Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๘๔] ๙. ธมฺมธชชาตกวณฺณนา
[384] 9. Dhammadhajajātakavaṇṇanā
ธมฺมํ จรถ ญาตโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ อิทาเนว กุหโก, ปุเพฺพปิ กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Dhammaṃ caratha ñātayoti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ kuhakabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Tadā hi satthā ‘‘na, bhikkhave, ayaṃ idāneva kuhako, pubbepi kuhakoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต สกุณสงฺฆปริวุโต สมุทฺทมเชฺฌ ทีปเก วสิฯ อเถกเจฺจ กาสิรฎฺฐวาสิโน วาณิชา ทิสากากํ คเหตฺวา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทิํสุ, สมุทฺทมเชฺฌ นาวา ภิชฺชิฯ โส ทิสากาโก ตํ ทีปกํ คนฺตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ มหาสกุณสโงฺฆ, มยา กุหกกมฺมํ กตฺวา เอเตสํ อณฺฑกานิ เจว ฉาปเก จ วรํ วรํ ขาทิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส โอตริตฺวา สกุณสงฺฆสฺส มเชฺฌ มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน ปถวิยํ อฎฺฐาสิฯ ‘‘โก นาม ตฺวํ, สามี’’ติ สกุเณหิ ปุโฎฺฐ ‘‘อหํ ธมฺมิโก นามา’’ติ อาหฯ ‘‘กสฺมา ปน เอเกน ปาเทน ฐิโตสี’’ติ? ‘‘มยา ทุติเย ปาเท นิกฺขิเตฺต ปถวี ธาเรตุํ น สโกฺกตี’’ติฯ ‘‘อถ กสฺมา มุขํ วิวริตฺวา ติฎฺฐสี’’ติ? ‘‘อหํ อญฺญํ อาหารํ น ขาทามิ, วาตเมว ขาทามี’’ติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา เต สกุเณ อามเนฺตตฺวา ‘‘โอวาทํ โว ทสฺสามิ, ตํ สุณาถา’’ติ เตสํ โอวาทวเสน ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sakuṇayoniyaṃ nibbattitvā vayappatto sakuṇasaṅghaparivuto samuddamajjhe dīpake vasi. Athekacce kāsiraṭṭhavāsino vāṇijā disākākaṃ gahetvā nāvāya samuddaṃ pakkhandiṃsu, samuddamajjhe nāvā bhijji. So disākāko taṃ dīpakaṃ gantvā cintesi ‘‘ayaṃ mahāsakuṇasaṅgho, mayā kuhakakammaṃ katvā etesaṃ aṇḍakāni ceva chāpake ca varaṃ varaṃ khādituṃ vaṭṭatī’’ti. So otaritvā sakuṇasaṅghassa majjhe mukhaṃ vivaritvā ekena pādena pathaviyaṃ aṭṭhāsi. ‘‘Ko nāma tvaṃ, sāmī’’ti sakuṇehi puṭṭho ‘‘ahaṃ dhammiko nāmā’’ti āha. ‘‘Kasmā pana ekena pādena ṭhitosī’’ti? ‘‘Mayā dutiye pāde nikkhitte pathavī dhāretuṃ na sakkotī’’ti. ‘‘Atha kasmā mukhaṃ vivaritvā tiṭṭhasī’’ti? ‘‘Ahaṃ aññaṃ āhāraṃ na khādāmi, vātameva khādāmī’’ti. Evañca pana vatvā te sakuṇe āmantetvā ‘‘ovādaṃ vo dassāmi, taṃ suṇāthā’’ti tesaṃ ovādavasena paṭhamaṃ gāthamāha –
๖๕.
65.
‘‘ธมฺมํ จรถ ญาตโย, ธมฺมํ จรถ ภทฺทํ โว;
‘‘Dhammaṃ caratha ñātayo, dhammaṃ caratha bhaddaṃ vo;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมิํ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติฯ
Dhammacārī sukhaṃ seti, asmiṃ loke paramhi cā’’ti.
ตตฺถ ธมฺมํ จรถาติ กายสุจริตาทิเภทํ ธมฺมํ กโรถฯ ญาตโยติ เต อาลปติฯ ธมฺมํ จรถ ภทฺทํ โวติ เอกวารํ จริตฺวา มา โอสกฺกถ, ปุนปฺปุนํ จรถ, เอวํ ภทฺทํ โว ภวิสฺสติฯ สุขํ เสตีติ เทสนาสีสเมตํ, ธมฺมจารี ปน สุขํ ติฎฺฐติ คจฺฉติ นิสีทติ เสติ, สพฺพิริยาปเถสุ สุขิโต โหตีติ ทีเปติฯ
Tattha dhammaṃ carathāti kāyasucaritādibhedaṃ dhammaṃ karotha. Ñātayoti te ālapati. Dhammaṃ caratha bhaddaṃ voti ekavāraṃ caritvā mā osakkatha, punappunaṃ caratha, evaṃ bhaddaṃ vo bhavissati. Sukhaṃ setīti desanāsīsametaṃ, dhammacārī pana sukhaṃ tiṭṭhati gacchati nisīdati seti, sabbiriyāpathesu sukhito hotīti dīpeti.
สกุณา ‘‘อยํ กาโก โกหเญฺญน อณฺฑกานิ ขาทิตุํ เอวํ วทตี’’ติ อชานิตฺวา ตํ ทุสฺสีลํ วเณฺณนฺตา ทุติยํ คาถมาหํสุ –
Sakuṇā ‘‘ayaṃ kāko kohaññena aṇḍakāni khādituṃ evaṃ vadatī’’ti ajānitvā taṃ dussīlaṃ vaṇṇentā dutiyaṃ gāthamāhaṃsu –
๖๖.
66.
‘‘ภทฺทโก วตยํ ปกฺขี, ทิโช ปรมธมฺมิโก;
‘‘Bhaddako vatayaṃ pakkhī, dijo paramadhammiko;
เอกปาเทน ติฎฺฐโนฺต, ธมฺมเมวานุสาสตี’’ติฯ
Ekapādena tiṭṭhanto, dhammamevānusāsatī’’ti.
ตตฺถ ธมฺมเมวาติ สภาวเมวฯ อนุสาสตีติ กเถสิฯ
Tattha dhammamevāti sabhāvameva. Anusāsatīti kathesi.
สกุณา ตสฺส ทุสฺสีลสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร สามิ อญฺญํ โคจรํ น คณฺหสิ, วาตเมว ภกฺขสิ, เตน หิ อมฺหากํ อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ โอโลเกยฺยาสี’’ติ วตฺวา โคจราย คจฺฉนฺติฯ โส ปาโป เตสํ คตกาเล อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ กุจฺฉิปูรํ ขาทิตฺวา เตสํ อาคมนกาเล อุปสนฺตูปสโนฺต หุตฺวา มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน ติฎฺฐติฯ สกุณา อาคนฺตฺวา ปุตฺตเก อปสฺสนฺตา ‘‘โก นุ โข ขาทตี’’ติ มหาสเทฺทน วิรวนฺติ, ‘‘อยํ กาโก ธมฺมิโก’’ติ ตสฺมิํ อาสงฺกามตฺตมฺปิ น กโรนฺติฯ อเถกทิวสํ มหาสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘อิธ ปุเพฺพ โกจิ ปริปโนฺถ นตฺถิ, อิมสฺส อาคตกาลโต ปฎฺฐาย ชาโต, อิมํ ปริคฺคณฺหิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส สกุเณหิ สทฺธิํ โคจราย คจฺฉโนฺต วิย หุตฺวา นิวตฺติตฺวา ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน อฎฺฐาสิฯ กาโกปิ ‘‘คตา สกุณา’’ติ นิราสโงฺก หุตฺวา อุฎฺฐาย คนฺตฺวา อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ ขาทิตฺวา ปุนาคนฺตฺวา มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน อฎฺฐาสิฯ
Sakuṇā tassa dussīlassa saddahitvā ‘‘tvaṃ kira sāmi aññaṃ gocaraṃ na gaṇhasi, vātameva bhakkhasi, tena hi amhākaṃ aṇḍakāni ca chāpake ca olokeyyāsī’’ti vatvā gocarāya gacchanti. So pāpo tesaṃ gatakāle aṇḍakāni ca chāpake ca kucchipūraṃ khāditvā tesaṃ āgamanakāle upasantūpasanto hutvā mukhaṃ vivaritvā ekena pādena tiṭṭhati. Sakuṇā āgantvā puttake apassantā ‘‘ko nu kho khādatī’’ti mahāsaddena viravanti, ‘‘ayaṃ kāko dhammiko’’ti tasmiṃ āsaṅkāmattampi na karonti. Athekadivasaṃ mahāsatto cintesi ‘‘idha pubbe koci paripantho natthi, imassa āgatakālato paṭṭhāya jāto, imaṃ pariggaṇhituṃ vaṭṭatī’’ti. So sakuṇehi saddhiṃ gocarāya gacchanto viya hutvā nivattitvā paṭicchannaṭṭhāne aṭṭhāsi. Kākopi ‘‘gatā sakuṇā’’ti nirāsaṅko hutvā uṭṭhāya gantvā aṇḍakāni ca chāpake ca khāditvā punāgantvā mukhaṃ vivaritvā ekena pādena aṭṭhāsi.
สกุณราชา สกุเณสุ อาคเตสุ สเพฺพ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อหํ โว อชฺช ปุตฺตกานํ ปริปนฺถํ ปริคฺคณฺหโนฺต อิมํ ปาปกากํ ขาทนฺตํ อทฺทสํ, เอถ นํ คณฺหามา’’ติ สกุณสงฺฆํ อามเนฺตตฺวา ปริวาเรตฺวา ‘‘สเจ ปลายติ, คเณฺหยฺยาถ น’’นฺติ วตฺวา เสสคาถา อภาสิ –
Sakuṇarājā sakuṇesu āgatesu sabbe sannipātāpetvā ‘‘ahaṃ vo ajja puttakānaṃ paripanthaṃ pariggaṇhanto imaṃ pāpakākaṃ khādantaṃ addasaṃ, etha naṃ gaṇhāmā’’ti sakuṇasaṅghaṃ āmantetvā parivāretvā ‘‘sace palāyati, gaṇheyyātha na’’nti vatvā sesagāthā abhāsi –
๖๗.
67.
‘‘นาสฺส สีลํ วิชานาถ, อนญฺญาย ปสํสถ;
‘‘Nāssa sīlaṃ vijānātha, anaññāya pasaṃsatha;
ภุตฺวา อณฺฑญฺจ โปตญฺจ, ธโมฺม ธโมฺมติ ภาสติฯ
Bhutvā aṇḍañca potañca, dhammo dhammoti bhāsati.
๖๘.
68.
‘‘อญฺญํ ภณติ วาจาย, อญฺญํ กาเยน กุพฺพติ;
‘‘Aññaṃ bhaṇati vācāya, aññaṃ kāyena kubbati;
วาจาย โน จ กาเยน, น ตํ ธมฺมํ อธิฎฺฐิโตฯ
Vācāya no ca kāyena, na taṃ dhammaṃ adhiṭṭhito.
๖๙.
69.
‘‘วาจาย สขิโล มโนวิทุโคฺค, ฉโนฺน กูปสโยว กณฺหสโปฺป;
‘‘Vācāya sakhilo manoviduggo, channo kūpasayova kaṇhasappo;
ธมฺมธโช คามนิคมาสุ สาธุ, ทุชฺชาโน ปุริเสน พาลิเสนฯ
Dhammadhajo gāmanigamāsu sādhu, dujjāno purisena bālisena.
๗๐.
70.
‘‘อิมํ ตุเณฺฑหิ ปเกฺขหิ, ปาทา จิมํ วิเหฐถ;
‘‘Imaṃ tuṇḍehi pakkhehi, pādā cimaṃ viheṭhatha;
ฉวญฺหิมํ วินาเสถ, นายํ สํวาสนารโห’’ติฯ
Chavañhimaṃ vināsetha, nāyaṃ saṃvāsanāraho’’ti.
ตตฺถ นาสฺส สีลนฺติ น อสฺส สีลํฯ อนญฺญายาติ อชานิตฺวาฯ ภุตฺวาติ ขาทิตฺวาฯ วาจาย โน จ กาเยนาติ อยญฺหิ วจเนเนว ธมฺมํ จรติ, กาเยน ปน น กโรติฯ น ตํ ธมฺมํ อธิฎฺฐิโตติ ตสฺมา ชานิตโพฺพ ยถายํ ธมฺมํ ภณติ, น ตํ อธิฎฺฐิโต, ตสฺมิํ ธเมฺม น อธิฎฺฐิโตฯ วาจาย สขิโลติ วจเนน มุทุฯ มโนวิทุโคฺคติ มนสา วิทุโคฺค ทุปฺปเวโส วิสโมฯ ฉโนฺนติ ยสฺมิํ พิเล สยติ, เตน ฉโนฺนฯ กูปสโยติ พิลาสโยฯ ธมฺมธโชติ สุจริตธมฺมํ ธชํ กตฺวา วิจรเณน ธมฺมทฺธโชฯ คามนิคมาสุ สาธูติ คาเมสุ จ นิคเมสุ จ สาธุ ภทฺทโก สมฺภาวิโตฯ ทุชฺชาโนติ อยํ เอวรูโป ทุสฺสีโล ปฎิจฺฉนฺนกมฺมโนฺต พาลิเสน อญฺญาเณน ปุริเสน น สกฺกา ชานิตุํฯ ปาทา จิมนฺติ อตฺตโน อตฺตโน ปาเทน จ อิมํฯ วิเหฐถาติ ปหรถ หนถฯ ฉวนฺติ ลามกํฯ นายนฺติ อยํ อเมฺหหิ สทฺธิํ เอกสฺมิํ ฐาเน สํวาสํ น อรหตีติฯ
Tattha nāssa sīlanti na assa sīlaṃ. Anaññāyāti ajānitvā. Bhutvāti khāditvā. Vācāya no ca kāyenāti ayañhi vacaneneva dhammaṃ carati, kāyena pana na karoti. Na taṃ dhammaṃ adhiṭṭhitoti tasmā jānitabbo yathāyaṃ dhammaṃ bhaṇati, na taṃ adhiṭṭhito, tasmiṃ dhamme na adhiṭṭhito. Vācāya sakhiloti vacanena mudu. Manoviduggoti manasā viduggo duppaveso visamo. Channoti yasmiṃ bile sayati, tena channo. Kūpasayoti bilāsayo. Dhammadhajoti sucaritadhammaṃ dhajaṃ katvā vicaraṇena dhammaddhajo. Gāmanigamāsu sādhūti gāmesu ca nigamesu ca sādhu bhaddako sambhāvito. Dujjānoti ayaṃ evarūpo dussīlo paṭicchannakammanto bālisena aññāṇena purisena na sakkā jānituṃ. Pādā cimanti attano attano pādena ca imaṃ. Viheṭhathāti paharatha hanatha. Chavanti lāmakaṃ. Nāyanti ayaṃ amhehi saddhiṃ ekasmiṃ ṭhāne saṃvāsaṃ na arahatīti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา สกุณเชฎฺฐโก สยเมว ลงฺฆิตฺวา ตสฺส สีสํ ตุเณฺฑน ปหริ, อวเสสา สกุณา ตุณฺฑนขปาทปเกฺขหิ ปหริํสุฯ โส ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิฯ
Evañca pana vatvā sakuṇajeṭṭhako sayameva laṅghitvā tassa sīsaṃ tuṇḍena pahari, avasesā sakuṇā tuṇḍanakhapādapakkhehi pahariṃsu. So tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุหกกาโก อิทานิ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, สกุณราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kuhakakāko idāni kuhakabhikkhu ahosi, sakuṇarājā pana ahameva ahosi’’nti.
ธมฺมธชชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Dhammadhajajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๘๔. ธมฺมธชชาตกํ • 384. Dhammadhajajātakaṃ