Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๓. ธมฺมทายาทสุตฺตํ
3. Dhammadāyādasuttaṃ
๒๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
29. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทาฯ อตฺถิ เม ตุเมฺหสุ อนุกมฺปา – ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’ติฯ ตุเมฺห จ เม, ภิกฺขเว, อามิสทายาทา ภเวยฺยาถ โน ธมฺมทายาทา, ตุเมฺหปิ เตน อาทิยา 1 ภเวยฺยาถ – ‘อามิสทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน ธมฺมทายาทา’ติ; อหมฺปิ เตน อาทิโย ภเวยฺยํ – ‘อามิสทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน ธมฺมทายาทา’ติฯ ตุเมฺห จ เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภเวยฺยาถ, โน อามิสทายาทา, ตุเมฺหปิ เตน น อาทิยา ภเวยฺยาถ – ‘ธมฺมทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน อามิสทายาทา’ติ; อหมฺปิ เตน น อาทิโย ภเวยฺยํ – ‘ธมฺมทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน อามิสทายาทา’ติฯ ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทาฯ อตฺถิ เม ตุเมฺหสุ อนุกมฺปา – ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’ติฯ
‘‘Dhammadāyādā me, bhikkhave, bhavatha, mā āmisadāyādā. Atthi me tumhesu anukampā – ‘kinti me sāvakā dhammadāyādā bhaveyyuṃ, no āmisadāyādā’ti. Tumhe ca me, bhikkhave, āmisadāyādā bhaveyyātha no dhammadāyādā, tumhepi tena ādiyā 2 bhaveyyātha – ‘āmisadāyādā satthusāvakā viharanti, no dhammadāyādā’ti; ahampi tena ādiyo bhaveyyaṃ – ‘āmisadāyādā satthusāvakā viharanti, no dhammadāyādā’ti. Tumhe ca me, bhikkhave, dhammadāyādā bhaveyyātha, no āmisadāyādā, tumhepi tena na ādiyā bhaveyyātha – ‘dhammadāyādā satthusāvakā viharanti, no āmisadāyādā’ti; ahampi tena na ādiyo bhaveyyaṃ – ‘dhammadāyādā satthusāvakā viharanti, no āmisadāyādā’ti. Tasmātiha me, bhikkhave, dhammadāyādā bhavatha, mā āmisadāyādā. Atthi me tumhesu anukampā – ‘kinti me sāvakā dhammadāyādā bhaveyyuṃ, no āmisadāyādā’ti.
๓๐. ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต ปริปุโณฺณ ปริโยสิโต สุหิโต ยาวทโตฺถ; สิยา จ เม ปิณฺฑปาโต อติเรกธโมฺม ฉฑฺฑนียธโมฺม 3ฯ อถ เทฺว ภิกฺขู อาคเจฺฉยฺยุํ ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺย- 4 ปเรตา ฯ ตฺยาหํ เอวํ วเทยฺยํ – ‘อหํ โขมฺหิ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี ปวาริโต ปริปุโณฺณ ปริโยสิโต สุหิโต ยาวทโตฺถ; อตฺถิ จ เม อยํ ปิณฺฑปาโต อติเรกธโมฺม ฉฑฺฑนียธโมฺมฯ สเจ อากงฺขถ, ภุญฺชถ, โน เจ ตุเมฺห ภุญฺชิสฺสถ 5, อิทานาหํ อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑสฺสามิ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปสฺสามี’ติฯ ตเตฺรกสฺส ภิกฺขุโน เอวมสฺส – ‘ภควา โข ภุตฺตาวี ปวาริโต ปริปุโณฺณ ปริโยสิโต สุหิโต ยาวทโตฺถ; อตฺถิ จายํ ภควโต ปิณฺฑปาโต อติเรกธโมฺม ฉฑฺฑนียธโมฺมฯ สเจ มยํ น ภุญฺชิสฺสาม, อิทานิ ภควา อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑสฺสติ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปสฺสติ’ ฯ วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา – ‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’ติฯ อามิสญฺญตรํ โข ปเนตํ, ยทิทํ ปิณฺฑปาโตฯ ยํนูนาหํ อิมํ ปิณฺฑปาตํ อภุญฺชิตฺวา อิมินาว ชิฆจฺฉาทุพฺพเลฺยน เอวํ อิมํ รตฺตินฺทิวํ 6 วีตินาเมยฺย’’นฺติฯ โส ตํ ปิณฺฑปาตํ อภุญฺชิตฺวา เตเนว ชิฆจฺฉาทุพฺพเลฺยน เอวํ ตํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺยฯ อถ ทุติยสฺส ภิกฺขุโน เอวมสฺส – ‘ภควา โข ภุตฺตาวี ปวาริโต ปริปุโณฺณ ปริโยสิโต สุหิโต ยาวทโตฺถ; อตฺถิ จายํ ภควโต ปิณฺฑปาโต อติเรกธโมฺม ฉฑฺฑนียธโมฺมฯ สเจ มยํ น ภุญฺชิสฺสาม, อิทานิ ภควา อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑสฺสติ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปสฺสติฯ ยํนูนาหํ อิมํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิตฺวา ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฎิวิโนเทตฺวา 7 เอวํ อิมํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺย’นฺติฯ โส ตํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิตฺวา ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฎิวิโนเทตฺวา เอวํ ตํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺยฯ กิญฺจาปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิตฺวา ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฎิวิโนเทตฺวา เอวํ ตํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺย, อถ โข อสุเยว เม ปุริโม ภิกฺขุ ปุชฺชตโร จ ปาสํสตโร จฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตญฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฎฺฐิยา สเลฺลขาย สุภรตาย วีริยารมฺภาย สํวตฺติสฺสติฯ ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทาฯ อตฺถิ เม ตุเมฺหสุ อนุกมฺปา – ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’’ติฯ
30. ‘‘Idhāhaṃ, bhikkhave, bhuttāvī assaṃ pavārito paripuṇṇo pariyosito suhito yāvadattho; siyā ca me piṇḍapāto atirekadhammo chaḍḍanīyadhammo 8. Atha dve bhikkhū āgaccheyyuṃ jighacchādubbalya- 9 paretā . Tyāhaṃ evaṃ vadeyyaṃ – ‘ahaṃ khomhi, bhikkhave, bhuttāvī pavārito paripuṇṇo pariyosito suhito yāvadattho; atthi ca me ayaṃ piṇḍapāto atirekadhammo chaḍḍanīyadhammo. Sace ākaṅkhatha, bhuñjatha, no ce tumhe bhuñjissatha 10, idānāhaṃ appaharite vā chaḍḍessāmi, appāṇake vā udake opilāpessāmī’ti. Tatrekassa bhikkhuno evamassa – ‘bhagavā kho bhuttāvī pavārito paripuṇṇo pariyosito suhito yāvadattho; atthi cāyaṃ bhagavato piṇḍapāto atirekadhammo chaḍḍanīyadhammo. Sace mayaṃ na bhuñjissāma, idāni bhagavā appaharite vā chaḍḍessati, appāṇake vā udake opilāpessati’ . Vuttaṃ kho panetaṃ bhagavatā – ‘dhammadāyādā me, bhikkhave, bhavatha, mā āmisadāyādā’ti. Āmisaññataraṃ kho panetaṃ, yadidaṃ piṇḍapāto. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ piṇḍapātaṃ abhuñjitvā imināva jighacchādubbalyena evaṃ imaṃ rattindivaṃ 11 vītināmeyya’’nti. So taṃ piṇḍapātaṃ abhuñjitvā teneva jighacchādubbalyena evaṃ taṃ rattindivaṃ vītināmeyya. Atha dutiyassa bhikkhuno evamassa – ‘bhagavā kho bhuttāvī pavārito paripuṇṇo pariyosito suhito yāvadattho; atthi cāyaṃ bhagavato piṇḍapāto atirekadhammo chaḍḍanīyadhammo. Sace mayaṃ na bhuñjissāma, idāni bhagavā appaharite vā chaḍḍessati, appāṇake vā udake opilāpessati. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjitvā jighacchādubbalyaṃ paṭivinodetvā 12 evaṃ imaṃ rattindivaṃ vītināmeyya’nti. So taṃ piṇḍapātaṃ bhuñjitvā jighacchādubbalyaṃ paṭivinodetvā evaṃ taṃ rattindivaṃ vītināmeyya. Kiñcāpi so, bhikkhave, bhikkhu taṃ piṇḍapātaṃ bhuñjitvā jighacchādubbalyaṃ paṭivinodetvā evaṃ taṃ rattindivaṃ vītināmeyya, atha kho asuyeva me purimo bhikkhu pujjataro ca pāsaṃsataro ca. Taṃ kissa hetu? Tañhi tassa, bhikkhave, bhikkhuno dīgharattaṃ appicchatāya santuṭṭhiyā sallekhāya subharatāya vīriyārambhāya saṃvattissati. Tasmātiha me, bhikkhave, dhammadāyādā bhavatha, mā āmisadāyādā. Atthi me tumhesu anukampā – ‘kinti me sāvakā dhammadāyādā bhaveyyuṃ, no āmisadāyādā’’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน 13 สุคโต อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ
Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna 14 sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.
๓๑. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติฯ ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –
31. Tatra kho āyasmā sāriputto acirapakkantassa bhagavato bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso bhikkhave’’ti. ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, กิตฺตาวตา จ ปน สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺตี’’ติ? ‘‘ทูรโตปิ โข มยํ, อาวุโส, อาคจฺฉาม อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถมญฺญาตุํฯ สาธุ วตายสฺมนฺตํเยว สาริปุตฺตํ ปฎิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ; อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –
‘‘Kittāvatā nu kho, āvuso, satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekaṃ nānusikkhanti, kittāvatā ca pana satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekamanusikkhantī’’ti? ‘‘Dūratopi kho mayaṃ, āvuso, āgacchāma āyasmato sāriputtassa santike etassa bhāsitassa atthamaññātuṃ. Sādhu vatāyasmantaṃyeva sāriputtaṃ paṭibhātu etassa bhāsitassa attho; āyasmato sāriputtassa sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tena hāvuso, suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ? อิธาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, เยสญฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห, เต จ ธเมฺม นปฺปชหนฺติ, พาหุลิกา 15 จ โหนฺติ, สาถลิกา, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา, ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุราฯ ตตฺราวุโส, เถรา ภิกฺขู ตีหิ ฐาเนหิ คารยฺหา ภวนฺติฯ ‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’ติ – อิมินา ปฐเมน ฐาเนน เถรา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติฯ ‘เยสญฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธเมฺม นปฺปชหนฺตี’ติ – อิมินา ทุติเยน ฐาเนน เถรา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติฯ ‘พาหุลิกา จ, สาถลิกา, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา, ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา’ติ – อิมินา ตติเยน ฐาเนน เถรา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติฯ เถรา, อาวุโส, ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ ฐาเนหิ คารยฺหา ภวนฺติฯ ตตฺราวุโส, มชฺฌิมา ภิกฺขู…เป.… นวา ภิกฺขู ตีหิ ฐาเนหิ คารยฺหา ภวนฺติฯ ‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’ติ – อิมินา ปฐเมน ฐาเนน นวา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติฯ ‘เยสญฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธเมฺม นปฺปชหนฺตี’ติ – อิมินา ทุติเยน ฐาเนน นวา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติฯ ‘พาหุลิกา จ โหนฺติ, สาถลิกา, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา, ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา’ติ – อิมินา ตติเยน ฐาเนน นวา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติฯ นวา, อาวุโส, ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ ฐาเนหิ คารยฺหา ภวนฺติฯ เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติฯ
‘‘Kittāvatā nu kho, āvuso, satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekaṃ nānusikkhanti? Idhāvuso, satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekaṃ nānusikkhanti, yesañca dhammānaṃ satthā pahānamāha, te ca dhamme nappajahanti, bāhulikā 16 ca honti, sāthalikā, okkamane pubbaṅgamā, paviveke nikkhittadhurā. Tatrāvuso, therā bhikkhū tīhi ṭhānehi gārayhā bhavanti. ‘Satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekaṃ nānusikkhantī’ti – iminā paṭhamena ṭhānena therā bhikkhū gārayhā bhavanti. ‘Yesañca dhammānaṃ satthā pahānamāha te ca dhamme nappajahantī’ti – iminā dutiyena ṭhānena therā bhikkhū gārayhā bhavanti. ‘Bāhulikā ca, sāthalikā, okkamane pubbaṅgamā, paviveke nikkhittadhurā’ti – iminā tatiyena ṭhānena therā bhikkhū gārayhā bhavanti. Therā, āvuso, bhikkhū imehi tīhi ṭhānehi gārayhā bhavanti. Tatrāvuso, majjhimā bhikkhū…pe… navā bhikkhū tīhi ṭhānehi gārayhā bhavanti. ‘Satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekaṃ nānusikkhantī’ti – iminā paṭhamena ṭhānena navā bhikkhū gārayhā bhavanti. ‘Yesañca dhammānaṃ satthā pahānamāha te ca dhamme nappajahantī’ti – iminā dutiyena ṭhānena navā bhikkhū gārayhā bhavanti. ‘Bāhulikā ca honti, sāthalikā, okkamane pubbaṅgamā, paviveke nikkhittadhurā’ti – iminā tatiyena ṭhānena navā bhikkhū gārayhā bhavanti. Navā, āvuso, bhikkhū imehi tīhi ṭhānehi gārayhā bhavanti. Ettāvatā kho, āvuso, satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekaṃ nānusikkhanti.
๓๒. ‘‘กิตฺตาวตา จ, ปนาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺติ ? อิธาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺติ – เยสญฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธเมฺม ปชหนฺติ; น จ พาหุลิกา โหนฺติ, น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมาฯ ตตฺราวุโส, เถรา ภิกฺขู ตีหิ ฐาเนหิ ปาสํสา ภวนฺติฯ ‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺตี’ติ – อิมินา ปฐเมน ฐาเนน เถรา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติฯ ‘เยสญฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธเมฺม ปชหนฺตี’ติ – อิมินา ทุติเยน ฐาเนน เถรา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติฯ ‘น จ พาหุลิกา, น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา’ติ – อิมินา ตติเยน ฐาเนน เถรา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติฯ เถรา, อาวุโส, ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ ฐาเนหิ ปาสํสา ภวนฺติ ฯ ตตฺราวุโส, มชฺฌิมา ภิกฺขู…เป.… นวา ภิกฺขู ตีหิ ฐาเนหิ ปาสํสา ภวนฺติฯ ‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺตี’ติ – อิมินา ปฐเมน ฐาเนน นวา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติฯ ‘เยสญฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธเมฺม ปชหนฺตี’ติ – อิมินา ทุติเยน ฐาเนน นวา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติฯ ‘น จ พาหุลิกา, น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา’ติ – อิมินา ตติเยน ฐาเนน นวา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติฯ นวา, อาวุโส, ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ ฐาเนหิ ปาสํสา ภวนฺติฯ เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺติฯ
32. ‘‘Kittāvatā ca, panāvuso, satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekamanusikkhanti ? Idhāvuso, satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekamanusikkhanti – yesañca dhammānaṃ satthā pahānamāha te ca dhamme pajahanti; na ca bāhulikā honti, na sāthalikā okkamane nikkhittadhurā paviveke pubbaṅgamā. Tatrāvuso, therā bhikkhū tīhi ṭhānehi pāsaṃsā bhavanti. ‘Satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekamanusikkhantī’ti – iminā paṭhamena ṭhānena therā bhikkhū pāsaṃsā bhavanti. ‘Yesañca dhammānaṃ satthā pahānamāha te ca dhamme pajahantī’ti – iminā dutiyena ṭhānena therā bhikkhū pāsaṃsā bhavanti. ‘Na ca bāhulikā, na sāthalikā okkamane nikkhittadhurā paviveke pubbaṅgamā’ti – iminā tatiyena ṭhānena therā bhikkhū pāsaṃsā bhavanti. Therā, āvuso, bhikkhū imehi tīhi ṭhānehi pāsaṃsā bhavanti . Tatrāvuso, majjhimā bhikkhū…pe… navā bhikkhū tīhi ṭhānehi pāsaṃsā bhavanti. ‘Satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekamanusikkhantī’ti – iminā paṭhamena ṭhānena navā bhikkhū pāsaṃsā bhavanti. ‘Yesañca dhammānaṃ satthā pahānamāha te ca dhamme pajahantī’ti – iminā dutiyena ṭhānena navā bhikkhū pāsaṃsā bhavanti. ‘Na ca bāhulikā, na sāthalikā okkamane nikkhittadhurā paviveke pubbaṅgamā’ti – iminā tatiyena ṭhānena navā bhikkhū pāsaṃsā bhavanti. Navā, āvuso, bhikkhū imehi tīhi ṭhānehi pāsaṃsā bhavanti. Ettāvatā kho, āvuso, satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekamanusikkhanti.
๓๓. ‘‘ตตฺราวุโส, โลโภ จ ปาปโก โทโส จ ปาปโกฯ โลภสฺส จ ปหานาย โทสสฺส จ ปหานาย อตฺถิ มชฺฌิมา ปฎิปทา จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ กตมา จ สา, อาวุโส, มชฺฌิมา ปฎิปทา จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ 17 – สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิฯ อยํ โข สา, อาวุโส, มชฺฌิมา ปฎิปทา จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ
33. ‘‘Tatrāvuso, lobho ca pāpako doso ca pāpako. Lobhassa ca pahānāya dosassa ca pahānāya atthi majjhimā paṭipadā cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati. Katamā ca sā, āvuso, majjhimā paṭipadā cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ 18 – sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo sammāvācā sammākammanto sammāājīvo sammāvāyāmo sammāsati sammāsamādhi. Ayaṃ kho sā, āvuso, majjhimā paṭipadā cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati.
‘‘ตตฺราวุโส, โกโธ จ ปาปโก อุปนาโห จ ปาปโก…เป.… มโกฺข จ ปาปโก ปฬาโส จ ปาปโก, อิสฺสา จ ปาปิกา มเจฺฉรญฺจ ปาปกํ, มายา จ ปาปิกา สาเฐยฺยญฺจ ปาปกํ, ถโมฺภ จ ปาปโก สารโมฺภ จ ปาปโก, มาโน จ ปาปโก อติมาโน จ ปาปโก, มโท จ ปาปโก ปมาโท จ ปาปโกฯ มทสฺส จ ปหานาย ปมาทสฺส จ ปหานาย อตฺถิ มชฺฌิมา ปฎิปทา จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ กตมา จ สา, อาวุโส, มชฺฌิมา ปฎิปทา จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิฯ อยํ โข สา, อาวุโส, มชฺฌิมา ปฎิปทา จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตตี’’ติฯ
‘‘Tatrāvuso, kodho ca pāpako upanāho ca pāpako…pe… makkho ca pāpako paḷāso ca pāpako, issā ca pāpikā maccherañca pāpakaṃ, māyā ca pāpikā sāṭheyyañca pāpakaṃ, thambho ca pāpako sārambho ca pāpako, māno ca pāpako atimāno ca pāpako, mado ca pāpako pamādo ca pāpako. Madassa ca pahānāya pamādassa ca pahānāya atthi majjhimā paṭipadā cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati. Katamā ca sā, āvuso, majjhimā paṭipadā cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo sammāvācā sammākammanto sammāājīvo sammāvāyāmo sammāsati sammāsamādhi. Ayaṃ kho sā, āvuso, majjhimā paṭipadā cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattatī’’ti.
อิทมโวจายสฺมา สาริปุโตฺตฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavocāyasmā sāriputto. Attamanā te bhikkhū āyasmato sāriputtassa bhāsitaṃ abhinandunti.
ธมฺมทายาทสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Dhammadāyādasuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา • 3. Dhammadāyādasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา • 3. Dhammadāyādasuttavaṇṇanā