนูปายตฺตา ตถา วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เทวทูตา…เป.… สมนุยุญฺชตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ เทวทูตา…เป.… ทสฺสนตฺถนฺติ เทวทูตานํ อนุยุญฺชนฎฺฐานูปคสฺส กมฺมสฺส ทสฺสนตฺถํฯ
Kasmā āraddhanti kevalaṃ devadūte eva sarūpato adassetvāti adhippāyo. Devānaṃ dūtānaṃ dassanūpāyattā tathā vuttanti dassento ‘‘devadūtā…pe… samanuyuñjatī’’ti āha. Tattha devadūtā…pe… dassanatthanti devadūtānaṃ anuyuñjanaṭṭhānūpagassa kammassa dassanatthaṃ.
เอกเจฺจ เถราติ อนฺธกาทิเก วิญฺญาณวาทิโน จ สนฺธาย วทติฯ เนรยิเก นิรเย ปาเลนฺติ ตโต นิคฺคนฺตุํ อปฺปทานวเสน รกฺขนฺตีติ นิรยปาลาฯ อถ วา นิรยปาลตาย เนรยิกานํ นิรยทุเกฺขน ปริโยนทฺธาย อลํ สมตฺถาติ นิรยปาลาฯ ตนฺติ ‘‘นตฺถิ นิรยปาลา’’ติ วจนํฯ ปฎิเสธิตเมวาติ ‘‘อตฺถิ นิรเยสุ นิรยปาลา อตฺถิ จ การณิกา’’ติอาทินา นเยน อภิธเมฺม (กถา. ๘๖๖) ปฎิเสธิตเมวฯ ยทิ นิรยปาลา นาม น สิยุํ, กมฺมการณาปิ น ภเวยฺยฯ สติ หิ การณิเก กมฺมการณาย ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ เอตฺถาห – ‘‘กิํ ปเนเต นิรยปาลา เนรยิกา, อุทาหุ อเนรยิกา’’ติฯ กิเญฺจตฺถ – ยทิ ตาว เนรยิกา นิรยสํวตฺตนิเยน กเมฺมน นิพฺพตฺตา, สยมฺปิ นิรยทุกฺขํ ปจฺจนุภเวยฺยุํ, ตถา สติ อเญฺญสํ เนรยิกานํ ฆาตนาย อสมตฺถา สิยุํ, ‘‘อิเม เนรยิกา อิเม นิรยปาลา’’ติ ววตฺถานญฺจ น สิยาฯ เย จ เย ฆาเตนฺติ, เตหิ สมานรูปพลปฺปมาเณหิ อิตเรสํ ภยสนฺตาสา น สิยุํฯ อถ อเนรยิกา, เนสํ ตตฺถ กถํ สมฺภโวติ? วุจฺจเต – อเนรยิกา นิรยปาลา อนิรยคติสํวตฺตนิยกมฺมนิพฺพตฺติโตฯ นิรยูปปตฺติสํวตฺตนิยกมฺมโต หิ อเญฺญเนว กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตนฺติ รกฺขสชาติกตฺตาฯ ตถา หิ วทนฺติ สพฺพตฺถิวาทิโน –
Ekacce therāti andhakādike viññāṇavādino ca sandhāya vadati. Nerayike niraye pālenti tato niggantuṃ appadānavasena rakkhantīti nirayapālā. Atha vā nirayapālatāya nerayikānaṃ nirayadukkhena pariyonaddhāya alaṃ samatthāti nirayapālā. Tanti ‘‘natthi nirayapālā’’ti vacanaṃ. Paṭisedhitamevāti ‘‘atthi nirayesu nirayapālā atthi ca kāraṇikā’’tiādinā nayena abhidhamme (kathā. 866) paṭisedhitameva. Yadi nirayapālā nāma na siyuṃ, kammakāraṇāpi na bhaveyya. Sati hi kāraṇike kammakāraṇāya bhavitabbanti adhippāyo. Tenāha ‘‘yathā hī’’tiādi. Etthāha – ‘‘kiṃ panete nirayapālā nerayikā, udāhu anerayikā’’ti. Kiñcettha – yadi tāva nerayikā nirayasaṃvattaniyena kammena nibbattā, sayampi nirayadukkhaṃ paccanubhaveyyuṃ, tathā sati aññesaṃ nerayikānaṃ ghātanāya asamatthā siyuṃ, ‘‘ime nerayikā ime nirayapālā’’ti vavatthānañca na siyā. Ye ca ye ghātenti, tehi samānarūpabalappamāṇehi itaresaṃ bhayasantāsā na siyuṃ. Atha anerayikā, nesaṃ tattha kathaṃ sambhavoti? Vuccate – anerayikā nirayapālā anirayagatisaṃvattaniyakammanibbattito. Nirayūpapattisaṃvattaniyakammato hi aññeneva kammunā te nibbattanti rakkhasajātikattā. Tathā hi vadanti sabbatthivādino –
‘‘โกธา กุรูรกมฺมนฺตา, ปาปาภิรุจิโน ตถา;
‘‘Kodhā kurūrakammantā, pāpābhirucino tathā;
ทุกฺขิเตสุ จ นนฺทนฺติ, ชายนฺติ ยมรกฺขสา’’ติฯ
Dukkhitesu ca nandanti, jāyanti yamarakkhasā’’ti.
ตตฺถ ยเทเก วทนฺติ ‘‘ยาตนาทุกฺขํ ปฎิสํเวเทยฺยุํ, อถ วา อญฺญมญฺญํ ฆาเตยฺยุ’’นฺติอาทิ, ตยิทํ อสารํ นิรยปาลานํ เนรยิกภาวเสฺสว อภาวโตฯ ยทิปิ อเนรยิกา นิรยปาลา, อโยมยาย ปน อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย นิรยภูมิยา ปริกฺกมมานา กถํ ทาหทุกฺขํ นานุภวนฺตีติ? กมฺมานุภาวโตฯ ยถา หิ อิทฺธิมโนฺต เจโตวสิปฺปตฺตา มหาโมคฺคลฺลานาทโย เนรยิเก อนุกมฺปนฺตา อิทฺธิพเลน นิรยภูมิํ อุปคตา ทาหทุเกฺขน น พาธียนฺติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Tattha yadeke vadanti ‘‘yātanādukkhaṃ paṭisaṃvedeyyuṃ, atha vā aññamaññaṃ ghāteyyu’’ntiādi, tayidaṃ asāraṃ nirayapālānaṃ nerayikabhāvasseva abhāvato. Yadipi anerayikā nirayapālā, ayomayāya pana ādittāya sampajjalitāya sajotibhūtāya nirayabhūmiyā parikkamamānā kathaṃ dāhadukkhaṃ nānubhavantīti? Kammānubhāvato. Yathā hi iddhimanto cetovasippattā mahāmoggallānādayo nerayike anukampantā iddhibalena nirayabhūmiṃ upagatā dāhadukkhena na bādhīyanti, evaṃ sampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ.
อิทฺธิวิสยสฺส อจิเนฺตยฺยภาวโตติ เจ? อิทมฺปิ ตํสมานํ กมฺมวิปากสฺส อจิเนฺตยฺยภาวโตฯ ตถารูเปน หิ กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตา ยถา นิรยทุเกฺขน อพาธิตา เอว หุตฺวา เนรยิเก ฆาเตนฺติ, น เจตฺตเกน พาหิรวิสยาภาโว ยุชฺชติ อิฎฺฐานิฎฺฐตาย ปเจฺจกํ ทฺวารปุริเสสุปิ วิภตฺตสภาวตฺตาฯ ตถา หิ เอกจฺจสฺส ทฺวารสฺส ปุริสสฺส จ อิฎฺฐํ เอกจฺจสฺส อนิฎฺฐํ, เอกจฺจสฺส จ อนิฎฺฐํ เอกจฺจสฺส อิฎฺฐํ โหติฯ เอวญฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘นตฺถิ กมฺมวเสน เตชสา ปรูปตาปน’’นฺติอาทิ, ตทปาหตํ โหติฯ ยํ ปน วทนฺติ ‘‘อเนรยิกานํ เตสํ กถํ ตตฺถ สมฺภโว’’ติ นิรเย เนรยิกานํ ยาตนาสพฺภาวภาวโตฯ เนรยิกสตฺตยาตนาโยคฺคญฺหิ อตฺตภาวํ นิพฺพเตฺตนฺตํ กมฺมํ ตาทิสนิกนฺติ วินามิตํ นิรยฎฺฐาเน เอว นิพฺพเตฺตติฯ เต หิ เนรยิเกหิ อธิกตรพลาโรหปริณาหา อติวิย ภยานกทสฺสนา กุรูรตรปโยคา จ โหนฺติฯ เอเตเนว ตตฺถ เนรยิกานํ วิพาธกกากสุนขาทีนมฺปิ นิพฺพตฺติยา อตฺถิภาโว สํวณฺณิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Iddhivisayassa acinteyyabhāvatoti ce? Idampi taṃsamānaṃ kammavipākassa acinteyyabhāvato. Tathārūpena hi kammunā te nibbattā yathā nirayadukkhena abādhitā eva hutvā nerayike ghātenti, na cettakena bāhiravisayābhāvo yujjati iṭṭhāniṭṭhatāya paccekaṃ dvārapurisesupi vibhattasabhāvattā. Tathā hi ekaccassa dvārassa purisassa ca iṭṭhaṃ ekaccassa aniṭṭhaṃ, ekaccassa ca aniṭṭhaṃ ekaccassa iṭṭhaṃ hoti. Evañca katvā yadeke vadanti ‘‘natthi kammavasena tejasā parūpatāpana’’ntiādi, tadapāhataṃ hoti. Yaṃ pana vadanti ‘‘anerayikānaṃ tesaṃ kathaṃ tattha sambhavo’’ti niraye nerayikānaṃ yātanāsabbhāvabhāvato. Nerayikasattayātanāyoggañhi attabhāvaṃ nibbattentaṃ kammaṃ tādisanikanti vināmitaṃ nirayaṭṭhāne eva nibbatteti. Te hi nerayikehi adhikatarabalārohapariṇāhā ativiya bhayānakadassanā kurūratarapayogā ca honti. Eteneva tattha nerayikānaṃ vibādhakakākasunakhādīnampi nibbattiyā atthibhāvo saṃvaṇṇitoti daṭṭhabbo.
กถมญฺญคติเกหิ อญฺญคติกพาธนนฺติ จ น วตฺตพฺพํ อญฺญตฺถาปิ ตถา ทสฺสนโตฯ ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘อสตฺตสภาวา เอว นิรเย นิรยปาลา นิรเย สุนขาทโย จา’’ติ, ตเมฺปเตสํ มติมตฺตํ อญฺญตฺถ ตถา อทสฺสนโตฯ น หิ กาจิ อตฺถิ ตาทิสี ธมฺมปฺปวตฺติ, ยา อสตฺตสภาวา, สมฺปติสเตฺตหิ อปฺปโยชิตา จ อตฺถกิจฺจํ สาเธนฺตี ทิฎฺฐปุพฺพาฯ เปตานํ ปานียนิวารกานํ ทณฺฑาทิหตฺถานญฺจ ปุริสานํ สพฺภาเว อสตฺตภาเว จ วิเสสการณํ นตฺถีติ ตาทิสานํ สพฺภาเว กิํ ปาปกานํ วตฺตพฺพํฯ สุปิโนปฆาโตปิ อตฺถกิจฺจสมตฺถตาย อปฺปมาณํ ทสฺสนาทิมเตฺตนปิ ตทตฺถสิทฺธิโตฯ ตถา หิ สุปิเน อาหารูปโภคาทินา น อตฺถสิทฺธิ, อิทฺธินิมฺมานรูปํ ปเนตฺถ ลทฺธปริหารํ อิทฺธิวิสยสฺส อจิเนฺตยฺยภาวโตฯ อิธาปิ กมฺมวิปากสฺส อจิเนฺตยฺยภาวโตติ เจ? ตํ น, อสิทฺธตฺตาฯ เนรยิกานํ กมฺมวิปาโก นิรยปาลาติ สิทฺธเมตฺตํ, วุตฺตนเยน ปาฬิโต จ เตสํ สตฺตภาโว เอว สิโทฺธฯ สกฺกา หิ วตฺตุํ สตฺตสงฺขาตา นิรยปาลสญฺญิตา ธมฺมปฺปวตฺติ สาภิสนฺธิกปรูปฆาติ อตฺถกิจฺจสพฺภาวโต โอชาหาราทิ รกฺขสสนฺตติ วิยฯ อภิสนฺธิปุพฺพกตา เจตฺถ น สกฺกา ปฎิกฺขิปิตุํ ตถา ตถา อภิสนฺธิยา ฆาตนโตฯ ตโต เอว น สงฺฆาตปพฺพเตหิ อเนกนฺติกตาฯ เย ปน วทนฺติ ‘‘ภูตวิเสสา เอว เต วณฺณสณฺฐานาทิวิเสสวโนฺต เภรวาการา นรกปาลาติ สมญฺญํ ลภนฺตี’’ติ, ตทสิทฺธํ อุชุกเมว ปาฬิยํ ‘‘อตฺถิ นิรเย นิรยปาลา’’ติ วาทสฺส ปติฎฺฐาปิตตฺตาฯ
Kathamaññagatikehi aññagatikabādhananti ca na vattabbaṃ aññatthāpi tathā dassanato. Yaṃ paneke vadanti ‘‘asattasabhāvā eva niraye nirayapālā niraye sunakhādayo cā’’ti, tampetesaṃ matimattaṃ aññattha tathā adassanato. Na hi kāci atthi tādisī dhammappavatti, yā asattasabhāvā, sampatisattehi appayojitā ca atthakiccaṃ sādhentī diṭṭhapubbā. Petānaṃ pānīyanivārakānaṃ daṇḍādihatthānañca purisānaṃ sabbhāve asattabhāve ca visesakāraṇaṃ natthīti tādisānaṃ sabbhāve kiṃ pāpakānaṃ vattabbaṃ. Supinopaghātopi atthakiccasamatthatāya appamāṇaṃ dassanādimattenapi tadatthasiddhito. Tathā hi supine āhārūpabhogādinā na atthasiddhi, iddhinimmānarūpaṃ panettha laddhaparihāraṃ iddhivisayassa acinteyyabhāvato. Idhāpi kammavipākassa acinteyyabhāvatoti ce? Taṃ na, asiddhattā. Nerayikānaṃ kammavipāko nirayapālāti siddhamettaṃ, vuttanayena pāḷito ca tesaṃ sattabhāvo eva siddho. Sakkā hi vattuṃ sattasaṅkhātā nirayapālasaññitā dhammappavatti sābhisandhikaparūpaghāti atthakiccasabbhāvato ojāhārādi rakkhasasantati viya. Abhisandhipubbakatā cettha na sakkā paṭikkhipituṃ tathā tathā abhisandhiyā ghātanato. Tato eva na saṅghātapabbatehi anekantikatā. Ye pana vadanti ‘‘bhūtavisesā eva te vaṇṇasaṇṭhānādivisesavanto bheravākārā narakapālāti samaññaṃ labhantī’’ti, tadasiddhaṃ ujukameva pāḷiyaṃ ‘‘atthi niraye nirayapālā’’ti vādassa patiṭṭhāpitattā.
อปิจ ยถา อริยวินเย นรกปาลานํ ภูตมตฺตตา อสิทฺธา, ตถา ปญฺญตฺติมตฺตวาทิโนปิ ภูตมตฺตตา อสิทฺธา สพฺพโส รูปธมฺมานํ อตฺถิภาวเสฺสว อปฺปฎิชานนโตฯ น หิ ตสฺส ภูตานิ นาม ปรมตฺถโต สนฺติฯ ยทิ ปรมตฺถํ คเหตฺวา โวหรติ, อถ กสฺมา จกฺขุรูปาทีนิ ปฎิกฺขิปตีติ? ติฎฺฐเตสา อนวฎฺฐิตตกฺกานํ อปฺปหีนวิปลฺลาสานํ วาทวีมํสาฯ เอวํ อเตฺถว นิรเย นิรยปาลาติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ สติ จ เนสํ สพฺภาเว อสติปิ พาหิเร วิสเย นรเก วิย เทสาทินิยโม โหตีติ วาโท น สิชฺฌติ, สติ เอว ปน พาหิเร วิสเย เทสาทินิยโมติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Apica yathā ariyavinaye narakapālānaṃ bhūtamattatā asiddhā, tathā paññattimattavādinopi bhūtamattatā asiddhā sabbaso rūpadhammānaṃ atthibhāvasseva appaṭijānanato. Na hi tassa bhūtāni nāma paramatthato santi. Yadi paramatthaṃ gahetvā voharati, atha kasmā cakkhurūpādīni paṭikkhipatīti? Tiṭṭhatesā anavaṭṭhitatakkānaṃ appahīnavipallāsānaṃ vādavīmaṃsā. Evaṃ attheva niraye nirayapālāti niṭṭhamettha gantabbaṃ. Sati ca nesaṃ sabbhāve asatipi bāhire visaye narake viya desādiniyamo hotīti vādo na sijjhati, sati eva pana bāhire visaye desādiniyamoti daṭṭhabbaṃ.
เทวทูตสราปนวเสน สเตฺต ยถูปจิเต ปุญฺญกเมฺม ยเมติ นิยเมตีติ ยโมฯ ตสฺส ยมสฺส เวมานิกเปตานํ ราชภาวโต รโญฺญฯ เตนาห ‘‘ยมราชา นาม เวมานิกเปตราชา’’ติฯ กมฺมวิปากนฺติ อกุสลกมฺมวิปากํฯ เวมานิกเปตา หิ กณฺหสุกฺกวเสน มิสฺสกํ กมฺมํ กตฺวา วินิปาติกเทวตา วิย สุเกฺกน กมฺมุนา ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺติฯ ตถา หิ มคฺคผลภาคิโนปิ โหนฺติ, ปวตฺติยํ ปน กมฺมานุรูปํ กทาจิ ปุญฺญผลํ, กทาจิ อปุญฺญผลํ ปจฺจนุภวนฺติฯ เยสํ ปน อริยมโคฺค อุปฺปชฺชติ, เตสํ มคฺคาธิคมโต ปฎฺฐาย ปุญฺญผลเมว อุปฺปชฺชตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อปุญฺญผลํ ปุเพฺพ วิย กฎุกํ น โหติ, มนุสฺสตฺตภาเว ฐิตานํ วิย มุทุกเมว โหตีติ อปเรฯ ธมฺมิโก ราชาติ เอตฺถ ตสฺส ธมฺมิกภาโว ธมฺมเทวปุตฺตสฺส วิย อุปฺปตฺตินิยโต ธมฺมตาวเสน เวทิตโพฺพฯ ทฺวาเรสูติ อวีจิมหานรกสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุฯ ขีณาสวา พฺราหฺมณา นาม อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสนฯ
Devadūtasarāpanavasena satte yathūpacite puññakamme yameti niyametīti yamo. Tassa yamassa vemānikapetānaṃ rājabhāvato rañño. Tenāha ‘‘yamarājā nāma vemānikapetarājā’’ti. Kammavipākanti akusalakammavipākaṃ. Vemānikapetā hi kaṇhasukkavasena missakaṃ kammaṃ katvā vinipātikadevatā viya sukkena kammunā paṭisandhiṃ gaṇhanti. Tathā hi maggaphalabhāginopi honti, pavattiyaṃ pana kammānurūpaṃ kadāci puññaphalaṃ, kadāci apuññaphalaṃ paccanubhavanti. Yesaṃ pana ariyamaggo uppajjati, tesaṃ maggādhigamato paṭṭhāya puññaphalameva uppajjatīti daṭṭhabbaṃ. Apuññaphalaṃ pubbe viya kaṭukaṃ na hoti, manussattabhāve ṭhitānaṃ viya mudukameva hotīti apare. Dhammiko rājāti ettha tassa dhammikabhāvo dhammadevaputtassa viya uppattiniyato dhammatāvasena veditabbo. Dvāresūti avīcimahānarakassa catūsu dvāresu. Khīṇāsavā brāhmaṇā nāma ukkaṭṭhaniddesena.
อนุโยควตฺตนฺติ อนุโยเค กเต วตฺติตพฺพวตฺตํฯ อาโรเปโนฺตติ การาเปโนฺต, อตฺตโน ปุจฺฉํ อุทฺทิสฺส ปฎิวจนํ ทาเปโนฺต ปุจฺฉติฯ ปรสฺส หิ อธิปฺปายํ ญาตุํ อิจฺฉโนฺต ตทุปคํ ปโยคํ กโรโนฺต ปุจฺฉติ นามฯ ลทฺธินฺติ คาหํฯ ปติฎฺฐาเปโนฺตติ ตตฺถ นิจฺจกาลํ การาเปโนฺตฯ การณํ ปุจฺฉโนฺตติ ยุตฺติํ ปุจฺฉโนฺตฯ สมนุภาสตีติ ยถานุยุตฺตมตฺถํ วิภูตํ กตฺวา กเถติฯ
Anuyogavattanti anuyoge kate vattitabbavattaṃ. Āropentoti kārāpento, attano pucchaṃ uddissa paṭivacanaṃ dāpento pucchati. Parassa hi adhippāyaṃ ñātuṃ icchanto tadupagaṃ payogaṃ karonto pucchati nāma. Laddhinti gāhaṃ. Patiṭṭhāpentoti tattha niccakālaṃ kārāpento. Kāraṇaṃ pucchantoti yuttiṃ pucchanto. Samanubhāsatīti yathānuyuttamatthaṃ vibhūtaṃ katvā katheti.
ชิณฺณนฺติ ชราปตฺติยา ชิณฺณํฯ เอกโจฺจ ทหรกาลโต ปฎฺฐาย ปณฺฑุโรคาทินา อภิภูตกายตาย ชิณฺณสทิโส โหติ, อยํ น ตถา ชราปตฺติยา ชิโณฺณติ ทเสฺสติฯ โคปานสี วิย วงฺกนฺติ วงฺกโคปานสี วิย วงฺกํฯ น หิ วงฺกภาวสฺส นิทสฺสนตฺถํ อวงฺกโคปานสี คยฺหติฯ ภคฺคนฺติ ภคฺคสรีรํ กฎิยํ ภคฺคกายตฺตาฯ เตนาห ‘‘อิมินาปิสฺส วงฺกภาวเมว ทีเปตี’’ติฯ ทณฺฑปฎิสรณนฺติ ฐานคมเนสุ ทโณฺฑ ปฎิสรณํ เอตสฺสาติ ทณฺฑปฎิสรณํ เตน วินา วตฺติตุํ อสมตฺถตฺตาฯ เตนาห ‘‘ทณฺฑทุติย’’นฺติฯ ชราตุรนฺติ ชราย ปตฺถตสํกิลนฺตกายํฯ สพฺพโส กิมิหตํ วิย มหาขลฺลาฎํ สีสมสฺสาติ มหาขลฺลาฎสีสํฯ สญฺชาตวลินฺติ สมนฺตโต ชาตวลิกํฯ ชราธโมฺมติ ชราปกติโกฯ เตนาห ‘‘ชราสภาโว’’ติฯ สภาโว จ นาม เตโชธาตุยา อุณฺหตา วิย น กทาจิ วิคจฺฉตีติ อาห ‘‘อปริมุโตฺต ชรายา’’ติอาทิฯ
Jiṇṇanti jarāpattiyā jiṇṇaṃ. Ekacco daharakālato paṭṭhāya paṇḍurogādinā abhibhūtakāyatāya jiṇṇasadiso hoti, ayaṃ na tathā jarāpattiyā jiṇṇoti dasseti. Gopānasī viya vaṅkanti vaṅkagopānasī viya vaṅkaṃ. Na hi vaṅkabhāvassa nidassanatthaṃ avaṅkagopānasī gayhati. Bhagganti bhaggasarīraṃ kaṭiyaṃ bhaggakāyattā. Tenāha ‘‘imināpissa vaṅkabhāvameva dīpetī’’ti. Daṇḍapaṭisaraṇanti ṭhānagamanesu daṇḍo paṭisaraṇaṃ etassāti daṇḍapaṭisaraṇaṃ tena vinā vattituṃ asamatthattā. Tenāha ‘‘daṇḍadutiya’’nti. Jarāturanti jarāya patthatasaṃkilantakāyaṃ. Sabbaso kimihataṃ viya mahākhallāṭaṃ sīsamassāti mahākhallāṭasīsaṃ. Sañjātavalinti samantato jātavalikaṃ. Jarādhammoti jarāpakatiko. Tenāha ‘‘jarāsabhāvo’’ti. Sabhāvo ca nāma tejodhātuyā uṇhatā viya na kadāci vigacchatīti āha ‘‘aparimutto jarāyā’’tiādi.
อตฺถโต เอวํ วทติ นาม, วาจาย อวทโนฺตปิ อตฺถาปตฺติโต เอวํ วทโนฺต วิย โหติ วิญฺญูนนฺติ อโตฺถฯ ตรุโณ อโหสิํ โยพฺพเนน สมนฺนาคโตฯ อูรูนํ พลํ เอตสฺส อตฺถีติ อูรุพลีฯ เตน ทูเรปิ คมนาคมนลงฺฆนาทิสมตฺถตํ ทเสฺสติ, พาหุพลีติ ปน อิมินา หเตฺถหิ กาตพฺพกิจฺจสมตฺถตํ, ชวคฺคหเณน เวคสา ปวตฺติสมตฺถตํฯ อนฺตรหิตาติ นฎฺฐาฯ เอตฺถ จ น โข ปนาหนฺติอาทิ ชราย เทวทูตภาวทสฺสนํฯ เตนาห ‘‘เตเนส เทวทูโต นาม ชาโต’’ติฯ อาพาธสฺส อตฺถิตาย อาพาธิกํฯ วิวิธํ ทุกฺขํ อาทหตีติ พฺยาธิ, วิเสเสน วา อาธิยติ เอเตนาติ พฺยาธิ, พฺยาธิ สํชาโต เอตสฺสาติ พฺยาธิตํฯ เอส นโย ทุกฺขิตนฺติ เอตฺถาปิฯ
Atthato evaṃ vadati nāma, vācāya avadantopi atthāpattito evaṃ vadanto viya hoti viññūnanti attho. Taruṇo ahosiṃ yobbanena samannāgato. Ūrūnaṃ balaṃ etassa atthīti ūrubalī. Tena dūrepi gamanāgamanalaṅghanādisamatthataṃ dasseti, bāhubalīti pana iminā hatthehi kātabbakiccasamatthataṃ, javaggahaṇena vegasā pavattisamatthataṃ. Antarahitāti naṭṭhā. Ettha ca na kho panāhantiādi jarāya devadūtabhāvadassanaṃ. Tenāha ‘‘tenesa devadūto nāma jāto’’ti. Ābādhassa atthitāya ābādhikaṃ. Vividhaṃ dukkhaṃ ādahatīti byādhi, visesena vā ādhiyati etenāti byādhi, byādhi saṃjāto etassāti byādhitaṃ. Esa nayo dukkhitanti etthāpi.
ทุติยํ เทวทูตนฺติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ พฺยาธินา อภิหโตติ พฺยาธินา พาธิโต, อุปทฺทุโตติ อโตฺถฯ
Dutiyaṃ devadūtanti etthāpi vuttanayeneva attho veditabbo. Byādhinā abhihatoti byādhinā bādhito, upaddutoti attho.
วิปริภินฺนวโณฺณติ วิปริภินฺนนีลวโณฺณฯ ตญฺหิ ยตฺถ ยตฺถ คหิตปุพฺพกํ, ตตฺถ ตตฺถ ปณฺฑุวณฺณํ, มํสุสฺสทฎฺฐาเน รตฺตวณฺณํ, เยภุเยฺยน จ นีลสาฎกปารุตํ วิย โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วิปริภินฺนนีลวโณฺณ’’ติฯ
Viparibhinnavaṇṇoti viparibhinnanīlavaṇṇo. Tañhi yattha yattha gahitapubbakaṃ, tattha tattha paṇḍuvaṇṇaṃ, maṃsussadaṭṭhāne rattavaṇṇaṃ, yebhuyyena ca nīlasāṭakapārutaṃ viya hoti. Tena vuttaṃ ‘‘viparibhinnanīlavaṇṇo’’ti.
‘‘โก ลภติ, โก น ลภตี’’ติ นิรยุปคเสฺสว วเสนายํ วิจารณาติ ‘‘เยน ตาว พหุ ปาปํ กต’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ พหุ ปาปํ กตนฺติ พหุโส ปาปํ กตํฯ เตน ปาปสฺส พหุลีกรณมาหฯ พหูติ วา มหนฺตํฯ มหโตฺถปิ หิ พหุสโทฺท ทิสฺสติ ‘‘พหุ วต กตํ อสฺสา’’ติอาทีสุ, ครุกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ โส ครุกํ พหุลํ วา ปาปํ กตฺวา ฐิโต นิรเย นิพฺพตฺตติเยว, น ยมปุริเสหิ ยมสฺส สนฺติกํ นียตีติฯ ปริตฺตนฺติ ปมาณปริตฺตตาย กาลปริตฺตตาย จ ปริตฺตํฯ ปุริมสฺมิํ อเตฺถ อครูติ อโตฺถ, ทุติยสฺมิํ อพหุลนฺติฯ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กตฺตพฺพเมว กโรนฺตีติ ทณฺฑเมว กโรนฺติฯ อนุวิชฺชิตฺวาติ วีมํสิตฺวาฯ วินิจฺฉยฎฺฐานนฺติ อฎฺฎกรณฎฺฐานํฯ ปริตฺตปาปกมฺมาติ ทุพฺพลปาปกมฺมาฯ อตฺตโน ธมฺมตายาติ ปเรหิ อสาริยมาเนปิ อตฺตโน ธมฺมตาย สรนฺติฯ เต หิ ปาปกมฺมสฺส ทุพฺพลภาวโต กตูปจิตสฺส จ โอกาสารหกุสลกมฺมสฺส พลวภาวโต อตฺตโน ธมฺมตายปิ สรนฺติฯ สาริยมานาปีติ ‘‘อิทํ นาม ตยา กตํ ปุญฺญกมฺม’’นฺติ ปเรหิ สาริยมานาปิฯ
‘‘Kolabhati, ko na labhatī’’ti nirayupagasseva vasenāyaṃ vicāraṇāti ‘‘yena tāva bahu pāpaṃ kata’’ntiādi āraddhaṃ. Bahu pāpaṃ katanti bahuso pāpaṃ kataṃ. Tena pāpassa bahulīkaraṇamāha. Bahūti vā mahantaṃ. Mahatthopi hi bahusaddo dissati ‘‘bahu vata kataṃ assā’’tiādīsu, garukanti vuttaṃ hoti. So garukaṃ bahulaṃ vā pāpaṃ katvā ṭhito niraye nibbattatiyeva, na yamapurisehi yamassa santikaṃ nīyatīti. Parittanti pamāṇaparittatāya kālaparittatāya ca parittaṃ. Purimasmiṃ atthe agarūti attho, dutiyasmiṃ abahulanti. Yathāvuttamatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Kattabbameva karontīti daṇḍameva karonti. Anuvijjitvāti vīmaṃsitvā. Vinicchayaṭṭhānanti aṭṭakaraṇaṭṭhānaṃ. Parittapāpakammāti dubbalapāpakammā. Attano dhammatāyāti parehi asāriyamānepi attano dhammatāya saranti. Te hi pāpakammassa dubbalabhāvato katūpacitassa ca okāsārahakusalakammassa balavabhāvato attano dhammatāyapi saranti. Sāriyamānāpīti ‘‘idaṃ nāma tayā kataṃ puññakamma’’nti parehi sāriyamānāpi.
อากาสเจติยนฺติ คิริสิขเร อโพฺภกาเส วิวฎงฺคเณ กตเจติยํฯ รตฺตปเฎนาติ รตฺตวเณฺณน ปเฎน ปูเชสิ ปฎากํ กตฺวาฯ อคฺคิชาลสทฺทนฺติ ปฎปฎายนฺตํ นรเก อคฺคิชาลสทฺทํ สุตฺวาวฯ อตฺตนา ปูชิตปฎํ อนุสฺสรีติ ตทา ปฎากาย วาตปฺปหารสเทฺท นิมิตฺตสฺส คหิตตฺตา ‘‘มยา ตทา อากาสเจติเย ปูชิตรตฺตปฎสโทฺท วิยา’’ติ อตฺตนา ปูชิตปฎํ อนุสฺสริฯ
Ākāsacetiyanti girisikhare abbhokāse vivaṭaṅgaṇe katacetiyaṃ. Rattapaṭenāti rattavaṇṇena paṭena pūjesi paṭākaṃ katvā. Aggijālasaddanti paṭapaṭāyantaṃ narake aggijālasaddaṃ sutvāva. Attanā pūjitapaṭaṃ anussarīti tadā paṭākāya vātappahārasadde nimittassa gahitattā ‘‘mayā tadā ākāsacetiye pūjitarattapaṭasaddo viyā’’ti attanā pūjitapaṭaṃ anussari.
สุมนปุปฺผกุเมฺภนาติ กุมฺภปริมาเณน สุมนปุปฺผราสินาฯ ‘‘ทสาธิกํ นาฬิสหสฺสกุมฺภ’’นฺติ เกจิ, ‘‘ปญฺจอมฺพณ’’นฺติ อปเรฯ ตีหิปิ น สรติ พลวโต ปาปกเมฺมน พฺยาโมหิโตฯ ตุณฺหี อโหสีติ ‘‘กมฺมารโห อย’’นฺติ ตตฺถ ปฎิการํ อปสฺสโนฺต ตุณฺหี อโหสิฯ
Sumanapupphakumbhenāti kumbhaparimāṇena sumanapuppharāsinā. ‘‘Dasādhikaṃ nāḷisahassakumbha’’nti keci, ‘‘pañcaambaṇa’’nti apare. Tīhipina sarati balavato pāpakammena byāmohito. Tuṇhī ahosīti ‘‘kammāraho aya’’nti tattha paṭikāraṃ apassanto tuṇhī ahosi.
เอกปกฺขจฺฉทนมตฺตาหีติ มชฺฌิมปฺปมาณสฺส เคหสฺส เอกจฺฉทนปฺปมาเณหิฯ สุตฺตาหตํ กริตฺวาติ กาฬสุตฺตํ ปาเตตฺวาฯ ยถา รโถ สพฺพโส ปชฺชลิโต โหติ อโยมโย, เอวํ ยุคาทโยปิสฺส ปชฺชลิตา สโชติภูตา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘สทฺธิํ…เป.… รเถ โยเชตฺวา’’ติฯ มหากูฎาคารปฺปมาณนฺติ สตฺตภูมกมหากูฎาคารปฺปมาณํฯ
Ekapakkhacchadanamattāhīti majjhimappamāṇassa gehassa ekacchadanappamāṇehi. Suttāhataṃ karitvāti kāḷasuttaṃ pātetvā. Yathā ratho sabbaso pajjalito hoti ayomayo, evaṃ yugādayopissa pajjalitā sajotibhūtā eva hontīti āha ‘‘saddhiṃ…pe… rathe yojetvā’’ti. Mahākūṭāgārappamāṇanti sattabhūmakamahākūṭāgārappamāṇaṃ.
วิภโตฺตติ สตฺตานํ สาธารเณน ปาปกมฺมุนา วิภโตฺตฯ หีนํ กายนฺติ หีนํ สตฺตนิกายํ, หีนํ วา อตฺตภาวํฯ อุปาทาเนติ จตุพฺพิเธ อุปาทาเนฯ อตฺถโต ปน ตณฺหาทิฎฺฐิคฺคาโหติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐิคฺคหเณ’’ติ ฯ สมฺภวติ ชรามรณํ เอเตนาติ สมฺภโว, อุปาทานนฺติ อาห ‘‘ชาติยา จ มรณสฺส ฉ การณภูเต’’ติฯ อนุปาทาติ อนุปาทายฯ เตนาห ‘‘อนุปาทิยิตฺวา’’ติฯ สกลวฎฺฎทุกฺขํ อติกฺกนฺตาติ จริมจิตฺตนิโรเธน วฎฺฎทุกฺขสฺส กิเลสานมฺปิ อสมฺภวโต สพฺพํ วฎฺฎทุกฺขํ อติกฺกนฺตาฯ
Vibhattoti sattānaṃ sādhāraṇena pāpakammunā vibhatto. Hīnaṃ kāyanti hīnaṃ sattanikāyaṃ, hīnaṃ vā attabhāvaṃ. Upādāneti catubbidhe upādāne. Atthato pana taṇhādiṭṭhiggāhoti āha ‘‘taṇhādiṭṭhiggahaṇe’’ti . Sambhavati jarāmaraṇaṃ etenāti sambhavo, upādānanti āha ‘‘jātiyā ca maraṇassa cha kāraṇabhūte’’ti. Anupādāti anupādāya. Tenāha ‘‘anupādiyitvā’’ti. Sakalavaṭṭadukkhaṃ atikkantāti carimacittanirodhena vaṭṭadukkhassa kilesānampi asambhavato sabbaṃ vaṭṭadukkhaṃ atikkantā.
เทวทูตสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Devadūtasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๖. เทวทูตสุตฺตํ • 6. Devadūtasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. เทวทูตสุตฺตวณฺณนา • 6. Devadūtasuttavaṇṇanā