Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā

    ๑๘. ธมฺมหทยวิภโงฺค

    18. Dhammahadayavibhaṅgo

    ๑. สพฺพสงฺคาหิกวารวณฺณนา

    1. Sabbasaṅgāhikavāravaṇṇanā

    ๙๗๘. ธาตุสมฺภว…เป.… สงฺคหิตตฺตาติ เอตฺถ ขนฺธาทีนํ กามธาตุอาทิธาตูสุ สมฺภวเภทภินฺนานํ นิรวเสสโต สงฺคหิตตฺตาติ วิภาเคน โยชนา, ตถา เสเสสุปิ ปริยาปนฺนปเภทภินฺนานนฺติอาทินาฯ ตตฺถ ‘‘นิรวเสสโต สงฺคหิตตฺตา’’ติ อิมินา ‘‘สพฺพสงฺคาหิกวาโร’’ติ อยมสฺส อตฺถานุคตา สมญฺญาติ ทเสฺสติฯ ยสฺมา เจตฺถ ขนฺธาทีนํ ทฺวาทสนฺนํ โกฎฺฐาสานํ อนวเสสสงฺคโห, ตสฺมา เอวํ ทุติยวาราทีนเญฺจตฺถ อนุปฺปเวโส เวทิตโพฺพฯ ขนฺธาทีนเมว หิ เตสํ สมฺภวาทิวิจาโร อุปฺปตฺตานุปฺปตฺติทสฺสนวาโรติ วตฺตุํ ยุโตฺตติ โยชนาฯ อนุปฺปตฺติทสฺสนเญฺจตฺถ อตฺถาปตฺติสิทฺธํ เวทิตพฺพํฯ น หิ ตตฺถ ‘‘กติ ขนฺธา น ปาตุภวนฺตี’’ติอาทิปาฬิ อตฺถิฯ

    978. Dhātusambhava…pe…saṅgahitattāti ettha khandhādīnaṃ kāmadhātuādidhātūsu sambhavabhedabhinnānaṃ niravasesato saṅgahitattāti vibhāgena yojanā, tathā sesesupi pariyāpannapabhedabhinnānantiādinā. Tattha ‘‘niravasesato saṅgahitattā’’ti iminā ‘‘sabbasaṅgāhikavāro’’ti ayamassa atthānugatā samaññāti dasseti. Yasmā cettha khandhādīnaṃ dvādasannaṃ koṭṭhāsānaṃ anavasesasaṅgaho, tasmā evaṃ dutiyavārādīnañcettha anuppaveso veditabbo. Khandhādīnameva hi tesaṃ sambhavādivicāro uppattānuppattidassanavāroti vattuṃ yuttoti yojanā. Anuppattidassanañcettha atthāpattisiddhaṃ veditabbaṃ. Na hi tattha ‘‘kati khandhā na pātubhavantī’’tiādipāḷi atthi.

    ๙๗๙. ปุจฺฉานุรูปนฺติ เยนาธิปฺปาเยน ปุจฺฉา กตา, ตทนุรูปํฯ อวิตถพฺยากรณํ นาม พุทฺธานํ เอว อาเวณิกํ, อเญฺญสํ ตํ ยาทิจฺฉิกํ สุตกฺขรสทิสนฺติ อาห ‘‘สพฺพญฺญุวจนํ วิญฺญาย กตตฺตา’’ติฯ

    979. Pucchānurūpanti yenādhippāyena pucchā katā, tadanurūpaṃ. Avitathabyākaraṇaṃ nāma buddhānaṃ eva āveṇikaṃ, aññesaṃ taṃ yādicchikaṃ sutakkharasadisanti āha ‘‘sabbaññuvacanaṃ viññāya katattā’’ti.

    สพฺพสงฺคาหิกวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sabbasaṅgāhikavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. อุปฺปตฺตานุปฺปตฺติวารวณฺณนา

    2. Uppattānuppattivāravaṇṇanā

    ๙๙๑. ‘‘กามภเว’’ติ อิทํ โอกาสวเสน วตฺวา ปุน สตฺตสนฺตานวเสน วตฺตุํ ‘‘กามธาตุสมฺภูตานญฺจา’’ติ วุตฺตนฺติ ตมตฺถวิเสสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทฺธิยา…เป.… อโตฺถ’’ติ อาหฯ ‘‘น วตฺตพฺพํ สิยา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, ยทิปิ อสญฺญสตฺตานํ อจกฺขุกตฺตา รูปายตนํ อจฺจนฺตสุขุมตฺตา เหฎฺฐิมภูมิกานญฺจ อโคจโร, สมานภูมิกานํ ปน เวหปฺผลานํ, อุปริภูมิกานญฺจ สุทฺธาวาสานํ จกฺขายตนสฺส โคจโร โหตีติ อายตนาทิกิจฺจํ กโรติเยวาติ สกฺกา วตฺตุํฯ ยํ ปเนตฺถ วิตฺถารโต วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ ‘‘เหฎฺฐโต อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กตฺวา อุปริโต ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเว อโนฺตกริตฺวา ยํ เอตสฺมิ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๘๗) วุตฺตปเทสา กามาวจราทิโอกาสาเต สตฺตนิกายา จ ธาตูติ วุจฺจนฺติ สมุทายสฺส อวยวาธารภาวโต ยถา ‘‘มาสปุโญฺช มาโส’’ติฯ สตฺตา อุปฺปชฺชนฺติ เอตฺถาติ สตฺตุปฺปตฺติ, อุปฺปชฺชนเฎฺฐน สตฺตาว อุปฺปตฺติ สตฺตุปฺปตฺตีติ เอวํ โอกาสสตฺตโลกทฺวยสฺส สตฺตุปฺปตฺติปริยาโย เวทิตโพฺพฯ สตฺตภาเวน อุปฺปตฺติ, น อนุปาทินฺนกฺขนฺธา วิย สงฺขารภาเวเนวาติ อธิปฺปาโยฯ เก ปน เตติ อาห ‘‘สตฺตาวาสวเสน…เป.… อุปาทินฺนกกฺขนฺธา’’ติฯ ตํตํปริยาปนฺนานนฺติ ตํตํสตฺตาวาสปริยาปนฺนานํ สตฺตานํ, สงฺขารานเมว วาฯ สทิสาธิฎฺฐานภาเวนาติ สทิสากาเรน ปวตฺตมานานํ ขนฺธานํ ปติฎฺฐานภาเวนฯ เยภุเยฺยน หิ ตสฺมิํ สตฺตาวาเส ธมฺมา สมานากาเรน ปวตฺตนฺติฯ

    991. ‘‘Kāmabhave’’ti idaṃ okāsavasena vatvā puna sattasantānavasena vattuṃ ‘‘kāmadhātusambhūtānañcā’’ti vuttanti tamatthavisesaṃ dassento ‘‘iddhiyā…pe… attho’’ti āha. ‘‘Na vattabbaṃ siyā’’ti kasmā vuttaṃ, yadipi asaññasattānaṃ acakkhukattā rūpāyatanaṃ accantasukhumattā heṭṭhimabhūmikānañca agocaro, samānabhūmikānaṃ pana vehapphalānaṃ, uparibhūmikānañca suddhāvāsānaṃ cakkhāyatanassa gocaro hotīti āyatanādikiccaṃ karotiyevāti sakkā vattuṃ. Yaṃ panettha vitthārato vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. ‘‘Heṭṭhato avīcinirayaṃ pariyantaṃ katvā uparito paranimmitavasavattideve antokaritvā yaṃ etasmi’’ntiādinā (dha. sa. 1287) vuttapadesā kāmāvacarādiokāsā. Te sattanikāyā ca dhātūti vuccanti samudāyassa avayavādhārabhāvato yathā ‘‘māsapuñjo māso’’ti. Sattā uppajjanti etthāti sattuppatti, uppajjanaṭṭhena sattāva uppatti sattuppattīti evaṃ okāsasattalokadvayassa sattuppattipariyāyo veditabbo. Sattabhāvena uppatti, na anupādinnakkhandhā viya saṅkhārabhāvenevāti adhippāyo. Ke pana teti āha ‘‘sattāvāsavasena…pe… upādinnakakkhandhā’’ti. Taṃtaṃpariyāpannānanti taṃtaṃsattāvāsapariyāpannānaṃ sattānaṃ, saṅkhārānameva vā. Sadisādhiṭṭhānabhāvenāti sadisākārena pavattamānānaṃ khandhānaṃ patiṭṭhānabhāvena. Yebhuyyena hi tasmiṃ sattāvāse dhammā samānākārena pavattanti.

    อุปฺปตฺตานุปฺปตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uppattānuppattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปริยาปนฺนาปริยาปนฺนวารวณฺณนา

    3. Pariyāpannāpariyāpannavāravaṇṇanā

    ๙๙๙. ตตฺถ, อญฺญตฺถ จาติ ตสฺมิํ, อญฺญสฺมิญฺจ ภเว, โอกาเส จฯ ปริเจฺฉทการิกาย กามาทิตณฺหาย ปริจฺฉิชฺช อาปนฺนา คหิตาติ ปริยาปนฺนาติ ตํตํภวาทิอโนฺตคธา ตํตํปริยาปนฺนา

    999. Tattha, aññattha cāti tasmiṃ, aññasmiñca bhave, okāse ca. Paricchedakārikāya kāmāditaṇhāya paricchijja āpannā gahitāti pariyāpannāti taṃtaṃbhavādiantogadhā taṃtaṃpariyāpannā.

    ปริยาปนฺนาปริยาปนฺนวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pariyāpannāpariyāpannavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๖. อุปฺปาทกกมฺมอายุปฺปมาณวาโร

    6. Uppādakakammaāyuppamāṇavāro

    ๑. อุปฺปาทกกมฺมวณฺณนา

    1. Uppādakakammavaṇṇanā

    ๑๐๒๑. ธาตุตฺตยภูตเทววเสนาติ กามาทิธาตุตฺตเย นิพฺพตฺตเทวานํ วเสนฯ

    1021. Dhātuttayabhūtadevavasenāti kāmādidhātuttaye nibbattadevānaṃ vasena.

    อุปฺปาทกกมฺมวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uppādakakammavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. อายุปฺปมาณวณฺณนา

    2. Āyuppamāṇavaṇṇanā

    ๑๐๒๖. สุปริมชฺชิตกญฺจนาทาสํ วิย โสภติ วิโชฺชตตีติ สุโภ, สรีโรภาโส, เตน สุเภน กิณฺณา วิกิณฺณาติ สุภกิณฺณา

    1026. Suparimajjitakañcanādāsaṃ viya sobhati vijjotatīti subho, sarīrobhāso, tena subhena kiṇṇā vikiṇṇāti subhakiṇṇā.

    ๑๐๒๗. ตํตํมนสิการนฺติ ปริตฺตปถวีกสิณาทิคตมนสิการํฯ อปฺปนากฺขเณปีติ ปิ-สเทฺทน ปุพฺพภาคํ สมฺปิเณฺฑติฯ ฉนฺทนํ อารมฺมณปริเยสนํ ฉโนฺท, กตฺตุกมฺยตาฉโนฺทฯ ปณิธานํ จิตฺตฎฺฐปนา ปณิธิ, สญฺญาวิราคาทีหิ อารมฺมณสฺส วิเสสนํ ตถาปวตฺตาย ภาวนาย อารมฺมณกรณเมวฯ

    1027. Taṃtaṃmanasikāranti parittapathavīkasiṇādigatamanasikāraṃ. Appanākkhaṇepīti pi-saddena pubbabhāgaṃ sampiṇḍeti. Chandanaṃ ārammaṇapariyesanaṃ chando, kattukamyatāchando. Paṇidhānaṃ cittaṭṭhapanā paṇidhi, saññāvirāgādīhi ārammaṇassa visesanaṃ tathāpavattāya bhāvanāya ārammaṇakaraṇameva.

    วิปุลํ วุจฺจติ มหนฺตํ, สนฺตภาโวปิ มหนียตาย มหนฺตเมวาติ อาห ‘‘วิปุลา ผลาติ วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลา’’ติฯ

    Vipulaṃ vuccati mahantaṃ, santabhāvopi mahanīyatāya mahantamevāti āha ‘‘vipulā phalāti vipulasantasukhāyuvaṇṇādiphalā’’ti.

    ๑๐๒๘. ยํ จาตุมหาราชิกานํ อายุปฺปมาณํ, สญฺชีเว เอโส เอโก รตฺติทิโว, ตาย รตฺติยา ติํส รตฺติโย มาโส, เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโก สํวจฺฉโร, เตน สํวจฺฉเรน ปญฺจ วสฺสสตานิ สญฺชีเว อายุปฺปมาณํฯ ยํ ตาวติํสานํ อายุปฺปมาณํ, เอโส กาฬสุเตฺต เอโก รตฺติทิโว…เป.… เตน สํวจฺฉเรน วสฺสสหสฺสํ กาฬสุเตฺต อายุปฺปมาณํฯ ยํ ยามานํ อายุปฺปมาณํ, เอโส สงฺฆาเต เอโก รตฺติทิโว…เป.… เตน สํวจฺฉเรน เทฺว วสฺสสหสฺสานิ สงฺฆาเต อายุปฺปมาณํฯ ยํ ตุสิตานํ อายุปฺปมาณํ, โรรุเว เอโส เอโก รตฺติทิโว…เป.… เตน สํวจฺฉเรน จตฺตาริ วสฺสสหสฺสานิ โรรุเว อายุปฺปมาณํฯ ยํ นิมฺมานรตีนํ อายุปฺปมาณํ, มหาโรรุเว เอโส เอโก รตฺติทิโว…เป.… เตน สํวจฺฉเรน อฎฺฐ วสฺสสหสฺสานิ มหาโรรุเว อายุปฺปมาณํฯ ยํ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ, ตาปเน เอโส เอโก รตฺติทิโว…เป.… เตน สํวจฺฉเรน โสฬส วสฺสสหสฺสานิ ตาปเน อายุปฺปมาณํฯ มหาตาปเน อุปฑฺฒนฺตรกโปฺปฯ อวีจิยํ เอโก อนฺตรกโปฺป จ อายุปฺปมาณนฺติ วทนฺติฯ เทวานํ อธิมุตฺตกาลกิริยา วิย ตาทิเสน ปุญฺญพเลน อนฺตราปิ มรณํ โหตีติ ‘‘กมฺมเมว ปมาณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวญฺจ กตฺวา อพฺพุทาทิอายุปริเจฺฉโทปิ ยุตฺตตโร โหตีติฯ

    1028. Yaṃ cātumahārājikānaṃ āyuppamāṇaṃ, sañjīve eso eko rattidivo, tāya rattiyā tiṃsa rattiyo māso, tena māsena dvādasamāsiko saṃvaccharo, tena saṃvaccharena pañca vassasatāni sañjīve āyuppamāṇaṃ. Yaṃ tāvatiṃsānaṃ āyuppamāṇaṃ, eso kāḷasutte eko rattidivo…pe… tena saṃvaccharena vassasahassaṃ kāḷasutte āyuppamāṇaṃ. Yaṃ yāmānaṃ āyuppamāṇaṃ, eso saṅghāte eko rattidivo…pe… tena saṃvaccharena dve vassasahassāni saṅghāte āyuppamāṇaṃ. Yaṃ tusitānaṃ āyuppamāṇaṃ, roruve eso eko rattidivo…pe… tena saṃvaccharena cattāri vassasahassāni roruve āyuppamāṇaṃ. Yaṃ nimmānaratīnaṃ āyuppamāṇaṃ, mahāroruve eso eko rattidivo…pe… tena saṃvaccharena aṭṭha vassasahassāni mahāroruve āyuppamāṇaṃ. Yaṃ paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ āyuppamāṇaṃ, tāpane eso eko rattidivo…pe… tena saṃvaccharena soḷasa vassasahassāni tāpane āyuppamāṇaṃ. Mahātāpane upaḍḍhantarakappo. Avīciyaṃ eko antarakappo ca āyuppamāṇanti vadanti. Devānaṃ adhimuttakālakiriyā viya tādisena puññabalena antarāpi maraṇaṃ hotīti ‘‘kammameva pamāṇa’’nti vuttanti veditabbaṃ. Evañca katvā abbudādiāyuparicchedopi yuttataro hotīti.

    กิํ ฌานนฺติ อฎฺฐสุ ฌาเนสุ กตรํ ฌานํฯ ภวสีสานีติ ภวคฺคานิ, ปุถุชฺชนภวคฺคํ อริยภวคฺคํ สพฺพภวคฺคนฺติ เวหปฺผลาทีนํ สมญฺญาฯ กสฺสจิ สตฺตาติ ปุถุชฺชนสฺส, กสฺสจิ ปญฺจาติ โสตาปนฺนสฺส, สกทาคามิโน จ, กสฺสจิ ตโยติ อนาคามิโน วเสน วุตฺตํฯ ตสฺมา โส พฺรหฺมกายิกาทีหิ จุโต อรูปํ อุปปชฺชโนฺต เวทิตโพฺพฯ ‘‘นวสุ พฺรหฺมโลเกสุ นิพฺพตฺตอริยสาวกานํ ตตฺรูปปตฺติเยว โหติ, น เหฎฺฐูปปตฺตี’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๐๒๘) อยํ อฎฺฐกถาปาโฐติ อธิปฺปาเยน ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ตตฺรูปปตฺติปิ โหติ อุปรูปปตฺติปิ, น เหฎฺฐูปปตฺตี’’ติ ปน ปาโฐติ เตน ‘‘เหฎฺฐูปปตฺติเยว นิวาริตา’’ติอาทิวจเนน ปโยชนํ นตฺถิฯ อรูปธาตูปปตฺติ จ น นิวาริตาติ สมฺพโนฺธฯ อรูปธาตูปปตฺติ น นิวาริตา ‘‘มตฺถเก ฐิโตว ปรินิพฺพาตี’’ติ นิยมสฺส อนิจฺฉิตตฺตาฯ

    Kiṃjhānanti aṭṭhasu jhānesu kataraṃ jhānaṃ. Bhavasīsānīti bhavaggāni, puthujjanabhavaggaṃ ariyabhavaggaṃ sabbabhavagganti vehapphalādīnaṃ samaññā. Kassaci sattāti puthujjanassa, kassaci pañcāti sotāpannassa, sakadāgāmino ca, kassaci tayoti anāgāmino vasena vuttaṃ. Tasmā so brahmakāyikādīhi cuto arūpaṃ upapajjanto veditabbo. ‘‘Navasu brahmalokesu nibbattaariyasāvakānaṃ tatrūpapattiyeva hoti, na heṭṭhūpapattī’’ti (vibha. aṭṭha. 1028) ayaṃ aṭṭhakathāpāṭhoti adhippāyena ‘‘yaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Tatrūpapattipi hoti uparūpapattipi, na heṭṭhūpapattī’’ti pana pāṭhoti tena ‘‘heṭṭhūpapattiyeva nivāritā’’tiādivacanena payojanaṃ natthi. Arūpadhātūpapatti ca na nivāritāti sambandho. Arūpadhātūpapatti na nivāritā ‘‘matthake ṭhitova parinibbātī’’ti niyamassa anicchitattā.

    อญฺญตฺถาติ กามโลเกฯ ตตฺถาติ รูปโลเกฯ อยํ อฎฺฐกถาติ ‘‘ปฐมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพโตฺต…เป.… ปรินิพฺพาตี’’ติ เอวํ ปวตฺตา อฎฺฐกถาฯ เตเนวาติ ยสฺมา รูปธาตุยํ อุปปโนฺน อธิเปฺปโต, น อุปปชฺชนารโห, เตเนว การเณนฯ ตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส รูปธาตุยํ อุปปนฺนสฺส อริยสาวกสฺสฯ เยน รูปราเคน ตตฺถ รูปภเว อุปปโนฺน, ตสฺมิํ อรูปชฺฌาเนน วิกฺขมฺภิเต สมฺมเทว ทิฎฺฐาทีนเวสุ ยถา กามรูปภเวสุ อายติํ ภวาภิลาโส น ภวิสฺสติ, เอวํ อรูปภเวปีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปุน…เป.… ภวิสฺสติเยวา’’ติฯ ตตฺถ นิพฺพโตฺตติ รูปธาตุยํ อุปปโนฺนฯ อริยมคฺคํ ภาเวตฺวาติ เหฎฺฐิมํ อริยมคฺคํ สมฺปาเทตฺวาฯ นิพฺพตฺตภวาทีนวทสฺสนวเสนาติ ตสฺมิํ รูปภเว นิพฺพโตฺตปิ ตเตฺถว อาทีนวทสฺสนวเสนฯ อนิวตฺติตภวาภิลาโสติ อุปริ อรูปภเว อวิสฺสฎฺฐภวปตฺถโน, ยโต อรูปธาตุยํ อุปปชฺชนารโหฯ ตสฺส วเสนาติ ตาทิสสฺส อริยสาวกสฺส วเสนฯ ‘‘กสฺสจิ ปญฺจ, กสฺสจิ ตโย อนุสยา อนุเสนฺตี’’ติ อยํ ยมกปาฬิ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๓๑๒) ปวตฺตา

    Aññatthāti kāmaloke. Tatthāti rūpaloke. Ayaṃ aṭṭhakathāti ‘‘paṭhamajjhānabhūmiyaṃ nibbatto…pe… parinibbātī’’ti evaṃ pavattā aṭṭhakathā. Tenevāti yasmā rūpadhātuyaṃ upapanno adhippeto, na upapajjanāraho, teneva kāraṇena. Tassāti yathāvuttassa rūpadhātuyaṃ upapannassa ariyasāvakassa. Yena rūparāgena tattha rūpabhave upapanno, tasmiṃ arūpajjhānena vikkhambhite sammadeva diṭṭhādīnavesu yathā kāmarūpabhavesu āyatiṃ bhavābhilāso na bhavissati, evaṃ arūpabhavepīti dassento āha ‘‘puna…pe… bhavissatiyevā’’ti. Tattha nibbattoti rūpadhātuyaṃ upapanno. Ariyamaggaṃ bhāvetvāti heṭṭhimaṃ ariyamaggaṃ sampādetvā. Nibbattabhavādīnavadassanavasenāti tasmiṃ rūpabhave nibbattopi tattheva ādīnavadassanavasena. Anivattitabhavābhilāsoti upari arūpabhave avissaṭṭhabhavapatthano, yato arūpadhātuyaṃ upapajjanāraho. Tassa vasenāti tādisassa ariyasāvakassa vasena. ‘‘Kassaci pañca, kassaci tayo anusayā anusentī’’ti ayaṃ yamakapāḷi (yama. 2.anusayayamaka.312) pavattā.

    อายุปฺปมาณวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āyuppamāṇavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๗. อภิเญฺญยฺยาทิวารวณฺณนา

    7. Abhiññeyyādivāravaṇṇanā

    ๑๐๓๐. ‘‘รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ, อนุภวนลกฺขณา เวทนา’’ติอาทินา สามญฺญลกฺขณปริคฺคาหิกาฯ ‘‘ผุสนลกฺขโณ ผโสฺส, สาตลกฺขณํ สุข’’นฺติอาทินา วิเสสลกฺขณปริคฺคาหิกา

    1030. ‘‘Ruppanalakkhaṇaṃ rūpaṃ, anubhavanalakkhaṇā vedanā’’tiādinā sāmaññalakkhaṇapariggāhikā. ‘‘Phusanalakkhaṇo phasso, sātalakkhaṇaṃ sukha’’ntiādinā visesalakkhaṇapariggāhikā.

    ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา สิยา กุสลา’’ติอาทีสุ อิธ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ขนฺธวิภงฺคาทีสุ วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ เสสํ ยเทตฺถ น วุตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    ‘‘Cattāro khandhā siyā kusalā’’tiādīsu idha yaṃ vattabbaṃ, taṃ khandhavibhaṅgādīsu vuttaṃ, tasmā tattha vuttanayeneva gahetabbanti adhippāyo. Sesaṃ yadettha na vuttaṃ, taṃ suviññeyyamevāti.

    อภิเญฺญยฺยาทิวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Abhiññeyyādivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ธมฺมหทยวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dhammahadayavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิติ สโมฺมหวิโนทนิยา ฎีกาย ลีนตฺถวณฺณนา

    Iti sammohavinodaniyā ṭīkāya līnatthavaṇṇanā

    วิภงฺค-อนุฎีกา สมตฺตาฯ

    Vibhaṅga-anuṭīkā samattā.




    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๘. ธมฺมหทยวิภโงฺค • 18. Dhammahadayavibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๘. ธมฺมหทยวิภโงฺค • 18. Dhammahadayavibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact