Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๓. เทวสทฺทสุตฺตวณฺณนา
3. Devasaddasuttavaṇṇanā
๘๒. ตติเย เทเวสูติ ฐเปตฺวา อรูปาวจรเทเว เจว อสญฺญเทเว จ ตทเญฺญสุ อุปปตฺติเทเวสุฯ เทวสทฺทาติ เทวานํ ปีติสมุทาหารสทฺทาฯ นิจฺฉรนฺตีติ อญฺญมญฺญํ อาลาปสลฺลาปวเสน ปวตฺตนฺติฯ สมยา สมยํ อุปาทายาติ สมยโต สมยํ ปฎิจฺจฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมิํ กาเล ฐิตา เต เทวา ตํ กาลํ อาคมฺม นํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตโต ตํ สมยํ สมฺปตฺตํ อาคมฺมาติฯ ‘‘สมยํ สมยํ อุปาทายา’’ติ จ เกจิ ปฐนฺติ, เตสํ ตํ ตํ สมยํ ปฎิจฺจาติ อโตฺถฯ ยสฺมิํ สมเยติ ยทา ‘‘อฎฺฐิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗), ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๔) จ กาเมสุ ฆราวาเส จ อาทีนวา, ตปฺปฎิปกฺขโต เนกฺขเมฺม อานิสํสา จ สุทิฎฺฐา โหนฺติ, ตสฺมิํ สมเยฯ ตทา หิสฺส เอกเนฺตน ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมติฯ อริยสาวโกติ อริยสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สาวโก, สาวกภาวํ อุปคนฺตุกาโม, อริยสาวโก วา อวสฺสํภาวี ฯ อนฺติมภวิกํ สาวกโพธิสตฺตํ สนฺธาย อยมารโมฺภฯ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวาติ เกเส จ มสฺสุญฺจ โอหาเรตฺวา อปเนตฺวาฯ กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวาติ กสาเยน รตฺตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จฯ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย เจเตตีติ อคารสฺมา ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพเชยฺยนฺติ ปพฺพชฺชาย เจเตติ ปกเปฺปติ, ปพฺพชตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตญฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยนฺติ ญาตพฺพาฯ
82. Tatiye devesūti ṭhapetvā arūpāvacaradeve ceva asaññadeve ca tadaññesu upapattidevesu. Devasaddāti devānaṃ pītisamudāhārasaddā. Niccharantīti aññamaññaṃ ālāpasallāpavasena pavattanti. Samayā samayaṃ upādāyāti samayato samayaṃ paṭicca. Idaṃ vuttaṃ hoti – yasmiṃ kāle ṭhitā te devā taṃ kālaṃ āgamma naṃ passissanti, tato taṃ samayaṃ sampattaṃ āgammāti. ‘‘Samayaṃ samayaṃ upādāyā’’ti ca keci paṭhanti, tesaṃ taṃ taṃ samayaṃ paṭiccāti attho. Yasmiṃ samayeti yadā ‘‘aṭṭhikaṅkalūpamā kāmā’’tiādinā (ma. ni. 1.234; pāci. 417), ‘‘sambādho gharāvāso’’tiādinā (dī. ni. 1.191; saṃ. ni. 2.154) ca kāmesu gharāvāse ca ādīnavā, tappaṭipakkhato nekkhamme ānisaṃsā ca sudiṭṭhā honti, tasmiṃ samaye. Tadā hissa ekantena pabbajjāya cittaṃ namati. Ariyasāvakoti ariyassa buddhassa bhagavato sāvako, sāvakabhāvaṃ upagantukāmo, ariyasāvako vā avassaṃbhāvī . Antimabhavikaṃ sāvakabodhisattaṃ sandhāya ayamārambho. Kesamassuṃ ohāretvāti kese ca massuñca ohāretvā apanetvā. Kāsāyāni vatthāni acchādetvāti kasāyena rattatāya kāsāyāni brahmacariyaṃ carantānaṃ anucchavikāni vatthāni nivāsetvā ceva pārupitvā ca. Agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya cetetīti agārasmā gharā nikkhamitvā anagāriyaṃ pabbajjaṃ pabbajeyyanti pabbajjāya ceteti pakappeti, pabbajatīti attho. Ettha ca yasmā agārassa hitaṃ kasivaṇijjādikammaṃ agāriyanti vuccati, tañca pabbajjāya natthi, tasmā pabbajjā anagāriyanti ñātabbā.
มาเรนาติ กิเลสมาเรนฯ สงฺคามาย เจเตตีติ ยุชฺฌนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปาเทติ, มารํ อภิวิเชตุํ สนฺนยฺหติฯ ยสฺมา ปน เอวรูปสฺส ปฎิปชฺชนกปุคฺคลสฺส เทวปุตฺตมาโรปิ อนฺตรายาย อุปกฺกมติ, ตสฺมา ตสฺสปิ วเสน มาเรนาติ เอตฺถ เทวปุตฺตมาเรนาติปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตสฺสาปิ อยํ อิจฺฉาวิฆาตํ กริสฺสเตวาติฯ ยสฺมา ปน ปพฺพชิตทิวสโต ปฎฺฐาย ขุรคฺคโต วา ปฎฺฐาย สีลานิ สมาทิยโนฺต ปริโสเธโนฺต สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรโนฺต ยถารหํ ตทงฺคปฺปหานวิกฺขมฺภนปฺปหานานํ วเสน กิเลสมารํ ปริปาเตติ นาม, น ยุชฺฌติ นาม สมฺปหารสฺส อภาวโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มาเรน สทฺธิํ สงฺคามาย เจเตตี’’ติฯ
Mārenāti kilesamārena. Saṅgāmāya cetetīti yujjhanatthāya cittaṃ uppādeti, māraṃ abhivijetuṃ sannayhati. Yasmā pana evarūpassa paṭipajjanakapuggalassa devaputtamāropi antarāyāya upakkamati, tasmā tassapi vasena mārenāti ettha devaputtamārenātipi attho veditabbo. Tassāpi ayaṃ icchāvighātaṃ karissatevāti. Yasmā pana pabbajitadivasato paṭṭhāya khuraggato vā paṭṭhāya sīlāni samādiyanto parisodhento samathavipassanāsu kammaṃ karonto yathārahaṃ tadaṅgappahānavikkhambhanappahānānaṃ vasena kilesamāraṃ paripāteti nāma, na yujjhati nāma sampahārassa abhāvato, tasmā vuttaṃ ‘‘mārena saddhiṃ saṅgāmāya cetetī’’ti.
สตฺตนฺนนฺติ โกฎฺฐาสโต สตฺตนฺนํ, ปเภทโต ปน เต สตฺตติํส โหนฺติฯ กถํ? จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา , อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติฯ เอวํ ปเภทโต สตฺตติํสวิธาปิ สติปฎฺฐานาทิโกฎฺฐาสโต สเตฺตว โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สตฺตนฺน’’นฺติฯ โพธิปกฺขิยานนฺติ พุชฺฌนเฎฺฐน โพธีติ ลทฺธนามสฺส อริยปุคฺคลสฺส มคฺคญาณเสฺสว วา ปเกฺข ภวานํ โพธิปกฺขิยานํ , โพธิโกฎฺฐาสิยานนฺติ อโตฺถฯ ‘‘โพธิปกฺขิกาน’’นฺติปิ ปาโฐ, โพธิปกฺขวนฺตานํ, โพธิปเกฺข วา นิยุตฺตานนฺติ อโตฺถฯ ภาวนานุโยคมนุยุโตฺตติ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคภาวนานุโยคมนุยุโตฺตฯ วิปสฺสนากฺขเณ หิ สติปฎฺฐานาทโย ปริยาเยน โพธิปกฺขิยา นาม, มคฺคกฺขเณเยว ปน เต นิปฺปริยาเยน โพธิปกฺขิยา นาม โหนฺติฯ
Sattannanti koṭṭhāsato sattannaṃ, pabhedato pana te sattatiṃsa honti. Kathaṃ? Cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅgā , ariyo aṭṭhaṅgiko maggoti. Evaṃ pabhedato sattatiṃsavidhāpi satipaṭṭhānādikoṭṭhāsato satteva hontīti vuttaṃ ‘‘sattanna’’nti. Bodhipakkhiyānanti bujjhanaṭṭhena bodhīti laddhanāmassa ariyapuggalassa maggañāṇasseva vā pakkhe bhavānaṃ bodhipakkhiyānaṃ , bodhikoṭṭhāsiyānanti attho. ‘‘Bodhipakkhikāna’’ntipi pāṭho, bodhipakkhavantānaṃ, bodhipakkhe vā niyuttānanti attho. Bhāvanānuyogamanuyuttoti vipassanaṃ ussukkāpetvā ariyamaggabhāvanānuyogamanuyutto. Vipassanākkhaṇe hi satipaṭṭhānādayo pariyāyena bodhipakkhiyā nāma, maggakkhaṇeyeva pana te nippariyāyena bodhipakkhiyā nāma honti.
อาสวานํ ขยาติ กามาสวาทีนํ สเพฺพสํ อาสวานํ ขยาฯ อาสเวสุ หิ ขีเณสุ สเพฺพ กิเลสา ขีณาเยว โหนฺติฯ เตน อรหตฺตมโคฺค วุโตฺต โหติฯ อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํฯ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถ เจโตวจเนน อรหตฺตผลสมาธิ, ปญฺญาวจเนน ตํสมฺปยุตฺตา จ ปญฺญา วุตฺตาฯ ตตฺถ สมาธิ ราคโต วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ปญฺญา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตา ปญฺญาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Āsavānaṃ khayāti kāmāsavādīnaṃ sabbesaṃ āsavānaṃ khayā. Āsavesu hi khīṇesu sabbe kilesā khīṇāyeva honti. Tena arahattamaggo vutto hoti. Anāsavanti āsavavirahitaṃ. Cetovimuttiṃ paññāvimuttinti ettha cetovacanena arahattaphalasamādhi, paññāvacanena taṃsampayuttā ca paññā vuttā. Tattha samādhi rāgato vimuttattā cetovimutti, paññā avijjāya vimuttattā paññāvimuttīti veditabbā. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘โย หิสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริยํฯ ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปญฺญา, ตทสฺส ปญฺญินฺทฺริยํฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๖)ฯ
‘‘Yo hissa, bhikkhave, samādhi, tadassa samādhindriyaṃ. Yā hissa, bhikkhave, paññā, tadassa paññindriyaṃ. Iti kho, bhikkhave, rāgavirāgā cetovimutti, avijjāvirāgā paññāvimuttī’’ti (saṃ. ni. 5.516).
อปิเจตฺถ สมถผลํ เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาผลํ ปญฺญาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว อภิวิสิฎฺฐาย ปญฺญาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา อปรปฺปจฺจเยน ญตฺวาฯ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหรติฯ ตเมว สงฺคามสีสํ อภิวิชิย อชฺฌาวสตีติ มารํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตวิชยตฺตา เตน กตสงฺคามสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส สีสภูตํ อรหตฺตผลสมาปตฺติอิสฺสริยฎฺฐานํ, อภิภวโนฺต อาวสติ, สมาปชฺชติ อิเจฺจว อโตฺถฯ อิเม จ เทวสทฺทา ทิฎฺฐสเจฺจสุ เทเวสุ ปวตฺตนฺติ, วิเสสโต สุทฺธาวาสเทเวสูติ เวทิตพฺพํฯ
Apicettha samathaphalaṃ cetovimutti, vipassanāphalaṃ paññāvimuttīti veditabbā. Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Sayaṃ abhiññā sacchikatvāti attanāyeva abhivisiṭṭhāya paññāya paccakkhaṃ katvā aparappaccayena ñatvā. Upasampajja viharatīti pāpuṇitvā sampādetvā viharati. Tameva saṅgāmasīsaṃ abhivijiya ajjhāvasatīti māraṃ abhivijinitvā vijitavijayattā tena katasaṅgāmasaṅkhātassa ariyamaggassa sīsabhūtaṃ arahattaphalasamāpattiissariyaṭṭhānaṃ, abhibhavanto āvasati, samāpajjati icceva attho. Ime ca devasaddā diṭṭhasaccesu devesu pavattanti, visesato suddhāvāsadevesūti veditabbaṃ.
คาถาสุ มหนฺตนฺติ สีลาทิคุณมหเตฺตน มหนฺตํฯ วีตสารทนฺติ สารชฺชกรานํ กิเลสานํ อภาเวน วิคตสารชฺชํ อปคตมงฺกุภาวํฯ ปุริสาชญฺญาติ อสฺสาทีสุ อสฺสาชานียาทโย วิย ปุริเสสุ อาชานียภูตา อุตฺตมปุริสาฯ ทุชฺชยมชฺฌภูติ ปจุรชเนหิ เชตุํ อสกฺกุเณยฺยํ กิเลสวาหินิํ อภิภวิ อโชฺฌตฺถริฯ ‘‘อชฺชยี’’ติปิ ปฐนฺติ, อชินีติ อโตฺถฯ เชตฺวาน มจฺจุโน เสนํ, วิโมเกฺขน อนาวรนฺติ โลกตฺตยาภิพฺยาปนโต ทิยฑฺฒสหสฺสาทิวิภาคโต จ วิปุลตฺตา อเญฺญหิ อาวริตุํ ปฎิเสเธตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ อนาวรํ, มจฺจุโน มารสฺส เสนํ วิโมเกฺขน อริยมเคฺคน เชตฺวา โย ตฺวํ ทุชฺชยํ อชยิ, ตสฺส นโม, เต ปุริสาชญฺญาติ สมฺพโนฺธฯ
Gāthāsu mahantanti sīlādiguṇamahattena mahantaṃ. Vītasāradanti sārajjakarānaṃ kilesānaṃ abhāvena vigatasārajjaṃ apagatamaṅkubhāvaṃ. Purisājaññāti assādīsu assājānīyādayo viya purisesu ājānīyabhūtā uttamapurisā. Dujjayamajjhabhūti pacurajanehi jetuṃ asakkuṇeyyaṃ kilesavāhiniṃ abhibhavi ajjhotthari. ‘‘Ajjayī’’tipi paṭhanti, ajinīti attho. Jetvāna maccunosenaṃ, vimokkhena anāvaranti lokattayābhibyāpanato diyaḍḍhasahassādivibhāgato ca vipulattā aññehi āvarituṃ paṭisedhetuṃ asakkuṇeyyattā ca anāvaraṃ, maccuno mārassa senaṃ vimokkhena ariyamaggena jetvā yo tvaṃ dujjayaṃ ajayi, tassa namo, te purisājaññāti sambandho.
อิตีติ วุตฺตปฺปกาเรนฯ หิ-อิติ นิปาตมตฺตํฯ เอตํ ปตฺตมานสํ อธิคตารหตฺตํ ขีณาสวํ เทวตา นมสฺสนฺตีติ วุตฺตเมวตฺถํ นิคมนวเสน ทเสฺสติฯ อถ วา อิตีติ อิมินา การเณนฯ กิํ ปน เอตํ การณํ? นมุจิเสนาวิชเยน ปตฺตมานสตฺตํฯ อิมินา การเณน ตํ เทวตา นมสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ อิทานิ ตํ การณํ ผลโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตญฺหิ ตสฺส น ปสฺสนฺติ, เยน มจฺจุวสํ วเช’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ยสฺมา ตสฺส ปุริสาชญฺญสฺส ปณิธาย คเวสนฺตาปิ เทวา อณุมตฺตมฺปิ ตํ การณํ น ปสฺสนฺติ, เยน โส มจฺจุโน มรณสฺส วสํ วเช อุปคเจฺฉยฺยฯ ตสฺมา ตํ วิสุทฺธิเทวา นมสฺสนฺตีติฯ
Itīti vuttappakārena. Hi-iti nipātamattaṃ. Etaṃ pattamānasaṃ adhigatārahattaṃ khīṇāsavaṃ devatānamassantīti vuttamevatthaṃ nigamanavasena dasseti. Atha vā itīti iminā kāraṇena. Kiṃ pana etaṃ kāraṇaṃ? Namucisenāvijayena pattamānasattaṃ. Iminā kāraṇena taṃ devatā namassantīti attho. Idāni taṃ kāraṇaṃ phalato dassetuṃ ‘‘tañhi tassa na passanti, yena maccuvasaṃ vaje’’ti vuttaṃ. Tassattho – yasmā tassa purisājaññassa paṇidhāya gavesantāpi devā aṇumattampi taṃ kāraṇaṃ na passanti, yena so maccuno maraṇassa vasaṃ vaje upagaccheyya. Tasmā taṃ visuddhidevā namassantīti.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๓. เทวสทฺทสุตฺตํ • 3. Devasaddasuttaṃ