Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā |
๘. ธมฺมเทวปุตฺตจริยาวณฺณนา
8. Dhammadevaputtacariyāvaṇṇanā
๖๖. อฎฺฐเม มหาปโกฺขติ มหาปริวาโรฯ มหิทฺธิโกติ มหติยา เทวิทฺธิยา สมนฺนาคโตฯ ธโมฺม นาม มหายโกฺขติ นาเมน ธโมฺม นาม มหานุภาโว เทวปุโตฺตฯ สพฺพโลกานุกมฺปโกติ วิภาคํ อกตฺวา มหากรุณาย สพฺพโลกํ อนุคฺคณฺหนโกฯ
66. Aṭṭhame mahāpakkhoti mahāparivāro. Mahiddhikoti mahatiyā deviddhiyā samannāgato. Dhammo nāma mahāyakkhoti nāmena dhammo nāma mahānubhāvo devaputto. Sabbalokānukampakoti vibhāgaṃ akatvā mahākaruṇāya sabbalokaṃ anuggaṇhanako.
มหาสโตฺต หิ ตทา กามาวจรเทวโลเก ธโมฺม นาม เทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โส ทิพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิโต ทิพฺพรถมภิรุยฺห อจฺฉราคณปริวุโต มนุเสฺสสุ สายมาสํ ภุญฺชิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเรสุ สุขกถาย นิสิเนฺนสุ ปุณฺณมุโปสถทิวเส คามนิคมราชธานีสุ อากาเส ฐตฺวา ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ วิรมิตฺวา ติวิธสุจริตธมฺมํ ปูเรถ, มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน ภวถ, สคฺคปรายนา หุตฺวา มหนฺตํ ยสํ อนุภวิสฺสถา’’ติ มนุเสฺส ทสกุสลกมฺมปเถ สมาทเปโนฺต ชมฺพุทีปํ ปทกฺขิณํ กโรติฯ เตน วุตฺตํ –
Mahāsatto hi tadā kāmāvacaradevaloke dhammo nāma devaputto hutvā nibbatti. So dibbālaṅkārapaṭimaṇḍito dibbarathamabhiruyha accharāgaṇaparivuto manussesu sāyamāsaṃ bhuñjitvā attano attano gharadvāresu sukhakathāya nisinnesu puṇṇamuposathadivase gāmanigamarājadhānīsu ākāse ṭhatvā ‘‘pāṇātipātādīhi dasahi akusalakammapathehi viramitvā tividhasucaritadhammaṃ pūretha, matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino bhavatha, saggaparāyanā hutvā mahantaṃ yasaṃ anubhavissathā’’ti manusse dasakusalakammapathe samādapento jambudīpaṃ padakkhiṇaṃ karoti. Tena vuttaṃ –
๖๗.
67.
‘‘ทสกุสลกมฺมปเถ, สมาทเปโนฺต มหาชนํ;
‘‘Dasakusalakammapathe, samādapento mahājanaṃ;
จรามิ คามนิคมํ, สมิโตฺต สปริชฺชโน’’ติฯ
Carāmi gāmanigamaṃ, samitto saparijjano’’ti.
ตตฺถ สมิโตฺตติ ธมฺมิเกหิ ธมฺมวาทีหิ สหาเยหิ สสหาโยฯ
Tattha samittoti dhammikehi dhammavādīhi sahāyehi sasahāyo.
เตน จ สมเยน อธโมฺม นาเมโก เทวปุโตฺต กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติฯ ‘‘โส ปาณํ หนถ, อทินฺนํ อาทิยถา’’ติอาทินา นเยน สเตฺต อกุสลกมฺมปเถ สมาทเปโนฺต มหติยา ปริสาย ปริวุโต ชมฺพุทีปํ วามํ กโรติฯ เตน วุตฺตํ –
Tena ca samayena adhammo nāmeko devaputto kāmāvacaradevaloke nibbatti. ‘‘So pāṇaṃ hanatha, adinnaṃ ādiyathā’’tiādinā nayena satte akusalakammapathe samādapento mahatiyā parisāya parivuto jambudīpaṃ vāmaṃ karoti. Tena vuttaṃ –
๖๘.
68.
‘‘ปาโป กทริโย ยโกฺข, ทีเปโนฺต ทส ปาปเก;
‘‘Pāpo kadariyo yakkho, dīpento dasa pāpake;
โสเปตฺถ มหิยา จรติ, สมิโตฺต สปริชฺชโน’’ติฯ
Sopettha mahiyā carati, samitto saparijjano’’ti.
ตตฺถ ปาโปติ ปาปธเมฺมหิ สมนฺนาคโตฯ กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรีฯ ยโกฺขติ เทวปุโตฺตฯ ทีเปโนฺต ทส ปาปเกติ สพฺพโลเก โคจรํ นาม สตฺตานํ อุปโภคปริโภคาย ชาตํฯ ตสฺมา สเตฺต วธิตฺวา ยํกิญฺจิ กตฺวา จ อตฺตา ปีเณตโพฺพ, อินฺทฺริยานิ สนฺตเปฺปตพฺพานีติอาทินา นเยน ปาณาติปาตาทิเก ทส ลามกธเมฺม กตฺตเพฺพ กตฺวา ปกาเสโนฺตฯ โสเปตฺถาติ โสปิ อธโมฺม เทวปุโตฺต อิมสฺมิํ ชมฺพุทีเปฯ มหิยาติ ภูมิยา อาสเนฺน, มนุสฺสานํ ทสฺสนสวนูปจาเรติ อโตฺถฯ
Tattha pāpoti pāpadhammehi samannāgato. Kadariyoti thaddhamaccharī. Yakkhoti devaputto. Dīpento dasa pāpaketi sabbaloke gocaraṃ nāma sattānaṃ upabhogaparibhogāya jātaṃ. Tasmā satte vadhitvā yaṃkiñci katvā ca attā pīṇetabbo, indriyāni santappetabbānītiādinā nayena pāṇātipātādike dasa lāmakadhamme kattabbe katvā pakāsento. Sopetthāti sopi adhammo devaputto imasmiṃ jambudīpe. Mahiyāti bhūmiyā āsanne, manussānaṃ dassanasavanūpacāreti attho.
๖๙. ตตฺถ เย สตฺตา สาธุกมฺมิกา ธมฺมครุโน, เต ธมฺมํ เทวปุตฺตํ ตถา อาคจฺฉนฺตเมว ทิสฺวา อาสนา วุฎฺฐาย คนฺธมาลาทีหิ ปูเชนฺตา ยาว จกฺขุปถสมติกฺกมนา ตาว อภิตฺถวนฺติ , ปญฺชลิกา นมสฺสมานา ติฎฺฐนฺติ, ตสฺส วจนํ สุตฺวา อปฺปมตฺตา สกฺกจฺจํ ปุญฺญานิ กโรนฺติฯ เย ปน สตฺตา ปาปสมาจารา กุรูรกมฺมนฺตา, เต อธมฺมสฺส วจนํ สุตฺวา อพฺภนุโมทนฺติ , ภิโยฺยโสมตฺตาย ปาปานิ สมาจรนฺติฯ เอวํ เต ตทา อญฺญมญฺญสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา เจว อุชุวิปจฺจนีกกิริยา จ หุตฺวา โลเก วิจรนฺติฯ เตนาห ภควา ‘‘ธมฺมวาที อธโมฺม จ, อุโภ ปจฺจนิกา มย’’นฺติฯ
69. Tattha ye sattā sādhukammikā dhammagaruno, te dhammaṃ devaputtaṃ tathā āgacchantameva disvā āsanā vuṭṭhāya gandhamālādīhi pūjentā yāva cakkhupathasamatikkamanā tāva abhitthavanti , pañjalikā namassamānā tiṭṭhanti, tassa vacanaṃ sutvā appamattā sakkaccaṃ puññāni karonti. Ye pana sattā pāpasamācārā kurūrakammantā, te adhammassa vacanaṃ sutvā abbhanumodanti , bhiyyosomattāya pāpāni samācaranti. Evaṃ te tadā aññamaññassa ujuvipaccanīkavādā ceva ujuvipaccanīkakiriyā ca hutvā loke vicaranti. Tenāha bhagavā ‘‘dhammavādī adhammo ca, ubho paccanikā maya’’nti.
เอวํ ปน คจฺฉเนฺต กาเล อเถกทิวสํ เตสํ รถา อากาเส สมฺมุขา อเหสุํฯ อถ เนสํ ปริสา ‘‘ตุเมฺห กสฺส, ตุเมฺห กสฺสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มยํ ธมฺมสฺส, มยํ อธมฺมสฺสา’’ติ วตฺวา มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ทฺวิธา ชาตาฯ ธมฺมสฺส ปน อธมฺมสฺส จ รถา อภิมุขา หุตฺวา อีสาย อีสํ อาหจฺจ อฎฺฐํสุฯ ‘‘ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหิ, ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหี’’ติ อญฺญมญฺญํ มคฺคทาปนตฺถํ วิวาทํ อกํสุฯ ปริสา จ เนสํ อาวุธานิ อภิหริตฺวา ยุทฺธสชฺชา อเหสุํฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
Evaṃ pana gacchante kāle athekadivasaṃ tesaṃ rathā ākāse sammukhā ahesuṃ. Atha nesaṃ parisā ‘‘tumhe kassa, tumhe kassā’’ti pucchitvā ‘‘mayaṃ dhammassa, mayaṃ adhammassā’’ti vatvā maggā okkamitvā dvidhā jātā. Dhammassa pana adhammassa ca rathā abhimukhā hutvā īsāya īsaṃ āhacca aṭṭhaṃsu. ‘‘Tava rathaṃ okkamāpetvā mayhaṃ maggaṃ dehi, tava rathaṃ okkamāpetvā mayhaṃ maggaṃ dehī’’ti aññamaññaṃ maggadāpanatthaṃ vivādaṃ akaṃsu. Parisā ca nesaṃ āvudhāni abhiharitvā yuddhasajjā ahesuṃ. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –
‘‘ธุเร ธุรํ ฆฎฺฎยนฺตา, สมิมฺหา ปฎิปเถ อุโภ’’ฯ
‘‘Dhure dhuraṃ ghaṭṭayantā, samimhā paṭipathe ubho’’.
๗๐.
70.
‘‘กลโห วตฺตตี เภสฺมา, กลฺยาณปาปกสฺส จ;
‘‘Kalaho vattatī bhesmā, kalyāṇapāpakassa ca;
มคฺคา โอกฺกมนตฺถาย, มหายุโทฺธ อุปฎฺฐิโต’’ติฯ
Maggā okkamanatthāya, mahāyuddho upaṭṭhito’’ti.
ตตฺถ ธุเร ธุรนฺติ เอกสฺส รถีสาย อิตรสฺส รถีสํ ฆฎฺฎยนฺตาฯ สมิมฺหาติ สมาคตา สมฺมุขีภูตาฯ ปุน อุโภติ วจนํ อุโภปิ มยํ อญฺญมญฺญสฺส ปจฺจนีกา หุตฺวา โลเก วิจรนฺตา เอกทิวสํ ปฎิมุขํ อาคจฺฉนฺตา ทฺวีสุ ปริสาสุ อุโภสุ ปเสฺสสุ มคฺคโต โอกฺกนฺตาสุ สห รเถน มยํ อุโภ เอว สมาคตาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เภสฺมาติ ภยชนโกฯ กลฺยาณปาปกสฺส จาติ กลฺยาณสฺส จ ปาปกสฺส จฯ มหายุโทฺธ อุปฎฺฐิโตติ มหาสงฺคาโม ปจฺจุปฎฺฐิโต อาสิฯ
Tattha dhure dhuranti ekassa rathīsāya itarassa rathīsaṃ ghaṭṭayantā. Samimhāti samāgatā sammukhībhūtā. Puna ubhoti vacanaṃ ubhopi mayaṃ aññamaññassa paccanīkā hutvā loke vicarantā ekadivasaṃ paṭimukhaṃ āgacchantā dvīsu parisāsu ubhosu passesu maggato okkantāsu saha rathena mayaṃ ubho eva samāgatāti dassanatthaṃ vuttaṃ. Bhesmāti bhayajanako. Kalyāṇapāpakassa cāti kalyāṇassa ca pāpakassa ca. Mahāyuddho upaṭṭhitoti mahāsaṅgāmo paccupaṭṭhito āsi.
อญฺญมญฺญสฺส หิ ปริสาย จ ยุชฺฌิตุกามตา ชาตาฯ ตตฺถ หิ ธโมฺม อธมฺมํ อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ อธโมฺม, อหํ ธโมฺม, มโคฺค มยฺหํ อนุจฺฉวิโก, ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหี’’ติฯ อิตโร ‘‘อหํ ทฬฺหยาโน พลวา อสนฺตาสี, ตสฺมา มคฺคํ น เทมิ, ยุทฺธํ ปน กริสฺสามิ, โย ยุเทฺธ ชินิสฺสติ, ตสฺส มโคฺค โหตู’’ติ อาหฯ เตเนวาห –
Aññamaññassa hi parisāya ca yujjhitukāmatā jātā. Tattha hi dhammo adhammaṃ āha – ‘‘samma, tvaṃ adhammo, ahaṃ dhammo, maggo mayhaṃ anucchaviko, tava rathaṃ okkamāpetvā mayhaṃ maggaṃ dehī’’ti. Itaro ‘‘ahaṃ daḷhayāno balavā asantāsī, tasmā maggaṃ na demi, yuddhaṃ pana karissāmi, yo yuddhe jinissati, tassa maggo hotū’’ti āha. Tenevāha –
‘‘ยโสกโร ปุญฺญกโรหมสฺมิ, สทาตฺถุโต สมณพฺราหฺมณานํ;
‘‘Yasokaro puññakarohamasmi, sadātthuto samaṇabrāhmaṇānaṃ;
มคฺคารโห เทวมนุสฺสปูชิโต, ธโมฺม อหํ เทหิ อธมฺม มคฺคํฯ
Maggāraho devamanussapūjito, dhammo ahaṃ dehi adhamma maggaṃ.
‘‘อธมฺมยานํ ทฬฺหมารุหิตฺวา, อสนฺตสโนฺต พลวาหมสฺมิ;
‘‘Adhammayānaṃ daḷhamāruhitvā, asantasanto balavāhamasmi;
ส กิสฺส เหตุมฺหิ ตวชฺช ทชฺชํ, มคฺคํ อหํ ธมฺม อทินฺนปุพฺพํฯ
Sa kissa hetumhi tavajja dajjaṃ, maggaṃ ahaṃ dhamma adinnapubbaṃ.
‘‘ธโมฺม หเว ปาตุรโหสิ ปุเพฺพ, ปจฺฉา อธโมฺม อุทปาทิ โลเก;
‘‘Dhammo have pāturahosi pubbe, pacchā adhammo udapādi loke;
เชโฎฺฐ จ เสโฎฺฐ จ สนนฺตโน จ, อุยฺยาหิ เชฎฺฐสฺส กนิฎฺฐ มคฺคาฯ
Jeṭṭho ca seṭṭho ca sanantano ca, uyyāhi jeṭṭhassa kaniṭṭha maggā.
‘‘น ยาจนาย นปิ ปาติรูปา, น อรหตา เตหํ ทเทยฺย มคฺคํ;
‘‘Na yācanāya napi pātirūpā, na arahatā tehaṃ dadeyya maggaṃ;
ยุทฺธญฺจ โน โหตุ อุภินฺนมชฺช, ยุทฺธมฺหิ โย เชสฺสติ ตสฺส มโคฺคฯ
Yuddhañca no hotu ubhinnamajja, yuddhamhi yo jessati tassa maggo.
‘‘สพฺพา ทิสา อนุวิสโฎหมสฺมิ, มหพฺพโล อมิตยโส อตุโลฺย;
‘‘Sabbā disā anuvisaṭohamasmi, mahabbalo amitayaso atulyo;
คุเณหิ สเพฺพหิ อุเปตรูโป, ธโมฺม อธมฺม ตฺวํ กถํ วิเชสฺสสิฯ
Guṇehi sabbehi upetarūpo, dhammo adhamma tvaṃ kathaṃ vijessasi.
‘‘โลเหน เว หญฺญติ ชาตรูปํ, น ชาตรูเปน หนนฺติ โลหํ;
‘‘Lohena ve haññati jātarūpaṃ, na jātarūpena hananti lohaṃ;
สเจ อธโมฺม หญฺฉติ ธมฺมมชฺช, อโย สุวณฺณํ วิย ทสฺสเนยฺยํฯ
Sace adhammo hañchati dhammamajja, ayo suvaṇṇaṃ viya dassaneyyaṃ.
‘‘สเจ ตุวํ ยุทฺธพโล อธมฺม, น ตุยฺหํ วุฑฺฒา จ ครู จ อตฺถิ;
‘‘Sace tuvaṃ yuddhabalo adhamma, na tuyhaṃ vuḍḍhā ca garū ca atthi;
มคฺคญฺจ เต ทมฺมิ ปิยาปฺปิเยน, วาจา ทุรุตฺตานิปิ เต ขมามี’’ติฯ (ชา. ๑.๑๑.๒๖-๓๒);
Maggañca te dammi piyāppiyena, vācā duruttānipi te khamāmī’’ti. (jā. 1.11.26-32);
อิมา หิ เตสํ วจนปฎิวจนกถาฯ
Imā hi tesaṃ vacanapaṭivacanakathā.
ตตฺถ ยโสกโรติ ธเมฺม นิโยชนวเสน เทวมนุสฺสานํ ยสทายโกฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ สทาตฺถุโตติ สทา ถุโต นิจฺจปฺปสโตฺถฯ ส กิสฺส เหตุมฺหิ ตวชฺช ทชฺชนฺติ โสมฺหิ อหํ อธโมฺม อธมฺมยานรถํ อภิรุโฬฺห อภีโต พลวา, กิํการณา อชฺช, โภ ธมฺม, กสฺสจิ อทินฺนปุพฺพํ มคฺคํ ตุยฺหํ ทมฺมิฯ ปาตุรโหสีติ ปฐมกปฺปิกกาเล อิมสฺมิํ โลเก ทสกุสลกมฺมปถธโมฺม ปุเพฺพ ปาตุรโหสิ, ปจฺฉา อธโมฺมฯ เชโฎฺฐ จาติ ปุเร นิพฺพตฺตภาเวน อหํ เชโฎฺฐ จ เสโฎฺฐ จ โปราณโก จ, ตฺวํ ปน กนิโฎฺฐ, ตสฺมา ‘‘มคฺคา อุยฺยาหี’’ติ วทติฯ
Tattha yasokaroti dhamme niyojanavasena devamanussānaṃ yasadāyako. Dutiyapadepi eseva nayo. Sadātthutoti sadā thuto niccappasattho. Sa kissa hetumhi tavajja dajjanti somhi ahaṃ adhammo adhammayānarathaṃ abhiruḷho abhīto balavā, kiṃkāraṇā ajja, bho dhamma, kassaci adinnapubbaṃ maggaṃ tuyhaṃ dammi. Pāturahosīti paṭhamakappikakāle imasmiṃ loke dasakusalakammapathadhammo pubbe pāturahosi, pacchā adhammo. Jeṭṭho cāti pure nibbattabhāvena ahaṃ jeṭṭho ca seṭṭho ca porāṇako ca, tvaṃ pana kaniṭṭho, tasmā ‘‘maggā uyyāhī’’ti vadati.
นปิ ปาติรูปาติ อหญฺหิ โภโต เนว ยาจนาย น ปฎิรูปวจเนน น มคฺคารหตาย มคฺคํ ทเทยฺยํฯ อนุวิสโฎติ อหํ จตโสฺส ทิสา จตโสฺส อนุทิสาติ สพฺพา ทิสา อตฺตโน คุเณน ปตฺถโฎ ปญฺญาโตฯ โลเหนาติ อโยมุฎฺฐิเกนฯ หญฺฉตีติ หนิสฺสติฯ ยุทฺธพโล อธมฺมาติ สเจ ตุวํ ยุทฺธพโล อสิ อธมฺมฯ วุฑฺฒา จ ครู จาติ ยทิ ตุยฺหํ อิเม วุฑฺฒา อิเม ครู ปณฺฑิตาติ เอตํ นตฺถิฯ ปิยาปฺปิเยนาติ ปิเยน วิย อปฺปิเยน, อปฺปิเยนปิ ททโนฺต (ชา. อฎฺฐ. ๔.๑๑.๓๒) ปิเยน วิย เต มคฺคํ ททามีติ อโตฺถฯ
Napipātirūpāti ahañhi bhoto neva yācanāya na paṭirūpavacanena na maggārahatāya maggaṃ dadeyyaṃ. Anuvisaṭoti ahaṃ catasso disā catasso anudisāti sabbā disā attano guṇena patthaṭo paññāto. Lohenāti ayomuṭṭhikena. Hañchatīti hanissati. Yuddhabalo adhammāti sace tuvaṃ yuddhabalo asi adhamma. Vuḍḍhā ca garū cāti yadi tuyhaṃ ime vuḍḍhā ime garū paṇḍitāti etaṃ natthi. Piyāppiyenāti piyena viya appiyena, appiyenapi dadanto (jā. aṭṭha. 4.11.32) piyena viya te maggaṃ dadāmīti attho.
๗๑. มหาสโตฺต หิ ตทา จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ อิมํ ปาปปุคฺคลํ สพฺพโลกสฺส อหิตาย ปฎิปนฺนํ เอวํ มยา วิโลมคฺคาหํ คเหตฺวา ฐิตํ อจฺฉรํ ปหริตฺวา ‘อนาจาร มา อิธ ติฎฺฐ, สีฆํ ปฎิกฺกม วินสฺสา’ติ วเทยฺยํ, โส ตงฺขณเญฺญว มม ธมฺมเตเชน ภุสมุฎฺฐิ วิย วิกิเรยฺย, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, สฺวาหํ สพฺพโลกํ อนุกมฺปโนฺต ‘โลกตฺถจริยํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’ติ ปฎิปชฺชามิ, อยํ โข ปน ปาโป อายติํ มหาทุกฺขภาคี, สฺวายํ มยา วิเสสโต อนุกมฺปิตโพฺพ, ตสฺมาสฺส มคฺคํ ทสฺสามิ, เอวํ เม สีลํ สุวิสุทฺธํ อขณฺฑิตํ ภวิสฺสตี’’ติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา โพธิสเตฺต ‘‘สเจ ตุวํ ยุทฺธพโล’’ติ คาถํ วตฺวา โถกํ มคฺคโต โอกฺกนฺตมเตฺต เอว อธโมฺม รเถ ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต อวํสิโร ปถวิยํ ปติตฺวา ปถวิยา วิวเร ทิเนฺน คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ เอว นิพฺพตฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยทิหํ ตสฺส กุเปฺปยฺย’’นฺติอาทิฯ
71. Mahāsatto hi tadā cintesi – ‘‘sacāhaṃ imaṃ pāpapuggalaṃ sabbalokassa ahitāya paṭipannaṃ evaṃ mayā vilomaggāhaṃ gahetvā ṭhitaṃ accharaṃ paharitvā ‘anācāra mā idha tiṭṭha, sīghaṃ paṭikkama vinassā’ti vadeyyaṃ, so taṅkhaṇaññeva mama dhammatejena bhusamuṭṭhi viya vikireyya, na kho pana metaṃ patirūpaṃ, svāhaṃ sabbalokaṃ anukampanto ‘lokatthacariyaṃ matthakaṃ pāpessāmī’ti paṭipajjāmi, ayaṃ kho pana pāpo āyatiṃ mahādukkhabhāgī, svāyaṃ mayā visesato anukampitabbo, tasmāssa maggaṃ dassāmi, evaṃ me sīlaṃ suvisuddhaṃ akhaṇḍitaṃ bhavissatī’’ti. Evaṃ pana cintetvā bodhisatte ‘‘sace tuvaṃ yuddhabalo’’ti gāthaṃ vatvā thokaṃ maggato okkantamatte eva adhammo rathe ṭhātuṃ asakkonto avaṃsiro pathaviyaṃ patitvā pathaviyā vivare dinne gantvā avīcimhi eva nibbatti. Tena vuttaṃ ‘‘yadihaṃ tassa kuppeyya’’ntiādi.
ตตฺถ ยทิหํ ตสฺส กุเปฺปยฺยนฺติ ตสฺส อธมฺมสฺส ยทิ อหํ กุเชฺฌยฺยํฯ ยทิ ภิเนฺท ตโปคุณนฺติ เตเนวสฺส กุชฺฌเนน มยฺหํ ตโปคุณํ สีลสํวรํ ยทิ วินาเสยฺยํฯ สหปริชนํ ตสฺสาติ สปริชนํ ตํ อธมฺมํฯ รชภูตนฺติ รชมิว ภูตํ, รชภาวํ ปตฺตํ อหํ กเรยฺยํฯ
Tattha yadihaṃ tassa kuppeyyanti tassa adhammassa yadi ahaṃ kujjheyyaṃ. Yadi bhinde tapoguṇanti tenevassa kujjhanena mayhaṃ tapoguṇaṃ sīlasaṃvaraṃ yadi vināseyyaṃ. Sahaparijanaṃ tassāti saparijanaṃ taṃ adhammaṃ. Rajabhūtanti rajamiva bhūtaṃ, rajabhāvaṃ pattaṃ ahaṃ kareyyaṃ.
๗๒. อปิจาหนฺติ เอตฺถ อหนฺติ นิปาตมตฺตํฯ สีลรกฺขายาติ สีลรกฺขณตฺถํฯ นิพฺพาเปตฺวานาติ ปฎิกเจฺจว ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสฺส อุปฎฺฐาปิตตฺตา ตสฺมิํ อธเมฺม อุปฺปชฺชนกโกธสฺส อนุปฺปาทเนเนว โทสปริฬาหวูปสมเนน มานสํ วูปสเมตฺวาฯ สห ชเนโนกฺกมิตฺวาติ มยฺหํ ปริชเนน สทฺธิํ มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ตสฺส ปาปสฺส อธมฺมสฺส อหํ มคฺคํ อทาสิํฯ
72.Apicāhanti ettha ahanti nipātamattaṃ. Sīlarakkhāyāti sīlarakkhaṇatthaṃ. Nibbāpetvānāti paṭikacceva khantimettānuddayassa upaṭṭhāpitattā tasmiṃ adhamme uppajjanakakodhassa anuppādaneneva dosapariḷāhavūpasamanena mānasaṃ vūpasametvā. Saha janenokkamitvāti mayhaṃ parijanena saddhiṃ maggā okkamitvā tassa pāpassa adhammassa ahaṃ maggaṃ adāsiṃ.
๗๓. สห ปถโต โอกฺกเนฺตติ วุตฺตนเยน จิตฺตสฺส วูปสมํ กตฺวา ‘‘มคฺคํ เต ทมฺมี’’ติ จ วตฺวา โถกํ มคฺคโต สห โอกฺกมเนนฯ ปาปยกฺขสฺสาติ อธมฺมเทวปุตฺตสฺสฯ ตาวเทติ ตงฺขณํ เอว มหาปถวี วิวรมทาสิฯ ชาตกฎฺฐกถายํ ปน ‘‘มคฺคญฺจ เต ทมฺมี’’ติ คาถาย กถิตกฺขเณเยวาติ วุตฺตํฯ
73.Sahapathato okkanteti vuttanayena cittassa vūpasamaṃ katvā ‘‘maggaṃ te dammī’’ti ca vatvā thokaṃ maggato saha okkamanena. Pāpayakkhassāti adhammadevaputtassa. Tāvadeti taṅkhaṇaṃ eva mahāpathavī vivaramadāsi. Jātakaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘maggañca te dammī’’ti gāthāya kathitakkhaṇeyevāti vuttaṃ.
เอวํ ตสฺมิํ ภูมิยํ ปติเต จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา สกลํ วราวรํ ธาเรนฺตีปิ มหาปถวี ‘‘นาหมิมํ ปาปปุริสํ ธาเรมี’’ติ กเถนฺตี วิย เตน ฐิตฎฺฐาเน ทฺวิธา ภิชฺชิฯ มหาสโตฺต ปน ตสฺมิํ นิปติตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพเตฺต รถธุเร ยถาฐิโตว สปริชโน มหตา เทวานุภาเวน คมนมเคฺคเนว คนฺตฺวา อตฺตโน ภวนํ ปาวิสิฯ เตนาห ภควา –
Evaṃ tasmiṃ bhūmiyaṃ patite catunahutādhikadviyojanasatasahassabahalā sakalaṃ varāvaraṃ dhārentīpi mahāpathavī ‘‘nāhamimaṃ pāpapurisaṃ dhāremī’’ti kathentī viya tena ṭhitaṭṭhāne dvidhā bhijji. Mahāsatto pana tasmiṃ nipatitvā avīcimhi nibbatte rathadhure yathāṭhitova saparijano mahatā devānubhāvena gamanamaggeneva gantvā attano bhavanaṃ pāvisi. Tenāha bhagavā –
‘‘ขนฺตีพโล ยุทฺธพลํ วิเชตฺวา, หนฺตฺวา อธมฺมํ นิหนิตฺว ภูมฺยา;
‘‘Khantībalo yuddhabalaṃ vijetvā, hantvā adhammaṃ nihanitva bhūmyā;
ปายาสิ วิโตฺต อภิรุยฺห สนฺทนํ, มเคฺคเนว อติพโล สจฺจนิกฺกโม’’ติฯ (ชา. ๑.๑๑.๓๔);
Pāyāsi vitto abhiruyha sandanaṃ, maggeneva atibalo saccanikkamo’’ti. (jā. 1.11.34);
ตทา อธโมฺม เทวทโตฺต อโหสิ, ตสฺส ปริสา เทวทตฺตปริสา, ธโมฺม โลกนาโถ, ตสฺส ปริสา พุทฺธปริสาฯ
Tadā adhammo devadatto ahosi, tassa parisā devadattaparisā, dhammo lokanātho, tassa parisā buddhaparisā.
อิธาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพาฯ ตถา อิธาปิ ทิเพฺพหิ อายุวณฺณยสสุขอาธิปเตเยฺยหิ ทิเพฺพเหว อุฬาเรหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตสฺส สมงฺคีภูตสฺส อเนกสหสฺสสงฺขาหิ อจฺฉราหิ สพฺพกาลํ ปริจาริยมานสฺส มหติ ปมาทฎฺฐาเน ฐิตสฺส สโต อีสกมฺปิ ปมาทํ อนาปชฺชิตฺวา ‘‘โลกตฺถจริยํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ มาเส มาเส ปุณฺณมิยํ ธมฺมํ ทีเปโนฺต สปริชโน มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา มหากรุณาย สพฺพสเตฺต อธมฺมโต วิเวเจตฺวา ธเมฺม นิโยชนํ, อธเมฺมน สมาคโตปิ เตน กตํ อนาจารํ อคเณตฺวา ตตฺถ จิตฺตํ อโกเปตฺวา ขนฺติเมตฺตานุทฺทยเมว ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา อขณฺฑํ สุวิสุทฺธญฺจ กตฺวา อตฺตโน สีลสฺส รกฺขณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติฯ
Idhāpi heṭṭhā vuttanayeneva sesapāramiyo yathārahaṃ niddhāretabbā. Tathā idhāpi dibbehi āyuvaṇṇayasasukhaādhipateyyehi dibbeheva uḷārehi kāmaguṇehi samappitassa samaṅgībhūtassa anekasahassasaṅkhāhi accharāhi sabbakālaṃ paricāriyamānassa mahati pamādaṭṭhāne ṭhitassa sato īsakampi pamādaṃ anāpajjitvā ‘‘lokatthacariyaṃ matthakaṃ pāpessāmī’’ti māse māse puṇṇamiyaṃ dhammaṃ dīpento saparijano manussapathe vicaritvā mahākaruṇāya sabbasatte adhammato vivecetvā dhamme niyojanaṃ, adhammena samāgatopi tena kataṃ anācāraṃ agaṇetvā tattha cittaṃ akopetvā khantimettānuddayameva paccupaṭṭhapetvā akhaṇḍaṃ suvisuddhañca katvā attano sīlassa rakkhaṇanti evamādayo mahāsattassa guṇānubhāvā vibhāvetabbāti.
ธมฺมเทวปุตฺตจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dhammadevaputtacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๘. ธมฺมเทวปุตฺตจริยา • 8. Dhammadevaputtacariyā