Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๒. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนวโคฺค
2. Dhammacakkappavattanavaggo
๑. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตวณฺณนา
1. Dhammacakkappavattanasuttavaṇṇanā
๑๐๘๑. ทุติยสฺส ปฐเม พาราณสิยนฺติ เอวํนามเก นคเรฯ อิสิปตเน มิคทาเยติ อิสีนํ ปตนุปฺปตนวเสน เอวํลทฺธนาเม มิคานํ อภยทานวเสน ทินฺนตฺตา มิคทายสงฺขาเต อาราเมฯ เอตฺถ หิ อุปฺปนฺนุปฺปนฺนา สพฺพญฺญุอิสโย ปตนฺติ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนตฺถํ นิสีทนฺตีติ อโตฺถฯ นนฺทมูลกปพฺภารโต สตฺตาหจฺจเยน นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐิตา อโนตตฺตทเห กตมุขโธวนาทิกิจฺจา อากาเสน อาคนฺตฺวา ปเจฺจกพุทฺธอิสโยเปตฺถ โอตรณวเสน ปตนฺติ, อุโปสถตฺถญฺจ อนุโปสถตฺถญฺจ สนฺนิปตนฺติ, คนฺธมาทนํ ปฎิคจฺฉนฺตาปิ ตโตว อุปฺปตนฺตีติ อิมินา อิสีนํ ปตนุปฺปตนวเสน ตํ ‘‘อิสิปตน’’นฺติ วุจฺจติฯ
1081. Dutiyassa paṭhame bārāṇasiyanti evaṃnāmake nagare. Isipatane migadāyeti isīnaṃ patanuppatanavasena evaṃladdhanāme migānaṃ abhayadānavasena dinnattā migadāyasaṅkhāte ārāme. Ettha hi uppannuppannā sabbaññuisayo patanti, dhammacakkappavattanatthaṃ nisīdantīti attho. Nandamūlakapabbhārato sattāhaccayena nirodhasamāpattito vuṭṭhitā anotattadahe katamukhadhovanādikiccā ākāsena āgantvā paccekabuddhaisayopettha otaraṇavasena patanti, uposathatthañca anuposathatthañca sannipatanti, gandhamādanaṃ paṭigacchantāpi tatova uppatantīti iminā isīnaṃ patanuppatanavasena taṃ ‘‘isipatana’’nti vuccati.
อามเนฺตสีติ ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหารโต ปฎฺฐาย ปารมิโย ปูเรโนฺต อนุปุเพฺพน ปจฺฉิมภเว กตาภินิกฺขมโน อนุปุเพฺพน โพธิมณฺฑํ ปตฺวา ตตฺถ อปราชิตปลฺลเงฺก นิสิโนฺน มารพลํ ภินฺทิตฺวา ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยามาวสาเน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทโนฺต สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา สตฺต สตฺตาหานิ โพธิมเณฺฑ วีตินาเมตฺวา มหาพฺรหฺมุนา อายาจิตธมฺมเทสโน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตฺวา โลกานุคฺคเหน พาราณสิํ คนฺตฺวา ปญฺจวคฺคิเย สญฺญาเปตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตุกาโม อามเนฺตสิฯ
Āmantesīti dīpaṅkarapādamūle katābhinīhārato paṭṭhāya pāramiyo pūrento anupubbena pacchimabhave katābhinikkhamano anupubbena bodhimaṇḍaṃ patvā tattha aparājitapallaṅke nisinno mārabalaṃ bhinditvā paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussaritvā majjhimayāme dibbacakkhuṃ visodhetvā pacchimayāmāvasāne dasasahassilokadhātuṃ unnādento sabbaññutaṃ patvā satta sattāhāni bodhimaṇḍe vītināmetvā mahābrahmunā āyācitadhammadesano buddhacakkhunā lokaṃ voloketvā lokānuggahena bārāṇasiṃ gantvā pañcavaggiye saññāpetvā dhammacakkaṃ pavattetukāmo āmantesi.
เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตาติ เทฺว อิเม, ภิกฺขเว, โกฎฺฐาสาฯ อิมสฺส ปน ปทสฺส สห สมุทาหาเรน สมุทาหารนิโคฺฆโส เหฎฺฐา อวีจิํ อุปริ ภวคฺคํ ปตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ปตฺถริตฺวา อฎฺฐาสิฯ ตสฺมิํเยว สมเย อฎฺฐารสโกฎิสงฺขา พฺรหฺมาโน สมาคจฺฉิํสุ, ปจฺฉิมทิสาย สูริโย อตฺถเมติ, ปาจีนทิสาย อาสาฬฺหนกฺขเตฺตน ยุโตฺต ปุณฺณจโนฺท อุคฺคจฺฉติฯ ตสฺมิํ สมเย ภควา อิมํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตํ อารภโนฺต ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา’’ติอาทิมาหฯ
Dveme, bhikkhave, antāti dve ime, bhikkhave, koṭṭhāsā. Imassa pana padassa saha samudāhārena samudāhāranigghoso heṭṭhā avīciṃ upari bhavaggaṃ patvā dasasahassilokadhātuṃ pattharitvā aṭṭhāsi. Tasmiṃyeva samaye aṭṭhārasakoṭisaṅkhā brahmāno samāgacchiṃsu, pacchimadisāya sūriyo atthameti, pācīnadisāya āsāḷhanakkhattena yutto puṇṇacando uggacchati. Tasmiṃ samaye bhagavā imaṃ dhammacakkappavattanasuttaṃ ārabhanto ‘‘dveme, bhikkhave, antā’’tiādimāha.
ตตฺถ ปพฺพชิเตนาติ คิหิสํโยชนํ ฉินฺทิตฺวา ปพฺพชฺชุปคเตนฯ น เสวิตพฺพาติ น วฬเญฺชตพฺพา ฯ โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ โย จ อยํ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามสุขสฺส อนุโยโคฯ หีโนติ ลามโกฯ คโมฺมติ คามวาสีนํ สนฺตโกฯ โปถุชฺชนิโกติ อนฺธพาลชเนน อาจิโณฺณฯ อนริโยติ น อริโย น วิสุโทฺธ น อุตฺตโม น วา อริยานํ สนฺตโกฯ อนตฺถสํหิโตติ น อตฺถสํหิโต, หิตสุขาวหการณํ อนิสฺสิโตติ อโตฺถฯ อตฺตกิลมถานุโยโคติ อตฺตโน กิลมถสฺส อนุโยโค, อตฺตโน ทุกฺขกรณนฺติ อโตฺถฯ ทุโกฺขติ กณฺฎกาปสฺสยเสยฺยาทีหิ อตฺตมารเณหิ ทุกฺขาวโหฯ
Tattha pabbajitenāti gihisaṃyojanaṃ chinditvā pabbajjupagatena. Na sevitabbāti na vaḷañjetabbā . Yo cāyaṃ kāmesu kāmasukhallikānuyogoti yo ca ayaṃ vatthukāmesu kilesakāmasukhassa anuyogo. Hīnoti lāmako. Gammoti gāmavāsīnaṃ santako. Pothujjanikoti andhabālajanena āciṇṇo. Anariyoti na ariyo na visuddho na uttamo na vā ariyānaṃ santako. Anatthasaṃhitoti na atthasaṃhito, hitasukhāvahakāraṇaṃ anissitoti attho. Attakilamathānuyogoti attano kilamathassa anuyogo, attano dukkhakaraṇanti attho. Dukkhoti kaṇṭakāpassayaseyyādīhi attamāraṇehi dukkhāvaho.
ปญฺญาจกฺขุํ กโรตีติ จกฺขุกรณีฯ ทุติยปทํ ตเสฺสว เววจนํฯ อุปสมายาติ กิเลสูปสมตฺถายฯ อภิญฺญายาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ อภิชานนตฺถายฯ สโมฺพธายาติ เตสํเยว สมฺพุชฺฌนตฺถายฯ นิพฺพานายาติ นิพฺพานสจฺฉิกิริยายฯ เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ เหฎฺฐา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมวฯ สจฺจกถาปิ สพฺพากาเรเนว วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๒๙) วิตฺถาริตาฯ
Paññācakkhuṃ karotīti cakkhukaraṇī. Dutiyapadaṃ tasseva vevacanaṃ. Upasamāyāti kilesūpasamatthāya. Abhiññāyāti catunnaṃ saccānaṃ abhijānanatthāya. Sambodhāyāti tesaṃyeva sambujjhanatthāya. Nibbānāyāti nibbānasacchikiriyāya. Sesamettha yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ heṭṭhā tattha tattha vuttameva. Saccakathāpi sabbākāreneva visuddhimagge (visuddhi. 2.529) vitthāritā.
ติปริวฎฺฎนฺติ สจฺจญาณกิจฺจญาณกตญาณสงฺขาตานํ ติณฺณํ ปริวฎฺฎานํ วเสน ติปริวฎฺฎํฯ เอตฺถ หิ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อิทํ ทุกฺขสมุทย’’นฺติ เอวํ จตูสุ สเจฺจสุ ยถาภูตํ ญาณํ สจฺจญาณํ นามฯ เตสุเยว ‘‘ปริเญฺญยฺยํ ปหาตพฺพ’’นฺติ เอวํ กตฺตพฺพกิจฺจชานนญาณํ กิจฺจญาณํ นามฯ ‘‘ปริญฺญาตํ ปหีน’’นฺติ เอวํ ตสฺส ตสฺส กิจฺจสฺส กตภาวชานนญาณํ กตญาณํ นามฯ ทฺวาทสาการนฺติ เตสํเยว เอเกกสฺมิํ สเจฺจ ติณฺณํ ติณฺณํ อาการานํ วเสน ทฺวาทสาการํฯ ญาณทสฺสนนฺติ เอเตสํ ติปริวฎฺฎานํ ทฺวาทสนฺนํ อาการานํ วเสน อุปฺปนฺนญาณสงฺขาตํ ทสฺสนํฯ ธมฺมจกฺขุนฺติ อญฺญตฺถ ตโย มคฺคา ตีณิ จ ผลานิ ธมฺมจกฺขุ นาม โหนฺติ, อิธ ปฐมมโคฺควฯ
Tiparivaṭṭanti saccañāṇakiccañāṇakatañāṇasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ parivaṭṭānaṃ vasena tiparivaṭṭaṃ. Ettha hi ‘‘idaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ, idaṃ dukkhasamudaya’’nti evaṃ catūsu saccesu yathābhūtaṃ ñāṇaṃ saccañāṇaṃ nāma. Tesuyeva ‘‘pariññeyyaṃ pahātabba’’nti evaṃ kattabbakiccajānanañāṇaṃ kiccañāṇaṃ nāma. ‘‘Pariññātaṃ pahīna’’nti evaṃ tassa tassa kiccassa katabhāvajānanañāṇaṃ katañāṇaṃ nāma. Dvādasākāranti tesaṃyeva ekekasmiṃ sacce tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ ākārānaṃ vasena dvādasākāraṃ. Ñāṇadassananti etesaṃ tiparivaṭṭānaṃ dvādasannaṃ ākārānaṃ vasena uppannañāṇasaṅkhātaṃ dassanaṃ. Dhammacakkhunti aññattha tayo maggā tīṇi ca phalāni dhammacakkhu nāma honti, idha paṭhamamaggova.
ธมฺมจเกฺกติ ปฎิเวธญาเณ เจว เทสนาญาเณ จฯ โพธิปลฺลเงฺก นิสินฺนสฺส หิ จตูสุ สเจฺจสุ อุปฺปนฺนํ ทฺวาทสาการํ ปฎิเวธญาณมฺปิ, อิสิปตเน นิสินฺนสฺส ทฺวาทสาการาย สจฺจเทสนาย ปวตฺติตํ เทสนาญาณมฺปิ ธมฺมจกฺกํ นามฯ อุภยมฺปิ เหตํ ทสพลสฺส อุเร ปวตฺตญาณเมวฯ อิมาย เทสนาย ปกาเสเนฺตน ภควตา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ นามฯ ตํ ปเนตํ ธมฺมจกฺกํ ยาว อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถโร อฎฺฐารสหิ พฺรหฺมโกฎีหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาติ , ตาว นํ ภควา ปวเตฺตติ นาม, ปติฎฺฐิเต จ ปวตฺติตํ นามฯ ตํ สนฺธาย ปวตฺติเต จ ปน ภควตา ธมฺมจเกฺก ภุมฺมา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติอาทิ วุตฺตํฯ
Dhammacakketi paṭivedhañāṇe ceva desanāñāṇe ca. Bodhipallaṅke nisinnassa hi catūsu saccesu uppannaṃ dvādasākāraṃ paṭivedhañāṇampi, isipatane nisinnassa dvādasākārāya saccadesanāya pavattitaṃ desanāñāṇampi dhammacakkaṃ nāma. Ubhayampi hetaṃ dasabalassa ure pavattañāṇameva. Imāya desanāya pakāsentena bhagavatā dhammacakkaṃ pavattitaṃ nāma. Taṃ panetaṃ dhammacakkaṃ yāva aññāsikoṇḍaññatthero aṭṭhārasahi brahmakoṭīhi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāti , tāva naṃ bhagavā pavatteti nāma, patiṭṭhite ca pavattitaṃ nāma. Taṃ sandhāya pavattite ca pana bhagavatā dhammacakke bhummā devā saddamanussāvesuntiādi vuttaṃ.
ตตฺถ ภุมฺมาติ ภูมฎฺฐกเทวตาฯ สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ เอกปฺปหาเรเนว สาธุการํ ทตฺวา – ‘‘เอตํ ภควตา’’ติอาทีนิ วทนฺตา อนุสาวยิํสุฯ โอภาโสติ สพฺพญฺญุตญฺญาโณภาโสฯ โส หิ ตทา เทวานํ เทวานุภาวํ อติกฺกมิตฺวา วิโรจิตฺถฯ อญฺญาสิ วต, โภ, โกณฺฑโญฺญติ อิมสฺสปิ อุทานสฺส อุทาหารนิโคฺฆโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ
Tattha bhummāti bhūmaṭṭhakadevatā. Saddamanussāvesunti ekappahāreneva sādhukāraṃ datvā – ‘‘etaṃ bhagavatā’’tiādīni vadantā anusāvayiṃsu. Obhāsoti sabbaññutaññāṇobhāso. So hi tadā devānaṃ devānubhāvaṃ atikkamitvā virocittha. Aññāsi vata, bho, koṇḍaññoti imassapi udānassa udāhāranigghoso dasasahassilokadhātuṃ pharitvā aṭṭhāsi.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตํ • 1. Dhammacakkappavattanasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตวณฺณนา • 1. Dhammacakkappavattanasuttavaṇṇanā