Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๑๒. ธมฺมทินฺนาเถรีคาถาวณฺณนา

    12. Dhammadinnātherīgāthāvaṇṇanā

    ฉนฺทชาตา อวสายีติ ธมฺมทินฺนาเถริยา คาถาฯ สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร ปราธีนวุตฺติกา หุตฺวา ชีวนฺตี นิโรธโต วุฎฺฐิตสฺส อคฺคสาวกสฺส ปูชาสกฺการปุพฺพกํ ทานํ ทตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตาฯ ตโต จวิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี ผุสฺสสฺส ภควโต กาเล สตฺถุ เวมาติกภาติกานํ กมฺมิกสฺส เคเห วสมานา ทานํ ปฎิจฺจ ‘‘เอกํ เทหี’’ติ สามิเกน วุเตฺต เทฺว เทนฺตี, พหุํ ปุญฺญํ กตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล กิกิสฺส กาสิกรโญฺญ เคเห ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา สตฺตนฺนํ ภคินีนํ อพฺภนฺตรา หุตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา วิสาขสฺส เสฎฺฐิโน เคหํ คตาฯ

    Chandajātā avasāyīti dhammadinnātheriyā gāthā. Sā kira padumuttarabuddhakāle haṃsavatīnagare parādhīnavuttikā hutvā jīvantī nirodhato vuṭṭhitassa aggasāvakassa pūjāsakkārapubbakaṃ dānaṃ datvā devaloke nibbattā. Tato cavitvā devamanussesu saṃsarantī phussassa bhagavato kāle satthu vemātikabhātikānaṃ kammikassa gehe vasamānā dānaṃ paṭicca ‘‘ekaṃ dehī’’ti sāmikena vutte dve dentī, bahuṃ puññaṃ katvā kassapabuddhakāle kikissa kāsikarañño gehe paṭisandhiṃ gahetvā sattannaṃ bhaginīnaṃ abbhantarā hutvā vīsativassasahassāni brahmacariyaṃ caritvā ekaṃ buddhantaraṃ devamanussesu saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde rājagahe kulagehe nibbattitvā vayappattā visākhassa seṭṭhino gehaṃ gatā.

    อเถกทิวสํ วิสาโข เสฎฺฐิ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อนาคามี หุตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา ปาสาทํ อภิรุหโนฺต โสปานมตฺถเก ฐิตาย ธมฺมทินฺนาย ปสาริตหตฺถํ อนาลมฺพิตฺวาว ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ภุญฺชมาโนปิ ตุณฺหีภูโตว ภุญฺชิฯ ธมฺมทินฺนา ตํ อุปธาเรตฺวา, ‘‘อยฺยปุตฺต, กสฺมา ตฺวํ อชฺช มม หตฺถํ นาลมฺพิ, ภุญฺชมาโนปิ น กิญฺจิ กเถสิ, อตฺถิ นุ โข โกจิ มยฺหํ โทโส’’ติ อาหฯ วิสาโข ‘‘ธมฺมทิเนฺน, น เต โทโส อตฺถิ, อหํ ปน อชฺช ปฎฺฐาย อิตฺถิสรีรํ ผุสิตุํ อาหาเร จ โลลภาวํ กาตุํ อนรโห, ตาทิโส มยา ธโมฺม ปฎิวิโทฺธฯ ตฺวํ ปน สเจ อิจฺฉสิ, อิมสฺมิํเยว เคเห วสฯ โน เจ อิจฺฉสิ, ยตฺตเกน ธเนน เต อโตฺถ, ตตฺตกํ คเหตฺวา กุลฆรํ คจฺฉาหี’’ติ อาหฯ ‘‘นาหํ, อยฺยปุตฺต, ตยา วนฺตวมนํ อาจมิสฺสามิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาหี’’ติฯ วิสาโข ‘‘สาธุ, ธมฺมทิเนฺน’’ติ ตํ สุวณฺณสิวิกาย ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ เปเสสิฯ สา ปพฺพชิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา วิเวกวาสํ วสิตุกามา อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อยฺยา, อากิณฺณฎฺฐาเน มยฺหํ จิตฺตํ น รมติ, คามกาวาสํ คจฺฉามี’’ติ อาหฯ ภิกฺขุนิโย ตํ คามกาวาสํ นยิํสุฯ สา ตตฺถ วสนฺตี อตีเต มทฺทิตสงฺขารตาย น จิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๓.๙๕-๑๓๐) –

    Athekadivasaṃ visākho seṭṭhi satthu santike dhammaṃ sutvā anāgāmī hutvā gharaṃ gantvā pāsādaṃ abhiruhanto sopānamatthake ṭhitāya dhammadinnāya pasāritahatthaṃ anālambitvāva pāsādaṃ abhiruhitvā bhuñjamānopi tuṇhībhūtova bhuñji. Dhammadinnā taṃ upadhāretvā, ‘‘ayyaputta, kasmā tvaṃ ajja mama hatthaṃ nālambi, bhuñjamānopi na kiñci kathesi, atthi nu kho koci mayhaṃ doso’’ti āha. Visākho ‘‘dhammadinne, na te doso atthi, ahaṃ pana ajja paṭṭhāya itthisarīraṃ phusituṃ āhāre ca lolabhāvaṃ kātuṃ anaraho, tādiso mayā dhammo paṭividdho. Tvaṃ pana sace icchasi, imasmiṃyeva gehe vasa. No ce icchasi, yattakena dhanena te attho, tattakaṃ gahetvā kulagharaṃ gacchāhī’’ti āha. ‘‘Nāhaṃ, ayyaputta, tayā vantavamanaṃ ācamissāmi, pabbajjaṃ me anujānāhī’’ti. Visākho ‘‘sādhu, dhammadinne’’ti taṃ suvaṇṇasivikāya bhikkhuniupassayaṃ pesesi. Sā pabbajitvā kammaṭṭhānaṃ gahetvā katipāhaṃ tattha vasitvā vivekavāsaṃ vasitukāmā ācariyupajjhāyānaṃ santikaṃ gantvā, ‘‘ayyā, ākiṇṇaṭṭhāne mayhaṃ cittaṃ na ramati, gāmakāvāsaṃ gacchāmī’’ti āha. Bhikkhuniyo taṃ gāmakāvāsaṃ nayiṃsu. Sā tattha vasantī atīte madditasaṅkhāratāya na cirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.3.95-130) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammāna pāragū;

    อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ

    Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, กุเล อญฺญตเร อหุํ;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, kule aññatare ahuṃ;

    ปรกมฺมการี อาสิํ, นิปกา สีลสํวุตาฯ

    Parakammakārī āsiṃ, nipakā sīlasaṃvutā.

    ‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, สุชาโต อคฺคสาวโก;

    ‘‘Padumuttarabuddhassa, sujāto aggasāvako;

    วิหารา อภินิกฺขมฺม, ปิณฺฑปาตาย คจฺฉติฯ

    Vihārā abhinikkhamma, piṇḍapātāya gacchati.

    ‘‘ฆฎํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตี, ตทา อุทกหาริกา;

    ‘‘Ghaṭaṃ gahetvā gacchantī, tadā udakahārikā;

    ตํ ทิสฺวา อททํ ปูปํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิฯ

    Taṃ disvā adadaṃ pūpaṃ, pasannā sehi pāṇibhi.

    ‘‘ปฎิคฺคเหตฺวา ตเตฺถว, นิสิโนฺน ปริภุญฺชิ โส;

    ‘‘Paṭiggahetvā tattheva, nisinno paribhuñji so;

    ตโต เนตฺวาน ตํ เคหํ, อทาสิํ ตสฺส โภชนํฯ

    Tato netvāna taṃ gehaṃ, adāsiṃ tassa bhojanaṃ.

    ‘‘ตโต เม อยฺยโก ตุโฎฺฐ, อกรี สุณิสํ สกํ;

    ‘‘Tato me ayyako tuṭṭho, akarī suṇisaṃ sakaṃ;

    สสฺสุยา สห คนฺตฺวาน, สมฺพุทฺธํ อภิวาทยิํฯ

    Sassuyā saha gantvāna, sambuddhaṃ abhivādayiṃ.

    ‘‘ตทา โส ธมฺมกถิกํ, ภิกฺขุนิํ ปริกิตฺตยํ;

    ‘‘Tadā so dhammakathikaṃ, bhikkhuniṃ parikittayaṃ;

    ฐเปสิ เอตทคฺคมฺหิ, ตํ สุตฺวา มุทิตา อหํฯ

    Ṭhapesi etadaggamhi, taṃ sutvā muditā ahaṃ.

    ‘‘นิมนฺตยิตฺวา สุคตํ, สสงฺฆํ โลกนายกํ;

    ‘‘Nimantayitvā sugataṃ, sasaṅghaṃ lokanāyakaṃ;

    มหาทานํ ททิตฺวาน, ตํ ฐานมภิปตฺถยิํฯ

    Mahādānaṃ daditvāna, taṃ ṭhānamabhipatthayiṃ.

    ‘‘ตโต มํ สุคโต อาห, ฆนนินฺนาทสุสฺสโร;

    ‘‘Tato maṃ sugato āha, ghananinnādasussaro;

    มมุปฎฺฐานนิรเต, สสงฺฆปริเวสิเกฯ

    Mamupaṭṭhānanirate, sasaṅghaparivesike.

    ‘‘สทฺธมฺมสฺสวเน ยุเตฺต, คุณวทฺธิตมานเส;

    ‘‘Saddhammassavane yutte, guṇavaddhitamānase;

    ภเทฺท ภวสฺสุ มุทิตา, ลจฺฉเส ปณิธีผลํฯ

    Bhadde bhavassu muditā, lacchase paṇidhīphalaṃ.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาทา, โอรสา ธมฺมนิมฺมิตา;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādā, orasā dhammanimmitā;

    ธมฺมทินฺนาติ นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวิกาฯ

    Dhammadinnāti nāmena, hessati satthu sāvikā.

    ‘‘ตํ สุตฺวา มุทิตา หุตฺวา, ยาวชีวํ มหามุนิํ;

    ‘‘Taṃ sutvā muditā hutvā, yāvajīvaṃ mahāmuniṃ;

    เมตฺตจิตฺตา ปริจริํ, ปจฺจเยหิ วินายกํฯ

    Mettacittā paricariṃ, paccayehi vināyakaṃ.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

    ‘‘Imamhi bhaddake kappe, brahmabandhu mahāyaso;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘อุปฎฺฐาโก มเหสิสฺส, ตทา อาสิ นริสฺสโร;

    ‘‘Upaṭṭhāko mahesissa, tadā āsi narissaro;

    กาสิราชา กิกี นาม, พาราณสิปุรุตฺตเมฯ

    Kāsirājā kikī nāma, bārāṇasipuruttame.

    ‘‘ฉฎฺฐา ตสฺสาสหํ ธีตา, สุธมฺมา อิติ วิสฺสุตา;

    ‘‘Chaṭṭhā tassāsahaṃ dhītā, sudhammā iti vissutā;

    ธมฺมํ สุตฺวา ชินคฺคสฺส, ปพฺพชฺชํ สมโรจยิํฯ

    Dhammaṃ sutvā jinaggassa, pabbajjaṃ samarocayiṃ.

    ‘‘อนุชานิ น โน ตาโต, อคาเรว ตทา มยํ;

    ‘‘Anujāni na no tāto, agāreva tadā mayaṃ;

    วีสวสฺสสหสฺสานิ , วิจริมฺห อตนฺทิตาฯ

    Vīsavassasahassāni , vicarimha atanditā.

    ‘‘โกมาริพฺรหฺมจริยํ , ราชกญฺญา สุเขธิตา;

    ‘‘Komāribrahmacariyaṃ , rājakaññā sukhedhitā;

    พุโทฺธปฎฺฐานนิรตา, มุทิตา สตฺต ธีตโรฯ

    Buddhopaṭṭhānaniratā, muditā satta dhītaro.

    ‘‘สมณี สมณคุตฺตา จ, ภิกฺขุนี ภิกฺขุทายิกา;

    ‘‘Samaṇī samaṇaguttā ca, bhikkhunī bhikkhudāyikā;

    ธมฺมา เจว สุธมฺมา จ, สตฺตมี สงฺฆทายิกาฯ

    Dhammā ceva sudhammā ca, sattamī saṅghadāyikā.

    ‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, ปฎาจารา จ กุณฺฑลา;

    ‘‘Khemā uppalavaṇṇā ca, paṭācārā ca kuṇḍalā;

    โคตมี จ อหเญฺจว, วิสาขา โหติ สตฺตมีฯ

    Gotamī ca ahañceva, visākhā hoti sattamī.

    ‘‘เตหิ กเมฺมหิ สุกเตหิ, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tehi kammehi sukatehi, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, คิริพฺพชปุรุตฺตเม;

    ‘‘Pacchime ca bhave dāni, giribbajapuruttame;

    ชาตา เสฎฺฐิกุเล ผีเต, สพฺพกามสมิทฺธิเนฯ

    Jātā seṭṭhikule phīte, sabbakāmasamiddhine.

    ‘‘ยทา รูปคุณูเปตา, ปฐเม โยพฺพเน ฐิตา;

    ‘‘Yadā rūpaguṇūpetā, paṭhame yobbane ṭhitā;

    ตทา ปรกุลํ คนฺตฺวา, วสิํ สุขสมปฺปิตาฯ

    Tadā parakulaṃ gantvā, vasiṃ sukhasamappitā.

    ‘‘อุเปตฺวา โลกสรณํ, สุณิตฺวา ธมฺมเทสนํ;

    ‘‘Upetvā lokasaraṇaṃ, suṇitvā dhammadesanaṃ;

    อนาคามิผลํ ปโตฺต, สามิโก เม สุพุทฺธิมาฯ

    Anāgāmiphalaṃ patto, sāmiko me subuddhimā.

    ‘‘ตทาหํ อนุชาเนตฺวา, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;

    ‘‘Tadāhaṃ anujānetvā, pabbajiṃ anagāriyaṃ;

    นจิเรเนว กาเลน, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Nacireneva kālena, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘ตทา อุปาสโก โส มํ, อุปคนฺตฺวา อปุจฺฉถ;

    ‘‘Tadā upāsako so maṃ, upagantvā apucchatha;

    คมฺภีเร นิปุเณ ปเญฺห, เต สเพฺพ พฺยากริํ อหํฯ

    Gambhīre nipuṇe pañhe, te sabbe byākariṃ ahaṃ.

    ‘‘ชิโน ตสฺมิํ คุเณ ตุโฎฺฐ, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํ;

    ‘‘Jino tasmiṃ guṇe tuṭṭho, etadagge ṭhapesi maṃ;

    ภิกฺขุนิํ ธมฺมกถิกํ, นาญฺญํ ปสฺสามิ เอทิสิํฯ

    Bhikkhuniṃ dhammakathikaṃ, nāññaṃ passāmi edisiṃ.

    ‘‘ธมฺมทินฺนา ยถา ธีรา, เอวํ ธาเรถ ภิกฺขโว;

    ‘‘Dhammadinnā yathā dhīrā, evaṃ dhāretha bhikkhavo;

    เอวาหํ ปณฺฑิตา โหมิ, นายเกนานุกมฺปิตาฯ

    Evāhaṃ paṇḍitā homi, nāyakenānukampitā.

    ‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;

    ‘‘Pariciṇṇo mayā satthā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ;

    โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตาฯ

    Ohito garuko bhāro, bhavanetti samūhatā.

    ‘‘ยสฺสตฺถาย ปพฺพชิตา, อคารสฺมานคาริยํ;

    ‘‘Yassatthāya pabbajitā, agārasmānagāriyaṃ;

    โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโยฯ

    So me attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo.

    ‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;

    ‘‘Iddhīsu ca vasī homi, dibbāya sotadhātuyā;

    ปรจิตฺตานิ ชานามิ, สตฺถุสาสนการิกาฯ

    Paracittāni jānāmi, satthusāsanakārikā.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;

    เขเปตฺวา อาสเว สเพฺพ, วิสุทฺธาสิํ สุนิมฺมลาฯ

    Khepetvā āsave sabbe, visuddhāsiṃ sunimmalā.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ (อป. เถรี ๒.๓.๙๕-๑๓๐);

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti. (apa. therī 2.3.95-130);

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘มยฺหํ มนํ มตฺถกํ ปตฺตํ, อิทานิ อิธ วสิตฺวา กิํ กริสฺสามิ, ราชคหเมว คนฺตฺวา สตฺถารญฺจ วนฺทิสฺสามิ, พหู จ เม ญาตกา ปุญฺญานิ กริสฺสนฺตี’’ติ ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ ราชคหเมว ปจฺจาคตาฯ วิสาโข ตสฺสา อาคตภาวํ สุตฺวา ตสฺสา อธิคมํ วีมํสโนฺต ปญฺจกฺขนฺธาทิวเสน ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ธมฺมทินฺนา สุนิสิเตน สเตฺถน กุมุทนาเฬ ฉินฺทนฺตี วิย ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชสิฯ วิสาโข สพฺพํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนนยํ สตฺถุ อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘ปณฺฑิตา, วิสาข, ธมฺมทินฺนา ภิกฺขุนี’’ติอาทินา ตํ ปสํสโนฺต สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สทฺธิํ สํสเนฺทตฺวา พฺยากตภาวํ ปเวเทตฺวา ตเมว จูฬเวทลฺลสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๔๖๐) อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา ตํ ธมฺมกถิกานํ ภิกฺขุนีนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ ยทา ปน สา ตสฺมิํ คามกาวาเส วสนฺตี เหฎฺฐิมมเคฺค อธิคนฺตฺวา อคฺคมคฺคตฺถาย วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปสิ, ตทา –

    Arahattaṃ pana patvā ‘‘mayhaṃ manaṃ matthakaṃ pattaṃ, idāni idha vasitvā kiṃ karissāmi, rājagahameva gantvā satthārañca vandissāmi, bahū ca me ñātakā puññāni karissantī’’ti bhikkhunīhi saddhiṃ rājagahameva paccāgatā. Visākho tassā āgatabhāvaṃ sutvā tassā adhigamaṃ vīmaṃsanto pañcakkhandhādivasena pañhaṃ pucchi. Dhammadinnā sunisitena satthena kumudanāḷe chindantī viya pucchitaṃ pucchitaṃ pañhaṃ vissajjesi. Visākho sabbaṃ pucchāvissajjananayaṃ satthu ārocesi. Satthā ‘‘paṇḍitā, visākha, dhammadinnā bhikkhunī’’tiādinā taṃ pasaṃsanto sabbaññutaññāṇena saddhiṃ saṃsandetvā byākatabhāvaṃ pavedetvā tameva cūḷavedallasuttaṃ (ma. ni. 1.460) aṭṭhuppattiṃ katvā taṃ dhammakathikānaṃ bhikkhunīnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Yadā pana sā tasmiṃ gāmakāvāse vasantī heṭṭhimamagge adhigantvā aggamaggatthāya vipassanaṃ paṭṭhapesi, tadā –

    ๑๒.

    12.

    ‘‘ฉนฺทชาตา อวสายี, มนสา จ ผุฎา สิยา;

    ‘‘Chandajātā avasāyī, manasā ca phuṭā siyā;

    กาเมสุ อปฺปฎิพทฺธจิตฺตา, อุทฺธํโสตาติ วุจฺจตี’’ติฯ –

    Kāmesu appaṭibaddhacittā, uddhaṃsotāti vuccatī’’ti. –

    อิมํ คาถํ อภาสิฯ

    Imaṃ gāthaṃ abhāsi.

    ตตฺถ ฉนฺทชาตาติ อคฺคผลตฺถํ ชาตจฺฉนฺทาฯ อวสายีติ อวสาโย วุจฺจติ อวสานํ นิฎฺฐานํ, ตมฺปิ กาเมสุ อปฺปฎิพทฺธจิตฺตตาย ‘‘อุทฺธํโสตา’’ติ วกฺขมานตฺตา สมณกิจฺจสฺส นิฎฺฐานํ เวทิตพฺพํ, น ยสฺส กสฺสจิ, ตสฺมา ปททฺวเยนาปิ อปฺปตฺตมานสา อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ ปตฺถยมานาติ อยมโตฺถ วุโตฺต โหติฯ มนสา จ ผุฎา สิยาติ เหฎฺฐิเมหิ ตีหิ มคฺคจิเตฺตหิ นิพฺพานํ ผุฎา ผุสิตา ภเวยฺยฯ กาเมสุ อปฺปฎิพทฺธจิตฺตาติ อนาคามิมคฺควเสน กาเมสุ น ปฎิพทฺธจิตฺตาฯ อุทฺธํโสตาติ อุทฺธเมว มคฺคโสโต สํสารโสโต จ เอติสฺสาติ อุทฺธํโสตาฯ อนาคามิโน หิ ยถา อคฺคมโคฺค อุปฺปชฺชติ, น อโญฺญ, เอวํ อวิหาทีสุ อุปฺปนฺนสฺส ยาว อกนิฎฺฐา อุทฺธเมว อุปฺปตฺติ โหตีติฯ

    Tattha chandajātāti aggaphalatthaṃ jātacchandā. Avasāyīti avasāyo vuccati avasānaṃ niṭṭhānaṃ, tampi kāmesu appaṭibaddhacittatāya ‘‘uddhaṃsotā’’ti vakkhamānattā samaṇakiccassa niṭṭhānaṃ veditabbaṃ, na yassa kassaci, tasmā padadvayenāpi appattamānasā anuttaraṃ yogakkhemaṃ patthayamānāti ayamattho vutto hoti. Manasā ca phuṭā siyāti heṭṭhimehi tīhi maggacittehi nibbānaṃ phuṭā phusitā bhaveyya. Kāmesu appaṭibaddhacittāti anāgāmimaggavasena kāmesu na paṭibaddhacittā. Uddhaṃsotāti uddhameva maggasoto saṃsārasoto ca etissāti uddhaṃsotā. Anāgāmino hi yathā aggamaggo uppajjati, na añño, evaṃ avihādīsu uppannassa yāva akaniṭṭhā uddhameva uppatti hotīti.

    ธมฺมทินฺนาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dhammadinnātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑๒. ธมฺมทินฺนาเถรีคาถา • 12. Dhammadinnātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact