Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๓. ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา

    3. Dhammadāyādasuttavaṇṇanā

    ๒๙. ตสฺมา ตํ ทเสฺสตฺวาติ ยสฺมา สุตฺตนฺตวณฺณนา สุตฺตนิเกฺขปํ ทเสฺสตฺวา วุจฺจมานา ปากฎา โหติ, ยสฺมา จสฺส ธมฺมทายาทสุตฺตสฺส อฎฺฐุปฺปตฺติโก นิเกฺขโป, ตสฺมา ตํ นิเกฺขปํ ทเสฺสตฺวา, กเถตฺวาติ อโตฺถฯ ลาภสกฺกาเรติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๖๓) ลาภสกฺการสงฺขาตาย อฎฺฐุปฺปตฺติยาติ เกจิ, ลาภสกฺกาเร วา อฎฺฐุปฺปตฺติยาติ อปเรฯ ยา หิ ลาภสกฺการนิมิตฺตํ ตทา ภิกฺขูสุ ปจฺจยพาหุลฺลิกตา ชาตา, ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา ภควา อิมํ เทเสสีติฯ ยมกมหาเมโฆติ เหฎฺฐาโอลมฺพนอุปริอุคฺคมนวเสน สตปฎโล สหสฺสปฎโล ยุคฬมหาเมโฆฯ ติฎฺฐนฺติ เจว ภควติ กตฺถจิ นิพทฺธวาสํ วสเนฺต, จาริกํ ปน คจฺฉเนฺต อนุพนฺธนฺติ จฯ ภิกฺขูนมฺปิ เยภุเยฺยน กปฺปสตสหสฺสํ ตโต ภิโยฺยปิ ปูริตทานปารมิสญฺจยตฺตา ตทา มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชีติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสปี’’ติฯ

    29.Tasmātaṃ dassetvāti yasmā suttantavaṇṇanā suttanikkhepaṃ dassetvā vuccamānā pākaṭā hoti, yasmā cassa dhammadāyādasuttassa aṭṭhuppattiko nikkhepo, tasmā taṃ nikkhepaṃ dassetvā, kathetvāti attho. Lābhasakkāreti (saṃ. ni. ṭī. 2.2.63) lābhasakkārasaṅkhātāya aṭṭhuppattiyāti keci, lābhasakkāre vā aṭṭhuppattiyāti apare. Yā hi lābhasakkāranimittaṃ tadā bhikkhūsu paccayabāhullikatā jātā, taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā bhagavā imaṃ desesīti. Yamakamahāmeghoti heṭṭhāolambanaupariuggamanavasena satapaṭalo sahassapaṭalo yugaḷamahāmegho. Tiṭṭhanti ceva bhagavati katthaci nibaddhavāsaṃ vasante, cārikaṃ pana gacchante anubandhanti ca. Bhikkhūnampi yebhuyyena kappasatasahassaṃ tato bhiyyopi pūritadānapāramisañcayattā tadā mahālābhasakkāro uppajjīti vuttaṃ ‘‘evaṃ bhikkhusaṅghassapī’’ti.

    สกฺกโตติ สกฺการปฺปโตฯ ครุกโตติ ครุการปฺปโตฺตฯ มานิโตติ พหุมโต มนสา ปิยายิโต จฯ ปูชิโตติ มาลาทิปูชาย เจว จตุปจฺจยาภิปูชาย จ ปูชิโตฯ อปจิโตติ อปจายนปฺปโตฺตฯ ยสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย สกฺกตฺวาปิ อภิสงฺขเต ปณีตปณีเต อุปเนนฺติ, โส สกฺกโตฯ ยสฺมิํ ครุภาวํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา เต เทนฺติ, โส ครุกโตฯ ยํ มนสา ปิยายนฺติ พหุมญฺญนฺติ จ, โส พหุมโตฯ ยสฺส สพฺพเมตํ ปูชาวเสน กโรนฺติ, โส ปูชิโตฯ ยสฺส อภิวาทนปจฺจุฎฺฐานญฺชลิกมฺมาทิวเสน ปรมนิปจฺจการํ กโรนฺติ, โส อปจิโตฯ ภควติ ภิกฺขุสเงฺฆ จ โลโก เอวํ ปฎิปโนฺนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน…เป.… ปริกฺขาราน’’นฺติฯ ลาภคฺคยสคฺคปตฺตนฺติ ลาภสฺส จ ยสสฺส จ อคฺคํ อุกฺกํสํ ปตฺตํฯ

    Sakkatoti sakkārappato. Garukatoti garukārappatto. Mānitoti bahumato manasā piyāyito ca. Pūjitoti mālādipūjāya ceva catupaccayābhipūjāya ca pūjito. Apacitoti apacāyanappatto. Yassa hi cattāro paccaye sakkatvāpi abhisaṅkhate paṇītapaṇīte upanenti, so sakkato. Yasmiṃ garubhāvaṃ paccupaṭṭhapetvā te denti, so garukato. Yaṃ manasā piyāyanti bahumaññanti ca, so bahumato. Yassa sabbametaṃ pūjāvasena karonti, so pūjito. Yassa abhivādanapaccuṭṭhānañjalikammādivasena paramanipaccakāraṃ karonti, so apacito. Bhagavati bhikkhusaṅghe ca loko evaṃ paṭipanno. Tena vuttaṃ ‘‘tena kho pana…pe… parikkhārāna’’nti. Lābhaggayasaggapattanti lābhassa ca yasassa ca aggaṃ ukkaṃsaṃ pattaṃ.

    ปจฺจยา จีวราทโย ครุกาตพฺพา เอเตสนฺติ ปจฺจยครุกา, อามิสจกฺขุกาติ อโตฺถฯ ปจฺจเยสุ คิทฺธา คธิตา ปจฺจยานํ พหุลภาวาย ปฎิปนฺนาติ ปจฺจยพาหุลิกาภควโตปิ ปากฎา อโหสิ ปกติจาริตฺตวเสนาติ อธิปฺปาโย อญฺญถา อปากฎเสฺสว อภาวโตฯ ธมฺมสภาวจินฺตาวเสน ปวตฺตํ สโหตฺตปฺปญาณํ ธมฺมสํเวโค, อิธ ปน โส ภิกฺขูนํ ลาภครุตาธมฺมวเสน เวทิตโพฺพฯ สมณธมฺมวุตฺตีติ สมณธมฺมกรณํฯ สาติ ธมฺมทายาทเทสนาฯ ปฎิพิมฺพทสฺสนวเสน สพฺพกายสฺส ทสฺสนโยโคฺค อาทาโสติ สพฺพกายิกอาทาโส

    Paccayā cīvarādayo garukātabbā etesanti paccayagarukā, āmisacakkhukāti attho. Paccayesu giddhā gadhitā paccayānaṃ bahulabhāvāya paṭipannāti paccayabāhulikā. Bhagavatopi pākaṭā ahosi pakaticārittavasenāti adhippāyo aññathā apākaṭasseva abhāvato. Dhammasabhāvacintāvasena pavattaṃ sahottappañāṇaṃ dhammasaṃvego, idha pana so bhikkhūnaṃ lābhagarutādhammavasena veditabbo. Samaṇadhammavuttīti samaṇadhammakaraṇaṃ. ti dhammadāyādadesanā. Paṭibimbadassanavasena sabbakāyassa dassanayoggo ādāsoti sabbakāyikaādāso.

    ปิตุ-ทายํ, เตน ทาตพฺพํ, ตโต ลทฺธพฺพํ อรหภาเวน อาทิยนฺตีติ ทายาทา, ปุตฺตาฯ ตญฺจ โลเก อามิสเมว, สาสเน ปน ธโมฺมปีติ ตตฺถ ยํ สาวชฺชํ อนิยฺยานิกญฺจ, ตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา, ยํ นิยฺยานิกํ อนวชฺชญฺจ, ตตฺถ ภิกฺขู นิโยเชโนฺต ภควา อโวจ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติฯ ธมฺมสฺส เม ทายาทาติ มม ธมฺมสฺส โอคาหิโน, ธมฺมภาคภาคิโนติ อโตฺถฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ธมฺมโกฎฺฐาสเสฺสว สามิโน’’ติ (ม. นิ. อฎฺฐ.๑.๒๙)ฯ นิพฺพตฺติตธโมฺมติ อสํกิเลสิกานุตฺตราทิภาเวน ธมฺมสามญฺญโต นิทฺธาริตธโมฺมฯ ปริยาเยติ สภาวโต ปริวเตฺตตฺวา ญาเปติ เอเตนาติ ปริยาโย, เลโส, เลสการณํ วาฯ ตทภาวโต นิปฺปริยายธโมฺม มคฺคปฺปตฺติยา อปายปตนาทิโต อจฺจนฺตเมว วารณโตฯ อิตโร วุตฺตวิปริยายโต ปริยายธโมฺม อจฺจนฺตํ อปายทุกฺขวฎฺฎทุกฺขปาตนโต ปรมฺปราย วารณโตฯ ยถา หิ โลกิยํ กุสลํ ทานสีลาทิ วิวฎฺฎํ อุทฺทิสฺส นิพฺพตฺติตํ, อยํ ตํ อสมฺปาเทนฺตมฺปิ ตํ สมฺปาปกสฺส ธมฺมสฺส นิพฺพตฺตการณภาวปริยาเยน ปริยายธโมฺม นาม โหติ, เอวํ ตํ วฎฺฎํ อุทฺทิสฺส นิพฺพตฺติตํ, ยํ ตณฺหาทีหิ สวิเสสํ อามสิตพฺพโต อามิสนฺติ โลเก ปากฎํ อจฺฉาทนโภชนาทิ, ตสฺส, ตํสทิสสฺส จ ผลวิเสสสฺส นิมิตฺตภาวปริยาเยน ปริยายามิสนฺติ วุจฺจตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ยํ ปนิทํ…เป.… อิทํ ปริยายามิสํ นามา’’ติฯ

    Pitu-dāyaṃ, tena dātabbaṃ, tato laddhabbaṃ arahabhāvena ādiyantīti dāyādā, puttā. Tañca loke āmisameva, sāsane pana dhammopīti tattha yaṃ sāvajjaṃ aniyyānikañca, taṃ paṭikkhipitvā, yaṃ niyyānikaṃ anavajjañca, tattha bhikkhū niyojento bhagavā avoca ‘‘dhammadāyādā me, bhikkhave, bhavatha, mā āmisadāyādā’’ti. Dhammassa me dāyādāti mama dhammassa ogāhino, dhammabhāgabhāginoti attho. Tathā hi vakkhati ‘‘dhammakoṭṭhāsasseva sāmino’’ti (ma. ni. aṭṭha.1.29). Nibbattitadhammoti asaṃkilesikānuttarādibhāvena dhammasāmaññato niddhāritadhammo. Pariyāyeti sabhāvato parivattetvā ñāpeti etenāti pariyāyo, leso, lesakāraṇaṃ vā. Tadabhāvato nippariyāyadhammo maggappattiyā apāyapatanādito accantameva vāraṇato. Itaro vuttavipariyāyato pariyāyadhammo accantaṃ apāyadukkhavaṭṭadukkhapātanato paramparāya vāraṇato. Yathā hi lokiyaṃ kusalaṃ dānasīlādi vivaṭṭaṃ uddissa nibbattitaṃ, ayaṃ taṃ asampādentampi taṃ sampāpakassa dhammassa nibbattakāraṇabhāvapariyāyena pariyāyadhammo nāma hoti, evaṃ taṃ vaṭṭaṃ uddissa nibbattitaṃ, yaṃ taṇhādīhi savisesaṃ āmasitabbato āmisanti loke pākaṭaṃ acchādanabhojanādi, tassa, taṃsadisassa ca phalavisesassa nimittabhāvapariyāyena pariyāyāmisanti vuccatīti dassento āha ‘‘yaṃ panidaṃ…pe… idaṃ pariyāyāmisaṃ nāmā’’ti.

    ‘‘สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยสฺส ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒, ๓) อาทิวจนโต สาวเกหิ อธิคโตปิ โลกุตฺตรธโมฺม สตฺถุเยวาติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิปฺปริยายธโมฺมปิ ภควโตเยว สนฺตโก’’ติฯ สาวกานญฺหิ ธมฺมทิฎฺฐิปจฺจยสฺสปิ โยนิโสมนสิการสฺส วิเสสปจฺจโย ปรโตโฆโส จ ตถาคตาธีโนติ เตหิ ปฎิวิโทฺธปิ ธโมฺม ธมฺมสฺสามิโนเยวาติ วตฺตุํ ยุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺสาติ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ยาว อิมสฺมา พุทฺธุปฺปาทา อสโมฺพธวเสน น อุปฺปนฺนสฺส อริยมคฺคสฺสฯ อุปฺปาเทตาติ นิพฺพเตฺตตาฯ ตํ ปเนตํ มคฺคสฺส ภควโต นิพฺพตฺตนํ, น ปเจฺจกพุทฺธานํ วิย สสนฺตาเนเยว, อถ โข ปรสนฺตาเนปีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อสญฺชาตสฺส มคฺคสฺส สญฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา’’ติ วุตฺตํฯ ตยิทํ มคฺคสฺส อุปฺปาทนํ สญฺชานนญฺจ อตฺถโต ชานนเญฺญว อสโมฺมหปฎิเวธภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘มคฺคญฺญู มคฺควิทู’’ติฯ อกฺขานํ ปนสฺส สุกุสลภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘มคฺคโกวิโท’’ติฯ สตฺถารา ยถาคตํ มคฺคํ อนุคจฺฉนฺตีติ มคฺคานุคา ภควโต เอว ตํ มคฺคํ สุฎฺฐุ อธิคมนโตฯ ปจฺฉา ปรโต สมฺมา อนุ อนุ อาคตา ปฎิปนฺนาติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา

    ‘‘Sakalameva hidaṃ, ānanda, brahmacariyassa yadidaṃ kalyāṇamittatā’’ti (saṃ. ni. 5.2, 3) ādivacanato sāvakehi adhigatopi lokuttaradhammo satthuyevāti vattabbataṃ arahatīti vuttaṃ ‘‘nippariyāyadhammopi bhagavatoyeva santako’’ti. Sāvakānañhi dhammadiṭṭhipaccayassapi yonisomanasikārassa visesapaccayo paratoghoso ca tathāgatādhīnoti tehi paṭividdhopi dhammo dhammassāminoyevāti vattuṃ yuttaṃ. Tenāha ‘‘bhagavatā hī’’tiādi. Tattha anuppannassa maggassāti kassapassa bhagavato sāsanantaradhānato pabhuti yāva imasmā buddhuppādā asambodhavasena na uppannassa ariyamaggassa. Uppādetāti nibbattetā. Taṃ panetaṃ maggassa bhagavato nibbattanaṃ, na paccekabuddhānaṃ viya sasantāneyeva, atha kho parasantānepīti dassetuṃ ‘‘asañjātassa maggassa sañjanetā,anakkhātassa maggassa akkhātā’’ti vuttaṃ. Tayidaṃ maggassa uppādanaṃ sañjānanañca atthato jānanaññeva asammohapaṭivedhabhāvatoti vuttaṃ ‘‘maggaññū maggavidū’’ti. Akkhānaṃ panassa sukusalabhāvenāti vuttaṃ ‘‘maggakovido’’ti. Satthārā yathāgataṃ maggaṃ anugacchantīti maggānugā bhagavato eva taṃ maggaṃ suṭṭhu adhigamanato. Pacchā parato sammā anu anu āgatā paṭipannāti pacchā samannāgatā.

    ชานํ ชานาตีติ ชานิตพฺพเมว อภิเญฺญยฺยาทิเภทํ ชานาติ เอกนฺตหิตปฎิปตฺติโตฯ ปสฺสํ ปสฺสตีติ ตถา ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสติฯ อถ วา ชานํ ชานาตีติ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ชานิตพฺพํ ชานาติเยวฯ น หิ ปเทสญาเณน ชานิตพฺพํ สพฺพํ เอกนฺตโต ชานาติฯ ปสฺสํ ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุ ปญฺญาจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ พุทฺธจกฺขุ สมนฺตจกฺขุสงฺขาเตหิ ปญฺจหิ จกฺขูหิ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติเยวฯ อถ วา ชานํ ชานาตีติ ยถา อเญฺญ สวิปลฺลาสา กามรูปปริญฺญาวาทิโน ชานนฺตาปิ วิปลฺลาสวเสน ชานนฺติ, น เอวํ ภควาฯ ภควา ปน ปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชานโนฺต ชานาติเยว, ทิฎฺฐิทสฺสนสฺส จ อภาวา ปสฺสโนฺต ปสฺสติเยวาติ อโตฺถฯ จกฺขุภูโตติ ปญฺญาจกฺขุมยตฺตา ตสฺส จ ปตฺตตฺตา สเตฺตสุ จ ตทุปฺปาทนโต ทสฺสนปริณายกเฎฺฐน โลกสฺส จกฺขุ วิย ภูโตฯ ญาณภูโตติ เอตสฺส จ เอวเมว อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ธมฺมา โพธิปกฺขิยา, พฺรหฺมา มโคฺค, เตหิ อุปฺปนฺนตฺตา, เตสํวา ปตฺตตฺตา อธิคตตฺตา, โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนโต ‘‘ธมฺมภูโต, พฺรหฺมภูโต’’ติ จ เวทิตโพฺพฯ วตฺตาติ จตุสจฺจธมฺมํ วทตีติ วตฺตาฯ จิรํ สจฺจปฺปฎิเวธํ ปวเตฺตโนฺต วทตีติ ปวตฺตาอตฺถสฺส นิเนฺนตาติ ธมฺมตาสงฺขาตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานญฺจ นิทฺธาเรตฺวา ทเสฺสตา, ปาปยิตา วาฯ อมตสฺส ทาตาติ อมตํ สจฺฉิกิริยํ สเตฺตสุ อุปฺปาเทโนฺต อมตํ ททาตีติ อมตสฺส ทาตาฯ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตทายตฺตภาวโต ธมฺมสฺสามี

    Jānaṃ jānātīti jānitabbameva abhiññeyyādibhedaṃ jānāti ekantahitapaṭipattito. Passaṃ passatīti tathā passitabbameva passati. Atha vā jānaṃ jānātīti sabbaññutaññāṇena jānitabbaṃ jānātiyeva. Na hi padesañāṇena jānitabbaṃ sabbaṃ ekantato jānāti. Passaṃ passatīti dibbacakkhu paññācakkhu dhammacakkhu buddhacakkhu samantacakkhusaṅkhātehi pañcahi cakkhūhi passitabbaṃ passatiyeva. Atha vā jānaṃ jānātīti yathā aññe savipallāsā kāmarūpapariññāvādino jānantāpi vipallāsavasena jānanti, na evaṃ bhagavā. Bhagavā pana pahīnavipallāsattā jānanto jānātiyeva, diṭṭhidassanassa ca abhāvā passanto passatiyevāti attho. Cakkhubhūtoti paññācakkhumayattā tassa ca pattattā sattesu ca taduppādanato dassanapariṇāyakaṭṭhena lokassa cakkhu viya bhūto. Ñāṇabhūtoti etassa ca evameva attho daṭṭhabbo. Dhammā bodhipakkhiyā, brahmā maggo, tehi uppannattā, tesaṃvā pattattā adhigatattā, lokassa ca taduppādanato ‘‘dhammabhūto,brahmabhūto’’ti ca veditabbo. Vattāti catusaccadhammaṃ vadatīti vattā. Ciraṃ saccappaṭivedhaṃ pavattento vadatīti pavattā. Atthassa ninnetāti dhammatāsaṅkhātaṃ paramatthaṃ nibbānañca niddhāretvā dassetā, pāpayitā vā. Amatassa dātāti amataṃ sacchikiriyaṃ sattesu uppādento amataṃ dadātīti amatassa dātā. Bodhipakkhiyadhammānaṃ tadāyattabhāvato dhammassāmī.

    ‘‘ยา จ นิพฺพานสมฺปตฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ;

    ‘‘Yā ca nibbānasampatti, sabbametena labbhati;

    สุโข วิปาโก ปุญฺญานํ, อธิปฺปาโย สมิชฺฌติฯ (เปฎโก. ๒๓);

    Sukho vipāko puññānaṃ, adhippāyo samijjhati. (peṭako. 23);

    นิพฺพานปฎิสํยุโตฺต, สพฺพสมฺปตฺติทายโก’’ติ –

    Nibbānapaṭisaṃyutto, sabbasampattidāyako’’ti –

    เอวมาทิํ ภควโต วจนํ สุตฺวา เอว ภิกฺขู ทานาทิปุญฺญานํ วิวฎฺฎสนฺนิสฺสยตํ ชานนฺติ, น อญฺญถาติ วุตฺตํ ‘‘ปริยายธโมฺมปิ…เป.… ปฎิลภตี’’ติฯ ‘‘เอทิสํ ปริภุญฺจิตพฺพ’’นฺติ กปฺปิยสฺส จ จีวราทิปจฺจยสฺส ภควโต วจเนน วินา ปฎิคฺคโหปิ ภิกฺขูนํ น สมฺภวติ, กุโต ปริโภโคติ อาห ‘‘นิปฺปริยายามิสมฺปี’’ติอาทิฯ

    Evamādiṃ bhagavato vacanaṃ sutvā eva bhikkhū dānādipuññānaṃ vivaṭṭasannissayataṃ jānanti, na aññathāti vuttaṃ ‘‘pariyāyadhammopi…pe… paṭilabhatī’’ti. ‘‘Edisaṃ paribhuñcitabba’’nti kappiyassa ca cīvarādipaccayassa bhagavato vacanena vinā paṭiggahopi bhikkhūnaṃ na sambhavati, kuto paribhogoti āha ‘‘nippariyāyāmisampī’’tiādi.

    ปริยายามิสสฺส ภควโต สนฺตกภาโว ปริยายธมฺมสฺส ตพฺภาเวเนว ทีปิโตฯ ตเทว สามิภาวํ ทเสฺสโนฺตติ สมฺพโนฺธฯ ตสฺมาติ อตฺตาธีนปฎิลาภปฎิคฺคหตาย อตฺตโน สนฺตกตฺตา จฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ธมฺมามิเสฯ

    Pariyāyāmisassa bhagavato santakabhāvo pariyāyadhammassa tabbhāveneva dīpito. Tadeva sāmibhāvaṃ dassentoti sambandho. Tasmāti attādhīnapaṭilābhapaṭiggahatāya attano santakattā ca. Tatthāti tasmiṃ dhammāmise.

    ปจฺจยา จีวราทโย ปรมา ปาปุณิตพฺพภาเวน อุตฺตมมริยาทา เอตสฺส น อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อปฺปิจฺฉตาทโย จาติ ปจฺจยปรโม, ลาภครูติ อโตฺถฯ ตณฺหุปฺปาเทสูติ ‘‘จีวรเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, ปิณฺฑปาตเสนาสนอิติภวาภวเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๑; อ. นิ. ๔.๙; อิติวุ. ๑๐๕) เอวํ วุเตฺตสุ จตูสุ ตณฺหุปฺปตฺติโกฎฺฐาเสสุฯ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฎฺฐิสเลฺลขปวิเวกาทโย อปฺปิจฺฉตาทโย

    Paccayā cīvarādayo paramā pāpuṇitabbabhāvena uttamamariyādā etassa na uttarimanussadhammā appicchatādayo cāti paccayaparamo, lābhagarūti attho. Taṇhuppādesūti ‘‘cīvarahetu vā, bhikkhave, bhikkhuno taṇhā uppajjamānā uppajjati, piṇḍapātasenāsanaitibhavābhavahetu vā, bhikkhave, bhikkhuno taṇhā uppajjamānā uppajjatī’’ti (dī. ni. 3.311; a. ni. 4.9; itivu. 105) evaṃ vuttesu catūsu taṇhuppattikoṭṭhāsesu. Appicchatāsantuṭṭhisallekhapavivekādayo appicchatādayo.

    ตตฺถาติ ตสฺมิํ โอวาเท, เตสุ วา ธมฺมปฎิคฺคาหเกสุ ภิกฺขูสุฯ ภวิสฺสติ วา เยสํ ตตฺถาติ โยชนาฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข ตตฺถาติ ตสฺมิํ โอวาเท อิเจฺจว อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อธิปฺปาโย อามิสทายาทตาย อุปฺปชฺชนกอนตฺถานุปฺปาทสฺส ธมฺมทายาทตาย อุปฺปชฺชนกอฎฺฐุปฺปตฺติยา จ อากงฺขาฯ เตนาห ‘‘ปสฺสตี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อามิเส อุปกฺขลิตานนฺติ อามิสเหตุ วิปฺปฎิปนฺนานํฯ อตีตกาเลติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเลฯ กปิลสฺส ภิกฺขุโน วตฺถุ กปิลสุเตฺตน, ‘‘สงฺฆาฎิปิอาทิตฺตา โหตี’’ติอาทินา ลกฺขณสุเตฺตน (สํ. นิ. ๒.๒๑๘) จ วิภาเวตพฺพํฯ อามิสครุโก อปฺปคฺฆภาเวน กูฎกหาปโณ วิย นิเตฺตโช สมณเตเชน อนุชฺชลโต นิพฺพุตงฺคาโร วิย นิปฺปโภ จ โหตีติ โยชนาฯ ตโตติ ปจฺจยครุกภาวโตฯ วิวตฺติตจิโตฺตติ วินิวตฺติตมานโส, สเลฺลขวุตฺตีติ อโตฺถฯ

    Tatthāti tasmiṃ ovāde, tesu vā dhammapaṭiggāhakesu bhikkhūsu. Bhavissati vā yesaṃ tatthāti yojanā. Imasmiṃ pakkhe tatthāti tasmiṃ ovāde icceva attho daṭṭhabbo. Adhippāyo āmisadāyādatāya uppajjanakaanatthānuppādassa dhammadāyādatāya uppajjanakaaṭṭhuppattiyā ca ākaṅkhā. Tenāha ‘‘passatī’’tiādi. Tattha āmise upakkhalitānanti āmisahetu vippaṭipannānaṃ. Atītakāleti kassapasammāsambuddhakāle. Kapilassa bhikkhuno vatthu kapilasuttena, ‘‘saṅghāṭipiādittā hotī’’tiādinā lakkhaṇasuttena (saṃ. ni. 2.218) ca vibhāvetabbaṃ. Āmisagaruko appagghabhāvena kūṭakahāpaṇo viya nittejo samaṇatejena anujjalato nibbutaṅgāro viya nippabho ca hotīti yojanā. Tatoti paccayagarukabhāvato. Vivattitacittoti vinivattitamānaso, sallekhavuttīti attho.

    ธมฺมทายาทาติ เอตฺตาวตา อโนฺตคธาวธารณํ วจนนฺติ เตน อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘มา อามิสทายาทา’’ติ ปฎิเกฺขโป ทสฺสิโตฯ ตเถว จ วิภาเวตุํ อธิปฺปายานิสํสวิภาวเนสุปิ ทสฺสิโต, ตถา อาทีนววิภาวเนน ธมฺมทายาทตาปฎิเกฺขโปฯ อปทิสิตพฺพาติ เหฎฺฐา กตฺวา วตฺตพฺพาติฯ อาทิยาติ เอตฺถ ยสฺมา อา-กาโร มริยาทโตฺถ, ตสฺมา ธมฺมทายาทตาวิธุเรน อามิสทายาทภาเวน เหตุภูเตน, กรณภูเตน วา อาทิยํ วิเวจนํ วิญฺญูหิ วิสุํ กรณํ ววตฺถานสฺส โหตีติ อาห ‘‘วิสุํ กาตพฺพา’’ติฯ เตนาห ‘‘วิญฺญูหิ คารยฺหา ภเวยฺยาถาติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ

    Dhammadāyādāti ettāvatā antogadhāvadhāraṇaṃ vacananti tena avadhāraṇena nivattitamatthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘mā āmisadāyādā’’ti paṭikkhepo dassito. Tatheva ca vibhāvetuṃ adhippāyānisaṃsavibhāvanesupi dassito, tathā ādīnavavibhāvanena dhammadāyādatāpaṭikkhepo. Apadisitabbāti heṭṭhā katvā vattabbāti. Ādiyāti ettha yasmā ā-kāro mariyādattho, tasmā dhammadāyādatāvidhurena āmisadāyādabhāvena hetubhūtena, karaṇabhūtena vā ādiyaṃ vivecanaṃ viññūhi visuṃ karaṇaṃ vavatthānassa hotīti āha ‘‘visuṃ kātabbā’’ti. Tenāha ‘‘viññūhi gārayhā bhaveyyāthāti vuttaṃ hotī’’ti.

    ‘‘อตฺถิ เม ตุเมฺหสุ อนุกมฺปา…เป.… โน อามิสทายาทา’’ติ ภิกฺขูสุ อตฺตโน กรุณายนากิตฺตนํ เตสํ มุทุกรณํ, ‘‘อหมฺปิ เตนา’’ติอาทิ ปน ตโตปิ สวิเสสํ มุทุกรณนฺติ อาห ‘‘อตีว มุทุกรณตฺถ’’นฺติฯ

    ‘‘Atthi me tumhesu anukampā…pe… no āmisadāyādā’’ti bhikkhūsu attano karuṇāyanākittanaṃ tesaṃ mudukaraṇaṃ, ‘‘ahampi tenā’’tiādi pana tatopi savisesaṃ mudukaraṇanti āha ‘‘atīva mudukaraṇattha’’nti.

    นาฬกปฎิปทาทโย นาฬกสุตฺตาทีสุ (สุ. นิ. ๖๘๔-๗๒๘) อาคตปฎิปตฺติโยฯ ตา ปน ยสฺมา นาฬกเตฺถราทีหิ ปฎิปนฺนา ปรมสเลฺลขวุตฺติภูตา อติอุกฺกฎฺฐปฎิปตฺติโย, ตสฺมา อิธ ธมฺมทายาทปฎิปทาย อุทาหรณภาเวน อุทฺธฎาฯ สกฺขิภูตาติ ตาย ปฎิปตฺติยา วุจฺจมานาย ‘‘กิํ เม วินา ปฎิปชฺชนโก อตฺถี’’ติ อสทฺทหนฺตานํ ปจฺจกฺขกรเณน สกฺขิภูตาฯ อิมสฺมินฺติ ‘‘ตุเมฺห จ เม ภิกฺขเว ธมฺมทายาทา’’ติอาทิเก วาเกฺยฯ เสสนฺติ ‘‘ตุเมฺห จ เม’’ติอาทิกํ สุกฺกปเกฺข อาคตํ ปาฬิปทํฯ วุตฺตนยปจฺจนีเกนาติ ‘‘เตน ธมฺมทายาทภาเวน โน อามิสทายาทภาเวนา’’ติ เอวํ กณฺหปเกฺข วุตฺตนยสฺส ปฎิปเกฺขนฯ

    Nāḷakapaṭipadādayo nāḷakasuttādīsu (su. ni. 684-728) āgatapaṭipattiyo. Tā pana yasmā nāḷakattherādīhi paṭipannā paramasallekhavuttibhūtā atiukkaṭṭhapaṭipattiyo, tasmā idha dhammadāyādapaṭipadāya udāharaṇabhāvena uddhaṭā. Sakkhibhūtāti tāya paṭipattiyā vuccamānāya ‘‘kiṃ me vinā paṭipajjanako atthī’’ti asaddahantānaṃ paccakkhakaraṇena sakkhibhūtā. Imasminti ‘‘tumhe ca me bhikkhave dhammadāyādā’’tiādike vākye. Sesanti ‘‘tumhe ca me’’tiādikaṃ sukkapakkhe āgataṃ pāḷipadaṃ. Vuttanayapaccanīkenāti ‘‘tena dhammadāyādabhāvena no āmisadāyādabhāvenā’’ti evaṃ kaṇhapakkhe vuttanayassa paṭipakkhena.

    ๓๐. โถมนํ สุตฺวาติ ปฎิปชฺชนกสฺส ปุคฺคลสฺส ปสํสนํ สุตฺวา ยถา ตํ สปริสสฺส อายสฺมโต อุปเสนสฺส ปฎิปตฺติยา สีลโถมนํ สุตฺวาฯ นิปาตปทนฺติ อิมินา อิธ-สทฺทสฺส อนตฺถกตมาหฯ ปวาริโตติ ปฎิเกฺขปิโตฯ โย หิ ภุญฺชโนฺต โภชเนน ติโตฺต ปริเวสเกน อุปนีตโภชนํ ปฎิกฺขิปติ, โส เตน ปวาริเตน ปฎิเกฺขปิโต นาม โหติฯ เตนาห ‘‘ปวาริโตติ…เป.… วุตฺตํ โหตี’’ติฯ ปกาเรหิ ทิฎฺฐาทีหิ วาเรติ สงฺฆาทิเก ยาจาเปติ ภเตฺต กโรติ เอตายาติ ปวารณา, อาปตฺติวิโสธนาย อตฺตโวสฺสโคฺค โอกาสทานํฯ สา ปน ยสฺมา เยภุเยฺยน วสฺสํวุเตฺถหิ กาตพฺพา วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘วสฺสํวุตฺถปวารณา’’ติ วุตฺตํฯ ปวาเรติ ปจฺจเย อิจฺฉาเปติ เอตายาติ ปวารณา, จีวราทีหิ อุปนิมนฺตนาฯ ปการยุตฺตา วารณาติ ปวารณา, วิปฺปกตโภชนตาทิจตุรงฺคสหิโต โภชนปฎิเกฺขโปฯ สา ปน ยสฺมา อนติริตฺตโภชนนิมิตฺตาย อาปตฺติยา การณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘อนติริตฺตปวารณา’’ติ วุตฺตาฯ ยาวทตฺถโภชนสฺส ปวารณา ยาวทตฺถปวารณา, ปริโยสิตโภชนสฺส อุปนีตาหารปฎิเกฺขโปติ อโตฺถฯ

    30.Thomanaṃ sutvāti paṭipajjanakassa puggalassa pasaṃsanaṃ sutvā yathā taṃ saparisassa āyasmato upasenassa paṭipattiyā sīlathomanaṃ sutvā. Nipātapadanti iminā idha-saddassa anatthakatamāha. Pavāritoti paṭikkhepito. Yo hi bhuñjanto bhojanena titto parivesakena upanītabhojanaṃ paṭikkhipati, so tena pavāritena paṭikkhepito nāma hoti. Tenāha ‘‘pavāritoti…pe… vuttaṃ hotī’’ti. Pakārehi diṭṭhādīhi vāreti saṅghādike yācāpeti bhatte karoti etāyāti pavāraṇā, āpattivisodhanāya attavossaggo okāsadānaṃ. Sā pana yasmā yebhuyyena vassaṃvutthehi kātabbā vuttā, tasmā ‘‘vassaṃvutthapavāraṇā’’ti vuttaṃ. Pavāreti paccaye icchāpeti etāyāti pavāraṇā, cīvarādīhi upanimantanā. Pakārayuttā vāraṇāti pavāraṇā, vippakatabhojanatādicaturaṅgasahito bhojanapaṭikkhepo. Sā pana yasmā anatirittabhojananimittāya āpattiyā kāraṇaṃ hoti, tasmā ‘‘anatirittapavāraṇā’’ti vuttā. Yāvadatthabhojanassa pavāraṇā yāvadatthapavāraṇā, pariyositabhojanassa upanītāhārapaṭikkhepoti attho.

    ‘‘ภุตฺตาวี’’ติ วจนโต โภชนปาริปูริตา อิธาธิเปฺปตาติ อาห ‘‘ปริปุโณฺณติ โภชเนน ปริปุโณฺณ’’ติฯ ปริโยสิโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย ‘‘โภชเนน โภชนกิริยาย ปริโยสิโต’’ติฯ อฎฺฐกถายํ ปน อธิเปฺปตตฺถํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ โภชน-สทฺทสฺส โลโป วุโตฺตฯ ธาโตติ ติโตฺตฯ สาธกานีติ ญาปกานิฯ ปริโยสิตโภชนํ สุหิตยาวทตฺถตาคหเณหิ ภุตฺตาวิตาทโย, ภุตฺตาวิตาทิคฺคหเณหิ วา อิตเร โพธิตา โหนฺตีติ อญฺญมญฺญํ เนสํ ญาปกญาเปตพฺพตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวํ ฉหิปิ ปเทหิ อุทราวเทหกํ โภชนํ ทสฺสิตํ , ตญฺจ โข ปริกปฺปนาวเสนฯ น หิ ภควา เอวํ ภุญฺชติฯ เตนาห ‘‘สพฺพเญฺจตํ ปริกเปฺปตฺวา วุตฺต’’นฺติฯ

    ‘‘Bhuttāvī’’ti vacanato bhojanapāripūritā idhādhippetāti āha ‘‘paripuṇṇoti bhojanena paripuṇṇo’’ti. Pariyositoti etthāpi eseva nayo ‘‘bhojanena bhojanakiriyāya pariyosito’’ti. Aṭṭhakathāyaṃ pana adhippetatthaṃ pākaṭaṃ katvā dassetuṃ bhojana-saddassa lopo vutto. Dhātoti titto. Sādhakānīti ñāpakāni. Pariyositabhojanaṃ suhitayāvadatthatāgahaṇehi bhuttāvitādayo, bhuttāvitādiggahaṇehi vā itare bodhitā hontīti aññamaññaṃ nesaṃ ñāpakañāpetabbataṃ dassetuṃ ‘‘yo hī’’tiādi vuttaṃ. Evaṃ chahipi padehi udarāvadehakaṃ bhojanaṃ dassitaṃ , tañca kho parikappanāvasena. Na hi bhagavā evaṃ bhuñjati. Tenāha ‘‘sabbañcetaṃ parikappetvā vutta’’nti.

    ‘‘สิยา เอว, นาปิ สิยา’’ติ จ อิทํ อตฺถทฺวยมฺปิ อิธ สมฺภวตีติ วุตฺตํ ‘‘อิธ อุภยมฺปิ วฎฺฎตี’’ติฯ อถาติ อนนฺตรํ, มม โภชนสมนนฺตรเมวาติ อโตฺถฯ ตํ ปน ยสฺมา ยถาวุตฺตกาลปจฺจามสนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ตมฺหิ กาเล’’ติ วุตฺตํฯ อปฺปรุฬฺหหริเตติ รุหมานติณาทิหริตรหิเตฯ อภาวโตฺถ จ อยํ อปฺป-สโทฺท ‘‘อปฺปิโจฺฉ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๒, ๓๓๖; สํ. นิ. ๒.๑๔๘) วิยฯ

    ‘‘Siyā eva, nāpi siyā’’ti ca idaṃ atthadvayampi idha sambhavatīti vuttaṃ ‘‘idha ubhayampi vaṭṭatī’’ti. Athāti anantaraṃ, mama bhojanasamanantaramevāti attho. Taṃ pana yasmā yathāvuttakālapaccāmasanaṃ hoti, tasmā ‘‘tamhi kāle’’ti vuttaṃ. Apparuḷhahariteti ruhamānatiṇādiharitarahite. Abhāvattho ca ayaṃ appa-saddo ‘‘appiccho’’tiādīsu (ma. ni. 1.252, 336; saṃ. ni. 2.148) viya.

    กถิเตปีติ ปิ-สโทฺท อวุตฺตสมุจฺจยโตฺถฯ เตน วาปสมีกรณาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ตถา เหส วุตฺต-สโทฺท ‘‘โน จ โข ปฎิวุตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๙) วาปสมีกรเณ ทิสฺสติ, ‘‘ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุโตฺต’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๓๒) ชีวิตวุตฺติยํ, ‘‘ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุโตฺต’’ติอาทีสุ (ปารา. ๙๒; ปาจิ. ๖๖๖; มหาว. ๑๒๙; ม. นิ. ๓.๕๙) อปคเม, ‘‘คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๕) ปาวจนภาเวน ปวตฺติเต, โลเก ปน ‘‘วุตฺตํ ปรายณ’’นฺติอาทีสุ (มหาภาส ๗.๒.๒๖) อเชฺฌเน ทิสฺสตีติฯ

    Kathitepīti pi-saddo avuttasamuccayattho. Tena vāpasamīkaraṇādiṃ saṅgaṇhāti. Tathā hesa vutta-saddo ‘‘no ca kho paṭivutta’’ntiādīsu (pārā. 289) vāpasamīkaraṇe dissati, ‘‘pannalomo paradattavutto’’tiādīsu (cūḷava. 332) jīvitavuttiyaṃ, ‘‘paṇḍupalāso bandhanā pavutto’’tiādīsu (pārā. 92; pāci. 666; mahāva. 129; ma. ni. 3.59) apagame, ‘‘gītaṃ pavuttaṃ samihita’’ntiādīsu (dī. ni. 1.285) pāvacanabhāvena pavattite, loke pana ‘‘vuttaṃ parāyaṇa’’ntiādīsu (mahābhāsa 7.2.26) ajjhene dissatīti.

    น เอตฺถ ปิณฺฑปาตโภชเนน ธมฺมทายาทตา นิวาริตา, ปิณฺฑปาตโภชนํ ปน อนาทริตฺวา ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺตีติ เอตฺถ การณํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปิณฺฑปาตํ…เป.… วีตินาเมยฺยา’’ติฯ ตตฺถ วีตินาเมยฺยาติ กมฺมฎฺฐานานุโยเคน เขเปยฺยฯ เตนาห ‘‘อาทิตฺตสีสูปมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา’’ติฯ อาทิตฺตสีสูปมนฺติอาทิตฺตสีสูปมสุตฺตํฯ

    Na ettha piṇḍapātabhojanena dhammadāyādatā nivāritā, piṇḍapātabhojanaṃ pana anādaritvā dhammānudhammapaṭipattīti ettha kāraṇaṃ dassento āha ‘‘piṇḍapātaṃ…pe… vītināmeyyā’’ti. Tattha vītināmeyyāti kammaṭṭhānānuyogena khepeyya. Tenāha ‘‘ādittasīsūpamaṃ paccavekkhitvā’’ti. Ādittasīsūpamantiādittasīsūpamasuttaṃ.

    กิญฺจาปีติ อยํ ‘‘ยทิปี’’ติ อิมินา สมานโตฺถ นิปาโตฯ นิปาโต จ นาม ยตฺถ ยตฺถ วาเกฺย ปยุชฺชติ, เตน เตน วตฺตพฺพตฺถโชตโก โหตีติ อิธ ‘‘ปิณฺฑปาต’’นฺติอาทินา อนุญฺญาปสํสาวเสน วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส โชตโกติ อธิปฺปาเยน ‘‘อนุชานนปสํสนเตฺถ นิปาโต’’ติ วุตฺตํ, อนุญฺญาปสํสารเมฺภ ปน ‘‘อสมฺภาวนเตฺถ’’ติ วุตฺตํ สิยา ปุริเมเยว สมฺภาวนาวิภาวนโต อธิกตฺตานุโลมโต จฯ

    Kiñcāpīti ayaṃ ‘‘yadipī’’ti iminā samānattho nipāto. Nipāto ca nāma yattha yattha vākye payujjati, tena tena vattabbatthajotako hotīti idha ‘‘piṇḍapāta’’ntiādinā anuññāpasaṃsāvasena vuccamānassa atthassa jotakoti adhippāyena ‘‘anujānanapasaṃsanatthe nipāto’’ti vuttaṃ, anuññāpasaṃsārambhe pana ‘‘asambhāvanatthe’’ti vuttaṃ siyā purimeyeva sambhāvanāvibhāvanato adhikattānulomato ca.

    เอกวารํ ปวตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺขิปนํ กถํ ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ การณํ โหตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อตฺริจฺฉตาติ อตฺร อิจฺฉตีติ อตฺริโจฺฉ, ตสฺส ภาโว อตฺริจฺฉตา, อตฺถโต ปรลาภปตฺถนาฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปุริเมเยว สกลาเภน อสนฺตุฎฺฐิ, ปรลาเภ จ ปตฺถนา, เอตํ อตฺริจฺฉตาลกฺขณ’’นฺติ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๔๙)ฯ ปาปิจฺฉตาติ อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปายตาฯ ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิโจฺฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตาฯ ยถาห ‘‘อสนฺตคุณสมฺภาวนตา ปฎิคฺคหเณ จ อมตฺตญฺญุตา, เอตํ ปาปิจฺฉลกฺขณ’’นฺติ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๕๑)ฯ มหนฺตานิ วตฺถูนิ อิจฺฉติ, มหตี วา ตสฺส อิจฺฉาติ มหิโจฺฉ, ตสฺส ภาโว มหิจฺฉตาฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สนฺตคุณสมฺภาวนตา ปฎิคฺคหเณ จ อมตฺตญฺญุตา, เอตํ มหิจฺฉลกฺขณ’’นฺติฯ ปจฺจเวกฺขมาโน นิวาเรสฺสตีติ โยชนาฯ อสฺส ภิกฺขุโน สํวตฺติสฺสติ ปิณฺฑปาตปฎิเกฺขโปฯ

    Ekavāraṃ pavattaṃ piṇḍapātapaṭikkhipanaṃ kathaṃ dīgharattaṃ appicchatādīnaṃ kāraṇaṃ hotīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tassa hī’’tiādi. Tattha atricchatāti atra icchatīti atriccho, tassa bhāvo atricchatā, atthato paralābhapatthanā. Tathā hi vuttaṃ ‘‘purimeyeva sakalābhena asantuṭṭhi, paralābhe ca patthanā, etaṃ atricchatālakkhaṇa’’nti (vibha. aṭṭha. 849). Pāpicchatāti asantaguṇasambhāvanādhippāyatā. Pāpā icchā etassāti pāpiccho, tassa bhāvo pāpicchatā. Yathāha ‘‘asantaguṇasambhāvanatā paṭiggahaṇe ca amattaññutā, etaṃ pāpicchalakkhaṇa’’nti (vibha. aṭṭha. 851). Mahantāni vatthūni icchati, mahatī vā tassa icchāti mahiccho, tassa bhāvo mahicchatā. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘santaguṇasambhāvanatā paṭiggahaṇe ca amattaññutā, etaṃ mahicchalakkhaṇa’’nti. Paccavekkhamāno nivāressatīti yojanā. Assa bhikkhuno saṃvattissati piṇḍapātapaṭikkhepo.

    มหิโจฺฉ ปุคฺคโล ยถา ปจฺจยทานวเสน ปจฺจยทายเกหิ ภริตุํ อสกฺกุเณโยฺย, เอวํ ปจฺจยปริเยสนวเสน อตฺตนาปีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโนปิ อุปฎฺฐากานมฺปิ ทุพฺภโร โหตี’’ติฯ สทฺธาเทยฺยสฺส วินิปาตวเสน ปวตฺติยา อญฺญสฺส ฆเร ฉเฑฺฑโนฺตริตฺตปโตฺตวาติ เยสุ กุเลสุ ปฎิปิณฺฑวเสน ปวตฺตติ, เตสํ สพฺพปจฺฉิมํ อตฺตโน ยถาลทฺธํ ทตฺวา ตตฺถ กิญฺจิ อลทฺธา ริตฺตปโตฺต วิหารํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ ชิฆจฺฉาทุพฺพเลฺยนาติ อธิปฺปาโยฯ ยถาลทฺธปจฺจยปริโภเคน, ปุน ปริเยสนานาปชฺชเนน อตฺตโน สุภรตา, ยถาลทฺธปจฺจเยน อวญฺญํ อกตฺวา สโนฺตสาปตฺติยา อุปฎฺฐากานํ สุภรตา เวทิตพฺพาฯ

    Mahiccho puggalo yathā paccayadānavasena paccayadāyakehi bharituṃ asakkuṇeyyo, evaṃ paccayapariyesanavasena attanāpīti vuttaṃ ‘‘attanopiupaṭṭhākānampi dubbharo hotī’’ti. Saddhādeyyassa vinipātavasena pavattiyā aññassa ghare chaḍḍento. Rittapattovāti yesu kulesu paṭipiṇḍavasena pavattati, tesaṃ sabbapacchimaṃ attano yathāladdhaṃ datvā tattha kiñci aladdhā rittapatto vihāraṃ pavisitvā nipajjati jighacchādubbalyenāti adhippāyo. Yathāladdhapaccayaparibhogena, puna pariyesanānāpajjanena attano subharatā, yathāladdhapaccayena avaññaṃ akatvā santosāpattiyā upaṭṭhākānaṃ subharatā veditabbā.

    กถาวตฺถูนีติ อปฺปิจฺฉตาทิปฎิสํยุตฺตานํ กถานํ วตฺถูนีติ กถาวตฺถูนิ, อปฺปิจฺฉตาทโย เอวฯ ตีณีติ ตีณิ กถาวตฺถูนิฯ อภิสเลฺลขิกาติ อติวิย กิเลเส สลฺลิขตีติ อภิสเลฺลโข, อปฺปิจฺฉ ตาทิคุณสมุทาโย, โส เอติสฺสา อตฺถีติ อภิสเลฺลขิกา, มหิจฺฉตาทีนํ ตนุภาวาย ยุตฺตรูปา อปฺปิจฺฉตาทิปฎิสํยุตฺตตาฯ เจโตวินีวรณสปฺปายาติ กุสลจิตฺตุปฺปตฺติยา นิวารกานํ นีวรณานํ ทูรีภาวกรเณน เจโตวินีวรณสงฺขาตานํ สมถวิปสฺสนานํ สปฺปายาฯ สมถวิปสฺสนาจิตฺตเสฺสว วา วิภูติภาวกรณาย สปฺปายา อุปการิกาติ เจโตวินีวรณสปฺปายาเอกนฺตนิพฺพิทายาติอาทิ เยน นิพฺพิทาทิอานิสํเสน อยํ กถา อภิสเลฺลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา จ นาม โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกํเสน วฎฺฎทุกฺขโต นิพฺพินฺทนตฺถายฯ วิราคาย นิโรธายาติ ตเสฺสว วิรชฺชนตฺถญฺจ นิรุชฺฌนตฺถญฺจฯ อุปสมายาติ สพฺพกิเลสวูปสมายฯ อภิญฺญายาติ สพฺพสฺสปิ อภิเญฺญยฺยสฺส อภิชานนายฯ สโมฺพธายาติ จตุมคฺคสโมฺพธายฯ นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานายฯ เอเตสุ หิ อาทิโต ตีหิ วิปสฺสนา วุตฺตา, ปุน ตีหิ มโคฺค, อิตเรน นิพฺพานํฯ เตน สมถวิปสฺสนา อาทิํ กตฺวา นิพฺพานปริโยสาโน อยํ สโพฺพ อุตฺตริมนุสฺสธโมฺม ทสกถาวตฺถุลาภิโน สมฺภวตีติ ทเสฺสติฯ ปริปูเรสฺสนฺตีติ ตํสภาวโต อุปการโต จ สํวตฺติสฺสนฺติฯ อปฺปิจฺฉตาทโย หิ เอกวารอุปฺปนฺนา อุปริ ตทตฺถาย สํวตฺติสฺสนฺติฯ กถาวตฺถุปริปูรณํ สิกฺขาปริปูรณญฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Kathāvatthūnīti appicchatādipaṭisaṃyuttānaṃ kathānaṃ vatthūnīti kathāvatthūni, appicchatādayo eva. Tīṇīti tīṇi kathāvatthūni. Abhisallekhikāti ativiya kilese sallikhatīti abhisallekho, appiccha tādiguṇasamudāyo, so etissā atthīti abhisallekhikā, mahicchatādīnaṃ tanubhāvāya yuttarūpā appicchatādipaṭisaṃyuttatā. Cetovinīvaraṇasappāyāti kusalacittuppattiyā nivārakānaṃ nīvaraṇānaṃ dūrībhāvakaraṇena cetovinīvaraṇasaṅkhātānaṃ samathavipassanānaṃ sappāyā. Samathavipassanācittasseva vā vibhūtibhāvakaraṇāya sappāyā upakārikāti cetovinīvaraṇasappāyā. Ekantanibbidāyātiādi yena nibbidādiānisaṃsena ayaṃ kathā abhisallekhikā cetovinīvaraṇasappāyā ca nāma hoti, taṃ dassetuṃ vuttaṃ. Tattha ekantanibbidāyāti ekaṃsena vaṭṭadukkhato nibbindanatthāya. Virāgāya nirodhāyāti tasseva virajjanatthañca nirujjhanatthañca. Upasamāyāti sabbakilesavūpasamāya. Abhiññāyāti sabbassapi abhiññeyyassa abhijānanāya. Sambodhāyāti catumaggasambodhāya. Nibbānāyāti anupādisesanibbānāya. Etesu hi ādito tīhi vipassanā vuttā, puna tīhi maggo, itarena nibbānaṃ. Tena samathavipassanā ādiṃ katvā nibbānapariyosāno ayaṃ sabbo uttarimanussadhammo dasakathāvatthulābhino sambhavatīti dasseti. Paripūressantīti taṃsabhāvato upakārato ca saṃvattissanti. Appicchatādayo hi ekavārauppannā upari tadatthāya saṃvattissanti. Kathāvatthuparipūraṇaṃ sikkhāparipūraṇañca vuttanayeneva veditabbaṃ.

    อมตํ นิพฺพานนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุํฯ อิตรา ปน เสกฺขาเสกฺขธมฺมปาริปูริยา ปริปุณฺณาฯ นิพฺพานปาริปูริ เจตฺถ ตทาวหธมฺมปาริปูริวเสน ปริยายโต วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อิทานิ ยายํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุกฺกมปริวุทฺธิยา คุณปาริปูริตา, ตํ อุปมาย สาเธโนฺต ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปาวุสฺสโกติ วสฺสานมาเส อุฎฺฐิโตฯ โส หิ จิรานุปฺปวตฺติ โหติฯ ปพฺพตกนฺทรา ปพฺพเตสุ อุปจฺจกาธิจฺจกาปภวนิชฺฌราทินทิโยฯ สรสาขาติ ยตฺถ อุปริอุนฺนตปเทสโต อุทกํ อาคนฺตฺวา ติฎฺฐติ เจว สนฺทติ จ, เตฯ กุโสพฺภา ขุทฺทกตฬากาฯ กุนฺนทิโยติ ปพฺพตปาทโต นิกฺขนฺตา ขุทฺทกนทิโยฯ ตา หิ มหานทิโย โอตรนฺติโย ปริปูเรนฺติฯ ปรมธมฺมทายาทนฺติ ปรมํ อุตฺตมํ ธมฺมทายาทภาวํ, ปรมํ ธมฺมทายชฺชํ วาฯ เต ภิกฺขูติ เต ธมฺมปฎิคฺคาหเก ภิกฺขูฯ สนฺนิโยเชโนฺตติ มูลคุเณหิ อปฺปิจฺฉตาทีหิ โยเชโนฺตฯ

    Amataṃ nibbānanti anupādisesanibbānadhātuṃ. Itarā pana sekkhāsekkhadhammapāripūriyā paripuṇṇā. Nibbānapāripūri cettha tadāvahadhammapāripūrivasena pariyāyato vuttāti veditabbā. Idāni yāyaṃ appicchatādīnaṃ anukkamaparivuddhiyā guṇapāripūritā, taṃ upamāya sādhento ‘‘seyyathāpī’’tiādimāha. Tattha pāvussakoti vassānamāse uṭṭhito. So hi cirānuppavatti hoti. Pabbatakandarā pabbatesu upaccakādhiccakāpabhavanijjharādinadiyo. Sarasākhāti yattha upariunnatapadesato udakaṃ āgantvā tiṭṭhati ceva sandati ca, te. Kusobbhā khuddakataḷākā. Kunnadiyoti pabbatapādato nikkhantā khuddakanadiyo. Tā hi mahānadiyo otarantiyo paripūrenti. Paramadhammadāyādanti paramaṃ uttamaṃ dhammadāyādabhāvaṃ, paramaṃ dhammadāyajjaṃ vā. Te bhikkhūti te dhammapaṭiggāhake bhikkhū. Sanniyojentoti mūlaguṇehi appicchatādīhi yojento.

    อุคฺคเหตฺวาติ อตฺถโต พฺยญฺชนโต จ อุปธารณวเสน คเหตฺวา อวิปรีตํ คเหตฺวาฯ สํสเนฺทตฺวาติ มม เทสนานุสาเรน มมชฺฌาสยํ อวิรชฺฌิตฺวาฯ ยถา อิเธว จิเนฺตสีติ ยถา อิมิสฺสา ธมฺมทายาทเทสนาย จิเนฺตสิ, เอวํ อญฺญตฺถาปิ ธมฺมโถมนตฺถํ คนฺธกุฎิํ ปวิสโนฺต จิเนฺตสิฯ เอกชฺฌาสยายาติ สมานาธิปฺปายายฯ มติยาติ ปญฺญายฯ อยํ เทสนา อคฺคาติอาทิ ภควา ธมฺมเสนาปติํ คุณโต เอว ปคฺคณฺหาตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    Uggahetvāti atthato byañjanato ca upadhāraṇavasena gahetvā aviparītaṃ gahetvā. Saṃsandetvāti mama desanānusārena mamajjhāsayaṃ avirajjhitvā. Yathā idheva cintesīti yathā imissā dhammadāyādadesanāya cintesi, evaṃ aññatthāpi dhammathomanatthaṃ gandhakuṭiṃ pavisanto cintesi. Ekajjhāsayāyāti samānādhippāyāya. Matiyāti paññāya. Ayaṃ desanā aggātiādi bhagavā dhammasenāpatiṃ guṇato eva paggaṇhātīti katvā vuttaṃ.

    จิตฺตคติยาติ จิตฺตวเสน กายสฺส ปริณามเนน ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ กายสฺส จิเตฺตน สมานคติกตาธิฎฺฐาเนนฯ กถํ ปน กาโย ทนฺธปฺปวตฺติโก ลหุปริวตฺตนจิเตฺตน สมานคติโก โหตีติ? น สพฺพถา สมานคติโกฯ ยเถว หิ กายวเสน จิตฺตปริณามเน จิตฺตํ สพฺพถา กาเยน สมานคติกํ น โหติฯ น หิ ตทา จิตฺตํ สภาวสิเทฺธน อตฺตโน ขเณน อวตฺติตฺวา ทนฺธวุตฺติกสฺส รูปธมฺมสฺส ขเณน วตฺติตุํ สโกฺกติ, ‘‘อิทํ จิตฺตํ อยํ กาโย วิย โหตู’’ติ ปน อธิฎฺฐาเนน ทนฺธคติกสฺส กายสฺส อนุวตฺตนโต ยาว อิจฺฉิตฎฺฐานปฺปตฺติ, ตาว กายคติํ อนุโลเมนฺตเมว หุตฺวา สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ จิตฺตํ กายคติกํ กตฺวา ปริณามิตํ นาม โหติ, เอวํ ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ อธิฎฺฐาเนน ปเคว ลหุสญฺญาย สุขุมสญฺญาย จ สมฺปาทิตตฺตา อภาวิติทฺธิปาทานํ วิย ทนฺธํ อวตฺติตฺวา ยถา ลหุํ กติปยจิตฺตวาเรเหว อิจฺฉิตฎฺฐานปฺปตฺติ โหติ , เอวํ ปวตฺตมาโน กาโย จิตฺตคติกภาเวเนว ปริณามิโต นาม โหติ, น เอกจิตฺตกฺขเณเนว ปวตฺติยาฯ เอวญฺจ กตฺวา พาหุสมิญฺชนปฺปสารณูปมาปิ อุปจาเรน วินา สุฎฺฐุตรํ ยุตฺตา โหติ, อญฺญถา ธมฺมตาวิโลมิตา สิยาฯ น หิ ธมฺมานํ ลกฺขณญฺญถตฺตํ อิทฺธิพเลน กาตุํ สกฺกา, ภาวญฺญถตฺตเมว ปน สกฺกาติฯ

    Cittagatiyāti cittavasena kāyassa pariṇāmanena ‘‘ayaṃ kāyo idaṃ cittaṃ viya hotū’’ti kāyassa cittena samānagatikatādhiṭṭhānena. Kathaṃ pana kāyo dandhappavattiko lahuparivattanacittena samānagatiko hotīti? Na sabbathā samānagatiko. Yatheva hi kāyavasena cittapariṇāmane cittaṃ sabbathā kāyena samānagatikaṃ na hoti. Na hi tadā cittaṃ sabhāvasiddhena attano khaṇena avattitvā dandhavuttikassa rūpadhammassa khaṇena vattituṃ sakkoti, ‘‘idaṃ cittaṃ ayaṃ kāyo viya hotū’’ti pana adhiṭṭhānena dandhagatikassa kāyassa anuvattanato yāva icchitaṭṭhānappatti, tāva kāyagatiṃ anulomentameva hutvā santānavasena pavattamānaṃ cittaṃ kāyagatikaṃ katvā pariṇāmitaṃ nāma hoti, evaṃ ‘‘ayaṃ kāyo idaṃ cittaṃ viya hotū’’ti adhiṭṭhānena pageva lahusaññāya sukhumasaññāya ca sampāditattā abhāvitiddhipādānaṃ viya dandhaṃ avattitvā yathā lahuṃ katipayacittavāreheva icchitaṭṭhānappatti hoti , evaṃ pavattamāno kāyo cittagatikabhāveneva pariṇāmito nāma hoti, na ekacittakkhaṇeneva pavattiyā. Evañca katvā bāhusamiñjanappasāraṇūpamāpi upacārena vinā suṭṭhutaraṃ yuttā hoti, aññathā dhammatāvilomitā siyā. Na hi dhammānaṃ lakkhaṇaññathattaṃ iddhibalena kātuṃ sakkā, bhāvaññathattameva pana sakkāti.

    ๓๑. ภควโต อธิปฺปายานุรูปํ ภิกฺขูนญฺจ อชฺฌาสยํ ญตฺวาติ วจนเสโสฯ เทสกาเล วิย ภาชนมฺปิ โอโลเกตฺวา เอว มหาเถโร ธมฺมํ กเถติฯ ปกฺกนฺตสฺสาติ อิทํ อนาทเร สามิวจนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปกฺกนฺตสฺส สโต’’ติอาทิมาหฯ กิตฺตเกนาติ เกน ปริมาเณนฯ ตํ ปน ปริมาณํ ยสฺมา ปริเมยฺยสฺส อตฺถสฺส ปริจฺฉินฺทนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘กิตฺตาวตาติ ปริเจฺฉทวจน’’นฺติ อาหฯ นุกาโร ปุจฺฉายนฺติ อยํ นุ-สโทฺท อิเธว ปุจฺฉายํ อาคโตติ กตฺวา วุตฺตํฯ นุ-สเทฺทน เหตฺถ โชติยมาโน อโตฺถ กิํ-สเทฺทน ปริมาโณ อโตฺถ ปริเมยฺยโตฺถ จฯ เอตฺถ สํกิเลสปโกฺข วิเวกสฺส อนนุสิกฺขนํ อามิสทายาทตา, โวทานปโกฺข ตสฺส อนุสิกฺขนํ ธมฺมทายาทตาติฯ ตีหิ วิเวเกหีติ วิเวกตฺตยคฺคหณํ ตทโนฺตคธตฺตา วิเวกปญฺจกสฺสฯ วิเวกปญฺจกคฺคหเณ ปนสฺส สรูเปน กายวิเวโก คหิโต น สิยา, ตทายตฺตตฺตา วา สตฺถารา ตทา ปยุชฺชมานวิเวกทสฺสนวเสน ‘‘ตีหิ วิเวเกหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อญฺญตรมฺปีติ กสฺมา วุตฺตํฯ น หิ กายวิเวกมเตฺตน ธมฺมทายาทภาโว สิชฺฌตีติ? น, วิเวกทฺวยสนฺนิสฺสยเสฺสว กายวิเวกสฺส อิธาธิเปฺปตตฺตาฯ เอวญฺจ กตฺวา จิตฺตวิเวกคฺคหณมฺปิ สมตฺถิตํ โหติฯ น หิ โลกิยชฺฌานาธิคมมเตฺตน นิปฺปริยายโต สตฺถุธมฺมทายาทภาโว อิจฺฉิโต, นิพฺพานาธิคเมน ปน โส อิจฺฉิโต, ตสฺมา สพฺพาปิ สาสเน วิเวกานุสิกฺขนา นิพฺพานโปณา นิพฺพานปพฺภารา นิพฺพาโนคธา จาติ วุตฺตํ ‘‘ติณฺณํ วิเวกานํ อญฺญตรมฺปี’’ติฯ อสติ อาโลเก อนฺธกาโร วิย อสติ ธมฺมทายาทตาย เอกํสิยา อามิสทายาทตาติ อาห ‘‘อามิสทายาทาว โหนฺตี’’ติฯ เอส นโย สุกฺกปเกฺขปีติ กณฺหปกฺขโต สาธารณวเสน ลพฺภมานํ อตฺถสามญฺญํ อติทิสติ, น อตฺถวิเสสํ ตสฺส วิสทิสตฺตา, อตฺถวิเสสเมว วา อติทิสติ วิสทิสูทาหรณูปายญาเยนฯ ‘‘ติณฺณํ วิเวกานํ อญฺญตร’’นฺติ อิทํ อิธ น ลพฺภติฯ ตโยปิ หิ วิเวกา, เตสุ เอโก วา อิตรทฺวยสนฺนิสฺสโย อิธ ลพฺภติฯ

    31.Bhagavato adhippāyānurūpaṃ bhikkhūnañca ajjhāsayaṃ ñatvāti vacanaseso. Desakāle viya bhājanampi oloketvā eva mahāthero dhammaṃ katheti. Pakkantassāti idaṃ anādare sāmivacananti dassento ‘‘pakkantassa sato’’tiādimāha. Kittakenāti kena parimāṇena. Taṃ pana parimāṇaṃ yasmā parimeyyassa atthassa paricchindanaṃ hoti, tasmā ‘‘kittāvatāti paricchedavacana’’nti āha. Nukāro pucchāyanti ayaṃ nu-saddo idheva pucchāyaṃ āgatoti katvā vuttaṃ. Nu-saddena hettha jotiyamāno attho kiṃ-saddena parimāṇo attho parimeyyattho ca. Ettha saṃkilesapakkho vivekassa ananusikkhanaṃ āmisadāyādatā, vodānapakkho tassa anusikkhanaṃ dhammadāyādatāti. Tīhi vivekehīti vivekattayaggahaṇaṃ tadantogadhattā vivekapañcakassa. Vivekapañcakaggahaṇe panassa sarūpena kāyaviveko gahito na siyā, tadāyattattā vā satthārā tadā payujjamānavivekadassanavasena ‘‘tīhi vivekehī’’tiādi vuttaṃ. Aññatarampīti kasmā vuttaṃ. Na hi kāyavivekamattena dhammadāyādabhāvo sijjhatīti? Na, vivekadvayasannissayasseva kāyavivekassa idhādhippetattā. Evañca katvā cittavivekaggahaṇampi samatthitaṃ hoti. Na hi lokiyajjhānādhigamamattena nippariyāyato satthudhammadāyādabhāvo icchito, nibbānādhigamena pana so icchito, tasmā sabbāpi sāsane vivekānusikkhanā nibbānapoṇā nibbānapabbhārā nibbānogadhā cāti vuttaṃ ‘‘tiṇṇaṃ vivekānaṃ aññatarampī’’ti. Asati āloke andhakāro viya asati dhammadāyādatāya ekaṃsiyā āmisadāyādatāti āha ‘‘āmisadāyādāva hontī’’ti. Esa nayo sukkapakkhepīti kaṇhapakkhato sādhāraṇavasena labbhamānaṃ atthasāmaññaṃ atidisati, na atthavisesaṃ tassa visadisattā, atthavisesameva vā atidisati visadisūdāharaṇūpāyañāyena. ‘‘Tiṇṇaṃ vivekānaṃ aññatara’’nti idaṃ idha na labbhati. Tayopi hi vivekā, tesu eko vā itaradvayasannissayo idha labbhati.

    ทูรโตปีติ ทูรฎฺฐานโตปิฯ เตนาห ‘‘ติโรรฎฺฐโตปี’’ติอาทิฯ กามํ ‘‘ปฎิภาตู’’ติ เอตฺถ ปฎิ-สทฺทาเปกฺขาย ‘‘สาริปุตฺต’’นฺติ อุปโยควจนํ, อโตฺถ ปน สามิวจนวเสเนว เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อายสฺมโตเยว สาริปุตฺตสฺสา’’ติฯ ภาโค โหตูติ อิมินาภาคโตฺถ ปฎิ-สโทฺทติ ทเสฺสติ ลกฺขณาทิอตฺถานํ อิธ อยุชฺชนโตฯ เตนาห ‘‘เอวํ สทฺทลกฺขเณน สเมตี’’ติฯ ทิสฺสตูติ ญาเณน ทิสฺสตุ, ปสฺสตูติ วา อโตฺถฯ อุปฎฺฐาตูติ ญาณสฺส ปจฺจุปติฎฺฐตุฯ อุคฺคเหสฺสนฺตีติ วาจุคฺคตํ กริสฺสนฺติฯ วาจุคฺคตกรณญฺหิ อุคฺคโหฯ ปริยาปุณิสฺสนฺตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปุริปุจฺฉนาทินา วา อตฺถสฺส จิเตฺต อาปาทนํ ปฎฺฐปนํ ปริยาปุณนํฯ การณวจนนฺติ ยถาวุตฺตสฺส การณภาเวน วจนํ ‘‘เหตุมฺหิ กรณวจน’’นฺติ กตฺวาฯ วุตฺตตฺถปจฺจามสนํ ตํ-สเทฺทน กรียตีติฯ เตนาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิฯ

    Dūratopīti dūraṭṭhānatopi. Tenāha ‘‘tiroraṭṭhatopī’’tiādi. Kāmaṃ ‘‘paṭibhātū’’ti ettha paṭi-saddāpekkhāya ‘‘sāriputta’’nti upayogavacanaṃ, attho pana sāmivacanavaseneva veditabboti dassento āha ‘‘āyasmatoyeva sāriputtassā’’ti. Bhāgo hotūti iminābhāgattho paṭi-saddoti dasseti lakkhaṇādiatthānaṃ idha ayujjanato. Tenāha ‘‘evaṃ saddalakkhaṇena sametī’’ti. Dissatūti ñāṇena dissatu, passatūti vā attho. Upaṭṭhātūti ñāṇassa paccupatiṭṭhatu. Uggahessantīti vācuggataṃ karissanti. Vācuggatakaraṇañhi uggaho. Pariyāpuṇissantīti tasseva vevacanaṃ. Puripucchanādinā vā atthassa citte āpādanaṃ paṭṭhapanaṃ pariyāpuṇanaṃ. Kāraṇavacananti yathāvuttassa kāraṇabhāvena vacanaṃ ‘‘hetumhi karaṇavacana’’nti katvā. Vuttatthapaccāmasanaṃ taṃ-saddena karīyatīti. Tenāha ‘‘yasmā’’tiādi.

    เอเกเนวากาเรนาติ อามิสทายาทตาสิเทฺธน อาทิยตาสงฺขาเตน เอเกเนว ปกาเรนฯ ตเมว หิ อาการํ สนฺธายาห ‘‘ภควตา วุตฺตมตฺถ’’นฺติฯ อญฺญถา ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’ติ เอเกเนว อากาเรน โส อโตฺถ เถเรนปิ วุโตฺตฯ ตีหิ อากาเรหีติ อามิสทายาทปฎิปทาภูเตหิ ติณฺณํ วิเวกานํ อนนุสิกฺขนากาเรหิฯ เอตฺตาวตาติ ‘‘อิธาวุโส…เป.… นานุสิกฺขนฺตี’’ติ เอตฺตเกน กณฺหปเกฺข อุเทฺทสปาเฐนฯ

    Ekenevākārenāti āmisadāyādatāsiddhena ādiyatāsaṅkhātena ekeneva pakārena. Tameva hi ākāraṃ sandhāyāha ‘‘bhagavatā vuttamattha’’nti. Aññathā ‘‘satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekaṃ nānusikkhantī’ti ekeneva ākārena so attho therenapi vutto. Tīhi ākārehīti āmisadāyādapaṭipadābhūtehi tiṇṇaṃ vivekānaṃ ananusikkhanākārehi. Ettāvatāti ‘‘idhāvuso…pe… nānusikkhantī’’ti ettakena kaṇhapakkhe uddesapāṭhena.

    วิตฺถารโต สุวิภโตฺต โหติ อนวเสสโต สมฺมเทว นิทฺทิฎฺฐตฺตาฯ นนุ จ อุเทฺทเส สตฺถุโนปิ อาทิยตา ภควตา คหิตา, สา น นิทฺทิฎฺฐาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘โส จ โข’’ติอาทิฯ สาวเก อนุคฺคณฺหนฺตสฺสาติ ‘‘อามิสทายาทา สตฺถุ สาวกา’’ติ สตฺถุ ปรปฺปวาทปริหรณตฺถมฺปิ ‘‘ตุเมฺหหิ ธมฺมทายาเทหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สาวเก อนุกมฺปมานสฺสฯ สาวกานํ ตํ น ยุตฺตํ สามีจิอภาวโตติ โยชนาฯ เอส นโยติ ยทิทํ ‘‘เอตฺตาวตายํ ภควา’’ติอาทินา กณฺหปเกฺข อุเทฺทสสฺส อตฺถวิภาคทสฺสนมุเขน สมฺพนฺธทสฺสนํ, เอส นโย สุกฺกปเกฺขปิ สมฺพนฺธทสฺสเนติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘อยํ ตาเวตฺถ อนุสนฺธิกฺกมโยชนา’’ติ, สตฺถารา เทสิตาย อุเทฺทสเทสนาย มหาเถเรน เทสิตาย จ อนุสนฺธิกฺกเมน สมฺพโนฺธติ อโตฺถฯ ยถานุสนฺธิ เอว เจตฺถ อนุสนฺธิ เวทิตโพฺพฯ

    Vitthārato suvibhatto hoti anavasesato sammadeva niddiṭṭhattā. Nanu ca uddese satthunopi ādiyatā bhagavatā gahitā, sā na niddiṭṭhāti anuyogaṃ sandhāyāha ‘‘so ca kho’’tiādi. Sāvake anuggaṇhantassāti ‘‘āmisadāyādā satthu sāvakā’’ti satthu parappavādapariharaṇatthampi ‘‘tumhehi dhammadāyādehi bhavitabba’’nti evaṃ sāvake anukampamānassa. Sāvakānaṃ taṃ na yuttaṃ sāmīciabhāvatoti yojanā. Esa nayoti yadidaṃ ‘‘ettāvatāyaṃ bhagavā’’tiādinā kaṇhapakkhe uddesassa atthavibhāgadassanamukhena sambandhadassanaṃ, esa nayo sukkapakkhepi sambandhadassaneti adhippāyo. Tenāha ‘‘ayaṃ tāvettha anusandhikkamayojanā’’ti, satthārā desitāya uddesadesanāya mahātherena desitāya ca anusandhikkamena sambandhoti attho. Yathānusandhi eva cettha anusandhi veditabbo.

    อจฺจนฺตปวิวิตฺตสฺสาติ เอกนฺตอุปธิวิเวโก วิย อิตเรปิ วิเวโก สตฺถุ เอกนฺติกาวาติฯ อนุสิกฺขนํ นาม อนุ อนุ ปูรณนฺติ ตปฺปฎิเกฺขเปน อาห ‘‘น ปริปูเรนฺตี’’ติ, น ปริพฺรูเหนฺตีติ อโตฺถ, น ปริปูเรนฺตีติ วา น ปริปาเลนฺตีติ อโตฺถฯ ยทเคฺคน หิ วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, ตทเคฺคน น ปริพฺรูเหนฺติ, น ปริปาเลนฺตีติ วา วตฺตพฺพตํ ลภนฺตีติฯ กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อุเทฺทเส วิย อวิเสสวจเน กายวิเวกเสฺสว คหณํ กตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยทิ ปนา’’ติอาทิฯ ปุจฺฉายาติ ปุจฺฉาโต อวิเสโส สิยา วิภาคสฺส อลพฺภมานตฺตา วิสฺสชฺชนสฺสฯ นนุ จ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อวิเสสวจนโต ปาฬิยํ วิภาโค น ลพฺภเตวาติ? น, ปทนฺตเรน วิภาวิตตฺตาฯ เตนาห ‘‘เยสญฺจ ธมฺมาน’’นฺติอาทิฯ พฺยากรณปโกฺขติ วิสฺสชฺชนปโกฺขฯ วิสฺสชฺชนญฺจ น ปุจฺฉา วิย อวิเสสโชตนา , อถ โข ยถาธิเปฺปตตฺถวิภชนนฺติ อธิปฺปาโยฯ อิมินา ปเทนาติ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อิมินา ปเทน กายวิเวกํ อปริปูริยมานํ ทเสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Accantapavivittassāti ekantaupadhiviveko viya itarepi viveko satthu ekantikāvāti. Anusikkhanaṃ nāma anu anu pūraṇanti tappaṭikkhepena āha ‘‘na paripūrentī’’ti, na paribrūhentīti attho, na paripūrentīti vā na paripālentīti attho. Yadaggena hi vivekaṃ nānusikkhanti, tadaggena na paribrūhenti, na paripālentīti vā vattabbataṃ labhantīti. Kasmā panettha ‘‘vivekaṃ nānusikkhantī’’ti uddese viya avisesavacane kāyavivekasseva gahaṇaṃ katanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘yadi panā’’tiādi. Pucchāyāti pucchāto aviseso siyā vibhāgassa alabbhamānattā vissajjanassa. Nanu ca ‘‘vivekaṃ nānusikkhantī’’ti avisesavacanato pāḷiyaṃ vibhāgo na labbhatevāti? Na, padantarena vibhāvitattā. Tenāha ‘‘yesañca dhammāna’’ntiādi. Byākaraṇapakkhoti vissajjanapakkho. Vissajjanañca na pucchā viya avisesajotanā , atha kho yathādhippetatthavibhajananti adhippāyo. Iminā padenāti ‘‘vivekaṃ nānusikkhantī’’ti iminā padena kāyavivekaṃ aparipūriyamānaṃ dassetīti adhippāyo. Cittavivekaṃ upadhivivekanti etthāpi eseva nayo.

    เอตฺถ จ นปฺปชหนฺตีติ ปหาตพฺพธมฺมานํ ปหานาภาววจนํ ปหานลกฺขณวิเวกาภาวทีปนํ, ตํ วตฺวา ปุน ‘‘วิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา’’ติ วจนํ ตโต สาติสยวิเวกาภาวทีปนนฺติ ตทุภยวิเวกาภาวทสฺสเนน ‘‘เยสญฺจ ธมฺมาน’’นฺติอาทินาว ปาริเสสญาเยน ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อิมินา วิเวกทฺวยมูลภูตกายวิเวกาภาวทสฺสนํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อวิคตตณฺหตาย ตํ ตํ ปริกฺขารชาตํ พหุํ ลนฺติ อาทิยนฺตีติ พหุลา, พหุลา เอว พาหุลิกา ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘)ฯ เต ปน ยสฺมา ปจฺจยพหุลภาวาย ยุตฺตปฺปยุตฺตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘จีวราทิพาหุลฺลาย ปฎิปนฺนา’’ติฯ สิกฺขาย อาทรภาวาภาวโต สิถิลํ อทฬฺหํ คณฺหนฺตีติ ‘‘สาถลิกา’’ติ วุตฺตํฯ สิถิลนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส, สิถิล-สเทฺทน วา สมานตฺถสฺส สาถล-สทฺทสฺส วเสน ‘‘สาถลิกา’’ติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ อวคมนเฎฺฐนาติ อโธคมนเฎฺฐน , โอรมฺภาคิยภาเวนาติ อโตฺถฯ อุปธิวิเวเกติ สพฺพูปธิปฎินิสฺสคฺคตาย อุปธีหิ วิวิเตฺตฯ โอโรปิตธุราติ อุชฺฌิตุสฺสาหาฯ

    Ettha ca nappajahantīti pahātabbadhammānaṃ pahānābhāvavacanaṃ pahānalakkhaṇavivekābhāvadīpanaṃ, taṃ vatvā puna ‘‘viveke nikkhittadhurā’’ti vacanaṃ tato sātisayavivekābhāvadīpananti tadubhayavivekābhāvadassanena ‘‘yesañca dhammāna’’ntiādināva pārisesañāyena ‘‘vivekaṃ nānusikkhantī’’ti iminā vivekadvayamūlabhūtakāyavivekābhāvadassanaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Avigatataṇhatāya taṃ taṃ parikkhārajātaṃ bahuṃ lanti ādiyantīti bahulā, bahulā eva bāhulikā yathā ‘‘venayiko’’ti (ma. ni. 1.246; a. ni. 8.11; pārā. 8). Te pana yasmā paccayabahulabhāvāya yuttappayuttā nāma honti, tasmā āha ‘‘cīvarādibāhullāya paṭipannā’’ti. Sikkhāya ādarabhāvābhāvato sithilaṃ adaḷhaṃ gaṇhantīti ‘‘sāthalikā’’ti vuttaṃ. Sithilanti bhāvanapuṃsakaniddeso, sithila-saddena vā samānatthassa sāthala-saddassa vasena ‘‘sāthalikā’’ti padasiddhi veditabbā. Avagamanaṭṭhenāti adhogamanaṭṭhena , orambhāgiyabhāvenāti attho. Upadhiviveketi sabbūpadhipaṭinissaggatāya upadhīhi vivitte. Oropitadhurāti ujjhitussāhā.

    อนิยเมเนวาติ กิญฺจิ วิเสสํ อนามสิตฺวา ‘‘สาวกา’’ติ อวิเสเสเนวฯ นิยเมโนฺต‘‘เถรา’’ติอาทินาฯ ทสวเสฺส อุปาทายาติ ทสวสฺสโต ปฎฺฐายฯ อิสฺสริเยติ ‘‘เสฎฺฐิฎฺฐานํ เสนาปติฎฺฐาน’’นฺติอาทีสุ วิยฯ อจิรกฺขโณภาเสน ลกฺขเวธโก อกฺขณเวธิฐิติยนฺติ อวฎฺฐาเนฯ ฐานโสติ ตงฺขเณเยวฯ ติฎฺฐตีติ อาธาราเธยฺยภาเวนาติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติภาเวนา’’ติฯ อุเปกฺขานุพฺรูหนา สตฺตสงฺขาเรสุ อุทาสีนตาปิ อสงฺขตาธิคมสฺส อุปาโยติ ตพฺพิปริยายโต จีวราทิมณฺฑนา น อุปธิวิเวกปาริปูริยา สํวตฺตตีติ อาห ‘‘จีวรปตฺต…เป.… อปูรยมานา’’ติฯ ตตฺถาติ เถรวาเรฯ อิธาติ มชฺฌิมนวกวาเรสุฯ ตถา หิ ‘‘มชฺฌิมเถรกาเล’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Aniyamenevāti kiñci visesaṃ anāmasitvā ‘‘sāvakā’’ti aviseseneva. Niyamento‘‘therā’’tiādinā. Dasavasse upādāyāti dasavassato paṭṭhāya. Issariyeti ‘‘seṭṭhiṭṭhānaṃ senāpatiṭṭhāna’’ntiādīsu viya. Acirakkhaṇobhāsena lakkhavedhako akkhaṇavedhi. Ṭhitiyanti avaṭṭhāne. Ṭhānasoti taṅkhaṇeyeva. Tiṭṭhatīti ādhārādheyyabhāvenāti āha ‘‘tadāyattavuttibhāvenā’’ti. Upekkhānubrūhanā sattasaṅkhāresu udāsīnatāpi asaṅkhatādhigamassa upāyoti tabbipariyāyato cīvarādimaṇḍanā na upadhivivekapāripūriyā saṃvattatīti āha ‘‘cīvarapatta…pe… apūrayamānā’’ti. Tatthāti theravāre. Idhāti majjhimanavakavāresu. Tathā hi ‘‘majjhimatherakāle’’tiādi vuttaṃ.

    ๓๒. อิมสฺมิญฺจ กณฺหปเกฺขติ อิมสฺมิญฺจ นิเทฺทสวาเร กณฺหปเกฺข, น อุเทฺทสวาเร กณฺหปเกฺขฯ อุเทฺทสวาเร ปน กณฺหปเกฺข วุตฺตวิปริยาเยน คเหตพฺพโตฺถ ‘‘เอส นโย สุกฺกปเกฺขปี’’ติ อติเทเสน ทสฺสิโตฯ วุตฺตปจฺจนีกนเยนาติ ‘‘กายวิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ น ปริปูเรนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปจฺจนีกนเยน, ‘‘กายวิเวกํ อนุสิกฺขนฺติ ปริปูเรนฺตี’’ติอาทินา นเยนฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สุกฺกปเกฺขฯ สเงฺขโปติ อตฺถสเงฺขโปฯ โยชนปรมฺปรายาติ คามนฺตโต ทูรภาเวน เอกํ เทฺว ตีณีติ เอวํ โยชนานํ ปฎิปาฎิยาฯ อรญฺญวนปตฺถานีติ อรเญฺญสุ วนสณฺฑภูตานิฯ ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิฯ อุปคนฺตุํ ยุตฺตกาโล ชราชิณฺณกาโล โคจรคาเม ทูเร คมนาคมนสมตฺถตาภาวโตฯ ‘‘เอวํ คุณวเนฺตสุ ทินฺนํ อโห สุทินฺน’’นฺติ ปจฺจยทายกานํ ปสาทํ ชเนนฺติปาสํสาติ ปสํสิตพฺพาฯ อยมฺปิ มหาเถโรติอาทิ เอกํ อปฺปมาทวิหารินํ วุทฺธตรํ นิทฺทิสิตฺวา วทนฺตานํ วเสน วุตฺตํฯ ปวิโฎฺฐ วิเวกฎฺฐานํฯ สายํ นิกฺขมติ โยนิโสมนสิการํ อุปพฺรูเหตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ กสิณปริกมฺมํ กโรติ, น ยํ กิญฺจิ กิจฺจนฺตรํฯ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตติ, น โมฆมนสิการํฯ สพฺพถาติอาทิโต ตาว ตทงฺควเสน กิเลเสหิ จิตฺตํ วิเวเจโนฺต ตโต วิกฺขมฺภนวเสน สมุเจฺฉทวเสน ปฎิปสฺสทฺธิวเสนาติ สพฺพปฺปกาเรน จิตฺตวิเวกํ ปูเรติฯ ปํสุกูลานิ ธาเรตีติ อิมินา พาหุลิกตาภาวํ ทเสฺสติ, อสิถิลํ สาสนํ คเหตฺวาติ อิมินา สาถลิกตาภาวํ, วิคตนีวรโณติ อิมินา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรตํ, ผลสมาปตฺตินฺติอาทินา ปวิเวกปุพฺพงฺคมตํ ทเสฺสติฯ

    32.Imasmiñca kaṇhapakkheti imasmiñca niddesavāre kaṇhapakkhe, na uddesavāre kaṇhapakkhe. Uddesavāre pana kaṇhapakkhe vuttavipariyāyena gahetabbattho ‘‘esa nayo sukkapakkhepī’’ti atidesena dassito. Vuttapaccanīkanayenāti ‘‘kāyavivekaṃ nānusikkhanti na paripūrentī’’tiādinā vuttassa atthassa paccanīkanayena, ‘‘kāyavivekaṃ anusikkhanti paripūrentī’’tiādinā nayena. Etthāti etasmiṃ sukkapakkhe. Saṅkhepoti atthasaṅkhepo. Yojanaparamparāyāti gāmantato dūrabhāvena ekaṃ dve tīṇīti evaṃ yojanānaṃ paṭipāṭiyā. Araññavanapatthānīti araññesu vanasaṇḍabhūtāni. Pantānīti pariyantāni. Upagantuṃ yuttakālo jarājiṇṇakālo gocaragāme dūre gamanāgamanasamatthatābhāvato. ‘‘Evaṃ guṇavantesu dinnaṃ aho sudinna’’nti paccayadāyakānaṃ pasādaṃ janenti. Pāsaṃsāti pasaṃsitabbā. Ayampi mahātherotiādi ekaṃ appamādavihārinaṃ vuddhataraṃ niddisitvā vadantānaṃ vasena vuttaṃ. Paviṭṭho vivekaṭṭhānaṃ. Sāyaṃ nikkhamati yonisomanasikāraṃ upabrūhetvāti adhippāyo. Kasiṇaparikammaṃ karoti, na yaṃ kiñci kiccantaraṃ. Samāpattiyo nibbatteti, na moghamanasikāraṃ. Sabbathātiādito tāva tadaṅgavasena kilesehi cittaṃ vivecento tato vikkhambhanavasena samucchedavasena paṭipassaddhivasenāti sabbappakārena cittavivekaṃ pūreti. Paṃsukūlāni dhāretīti iminā bāhulikatābhāvaṃ dasseti, asithilaṃ sāsanaṃgahetvāti iminā sāthalikatābhāvaṃ, vigatanīvaraṇoti iminā okkamane nikkhittadhurataṃ, phalasamāpattintiādinā pavivekapubbaṅgamataṃ dasseti.

    ๓๓. ตตฺราวุโสติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถฯ เตน ‘‘โลโภ จ ปาปโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ อุปริเทสนํ อนวเสสโต ปริยาทิยติฯ โก อนุสนฺธีติ ยา สา ภควตา สํกิเลสปเกฺขน สห ธมฺมทายาทปฎิปตฺติภาวินี ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติอาทินา เทสนา อุทฺทิฎฺฐา, ตํ ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต’’ติอาทินา อารภิตฺวา อฎฺฐารสวารปฎิมณฺฑิตาย นิเทฺทสเทสนาย วิภชิตฺวา ตโต ปรํ ‘‘ตตฺราวุโส โลโภ จ ปาปโก’’ติอาทินยาย อุปริเทสนาย สมฺพนฺธํ ปุจฺฉติฯ เอวนฺติ สํกิเลสปเกฺข ‘‘นปฺปชหนฺตี’’ติ ปหานาภาวทสฺสนวเสน, โวทานปเกฺข ‘‘ปชหนฺตี’’ติ ปหานสพฺภาวทสฺสนวเสนาติ เอวํฯ อนิทฺธาริตสรูปา ยํ-ตํ-สเทฺทหิ ธมฺม-สเทฺทน สามญฺญโต เย ปหาตพฺพธมฺมา วุตฺตา, เต สรูปโต ทเสฺสตุนฺติ โยชนาฯ อิเม เตติ เอตฺถ กสฺมา โลภาทโย เอว ปหาตพฺพธมฺมา วุตฺตา, นนุ อิโต อเญฺญปิ โมหทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาทโย ปหาตพฺพธมฺมา สนฺตีติ? สจฺจํ สนฺติ, เต ปน โลภาทีหิ ตเทกฎฺฐตา คหิตา เอว โหนฺตีติ วุตฺตาฯ อถ วา อิเมสํเยเวตฺถ คหเณ การณํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ

    33.Tatrāvusoti ettha iti-saddo ādiattho. Tena ‘‘lobho ca pāpako’’tiādinayappavattaṃ uparidesanaṃ anavasesato pariyādiyati. Ko anusandhīti yā sā bhagavatā saṃkilesapakkhena saha dhammadāyādapaṭipattibhāvinī ‘‘dhammadāyādā me, bhikkhave, bhavatha, mā āmisadāyādā’’tiādinā desanā uddiṭṭhā, taṃ ‘‘satthu pavivittassa viharato’’tiādinā ārabhitvā aṭṭhārasavārapaṭimaṇḍitāya niddesadesanāya vibhajitvā tato paraṃ ‘‘tatrāvuso lobho ca pāpako’’tiādinayāya uparidesanāya sambandhaṃ pucchati. Evanti saṃkilesapakkhe ‘‘nappajahantī’’ti pahānābhāvadassanavasena, vodānapakkhe ‘‘pajahantī’’ti pahānasabbhāvadassanavasenāti evaṃ. Aniddhāritasarūpā yaṃ-taṃ-saddehi dhamma-saddena sāmaññato ye pahātabbadhammā vuttā, te sarūpato dassetunti yojanā. Ime teti ettha kasmā lobhādayo eva pahātabbadhammā vuttā, nanu ito aññepi mohadiṭṭhivicikicchādayo pahātabbadhammā santīti? Saccaṃ santi, te pana lobhādīhi tadekaṭṭhatā gahitā eva hontīti vuttā. Atha vā imesaṃyevettha gahaṇe kāraṇaṃ parato āvi bhavissati.

    อิทานิ อุปจเยน อนุสนฺธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สาวกานํ ยสฺส ธมฺมสฺส ทายาทภาโว สตฺถุ อภิรุจิโต, โส ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน ภาเวตี’’ติอาทินา อกเตฺถตฺวา ‘‘วิเวกํ อนุสิกฺขนฺติ, เต จ ธเมฺม ปชหนฺติ, น จ พาหุลิกา’’ติอาทินา กถิตตฺตา เหฎฺฐา ปริยาเยเนว ธโมฺม กถิโตติ วุตฺตํฯ ‘‘เต จ ธเมฺม นปฺปชหนฺติ, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา’’ติอาทินา อามิสํ ปริยาเยนปิ กถิตํฯ ‘‘สิยา จ เม ปิณฺฑปาโต’’ติอาทินา, ‘‘พาหุลิกา จ โหนฺตี’’ติอาทินา จ อามิสํ นิปฺปริยาเยนปิ กถิตํฯ อถ วา ยายํ ภควตา อามิสทายาทปฎิเกฺขปนา ธมฺมทายาทตา วุตฺตา, ยญฺจ ตทตฺถํ วิภชเนฺตน มหาเถเรน อตฺตนา วิเวกานุสิกฺขนาทิ วุตฺตํ, ตทุภยํ เหตุวเสน วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺราวุโส, โลโภ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ ฯ เหตุนิโรเธน หิ สํกิเลสปกฺขสฺส, นิโรธเหตุสมฺปาทเนน จ โวทานปกฺขสฺส ตปฺปาปกตาฯ

    Idāni upacayena anusandhiṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sāvakānaṃ yassa dhammassa dāyādabhāvo satthu abhirucito, so ‘‘cattāro satipaṭṭhāne bhāvetī’’tiādinā akatthetvā ‘‘vivekaṃ anusikkhanti, te ca dhamme pajahanti, na ca bāhulikā’’tiādinā kathitattā heṭṭhā pariyāyeneva dhammo kathitoti vuttaṃ. ‘‘Te ca dhamme nappajahanti, okkamane pubbaṅgamā’’tiādinā āmisaṃ pariyāyenapi kathitaṃ. ‘‘Siyā ca me piṇḍapāto’’tiādinā, ‘‘bāhulikā ca hontī’’tiādinā ca āmisaṃ nippariyāyenapi kathitaṃ. Atha vā yāyaṃ bhagavatā āmisadāyādapaṭikkhepanā dhammadāyādatā vuttā, yañca tadatthaṃ vibhajantena mahātherena attanā vivekānusikkhanādi vuttaṃ, tadubhayaṃ hetuvasena vibhāvetuṃ ‘‘tatrāvuso, lobho cā’’tiādi vuttaṃ . Hetunirodhena hi saṃkilesapakkhassa, nirodhahetusampādanena ca vodānapakkhassa tappāpakatā.

    อตีตเทสนานิทสฺสนนฺติ อตีตาย เถเรน ยถาเทสิตาย เทสนาย จ ปจฺจามสนํฯ เตเนวาห ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส…เป.… เทสนายนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ ตตฺถาติ ยํ วุตฺตํ วิเสสโต ‘‘เยสํ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาหา’’ติ, เอตสฺมิํ ปเทฯ ตตฺถ หิ ปหาตพฺพธมฺมา โลภาทโย สามญฺญโต วุตฺตาฯ ลามกาติ นิหีนาฯ โลภโทสา หิ เหตุโต ปจฺจยโต สภาวโต ผลโต นิสฺสนฺทโต สํกิลิฎฺฐปกติกา, อายติํ ทุกฺขสฺส ปาปนเฎฺฐน วา ปาปกาฯ ลุพฺภนลกฺขโณติ อารมฺมณสฺส อภิคิชฺฌนลกฺขโณฯ ตถา หิ โส ลุพฺภนฺติ เตน, สยํ วา ลุพฺภติ, ลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ ‘‘โลโภ’’ติ วุจฺจติฯ รสาทีสุ อภิสงฺครโส, อปริจฺจาคปจฺจุปฎฺฐาโน, สํโยชนิเยสุ ธเมฺมสุ อสฺสาททสฺสนปทฎฺฐาโนฯ ทุสฺสนลกฺขโณติ อารมฺมเณ พฺยาปชฺชนลกฺขโณฯ ตถา หิ โส ทุสฺสนฺติ เตน, สยํ วา ทุสฺสติ, ทุสฺสนมตฺตเมว วา ตนฺติ ‘‘โทโส’’ติ วุจฺจติฯ รสาทีสุ วิสปฺปนรโส, สนิสฺสยทหนรโส วา, ทุสฺสนปจฺจุปฎฺฐาโน, อาฆาตวตฺถุปทฎฺฐาโนฯ

    Atītadesanānidassananti atītāya therena yathādesitāya desanāya ca paccāmasanaṃ. Tenevāha ‘‘satthu pavivittassa…pe… desanāyanti vuttaṃ hotī’’ti. Tatthāti yaṃ vuttaṃ visesato ‘‘yesaṃ dhammānaṃ satthā pahānamāhā’’ti, etasmiṃ pade. Tattha hi pahātabbadhammā lobhādayo sāmaññato vuttā. Lāmakāti nihīnā. Lobhadosā hi hetuto paccayato sabhāvato phalato nissandato saṃkiliṭṭhapakatikā, āyatiṃ dukkhassa pāpanaṭṭhena vā pāpakā. Lubbhanalakkhaṇoti ārammaṇassa abhigijjhanalakkhaṇo. Tathā hi so lubbhanti tena, sayaṃ vā lubbhati, lubbhanamattameva vā tanti ‘‘lobho’’ti vuccati. Rasādīsu abhisaṅgaraso, apariccāgapaccupaṭṭhāno, saṃyojaniyesu dhammesu assādadassanapadaṭṭhāno. Dussanalakkhaṇoti ārammaṇe byāpajjanalakkhaṇo. Tathā hi so dussanti tena, sayaṃ vā dussati, dussanamattameva vā tanti ‘‘doso’’ti vuccati. Rasādīsu visappanaraso, sanissayadahanaraso vā, dussanapaccupaṭṭhāno, āghātavatthupadaṭṭhāno.

    เตสูติอาทินา ทสฺสเนน โลภโทสานํ เอกนฺตโต ปหาตพฺพตาทสฺสนํฯ อามิสทายาทสฺส ปจฺจยานํ ลาเภ โหตีติ อิทํ โลภสฺส อารมฺมณคฺคหณสภาวตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตณฺหาย วเสน ปน อนุคิชฺฌนํ สนฺธาย ‘‘อลทฺธํ ปเตฺถตี’’ติ อาหฯ อลาเภ ปจฺจยานํ อามิสทายาทสฺส โหตีติ อาเนตฺวา โยชนาฯ อลภโนฺตติ เอตฺถ ‘‘ปจฺจเย’’ติ วิภตฺติํ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํฯ วิฆาตวาติ ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺข’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๒๐; วิภ. ๑๙๐) วจนโต อิจฺฉาวิฆาตวาฯ โลโภ จ เทยฺยธเมฺม โหติ อามิสทายาทสฺสาติ สมฺพโนฺธฯ เอส นโย อนนฺตรปเทปิฯ เทยฺยธเมฺมติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ สตฺตเกลายนาทิวเสนปิ ตสฺส โลภุปฺปตฺติสพฺภาวโตฯ ‘‘ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฎิจฺจ ลาโภ’’ติ เอวมาทโย นว ตณฺหามูลกาฯ ปริปูเรติ อามิสทายาโทติ วิภตฺติวิปริณาโม เวทิตโพฺพฯ อาวาสมจฺฉริยาทีนิ ปญฺจ มจฺฉริยานิ

    Tesūtiādinā dassanena lobhadosānaṃ ekantato pahātabbatādassanaṃ. Āmisadāyādassa paccayānaṃ lābhe hotīti idaṃ lobhassa ārammaṇaggahaṇasabhāvataṃ sandhāya vuttaṃ, taṇhāya vasena pana anugijjhanaṃ sandhāya ‘‘aladdhaṃ patthetī’’ti āha. Alābhe paccayānaṃ āmisadāyādassa hotīti ānetvā yojanā. Alabhantoti ettha ‘‘paccaye’’ti vibhattiṃ pariṇāmetvā yojetabbaṃ. Vighātavāti ‘‘yampicchaṃ na labhati, tampi dukkha’’nti (ma. ni. 1.120; vibha. 190) vacanato icchāvighātavā. Lobho ca deyyadhamme hoti āmisadāyādassāti sambandho. Esa nayo anantarapadepi. Deyyadhammeti ca idaṃ nidassanamattaṃ sattakelāyanādivasenapi tassa lobhuppattisabbhāvato. ‘‘Taṇhaṃ paṭicca pariyesanā, pariyesanaṃ paṭicca lābho’’ti evamādayo nava taṇhāmūlakā. Paripūreti āmisadāyādoti vibhattivipariṇāmo veditabbo. Āvāsamacchariyādīni pañca macchariyāni.

    มคฺคนฺติ อริยมคฺคํฯ โส หิ กิเลเส มาเรโนฺต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ จ มคฺคียติ, สยํ วา สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานํ มคฺคตีติ นิปฺปริยาเยน ‘‘มโคฺค’’ติ วุจฺจติฯ เอโก อโนฺตติ อิตเรน อสมฺมิโสฺส เอโก โกฎฺฐาโส, หีนตาย วา ลามกเฎฺฐน เอโก อโนฺตฯ กามํ อเญฺญปิ กุสลธมฺมา เอเต อเนฺต อสมฺปโยคโต น อุเปนฺติ, เตหิ วิมุตฺตา เอว, อยํ ปน อจฺจนฺตวิมุตฺติยา น อุเปตีติ อาห ‘‘วิมุโตฺต เอเตหิ อเนฺตหี’’ติฯ ตสฺมาติ อนฺตทฺวยวิมุตฺตตฺตาฯ เอเตสํ มเชฺฌ ภวตฺตาติ อิทํ มคฺคสฺส อุภยนฺตวิมุตฺตตาย เอว วุตฺตํ, น ตปฺปริยาปนฺนตาย, วฎฺฎทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ ปฎิปชฺชิตพฺพโต จฯ ตถาติ ยถา อิตเรน อสมฺมิสฺสเฎฺฐน ลามกเฎฺฐน จ โลโภ เอโก อโนฺต, ตถา กามสุขลฺลิกานุโยโคติ อโตฺถฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ มคฺคสฺส อนุปคมนญฺจ เนสํ อนฺตานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณเนว ทฎฺฐพฺพํฯ ปุริมนเยนาติ ‘‘เอเต เทฺว อเนฺต น อุเปตี’’ติอาทินา ปุเพฺพ วุตฺตนเยนฯ

    Magganti ariyamaggaṃ. So hi kilese mārento gacchati, nibbānatthikehi ca maggīyati, sayaṃ vā sacchikiriyābhisamayavasena nibbānaṃ maggatīti nippariyāyena ‘‘maggo’’ti vuccati. Eko antoti itarena asammisso eko koṭṭhāso, hīnatāya vā lāmakaṭṭhena eko anto. Kāmaṃ aññepi kusaladhammā ete ante asampayogato na upenti, tehi vimuttā eva, ayaṃ pana accantavimuttiyā na upetīti āha ‘‘vimutto etehi antehī’’ti. Tasmāti antadvayavimuttattā. Etesaṃ majjhe bhavattāti idaṃ maggassa ubhayantavimuttatāya eva vuttaṃ, na tappariyāpannatāya, vaṭṭadukkhanissaraṇatthikehi paṭipajjitabbato ca. Tathāti yathā itarena asammissaṭṭhena lāmakaṭṭhena ca lobho eko anto, tathā kāmasukhallikānuyogoti attho. Esa nayo sesesupi. Maggassa anupagamanañca nesaṃ antānaṃ sabbaso appavattikaraṇeneva daṭṭhabbaṃ. Purimanayenāti ‘‘ete dve ante na upetī’’tiādinā pubbe vuttanayena.

    สจฺจานนฺติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํฯ ทสฺสนปริณายกเฎฺฐนาติ ทสฺสนสฺส ปริญฺญาภิสมยาทิเภทสฺส ปริโต สพฺพถา นยนเฎฺฐน ปวตฺตนเฎฺฐนฯ จกฺขุกรณีติ ธมฺมจกฺขุสฺส กรณี นิปฺผาทิกาฯ ตยิทํ สติปิ ปฎิปทาย ธมฺมจกฺขุโต อนญฺญเตฺต อวยววเสน สิชฺฌมาโน อโตฺถ สมุทาเยน กโต นาม โหตีติ อุปจารวเสน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘มโคฺคเยว หิ มคฺคตฺถาย สํวตฺตติ มเคฺคน กาตพฺพกิจฺจกรณโต’’ติฯ ญาณายาติ ยาถาวโต ชานนายฯ เตนาห ‘‘วิทิตกรณเฎฺฐนา’’ติฯ วิเสสญาตภาวาปาทนญฺหิ วิทิตกรณํฯ วูปสมนโตติ สมุจฺฉินฺทนวเสน วูปสมนโตฯ ทุกฺขาทีนํ ปริเญฺญยฺยาทิภาโว วิย อภิเญฺญยฺยภาโวปิ มคฺควเสเนว ปากโฎ โหตีติ อาห ‘‘จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อภิเญฺญยฺยภาวทสฺสนโต’’ติ, วิภาวนโตติ อโตฺถฯ สโมฺพโธติ มโคฺค ‘‘สมฺพุชฺฌติ เอเตนา’’ติ กตฺวาฯ ตสฺสตฺถายาติ มคฺคกิจฺจตฺถายฯ น หิ มคฺคโต อโญฺญ มคฺคกิจฺจกโร อตฺถิฯ เตนาห ‘‘มโคฺคเยว หี’’ติอาทิฯ อถ วา สมฺมาทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชมานา สหชาตาทิปจฺจยภาเวน อิตเร อุปฺปาเทติ, เอวํ เสสมคฺคธมฺมาปีติ เอวมฺปิ มคฺคตฺถาย สํวตฺตนํ เวทิตพฺพํฯ สจฺฉิกิริยาย ปจฺจกฺขกมฺมายาติ สจฺฉิกรณสงฺขาตปจฺจกฺขกมฺมายฯ นิพฺพานายาติ วา อนุปาทิเสสนิพฺพานายฯ อุปสมายาติ อิมินา สอุปาทิเสสนิพฺพานํ คหิตนฺติฯ อยนฺติ ‘‘สา หิ สจฺจาน’’นฺติอาทินา ยถาวุโตฺต อตฺถนโยฯ เอตฺถาติ ‘‘จกฺขุกรณี’’ติอาทีสุ ปเทสุฯ สาโร สุนฺทโร อนปนีโตฯ อิโต อญฺญถาติ ‘‘ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย ทิฎฺฐิวิสุทฺธิํ กโรตีติ จกฺขุกรณี’’ติอาทินา อตฺถวณฺณนาปปโญฺจ เกวลํ วิตฺถารตฺถายฯ

    Saccānanti catunnaṃ ariyasaccānaṃ. Dassanapariṇāyakaṭṭhenāti dassanassa pariññābhisamayādibhedassa parito sabbathā nayanaṭṭhena pavattanaṭṭhena. Cakkhukaraṇīti dhammacakkhussa karaṇī nipphādikā. Tayidaṃ satipi paṭipadāya dhammacakkhuto anaññatte avayavavasena sijjhamāno attho samudāyena kato nāma hotīti upacāravasena vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tathā hi vakkhati ‘‘maggoyeva hi maggatthāya saṃvattati maggena kātabbakiccakaraṇato’’ti. Ñāṇāyāti yāthāvato jānanāya. Tenāha ‘‘viditakaraṇaṭṭhenā’’ti. Visesañātabhāvāpādanañhi viditakaraṇaṃ. Vūpasamanatoti samucchindanavasena vūpasamanato. Dukkhādīnaṃ pariññeyyādibhāvo viya abhiññeyyabhāvopi maggavaseneva pākaṭo hotīti āha ‘‘catunnampi saccānaṃ abhiññeyyabhāvadassanato’’ti, vibhāvanatoti attho. Sambodhoti maggo ‘‘sambujjhati etenā’’ti katvā. Tassatthāyāti maggakiccatthāya. Na hi maggato añño maggakiccakaro atthi. Tenāha ‘‘maggoyeva hī’’tiādi. Atha vā sammādiṭṭhi uppajjamānā sahajātādipaccayabhāvena itare uppādeti, evaṃ sesamaggadhammāpīti evampi maggatthāya saṃvattanaṃ veditabbaṃ. Sacchikiriyāya paccakkhakammāyāti sacchikaraṇasaṅkhātapaccakkhakammāya. Nibbānāyāti vā anupādisesanibbānāya. Upasamāyāti iminā saupādisesanibbānaṃ gahitanti. Ayanti ‘‘sā hi saccāna’’ntiādinā yathāvutto atthanayo. Etthāti ‘‘cakkhukaraṇī’’tiādīsu padesu. Sāro sundaro anapanīto. Ito aññathāti ‘‘dukkhassa pariññāya diṭṭhivisuddhiṃ karotīti cakkhukaraṇī’’tiādinā atthavaṇṇanāpapañco kevalaṃ vitthāratthāya.

    อยเมวาติ เอตฺถ อยนฺติ อิมินา อตฺตโน อเญฺญสญฺจ ตสฺสํ ปริสายํ อริยานํ มคฺคสฺส ปจฺจกฺขภาวํ ทเสฺสติฯ อาสนฺนปจฺจกฺขวาจี หิ อยํ-สโทฺทฯ อญฺญมคฺคปฎิเสธนตฺถนฺติ อญฺญสฺส นิพฺพานคามิมคฺคสฺส อตฺถิภาวปฎิเสธนตฺถํฯ สตฺตาปฎิเกฺขโป หิ อิธ ปฎิเสธนํ อลพฺภมานตฺตา อญฺญสฺส มคฺคสฺสฯ พุทฺธาทีนํ สาธารณภาโว อนญฺญตาฯ เตนาห พฺรหฺมา สหมฺปติ –

    Ayamevāti ettha ayanti iminā attano aññesañca tassaṃ parisāyaṃ ariyānaṃ maggassa paccakkhabhāvaṃ dasseti. Āsannapaccakkhavācī hi ayaṃ-saddo. Aññamaggapaṭisedhanatthanti aññassa nibbānagāmimaggassa atthibhāvapaṭisedhanatthaṃ. Sattāpaṭikkhepo hi idha paṭisedhanaṃ alabbhamānattā aññassa maggassa. Buddhādīnaṃ sādhāraṇabhāvo anaññatā. Tenāha brahmā sahampati –

    ‘‘เอกายนํ ชาติขยนฺตทสฺสี,

    ‘‘Ekāyanaṃ jātikhayantadassī,

    มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;

    Maggaṃ pajānāti hitānukampī;

    เอเตน มเคฺคน ตริํสุ ปุเพฺพ,

    Etena maggena tariṃsu pubbe,

    ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆ’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๕.๓๘๔, ๔๐๙; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ๑๐๗, ๑๒๑; เนตฺติ. ๑๗๐);

    Tarissanti ye ca taranti ogha’’nti. (saṃ. ni. 5.384, 409; mahāni. 191; cūḷani. 107, 121; netti. 170);

    อารกตฺตาติ อิมินา นิรุตฺตินเยน อริย-สทฺทสิทฺธิมาหฯ อริปหานายาติ อตฺถวจนมตฺตํฯ อรโย ปาปธมฺมา ยนฺติ อปคมนฺติ เอเตนาติ อริโยอริเยน เทสิโตติ เอตฺถ อริยสฺส ภควโต อยนฺติ อริโยอริยภาวปฺปฎิลาภายาติ เอตฺถ อริยกโร อริโยติ อุตฺตรปทโลเปน อริย-สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ ยสฺมา มคฺคงฺคสมุทาเย มคฺคโวหาโร โหติ, สมุทาโย จ สมุทายีหิ สมนฺนาคโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อฎฺฐหิ อเงฺคหิ อุเปตตฺตา’’ติ, ตสฺมา อตฺตโน อวยวภูตานิ อฎฺฐ องฺคานิ เอตสฺส สนฺตีติ อฎฺฐงฺคิโกฯ ยสฺมา ปน ปรมตฺถโต องฺคานิเยว มโคฺค, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น จ องฺควินิมุโตฺต’’ติ ยถา ‘‘ฉฬโงฺค เวโท’’ติฯ สทิสูทาหรณํ ปน ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺจงฺคิกตูริยาทีนิ วิยา’’ติ อาหฯ อาทิ-สเทฺทน จตุรงฺคินี เสนาติ เอวมาทีนํ สงฺคโหฯ มาเรโนฺต คจฺฉตีติ นิรุตฺตินเยน สทฺทสิทฺธิมาหฯ มคฺคตีติ คเวสติฯ อริยมโคฺค หิ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรโนฺต ตํ คเวสโนฺต วิย โหตีติฯ มคฺคียติ นิพฺพานตฺถิเกหิ วิวฎฺฎูปนิสฺสยปุญฺญกรณโต ปฎฺฐาย ตทตฺถํ ปฎิปตฺติโตฯ คมฺมตีติ เอเตน อาทิอนฺตวิปริยาเยน สทฺทสิทฺธิมาห ยถา ‘‘กกู’’ติฯ ‘‘เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต’’ติ วตฺวา ตสฺส สพฺพลิงฺควิภตฺติวจนสาธารณตาย ‘‘กตมานิ ตานิ อฎฺฐงฺคานี’’ติ วุตฺตํฯ นนุ จ องฺคานิ สมุทิตานิ มโคฺค อนฺตมโส สตฺตงฺควิกลสฺส อริยมคฺคสฺส อภาวโตติ? สจฺจเมตํ สจฺจปฎิเวเธน, มคฺคปจฺจยตาย ปน ยถาสกํ กิจฺจกรเณน ปเจฺจกมฺปิ ตานิ มโคฺคเยวาติ อาห ‘‘เอกเมกญฺหิ องฺคํ มโคฺคเยวา’’ติ, อญฺญถา สมุทิตานมฺปิ เนสํ มคฺคกิจฺจํ น สมฺภเวยฺยาติฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมเตฺถตุํ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิมโคฺค เจว เหตุ จา’’ติ วุตฺตํฯ

    Ārakattāti iminā niruttinayena ariya-saddasiddhimāha. Aripahānāyāti atthavacanamattaṃ. Arayo pāpadhammā yanti apagamanti etenāti ariyo. Ariyena desitoti ettha ariyassa bhagavato ayanti ariyo. Ariyabhāvappaṭilābhāyāti ettha ariyakaro ariyoti uttarapadalopena ariya-saddasiddhi veditabbā. Yasmā maggaṅgasamudāye maggavohāro hoti, samudāyo ca samudāyīhi samannāgato nāma hotīti āha ‘‘aṭṭhahi aṅgehi upetattā’’ti, tasmā attano avayavabhūtāni aṭṭha aṅgāni etassa santīti aṭṭhaṅgiko. Yasmā pana paramatthato aṅgāniyeva maggo, tasmā vuttaṃ ‘‘na ca aṅgavinimutto’’ti yathā ‘‘chaḷaṅgo vedo’’ti. Sadisūdāharaṇaṃ pana dassento ‘‘pañcaṅgikatūriyādīni viyā’’ti āha. Ādi-saddena caturaṅginī senāti evamādīnaṃ saṅgaho. Mārento gacchatīti niruttinayena saddasiddhimāha. Maggatīti gavesati. Ariyamaggo hi nibbānaṃ ārammaṇaṃ karonto taṃ gavesanto viya hotīti. Maggīyati nibbānatthikehi vivaṭṭūpanissayapuññakaraṇato paṭṭhāya tadatthaṃ paṭipattito. Gammatīti etena ādiantavipariyāyena saddasiddhimāha yathā ‘‘kakū’’ti. ‘‘Seyyathidanti nipāto’’ti vatvā tassa sabbaliṅgavibhattivacanasādhāraṇatāya ‘‘katamāni tāni aṭṭhaṅgānī’’ti vuttaṃ. Nanu ca aṅgāni samuditāni maggo antamaso sattaṅgavikalassa ariyamaggassa abhāvatoti? Saccametaṃ saccapaṭivedhena, maggapaccayatāya pana yathāsakaṃ kiccakaraṇena paccekampi tāni maggoyevāti āha ‘‘ekamekañhi aṅgaṃ maggoyevā’’ti, aññathā samuditānampi nesaṃ maggakiccaṃ na sambhaveyyāti. Idāni tamevatthaṃ pāḷiyā samatthetuṃ ‘‘sammādiṭṭhimaggo ceva hetu cā’’ti vuttaṃ.

    สมฺมา อวิปรีตํ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน จตุนฺนํ สจฺจานํ ทสฺสนํ ปฎิวิชฺฌนํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สมฺมาทสฺสนลกฺขณาฯ สมฺมา อวิปรีตํ สมฺปยุตฺตธเมฺม นิพฺพานารมฺมเณ อภินิโรปนํ อปฺปนาลกฺขณํ เอตสฺสาติ สมฺมาอภินิโรปนลกฺขโณ มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฎิปกฺขภาวโต สินิทฺธสภาวตฺตา สมฺปยุตฺตธเมฺม, สมฺมาวาจปฺปจฺจยสุภาสิตโสตารญฺจ ชนํ สมฺมเทว ปริคฺคณฺหาตีติ สมฺมาวาจา สมฺมาปริคฺคโห ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สมฺมาปริคฺคหลกฺขณาฯ ยถา กายิกา กิริยา กิญฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฎฺฐาเปติ, สยญฺจ สมุฎฺฐหนํ ฆฎนํ โหติ, ตถา สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรติปีติ สมฺมาสมุฎฺฐานลกฺขโณ สมฺมากมฺมโนฺตฯ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฎฺฐานํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิยฯ ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา สุทฺธิ โวทานํ, อาชีวเสฺสว วา ชีวิตปฺปวตฺติยา สุทฺธิ โวทานํ เอเตนาติ สมฺมาโวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโวฯ โกสชฺชปเกฺข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโหฯ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ฐานํ, ตสฺส วา อนิสฺสชฺชนํ อุปฎฺฐานํฯ อารมฺมเณ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สมฺมา, สมํ วา อาธานํ สมาธานํฯ สมฺมา สงฺกเปฺปติ สมฺปยุตฺตธเมฺม อารมฺมเณ อภินิโรเปตีติ สมฺมาสงฺกโปฺปฯ สมฺมา วทติ เอตายาติ สมฺมาวาจาฯ สมฺมา กโรติ เอเตนาติ สมฺมากมฺมํ, ตเทว สมฺมากมฺมโนฺตฯ สมฺมา อาชีวติ เอเตนาติ สมฺมาอาชีโวฯ สมฺมา วายมติ อุสฺสหติ เอเตนาติ สมฺมาวายาโมฯ สมฺมา สรติ อนุสฺสรตีติ สมฺมาสติ ฯ สมฺมา สมาธิยติ จิตฺตํ เอเตนาติ สมฺมาสมาธีติ เอวํ สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ นิพฺพจนํ เวทิตพฺพํฯ

    Sammā aviparītaṃ pariññābhisamayādivasena catunnaṃ saccānaṃ dassanaṃ paṭivijjhanaṃ lakkhaṇaṃ etissāti sammādassanalakkhaṇā. Sammā aviparītaṃ sampayuttadhamme nibbānārammaṇe abhiniropanaṃ appanālakkhaṇaṃ etassāti sammāabhiniropanalakkhaṇo musāvādādīnaṃ visaṃvādanādikiccatāya lūkhānaṃ apariggāhakānaṃ paṭipakkhabhāvato siniddhasabhāvattā sampayuttadhamme, sammāvācappaccayasubhāsitasotārañca janaṃ sammadeva pariggaṇhātīti sammāvācā sammāpariggaho lakkhaṇaṃ etissāti sammāpariggahalakkhaṇā. Yathā kāyikā kiriyā kiñci kattabbaṃ samuṭṭhāpeti, sayañca samuṭṭhahanaṃ ghaṭanaṃ hoti, tathā sammākammantasaṅkhātā viratipīti sammāsamuṭṭhānalakkhaṇo sammākammanto. Sampayuttadhammānaṃ vā ukkhipanaṃ samuṭṭhānaṃ kāyikakiriyāya bhārukkhipanaṃ viya. Jīvamānassa sattassa, sampayuttadhammānaṃ vā suddhi vodānaṃ, ājīvasseva vā jīvitappavattiyā suddhi vodānaṃ etenāti sammāvodānalakkhaṇo sammāājīvo. Kosajjapakkhe patituṃ adatvā sampayuttadhammānaṃ paggaṇhanaṃ anubalappadānaṃ paggaho. Ārammaṇaṃ upagantvā ṭhānaṃ, tassa vā anissajjanaṃ upaṭṭhānaṃ. Ārammaṇe sampayuttadhammānaṃ sammā, samaṃ vā ādhānaṃ samādhānaṃ. Sammā saṅkappeti sampayuttadhamme ārammaṇe abhiniropetīti sammāsaṅkappo. Sammā vadati etāyāti sammāvācā. Sammā karoti etenāti sammākammaṃ, tadeva sammākammanto. Sammā ājīvati etenāti sammāājīvo. Sammā vāyamati ussahati etenāti sammāvāyāmo. Sammā sarati anussaratīti sammāsati. Sammā samādhiyati cittaṃ etenāti sammāsamādhīti evaṃ sammāsaṅkappādīnaṃ nibbacanaṃ veditabbaṃ.

    มิจฺฉาทิฎฺฐินฺติ สพฺพมฺปิ มิจฺฉาทสฺสนํฯ ตปฺปจฺจนียกิเลเสติ เอตฺถ ตํ-สเทฺทน สมฺมาทิฎฺฐิฯ น หิ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา กิเลสา ปจฺจนียา, อถ โข สมฺมาทิฎฺฐิยาฯ อวิชฺชญฺจาติ อวิชฺชาคฺคหณํ ตสฺสา สํกิเลสธมฺมานํ ปมุขภาวโตฯ เตนาห ‘‘อวิชฺชา, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑)ฯ ทสฺสนนิวารกสฺส สโมฺมหสฺส สมุคฺฆาเตน อสโมฺมหโตฯ เอตฺถ จ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ…เป.… ปชหตีติ เอเตน ปหานาภิสมยํ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรตีติ เอเตน สจฺฉิกิริยาภิสมยํ, สมฺปยุตฺตธเมฺมติอาทินา ภาวนาภิสมยํ สมฺมาทิฎฺฐิกิจฺจํ ทเสฺสติฯ ปริญฺญาภิสมโย ปน นานนฺตริยตาย อตฺถโต วุโตฺต เอว โหตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Micchādiṭṭhinti sabbampi micchādassanaṃ. Tappaccanīyakileseti ettha taṃ-saddena sammādiṭṭhi. Na hi micchādiṭṭhiyā kilesā paccanīyā, atha kho sammādiṭṭhiyā. Avijjañcāti avijjāggahaṇaṃ tassā saṃkilesadhammānaṃ pamukhabhāvato. Tenāha ‘‘avijjā, bhikkhave, pubbaṅgamā akusalānaṃ dhammānaṃ samāpattiyā’’ti (saṃ. ni. 5.1). Dassananivārakassa sammohassa samugghātena asammohato. Ettha ca micchādiṭṭhiṃ…pe… pajahatīti etena pahānābhisamayaṃ, nibbānaṃ ārammaṇaṃ karotīti etena sacchikiriyābhisamayaṃ, sampayuttadhammetiādinā bhāvanābhisamayaṃ sammādiṭṭhikiccaṃ dasseti. Pariññābhisamayo pana nānantariyatāya atthato vutto eva hotīti daṭṭhabbo.

    กถํ ปน เอกเมว ญาณํ เอกสฺมิํ ขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ สาเธนฺตํ ปวตฺตติฯ น หิ ตาทิสํ โลเก ทิฎฺฐํ, น อาคโม วา ตาทิโส อตฺถีติ น วตฺตพฺพํฯ ยถา หิ ปทีโป เอกสฺมิํเยว ขเณ วฎฺฎิํ ทหติ, เสฺนหํ ปริยาทิยติ, อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกญฺจ วิทํเสติ, เอวเมตํ ญาณนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ มคฺคสมงฺคิสฺส ญาณํ ทุเกฺขเปตํ ญาณํ, ทุกฺขสมุทเยเปตํ ญาณํ , ทุกฺขนิโรเธเปตํ ญาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทายเปตํ ญาณนฺติ สุตฺตปทํ (วิภ. ๗๕๔) เอตฺถ อุทาหริตพฺพํฯ ยถา จ สมฺมาทิฎฺฐิ ปุพฺพภาเค ทุกฺขาทีสุ วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ เอกาว จตุนฺนํ ญาณานํ กิจฺจํ สาเธนฺตี ปวตฺตติ, เอวํ สมฺมาสงฺกปฺปาทโย ปุพฺพภาเค เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทินามกา หุตฺวา กามสงฺกปฺปาทีนํ ปชหนวเสน วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ ติณฺณํ จตุนฺนญฺจ กิจฺจํ สาเธนฺตา ปวตฺตนฺติฯ สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ นานาเยว หุตฺวา ปวตฺตตีติ กามเญฺจตฺถ สมฺมาทิฎฺฐิยา สเพฺพปิ ปาปธมฺมา ปฎิปกฺขา, อุชุวิปจฺจนีกตาทสฺสนวเสน ปน สมฺมาทิฎฺฐิยา กิจฺจนิเทฺทเส มิจฺฉาทิฎฺฐิคฺคหณํ กตํฯ เตเนว จ ‘‘ตปฺปจฺจนียกิเลเส จา’’ติ วุตฺตํฯ

    Kathaṃ pana ekameva ñāṇaṃ ekasmiṃ khaṇe cattāri kiccāni sādhentaṃ pavattati. Na hi tādisaṃ loke diṭṭhaṃ, na āgamo vā tādiso atthīti na vattabbaṃ. Yathā hi padīpo ekasmiṃyeva khaṇe vaṭṭiṃ dahati, snehaṃ pariyādiyati, andhakāraṃ vidhamati, ālokañca vidaṃseti, evametaṃ ñāṇanti daṭṭhabbaṃ. Maggasamaṅgissa ñāṇaṃ dukkhepetaṃ ñāṇaṃ, dukkhasamudayepetaṃ ñāṇaṃ , dukkhanirodhepetaṃ ñāṇaṃ, dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāyapetaṃ ñāṇanti suttapadaṃ (vibha. 754) ettha udāharitabbaṃ. Yathā ca sammādiṭṭhi pubbabhāge dukkhādīsu visuṃ visuṃ pavattitvā maggakkhaṇe ekāva catunnaṃ ñāṇānaṃ kiccaṃ sādhentī pavattati, evaṃ sammāsaṅkappādayo pubbabhāge nekkhammasaṅkappādināmakā hutvā kāmasaṅkappādīnaṃ pajahanavasena visuṃ visuṃ pavattitvā maggakkhaṇe tiṇṇaṃ catunnañca kiccaṃ sādhentā pavattanti. Sammāsamādhi pana pubbabhāgepi maggakkhaṇepi nānāyeva hutvā pavattatīti kāmañcettha sammādiṭṭhiyā sabbepi pāpadhammā paṭipakkhā, ujuvipaccanīkatādassanavasena pana sammādiṭṭhiyā kiccaniddese micchādiṭṭhiggahaṇaṃ kataṃ. Teneva ca ‘‘tappaccanīyakilese cā’’ti vuttaṃ.

    เยสํ กิเลสานํ อนุปจฺฉินฺทเน สมฺมาทิฎฺฐิ น อุปฺปเชฺชยฺย, เต มิจฺฉาทิฎฺฐิยา สหเชกฎฺฐตาย ตเทกฎฺฐาว ตปฺปจฺจนียกิเลสา ทฎฺฐพฺพาฯ สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ กิจฺจนิเทฺทเสปิ เอเสว นโยฯ โสตาปตฺติมคฺคาทิวเสน จตฺตาโร โลกุตฺตรมคฺคภาวสามเญฺญน เอกโต กตฺวาฯ โลภโทสา สมุทยสจฺจํ, ยสฺส ปน โส สมุทโย ตํ ทุกฺขสจฺจํ, ปหานภาโว มคฺคสจฺจํ, ยตฺถ ตํ ปหานํ, ตํ นิโรธสจฺจนฺติ อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิฯ กสฺมา ปเนตฺถ โลภโทสานํ วิสุํ อาทิโต จ คหณํ? วิสุํ คหณํ ตาว ตถาพุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน, อิเมหิ โลภโทเสหิ อามิสทายาทตา, ตปฺปหาเนน จ ธมฺมทายาทตาติ ทสฺสนตฺถํ, ตทนุสาเรน จตุสจฺจโยชนาย เอวํ เอเกกสฺส นิยฺยานมุขํ โหตีติ ทสฺสนตฺถญฺจฯ เสสวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ อาทิโต คหณํ ปน อติวิย โอฬาริกตาย สุปากฎภาวโต วกฺขมานานํ อเญฺญสญฺจ ปาปธมฺมานํ มูลภาวโต ตเทกฎฺฐตาย จ เวทิตพฺพํฯ

    Yesaṃ kilesānaṃ anupacchindane sammādiṭṭhi na uppajjeyya, te micchādiṭṭhiyā sahajekaṭṭhatāya tadekaṭṭhāva tappaccanīyakilesā daṭṭhabbā. Sammāsaṅkappādīnaṃ kiccaniddesepi eseva nayo. Sotāpattimaggādivasena cattāro lokuttaramaggabhāvasāmaññena ekato katvā. Lobhadosā samudayasaccaṃ, yassa pana so samudayo taṃ dukkhasaccaṃ, pahānabhāvo maggasaccaṃ, yattha taṃ pahānaṃ, taṃ nirodhasaccanti imāni cattāri saccāni. Kasmā panettha lobhadosānaṃ visuṃ ādito ca gahaṇaṃ? Visuṃ gahaṇaṃ tāva tathābujjhanakānaṃ puggalānaṃ ajjhāsayavasena, imehi lobhadosehi āmisadāyādatā, tappahānena ca dhammadāyādatāti dassanatthaṃ, tadanusārena catusaccayojanāya evaṃ ekekassa niyyānamukhaṃ hotīti dassanatthañca. Sesavāresupi eseva nayo. Ādito gahaṇaṃ pana ativiya oḷārikatāya supākaṭabhāvato vakkhamānānaṃ aññesañca pāpadhammānaṃ mūlabhāvato tadekaṭṭhatāya ca veditabbaṃ.

    กุชฺฌนลกฺขโณติ กุปฺปนสภาโว, จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนาติ อโตฺถฯ จณฺฑิกฺกํ ลุทฺทตา, กุรุรภาโวติ อโตฺถฯ อาฆาตกรณรโสติ ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินา จิเตฺต อาฆาตสฺส กรณรโสฯ ทุสฺสนปจฺจุปฎฺฐาโนติ สปรสนฺตานสฺส วินาสนปจฺจุปฎฺฐาโน ลโทฺธกาโส วิย สปโตฺตฯ อุปนนฺธนํ นานปฺปการสฺส อุปรูปริ นนฺธนํ วิย โหตีติ กตฺวาฯ ตถา เหส ‘‘เวรอปฺปฎินิสฺสชฺชนรโส, โกธานุปพนฺธภาวปจฺจุปฎฺฐาโน’’ติ จ วุโตฺตฯ อปรกาเล อุปนาโหติอาทีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อุปนยฺหนา อุปนยฺหิตตฺตํ อาฐปนา ฐปนา สณฺฐปนา อนุสํสนฺทนา อนุปฺปพนฺธนา ทฬฺหีกมฺม’’นฺติอาทีนํ (วิภ. ๘๙๑) นิเทฺทสปทานํ อตฺถวณฺณนํ สงฺคยฺหติฯ อุปนาหสมงฺคี หิ ปุคฺคโล เวรสฺส อนิสฺสชฺชนโต อาทิตฺตปูติอลาตํ วิย ชลติ เอว, จิตฺตญฺจสฺส โธวิยมานํ อจฺฉจมฺมํ วิย, มสิมกฺขิตปิโลติกา วิย จ น สุชฺฌเตวฯ

    Kujjhanalakkhaṇoti kuppanasabhāvo, cittassa byāpajjanāti attho. Caṇḍikkaṃ luddatā, kururabhāvoti attho. Āghātakaraṇarasoti ‘‘anatthaṃ me acarī’’tiādinā citte āghātassa karaṇaraso. Dussanapaccupaṭṭhānoti saparasantānassa vināsanapaccupaṭṭhāno laddhokāso viya sapatto. Upanandhanaṃ nānappakārassa uparūpari nandhanaṃ viya hotīti katvā. Tathā hesa ‘‘veraappaṭinissajjanaraso, kodhānupabandhabhāvapaccupaṭṭhāno’’ti ca vutto. Aparakāle upanāhotiādīti ādi-saddena ‘‘upanayhanā upanayhitattaṃ āṭhapanā ṭhapanā saṇṭhapanā anusaṃsandanā anuppabandhanā daḷhīkamma’’ntiādīnaṃ (vibha. 891) niddesapadānaṃ atthavaṇṇanaṃ saṅgayhati. Upanāhasamaṅgī hi puggalo verassa anissajjanato ādittapūtialātaṃ viya jalati eva, cittañcassa dhoviyamānaṃ acchacammaṃ viya, masimakkhitapilotikā viya ca na sujjhateva.

    ปรคุณมกฺขนลกฺขโณติ อุทกปุญฺฉนิยา อุทกํ วิย ปเรสํ คุณานํ มกฺขนสภาโวฯ ตถาภูโต จายํ อตฺตโน การกํ คูเถน ปหรนฺตํ คูโถ วิย ปฐมตรํ มเกฺขติ เอวาติ ทฎฺฐโพฺพฯ ตถา เหสฺส สปรสนฺตาเนสุ คุณํ มเกฺขตีติ มโกฺขติ วุจฺจติฯ ยุคคฺคาโห สมธุรคฺคหณํ อสมานสฺสปิ อภูตสฺส สมาโรปนํฯ สมภาวกรณํ สมีกรณํฯ ปเรสํ คุณปฺปมาเณน อตฺตโน คุณานํ อุปฎฺฐานํ ปจฺจุปฎฺฐเปตีติ อาห ‘‘ปเรสํ คุณปฺปมาเณน อุปฎฺฐานปจฺจุปฎฺฐาโน’’ติฯ ตถา เหส ปเรสํ คุเณ ฑํสิตฺวา วิย อตฺตโน คุเณหิ สเม กโรตีติ ปฬาโสติ วุจฺจติฯ

    Paraguṇamakkhanalakkhaṇoti udakapuñchaniyā udakaṃ viya paresaṃ guṇānaṃ makkhanasabhāvo. Tathābhūto cāyaṃ attano kārakaṃ gūthena paharantaṃ gūtho viya paṭhamataraṃ makkheti evāti daṭṭhabbo. Tathā hessa saparasantānesu guṇaṃ makkhetīti makkhoti vuccati. Yugaggāho samadhuraggahaṇaṃ asamānassapi abhūtassa samāropanaṃ. Samabhāvakaraṇaṃ samīkaraṇaṃ. Paresaṃ guṇappamāṇena attano guṇānaṃ upaṭṭhānaṃ paccupaṭṭhapetīti āha ‘‘paresaṃ guṇappamāṇena upaṭṭhānapaccupaṭṭhāno’’ti. Tathā hesa paresaṃ guṇe ḍaṃsitvā viya attano guṇehi same karotīti paḷāsoti vuccati.

    ปรสมฺปตฺติขียนํ ปรสมฺปตฺติยา อุสูยนํฯ อิสฺสติ ปรสมฺปตฺติํ น สหตีติ อิสฺสาฯ ตถา เหสา ‘‘ปรสมฺปตฺติยา อกฺขมนลกฺขณา’’ติ วุจฺจติฯ ตตฺถาติ ปรสมฺปตฺติยํฯ อนภิรติรสา อภิรติปฎิปกฺขกิจฺจาฯ วิมุขภาวปจฺจุปฎฺฐานา ปรสมฺปตฺติํ ปสฺสิตุมฺปิ อปฺปทานโตฯ นิคูหนลกฺขณํ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวาสหนโตฯ อสุขายนํ น สุขนํ ทุกฺขนํ, อโรจนนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Parasampattikhīyanaṃ parasampattiyā usūyanaṃ. Issati parasampattiṃ na sahatīti issā. Tathā hesā ‘‘parasampattiyā akkhamanalakkhaṇā’’ti vuccati. Tatthāti parasampattiyaṃ. Anabhiratirasā abhiratipaṭipakkhakiccā. Vimukhabhāvapaccupaṭṭhānā parasampattiṃ passitumpi appadānato. Nigūhanalakkhaṇaṃ attano sampattiyā parehi sādhāraṇabhāvāsahanato. Asukhāyanaṃ na sukhanaṃ dukkhanaṃ, arocananti adhippāyo.

    กตสฺส กายทุจฺจริตาทิปาปสฺส ปฎิจฺฉาทนํ กตปาปปฎิจฺฉาทนํฯ ตสฺส ปาปสฺส อาวรณภาเวน ปจฺจุปติฎฺฐตีติ ตทาวรณปจฺจุปฎฺฐานา, มายา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภสฺมฉโนฺน วิย องฺคาโร, อุทกฉโนฺน วิย ขาณุ, ปิโลติกปฎิจฺฉาทิตํ วิย จ สตฺถํ โหติฯ อวิชฺชมานคุณปฺปกาสนํ อตฺตนิ อวิชฺชมานสีลาทิคุณวิภาวนํ, เยน สาเฐเยฺยน สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส อสนฺตคุณสมฺภาวเนน จิตฺตานุรูปกิริยาวิหรโต ‘‘เอวํจิโตฺต, เอวํกิริโย’’ติ ทุพฺพิเญฺญยฺยตฺตา กุจฺฉิํ วา ปิฎฺฐิํ วา ชานิตุํ น สกฺกาฯ ยโต –

    Katassa kāyaduccaritādipāpassa paṭicchādanaṃ katapāpapaṭicchādanaṃ. Tassa pāpassa āvaraṇabhāvena paccupatiṭṭhatīti tadāvaraṇapaccupaṭṭhānā, māyā, yāya samannāgato puggalo bhasmachanno viya aṅgāro, udakachanno viya khāṇu, pilotikapaṭicchāditaṃ viya ca satthaṃ hoti. Avijjamānaguṇappakāsanaṃ attani avijjamānasīlādiguṇavibhāvanaṃ, yena sāṭheyyena samannāgatassa puggalassa asantaguṇasambhāvanena cittānurūpakiriyāviharato ‘‘evaṃcitto, evaṃkiriyo’’ti dubbiññeyyattā kucchiṃ vā piṭṭhiṃ vā jānituṃ na sakkā. Yato –

    ‘‘วาเมน สูกโร โหติ, ทกฺขิเณน อชามิโค;

    ‘‘Vāmena sūkaro hoti, dakkhiṇena ajāmigo;

    สเรน เนลโก โหติ, วิสาเณน ชรคฺคโว’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๙๖; วิภ. อฎฺฐ. ๘๙๔; มหานิ. อฎฺฐ. ๑๖๖) –

    Sarena nelako hoti, visāṇena jaraggavo’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 2.296; vibha. aṭṭha. 894; mahāni. aṭṭha. 166) –

    เอวํ วุตฺตยกฺกสูกรสทิโส โหติฯ

    Evaṃ vuttayakkasūkarasadiso hoti.

    จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตภาโว ถทฺธลูขภาโวฯ อปฺปติสฺสยวุตฺตีติ อนิวาตวุตฺติฯ อมทฺทวากาเรน ปจฺจุปติฎฺฐติ, อมทฺทวตํ วา ปจฺจุปฎฺฐเปตีติ อมทฺทวตาปจฺจุปฎฺฐาโน, ถโมฺภ, เยน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล คิลิตนงฺคลสีโส วิย อชคโร, วาตภริตภสฺตา วิย จ ถโทฺธ หุตฺวา ครุฎฺฐานิเย จ ทิสฺวา โอนมิตุมฺปิ น อิจฺฉติ, ปริยเนฺตเนว จรติฯ กรณสฺส อุตฺตรกิริยา กรณุตฺตริยํฯ วิเสสโต ปจฺจนีกภาโว วิปจฺจนีกตาฯ ปเรน หิ กิสฺมิญฺจิ กเต ตทฺทิคุณํ กรณวเสน สารโมฺภ ปวตฺตติฯ

    Cittassa uddhumātabhāvo thaddhalūkhabhāvo. Appatissayavuttīti anivātavutti. Amaddavākārena paccupatiṭṭhati, amaddavataṃ vā paccupaṭṭhapetīti amaddavatāpaccupaṭṭhāno, thambho, yena samannāgato puggalo gilitanaṅgalasīso viya ajagaro, vātabharitabhastā viya ca thaddho hutvā garuṭṭhāniye ca disvā onamitumpi na icchati, pariyanteneva carati. Karaṇassa uttarakiriyā karaṇuttariyaṃ. Visesato paccanīkabhāvo vipaccanīkatā. Parena hi kismiñci kate taddiguṇaṃ karaṇavasena sārambho pavattati.

    เสยฺยาทิอากาเรหิ อุนฺนมนํ อุนฺนติฯ โอมาโนปิ หิ เอวํ กรณมุเขน สมฺปคฺคหวเสเนว ปวตฺตติฯ ‘‘อหมสฺมิ เสโยฺย’’ติอาทินา อหํกรณํ สมฺปคฺคโห อหงฺกาโรฯ ปเร อภิภวิตฺวา อธิกํ อุนฺนมนํ อพฺภุนฺนติ ฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพกาเล อตฺตานํ หีนโต ทหติ อปรกาเล เสยฺยโต’’ติ (วิภ. ๘๗๗)ฯ

    Seyyādiākārehi unnamanaṃ unnati. Omānopi hi evaṃ karaṇamukhena sampaggahavaseneva pavattati. ‘‘Ahamasmi seyyo’’tiādinā ahaṃkaraṇaṃ sampaggaho ahaṅkāro. Pare abhibhavitvā adhikaṃ unnamanaṃ abbhunnati. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘pubbakāle attānaṃ hīnato dahati aparakāle seyyato’’ti (vibha. 877).

    มตฺตภาโว ชาติอาทิํ ปฎิจฺจ จิตฺตสฺส มชฺชนากาโร, ยสฺส วา ธมฺมสฺส วเสน ปุคฺคโล มโตฺต นาม โหติ, โส ธโมฺม มตฺตภาโวฯ มทคฺคาหณรโส มทสฺส คาหณกิโจฺจฯ มโท หิ อตฺตโน มชฺชนาการํ สมฺปยุตฺตธเมฺม คาเหโนฺต วิย ปวตฺตมาโน ตํสมงฺคิํ ปุคฺคลมฺปิ ตถา กโรโนฺต วิย โหติฯ อหงฺการวเสน ปุคฺคลํ อนิฎฺฐํ กโรโนฺต จิตฺตสฺส อุมฺมาทภาโว วิย โหตีติ อุมฺมาทปจฺจุปฎฺฐาโนฯ สติยา อนิคฺคณฺหิตฺวา จิตฺตสฺส โวสฺสชฺชนํ จิตฺตโวสฺสโคฺค, สติวิรหิโตติ อโตฺถฯ ยถาวุตฺตสฺส โวสฺสคฺคสฺส อนุปฺปทานํ ปุนปฺปุนํ วิสฺสชฺชนํ โวสฺสคฺคานุปฺปทานํอิเมสํ โกธาทีนํ โลภาทีนมฺปิ วาฯ ลกฺขณาทีนีติ ลกฺขณรสปจฺจุปฎฺฐานานิฯ ปทฎฺฐานํ ปน ธมฺมนฺตรตาย น คหิตํฯ นิพฺพจนํ ‘‘กุชฺฌตีติ โกโธ, อุปนยฺหตีติ อุปนาโห’’ติอาทินา สุวิเญฺญยฺยเมวาติ น วุตฺตํ, อตฺถโต ปน โกโธ โทโส เอว, ตถา อุปนาโหฯ ปวตฺติอาการมตฺตโต หิ กโต เนสํ เภโท, มกฺขปฬาสสารมฺภา ตทาการปฺปวตฺตา ปฎิฆสหคตจิตฺตุปฺปาทธมฺมา, มายาสาเฐยฺยถมฺภมทปฺปมาทา ตทาการปฺปวตฺตา โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทธมฺมาฯ ถโมฺภ วา มานวิเสโส จิตฺตสฺส ถทฺธภาเวน คเหตพฺพโต, ตถา มโทฯ ตถา หิ โส ‘‘มาโน มญฺญนา’’ติอาทินา วิภเงฺค (วิภ. ๘๗๘) นิทฺทิโฎฺฐฯ อิธ ปน มานาติมานานํ วิสุํ คหิตตฺตา มชฺชนากาเรน ปวตฺตธมฺมา เอว ‘‘มโท’’ติ คเหตพฺพาฯ เสสานํ ธมฺมนฺตรภาโว ปากโฎ เอวฯ

    Mattabhāvo jātiādiṃ paṭicca cittassa majjanākāro, yassa vā dhammassa vasena puggalo matto nāma hoti, so dhammo mattabhāvo. Madaggāhaṇaraso madassa gāhaṇakicco. Mado hi attano majjanākāraṃ sampayuttadhamme gāhento viya pavattamāno taṃsamaṅgiṃ puggalampi tathā karonto viya hoti. Ahaṅkāravasena puggalaṃ aniṭṭhaṃ karonto cittassa ummādabhāvo viya hotīti ummādapaccupaṭṭhāno. Satiyā aniggaṇhitvā cittassa vossajjanaṃ cittavossaggo, sativirahitoti attho. Yathāvuttassa vossaggassa anuppadānaṃ punappunaṃ vissajjanaṃ vossaggānuppadānaṃ. Imesaṃ kodhādīnaṃ lobhādīnampi vā. Lakkhaṇādīnīti lakkhaṇarasapaccupaṭṭhānāni. Padaṭṭhānaṃ pana dhammantaratāya na gahitaṃ. Nibbacanaṃ ‘‘kujjhatīti kodho, upanayhatīti upanāho’’tiādinā suviññeyyamevāti na vuttaṃ, atthato pana kodho doso eva, tathā upanāho. Pavattiākāramattato hi kato nesaṃ bhedo, makkhapaḷāsasārambhā tadākārappavattā paṭighasahagatacittuppādadhammā, māyāsāṭheyyathambhamadappamādā tadākārappavattā lobhasahagatacittuppādadhammā. Thambho vā mānaviseso cittassa thaddhabhāvena gahetabbato, tathā mado. Tathā hi so ‘‘māno maññanā’’tiādinā vibhaṅge (vibha. 878) niddiṭṭho. Idha pana mānātimānānaṃ visuṃ gahitattā majjanākārena pavattadhammā eva ‘‘mado’’ti gahetabbā. Sesānaṃ dhammantarabhāvo pākaṭo eva.

    กสฺมา ปเนตฺถ เอเต เอว อฎฺฐ ทุกา คหิตา, กิมิโต อเญฺญปิ กิเลสธมฺมา นตฺถีติ? โน นตฺถิ, อิเม ปน อามิสทายาทสฺส สวิเสสํ กิเลสาย สํวตฺตนฺตีติ ตํ วิเสสํ วิภาเวเนฺตน อามิสทายาทสฺส โลภาทีนํ ปวตฺตนาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิเสสโต’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เอตฺถาติ เอเตสุ โลภาทีสุฯ อลภโนฺต อามิสนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตตุตฺตริ อุปฺปโนฺน โกโธติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ สเนฺตปีติ วิชฺชมาเนปิฯ อิสฺสตีติ อิสฺสํ ชเนติฯ ปทุสฺสตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ ตถา หิ สา ‘‘อิสฺสติ ทุสฺสติ ปทุสฺสตี’’ติอาทินา นิทฺทิฎฺฐาฯ ยสฺมา วา อิสฺสํ ชเนโนฺต เอกํสโต ปทุฎฺฐจิโตฺต เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทุสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ อสฺสาติ อามิสทายาทสฺสฯ เอวํ ปฎิปโนฺนติ เอวํ อสนฺตคุณปฺปกาสนํ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺนฯ โอวทิตุํ อสกฺกุเณโยฺยติ เอเตน ถโมฺภ นาม โทวจสฺสกรโณ ธโมฺมติ ทเสฺสติฯ กิญฺจิ วทติ โอวาททานวเสนฯ ถเมฺภน…เป.… มญฺญโนฺตติ อิมินา จ ถมฺภสฺส มานวิเสสภาวํ ทเสฺสติ, ถเมฺภน วา เหตุนาติ อโตฺถฯ มโตฺต สมาโนติ มโตฺต โหโนฺตฯ กาม…เป.… ปมชฺชตีติ เอเตน มทวเสน เอกํสโต ปมาทมาปชฺชตีติ ทเสฺสติฯ

    Kasmā panettha ete eva aṭṭha dukā gahitā, kimito aññepi kilesadhammā natthīti? No natthi, ime pana āmisadāyādassa savisesaṃ kilesāya saṃvattantīti taṃ visesaṃ vibhāventena āmisadāyādassa lobhādīnaṃ pavattanākāraṃ dassetuṃ ‘‘visesato’’tiādi āraddhaṃ. Tattha etthāti etesu lobhādīsu. Alabhanto āmisanti adhippāyo. Tatuttari uppanno kodhoti ānetvā sambandhitabbaṃ. Santepīti vijjamānepi. Issatīti issaṃ janeti. Padussatīti tasseva vevacanaṃ. Tathā hi sā ‘‘issati dussati padussatī’’tiādinā niddiṭṭhā. Yasmā vā issaṃ janento ekaṃsato paduṭṭhacitto eva hoti, tasmā ‘‘padussatī’’ti vuttaṃ. Assāti āmisadāyādassa. Evaṃ paṭipannoti evaṃ asantaguṇappakāsanaṃ paṭipadaṃ paṭipanno. Ovadituṃ asakkuṇeyyoti etena thambho nāma dovacassakaraṇo dhammoti dasseti. Kiñci vadati ovādadānavasena. Thambhena…pe… maññantoti iminā ca thambhassa mānavisesabhāvaṃ dasseti, thambhena vā hetunāti attho. Matto samānoti matto honto. Kāma…pe… pamajjatīti etena madavasena ekaṃsato pamādamāpajjatīti dasseti.

    เอวนฺติ อิมินา อามิสทายาทสฺส โลภาทีนํ อุปฺปตฺติกฺกมทสฺสเนเนว อิธ ปาฬิยํ เนสํ เทสนากฺกโมปิ ทสฺสิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ น เกวลํ อิเมเหว, อถ โข อเญฺญหิ จ เอวรูเปหิ ปาปเกหิ ธเมฺมหิ อปริมุโตฺต โหตีติ สมฺพโนฺธฯ เก ปน เตติ? อตฺริจฺฉตามหิจฺฉตาทโยติฯ เอวํ มหาทีนวา อามิสทายาทตาติ ตโต พลวตโร สํเวโค ชเนตโพฺพติ อยเมตฺถ โอวาโท เวทิตโพฺพฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สุเตฺตฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ วาเรสุฯ นิพฺพิเสโสเยวาติ เอเตเนว ปฐมตรํ อิธ ทสฺสิตสจฺจโยชนานเยน สพฺพวาเรสุ โยเชตโพฺพติ เวทิตโพฺพฯ

    Evanti iminā āmisadāyādassa lobhādīnaṃ uppattikkamadassaneneva idha pāḷiyaṃ nesaṃ desanākkamopi dassitoti daṭṭhabbo. Na kevalaṃ imeheva, atha kho aññehi ca evarūpehi pāpakehi dhammehi aparimutto hotīti sambandho. Ke pana teti? Atricchatāmahicchatādayoti. Evaṃ mahādīnavā āmisadāyādatāti tato balavataro saṃvego janetabboti ayamettha ovādo veditabbo. Etthāti etasmiṃ sutte. Sabbatthāti sabbesu vāresu. Nibbisesoyevāti eteneva paṭhamataraṃ idha dassitasaccayojanānayena sabbavāresu yojetabboti veditabbo.

    ญาณปริจยปาฎวตฺถนฺติ มคฺคสฺส อฎฺฐงฺคสตฺตงฺคตาทิวิเสสวิภาวนาย ญาณสฺส อาเสวนเฎฺฐน ปริจโย ญาณปริจโย, ตสฺส ปฎุภาวตฺถํ โกสลฺลตฺถํฯ เอตฺถาติ อริยมเคฺคฯ เภโทติ วิเสโสฯ กโมติ องฺคานํ เทสนานุปุพฺพีฯ ภาวนานโยติ ภาวนาวิธิฯ ‘‘กทาจิ อฎฺฐงฺคิโก, กทาจิ สตฺตงฺคิโก’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรโนฺต ปุน ‘‘อยํ หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โลกุตฺตรปฐมชฺฌานวเสนาติ โลกุตฺตรสฺส ปฐมชฺฌานสฺส วเสนฯ เอตฺถ จ เกจิ ฌานธมฺมา มคฺคสภาวาติ เอกนฺตโต ฌานํ มคฺคโต วิสุํ กตฺวา วตฺตุํ น สกฺกาติ ‘‘โลกุตฺตรปฐมชฺฌานสหิโต’’ติ อวตฺวา ‘‘โลกุตฺตรปฐมชฺฌานวเสน’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ อถ วา โลกุตฺตรปฐมชฺฌานวเสนาติ โลกุตฺตรา หุตฺวา ปฐมชฺฌานสฺส วเสนาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อริยมโคฺค หิ วิปสฺสนาย ปาทกภูตสฺส, สมฺมสิตสฺส วา ปฐมชฺฌานสฺส วเสน อฎฺฐงฺคิโก โหติฯ อถ วา อฌานลาภิโน สุกฺขวิปสฺสกสฺส, ฌานลาภิโน วา ปาทกมกตฺวา ปฐมชฺฌานสฺส, ปกิณฺณกสงฺขารานํ วา สมฺมสเน อุปฺปโนฺน อริยมโคฺค อฎฺฐงฺคิโก โหติ, สฺวาสฺส อฎฺฐงฺคิกภาโว ปฐมชฺฌานิกภาเวนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปฐมชฺฌานวเสนา’’ติ อาหฯ เอวํ ‘‘อวเสสชฺฌานวเสนา’’ติ เอตฺถาติ ยถารหํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Ñāṇaparicayapāṭavatthanti maggassa aṭṭhaṅgasattaṅgatādivisesavibhāvanāya ñāṇassa āsevanaṭṭhena paricayo ñāṇaparicayo, tassa paṭubhāvatthaṃ kosallatthaṃ. Etthāti ariyamagge. Bhedoti viseso. Kamoti aṅgānaṃ desanānupubbī. Bhāvanānayoti bhāvanāvidhi. ‘‘Kadāci aṭṭhaṅgiko, kadāci sattaṅgiko’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivaranto puna ‘‘ayaṃ hī’’tiādimāha. Tattha lokuttarapaṭhamajjhānavasenāti lokuttarassa paṭhamajjhānassa vasena. Ettha ca keci jhānadhammā maggasabhāvāti ekantato jhānaṃ maggato visuṃ katvā vattuṃ na sakkāti ‘‘lokuttarapaṭhamajjhānasahito’’ti avatvā ‘‘lokuttarapaṭhamajjhānavasena’’icceva vuttaṃ. Atha vā lokuttarapaṭhamajjhānavasenāti lokuttarā hutvā paṭhamajjhānassa vasenāti evamettha attho veditabbo. Ariyamaggo hi vipassanāya pādakabhūtassa, sammasitassa vā paṭhamajjhānassa vasena aṭṭhaṅgiko hoti. Atha vā ajhānalābhino sukkhavipassakassa, jhānalābhino vā pādakamakatvā paṭhamajjhānassa, pakiṇṇakasaṅkhārānaṃ vā sammasane uppanno ariyamaggo aṭṭhaṅgiko hoti, svāssa aṭṭhaṅgikabhāvo paṭhamajjhānikabhāvenāti dassento ‘‘paṭhamajjhānavasenā’’ti āha. Evaṃ ‘‘avasesajjhānavasenā’’ti etthāti yathārahaṃ attho veditabbo.

    ยทิ อริยมโคฺค สตฺตงฺคิโกปิ โหติ, อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘อฎฺฐงฺคิโก’’อิเจฺจว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุกฺกฎฺฐนิเทฺทสโต’’ติอาทิฯ ยถา เจตฺถ ปฎิปทาย มคฺควเสน อฎฺฐงฺคิกสตฺตงฺคิกเภโท , เอวํ โพชฺฌงฺควเสน สตฺตงฺคิกฉฬงฺคิกเภโท เวทิตโพฺพ อปฺปีติกชฺฌานวเสน ฉฬงฺคิกตฺตา, มคฺควเสน ปน เทสนา อาคตาติ สฺวายํ เภโท อฎฺฐกถายํ น อุทฺธโฎฯ อิโต ปรนฺติ อิโต อฎฺฐงฺคโต ปรํ อุกฺกํสโต, อวกํสโต ปน สตฺตงฺคโต ปรํ มคฺคงฺคํ นาม นตฺถีติฯ นนุ มคฺควิภเงฺค (วิภ. ๔๙๓-๕๐๒) ปญฺจงฺคิกวาเร ปเญฺจว มคฺคงฺคานิ อุทฺธฎานิ, มหาสฬายตเน (ม. นิ. ๓.๔๓๑) จ ‘‘ยา ตถาภูตสฺส ทิฎฺฐิ, โย ตถาภูตสฺส สงฺกโปฺป, โย ตถาภูตสฺส วายาโม, ยา ตถาภูตสฺส สติ, โย ตถาภูตสฺส สมาธิ, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสมาธี’’ติ วตฺวา ปุพฺพภาควเสน ปน ‘‘ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุโทฺธ โหตี’’ติ สมฺมาวาจาทโย อาคตาติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ ปญฺจนฺนํ การาปกงฺคานํ อติเรกกิจฺจทสฺสนวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา น อริยมโคฺค สมฺมาวาจาทิวิรหิโต อตฺถีติ ‘‘อิโต ปรญฺหิ มคฺคงฺคํ นตฺถี’’ติ สุวุตฺตเมตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Yadi ariyamaggo sattaṅgikopi hoti, atha kasmā pāḷiyaṃ ‘‘aṭṭhaṅgiko’’icceva vuttanti āha ‘‘ukkaṭṭhaniddesato’’tiādi. Yathā cettha paṭipadāya maggavasena aṭṭhaṅgikasattaṅgikabhedo , evaṃ bojjhaṅgavasena sattaṅgikachaḷaṅgikabhedo veditabbo appītikajjhānavasena chaḷaṅgikattā, maggavasena pana desanā āgatāti svāyaṃ bhedo aṭṭhakathāyaṃ na uddhaṭo. Ito paranti ito aṭṭhaṅgato paraṃ ukkaṃsato, avakaṃsato pana sattaṅgato paraṃ maggaṅgaṃ nāma natthīti. Nanu maggavibhaṅge (vibha. 493-502) pañcaṅgikavāre pañceva maggaṅgāni uddhaṭāni, mahāsaḷāyatane (ma. ni. 3.431) ca ‘‘yā tathābhūtassa diṭṭhi, yo tathābhūtassa saṅkappo, yo tathābhūtassa vāyāmo, yā tathābhūtassa sati, yo tathābhūtassa samādhi, svāssa hoti sammāsamādhī’’ti vatvā pubbabhāgavasena pana ‘‘pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo suparisuddho hotī’’ti sammāvācādayo āgatāti? Saccametaṃ, taṃ pana sammādiṭṭhiādīnaṃ pañcannaṃ kārāpakaṅgānaṃ atirekakiccadassanavasena vuttaṃ, tasmā na ariyamaggo sammāvācādivirahito atthīti ‘‘ito parañhi maggaṅgaṃ natthī’’ti suvuttametanti daṭṭhabbaṃ.

    สพฺพกุสลานนฺติ สเพฺพสํ กุสลธมฺมานํฯ นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํฯ กามาวจราทิวเสน ตํตํกุสลธเมฺมสุ สา สมฺมาทิฎฺฐิ เสฎฺฐาฯ ตสฺสา เสฎฺฐภาเวน หิ ‘‘ปญฺญาชีวิํ ชีวิตมาหุ เสฎฺฐ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔) วุตฺตํ, มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา ปน สพฺพเสฎฺฐภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ กุสลวาเรติ กุสลุปฺปตฺติสมเยฯ ปุพฺพงฺคมา กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวสภาวโพเธน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปริณายกภาวโตฯ เตเนวาห ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิํ สมฺมาทิฎฺฐีติ ปชานาตี’’ติอาทิฯ สา สมฺมาทิฎฺฐิ ปภโว เอตสฺสาติ ตปฺปภโว, สมฺมาสงฺกโปฺปฯ สมฺมาทสฺสนวเสน หิ สมฺมาสงฺกโปฺป โหติฯ ตโต อภินิพฺพตฺตานีติ ตปฺปภวาภินิพฺพตฺตานิฯ ตปฺปภวาภินิพฺพตฺตานิปิ ‘‘ตทภินิพฺพตฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ การณการเณปิ การณูปจารโตติ อาห ‘‘ตปฺปภวาภินิพฺพตฺตานิ เสสงฺคานี’’ติฯ เตนาห ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺสา’’ติอาทิฯ ยถา หิ สมฺมาทสฺสนํ สมฺมาวิตกฺกนสฺส วิเสสปจฺจโย, เอวํ สมฺมาวิตกฺกนํ สมฺมาปริคฺคหสฺส สมฺมาปริคฺคโห สมฺมาสมุฎฺฐานสฺส, สมฺมาสมุฎฺฐานํ สมฺมาโวทานสฺส, สมฺมาโวทานํ สมฺมาวายามสฺส, สมฺมาวายาโม สมฺมาอุปฎฺฐานสฺส, สมฺมาอุปฎฺฐานํ สมฺมาธานสฺส วิเสสปจฺจโย, ตสฺมา ‘‘ปุริมํ ปุริมํ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส วิเสสปจฺจโย โหตี’’ติ อิมินา วิเสสปจฺจยภาวทสฺสนเตฺถน กเมน เอตานิ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนิ องฺคานิ วุตฺตานีติ ทสฺสิตานิฯ

    Sabbakusalānanti sabbesaṃ kusaladhammānaṃ. Niddhāraṇe cetaṃ sāmivacanaṃ. Kāmāvacarādivasena taṃtaṃkusaladhammesu sā sammādiṭṭhi seṭṭhā. Tassā seṭṭhabhāvena hi ‘‘paññājīviṃ jīvitamāhu seṭṭha’’nti (saṃ. ni. 1.246; su. ni. 184) vuttaṃ, maggasammādiṭṭhiyā pana sabbaseṭṭhabhāve vattabbameva natthi. Kusalavāreti kusaluppattisamaye. Pubbaṅgamā kusalādidhammānaṃ yāthāvasabhāvabodhena sampayuttadhammānaṃ pariṇāyakabhāvato. Tenevāha ‘‘sammādiṭṭhiṃ sammādiṭṭhīti pajānātī’’tiādi. Sā sammādiṭṭhi pabhavo etassāti tappabhavo, sammāsaṅkappo. Sammādassanavasena hi sammāsaṅkappo hoti. Tato abhinibbattānīti tappabhavābhinibbattāni. Tappabhavābhinibbattānipi ‘‘tadabhinibbattānī’’ti vuccanti kāraṇakāraṇepi kāraṇūpacāratoti āha ‘‘tappabhavābhinibbattāni sesaṅgānī’’ti. Tenāha ‘‘sammādiṭṭhissā’’tiādi. Yathā hi sammādassanaṃ sammāvitakkanassa visesapaccayo, evaṃ sammāvitakkanaṃ sammāpariggahassa sammāpariggaho sammāsamuṭṭhānassa, sammāsamuṭṭhānaṃ sammāvodānassa, sammāvodānaṃ sammāvāyāmassa, sammāvāyāmo sammāupaṭṭhānassa, sammāupaṭṭhānaṃ sammādhānassa visesapaccayo, tasmā ‘‘purimaṃ purimaṃ pacchimassa pacchimassa visesapaccayo hotī’’ti iminā visesapaccayabhāvadassanatthena kamena etāni sammādiṭṭhiādīni aṅgāni vuttānīti dassitāni.

    ภาวนานโยติ สมถวิปสฺสนานํ ยุคนทฺธภาเวน ปวโตฺต ภาวนาวิธิฯ อยญฺหิ อริยมคฺคกฺขเณ ภาวนาวิธิฯ ตสฺส ปน ปุพฺพภาเค ภาวนานโย กสฺสจิ สมถปุพฺพงฺคโม โหติ , กสฺสจิ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคโมติฯ ตํ วิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘โกจี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ปฐโม สมถยานิกสฺส วเสน วุโตฺต, ทุติโย วิปสฺสนายานิกสฺสฯ เตนาห ‘‘อิเธกโจฺจ’’ติอาทิฯ นฺติ สมถํ สมาธิํ, ฌานธเมฺมติ วา อโตฺถฯ ตํสมฺปยุเตฺตติ สมาธิสมฺปยุเตฺต, ฌานสมฺปยุเตฺต วา ธเมฺมฯ อยญฺจ นโย เยภุเยฺยน สมถยานิกา อรูปมุเขน, ตตฺถาปิ ฌานมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ กโรนฺตีติ กตฺวา วุโตฺตฯ วิปสฺสนํ ภาวยโตติ ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธิํ อารภิตฺวา ยถาธิคตํ ตรุณวิปสฺสนํ วเฑฺฒนฺตสฺสฯ มโคฺค สญฺชายตีติ ปุพฺพภาคิโย โลกิยมโคฺค อุปฺปชฺชติฯ อาเสวติ นิพฺพิทานุปสฺสนาวเสนฯ ภาเวติ มุญฺจิตุกมฺยตาวเสนฯ พหุลีกโรติ ปฎิสงฺขานุปสฺสนาวเสนฯ อาเสวติ วา ภยตูปฎฺฐานญาณวเสนฯ พหุลีกโรติ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาวเสนฯ สํโยชนานิ ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตี โหนฺติ มคฺคปฎิปาฎิยาฯ

    Bhāvanānayoti samathavipassanānaṃ yuganaddhabhāvena pavatto bhāvanāvidhi. Ayañhi ariyamaggakkhaṇe bhāvanāvidhi. Tassa pana pubbabhāge bhāvanānayo kassaci samathapubbaṅgamo hoti , kassaci vipassanāpubbaṅgamoti. Taṃ vidhiṃ dassetuṃ ‘‘kocī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha paṭhamo samathayānikassa vasena vutto, dutiyo vipassanāyānikassa. Tenāha ‘‘idhekacco’’tiādi. Tanti samathaṃ samādhiṃ, jhānadhammeti vā attho. Taṃsampayutteti samādhisampayutte, jhānasampayutte vā dhamme. Ayañca nayo yebhuyyena samathayānikā arūpamukhena, tatthāpi jhānamukhena vipassanābhinivesaṃ karontīti katvā vutto. Vipassanaṃ bhāvayatoti paṭipadāñāṇadassanavisuddhiṃ ārabhitvā yathādhigataṃ taruṇavipassanaṃ vaḍḍhentassa. Maggo sañjāyatīti pubbabhāgiyo lokiyamaggo uppajjati. Āsevati nibbidānupassanāvasena. Bhāveti muñcitukamyatāvasena. Bahulīkaroti paṭisaṅkhānupassanāvasena. Āsevati vā bhayatūpaṭṭhānañāṇavasena. Bahulīkaroti vuṭṭhānagāminivipassanāvasena. Saṃyojanāni pahīyanti,anusayā byantī honti maggapaṭipāṭiyā.

    สมถํ อนุปฺปาเทตฺวาวาติ อวธารเณน อุปจารสมาธิํ นิวเตฺตติ, น ขณิกสมาธิํฯ น หิ ขณิกสมาธิํ วินา วิปสฺสนา สมฺภวติฯ วิปสฺสนาปาริปูริยาติ วิปสฺสนาย ปริปุณฺณตาย วุฎฺฐานคามินิภาวปฺปตฺติยาฯ ตตฺถชาตานนฺติ ตสฺมิํ อริยมคฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนานํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ ธมฺมานํฯ นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํฯ ววสฺสคฺคารมฺมณโตติ ววสฺสคฺคสฺส อารมฺมณตายฯ ววสฺสโคฺค โวสฺสโคฺค ปฎินิสฺสโคฺคติ จ อปวโคฺคติ จ อตฺถโต เอกํ, นิพฺพานนฺติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา นิพฺพานสฺส อารมฺมณกรเณนาติ อโตฺถฯ จิตฺตสฺส เอกคฺคตาติ มคฺคสมฺมาสมาธิมาหฯ อริยมโคฺค หิ เอกนฺต สมาหิโต อสมาธานเหตูนํ กิเลสานํ สมุเจฺฉทนโตฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Samathaṃ anuppādetvāvāti avadhāraṇena upacārasamādhiṃ nivatteti, na khaṇikasamādhiṃ. Na hi khaṇikasamādhiṃ vinā vipassanā sambhavati. Vipassanāpāripūriyāti vipassanāya paripuṇṇatāya vuṭṭhānagāminibhāvappattiyā. Tatthajātānanti tasmiṃ ariyamaggakkhaṇe uppannānaṃ sammādiṭṭhiādīnaṃ dhammānaṃ. Niddhāraṇe cetaṃ sāmivacanaṃ. Vavassaggārammaṇatoti vavassaggassa ārammaṇatāya. Vavassaggo vossaggo paṭinissaggoti ca apavaggoti ca atthato ekaṃ, nibbānanti vuttaṃ hoti, tasmā nibbānassa ārammaṇakaraṇenāti attho. Cittassa ekaggatāti maggasammāsamādhimāha. Ariyamaggo hi ekanta samāhito asamādhānahetūnaṃ kilesānaṃ samucchedanato. Sesaṃ vuttanayameva.

    ยุคนทฺธาว โหนฺติ ตทา สมาธิปญฺญานํ สมรสตาย อิจฺฉิตพฺพโตฯ มคฺคกฺขเณ หิ น สมถภาวนายํ วิย สมาธิ, วิปสฺสนาภาวนายํ วิย จ ปญฺญา กิจฺจโต อธิกา อิจฺฉิตพฺพา, สมรสตาย ปน อญฺญมญฺญสฺส อนติวตฺตนเฎฺฐน เทฺวปิ ยุคนทฺธา วิย ปวตฺตนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สมถวิปสฺสนา ยุคนทฺธาว โหนฺตี’’ติฯ

    Yuganaddhāvahonti tadā samādhipaññānaṃ samarasatāya icchitabbato. Maggakkhaṇe hi na samathabhāvanāyaṃ viya samādhi, vipassanābhāvanāyaṃ viya ca paññā kiccato adhikā icchitabbā, samarasatāya pana aññamaññassa anativattanaṭṭhena dvepi yuganaddhā viya pavattanti. Tena vuttaṃ ‘‘samathavipassanā yuganaddhāva hontī’’ti.

    ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Dhammadāyādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. ธมฺมทายาทสุตฺตํ • 3. Dhammadāyādasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา • 3. Dhammadāyādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact