Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตวณฺณนา
Dhammacakkappavattanasuttavaṇṇanā
๑๓. เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตาติ เทฺว อิเม, ภิกฺขเว, โกฎฺฐาสา, เทฺว ภาคาติ อโตฺถฯ ภาควจโน เหตฺถ อนฺต-สโทฺท ‘‘ปุพฺพเนฺต ญาณํ อปรเนฺต ญาณ’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๖๓) วิยฯ อิมสฺส ปน ปทสฺส อุจฺจารณสมกาลํ ปวตฺตนิโคฺฆโส พุทฺธานุภาเวน เหฎฺฐา อวีจิํ อุปริ ภวคฺคํ ปตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ ตสฺมิํเยว สมเย ปริปกฺกกุสลมูลา สจฺจาภิสโมฺพธาย กตาธิการา อฎฺฐารสโกฎิสงฺขา พฺรหฺมาโน สมาคจฺฉิํสุฯ ปจฺฉิมทิสาย สูริโย อตฺถเมติ, ปาจีนทิสาย อาสาฬฺหนกฺขเตฺตน ยุโตฺต ปุณฺณจโนฺท อุคฺคจฺฉติฯ ตสฺมิํ สมเย ภควา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตํ อารภโนฺต ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา’’ติอาทิมาหฯ
13.Dveme, bhikkhave, antāti dve ime, bhikkhave, koṭṭhāsā, dve bhāgāti attho. Bhāgavacano hettha anta-saddo ‘‘pubbante ñāṇaṃ aparante ñāṇa’’ntiādīsu (dha. sa. 1063) viya. Imassa pana padassa uccāraṇasamakālaṃ pavattanigghoso buddhānubhāvena heṭṭhā avīciṃ upari bhavaggaṃ patvā dasasahassilokadhātuṃ pharitvā aṭṭhāsi. Tasmiṃyeva samaye paripakkakusalamūlā saccābhisambodhāya katādhikārā aṭṭhārasakoṭisaṅkhā brahmāno samāgacchiṃsu. Pacchimadisāya sūriyo atthameti, pācīnadisāya āsāḷhanakkhattena yutto puṇṇacando uggacchati. Tasmiṃ samaye bhagavā dhammacakkappavattanasuttaṃ ārabhanto ‘‘dveme, bhikkhave, antā’’tiādimāha.
ตตฺถ ปพฺพชิเตนาติ คิหิพนฺธนํ เฉตฺวา ปพฺพชฺชุปคเตนฯ น เสวิตพฺพาติ น วฬเญฺชตพฺพา นานุยุญฺชิตพฺพาฯ โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ โย จ อยํ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามสุขสฺส อนุโยโค, กิเลสกามสํยุตฺตสฺส สุขสฺส อนุคโตติ อโตฺถฯ หีโนติ ลามโกฯ คโมฺมติ คามวาสีนํ สนฺตโก เตหิ เสวิตพฺพตายฯ โปถุชฺชนิโกติ ปุถุชฺชเนน อนฺธพาลชเนน อาจิโณฺณฯ อนริโยติ น อริโย น วิสุโทฺธ น อุตฺตโม, น วา อริยานํ สนฺตโกฯ อนตฺถสํหิโตติ น อตฺถสํหิโต, หิตสุขาวหการณํ อนิสฺสิโตติ อโตฺถฯ อตฺตกิลมถานุโยโคติ อตฺตโน กิลมถสฺส อนุโยโค, ทุกฺขกรณํ ทุกฺขุปฺปาทนนฺติ อโตฺถฯ ทุโกฺขติ กณฺฎกาปสฺสยเสยฺยาทีหิ อตฺตพาธเนหิ ทุกฺขาวโหฯ มชฺฌิมา ปฎิปทาติ อริยมคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํฯ มโคฺค หิ กามสุขลฺลิกานุโยโค เอโก อโนฺต, อตฺตกิลมถานุโยโค เอโก อโนฺต, เอเต เทฺว อเนฺต น อุเปติ น อุปคจฺฉติ, วิมุโตฺต เอเตหิ อเนฺตหิ, ตสฺมา ‘‘มชฺฌิมา ปฎิปทา’’ติ วุจฺจติฯ เอเตสํ มเชฺฌ ภวตฺตา มชฺฌิมา, วฎฺฎทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ ปฎิปชฺชิตพฺพโต จ ปฎิปทาติ, ตถา โลโภ เอโก อโนฺต, โทโส เอโก อโนฺตฯ สสฺสตํ เอกํ อนฺตํ, อุเจฺฉโท เอโก อโนฺตติ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํฯ
Tattha pabbajitenāti gihibandhanaṃ chetvā pabbajjupagatena. Na sevitabbāti na vaḷañjetabbā nānuyuñjitabbā. Yo cāyaṃ kāmesu kāmasukhallikānuyogoti yo ca ayaṃ vatthukāmesu kilesakāmasukhassa anuyogo, kilesakāmasaṃyuttassa sukhassa anugatoti attho. Hīnoti lāmako. Gammoti gāmavāsīnaṃ santako tehi sevitabbatāya. Pothujjanikoti puthujjanena andhabālajanena āciṇṇo. Anariyoti na ariyo na visuddho na uttamo, na vā ariyānaṃ santako. Anatthasaṃhitoti na atthasaṃhito, hitasukhāvahakāraṇaṃ anissitoti attho. Attakilamathānuyogoti attano kilamathassa anuyogo, dukkhakaraṇaṃ dukkhuppādananti attho. Dukkhoti kaṇṭakāpassayaseyyādīhi attabādhanehi dukkhāvaho. Majjhimā paṭipadāti ariyamaggaṃ sandhāya vuttaṃ. Maggo hi kāmasukhallikānuyogo eko anto, attakilamathānuyogo eko anto, ete dve ante na upeti na upagacchati, vimutto etehi antehi, tasmā ‘‘majjhimā paṭipadā’’ti vuccati. Etesaṃ majjhe bhavattā majjhimā, vaṭṭadukkhanissaraṇatthikehi paṭipajjitabbato ca paṭipadāti, tathā lobho eko anto, doso eko anto. Sassataṃ ekaṃ antaṃ, ucchedo eko antoti purimanayeneva vitthāretabbaṃ.
จกฺขุกรณีติอาทีหิ ตเมว ปฎิปทํ โถเมติฯ ปญฺญาจกฺขุํ กโรตีติ จกฺขุกรณีฯ สา หิ จตุนฺนํ สจฺจานํ ทสฺสนาย สํวตฺตติ ปริญฺญาภิสมยาทิเภทสฺส ทสฺสนสฺส ปวตฺตนเฎฺฐนาติ ‘‘จกฺขุกรณี’’ติ วุจฺจติฯ ตยิทํ สติปิ ปฎิปทาย อนญฺญเตฺต อวยววเสน สิชฺฌมาโน อโตฺถ สมุทาเยน กโต นาม โหตีติ อุปจารวเสน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ทุติยปทํ ตเสฺสว เววจนํฯ อุปสมายาติ กิเลสุปสมตฺถายฯ อภิญฺญายาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ อภิชานนตฺถายฯ สโมฺพธายาติ เตสํเยว สมฺพุชฺฌนตฺถายฯ นิพฺพานายาติ นิพฺพานสจฺฉิกิริยายฯ อถ วา นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานายฯ ‘‘อุปสมายา’’ติ หิ อิมินา สอุปาทิเสสนิพฺพานํ คหิตํฯ
Cakkhukaraṇītiādīhi tameva paṭipadaṃ thometi. Paññācakkhuṃ karotīti cakkhukaraṇī. Sā hi catunnaṃ saccānaṃ dassanāya saṃvattati pariññābhisamayādibhedassa dassanassa pavattanaṭṭhenāti ‘‘cakkhukaraṇī’’ti vuccati. Tayidaṃ satipi paṭipadāya anaññatte avayavavasena sijjhamāno attho samudāyena kato nāma hotīti upacāravasena vuttanti daṭṭhabbaṃ. Dutiyapadaṃ tasseva vevacanaṃ. Upasamāyāti kilesupasamatthāya. Abhiññāyāti catunnaṃ saccānaṃ abhijānanatthāya. Sambodhāyāti tesaṃyeva sambujjhanatthāya. Nibbānāyāti nibbānasacchikiriyāya. Atha vā nibbānāyāti anupādisesanibbānāya. ‘‘Upasamāyā’’ti hi iminā saupādisesanibbānaṃ gahitaṃ.
อิทานิ ตํ มชฺฌิมปฺปฎิปทํ สรูปโต ทเสฺสตุกาโม ‘‘กตมา จ สา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยเมวา’’ติอาทินา นเยน วิสฺสเชฺชสิฯ ตตฺถ อยเมวาติ อวธารณวจนํ อญฺญสฺส นิพฺพานคามิมคฺคสฺส อตฺถิภาวปฎิเสธนตฺถํฯ สตฺตาปฎิเกฺขโป หิ อิธ ปฎิเสธนํ อลพฺภมานตฺตา อญฺญสฺส มคฺคสฺสฯ อริโยติ กิเลสานํ อารกตฺตา อริโย นิรุตฺตินเยนฯ อริปหานาย สํวตฺตตีติปิ อริโย อรโย ปาปธมฺมา ยนฺติ อปคจฺฉนฺติ เอเตนาติ กตฺวาฯ อริเยน ภควตา เทสิตตฺตา อริยสฺส อยนฺติปิ อริโย, อริยภาวปฺปฎิลาภาย สํวตฺตตีติปิ อริโยฯ เอตฺถ ปน อริยกโร อริโยติปิ อุตฺตรปทโลเปน อริย-สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ อุเปตตฺตา อฎฺฐงฺคิโกฯ มคฺคงฺคสมุทาเย หิ มคฺคโวหาโร, สมุทาโย จ สมุทายีหิ สมนฺนาคโต นาม โหติฯ อยํ ปเนตฺถ วจนโตฺถ – อตฺตโน อวยวภูตานิ อฎฺฐงฺคานิ เอตสฺส สนฺตีติ อฎฺฐงฺคิโกติฯ ปรมตฺถโต ปน องฺคานิเยว มโคฺค ปญฺจงฺคิกตูริยาทีนิ วิย, น จ องฺควินิมุโตฺต ฉฬโงฺค เวโท วิยฯ กิเลเส มาเรโนฺต คจฺฉตีติ มโคฺค นิรุตฺตินเยน, นิพฺพานํ มคฺคติ คเวสตีติ วา มโคฺคฯ อริยมโคฺค หิ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรโนฺต คเวสโนฺต วิย โหติฯ นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียตีติ วา มโคฺค วิวฎฺฎูปนิสฺสยปุญฺญกรณโต ปฎฺฐาย ตทตฺถปฎิปตฺติโตฯ คมฺมติ วา เตหิ ปฎิปชฺชียตีติ มโคฺคฯ เอตฺถ ปน อาทิอนฺตวิปริยาเยน สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ
Idāni taṃ majjhimappaṭipadaṃ sarūpato dassetukāmo ‘‘katamā ca sā’’ti pucchitvā ‘‘ayamevā’’tiādinā nayena vissajjesi. Tattha ayamevāti avadhāraṇavacanaṃ aññassa nibbānagāmimaggassa atthibhāvapaṭisedhanatthaṃ. Sattāpaṭikkhepo hi idha paṭisedhanaṃ alabbhamānattā aññassa maggassa. Ariyoti kilesānaṃ ārakattā ariyo niruttinayena. Aripahānāya saṃvattatītipi ariyo arayo pāpadhammā yanti apagacchanti etenāti katvā. Ariyena bhagavatā desitattā ariyassa ayantipi ariyo, ariyabhāvappaṭilābhāya saṃvattatītipi ariyo. Ettha pana ariyakaro ariyotipi uttarapadalopena ariya-saddasiddhi veditabbā. Aṭṭhahi aṅgehi upetattā aṭṭhaṅgiko. Maggaṅgasamudāye hi maggavohāro, samudāyo ca samudāyīhi samannāgato nāma hoti. Ayaṃ panettha vacanattho – attano avayavabhūtāni aṭṭhaṅgāni etassa santīti aṭṭhaṅgikoti. Paramatthato pana aṅgāniyeva maggo pañcaṅgikatūriyādīni viya, na ca aṅgavinimutto chaḷaṅgo vedo viya. Kilese mārento gacchatīti maggo niruttinayena, nibbānaṃ maggati gavesatīti vā maggo. Ariyamaggo hi nibbānaṃ ārammaṇaṃ karonto gavesanto viya hoti. Nibbānatthikehi maggīyatīti vā maggo vivaṭṭūpanissayapuññakaraṇato paṭṭhāya tadatthapaṭipattito. Gammati vā tehi paṭipajjīyatīti maggo. Ettha pana ādiantavipariyāyena saddasiddhi veditabbā.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส กตโม โส อิติ เจติ อโตฺถ, กตมานิ วา ตานิ อฎฺฐงฺคานีติฯ สพฺพลิงฺควิภตฺติวจนสาธารโณ หิ อยํ นิปาโตฯ เอกเมกมฺปิ องฺคํ มโคฺคเยวฯ ยถาห ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ มโคฺค เจว เหตุ จา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙)ฯ โปราณาปิ ภณนฺติ ‘‘ทสฺสนมโคฺค สมฺมาทิฎฺฐิ, อภินิโรปนมโคฺค สมฺมาสงฺกโปฺป…เป.… อวิเกฺขปมโคฺค สมฺมาสมาธี’’ติฯ นนุ จ องฺคานิ สมุทิตานิ มโคฺค อนฺตมโส สตฺตงฺควิกลสฺส อริยมคฺคสฺส อภาวโตติ? สจฺจเมตํ สจฺจสมฺปฎิเวเธ, มคฺคปฺปจฺจยตาย ปน ยถาสกํ กิจฺจกรเณน ปเจฺจกมฺปิ ตานิ มโคฺคเยว, อญฺญถา สมุทิตานมฺปิ เตสํ มคฺคกิจฺจํ น สมฺภเวยฺยาติฯ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีสุ สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมา สงฺกเปฺปติ สมฺปยุตฺตธเมฺม นิพฺพานสงฺขาเต อารมฺมเณ อภินิโรเปตีติ สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมา วทติ เอตายาติ สมฺมาวาจา, สมฺมา กโรติ เอเตนาติ สมฺมากมฺมํ, ตเทว สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมา อาชีวติ เอเตนาติ สมฺมาอาชีโว, สมฺมา วายมติ อุสฺสหตีติ สมฺมาวายาโม, สมฺมา สรติ อนุสฺสรตีติ สมฺมาสติ, สมฺมา สมาธิยติ จิตฺตํ เอเตนาติ สมฺมาสมาธีติ เอวํ นิพฺพจนํ เวทิตพฺพํฯ อิทานิ อยํ โข สา ภิกฺขเวติ ตเมว ปฎิปทํ นิคเมโนฺต อาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยฺวายํ จตฺตาโรปิ โลกุตฺตรมเคฺค เอกโต กตฺวา กถิโต อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, อยํ โข สา ภิกฺขเว…เป.… นิพฺพานาย สํวตฺตตีติฯ
Seyyathidanti nipāto, tassa katamo so iti ceti attho, katamāni vā tāni aṭṭhaṅgānīti. Sabbaliṅgavibhattivacanasādhāraṇo hi ayaṃ nipāto. Ekamekampi aṅgaṃ maggoyeva. Yathāha ‘‘sammādiṭṭhi maggo ceva hetu cā’’ti (dha. sa. 1039). Porāṇāpi bhaṇanti ‘‘dassanamaggo sammādiṭṭhi, abhiniropanamaggo sammāsaṅkappo…pe… avikkhepamaggo sammāsamādhī’’ti. Nanu ca aṅgāni samuditāni maggo antamaso sattaṅgavikalassa ariyamaggassa abhāvatoti? Saccametaṃ saccasampaṭivedhe, maggappaccayatāya pana yathāsakaṃ kiccakaraṇena paccekampi tāni maggoyeva, aññathā samuditānampi tesaṃ maggakiccaṃ na sambhaveyyāti. Sammādiṭṭhiādīsu sammā passatīti sammādiṭṭhi, sammā saṅkappeti sampayuttadhamme nibbānasaṅkhāte ārammaṇe abhiniropetīti sammāsaṅkappo, sammā vadati etāyāti sammāvācā, sammā karoti etenāti sammākammaṃ, tadeva sammākammanto, sammā ājīvati etenāti sammāājīvo, sammā vāyamati ussahatīti sammāvāyāmo, sammā sarati anussaratīti sammāsati, sammā samādhiyati cittaṃ etenāti sammāsamādhīti evaṃ nibbacanaṃ veditabbaṃ. Idāni ayaṃ kho sā bhikkhaveti tameva paṭipadaṃ nigamento āha. Tassattho – yvāyaṃ cattāropi lokuttaramagge ekato katvā kathito aṭṭhaṅgiko maggo, ayaṃ kho sā bhikkhave…pe… nibbānāya saṃvattatīti.
๑๔. เอวํ มชฺฌิมปฎิปทํ สรูปโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ทเสฺสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๐) ทุกฺขนฺติ เอตฺถ ทุ-อิติ อยํ สโทฺท กุจฺฉิเต ทิสฺสติฯ กุจฺฉิตญฺหิ ปุตฺตํ ‘‘ทุปุโตฺต’’ติ วทนฺติ, ขํ-สโทฺท ปน ตุเจฺฉฯ ตุจฺฉญฺหิ อากาสํ ‘‘ข’’นฺติ วุจฺจติฯ อิทญฺจ ปฐมสจฺจํ กุจฺฉิตํ อเนกอุปทฺทวาธิฎฺฐานโต, ตุจฺฉํ พาลชนปริกปฺปิตธุวสุภสุขตฺตภาววิรหิตโต, ตสฺมา กุจฺฉิตตฺตา ตุจฺฉตฺตา จ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ วุจฺจติฯ ยสฺมา ปเนตํ พุทฺธาทโย อริยา ปฎิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมา ‘‘อริยสจฺจ’’นฺติ วุจฺจติฯ อริยปฎิวิชฺฌิตพฺพญฺหิ สจฺจํ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อริยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตํฯ อริยสฺส ตถาคตสฺส สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํฯ ตถาคเตน หิ สยํ อธิคตตฺตา ปเวทิตตฺตา ตโต เอว จ อเญฺญหิ อธิคมนียตฺตา ตํ ตสฺส โหตีติฯ อถ วา เอตสฺส อภิสมฺพุทฺธตฺตา อริยภาวสิทฺธิโต อริยสาธกํ สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํ ปุเพฺพ วิย อุตฺตรปทโลเปน ฯ อวิตถภาเวน วา อรณียตฺตา อธิคนฺตพฺพตฺตา อริยํ สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํฯ สจฺจตฺถํ ปน จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ ปรโต เอกชฺฌํ ทสฺสยิสฺสามฯ
14. Evaṃ majjhimapaṭipadaṃ sarūpato dassetvā idāni cattāri ariyasaccāni dassetuṃ ‘‘idaṃ kho pana, bhikkhave’’tiādimāha. Tattha (visuddhi. 2.530) dukkhanti ettha du-iti ayaṃ saddo kucchite dissati. Kucchitañhi puttaṃ ‘‘duputto’’ti vadanti, khaṃ-saddo pana tucche. Tucchañhi ākāsaṃ ‘‘kha’’nti vuccati. Idañca paṭhamasaccaṃ kucchitaṃ anekaupaddavādhiṭṭhānato, tucchaṃ bālajanaparikappitadhuvasubhasukhattabhāvavirahitato, tasmā kucchitattā tucchattā ca ‘‘dukkha’’nti vuccati. Yasmā panetaṃ buddhādayo ariyā paṭivijjhanti, tasmā ‘‘ariyasacca’’nti vuccati. Ariyapaṭivijjhitabbañhi saccaṃ purimapade uttarapadalopena ‘‘ariyasacca’’nti vuttaṃ. Ariyassa tathāgatassa saccantipi ariyasaccaṃ. Tathāgatena hi sayaṃ adhigatattā paveditattā tato eva ca aññehi adhigamanīyattā taṃ tassa hotīti. Atha vā etassa abhisambuddhattā ariyabhāvasiddhito ariyasādhakaṃ saccantipi ariyasaccaṃ pubbe viya uttarapadalopena . Avitathabhāvena vā araṇīyattā adhigantabbattā ariyaṃ saccantipi ariyasaccaṃ. Saccatthaṃ pana catunnampi saccānaṃ parato ekajjhaṃ dassayissāma.
อิทานิ ตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺรายํ ชาติ-สโทฺท อเนกโตฺถฯ ตถา เหส ‘‘เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑; ม. นิ. ๑.๑๔๘) เอตฺถ ภเว อาคโตฯ ‘‘อตฺถิ, วิสาเข, นิคณฺฐา นาม สมณชาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑) เอตฺถ นิกาเยฯ ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิตา’’ติ (ธาตุ. ๗๑) เอตฺถ สงฺขตลกฺขเณฯ ‘‘ยํ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฐมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ ปฐมํ วิญฺญาณํ ปาตุภูตํ, ตทุปาทาย สาวสฺส ชาตี’’ติ (มหาว. ๑๒๔) เอตฺถ ปฎิสนฺธิยํฯ ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสโตฺต’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) เอตฺถ ปสูติยํฯ ‘‘อกฺขิโตฺต อนุปกุโฎฺฐ ชาติวาเทนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๐๓) เอตฺถ กุเลฯ สฺวายมิธ คพฺภเสยฺยกานํ ปฎิสนฺธิโต ปฎฺฐาย ยาว มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมนํ, ตาว ปวเตฺตสุ ขเนฺธสุ, อิตเรสํ ปฎิสนฺธิกฺขเณเสฺววาติ ทฎฺฐโพฺพฯ อยมฺปิ จ ปริยายกถาว, นิปฺปริยายโต ปน ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตมานานํ สตฺตานํ เย ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, เตสํ ปฐมปาตุภาโว ชาติ นามฯ
Idāni taṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ sarūpato dassetuṃ ‘‘jātipi dukkhā’’tiādimāha. Tatrāyaṃ jāti-saddo anekattho. Tathā hesa ‘‘ekampi jātiṃ dvepi jātiyo’’ti (dī. ni. 1.31; ma. ni. 1.148) ettha bhave āgato. ‘‘Atthi, visākhe, nigaṇṭhā nāma samaṇajātī’’ti (a. ni. 3.71) ettha nikāye. ‘‘Jāti dvīhi khandhehi saṅgahitā’’ti (dhātu. 71) ettha saṅkhatalakkhaṇe. ‘‘Yaṃ mātukucchismiṃ paṭhamaṃ cittaṃ uppannaṃ paṭhamaṃ viññāṇaṃ pātubhūtaṃ, tadupādāya sāvassa jātī’’ti (mahāva. 124) ettha paṭisandhiyaṃ. ‘‘Sampatijāto, ānanda, bodhisatto’’ti (dī. ni. 2.31; ma. ni. 3.207) ettha pasūtiyaṃ. ‘‘Akkhitto anupakuṭṭho jātivādenā’’ti (dī. ni. 1.303) ettha kule. Svāyamidha gabbhaseyyakānaṃ paṭisandhito paṭṭhāya yāva mātukucchimhā nikkhamanaṃ, tāva pavattesu khandhesu, itaresaṃ paṭisandhikkhaṇesvevāti daṭṭhabbo. Ayampi ca pariyāyakathāva, nippariyāyato pana tattha tattha nibbattamānānaṃ sattānaṃ ye khandhā pātubhavanti, tesaṃ paṭhamapātubhāvo jāti nāma.
กสฺมา ปเนสา ทุกฺขาติ เจ? อเนเกสํ ทุกฺขานํ วตฺถุภาวโตฯ อเนกานิ หิ ทุกฺขานิฯ เสยฺยถิทํ – ทุกฺขทุกฺขํ วิปริณามทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขํ ปฎิจฺฉนฺนทุกฺขํ อปฺปฎิจฺฉนฺนทุกฺขํ ปริยายทุกฺขํ นิปฺปริยายทุกฺขนฺติฯ ตตฺถ กายิกเจตสิกา ทุกฺขา เวทนา สภาวโต จ นามโต จ ทุกฺขตฺตา ทุกฺขทุกฺขนฺติ วุจฺจติฯ สุขา เวทนา วิปริณามทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต วิปริณามทุกฺขํฯ อุเปกฺขา เวทนา เจว เสสา จ เตภูมกา สงฺขารา อุทยพฺพยปีฬิตตฺตา สงฺขารทุกฺขํฯ กณฺณสูลทนฺตสูลราคชปริฬาหโทสชปริฬาหาทิกายิกเจตสิกา อาพาธา ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ อปากฎภาวโต ปฎิจฺฉนฺนทุกฺขํฯ ทฺวตฺติํสกมฺมการณาทิสมุฎฺฐาโน อาพาโธ อปุจฺฉิตฺวาว ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ ปากฎภาวโต อปฺปฎิจฺฉนฺนทุกฺขํฯ ฐเปตฺวา ทุกฺขทุกฺขํ เสสทุกฺขํ สจฺจวิภเงฺค อาคตํ ชาติอาทิ สพฺพมฺปิ ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ปริยายทุกฺขํฯ ทุกฺขทุกฺขํ ปน นิปฺปริยายทุกฺขนฺติ วุจฺจติฯ ตตฺรายํ ชาติ ยํ ตํ พาลปณฺฑิตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๔๖ อาทโย) ภควตาปิ อุปมาวเสน ปกาสิตํ อาปายิกํ ทุกฺขํ, ยญฺจ สุคติยมฺปิ มนุสฺสโลเก คโพฺภกฺกนฺติมูลกาทิเภทํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขาฯ เตนาหุ โปราณา –
Kasmā panesā dukkhāti ce? Anekesaṃ dukkhānaṃ vatthubhāvato. Anekāni hi dukkhāni. Seyyathidaṃ – dukkhadukkhaṃ vipariṇāmadukkhaṃ saṅkhāradukkhaṃ paṭicchannadukkhaṃ appaṭicchannadukkhaṃ pariyāyadukkhaṃ nippariyāyadukkhanti. Tattha kāyikacetasikā dukkhā vedanā sabhāvato ca nāmato ca dukkhattā dukkhadukkhanti vuccati. Sukhā vedanā vipariṇāmadukkhuppattihetuto vipariṇāmadukkhaṃ. Upekkhā vedanā ceva sesā ca tebhūmakā saṅkhārā udayabbayapīḷitattā saṅkhāradukkhaṃ. Kaṇṇasūladantasūlarāgajapariḷāhadosajapariḷāhādikāyikacetasikā ābādhā pucchitvā jānitabbato upakkamassa ca apākaṭabhāvato paṭicchannadukkhaṃ. Dvattiṃsakammakāraṇādisamuṭṭhāno ābādho apucchitvāva jānitabbato upakkamassa ca pākaṭabhāvato appaṭicchannadukkhaṃ. Ṭhapetvā dukkhadukkhaṃ sesadukkhaṃ saccavibhaṅge āgataṃ jātiādi sabbampi tassa tassa dukkhassa vatthubhāvato pariyāyadukkhaṃ. Dukkhadukkhaṃ pana nippariyāyadukkhanti vuccati. Tatrāyaṃ jāti yaṃ taṃ bālapaṇḍitasuttādīsu (ma. ni. 3.246 ādayo) bhagavatāpi upamāvasena pakāsitaṃ āpāyikaṃ dukkhaṃ, yañca sugatiyampi manussaloke gabbhokkantimūlakādibhedaṃ dukkhaṃ uppajjati, tassa vatthubhāvato dukkhā. Tenāhu porāṇā –
‘‘ชาเยถ โน เจ นรเกสุ สโตฺต;
‘‘Jāyetha no ce narakesu satto;
ตตฺถคฺคิทาหาทิกมปฺปสยฺหํ;
Tatthaggidāhādikamappasayhaṃ;
ลเภถ ทุกฺขํ น กุหิํ ปติฎฺฐํ;
Labhetha dukkhaṃ na kuhiṃ patiṭṭhaṃ;
อิจฺจาห ทุกฺขาติ มุนีธ ชาติํฯ
Iccāha dukkhāti munīdha jātiṃ.
‘‘ทุกฺขํ ติรเจฺฉสุ กสาปโตท-
‘‘Dukkhaṃ tiracchesu kasāpatoda-
ทณฺฑาภิฆาตาทิภวํ อเนกํ;
Daṇḍābhighātādibhavaṃ anekaṃ;
ยํ ตํ กถํ ตตฺถ ภเวยฺย ชาติํ;
Yaṃ taṃ kathaṃ tattha bhaveyya jātiṃ;
วินา ตหิํ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขาฯ
Vinā tahiṃ jāti tatopi dukkhā.
‘‘เปเตสุ ทุกฺขํ ปน ขุปฺปิปาสา-
‘‘Petesu dukkhaṃ pana khuppipāsā-
วาตาตปาทิปฺปภวํ วิจิตฺตํ;
Vātātapādippabhavaṃ vicittaṃ;
ยสฺมา อชาตสฺส น ตตฺถ อตฺถิ;
Yasmā ajātassa na tattha atthi;
ตสฺมาปิ ทุกฺขํ มุนิ ชาติมาหฯ
Tasmāpi dukkhaṃ muni jātimāha.
‘‘ติพฺพนฺธกาเร จ อสยฺห สีเต;
‘‘Tibbandhakāre ca asayha sīte;
โลกนฺตเร ยํ อสุเรสุ ทุกฺขํ;
Lokantare yaṃ asuresu dukkhaṃ;
น ตํ ภเว ตตฺถ น จสฺส ชาติ;
Na taṃ bhave tattha na cassa jāti;
ยโต อยํ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขาฯ
Yato ayaṃ jāti tatopi dukkhā.
‘‘ยญฺจาปิ คูถนรเก วิย มาตุ คเพฺภ;
‘‘Yañcāpi gūthanarake viya mātu gabbhe;
สโตฺต วสํ จิรมโต พหิ นิกฺขมญฺจ;
Satto vasaṃ ciramato bahi nikkhamañca;
ปโปฺปติ ทุกฺขมติโฆรมิทมฺปิ นตฺถิ;
Pappoti dukkhamatighoramidampi natthi;
ชาติํ วินา อิติปิ ชาติ อยญฺหิ ทุกฺขาฯ
Jātiṃ vinā itipi jāti ayañhi dukkhā.
‘‘กิํ ภาสิเตน พหุนา นนุ ยํ กุหิญฺจิ;
‘‘Kiṃ bhāsitena bahunā nanu yaṃ kuhiñci;
อตฺถีธ กิญฺจิทปิ ทุกฺขมิทํ กทาจิ;
Atthīdha kiñcidapi dukkhamidaṃ kadāci;
เนวตฺถิ ชาติวิรเหน ยโต มเหสิ;
Nevatthi jātivirahena yato mahesi;
ทุกฺขาติ สพฺพปฐมํ อิมมาห ชาติ’’นฺติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๑; วิภ. อฎฺฐ. ๑๙๑; มหานิ. อฎฺฐ. ๕; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
Dukkhāti sabbapaṭhamaṃ imamāha jāti’’nti. (visuddhi. 2.541; vibha. aṭṭha. 191; mahāni. aṭṭha. 5; paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.32-33);
ชราปิ ทุกฺขาติ เอตฺถ ปน ทุวิธา ชรา สงฺขตลกฺขณญฺจ ขณฺฑิจฺจาทิสมฺมโต สนฺตติยํ เอกภวปริยาปนฺนกฺขนฺธปุราณภาโว จ, สา อิธ อธิเปฺปตาฯ สา ปเนสา ชรา สงฺขารทุกฺขภาวโต เจว ทุกฺขวตฺถุโต จ ทุกฺขาฯ ยญฺหิ องฺคปจฺจงฺคสิถิลภาวอินฺทฺริยวิการวิรูปตาโยพฺพนวินาสวีริยาวิสาทสติมติวิปฺปวาสปรปริภวาทิอเนกปจฺจยํ กายิกเจตสิกํ ทุกฺขมุปฺปชฺชติ, ชรา ตสฺส วตฺถุฯ เตนาหุ โปราณา –
Jarāpidukkhāti ettha pana duvidhā jarā saṅkhatalakkhaṇañca khaṇḍiccādisammato santatiyaṃ ekabhavapariyāpannakkhandhapurāṇabhāvo ca, sā idha adhippetā. Sā panesā jarā saṅkhāradukkhabhāvato ceva dukkhavatthuto ca dukkhā. Yañhi aṅgapaccaṅgasithilabhāvaindriyavikāravirūpatāyobbanavināsavīriyāvisādasatimativippavāsaparaparibhavādianekapaccayaṃ kāyikacetasikaṃ dukkhamuppajjati, jarā tassa vatthu. Tenāhu porāṇā –
‘‘องฺคานํ สิถิลีภาวา, อินฺทฺริยานํ วิการโต;
‘‘Aṅgānaṃ sithilībhāvā, indriyānaṃ vikārato;
โยพฺพนสฺส วินาเสน, พลสฺส อุปฆาตโตฯ
Yobbanassa vināsena, balassa upaghātato.
‘‘วิปฺปวาสา สตาทีนํ, ปุตฺตทาเรหิ อตฺตโน;
‘‘Vippavāsā satādīnaṃ, puttadārehi attano;
อปฺปสาทนียโต เจว, ภิโยฺย พาลตฺตปตฺติยาฯ
Appasādanīyato ceva, bhiyyo bālattapattiyā.
‘‘ปโปฺปติ ทุกฺขํ ยํ มโจฺจ, กายิกํ มานสํ ตถา;
‘‘Pappoti dukkhaṃ yaṃ macco, kāyikaṃ mānasaṃ tathā;
สพฺพเมตํ ชราเหตุ, ยสฺมา ตสฺมา ชรา ทุขา’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๒; วิภ. อฎฺฐ. ๑๙๒; มหานิ. อฎฺฐ. ๕; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
Sabbametaṃ jarāhetu, yasmā tasmā jarā dukhā’’ti. (visuddhi. 2.542; vibha. aṭṭha. 192; mahāni. aṭṭha. 5; paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.32-33);
พฺยาธิปิ ทุโกฺขติ อิทํ ปทํ วิภเงฺค ทุกฺขสจฺจนิเทฺทสปาฬิยํ น อาคตํ, เตเนว วิสุทฺธิมเคฺคปิ ทุกฺขสจฺจนิเทฺทเส ตํ น อุทฺธฎํ, ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตปาฬิยํเยว ปน อุปลพฺภติ, ตสฺมา ตเตฺถวิมสฺส วจเน อญฺญตฺถ จ อวจเน การณํ วีมํสิตพฺพํฯ
Byādhipi dukkhoti idaṃ padaṃ vibhaṅge dukkhasaccaniddesapāḷiyaṃ na āgataṃ, teneva visuddhimaggepi dukkhasaccaniddese taṃ na uddhaṭaṃ, dhammacakkapavattanasuttantapāḷiyaṃyeva pana upalabbhati, tasmā tatthevimassa vacane aññattha ca avacane kāraṇaṃ vīmaṃsitabbaṃ.
มรณมฺปิ ทุกฺขนฺติ เอตฺถาปิ ทุวิธํ มรณํ สงฺขตลกฺขณญฺจฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑)ฯ เอกภวปริยาปนฺนชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธวิเจฺฉโท จฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิจฺจํ มรณโต ภย’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๘๑; ชา. ๑.๑๑.๘๘), ตํ อิธ อธิเปฺปตํฯ ชาติปจฺจยมรณํ อุปกฺกมมรณํ สรสมรณํ อายุกฺขยมรณํ ปุญฺญกฺขยมรณนฺติปิ ตเสฺสว นามํฯ ตยิทํ ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตนาหุ โปราณา –
Maraṇampi dukkhanti etthāpi duvidhaṃ maraṇaṃ saṅkhatalakkhaṇañca. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘jarāmaraṇaṃ dvīhi khandhehi saṅgahita’’nti (dhātu. 71). Ekabhavapariyāpannajīvitindriyappabandhavicchedo ca. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘niccaṃ maraṇato bhaya’’nti (su. ni. 581; jā. 1.11.88), taṃ idha adhippetaṃ. Jātipaccayamaraṇaṃ upakkamamaraṇaṃ sarasamaraṇaṃ āyukkhayamaraṇaṃ puññakkhayamaraṇantipi tasseva nāmaṃ. Tayidaṃ dukkhassa vatthubhāvato dukkhanti veditabbaṃ. Tenāhu porāṇā –
‘‘ปาปสฺส ปาปกมฺมาทิ-นิมิตฺตมนุปสฺสโต;
‘‘Pāpassa pāpakammādi-nimittamanupassato;
ภทฺทสฺสาปสหนฺตสฺส, วิโยคํ ปิยวตฺถุกํ;
Bhaddassāpasahantassa, viyogaṃ piyavatthukaṃ;
มียมานสฺส ยํ ทุกฺขํ, มานสํ อวิเสสโตฯ
Mīyamānassa yaṃ dukkhaṃ, mānasaṃ avisesato.
‘‘สเพฺพสญฺจาปิ ยํ สนฺธิ-พนฺธนเจฺฉทนาทิกํ;
‘‘Sabbesañcāpi yaṃ sandhi-bandhanacchedanādikaṃ;
วิตุชฺชมานมมฺมานํ, โหติ ทุกฺขํ สรีรชํฯ
Vitujjamānamammānaṃ, hoti dukkhaṃ sarīrajaṃ.
‘‘อสยฺหมปฺปฎิการํ, ทุกฺขเสฺสตสฺสิทํ ยโต;
‘‘Asayhamappaṭikāraṃ, dukkhassetassidaṃ yato;
มรณํ วตฺถุ เตเนตํ, ทุกฺขมิเจฺจว ภาสิต’’นฺติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๓; วิภ. อฎฺฐ. ๑๙๓; มหานิ. อฎฺฐ. ๕; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
Maraṇaṃ vatthu tenetaṃ, dukkhamicceva bhāsita’’nti. (visuddhi. 2.543; vibha. aṭṭha. 193; mahāni. aṭṭha. 5; paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.32-33);
อิมสฺมิญฺจ ฐาเน ‘‘โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา’’ติ วิภเงฺค ทุกฺขสจฺจนิเทฺทเส อาคตํ, อิธ ปน ตํ นตฺถิ, ตตฺถาปิ การณํ ปริเยสิตพฺพํฯ
Imasmiñca ṭhāne ‘‘sokaparidevadukkhadomanassupāyāsāpi dukkhā’’ti vibhaṅge dukkhasaccaniddese āgataṃ, idha pana taṃ natthi, tatthāpi kāraṇaṃ pariyesitabbaṃ.
อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุโกฺขติ เอตฺถ อปฺปิยสมฺปโยโค นาม อมนาเปหิ สตฺตสงฺขาเรหิ สโมธานํฯ โสปิ ทุกฺขวตฺถุโต ทุโกฺขฯ เตนาหุ โปราณา –
Appiyehi sampayogo dukkhoti ettha appiyasampayogo nāma amanāpehi sattasaṅkhārehi samodhānaṃ. Sopi dukkhavatthuto dukkho. Tenāhu porāṇā –
‘‘ทิสฺวาว อปฺปิเย ทุกฺขํ, ปฐมํ โหติ เจตสิ;
‘‘Disvāva appiye dukkhaṃ, paṭhamaṃ hoti cetasi;
ตทุปกฺกมสมฺภูต-มถ กาเย ยโต อิธฯ
Tadupakkamasambhūta-matha kāye yato idha.
‘‘ตโต ทุกฺขทฺวยสฺสาปิ, วตฺถุโต โส มเหสินา;
‘‘Tato dukkhadvayassāpi, vatthuto so mahesinā;
ทุโกฺข วุโตฺตติ วิเญฺญโยฺย, อปฺปิเยหิ สมาคโม’’ติฯ
Dukkho vuttoti viññeyyo, appiyehi samāgamo’’ti.
ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุโกฺขติ เอตฺถ ปน ปิยวิปฺปโยโค นาม มนาเปหิ สตฺตสงฺขาเรหิ วินาภาโวฯ โสปิ โสกทุกฺขสฺส วตฺถุโต ทุโกฺขฯ เตนาหุ โปราณา –
Piyehi vippayogo dukkhoti ettha pana piyavippayogo nāma manāpehi sattasaṅkhārehi vinābhāvo. Sopi sokadukkhassa vatthuto dukkho. Tenāhu porāṇā –
‘‘ญาติธนาทิวิโยคา;
‘‘Ñātidhanādiviyogā;
โสกสรสมปฺปิตา วิตุชฺชนฺติ;
Sokasarasamappitā vitujjanti;
พาลา ยโต ตโตยํ;
Bālā yato tatoyaṃ;
ทุโกฺขติ มโต ปิยวิปฺปโยโค’’ติฯ
Dukkhoti mato piyavippayogo’’ti.
ยมฺปิจฺฉํ น ลภตีติ เอตฺถ ‘‘อโห วต มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสามา’’ติอาทีสุ อลพฺภเนยฺยวตฺถูสุ อิจฺฉาว ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺข’’นฺติ วุตฺตา, สาปิ ทุกฺขวตฺถุโต ทุกฺขาฯ เตนาหุ โปราณา –
Yampicchaṃ na labhatīti ettha ‘‘aho vata mayaṃ na jātidhammā assāmā’’tiādīsu alabbhaneyyavatthūsu icchāva ‘‘yampicchaṃ na labhati, tampi dukkha’’nti vuttā, sāpi dukkhavatthuto dukkhā. Tenāhu porāṇā –
‘‘ตํ ตํ ปตฺถยมานานํ, ตสฺส ตสฺส อลาภโต;
‘‘Taṃ taṃ patthayamānānaṃ, tassa tassa alābhato;
ยํ วิฆาตมยํ ทุกฺขํ, สตฺตานํ อิธ ชายติฯ
Yaṃ vighātamayaṃ dukkhaṃ, sattānaṃ idha jāyati.
‘‘อลพฺภเนยฺยวตฺถูนํ, ปตฺถนา ตสฺส การณํ;
‘‘Alabbhaneyyavatthūnaṃ, patthanā tassa kāraṇaṃ;
ยสฺมา ตสฺมา ชิโน ทุกฺขํ, อิจฺฉิตาลาภมพฺรวี’’ติฯ
Yasmā tasmā jino dukkhaṃ, icchitālābhamabravī’’ti.
สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขาติ เอตฺถ ปน ยสฺมา อินฺธนมิว ปาวโก, ลกฺขมิว ปหรณานิ, โครูปํ วิย ฑํสมกสาทโย, เขตฺตมิว ลายกา, คามํ วิย คามฆาตกา, อุปาทานกฺขนฺธปญฺจกเมว ชาติอาทโย นานปฺปกาเรหิ วิพาเธนฺตา ติณลตาทีนิ วิย ภูมิยํ, ปุปฺผผลปลฺลวานิ วิย รุเกฺขสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุเยว นิพฺพตฺตนฺติ, อุปาทานกฺขนฺธานญฺจ อาทิทุกฺขํ ชาติ, มเชฺฌทุกฺขํ ชรา, ปริโยสานทุกฺขํ มรณํ, มโนรถวิฆาตปฺปตฺตานญฺจ อิจฺฉาวิฆาตทุกฺขํ อิจฺฉิตาลาโภติ เอวํ นานปฺปการโต อุปปริกฺขิยมานา อุปาทานกฺขนฺธาว ทุกฺขาติ ยเทตํ เอกเมกํ ทเสฺสตฺวา วุจฺจมานํ อเนเกหิปิ กเปฺปหิ น สกฺกา อนวเสสโต วตฺตุํ, ตสฺมา ตํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ เอกชลพินฺทุมฺหิ สกลสมุทฺทชลรสํ วิย เยสุ เกสุจิ ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธสุ สงฺขิปิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ ภควา อโวจฯ เตนาหุ โปราณา –
Saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhāti ettha pana yasmā indhanamiva pāvako, lakkhamiva paharaṇāni, gorūpaṃ viya ḍaṃsamakasādayo, khettamiva lāyakā, gāmaṃ viya gāmaghātakā, upādānakkhandhapañcakameva jātiādayo nānappakārehi vibādhentā tiṇalatādīni viya bhūmiyaṃ, pupphaphalapallavāni viya rukkhesu upādānakkhandhesuyeva nibbattanti, upādānakkhandhānañca ādidukkhaṃ jāti, majjhedukkhaṃ jarā, pariyosānadukkhaṃ maraṇaṃ, manorathavighātappattānañca icchāvighātadukkhaṃ icchitālābhoti evaṃ nānappakārato upaparikkhiyamānā upādānakkhandhāva dukkhāti yadetaṃ ekamekaṃ dassetvā vuccamānaṃ anekehipi kappehi na sakkā anavasesato vattuṃ, tasmā taṃ sabbampi dukkhaṃ ekajalabindumhi sakalasamuddajalarasaṃ viya yesu kesuci pañcupādānakkhandhesu saṅkhipitvā dassetuṃ ‘‘saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā’’ti bhagavā avoca. Tenāhu porāṇā –
‘‘ชาติปฺปภุติกํ ทุกฺขํ, ยํ วุตฺตมิธ ตาทินา;
‘‘Jātippabhutikaṃ dukkhaṃ, yaṃ vuttamidha tādinā;
อวุตฺตํ ยญฺจ ตํ สพฺพํ, วินา เอเต น วิชฺชติฯ
Avuttaṃ yañca taṃ sabbaṃ, vinā ete na vijjati.
‘‘ยสฺมา ตสฺมา อุปาทาน-กฺขนฺธา สเงฺขปโต อิเม;
‘‘Yasmā tasmā upādāna-kkhandhā saṅkhepato ime;
ทุกฺขาติ วุตฺตา ทุกฺขนฺต-เทสเกน มเหสินา’’ติฯ
Dukkhāti vuttā dukkhanta-desakena mahesinā’’ti.
เอวํ สรูปโต ทุกฺขสจฺจํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สมุทยสจฺจํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทย’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สํ-อิติ อยํ สโทฺท ‘‘สมาคโม สเมต’’นฺติอาทีสุ สํโยคํ ทีเปติ, อุ-อิติ อยํ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุทิต’’นฺติอาทีสุ อุปฺปตฺติํฯ อย-สโทฺท ปน การณํ ทีเปติฯ อิทญฺจาปิ ทุติยสจฺจํ อวเสสปจฺจยสมาโยเค สติ ทุกฺขสฺสุปฺปตฺติการณนฺติ ทุกฺขสฺส สํโยเค อุปฺปตฺติการณตฺตา ‘‘ทุกฺขสมุทย’’นฺติ วุจฺจติฯ ยายํ ตณฺหาติ ยา อยํ ตณฺหาฯ โปโนพฺภวิกาติ ปุนพฺภวกรณํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปน, ปุนพฺภโว สีลเมติสฺสาติ โปโนพฺภวิกาฯ นนฺทีราเคน สหคตาติ นนฺทีราคสหคตาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘นนฺทนโต รชฺชนโต จ นนฺทีราคภาวํ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ อปฺปจฺจกฺขาย วุตฺติยา นนฺทีราคสหคตา’’ติฯ ตตฺรตตฺราภินนฺทินีติ ยตฺร ยตฺร อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ, ตตฺรตตฺราภินนฺทินีฯ
Evaṃ sarūpato dukkhasaccaṃ dassetvā idāni samudayasaccaṃ dassetuṃ ‘‘idaṃ kho pana, bhikkhave, dukkhasamudaya’’ntiādimāha. Tattha saṃ-iti ayaṃ saddo ‘‘samāgamo sameta’’ntiādīsu saṃyogaṃ dīpeti, u-iti ayaṃ ‘‘uppannaṃ udita’’ntiādīsu uppattiṃ. Aya-saddo pana kāraṇaṃ dīpeti. Idañcāpi dutiyasaccaṃ avasesapaccayasamāyoge sati dukkhassuppattikāraṇanti dukkhassa saṃyoge uppattikāraṇattā ‘‘dukkhasamudaya’’nti vuccati. Yāyaṃ taṇhāti yā ayaṃ taṇhā. Ponobbhavikāti punabbhavakaraṇaṃ punabbhavo uttarapadalopena, punabbhavo sīlametissāti ponobbhavikā. Nandīrāgena sahagatāti nandīrāgasahagatā. Idaṃ vuttaṃ hoti ‘‘nandanato rajjanato ca nandīrāgabhāvaṃ sabbāsu avatthāsu appaccakkhāya vuttiyā nandīrāgasahagatā’’ti. Tatratatrābhinandinīti yatra yatra attabhāvo nibbattati, tatratatrābhinandinī.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส สา กตมาติ เจติ อยมโตฺถฯ รูปตณฺหาทิเภเทน ฉพฺพิธาเยว ตณฺหา ปวตฺติอาการเภทโต กามตณฺหาทิวเสน ติวิธา วุตฺตาฯ รูปตณฺหาเยว หิ ยทา จกฺขุสฺส อาปาถมาคตํ รูปารมฺมณํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยมานา ปวตฺตติ, ตทา กามตณฺหา นาม โหติฯ ยทา ตเทวารมฺมณํ ธุวํ สสฺสตนฺติ ปวตฺตาย สสฺสตทิฎฺฐิยา สทฺธิํ ปวตฺตติ, ตทา ภวตณฺหา นาม โหติฯ สสฺสตทิฎฺฐิสหคโต หิ ราโค ‘‘ภวตณฺหา’’ติ วุจฺจติฯ ยทา ปน ตเทวารมฺมณํ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตีติ ปวตฺตาย อุเจฺฉททิฎฺฐิยา สทฺธิํ ปวตฺตติ, ตทา วิภวตณฺหา นาม โหติฯ อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต หิ ราโค ‘‘วิภวตณฺหา’’ติ วุจฺจติฯ เอส นโย สทฺทตณฺหาทีสุปิฯ
Seyyathidanti nipāto, tassa sā katamāti ceti ayamattho. Rūpataṇhādibhedena chabbidhāyeva taṇhā pavattiākārabhedato kāmataṇhādivasena tividhā vuttā. Rūpataṇhāyeva hi yadā cakkhussa āpāthamāgataṃ rūpārammaṇaṃ kāmassādavasena assādayamānā pavattati, tadā kāmataṇhā nāma hoti. Yadā tadevārammaṇaṃ dhuvaṃ sassatanti pavattāya sassatadiṭṭhiyā saddhiṃ pavattati, tadā bhavataṇhā nāma hoti. Sassatadiṭṭhisahagato hi rāgo ‘‘bhavataṇhā’’ti vuccati. Yadā pana tadevārammaṇaṃ ucchijjati vinassatīti pavattāya ucchedadiṭṭhiyā saddhiṃ pavattati, tadā vibhavataṇhā nāma hoti. Ucchedadiṭṭhisahagato hi rāgo ‘‘vibhavataṇhā’’ti vuccati. Esa nayo saddataṇhādīsupi.
กสฺมา ปเนตฺถ ตณฺหาว สมุทยสจฺจํ วุตฺตาติ? วิเสสเหตุภาวโตฯ อวิชฺชา หิ ภเวสุ อาทีนวํ ปฎิจฺฉาเทนฺตี ทิฎฺฐิอาทิอุปาทานญฺจ ตตฺถ ตตฺถ อภินิวิสมานํ ตณฺหํ อภิวเฑฺฒติ, โทสาทโยปิ กมฺมสฺส การณํ โหนฺติ, ตณฺหา ปน ตํตํภวโยนิคติวิญฺญาณฎฺฐิติสตฺตาอาวาสสตฺตนิกายกุลโภคิสฺสริยาทิวิจิตฺตตํ อภิปเตฺถนฺตี กมฺมวิจิตฺตตาย อุปนิสฺสยตํ กมฺมสฺส จ สหายภาวํ อุปคจฺฉนฺตี ภวาทิวิจิตฺตตํ นิยเมติ, ตสฺมา ทุกฺขสฺส วิเสสเหตุภาวโต อเญฺญสุปิ อวิชฺชาอุปาทานกมฺมาทีสุ สุเตฺต อภิธเมฺม จ อวเสสกิเลสากุสลมูลาทีสุ วุเตฺตสุ ทุกฺขเหตูสุ วิชฺชมาเนสุ ตณฺหาว ‘‘สมุทยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ
Kasmā panettha taṇhāva samudayasaccaṃ vuttāti? Visesahetubhāvato. Avijjā hi bhavesu ādīnavaṃ paṭicchādentī diṭṭhiādiupādānañca tattha tattha abhinivisamānaṃ taṇhaṃ abhivaḍḍheti, dosādayopi kammassa kāraṇaṃ honti, taṇhā pana taṃtaṃbhavayonigativiññāṇaṭṭhitisattāāvāsasattanikāyakulabhogissariyādivicittataṃ abhipatthentī kammavicittatāya upanissayataṃ kammassa ca sahāyabhāvaṃ upagacchantī bhavādivicittataṃ niyameti, tasmā dukkhassa visesahetubhāvato aññesupi avijjāupādānakammādīsu sutte abhidhamme ca avasesakilesākusalamūlādīsu vuttesu dukkhahetūsu vijjamānesu taṇhāva ‘‘samudayasacca’’nti vuttāti veditabbaṃ.
อิทานิ ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธ’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา นิ-สโทฺท อภาวํ, โรธ-สโทฺท จ จารกํ ทีเปติ, ตสฺมา อภาโว เอตฺถ สํสารจารกสงฺขาตสฺส ทุกฺขโรธสฺส สพฺพคติสุญฺญตฺตา, สมธิคเต วา ตสฺมิํ สํสารจารกสงฺขาตสฺส ทุกฺขโรธสฺส อภาโว โหติ ตปฺปฎิปกฺขตฺตาติปิ ‘‘ทุกฺขนิโรธ’’นฺติ วุจฺจติฯ ทุกฺขสฺส วา อนุปฺปาทนิโรธปจฺจยตฺตา ทุกฺขนิโรธํฯ ทุกฺขนิโรธํ ทเสฺสเนฺตน เจตฺถ ‘‘โย ตสฺสาเยว ตณฺหายา’’ติอาทินา นเยน สมุทยนิโรโธ วุโตฺต, โส กสฺมา วุโตฺตติ เจ? สมุทยนิโรเธน ทุกฺขนิโรโธฯ พฺยาธินิมิตฺตวูปสเมน พฺยาธิวูปสโม วิย หิ เหตุนิโรเธน ผลนิโรโธ, ตสฺมา สมุทยนิโรเธเนว ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, น อญฺญถาฯ เตนาห –
Idāni dukkhanirodhaṃ ariyasaccaṃ dassetuṃ ‘‘idaṃ kho pana, bhikkhave, dukkhanirodha’’ntiādimāha. Tattha yasmā ni-saddo abhāvaṃ, rodha-saddo ca cārakaṃ dīpeti, tasmā abhāvo ettha saṃsāracārakasaṅkhātassa dukkharodhassa sabbagatisuññattā, samadhigate vā tasmiṃ saṃsāracārakasaṅkhātassa dukkharodhassa abhāvo hoti tappaṭipakkhattātipi ‘‘dukkhanirodha’’nti vuccati. Dukkhassa vā anuppādanirodhapaccayattā dukkhanirodhaṃ. Dukkhanirodhaṃ dassentena cettha ‘‘yo tassāyeva taṇhāyā’’tiādinā nayena samudayanirodho vutto, so kasmā vuttoti ce? Samudayanirodhena dukkhanirodho. Byādhinimittavūpasamena byādhivūpasamo viya hi hetunirodhena phalanirodho, tasmā samudayanirodheneva dukkhaṃ nirujjhati, na aññathā. Tenāha –
‘‘ยถาปิ มูเล อนุปทฺทเว ทเฬฺห;
‘‘Yathāpi mūle anupaddave daḷhe;
ฉิโนฺนปิ รุโกฺข ปุนเรว รูหติ;
Chinnopi rukkho punareva rūhati;
เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต;
Evampi taṇhānusaye anūhate;
นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุน’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๓๘);
Nibbattatī dukkhamidaṃ punappuna’’nti. (dha. pa. 338);
อิติ ยสฺมา สมุทยนิโรเธเนว ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ภควา ทุกฺขนิโรธํ ทเสฺสโนฺต สมุทยนิโรเธน เทเสสิฯ สีหสมานวุตฺติโน หิ ตถาคตาฯ เต ทุกฺขํ นิโรเธนฺตา ทุกฺขนิโรธญฺจ เทเสนฺตา เหตุมฺหิ ปฎิปชฺชนฺติ, น ผเลฯ ยถา หิ สีโห เยนตฺตนิ สโร ขิโตฺต, ตเตฺถว อตฺตโน พลํ ทเสฺสติ, น สเร, ตถา พุทฺธานํ การเณ ปฎิปตฺติ, น ผเลฯ ติตฺถิยา ปน สุวานวุตฺติโนฯ เต ทุกฺขํ นิโรเธนฺตา ทุกฺขนิโรธญฺจ เทเสนฺตา อตฺตกิลมถานุโยคเทสนาทีหิ ผเล ปฎิปชฺชนฺติ, น เหตุมฺหิฯ ยถา หิ สุนขา เกนจิ เลฑฺฑุปฺปหาเร ทิเนฺน ภุสฺสนฺตา เลฑฺฑุํ ขาทนฺติ, น ปหารทายเก อุฎฺฐหนฺติ, เอวํ อญฺญติตฺถิยา ทุกฺขํ นิโรเธตุกามา กายเขทมนุยุชฺชนฺติ, น กิเลสนิโรธนํ, เอวํ ตาว ทุกฺขนิโรธสฺส สมุทยนิโรธวเสน เทสนาย ปโยชนํ เวทิตพฺพํฯ
Iti yasmā samudayanirodheneva dukkhaṃ nirujjhati, tasmā bhagavā dukkhanirodhaṃ dassento samudayanirodhena desesi. Sīhasamānavuttino hi tathāgatā. Te dukkhaṃ nirodhentā dukkhanirodhañca desentā hetumhi paṭipajjanti, na phale. Yathā hi sīho yenattani saro khitto, tattheva attano balaṃ dasseti, na sare, tathā buddhānaṃ kāraṇe paṭipatti, na phale. Titthiyā pana suvānavuttino. Te dukkhaṃ nirodhentā dukkhanirodhañca desentā attakilamathānuyogadesanādīhi phale paṭipajjanti, na hetumhi. Yathā hi sunakhā kenaci leḍḍuppahāre dinne bhussantā leḍḍuṃ khādanti, na pahāradāyake uṭṭhahanti, evaṃ aññatitthiyā dukkhaṃ nirodhetukāmā kāyakhedamanuyujjanti, na kilesanirodhanaṃ, evaṃ tāva dukkhanirodhassa samudayanirodhavasena desanāya payojanaṃ veditabbaṃ.
อยํ ปเนตฺถ อโตฺถฯ ตสฺสาเยว ตณฺหายาติ ตสฺสา ‘‘โปโนพฺภวิกา’’ติ วตฺวา กามตณฺหาทิวเสน วิภตฺตตณฺหายฯ วิราโค วุจฺจติ มโคฺคฯ ‘‘วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๕; สํ. นิ. ๓.๑๒, ๕๙) หิ วุตฺตํฯ วิราเคน นิโรโธ วิราคนิโรโธ, อนุสยสมุคฺฆาตโต อเสโส วิราคนิโรโธ อเสสวิราคนิโรโธฯ อถ วา วิราโคติ ปหานํ วุจฺจติ, ตสฺมา อนุสยสมุคฺฆาตโต อเสโส วิราโค อเสโส นิโรโธติ เอวเมฺปตฺถ โยชนา ทฎฺฐพฺพา, อตฺถโต ปน สพฺพาเนว เอตานิ นิพฺพานสฺส เววจนานิฯ ปรมตฺถโต หิ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจนฺติ นิพฺพานํ วุจฺจติฯ ยสฺมา ปน ตํ อาคมฺม ตณฺหา วิรชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, ตสฺมา ‘‘วิราโค’’ติ จ ‘‘นิโรโธ’’ติ จ วุจฺจติฯ ยสฺมา จ ตเทว อาคมฺม ตสฺสา จาคาทโย โหนฺติ, กามคุณาลยาทีสุ เจตฺถ เอโกปิ อาลโย นตฺถิ, ตสฺมา จาโค ปฎินิสฺสโคฺค มุตฺติ อนาลโยติ วุจฺจติฯ
Ayaṃ panettha attho. Tassāyeva taṇhāyāti tassā ‘‘ponobbhavikā’’ti vatvā kāmataṇhādivasena vibhattataṇhāya. Virāgo vuccati maggo. ‘‘Virāgā vimuccatī’’ti (ma. ni. 1.245; saṃ. ni. 3.12, 59) hi vuttaṃ. Virāgena nirodho virāganirodho, anusayasamugghātato aseso virāganirodho asesavirāganirodho. Atha vā virāgoti pahānaṃ vuccati, tasmā anusayasamugghātato aseso virāgo aseso nirodhoti evampettha yojanā daṭṭhabbā, atthato pana sabbāneva etāni nibbānassa vevacanāni. Paramatthato hi dukkhanirodho ariyasaccanti nibbānaṃ vuccati. Yasmā pana taṃ āgamma taṇhā virajjati ceva nirujjhati ca, tasmā ‘‘virāgo’’ti ca ‘‘nirodho’’ti ca vuccati. Yasmā ca tadeva āgamma tassā cāgādayo honti, kāmaguṇālayādīsu cettha ekopi ālayo natthi, tasmā cāgo paṭinissaggo mutti anālayoti vuccati.
อิทานิ ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทาอริยสจฺจํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี’’ติอาทิมาหฯ ยสฺมา ปเนตํ อริยสจฺจํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ อารมฺมณวสเอน ตทภิมุขภูตตฺตา, ปฎิปทา จ โหติ ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา, ตสฺมา ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ติ วุจฺจติฯ เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมวฯ โก ปน เนสํ ทุกฺขาทีนํ สจฺจโฎฺฐติ? โย ปญฺญาจกฺขุนา อุปปริกฺขิยมานานํ มายาว วิปรีโต, มรีจิว วิสํวาทโก, ติตฺถิยานํ อตฺตา วิย อนุปลพฺภสภาโว จ น โหติ, อถ โข พาธนปฺปภวสนฺตินิยฺยานปฺปกาเรน ตจฺฉาวิปรีตภูตภาเวน อริยญาณสฺส โคจโร โหติเยว, เอส อคฺคิลกฺขณํ วิย โลกปกติ วิย จ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาโว สจฺจโฎฺฐติ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ จ อคฺคิลกฺขณํ นาม อุณฺหตฺตํฯ ตญฺหิ กตฺถจิ กฎฺฐาทิอุปาทานเภเท วิสํวาทกํ วิปรีตํ อภูตํ วา กทาจิปิ น โหติ, ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติ (อ. นิ. ๕.๕๗) เอวํ วุตฺตชาติอาทิกา โลกปกตีติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘เอกจฺจานํ ติรจฺฉานานํ ติริยํ ทีฆตา, มนุสฺสาทีนํ อุทฺธํ ทีฆตา, วุทฺธินิฎฺฐปฺปตฺตานํ ปุน อวฑฺฒนนฺติ เอวมาทิกา จ โลกปกตี’’ติ วทนฺติฯ
Idāni dukkhanirodhagāminipaṭipadāariyasaccaṃ dassetuṃ ‘‘idaṃ kho pana, bhikkhave, dukkhanirodhagāminī’’tiādimāha. Yasmā panetaṃ ariyasaccaṃ dukkhanirodhaṃ gacchati ārammaṇavasaena tadabhimukhabhūtattā, paṭipadā ca hoti dukkhanirodhappattiyā, tasmā ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’ti vuccati. Sesamettha vuttanayameva. Ko pana nesaṃ dukkhādīnaṃ saccaṭṭhoti? Yo paññācakkhunā upaparikkhiyamānānaṃ māyāva viparīto, marīciva visaṃvādako, titthiyānaṃ attā viya anupalabbhasabhāvo ca na hoti, atha kho bādhanappabhavasantiniyyānappakārena tacchāviparītabhūtabhāvena ariyañāṇassa gocaro hotiyeva, esa aggilakkhaṇaṃ viya lokapakati viya ca tacchāviparītabhūtabhāvo saccaṭṭhoti veditabbo. Ettha ca aggilakkhaṇaṃ nāma uṇhattaṃ. Tañhi katthaci kaṭṭhādiupādānabhede visaṃvādakaṃ viparītaṃ abhūtaṃ vā kadācipi na hoti, ‘‘jātidhammā jarādhammā, atho maraṇadhammino’’ti (a. ni. 5.57) evaṃ vuttajātiādikā lokapakatīti veditabbā. ‘‘Ekaccānaṃ tiracchānānaṃ tiriyaṃ dīghatā, manussādīnaṃ uddhaṃ dīghatā, vuddhiniṭṭhappattānaṃ puna avaḍḍhananti evamādikā ca lokapakatī’’ti vadanti.
อปิจ –
Apica –
นาพาธกํ ยโต ทุกฺขํ, ทุกฺขา อญฺญํ น พาธกํ;
Nābādhakaṃ yato dukkhaṃ, dukkhā aññaṃ na bādhakaṃ;
พาธกตฺตนิยาเมน, ตโต สจฺจมิทํ มตํฯ
Bādhakattaniyāmena, tato saccamidaṃ mataṃ.
ตํ วินา นาญฺญโต ทุกฺขํ, น โหติ น จ ตํ ตโต;
Taṃ vinā nāññato dukkhaṃ, na hoti na ca taṃ tato;
ทุกฺขเหตุนิยาเมน, อิติ สจฺจํ วิสตฺติกาฯ
Dukkhahetuniyāmena, iti saccaṃ visattikā.
นาญฺญา นิพฺพานโต สนฺติ, สนฺตํ น จ น ตํ ยโต;
Nāññā nibbānato santi, santaṃ na ca na taṃ yato;
สนฺตภาวนิยาเมน, ตโต สจฺจมิทํ มตํฯ
Santabhāvaniyāmena, tato saccamidaṃ mataṃ.
มคฺคา อญฺญํ น นิยฺยานํ, อนิยฺยาโน น จาปิ โส;
Maggā aññaṃ na niyyānaṃ, aniyyāno na cāpi so;
ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตา, อิติ โส สจฺจสมฺมโตฯ
Tacchaniyyānabhāvattā, iti so saccasammato.
อิติ ตจฺฉาวิปลฺลาส-ภูตภาวํ จตูสุปิ;
Iti tacchāvipallāsa-bhūtabhāvaṃ catūsupi;
ทุกฺขาทีสฺววิเสเสน, สจฺจฎฺฐํ อาหุ ปณฺฑิตาติฯ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๘๙);
Dukkhādīsvavisesena, saccaṭṭhaṃ āhu paṇḍitāti. (vibha. aṭṭha. 189);
๑๕. ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสูติ อิโต ปุเพฺพ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา น อนุสฺสุเตสุ อสฺสุตปุเพฺพสุ จตุสจฺจธเมฺมสุฯ จกฺขุนฺติอาทีนิ ญาณเววจนาเนวฯ ญาณเมว เหตฺถ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขุ วิยาติ จกฺขุ, ญาณเฎฺฐน ญาณํ, ปการโต ชานนเฎฺฐน ปญฺญา, ปฎิวิชฺฌนเฎฺฐน วิชฺชา, สจฺจปฺปฎิจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิธมนโต โอภาสนเฎฺฐน อาโลโกติ วุตฺตํฯ ตํ ปเนตํ จตูสุ สเจฺจสุ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ นิทฺทิฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ
15.Pubbe ananussutesūti ito pubbe ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā na anussutesu assutapubbesu catusaccadhammesu. Cakkhuntiādīni ñāṇavevacanāneva. Ñāṇameva hettha paccakkhato dassanaṭṭhena cakkhu viyāti cakkhu, ñāṇaṭṭhena ñāṇaṃ, pakārato jānanaṭṭhena paññā, paṭivijjhanaṭṭhena vijjā, saccappaṭicchādakassa mohandhakārassa vidhamanato obhāsanaṭṭhena ālokoti vuttaṃ. Taṃ panetaṃ catūsu saccesu lokiyalokuttaramissakaṃ niddiṭṭhanti veditabbaṃ.
๑๖. ยาวกีวญฺจาติ ยตฺตกํ กาลํฯ ติปริวฎฺฎนฺติ สจฺจญาณกิจฺจญาณกตญาณสงฺขาตานํ ติณฺณํ ปริวฎฺฎานํ วเสน ติปริวฎฺฎํฯ สจฺจญาณาทิวเสน หิ ตโย ปริวฎฺฎา เอตสฺสาติ ติปริวฎฺฎนฺติ วุจฺจติ ญาณทสฺสนํฯ เอตฺถ จ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อิทํ ทุกฺขสมุทย’’นฺติ เอวํ จตูสุ สเจฺจสุ ยถาภูตญาณํ สจฺจญาณํ นามฯ เตสุเยว ‘‘ปริเญฺญยฺยํ ปหาตพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ ภาเวตพฺพ’’นฺติ เอวํ กตฺตพฺพกิจฺจชานนญาณํ กิจฺจญาณํ นามฯ ‘‘ปริญฺญาตํ ปหีนํ สจฺฉิกตํ ภาวิต’’นฺติ เอวํ ตสฺส กตภาวชานนญาณํ กตญาณํ นามฯ ทฺวาทสาการนฺติ เตสํเยว เอเกกสฺมิํ สเจฺจ ติณฺณํ ติณฺณํ อาการานํ วเสน ทฺวาทสาการํฯ ญาณทสฺสนนฺติ เอเตสํ ติปริวฎฺฎานํ ทฺวาทสนฺนํ อาการานํ วเสน อุปฺปนฺนญาณสงฺขาตํ ทสฺสนํฯ
16.Yāvakīvañcāti yattakaṃ kālaṃ. Tiparivaṭṭanti saccañāṇakiccañāṇakatañāṇasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ parivaṭṭānaṃ vasena tiparivaṭṭaṃ. Saccañāṇādivasena hi tayo parivaṭṭā etassāti tiparivaṭṭanti vuccati ñāṇadassanaṃ. Ettha ca ‘‘idaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ, idaṃ dukkhasamudaya’’nti evaṃ catūsu saccesu yathābhūtañāṇaṃ saccañāṇaṃ nāma. Tesuyeva ‘‘pariññeyyaṃ pahātabbaṃ sacchikātabbaṃ bhāvetabba’’nti evaṃ kattabbakiccajānanañāṇaṃ kiccañāṇaṃ nāma. ‘‘Pariññātaṃ pahīnaṃ sacchikataṃ bhāvita’’nti evaṃ tassa katabhāvajānanañāṇaṃ katañāṇaṃ nāma. Dvādasākāranti tesaṃyeva ekekasmiṃ sacce tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ ākārānaṃ vasena dvādasākāraṃ. Ñāṇadassananti etesaṃ tiparivaṭṭānaṃ dvādasannaṃ ākārānaṃ vasena uppannañāṇasaṅkhātaṃ dassanaṃ.
อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธินฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฎฺฐํ สมฺมา สามญฺจ โพธิํฯ อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรญฺจ โพธิํฯ โพธีติ จ ภควโต อรหตฺตมโคฺค อิธาธิเปฺปโตฯ สาวกานํ อรหตฺตมโคฺค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติฯ กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตาฯ เตสญฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมโคฺค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติโสฺส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิญฺญา, กสฺสจิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมีญาณํฯ ปเจฺจกพุทฺธานมฺปิ ปเจฺจกโพธิญาณเมว เทติ, พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺติํ เทติ อภิเสโก วิย รโญฺญ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํฯ ตสฺมา อญฺญสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติฯ อภิสมฺพุโทฺธติ ปจฺจญฺญาสินฺติ อภิสมฺพุโทฺธ อหํ ปโตฺต ปฎิวิชฺฌิตฺวา ฐิโตติ เอวํ ปฎิชานิํฯ ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทีติ อธิคตคุณานํ ยาถาวโต ทสฺสนสมตฺถํ ปจฺจเวกฺขณญาณญฺจ ปน เม อุทปาทิฯ อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ อยํ มยฺหํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อกุปฺปา ปฎิปเกฺขหิ น โกเปตพฺพาติ เอวํ ญาณํ อุทปาทิฯ ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ อกุปฺปตา เวทิตพฺพา มคฺคสงฺขาตการณโต จ อารมฺมณโต จฯ สา หิ จตูหิ มเคฺคหิ สมุจฺฉินฺนกิเลสานํ ปุน อนิวตฺตนตาย การณโตปิ อกุปฺปา, อกุปฺปธมฺมํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตาย อารมฺมณโตปิ อกุปฺปา อนากุปฺปารมฺมณานํ โลกิยสมาปตฺตีนํ ตทภาวโตฯ อนฺติมาติ ปจฺฉิมาฯ นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิทานิ ปุน อโญฺญ ภโว นาม นตฺถีติฯ
Anuttaraṃ sammāsambodhinti uttaravirahitaṃ sabbaseṭṭhaṃ sammā sāmañca bodhiṃ. Atha vā pasatthaṃ sundarañca bodhiṃ. Bodhīti ca bhagavato arahattamaggo idhādhippeto. Sāvakānaṃ arahattamaggo anuttarā bodhi hoti, na hotīti? Na hoti. Kasmā? Asabbaguṇadāyakattā. Tesañhi kassaci arahattamaggo arahattaphalameva deti, kassaci tisso vijjā, kassaci cha abhiññā, kassaci catasso paṭisambhidā, kassaci sāvakapāramīñāṇaṃ. Paccekabuddhānampi paccekabodhiñāṇameva deti, buddhānaṃ pana sabbaguṇasampattiṃ deti abhiseko viya rañño sabbalokissariyabhāvaṃ. Tasmā aññassa kassacipi anuttarā bodhi na hotīti. Abhisambuddhoti paccaññāsinti abhisambuddho ahaṃ patto paṭivijjhitvā ṭhitoti evaṃ paṭijāniṃ. Ñāṇañca pana me dassanaṃ udapādīti adhigataguṇānaṃ yāthāvato dassanasamatthaṃ paccavekkhaṇañāṇañca pana me udapādi. Akuppā me vimuttīti ayaṃ mayhaṃ arahattaphalavimutti akuppā paṭipakkhehi na kopetabbāti evaṃ ñāṇaṃ udapādi. Tattha dvīhākārehi akuppatā veditabbā maggasaṅkhātakāraṇato ca ārammaṇato ca. Sā hi catūhi maggehi samucchinnakilesānaṃ puna anivattanatāya kāraṇatopi akuppā, akuppadhammaṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ katvā pavattatāya ārammaṇatopi akuppā anākuppārammaṇānaṃ lokiyasamāpattīnaṃ tadabhāvato. Antimāti pacchimā. Natthi dāni punabbhavoti idāni puna añño bhavo nāma natthīti.
อิมสฺมิญฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมินฺติ อิมสฺมิํ นิคฺคาถเก สุเตฺตฯ นิคฺคาถกญฺหิ สุตฺตํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนสหิตํ ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติฯ ภญฺญมาเนติ ภณิยมาเน, เทสิยมาเนติ อโตฺถฯ วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํฯ วีตมลนฺติ อนวเสสทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ ฯ ปฐมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ, ปญฺจวิธทุสฺสีลฺยมลาปคเมน วีตมลํฯ ธมฺมจกฺขุนฺติ พฺรหฺมายุสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๓๘๓ อาทโย) เหฎฺฐิมา ตโย มคฺคา วุตฺตา, จูฬราหุโลวาเท (ม. นิ. ๓.๔๑๖ อาทโย) อาสวกฺขโย, อิธ ปน โสตาปตฺติมโคฺค อธิเปฺปโตฯ จตุสจฺจสงฺขาเตสุ ธเมฺมสุ เตสํ ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขูติ ธมฺมจกฺขุ, เหฎฺฐิเมสุ วา ตีสุ มคฺคธเมฺมสุ เอกํ โสตาปตฺติมคฺคสงฺขาตํ จกฺขูติ ธมฺมจกฺขุ, สมถวิปสฺสนาธมฺมนิพฺพตฺตตาย สีลาทิติวิธธมฺมกฺขนฺธภูตตาย วา ธมฺมมยํ จกฺขูติปิ ธมฺมจกฺขุ, ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ อาหฯ นนุ จ มคฺคญาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณํ, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ? สจฺจเมตํ, ยสฺมา ตํ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน สพฺพสงฺขตํ อสโมฺมหปฺปฎิเวธวเสน ปฎิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตถา วุตฺตํฯ
Imasmiñca pana veyyākaraṇasminti imasmiṃ niggāthake sutte. Niggāthakañhi suttaṃ pucchāvissajjanasahitaṃ ‘‘veyyākaraṇa’’nti vuccati. Bhaññamāneti bhaṇiyamāne, desiyamāneti attho. Virajanti apāyagamanīyarāgarajādīnaṃ vigamena virajaṃ. Vītamalanti anavasesadiṭṭhivicikicchāmalāpagamena vītamalaṃ . Paṭhamamaggavajjhakilesarajābhāvena vā virajaṃ, pañcavidhadussīlyamalāpagamena vītamalaṃ. Dhammacakkhunti brahmāyusutte (ma. ni. 2.383 ādayo) heṭṭhimā tayo maggā vuttā, cūḷarāhulovāde (ma. ni. 3.416 ādayo) āsavakkhayo, idha pana sotāpattimaggo adhippeto. Catusaccasaṅkhātesu dhammesu tesaṃ dassanaṭṭhena cakkhūti dhammacakkhu, heṭṭhimesu vā tīsu maggadhammesu ekaṃ sotāpattimaggasaṅkhātaṃ cakkhūti dhammacakkhu, samathavipassanādhammanibbattatāya sīlāditividhadhammakkhandhabhūtatāya vā dhammamayaṃ cakkhūtipi dhammacakkhu, tassa uppattiākāradassanatthaṃ ‘‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti āha. Nanu ca maggañāṇaṃ asaṅkhatadhammārammaṇaṃ, na saṅkhatadhammārammaṇanti? Saccametaṃ, yasmā taṃ nirodhaṃ ārammaṇaṃ katvā kiccavasena sabbasaṅkhataṃ asammohappaṭivedhavasena paṭivijjhantaṃ uppajjati, tasmā tathā vuttaṃ.
๑๗. ธมฺมจเกฺกติ ปฎิเวธญาณเญฺจว เทสนาญาณญฺจ ปวตฺตนเฎฺฐน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํฯ โพธิปลฺลเงฺก นิสินฺนสฺส หิ จตูสุ สเจฺจสุ อุปฺปนฺนํ ทฺวาทสาการํ ปฎิเวธญาณมฺปิ, อิสิปตเน นิสินฺนสฺส ทฺวาทสาการาย สจฺจเทสนาย ปวตฺตกํ เทสนาญาณมฺปิ ธมฺมจกฺกํ นามฯ อุภยมฺปิ เหตํ ทสพลสฺส อุเร ปวตฺตญาณเมวฯ ตทุภยํ อิมาย เทสนาย ปกาเสเนฺตน ภควตา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ นามฯ ตํ ปเนตํ ธมฺมจกฺกํ ยาว อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถโร อฎฺฐารสหิ พฺรหฺมโกฎีหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาติ, ตาว ภควา ปวเตฺตติ นาม ปวตฺตนกิจฺจสฺส อนิฎฺฐิตตฺตาฯ ปติฎฺฐิเต ปวตฺติตํ นาม กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนนฺตรธานโต ปฎฺฐาย ยาว พุทฺธุปฺปาโท, เอตฺตกํ กาลํ อปฺปวตฺตปุพฺพสฺส ปวตฺติตตฺตาฯ ตํ สนฺธาย ‘‘ปวตฺติเต จ ปน ภควตา ธมฺมจเกฺก ภุมฺมา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ภุมฺมาติ ภูมฎฺฐกเทวตาฯ สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ เอกปฺปหาเรเนว สาธุการํ ทตฺวา ‘‘เอตํ ภควตา’’ติอาทีนิ วทนฺตา อนุสฺสาวยิํสุฯ โอภาโสติ สพฺพญฺญุตญฺญาณานุภาเวน ปวโตฺต จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฎฺฐาโน โอภาโสฯ โส หิ ตทา เทวานํ เทวานุภาวํ อติกฺกมิตฺวา วิโรจิตฺถฯ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑโญฺญติ อิมสฺสปิ อุทานสฺส อุทาหรณโฆโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ ภควโต หิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส อารเมฺภ วิย ปริสมาปเนปิ อติวิย อุฬารตมํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิฯ
17.Dhammacakketi paṭivedhañāṇañceva desanāñāṇañca pavattanaṭṭhena cakkanti dhammacakkaṃ. Bodhipallaṅke nisinnassa hi catūsu saccesu uppannaṃ dvādasākāraṃ paṭivedhañāṇampi, isipatane nisinnassa dvādasākārāya saccadesanāya pavattakaṃ desanāñāṇampi dhammacakkaṃ nāma. Ubhayampi hetaṃ dasabalassa ure pavattañāṇameva. Tadubhayaṃ imāya desanāya pakāsentena bhagavatā dhammacakkaṃ pavattitaṃ nāma. Taṃ panetaṃ dhammacakkaṃ yāva aññāsikoṇḍaññatthero aṭṭhārasahi brahmakoṭīhi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāti, tāva bhagavā pavatteti nāma pavattanakiccassa aniṭṭhitattā. Patiṭṭhite pavattitaṃ nāma kassapasammāsambuddhassa sāsanantaradhānato paṭṭhāya yāva buddhuppādo, ettakaṃ kālaṃ appavattapubbassa pavattitattā. Taṃ sandhāya ‘‘pavattite ca pana bhagavatā dhammacakke bhummā devā saddamanussāvesu’’ntiādi vuttaṃ. Tattha bhummāti bhūmaṭṭhakadevatā. Saddamanussāvesunti ekappahāreneva sādhukāraṃ datvā ‘‘etaṃ bhagavatā’’tiādīni vadantā anussāvayiṃsu. Obhāsoti sabbaññutaññāṇānubhāvena pavatto cittapaccayautusamuṭṭhāno obhāso. So hi tadā devānaṃ devānubhāvaṃ atikkamitvā virocittha. Aññāsi vata bho koṇḍaññoti imassapi udānassa udāharaṇaghoso dasasahassilokadhātuṃ pharitvā aṭṭhāsi. Bhagavato hi dhammacakkappavattanassa ārambhe viya parisamāpanepi ativiya uḷāratamaṃ pītisomanassaṃ udapādi.
๑๘. ทิโฎฺฐ อริยสจฺจธโมฺม เอเตนาติ ทิฎฺฐธโมฺมฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ เอตฺถ จ ทสฺสนํ นาม ญาณทสฺสนโต อญฺญมฺปิ อตฺถีติ ตํนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ ปตฺติ จ ญาณสมฺปตฺติโต อญฺญาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา เอกเทสโตปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ เตนสฺส สจฺจาภิสโมฺพธิํเยว ทีเปติฯ มคฺคญาณญฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริญฺญาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติฯ สปฺปฎิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฎฺฐวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา อเนนาติ ติณฺณวิจิกิโจฺฉฯ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุโข น นุโข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกโถฯ เวสารชฺชปฺปโตฺตติ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฎิปเกฺขสุ จ สีลาทีสุ คุเณสุ สุปฺปติฎฺฐิตตฺตา วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปโตฺต อธิคโตฯ สฺวายํ เวสารชฺชปฺปตฺติสุปฺปติฎฺฐิตภาโว กตฺถาติ อาห ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติฯ อตฺตนา ปจฺจกฺขโต อธิคตตฺตา น ปรํ ปเจฺจติ, ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ นปฺปวตฺตติ, น ตสฺส ปโร ปเจฺจตโพฺพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโยฯ
18. Diṭṭho ariyasaccadhammo etenāti diṭṭhadhammo. Esa nayo sesapadesupi. Ettha ca dassanaṃ nāma ñāṇadassanato aññampi atthīti taṃnivattanatthaṃ ‘‘pattadhammo’’ti vuttaṃ. Patti ca ñāṇasampattito aññāpi vijjatīti tato visesanatthaṃ ‘‘viditadhammo’’ti vuttaṃ. Sā panesā viditadhammatā ekadesatopi hotīti nippadesato viditabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘pariyogāḷhadhammo’’ti vuttaṃ. Tenassa saccābhisambodhiṃyeva dīpeti. Maggañāṇañhi ekābhisamayavasena pariññādikiccaṃ sādhentaṃ nippadesena catusaccadhammaṃ samantato ogāḷhaṃ nāma hoti. Sappaṭibhayakantārasadisā soḷasavatthukā aṭṭhavatthukā ca tiṇṇā vicikicchā anenāti tiṇṇavicikiccho. Pavattiādīsu ‘‘evaṃ nukho na nukho’’ti evaṃ pavattikā vigatā samucchinnā kathaṃkathā assāti vigatakathaṃkatho. Vesārajjappattoti sārajjakarānaṃ pāpadhammānaṃ pahīnattā tappaṭipakkhesu ca sīlādīsu guṇesu suppatiṭṭhitattā visāradabhāvaṃ veyyattiyaṃ patto adhigato. Svāyaṃ vesārajjappattisuppatiṭṭhitabhāvo katthāti āha ‘‘satthusāsane’’ti. Attanā paccakkhato adhigatattā na paraṃ pacceti, parassa saddhāya ettha nappavattati, na tassa paro paccetabbo atthīti aparappaccayo.
ลเภยฺยาหนฺติ ลเภยฺยํ อหํ, อายาจนวจนเมตํฯ เอหีติ อายาจิตานํ ปพฺพชฺชูปสมฺปทานํ อนุมตภาวปฺปกาสนวจนํ, ตสฺมา เอหิ สมฺปฎิจฺฉาหิ ยถายาจิตํ ปพฺพชฺชูปสมฺปทวิเสสนฺติ อโตฺถฯ อิติ-สโทฺท ตสฺส เอหิภิกฺขูปสมฺปทาปฎิลาภนิมิตฺตวจนปริโยสานทสฺสโนฯ ตทวสาโน หิ ตสฺส ภิกฺขุภาโวฯ เตเนวาห ‘‘เอหิ ภิกฺขูติ ภควโต วจเนน อภินิปฺผนฺนา สาว ตสฺส อายสฺมโต เอหิภิกฺขูปสมฺปทา อโหสี’’ติฯ จร พฺรหฺมจริยนฺติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ สมธิคจฺฉฯ กิมตฺถํ? สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายฯ อิธาปิ ‘‘อโวจา’’ติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ‘‘นว โกฎิสหสฺสานี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๓๗) วุตฺตปฺปเภทานํ อเนกสหสฺสานํ สํวรวินยานํ สมาทิยิตฺวา วตฺตเนน อุปริภูตา อคฺคภูตา สมฺปทาติ อุปสมฺปทาฯ
Labheyyāhanti labheyyaṃ ahaṃ, āyācanavacanametaṃ. Ehīti āyācitānaṃ pabbajjūpasampadānaṃ anumatabhāvappakāsanavacanaṃ, tasmā ehi sampaṭicchāhi yathāyācitaṃ pabbajjūpasampadavisesanti attho. Iti-saddo tassa ehibhikkhūpasampadāpaṭilābhanimittavacanapariyosānadassano. Tadavasāno hi tassa bhikkhubhāvo. Tenevāha ‘‘ehi bhikkhūti bhagavato vacanena abhinipphannā sāva tassa āyasmato ehibhikkhūpasampadā ahosī’’ti. Cara brahmacariyanti uparimaggattayasaṅkhātaṃ brahmacariyaṃ samadhigaccha. Kimatthaṃ? Sammā dukkhassa antakiriyāya. Idhāpi ‘‘avocā’’ti sambandhitabbaṃ. ‘‘Nava koṭisahassānī’’tiādinā (visuddhi. 1.20; paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.37) vuttappabhedānaṃ anekasahassānaṃ saṃvaravinayānaṃ samādiyitvā vattanena uparibhūtā aggabhūtā sampadāti upasampadā.
๑๙. นีหารภโตฺตติ นีหฎภโตฺต, คามโต ภิกฺขํ นีหริตฺวา ภิกฺขูหิ ทินฺนภโตฺตติ อโตฺถ ฯ ภควา หิ ทหรกุมารเก วิย เต ภิกฺขู ปริหรโนฺต ปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ปิณฺฑปาตตฺถายปิ คามํ อปวิสิตฺวา อโนฺตวิหาเรเยว วสิฯ
19.Nīhārabhattoti nīhaṭabhatto, gāmato bhikkhaṃ nīharitvā bhikkhūhi dinnabhattoti attho . Bhagavā hi daharakumārake viya te bhikkhū pariharanto pāṭipadadivasato paṭṭhāya piṇḍapātatthāyapi gāmaṃ apavisitvā antovihāreyeva vasi.
ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dhammacakkappavattanasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๖. ปญฺจวคฺคิยกถา • 6. Pañcavaggiyakathā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ปญฺจวคฺคิยกถา • Pañcavaggiyakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปญฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา • Pañcavaggiyakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปญฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา • Pañcavaggiyakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๖. ปญฺจวคฺคิยกถา • 6. Pañcavaggiyakathā