Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๖. ปฎิสมฺภิทากถา

    6. Paṭisambhidākathā

    ๑. ธมฺมจกฺกปวตฺตนวารวณฺณนา

    1. Dhammacakkapavattanavāravaṇṇanā

    ๓๐. อิทานิ วิราคสงฺขาตมคฺควเสน สิทฺธํ ปฎิสมฺภิทาปเภทํ ทเสฺสเนฺตน กถิตาย ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตปุพฺพงฺคมาย ปฎิสมฺภิทากถาย อปุพฺพตฺถานุวณฺณนาฯ สุตฺตเนฺต ตาว พาราณสิยนฺติ พาราณสา นาม นที, พาราณสาย อวิทูเร ภวา นครี พาราณสีฯ ตสฺสํ พาราณสิยํฯ อิสิปตเน มิคทาเยติ อิสีนํ ปตนุปฺปตนวเสน เอวํลทฺธนาเม มิคานํ อภยทานทินฺนฎฺฐานตฺตา มิคทายสงฺขาเต อาราเมฯ ตตฺถ หิ อุปฺปนฺนุปฺปนฺนา สพฺพญฺญุอิสโย ปตนฺติ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนตฺถํ นิสีทนฺตีติ อโตฺถฯ นนฺทมูลกปพฺภารโต สตฺตาหจฺจเยน นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐิตา อโนตตฺตทเห กตมุขโธวนกิจฺจา อากาเสน อาคนฺตฺวา ปเจฺจกพุทฺธอิสโยเปตฺถ สโมสรณวเสน ปตนฺติ , อุโปสถตฺถญฺจ อนุโปสถตฺถญฺจ สนฺนิปตนฺติ, คนฺธมาทนํ ปฎิคจฺฉนฺตา จ ตโต จ อุปฺปตนฺตีติปิ อิมินา อิสีนํ ปตนุปฺปตนวเสน ตํ ‘‘อิสิปตน’’นฺติ วุจฺจติฯ ‘‘อิสิปทน’’นฺติปิ ปาโฐฯ ปญฺจวคฺคิเยติ –

    30. Idāni virāgasaṅkhātamaggavasena siddhaṃ paṭisambhidāpabhedaṃ dassentena kathitāya dhammacakkappavattanasuttantapubbaṅgamāya paṭisambhidākathāya apubbatthānuvaṇṇanā. Suttante tāva bārāṇasiyanti bārāṇasā nāma nadī, bārāṇasāya avidūre bhavā nagarī bārāṇasī. Tassaṃ bārāṇasiyaṃ. Isipatane migadāyeti isīnaṃ patanuppatanavasena evaṃladdhanāme migānaṃ abhayadānadinnaṭṭhānattā migadāyasaṅkhāte ārāme. Tattha hi uppannuppannā sabbaññuisayo patanti, dhammacakkappavattanatthaṃ nisīdantīti attho. Nandamūlakapabbhārato sattāhaccayena nirodhasamāpattito vuṭṭhitā anotattadahe katamukhadhovanakiccā ākāsena āgantvā paccekabuddhaisayopettha samosaraṇavasena patanti , uposathatthañca anuposathatthañca sannipatanti, gandhamādanaṃ paṭigacchantā ca tato ca uppatantītipi iminā isīnaṃ patanuppatanavasena taṃ ‘‘isipatana’’nti vuccati. ‘‘Isipadana’’ntipi pāṭho. Pañcavaggiyeti –

    ‘‘โกณฺฑโญฺญ ภทฺทิโย วโปฺป, มหานาโม จ อสฺสชิ;

    ‘‘Koṇḍañño bhaddiyo vappo, mahānāmo ca assaji;

    เอเต ปญฺจ มหาเถรา, ปญฺจวคฺคาติ วุจฺจเร’’ติฯ –

    Ete pañca mahātherā, pañcavaggāti vuccare’’ti. –

    เอวํ วุตฺตานํ ปญฺจนฺนํ ภิกฺขูนํ วโคฺค ปญฺจวโคฺคฯ ตสฺมิํ ปญฺจวเคฺค ภวา ตํปริยาปนฺนตฺตาติ ปญฺจวคฺคิยา, เต ปญฺจวคฺคิเยฯ ภิกฺขู อามเนฺตสีติ ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล กตาภินีหารโต ปฎฺฐาย ปารมิโย ปูเรโนฺต อนุปุเพฺพน ปจฺฉิมภวํ ปตฺวา ปจฺฉิมภเว จ กตาภินิกฺขมโน อนุปุเพฺพน โพธิมณฺฑํ ปตฺวา ตตฺถ อปราชิตปลฺลเงฺก นิสิโนฺน มารพลํ ภินฺทิตฺวา ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยามาวสาเน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทโนฺต สมฺปกเมฺปโนฺต สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา สตฺต สตฺตาหานิ โพธิมเณฺฑ วีตินาเมตฺวา มหาพฺรหฺมุนา อายาจิตธมฺมเทสนา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตฺวา โลกานุคฺคเหน พาราณสิํ คนฺตฺวา ปญฺจวคฺคิเย ภิกฺขู สญฺญาเปตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตุกาโม อามเนฺตสิฯ

    Evaṃ vuttānaṃ pañcannaṃ bhikkhūnaṃ vaggo pañcavaggo. Tasmiṃ pañcavagge bhavā taṃpariyāpannattāti pañcavaggiyā, te pañcavaggiye. Bhikkhū āmantesīti dīpaṅkaradasabalassa pādamūle katābhinīhārato paṭṭhāya pāramiyo pūrento anupubbena pacchimabhavaṃ patvā pacchimabhave ca katābhinikkhamano anupubbena bodhimaṇḍaṃ patvā tattha aparājitapallaṅke nisinno mārabalaṃ bhinditvā paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussaritvā majjhimayāme dibbacakkhuṃ visodhetvā pacchimayāmāvasāne dasasahassilokadhātuṃ unnādento sampakampento sabbaññutaṃ patvā satta sattāhāni bodhimaṇḍe vītināmetvā mahābrahmunā āyācitadhammadesanā buddhacakkhunā lokaṃ voloketvā lokānuggahena bārāṇasiṃ gantvā pañcavaggiye bhikkhū saññāpetvā dhammacakkaṃ pavattetukāmo āmantesi.

    เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตาติ เทฺวเม, ภิกฺขเว, โกฎฺฐาสาฯ อิมสฺส ปน วจนสฺส สมุทาหาเรน สมุทาหารนิโคฺฆโส เหฎฺฐา อวีจิํ อุปริ ภวคฺคํ ปตฺวา ทสสหสฺสิํ โลกธาตุํ ปตฺถริตฺวา อฎฺฐาสิ, ตสฺมิํเยว สมเย อฎฺฐารสโกฎิสงฺขา พฺรหฺมาโน สมาคจฺฉิํสุฯ ปจฺฉิมทิสาย สูริโย อตฺถงฺคเมติ, ปุรตฺถิมาย ทิสาย อุตฺตราสาฬฺหนกฺขเตฺตน ยุโตฺต ปุณฺณจโนฺท อุคฺคจฺฉติฯ ตสฺมิํ สมเย ภควา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ อารภโนฺต ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา’’ติอาทิมาหฯ

    Dveme, bhikkhave, antāti dveme, bhikkhave, koṭṭhāsā. Imassa pana vacanassa samudāhārena samudāhāranigghoso heṭṭhā avīciṃ upari bhavaggaṃ patvā dasasahassiṃ lokadhātuṃ pattharitvā aṭṭhāsi, tasmiṃyeva samaye aṭṭhārasakoṭisaṅkhā brahmāno samāgacchiṃsu. Pacchimadisāya sūriyo atthaṅgameti, puratthimāya disāya uttarāsāḷhanakkhattena yutto puṇṇacando uggacchati. Tasmiṃ samaye bhagavā dhammacakkappavattanasuttantaṃ ārabhanto ‘‘dveme, bhikkhave, antā’’tiādimāha.

    ตตฺถ ปพฺพชิเตนาติ คิหิสํโยชนํ วตฺถุกามํ เฉตฺวา ปพฺพชิเตนฯ น เสวิตพฺพาติ น วลเญฺชตพฺพาฯ ปพฺพชิตานํเยว วิเสสโต ปฎิปตฺติยา ภาชนภูตตฺตา ‘‘ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ โย จ อยํ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามสุขสฺส, กิเลสกามสุขนิสฺสยสฺส วา อนุโยโคฯ หีโนติ ลามโกฯ คโมฺมติ คามวาสีนํ สนฺตโกฯ โปถุชฺชนิโกติ ปุถุชฺชเนน อนฺธพาลชเนน อาจิโณฺณฯ อนริโยติ น อริโยฯ อถ วา น วิสุทฺธานํ อุตฺตมานํ อริยานํ สนฺตโกฯ อนตฺถสํหิโตติ น อตฺถสํหิโต, สุขาวหการณํ อนิสฺสิโตติ อโตฺถฯ อตฺตกิลมถานุโยโคติ อตฺตโน กิลมถสฺส อนุโยโค , อตฺตโน ทุกฺขกรณนฺติ อโตฺถฯ ทุโกฺขติ กณฺฎกาปสฺสยเสยฺยาทีหิ อตฺตมารเณหิ ทุกฺขาวโหฯ ตปสฺสีหิ ‘‘อุตฺตมํ ตโป’’ติ คหิตตฺตา เตสํ จิตฺตานุรกฺขนตฺถํ อิธ ‘‘หีโน’’ติ น วุตฺตํ, ปพฺพชิตานํ ธมฺมตฺตา ‘‘คโมฺม’’ติ จ, คิหีหิ อสาธารณตฺตา ‘‘โปถุชฺชนิโก’’ติ จ น วุตฺตํฯ ตตฺถ ปน เกหิจิ ปพฺพชิตปฎิเญฺญหิ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาเทหิ ‘‘ยโต โข, โภ , อยํ อตฺตา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคิภูโต ปริจาเรติ, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานปฺปโตฺต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๙๔) คหิตตฺตา เตสํ จิตฺตานุรกฺขนตฺถญฺจ ปจฺจุปฺปเนฺน สุขตฺตา จ ตสฺส ธมฺมสมาทานสฺส ‘‘ทุโกฺข’’ติ น วุตฺตํฯ กามสุขลฺลิกานุโยโค ปจฺจุปฺปเนฺน ตณฺหาทิฎฺฐิสํกิลิฎฺฐสุขตฺตา อายติญฺจ ทุกฺขวิปากตฺตา ตทนุยุตฺตานํ ตณฺหาทิฎฺฐิพนฺธนพทฺธตฺตา จ น เสวิตโพฺพ, อตฺตกิลมถานุโยโค ปจฺจุปฺปเนฺน ทิฎฺฐิสํกิลิฎฺฐทุกฺขตฺตา อายติญฺจ ทุกฺขวิปากตฺตา ตทนุยุตฺตานํ ทิฎฺฐิพนฺธนพทฺธตฺตา จ น เสวิตโพฺพ, เอเต โขติ เต เอเตฯ อนุปคมฺมาติ น อุปคนฺตฺวาฯ มชฺฌิมาติ สํกิลิฎฺฐสุขทุกฺขานํ อภาวา มเชฺฌ ภวาติ มชฺฌิมาฯ สา เอว นิพฺพานํ ปฎิปชฺชนฺติ เอตายาติ ปฎิปทาฯ อภิสมฺพุทฺธาติ ปฎิวิทฺธาฯ จกฺขุกรณีติอาทีสุ ปญฺญาจกฺขุํ กโรตีติ จกฺขุกรณีฯ ญาณกรณีติ ตเสฺสว เววจนํฯ อุปสมายาติ กิเลสูปสมายฯ อภิญฺญายาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ อภิชานนตฺถายฯ สโมฺพธายาติ เตสํเยว สมฺพุชฺฌนตฺถายฯ นิพฺพานายาติ นิพฺพานสจฺฉิกิริยตฺถายฯ อถ วา ทสฺสนมคฺคญาณํ กโรตีติ จกฺขุกรณีฯ ภาวนามคฺคญาณํ กโรตีติ ญาณกรณีฯ สพฺพกิเลสานํ อุปสมายฯ สพฺพธมฺมานํ อภิญฺญายฯ อรหตฺตผลสโมฺพธายฯ กิเลสานญฺจ ขนฺธานญฺจ นิพฺพานายฯ สจฺจกถา อภิเญฺญยฺยนิเทฺทเส วุตฺตาฯ

    Tattha pabbajitenāti gihisaṃyojanaṃ vatthukāmaṃ chetvā pabbajitena. Na sevitabbāti na valañjetabbā. Pabbajitānaṃyeva visesato paṭipattiyā bhājanabhūtattā ‘‘pabbajitena na sevitabbā’’ti vuttaṃ. Yo cāyaṃ kāmesu kāmasukhallikānuyogoti yo ca ayaṃ vatthukāmesu kilesakāmasukhassa, kilesakāmasukhanissayassa vā anuyogo. Hīnoti lāmako. Gammoti gāmavāsīnaṃ santako. Pothujjanikoti puthujjanena andhabālajanena āciṇṇo. Anariyoti na ariyo. Atha vā na visuddhānaṃ uttamānaṃ ariyānaṃ santako. Anatthasaṃhitoti na atthasaṃhito, sukhāvahakāraṇaṃ anissitoti attho. Attakilamathānuyogoti attano kilamathassa anuyogo , attano dukkhakaraṇanti attho. Dukkhoti kaṇṭakāpassayaseyyādīhi attamāraṇehi dukkhāvaho. Tapassīhi ‘‘uttamaṃ tapo’’ti gahitattā tesaṃ cittānurakkhanatthaṃ idha ‘‘hīno’’ti na vuttaṃ, pabbajitānaṃ dhammattā ‘‘gammo’’ti ca, gihīhi asādhāraṇattā ‘‘pothujjaniko’’ti ca na vuttaṃ. Tattha pana kehici pabbajitapaṭiññehi diṭṭhadhammanibbānavādehi ‘‘yato kho, bho , ayaṃ attā pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgibhūto paricāreti, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā diṭṭhadhammanibbānappatto hotī’’ti (dī. ni. 1.94) gahitattā tesaṃ cittānurakkhanatthañca paccuppanne sukhattā ca tassa dhammasamādānassa ‘‘dukkho’’ti na vuttaṃ. Kāmasukhallikānuyogo paccuppanne taṇhādiṭṭhisaṃkiliṭṭhasukhattā āyatiñca dukkhavipākattā tadanuyuttānaṃ taṇhādiṭṭhibandhanabaddhattā ca na sevitabbo, attakilamathānuyogo paccuppanne diṭṭhisaṃkiliṭṭhadukkhattā āyatiñca dukkhavipākattā tadanuyuttānaṃ diṭṭhibandhanabaddhattā ca na sevitabbo, ete khoti te ete. Anupagammāti na upagantvā. Majjhimāti saṃkiliṭṭhasukhadukkhānaṃ abhāvā majjhe bhavāti majjhimā. Sā eva nibbānaṃ paṭipajjanti etāyāti paṭipadā. Abhisambuddhāti paṭividdhā. Cakkhukaraṇītiādīsu paññācakkhuṃ karotīti cakkhukaraṇī. Ñāṇakaraṇīti tasseva vevacanaṃ. Upasamāyāti kilesūpasamāya. Abhiññāyāti catunnaṃ saccānaṃ abhijānanatthāya. Sambodhāyāti tesaṃyeva sambujjhanatthāya. Nibbānāyāti nibbānasacchikiriyatthāya. Atha vā dassanamaggañāṇaṃ karotīti cakkhukaraṇī. Bhāvanāmaggañāṇaṃ karotīti ñāṇakaraṇī. Sabbakilesānaṃ upasamāya. Sabbadhammānaṃ abhiññāya. Arahattaphalasambodhāya. Kilesānañca khandhānañca nibbānāya. Saccakathā abhiññeyyaniddese vuttā.

    เอวํ ภควา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา อตฺตนิ กตพหุมานานํ เตสํ อตฺตโน ปฎิเวธกฺกมํ สุตฺวา ปฎิปตฺติยา พหุมานาโรปเนน ปฎิปตฺติยํ ฐตฺวา สจฺจปฺปฎิเวธํ ปสฺสโนฺต อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ เม, ภิกฺขเวติอาทินา อตฺตโน ปฎิเวธกฺกมํ ทเสฺสสิฯ ตตฺถ อนนุสฺสุเตสูติ น อนุสฺสุเตสุ, ปรํ อนุคนฺตฺวา อสฺสุเตสูติ อโตฺถฯ จกฺขูติอาทีนํ อโตฺถ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อิทํ ทุกฺขสมุทยํ, อิทํ ทุกฺขนิโรธํ, อิทํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจนฺติ จตุนฺนํ สจฺจานํ ทสฺสนปฎิเวโธ เสขภูมิยํฯ ปริเญฺญยฺยํ ปหาตพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ ภาเวตพฺพนฺติ จตุนฺนํ สจฺจานํ ภาวนาปฎิเวโธ เสขภูมิยํเยวฯ ปริญฺญาตํ ปหีนํ สจฺฉิกตํ ภาวิตนฺติ จตุนฺนํ สจฺจานํ ปจฺจเวกฺขณา อเสขภูมิยํฯ

    Evaṃ bhagavā saccāni pakāsetvā attani katabahumānānaṃ tesaṃ attano paṭivedhakkamaṃ sutvā paṭipattiyā bahumānāropanena paṭipattiyaṃ ṭhatvā saccappaṭivedhaṃ passanto idaṃ dukkhaṃ ariyasaccanti me, bhikkhavetiādinā attano paṭivedhakkamaṃ dassesi. Tattha ananussutesūti na anussutesu, paraṃ anugantvā assutesūti attho. Cakkhūtiādīnaṃ attho parato āvi bhavissati. Idaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ, idaṃ dukkhasamudayaṃ, idaṃ dukkhanirodhaṃ, idaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccanti catunnaṃ saccānaṃ dassanapaṭivedho sekhabhūmiyaṃ. Pariññeyyaṃ pahātabbaṃ sacchikātabbaṃ bhāvetabbanti catunnaṃ saccānaṃ bhāvanāpaṭivedho sekhabhūmiyaṃyeva. Pariññātaṃ pahīnaṃ sacchikataṃ bhāvitanti catunnaṃ saccānaṃ paccavekkhaṇā asekhabhūmiyaṃ.

    ติปริวฎฺฎนฺติ สจฺจญาณกิจฺจญาณกตญาณสงฺขาตานํ ติณฺณํ ปริวฎฺฎานํ วเสน ตโย ปริวฎฺฎา อสฺสาติ ติปริวฎฺฎํฯ เอตฺถ หิ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อิทํ ทุกฺขสมุทยํ , อิทํ ทุกฺขนิโรธํ, อิทํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ เอวํ จตูสุ สเจฺจสุ ยถาภูตญาณํ สจฺจญาณํ นามฯ เตสุเยว ‘‘ปริเญฺญยฺยํ ปหาตพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ ภาเวตพฺพ’’นฺติ เอวํ กตฺตพฺพกิจฺจชานนญาณํ กิจฺจญาณํ นามฯ ‘‘ปริญฺญาตํ ปหีนํ สจฺฉิกตํ ภาวิต’’นฺติ เอวํ ตสฺส กิจฺจสฺส กตภาวชานนญาณํ กตญาณํ นามฯ ทฺวาทสาการนฺติ เตสํเยว เอเกกสฺมิํ สเจฺจ ติณฺณํ ติณฺณํ อาการานํ วเสน ทฺวาทส อาการา อสฺสาติ ทฺวาทสาการํฯ ญาณทสฺสนนฺติ เอเตสํ ติปริวฎฺฎานํ ทฺวาทสนฺนํ อาการานํ วเสน อุปฺปนฺนํ ญาณสงฺขาตํ ทสฺสนํฯ อตฺตมนาติ สกมนาฯ สตฺตานญฺหิ สุขกามตฺตา ทุกฺขปฎิกูลตฺตา ปีติโสมนสฺสยุตฺตมโน สกมโน นาม, ปีติโสมนเสฺสหิ อตฺตมนา คหิตมนา พฺยาปิตมนาติ วา อโตฺถฯ อภินนฺทุนฺติ อภิมุขา หุตฺวา นนฺทิํสุฯ เวยฺยากรเณติ สุตฺตเนฺตฯ นิคฺคาถโก หิ สุตฺตโนฺต เกวลํ อตฺถสฺส พฺยากรณโต เวยฺยากรณํ นามฯ ภญฺญมาเนติ กถิยมาเนฯ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานวจนํ กตํ, ภณิเตติ อโตฺถฯ วิรชนฺติ วิคตราคาทิรชํฯ วีตมลนฺติ วิคตราคาทิมลํฯ ราคาทโย หิ อโชฺฌตฺถรณเฎฺฐน รโช นาม, ทูสนเฎฺฐน มลํ นามฯ ธมฺมจกฺขุนฺติ กตฺถจิ ปฐมมคฺคญาณํ, กตฺถจิ อาทีนิ ตีณิ มคฺคญาณานิ, กตฺถจิ จตุตฺถมคฺคญาณมฺปิ ฯ อิธ ปน ปฐมมคฺคญาณเมวฯ ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติ วิปสฺสนาวเสน เอวํ ปวตฺตสฺส ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทีติ อโตฺถฯ

    Tiparivaṭṭanti saccañāṇakiccañāṇakatañāṇasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ parivaṭṭānaṃ vasena tayo parivaṭṭā assāti tiparivaṭṭaṃ. Ettha hi ‘‘idaṃ dukkhaṃ, idaṃ dukkhasamudayaṃ , idaṃ dukkhanirodhaṃ, idaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasacca’’nti evaṃ catūsu saccesu yathābhūtañāṇaṃ saccañāṇaṃ nāma. Tesuyeva ‘‘pariññeyyaṃ pahātabbaṃ sacchikātabbaṃ bhāvetabba’’nti evaṃ kattabbakiccajānanañāṇaṃ kiccañāṇaṃ nāma. ‘‘Pariññātaṃ pahīnaṃ sacchikataṃ bhāvita’’nti evaṃ tassa kiccassa katabhāvajānanañāṇaṃ katañāṇaṃ nāma. Dvādasākāranti tesaṃyeva ekekasmiṃ sacce tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ ākārānaṃ vasena dvādasa ākārā assāti dvādasākāraṃ. Ñāṇadassananti etesaṃ tiparivaṭṭānaṃ dvādasannaṃ ākārānaṃ vasena uppannaṃ ñāṇasaṅkhātaṃ dassanaṃ. Attamanāti sakamanā. Sattānañhi sukhakāmattā dukkhapaṭikūlattā pītisomanassayuttamano sakamano nāma, pītisomanassehi attamanā gahitamanā byāpitamanāti vā attho. Abhinandunti abhimukhā hutvā nandiṃsu. Veyyākaraṇeti suttante. Niggāthako hi suttanto kevalaṃ atthassa byākaraṇato veyyākaraṇaṃ nāma. Bhaññamāneti kathiyamāne. Vattamānasamīpe vattamānavacanaṃ kataṃ, bhaṇiteti attho. Virajanti vigatarāgādirajaṃ. Vītamalanti vigatarāgādimalaṃ. Rāgādayo hi ajjhottharaṇaṭṭhena rajo nāma, dūsanaṭṭhena malaṃ nāma. Dhammacakkhunti katthaci paṭhamamaggañāṇaṃ, katthaci ādīni tīṇi maggañāṇāni, katthaci catutthamaggañāṇampi . Idha pana paṭhamamaggañāṇameva. Yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhammanti vipassanāvasena evaṃ pavattassa dhammacakkhuṃ udapādīti attho.

    ธมฺมจเกฺกติ ปฎิเวธญาเณ จ เทสนาญาเณ จฯ โพธิปลฺลเงฺก นิสินฺนสฺส หิ ภควโต จตูสุ สเจฺจสุ ทฺวาทสาการํ ปฎิเวธญาณมฺปิ อิสิปตเน นิสินฺนสฺส ทฺวาทสาการเมว สจฺจเทสนาย ปวตฺตกเทสนาญาณมฺปิ ธมฺมจกฺกํ นามฯ อุภยมฺปิ เหตํ ทสพลสฺส ปวตฺตญาณเมวฯ ตํ อิมาย เทสนาย ปกาเสเนฺตน ภควตา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ นามฯ ตํ ปเนตํ ธมฺมจกฺกํ ยาว อญฺญาตโกณฺฑญฺญเตฺถโร อฎฺฐารสหิ พฺรหฺมโกฎีหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล น ปติฎฺฐาติ, ตาว ภควา ปวเตฺตติ นาม, ปติฎฺฐิเต ปน ปวตฺติตํ นามฯ ตํ สนฺธาย ‘‘ปวตฺติเต จ ภควตา ธมฺมจเกฺก’’ติ วุตฺตํฯ

    Dhammacakketi paṭivedhañāṇe ca desanāñāṇe ca. Bodhipallaṅke nisinnassa hi bhagavato catūsu saccesu dvādasākāraṃ paṭivedhañāṇampi isipatane nisinnassa dvādasākārameva saccadesanāya pavattakadesanāñāṇampi dhammacakkaṃ nāma. Ubhayampi hetaṃ dasabalassa pavattañāṇameva. Taṃ imāya desanāya pakāsentena bhagavatā dhammacakkaṃ pavattitaṃ nāma. Taṃ panetaṃ dhammacakkaṃ yāva aññātakoṇḍaññatthero aṭṭhārasahi brahmakoṭīhi saddhiṃ sotāpattiphale na patiṭṭhāti, tāva bhagavā pavatteti nāma, patiṭṭhite pana pavattitaṃ nāma. Taṃ sandhāya ‘‘pavattite ca bhagavatā dhammacakke’’ti vuttaṃ.

    ภุมฺมา เทวาติ ภูมฎฺฐกา เทวาฯ สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ เอกปฺปหาเรเนว สาธุการํ ทตฺวา เอตํ ภควตาติอาทีนิ วทนฺตา สทฺทํ อนุสฺสาวยิํสุฯ อปฺปฎิวตฺติยนฺติ ‘‘นยิทํ ตถา’’ติ ปฎิโลมํ วเตฺตตุํ อสกฺกุเณยฺยํฯ สนฺนิปติตา เจตฺถ เทวพฺรหฺมาโน เทสนาปริโยสาเน เอกปฺปหาเรเนว สาธุการํ อทํสุ, สนฺนิปาตํ อนาคตา ปน ภุมฺมเทวาทโย เตสํ เตสํ สทฺทํ สุตฺวา สาธุการมทํสูติ เวทิตพฺพํฯ เตสุ ปน ปพฺพตรุกฺขาทีสุ นิพฺพตฺตา ภุมฺมเทวาฯ เต จาตุมหาราชิกปริยาปนฺนา โหนฺตาปิ อิธ วิสุํ กตฺวา วุตฺตาฯ จาตุมหาราชิกาติ จ ธตรฎฺฐวิรูฬฺหกวิรูปกฺขกุเวรสงฺขาตา จตุมหาราชา เทวตา เอเตสนฺติ จาตุมหาราชิกาฯ เต สิเนรุเวมเชฺฌ โหนฺติฯ เตสุ ปพฺพตฎฺฐกาปิ อตฺถิ อากาสฎฺฐกาปิฯ เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตาฯ ขิฑฺฑาปโทสิกา มโนปโทสิกา สีตวลาหกา อุณฺหวลาหกา จนฺทิมา เทวปุโตฺต สูริโย เทวปุโตฺตติ เอเต สเพฺพปิ จาตุมหาราชิกเทวโลกฎฺฐา เอวฯ เตตฺติํส ชนา ตตฺถ อุปฺปนฺนาติ ตาวติํสาฯ อปิจ ‘‘ตาวติํสา’’ติ เตสํ เทวานํ นามเมวาติปิ วุตฺตํฯ เตปิ อตฺถิ ปพฺพตฎฺฐกา อตฺถิ อากาสฎฺฐกาฯ เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา, ตถา ยามาทีนํฯ เอกเทวโลเกปิ หิ เทวานํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ อปฺปตฺตา นาม นตฺถิฯ ทิพฺพํ สุขํ ยาตา ปยาตา สมฺปตฺตาติ ยามาฯ ตุฎฺฐา ปหฎฺฐาติ ตุสิตาฯ ปกติปฎิยตฺตารมฺมณโต อติเรเกน รมิตุกามกาเล ยถารุจิเต โภเค นิมฺมินิตฺวา นิมฺมินิตฺวา รมนฺตีติ นิมฺมานรตีฯ จิตฺตาจารํ ญตฺวา ปรนิมฺมิเตสุ โภเคสุ วสํ วเตฺตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีฯ พฺรหฺมกาเย พฺรหฺมฆฎาย นิยุตฺตาติ พฺรหฺมกายิกาฯ สเพฺพปิ ปญฺจโวการพฺรหฺมาโน คหิตาฯ

    Bhummādevāti bhūmaṭṭhakā devā. Saddamanussāvesunti ekappahāreneva sādhukāraṃ datvā etaṃ bhagavatātiādīni vadantā saddaṃ anussāvayiṃsu. Appaṭivattiyanti ‘‘nayidaṃ tathā’’ti paṭilomaṃ vattetuṃ asakkuṇeyyaṃ. Sannipatitā cettha devabrahmāno desanāpariyosāne ekappahāreneva sādhukāraṃ adaṃsu, sannipātaṃ anāgatā pana bhummadevādayo tesaṃ tesaṃ saddaṃ sutvā sādhukāramadaṃsūti veditabbaṃ. Tesu pana pabbatarukkhādīsu nibbattā bhummadevā. Te cātumahārājikapariyāpannā hontāpi idha visuṃ katvā vuttā. Cātumahārājikāti ca dhataraṭṭhavirūḷhakavirūpakkhakuverasaṅkhātā catumahārājā devatā etesanti cātumahārājikā. Te sineruvemajjhe honti. Tesu pabbataṭṭhakāpi atthi ākāsaṭṭhakāpi. Tesaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ pattā. Khiḍḍāpadosikā manopadosikā sītavalāhakā uṇhavalāhakā candimā devaputto sūriyo devaputtoti ete sabbepi cātumahārājikadevalokaṭṭhā eva. Tettiṃsa janā tattha uppannāti tāvatiṃsā. Apica ‘‘tāvatiṃsā’’ti tesaṃ devānaṃ nāmamevātipi vuttaṃ. Tepi atthi pabbataṭṭhakā atthi ākāsaṭṭhakā. Tesaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ pattā, tathā yāmādīnaṃ. Ekadevalokepi hi devānaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ appattā nāma natthi. Dibbaṃ sukhaṃ yātā payātā sampattāti yāmā. Tuṭṭhā pahaṭṭhāti tusitā. Pakatipaṭiyattārammaṇato atirekena ramitukāmakāle yathārucite bhoge nimminitvā nimminitvā ramantīti nimmānaratī. Cittācāraṃ ñatvā paranimmitesu bhogesu vasaṃ vattentīti paranimmitavasavattī. Brahmakāye brahmaghaṭāya niyuttāti brahmakāyikā. Sabbepi pañcavokārabrahmāno gahitā.

    เตน ขเณนาติ วจนํ วิเสเสตฺวา เตน มุหุเตฺตนาติ วุตฺตํฯ มุหุตฺตสงฺขาเตน ขเณน, น ปรมตฺถขเณนาติ วุตฺตํ โหติฯ ยาว พฺรหฺมโลกาติ พฺรหฺมโลกํ อโนฺตกตฺวาฯ สโทฺทติ สาธุการสโทฺทฯ ทสสหสฺสีติ ทสสหสฺสจกฺกวาฬวตีฯ สงฺกมฺปีติ อุทฺธํ อุคฺคจฺฉนฺตี สุฎฺฐุ กมฺปิฯ สมฺปกมฺปีติ อุทฺธํ อุคฺคจฺฉนฺตี อโธ โอกฺกมนฺตี สุฎฺฐุ ปกมฺปิฯ สมฺปเวธีติ จตุทิสา คจฺฉนฺตี สุฎฺฐุ ปเวธิฯ สมฺพุทฺธภาวาย มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมเนฺต จ โพธิสเตฺต ตโต นิกฺขมเนฺต จ มหาปถวี ปุญฺญเตเชน อกมฺปิตฺถ, อภิสโมฺพธิยํ ปฎิเวธญาณเตเชนฯ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน เทสนาญาณเตเชน สาธุการํ ทาตุกามา วิย ปถวี เทวตานุภาเวน อกมฺปิตฺถ, อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเน มหาปรินิพฺพาเน จ การุเญฺญน จิตฺตสโงฺขภํ อสหมานา วิย ปถวี เทวตานุภาเวน อกมฺปิตฺถฯ อปฺปมาโณติ วุทฺธปฺปมาโณฯ อุฬาโรติ เอตฺถ ‘‘อุฬารานิ อุฬารานิ ขาทนียานิ ขาทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๖๖) มธุรํ อุฬารนฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อุฬาราย วตฺถโภคาย จิตฺตํ น นมตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๙.๒๐) ปณีตํ อุฬารนฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อุฬาราย ขลุ ภวํ วจฺฉายโน สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติอาทีสุ เสฎฺฐํ อุฬารนฺติ วุตฺตํฯ อิธ ปน ‘‘วิปุโล อุฬาโร’’ติ วุโตฺตฯ โอภาโสติ เทสนาญาณานุภาเวน จ เทวตานุภาเวน จ ชาตโอภาโสฯ โลเกติ จกฺกวาฬสฺส ทสสหสฺสิยํเยวฯ อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวนฺติ เทวานํ อยมานุภาโว – นิวตฺถวตฺถปฺปภา ทฺวาทส โยชนานิ ผรติ, ตถา สรีรสฺส อลงฺการสฺส วิมานสฺส จฯ ตํ เทวานํ เทวานุภาวํ อติกฺกมิตฺวาเยวาติ อโตฺถฯ อุทานนฺติ โสมนสฺสญาณมยิกํ อุทาหารํฯ อุทาเนสีติ อุทาหริฯ อญฺญาสิ วต, โภ โกณฺฑโญฺญติ อิมสฺสปิ อุทานสฺส อุทาหรณโฆโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ อญฺญาสิโกณฺฑโญฺญติ ภุสํ ญาตโกณฺฑโญฺญติ อโตฺถฯ

    Tena khaṇenāti vacanaṃ visesetvā tena muhuttenāti vuttaṃ. Muhuttasaṅkhātena khaṇena, na paramatthakhaṇenāti vuttaṃ hoti. Yāva brahmalokāti brahmalokaṃ antokatvā. Saddoti sādhukārasaddo. Dasasahassīti dasasahassacakkavāḷavatī. Saṅkampīti uddhaṃ uggacchantī suṭṭhu kampi. Sampakampīti uddhaṃ uggacchantī adho okkamantī suṭṭhu pakampi. Sampavedhīti catudisā gacchantī suṭṭhu pavedhi. Sambuddhabhāvāya mātukucchiṃ okkamante ca bodhisatte tato nikkhamante ca mahāpathavī puññatejena akampittha, abhisambodhiyaṃ paṭivedhañāṇatejena. Dhammacakkappavattane desanāñāṇatejena sādhukāraṃ dātukāmā viya pathavī devatānubhāvena akampittha, āyusaṅkhārossajjane mahāparinibbāne ca kāruññena cittasaṅkhobhaṃ asahamānā viya pathavī devatānubhāvena akampittha. Appamāṇoti vuddhappamāṇo. Uḷāroti ettha ‘‘uḷārāni uḷārāni khādanīyāni khādantī’’tiādīsu (ma. ni. 1.366) madhuraṃ uḷāranti vuttaṃ. ‘‘Uḷārāya vatthabhogāya cittaṃ na namatī’’tiādīsu (a. ni. 9.20) paṇītaṃ uḷāranti vuttaṃ. ‘‘Uḷārāya khalu bhavaṃ vacchāyano samaṇaṃ gotamaṃ pasaṃsāya pasaṃsatī’’tiādīsu seṭṭhaṃ uḷāranti vuttaṃ. Idha pana ‘‘vipulo uḷāro’’ti vutto. Obhāsoti desanāñāṇānubhāvena ca devatānubhāvena ca jātaobhāso. Loketi cakkavāḷassa dasasahassiyaṃyeva. Atikkammeva devānaṃ devānubhāvanti devānaṃ ayamānubhāvo – nivatthavatthappabhā dvādasa yojanāni pharati, tathā sarīrassa alaṅkārassa vimānassa ca. Taṃ devānaṃ devānubhāvaṃ atikkamitvāyevāti attho. Udānanti somanassañāṇamayikaṃ udāhāraṃ. Udānesīti udāhari. Aññāsi vata, bho koṇḍaññoti imassapi udānassa udāharaṇaghoso dasasahassilokadhātuṃ pharitvā aṭṭhāsi. Aññāsikoṇḍaññoti bhusaṃ ñātakoṇḍaññoti attho.

    จกฺขุอาทีนํ นิเทฺทเส ทสฺสนเฎฺฐนาติอาทีสุ เอกเมว ญาณํ ยถาวุตฺตสฺส เนยฺยสฺส จกฺขุ วิย ทสฺสนกิจฺจกรเณน จกฺขุฯ ญาณกิจฺจกรเณน ญาณํฯ นานปฺปการโต ชานนกิจฺจกรเณน ปญฺญาฯ อนวเสสปฎิเวธกรเณน วิชฺชาฯ สพฺพถา โอภาสกิจฺจกรเณน อาโลโก นามาติ อโตฺถฯ จกฺขุํ ธโมฺมติอาทีสุปิ เอกํเยว ญาณํ กิจฺจนานเตฺตน ปญฺจธา วณฺณิตํฯ อารมฺมณาติ อุปตฺถมฺภนเฎฺฐนฯ โคจราติ วิสยเฎฺฐนฯ ทสฺสนเฎฺฐนาติอาทีสุ ญาณกิจฺจํ ปญฺจธา วุตฺตํฯ อิมินา นเยน ตีสุ วาเรสุ เอเกกสฺมิํ ปญฺจ ปญฺจ กตฺวา ปนฺนรส ธมฺมา, ปนฺนรส อตฺถา, ทฺวีสุ ปนฺนรสเกสุ ติํส นิรุตฺติโย, ปนฺนรสสุ ธเมฺมสุ ปนฺนรสสุ อเตฺถสุ ติํสาย นิรุตฺตีสูติ สฎฺฐิ ญาณานิ เวทิตพฺพานิฯ เสสอริยสเจฺจสุปิ เอเสว นโยฯ จตูสุ อริยสเจฺจสุ เอเกกสฺมิํ อริยสเจฺจ ปนฺนรสนฺนํ ปนฺนรสนฺนํ ธมฺมานํ อตฺถานญฺจ วเสน สฎฺฐิ ธมฺมา, สฎฺฐิ อตฺถา, สฎฺฐิยา ธเมฺมสุ สฎฺฐิยา อเตฺถสุ จ วีสสตํ นิรุตฺติโย, วีสาธิกํ สตนฺติ อโตฺถฯ สฎฺฐิยา ธเมฺมสุ สฎฺฐิยา อเตฺถสุ วีสุตฺตรสเต นิรุตฺตีสูติ เอวํ จตฺตารีสญฺจ เทฺว จ ญาณสตานิฯ

    Cakkhuādīnaṃ niddese dassanaṭṭhenātiādīsu ekameva ñāṇaṃ yathāvuttassa neyyassa cakkhu viya dassanakiccakaraṇena cakkhu. Ñāṇakiccakaraṇena ñāṇaṃ. Nānappakārato jānanakiccakaraṇena paññā. Anavasesapaṭivedhakaraṇena vijjā. Sabbathā obhāsakiccakaraṇena āloko nāmāti attho. Cakkhuṃ dhammotiādīsupi ekaṃyeva ñāṇaṃ kiccanānattena pañcadhā vaṇṇitaṃ. Ārammaṇāti upatthambhanaṭṭhena. Gocarāti visayaṭṭhena. Dassanaṭṭhenātiādīsu ñāṇakiccaṃ pañcadhā vuttaṃ. Iminā nayena tīsu vāresu ekekasmiṃ pañca pañca katvā pannarasa dhammā, pannarasa atthā, dvīsu pannarasakesu tiṃsa niruttiyo, pannarasasu dhammesu pannarasasu atthesu tiṃsāya niruttīsūti saṭṭhi ñāṇāni veditabbāni. Sesaariyasaccesupi eseva nayo. Catūsu ariyasaccesu ekekasmiṃ ariyasacce pannarasannaṃ pannarasannaṃ dhammānaṃ atthānañca vasena saṭṭhi dhammā, saṭṭhi atthā, saṭṭhiyā dhammesu saṭṭhiyā atthesu ca vīsasataṃ niruttiyo, vīsādhikaṃ satanti attho. Saṭṭhiyā dhammesu saṭṭhiyā atthesu vīsuttarasate niruttīsūti evaṃ cattārīsañca dve ca ñāṇasatāni.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. ธมฺมจกฺกปวตฺตนวาโร • 1. Dhammacakkapavattanavāro


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact