Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๕๗] ๓. ธมฺมเทวปุตฺตชาตกวณฺณนา

    [457] 3. Dhammadevaputtajātakavaṇṇanā

    ยโสกโร ปุญฺญกโรหมสฺมีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส ปถวิปเวสนํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา หิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต ตถาคเตน สทฺธิํ ปฎิวิรุชฺฌิตฺวา ปถวิํ ปวิโฎฺฐ’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น อิทาเนเวส, ภิกฺขเว, มม ชินจเกฺก ปหารํ ทตฺวา ปถวิํ ปวิโฎฺฐ, ปุเพฺพปิ ธมฺมจเกฺก ปหารํ ทตฺวา ปถวิํ ปวิสิตฺวา อวีจิปรายโณ ชาโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Yasokaro puññakarohamasmīti idaṃ satthā jetavane viharanto devadattassa pathavipavesanaṃ ārabbha kathesi. Tadā hi bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, devadatto tathāgatena saddhiṃ paṭivirujjhitvā pathaviṃ paviṭṭho’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na idānevesa, bhikkhave, mama jinacakke pahāraṃ datvā pathaviṃ paviṭṭho, pubbepi dhammacakke pahāraṃ datvā pathaviṃ pavisitvā avīciparāyaṇo jātoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กามาวจรเทวโลเก ธโมฺม นาม เทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เทวทโตฺต อธโมฺม นามฯ เตสุ ธโมฺม ทิพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิโต ทิพฺพรถวรมภิรุยฺห อจฺฉราคณปริวุโต มนุเสฺสสุ สายมาสํ ภุญฺชิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเร สุขกถาย นิสิเนฺนสุ ปุณฺณมุโปสถทิวเส คามนิคมชนปทราชธานีสุ อากาเส ฐตฺวา ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ วิรมิตฺวา มาตุปฎฺฐานธมฺมํ ปิตุปฎฺฐานธมฺมํ ติวิธสุจริตธมฺมญฺจ ปูเรถ , เอวํ สคฺคปรายณา หุตฺวา มหนฺตํ ยสํ อนุภวิสฺสถา’’ติ มนุเสฺส ทส กุสลกมฺมปเถ สมาทเปโนฺต ชมฺพุทีปํ ปทกฺขิณํ กโรติฯ อธโมฺม ปน เทวปุโตฺต ‘‘ปาณํ หนถา’’ติอาทินา นเยน ทส อกุสลกมฺมปเถ สมาทเปโนฺต ชมฺพุทีปํ วามํ กโรติฯ อถ เตสํ อากาเส รถา สมฺมุขา อเหสุํฯ อถ เนสํ ปริสา ‘‘ตุเมฺห กสฺส, ตุเมฺห กสฺสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มยํ ธมฺมสฺส, มยํ อธมฺมสฺสา’’ติ วตฺวา มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ทฺวิธา ชาตาฯ ธโมฺมปิ อธมฺมํ อามเนฺตตฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ อธโมฺม, อหํ ธโมฺม, มโคฺค มยฺหํ อนุจฺฉวิโก, ตว รถํ โอกฺกาเมตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหี’’ติ ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāmāvacaradevaloke dhammo nāma devaputto hutvā nibbatti, devadatto adhammo nāma. Tesu dhammo dibbālaṅkārapaṭimaṇḍito dibbarathavaramabhiruyha accharāgaṇaparivuto manussesu sāyamāsaṃ bhuñjitvā attano attano gharadvāre sukhakathāya nisinnesu puṇṇamuposathadivase gāmanigamajanapadarājadhānīsu ākāse ṭhatvā ‘‘pāṇātipātādīhi dasahi akusalakammapathehi viramitvā mātupaṭṭhānadhammaṃ pitupaṭṭhānadhammaṃ tividhasucaritadhammañca pūretha , evaṃ saggaparāyaṇā hutvā mahantaṃ yasaṃ anubhavissathā’’ti manusse dasa kusalakammapathe samādapento jambudīpaṃ padakkhiṇaṃ karoti. Adhammo pana devaputto ‘‘pāṇaṃ hanathā’’tiādinā nayena dasa akusalakammapathe samādapento jambudīpaṃ vāmaṃ karoti. Atha tesaṃ ākāse rathā sammukhā ahesuṃ. Atha nesaṃ parisā ‘‘tumhe kassa, tumhe kassā’’ti pucchitvā ‘‘mayaṃ dhammassa, mayaṃ adhammassā’’ti vatvā maggā okkamitvā dvidhā jātā. Dhammopi adhammaṃ āmantetvā ‘‘samma, tvaṃ adhammo, ahaṃ dhammo, maggo mayhaṃ anucchaviko, tava rathaṃ okkāmetvā mayhaṃ maggaṃ dehī’’ti paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๒๖.

    26.

    ‘‘ยโสกโร ปุญฺญกโรหมสฺมิ, สทาตฺถุโต สมณพฺราหฺมณานํ;

    ‘‘Yasokaro puññakarohamasmi, sadātthuto samaṇabrāhmaṇānaṃ;

    มคฺคารโห เทวมนุสฺสปูชิโต, ธโมฺม อหํ เทหิ อธมฺม มคฺค’’นฺติฯ

    Maggāraho devamanussapūjito, dhammo ahaṃ dehi adhamma magga’’nti.

    ตตฺถ ยโสกโรติ อหํ เทวมนุสฺสานํ ยสทายโกฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ สทาตฺถุโตติ สทา ถุโต นิจฺจปสโตฺถฯ ตโต ปรา –

    Tattha yasokaroti ahaṃ devamanussānaṃ yasadāyako. Dutiyapadepi eseva nayo. Sadātthutoti sadā thuto niccapasattho. Tato parā –

    ๒๗.

    27.

    ‘‘อธมฺมยานํ ทฬฺหมารุหิตฺวา, อสนฺตสโนฺต พลวาหมสฺมิ;

    ‘‘Adhammayānaṃ daḷhamāruhitvā, asantasanto balavāhamasmi;

    ส กิสฺส เหตุมฺหิ ตวชฺช ทชฺชํ, มคฺคํ อหํ ธมฺม อทินฺนปุพฺพํฯ

    Sa kissa hetumhi tavajja dajjaṃ, maggaṃ ahaṃ dhamma adinnapubbaṃ.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘ธโมฺม หเว ปาตุรโหสิ ปุเพฺพ, ปจฺฉา อธโมฺม อุทปาทิ โลเก;

    ‘‘Dhammo have pāturahosi pubbe, pacchā adhammo udapādi loke;

    เชโฎฺฐ จ เสโฎฺฐ จ สนนฺตโน จ, อุยฺยาหิ เชฎฺฐสฺส กนิฎฺฐ มคฺคาฯ

    Jeṭṭho ca seṭṭho ca sanantano ca, uyyāhi jeṭṭhassa kaniṭṭha maggā.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘น ยาจนาย นปิ ปาติรูปา, น อรหตา เตหํ ทเทยฺยํ มคฺคํ;

    ‘‘Na yācanāya napi pātirūpā, na arahatā tehaṃ dadeyyaṃ maggaṃ;

    ยุทฺธญฺจ โน โหตุ อุภินฺนมชฺช, ยุทฺธมฺหิ โย เชสฺสติ ตสฺส มโคฺคฯ

    Yuddhañca no hotu ubhinnamajja, yuddhamhi yo jessati tassa maggo.

    ๓๐.

    30.

    ‘‘สพฺพา ทิสา อนุวิสโฎหมสฺมิ, มหพฺพโล อมิตยโส อตุโลฺย;

    ‘‘Sabbā disā anuvisaṭohamasmi, mahabbalo amitayaso atulyo;

    คุเณหิ สเพฺพหิ อุเปตรูโป, ธโมฺม อธมฺม ตฺวํ กถํ วิเชสฺสสิฯ

    Guṇehi sabbehi upetarūpo, dhammo adhamma tvaṃ kathaṃ vijessasi.

    ๓๑.

    31.

    ‘‘โลเหน เว หญฺญติ ชาตรูปํ, น ชาตรูเปน หนนฺติ โลหํ;

    ‘‘Lohena ve haññati jātarūpaṃ, na jātarūpena hananti lohaṃ;

    สเจ อธโมฺม หญฺฉติ ธมฺมมชฺช, อโย สุวณฺณํ วิย ทสฺสเนยฺยํฯ

    Sace adhammo hañchati dhammamajja, ayo suvaṇṇaṃ viya dassaneyyaṃ.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘สเจ ตุวํ ยุทฺธพโล อธมฺม, น ตุยฺห วุฑฺฒา จ ครู จ อตฺถิ;

    ‘‘Sace tuvaṃ yuddhabalo adhamma, na tuyha vuḍḍhā ca garū ca atthi;

    มคฺคญฺจ เต ทมฺมิ ปิยาปฺปิเยน, วาจาทุรุตฺตานิปิ เต ขมามี’’ติฯ –

    Maggañca te dammi piyāppiyena, vācāduruttānipi te khamāmī’’ti. –

    อิมา ฉ คาถา เตสเญฺญว วจนปฎิวจนวเสน กถิตาฯ

    Imā cha gāthā tesaññeva vacanapaṭivacanavasena kathitā.

    ตตฺถ ส กิสฺส เหตุมฺหิ ตวชฺช ทชฺชนฺติ โสมฺหิ อหํ อธโมฺม อธมฺมยานํ รถํ อารุโฬฺห อภีโต พลวาฯ กิํการณา อชฺช โภ ธมฺม, กสฺสจิ อทินฺนปุพฺพํ มคฺคํ ตุยฺหํ ทมฺมีติฯ ปุเพฺพติ ปฐมกปฺปิกกาเล อิมสฺมิํ โลเก ทสกุสลกมฺมปถธโมฺม จ ปุเพฺพ ปาตุรโหสิ, ปจฺฉา อธโมฺมฯ เชโฎฺฐ จาติ ปุเร นิพฺพตฺตภาเวน อหํ เชโฎฺฐ จ เสโฎฺฐ จ โปราณโก จ, ตฺวํ ปน กนิโฎฺฐ, ตสฺมา มคฺคา อุยฺยาหีติ วทติฯ นปิ ปาติรูปาติ อหญฺหิ เต เนว ยาจนาย น ปติรูปวจเนน มคฺคารหตาย มคฺคํ ทเทยฺยํฯ อนุวิสโฎติ อหํ จตโสฺส ทิสา จตโสฺส อนุทิสาติ สพฺพา ทิสา อตฺตโน คุเณน ปตฺถโฎ ปญฺญาโต ปากโฎฯ โลเหนาติ อยมุฎฺฐิเกนฯ หญฺฉตีติ หนิสฺสติฯ ตุวํ ยุทฺธพโล อธมฺมาติ สเจ ตฺวํ ยุทฺธพโลสิ อธมฺมฯ วุฑฺฒา จ ครู จาติ ยทิ ตุยฺหํ ‘‘อิเม วุฑฺฒา, อิเม ครู ปณฺฑิตา’’ติ เอวํ นตฺถิฯ ปิยาปฺปิเยนาติ ปิเยนาปิ อปฺปิเยนาปิ ททโนฺต ปิเยน วิย เต มคฺคํ ททามีติ อโตฺถฯ

    Tattha sa kissa hetumhi tavajja dajjanti somhi ahaṃ adhammo adhammayānaṃ rathaṃ āruḷho abhīto balavā. Kiṃkāraṇā ajja bho dhamma, kassaci adinnapubbaṃ maggaṃ tuyhaṃ dammīti. Pubbeti paṭhamakappikakāle imasmiṃ loke dasakusalakammapathadhammo ca pubbe pāturahosi, pacchā adhammo. Jeṭṭho cāti pure nibbattabhāvena ahaṃ jeṭṭho ca seṭṭho ca porāṇako ca, tvaṃ pana kaniṭṭho, tasmā maggā uyyāhīti vadati. Napi pātirūpāti ahañhi te neva yācanāya na patirūpavacanena maggārahatāya maggaṃ dadeyyaṃ. Anuvisaṭoti ahaṃ catasso disā catasso anudisāti sabbā disā attano guṇena patthaṭo paññāto pākaṭo. Lohenāti ayamuṭṭhikena. Hañchatīti hanissati. Tuvaṃ yuddhabalo adhammāti sace tvaṃ yuddhabalosi adhamma. Vuḍḍhā ca garū cāti yadi tuyhaṃ ‘‘ime vuḍḍhā, ime garū paṇḍitā’’ti evaṃ natthi. Piyāppiyenāti piyenāpi appiyenāpi dadanto piyena viya te maggaṃ dadāmīti attho.

    โพธิสเตฺตน ปน อิมาย คาถาย กถิตกฺขเณเยว อธโมฺม รเถ ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต อวํสิโร ปถวิยํ ปติตฺวา ปถวิยา วิวเร ทิเนฺน คนฺตฺวา อวีจิมฺหิเยว นิพฺพตฺติฯ เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ภควา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา เสสคาถา อภาสิ –

    Bodhisattena pana imāya gāthāya kathitakkhaṇeyeva adhammo rathe ṭhātuṃ asakkonto avaṃsiro pathaviyaṃ patitvā pathaviyā vivare dinne gantvā avīcimhiyeva nibbatti. Etamatthaṃ viditvā bhagavā abhisambuddho hutvā sesagāthā abhāsi –

    ๓๓.

    33.

    ‘‘อิทญฺจ สุตฺวา วจนํ อธโมฺม, อวํสิโร ปติโต อุทฺธปาโท;

    ‘‘Idañca sutvā vacanaṃ adhammo, avaṃsiro patito uddhapādo;

    ยุทฺธตฺถิโก เจ น ลภามิ ยุทฺธํ, เอตฺตาวตา โหติ หโต อธโมฺมฯ

    Yuddhatthiko ce na labhāmi yuddhaṃ, ettāvatā hoti hato adhammo.

    ๓๔.

    34.

    ‘‘ขนฺตีพโล ยุทฺธพลํ วิเชตฺวา, หนฺตฺวา อธมฺมํ นิหนิตฺว ภูมฺยา;

    ‘‘Khantībalo yuddhabalaṃ vijetvā, hantvā adhammaṃ nihanitva bhūmyā;

    ปายาสิ วิโตฺต อภิรุยฺห สนฺทนํ, มเคฺคเนว อติพโล สจฺจนิกฺกโมฯ

    Pāyāsi vitto abhiruyha sandanaṃ, maggeneva atibalo saccanikkamo.

    ๓๕.

    35.

    ‘‘มาตา ปิตา สมณพฺราหฺมณา จ, อสมฺมานิตา ยสฺส สเก อคาเร;

    ‘‘Mātā pitā samaṇabrāhmaṇā ca, asammānitā yassa sake agāre;

    อิเธว นิกฺขิปฺป สรีรเทหํ, กายสฺส เภทา นิรยํ วชนฺติ เต;

    Idheva nikkhippa sarīradehaṃ, kāyassa bhedā nirayaṃ vajanti te;

    ยถา อธโมฺม ปติโต อวํสิโรฯ

    Yathā adhammo patito avaṃsiro.

    ๓๖.

    36.

    ‘‘มาตา ปิตา สมณพฺราหฺมณา จ, สุสมฺมานิตา ยสฺส สเก อคาเร;

    ‘‘Mātā pitā samaṇabrāhmaṇā ca, susammānitā yassa sake agāre;

    อิเธว นิกฺขิปฺป สรีรเทหํ, กายสฺส เภทา สุคติํ วชนฺติ เต;

    Idheva nikkhippa sarīradehaṃ, kāyassa bhedā sugatiṃ vajanti te;

    ยถาปิ ธโมฺม อภิรุยฺห สนฺทน’’นฺติฯ

    Yathāpi dhammo abhiruyha sandana’’nti.

    ตตฺถ ยุทฺธตฺถิโก เจติ อยํ ตสฺส วิลาโป, โส กิเรวํ วิลปโนฺตเยว ปติตฺวา ปถวิํ ปวิโฎฺฐ ฯ เอตฺตาวตาติ ภิกฺขเว, ยาวตา ปถวิํ ปวิโฎฺฐ, ตาวตา อธโมฺม หโต นาม โหติฯ ขนฺตีพโลติ ภิกฺขเว, เอวํ อธโมฺม ปถวิํ ปวิโฎฺฐ อธิวาสนขนฺตีพโล ตํ ยุทฺธพลํ วิเชตฺวา วธิตฺวา ภูมิยํ นิหนิตฺวา ปาเตตฺวา วิตฺตชาตตาย วิโตฺต อตฺตโน รถํ อารุยฺห มเคฺคเนว สจฺจนิกฺกโม ตถปรกฺกโม ธมฺมเทวปุโตฺต ปายาสิฯ อสมฺมานิตาติ อสกฺกตาฯ สรีรเทหนฺติ อิมสฺมิํเยว โลเก สรีรสงฺขาตํ เทหํ นิกฺขิปิตฺวาฯ นิรยํ วชนฺตีติ ยสฺส ปาปปุคฺคลสฺส เอเต สกฺการารหา เคเห อสกฺกตา, ตถารูปา ยถา อธโมฺม ปติโต อวํสิโร, เอวํ อวํสิรา นิรยํ วชนฺตีติ อโตฺถฯ สุคติํ วชนฺตีติ ยสฺส ปเนเต สกฺกตา, ตาทิสา ปณฺฑิตา ยถาปิ ธโมฺม สนฺทนํ อภิรุยฺห เทวโลกํ คโต, เอวํ สุคติํ วชนฺตีติฯ

    Tattha yuddhatthiko ceti ayaṃ tassa vilāpo, so kirevaṃ vilapantoyeva patitvā pathaviṃ paviṭṭho . Ettāvatāti bhikkhave, yāvatā pathaviṃ paviṭṭho, tāvatā adhammo hato nāma hoti. Khantībaloti bhikkhave, evaṃ adhammo pathaviṃ paviṭṭho adhivāsanakhantībalo taṃ yuddhabalaṃ vijetvā vadhitvā bhūmiyaṃ nihanitvā pātetvā vittajātatāya vitto attano rathaṃ āruyha maggeneva saccanikkamo tathaparakkamo dhammadevaputto pāyāsi. Asammānitāti asakkatā. Sarīradehanti imasmiṃyeva loke sarīrasaṅkhātaṃ dehaṃ nikkhipitvā. Nirayaṃ vajantīti yassa pāpapuggalassa ete sakkārārahā gehe asakkatā, tathārūpā yathā adhammo patito avaṃsiro, evaṃ avaṃsirā nirayaṃ vajantīti attho. Sugatiṃ vajantīti yassa panete sakkatā, tādisā paṇḍitā yathāpi dhammo sandanaṃ abhiruyha devalokaṃ gato, evaṃ sugatiṃ vajantīti.

    สตฺถา เอวํ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต มยา สทฺธิํ ปฎิวิรุชฺฌิตฺวา ปถวิํ ปวิโฎฺฐ’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อธโมฺม เทวปุโตฺต เทวทโตฺต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสา, ธโมฺม ปน อหเมว, ปริสา พุทฺธปริสาเยวา’’ติฯ

    Satthā evaṃ dhammaṃ desetvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto mayā saddhiṃ paṭivirujjhitvā pathaviṃ paviṭṭho’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā adhammo devaputto devadatto ahosi, parisāpissa devadattaparisā, dhammo pana ahameva, parisā buddhaparisāyevā’’ti.

    ธมฺมเทวปุตฺตชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Dhammadevaputtajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๕๗. ธมฺมเทวปุตฺตชาตกํ • 457. Dhammadevaputtajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact