Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๔. ธมฺมญฺญูสุตฺตํ
4. Dhammaññūsuttaṃ
๖๘. ‘‘สตฺตหิ, ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนโยฺย โหติ …เป.… อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสฯ กตเมหิ สตฺตหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมญฺญู จ โหติ อตฺถญฺญู จ อตฺตญฺญู จ มตฺตญฺญู จ กาลญฺญู จ ปริสญฺญู จ ปุคฺคลปโรปรญฺญู จฯ
68. ‘‘Sattahi, bhikkhave, dhammehi samannāgato bhikkhu āhuneyyo hoti …pe… anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassa. Katamehi sattahi? Idha, bhikkhave, bhikkhu dhammaññū ca hoti atthaññū ca attaññū ca mattaññū ca kālaññū ca parisaññū ca puggalaparoparaññū ca.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมญฺญู โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ชานาติ – สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถํ อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลํฯ โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ชาเนยฺย – สุตฺตํ เคยฺยํ…เป.… อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลํ, นยิธ ‘ธมฺมญฺญู’ติ วุเจฺจยฺยฯ ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ชานาติ – สุตฺตํ เคยฺยํ…เป.… อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลํ, ตสฺมา ‘ธมฺมญฺญู’ติ วุจฺจติฯ อิติ ธมฺมญฺญูฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu dhammaññū hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ jānāti – suttaṃ geyyaṃ veyyākaraṇaṃ gāthaṃ udānaṃ itivuttakaṃ jātakaṃ abbhutadhammaṃ vedallaṃ. No ce, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ jāneyya – suttaṃ geyyaṃ…pe… abbhutadhammaṃ vedallaṃ, nayidha ‘dhammaññū’ti vucceyya. Yasmā ca kho, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ jānāti – suttaṃ geyyaṃ…pe… abbhutadhammaṃ vedallaṃ, tasmā ‘dhammaññū’ti vuccati. Iti dhammaññū.
‘‘อตฺถญฺญู จ กถํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตสฺส ตเสฺสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ – ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ’ติฯ โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตสฺส ตเสฺสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชาเนยฺย – ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ’ติ, นยิธ ‘อตฺถญฺญู’ติ วุเจฺจยฺยฯ ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตสฺส ตเสฺสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ – ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ’ติ, ตสฺมา ‘อตฺถญฺญู’ติ วุจฺจติฯ อิติ ธมฺมญฺญู, อตฺถญฺญูฯ
‘‘Atthaññū ca kathaṃ hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu tassa tasseva bhāsitassa atthaṃ jānāti – ‘ayaṃ imassa bhāsitassa attho, ayaṃ imassa bhāsitassa attho’ti. No ce, bhikkhave, bhikkhu tassa tasseva bhāsitassa atthaṃ jāneyya – ‘ayaṃ imassa bhāsitassa attho, ayaṃ imassa bhāsitassa attho’ti, nayidha ‘atthaññū’ti vucceyya. Yasmā ca kho, bhikkhave, bhikkhu tassa tasseva bhāsitassa atthaṃ jānāti – ‘ayaṃ imassa bhāsitassa attho, ayaṃ imassa bhāsitassa attho’ti, tasmā ‘atthaññū’ti vuccati. Iti dhammaññū, atthaññū.
‘‘อตฺตญฺญู จ กถํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตานํ ชานาติ – ‘เอตฺตโกมฺหิ สทฺธาย สีเลน สุเตน จาเคน ปญฺญาย ปฎิภาเนนา’ติฯ โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตานํ ชาเนยฺย – ‘เอตฺตโกมฺหิ สทฺธาย สีเลน สุเตน จาเคน ปญฺญาย ปฎิภาเนนา’ติ, นยิธ ‘อตฺตญฺญู’ติ วุเจฺจยฺยฯ ยสฺมา จ, ภิกฺขเว , ภิกฺขุ อตฺตานํ ชานาติ – ‘เอตฺตโกมฺหิ สทฺธาย สีเลน สุเตน จาเคน ปญฺญาย ปฎิภาเนนา’ติ, ตสฺมา ‘อตฺตญฺญู’ติ วุจฺจติฯ อิติ ธมฺมญฺญู, อตฺถญฺญู, อตฺตญฺญูฯ
‘‘Attaññū ca kathaṃ hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu attānaṃ jānāti – ‘ettakomhi saddhāya sīlena sutena cāgena paññāya paṭibhānenā’ti. No ce, bhikkhave, bhikkhu attānaṃ jāneyya – ‘ettakomhi saddhāya sīlena sutena cāgena paññāya paṭibhānenā’ti, nayidha ‘attaññū’ti vucceyya. Yasmā ca, bhikkhave , bhikkhu attānaṃ jānāti – ‘ettakomhi saddhāya sīlena sutena cāgena paññāya paṭibhānenā’ti, tasmā ‘attaññū’ti vuccati. Iti dhammaññū, atthaññū, attaññū.
‘‘มตฺตญฺญู จ กถํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มตฺตํ ชานาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ ปฎิคฺคหณายฯ โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มตฺตํ ชาเนยฺย จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ ปฎิคฺคหณาย, นยิธ ‘มตฺตญฺญู’ติ วุเจฺจยฺยฯ ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มตฺตํ ชานาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ ปฎิคฺคหณาย, ตสฺมา ‘มตฺตญฺญู’ติ วุจฺจติฯ อิติ ธมฺมญฺญู, อตฺถญฺญู, อตฺตญฺญู, มตฺตญฺญูฯ
‘‘Mattaññū ca kathaṃ hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu mattaṃ jānāti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārānaṃ paṭiggahaṇāya. No ce, bhikkhave, bhikkhu mattaṃ jāneyya cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārānaṃ paṭiggahaṇāya, nayidha ‘mattaññū’ti vucceyya. Yasmā ca kho, bhikkhave, bhikkhu mattaṃ jānāti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārānaṃ paṭiggahaṇāya, tasmā ‘mattaññū’ti vuccati. Iti dhammaññū, atthaññū, attaññū, mattaññū.
‘‘กาลญฺญู จ กถํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ, กาลํ ชานาติ – ‘อยํ กาโล อุเทฺทสสฺส, อยํ กาโล ปริปุจฺฉาย, อยํ กาโล โยคสฺส, อยํ กาโล ปฎิสลฺลานสฺสา’ติฯ โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาลํ ชาเนยฺย – ‘อยํ กาโล อุเทฺทสสฺส, อยํ กาโล ปริปุจฺฉาย, อยํ กาโล โยคสฺส, อยํ กาโล ปฎิสลฺลานสฺสา’ติ, นยิธ ‘กาลญฺญู’ติ วุเจฺจยฺยฯ ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาลํ ชานาติ – ‘อยํ กาโล อุเทฺทสสฺส, อยํ กาโล ปริปุจฺฉาย, อยํ กาโล โยคสฺส, อยํ กาโล ปฎิสลฺลานสฺสา’ติ, ตสฺมา ‘กาลญฺญู’ติ วุจฺจติฯ อิติ ธมฺมญฺญู, อตฺถญฺญู, อตฺตญฺญู, มตฺตญฺญู, กาลญฺญูฯ
‘‘Kālaññū ca kathaṃ hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu, kālaṃ jānāti – ‘ayaṃ kālo uddesassa, ayaṃ kālo paripucchāya, ayaṃ kālo yogassa, ayaṃ kālo paṭisallānassā’ti. No ce, bhikkhave, bhikkhu kālaṃ jāneyya – ‘ayaṃ kālo uddesassa, ayaṃ kālo paripucchāya, ayaṃ kālo yogassa, ayaṃ kālo paṭisallānassā’ti, nayidha ‘kālaññū’ti vucceyya. Yasmā ca kho, bhikkhave, bhikkhu kālaṃ jānāti – ‘ayaṃ kālo uddesassa, ayaṃ kālo paripucchāya, ayaṃ kālo yogassa, ayaṃ kālo paṭisallānassā’ti, tasmā ‘kālaññū’ti vuccati. Iti dhammaññū, atthaññū, attaññū, mattaññū, kālaññū.
‘‘ปริสญฺญู จ กถํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปริสํ ชานาติ – ‘อยํ ขตฺติยปริสา, อยํ พฺราหฺมณปริสา, อยํ คหปติปริสา, อยํ สมณปริสาฯ ตตฺถ เอวํ อุปสงฺกมิตพฺพํ, เอวํ ฐาตพฺพํ , เอวํ กตฺตพฺพํ, เอวํ นิสีทิตพฺพํ, เอวํ ภาสิตพฺพํ, เอวํ ตุณฺหี ภวิตพฺพ’นฺติฯ โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปริสํ ชาเนยฺย – ‘อยํ ขตฺติยปริสา…เป.… เอวํ ตุณฺหี ภวิตพฺพ’นฺติ, นยิธ ‘ปริสญฺญู’ติ วุเจฺจยฺยฯ ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปริสํ ชานาติ – ‘อยํ ขตฺติยปริสา, อยํ พฺราหฺมณปริสา, อยํ คหปติปริสา, อยํ สมณปริสา ฯ ตตฺถ เอวํ อุปสงฺกมิตพฺพํ, เอวํ ฐาตพฺพํ, เอวํ กตฺตพฺพํ, เอวํ นิสีทิตพฺพํ, เอวํ ภาสิตพฺพํ, เอวํ ตุณฺหี ภวิตพฺพ’นฺติ, ตสฺมา ‘ปริสญฺญู’ติ วุจฺจติฯ อิติ ธมฺมญฺญู, อตฺถญฺญู, อตฺตญฺญู, มตฺตญฺญู, กาลญฺญู, ปริสญฺญูฯ
‘‘Parisaññū ca kathaṃ hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu parisaṃ jānāti – ‘ayaṃ khattiyaparisā, ayaṃ brāhmaṇaparisā, ayaṃ gahapatiparisā, ayaṃ samaṇaparisā. Tattha evaṃ upasaṅkamitabbaṃ, evaṃ ṭhātabbaṃ , evaṃ kattabbaṃ, evaṃ nisīditabbaṃ, evaṃ bhāsitabbaṃ, evaṃ tuṇhī bhavitabba’nti. No ce, bhikkhave, bhikkhu parisaṃ jāneyya – ‘ayaṃ khattiyaparisā…pe… evaṃ tuṇhī bhavitabba’nti, nayidha ‘parisaññū’ti vucceyya. Yasmā ca kho, bhikkhave, bhikkhu parisaṃ jānāti – ‘ayaṃ khattiyaparisā, ayaṃ brāhmaṇaparisā, ayaṃ gahapatiparisā, ayaṃ samaṇaparisā . Tattha evaṃ upasaṅkamitabbaṃ, evaṃ ṭhātabbaṃ, evaṃ kattabbaṃ, evaṃ nisīditabbaṃ, evaṃ bhāsitabbaṃ, evaṃ tuṇhī bhavitabba’nti, tasmā ‘parisaññū’ti vuccati. Iti dhammaññū, atthaññū, attaññū, mattaññū, kālaññū, parisaññū.
‘‘ปุคฺคลปโรปรญฺญู จ กถํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน 1 ทฺวเยน ปุคฺคลา วิทิตา โหนฺติฯ เทฺว ปุคฺคลา – เอโก อริยานํ ทสฺสนกาโม, เอโก อริยานํ น ทสฺสนกาโมฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล อริยานํ น ทสฺสนกาโม , เอวํ โส เตนเงฺคน คารโยฺหฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล อริยานํ ทสฺสนกาโม, เอวํ โส เตนเงฺคน ปาสํโสฯ
‘‘Puggalaparoparaññū ca kathaṃ hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhuno 2 dvayena puggalā viditā honti. Dve puggalā – eko ariyānaṃ dassanakāmo, eko ariyānaṃ na dassanakāmo. Yvāyaṃ puggalo ariyānaṃ na dassanakāmo , evaṃ so tenaṅgena gārayho. Yvāyaṃ puggalo ariyānaṃ dassanakāmo, evaṃ so tenaṅgena pāsaṃso.
‘‘เทฺว ปุคฺคลา อริยานํ ทสฺสนกามา – เอโก สทฺธมฺมํ โสตุกาโม, เอโก สทฺธมฺมํ น โสตุกาโมฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล สทฺธมฺมํ น โสตุกาโม, เอวํ โส เตนเงฺคน คารโยฺหฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล สทฺธมฺมํ โสตุกาโม, เอวํ โส เตนเงฺคน ปาสํโสฯ
‘‘Dve puggalā ariyānaṃ dassanakāmā – eko saddhammaṃ sotukāmo, eko saddhammaṃ na sotukāmo. Yvāyaṃ puggalo saddhammaṃ na sotukāmo, evaṃ so tenaṅgena gārayho. Yvāyaṃ puggalo saddhammaṃ sotukāmo, evaṃ so tenaṅgena pāsaṃso.
‘‘เทฺว ปุคฺคลา สทฺธมฺมํ โสตุกามา – เอโก โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, เอโก อโนหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล อโนหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, เอวํ โส เตนเงฺคน คารโยฺหฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, เอวํ โส เตนเงฺคน ปาสํโสฯ
‘‘Dve puggalā saddhammaṃ sotukāmā – eko ohitasoto dhammaṃ suṇāti, eko anohitasoto dhammaṃ suṇāti. Yvāyaṃ puggalo anohitasoto dhammaṃ suṇāti, evaṃ so tenaṅgena gārayho. Yvāyaṃ puggalo ohitasoto dhammaṃ suṇāti, evaṃ so tenaṅgena pāsaṃso.
‘‘เทฺว ปุคฺคลา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ 3 – เอโก สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, เอโก สุตฺวา ธมฺมํ น ธาเรติฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล สุตฺวา น ธมฺมํ ธาเรติ, เอวํ โส เตนเงฺคน คารโยฺหฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, เอวํ โส เตนเงฺคน ปาสํโสฯ
‘‘Dve puggalā ohitasotā dhammaṃ suṇanti 4 – eko sutvā dhammaṃ dhāreti, eko sutvā dhammaṃ na dhāreti. Yvāyaṃ puggalo sutvā na dhammaṃ dhāreti, evaṃ so tenaṅgena gārayho. Yvāyaṃ puggalo sutvā dhammaṃ dhāreti, evaṃ so tenaṅgena pāsaṃso.
‘‘เทฺว ปุคฺคลา สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรนฺติ 5 – เอโก ธาตานํ 6 ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, เอโก ธาตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ น อุปปริกฺขติฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล ธาตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ น อุปปริกฺขติ, เอวํ โส เตนเงฺคน คารโยฺหฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล ธาตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, เอวํ โส เตนเงฺคน ปาสํโสฯ
‘‘Dve puggalā sutvā dhammaṃ dhārenti 7 – eko dhātānaṃ 8 dhammānaṃ atthaṃ upaparikkhati, eko dhātānaṃ dhammānaṃ atthaṃ na upaparikkhati. Yvāyaṃ puggalo dhātānaṃ dhammānaṃ atthaṃ na upaparikkhati, evaṃ so tenaṅgena gārayho. Yvāyaṃ puggalo dhātānaṃ dhammānaṃ atthaṃ upaparikkhati, evaṃ so tenaṅgena pāsaṃso.
‘‘เทฺว ปุคฺคลา ธาตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ 9 – เอโก อตฺถมญฺญาย ธมฺมมญฺญาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน, เอโก อตฺถมญฺญาย ธมฺมมญฺญาย น ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺนฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล อตฺถมญฺญาย ธมฺมมญฺญาย น ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน, เอวํ โส เตนเงฺคน คารโยฺหฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล อตฺถมญฺญาย ธมฺมมญฺญาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน, เอวํ โส เตนเงฺคน ปาสํโสฯ
‘‘Dve puggalā dhātānaṃ dhammānaṃ atthaṃ upaparikkhanti 10 – eko atthamaññāya dhammamaññāya dhammānudhammappaṭipanno, eko atthamaññāya dhammamaññāya na dhammānudhammappaṭipanno. Yvāyaṃ puggalo atthamaññāya dhammamaññāya na dhammānudhammappaṭipanno, evaṃ so tenaṅgena gārayho. Yvāyaṃ puggalo atthamaññāya dhammamaññāya dhammānudhammappaṭipanno, evaṃ so tenaṅgena pāsaṃso.
‘‘เทฺว ปุคฺคลา อตฺถมญฺญาย ธมฺมมญฺญาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา – เอโก อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน โน ปรหิตาย, เอโก อตฺตหิตาย จ ปฎิปโนฺน ปรหิตาย จฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน โน ปรหิตาย, เอวํ โส เตนเงฺคน คารโยฺหฯ ยฺวายํ ปุคฺคโล อตฺถหิตาย จ ปฎิปโนฺน ปรหิตาย จ, เอวํ โส เตนเงฺคน ปาสํโสฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน 11 ทฺวเยน ปุคฺคลา วิทิตา โหนฺติฯ เอวํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุคฺคลปโรปรญฺญู โหติฯ ‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, สตฺตหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนโยฺย โหติ ปาหุเนโยฺย…เป.… อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสา’’ติฯ จตุตฺถํฯ
‘‘Dve puggalā atthamaññāya dhammamaññāya dhammānudhammappaṭipannā – eko attahitāya paṭipanno no parahitāya, eko attahitāya ca paṭipanno parahitāya ca. Yvāyaṃ puggalo attahitāya paṭipanno no parahitāya, evaṃ so tenaṅgena gārayho. Yvāyaṃ puggalo atthahitāya ca paṭipanno parahitāya ca, evaṃ so tenaṅgena pāsaṃso. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno 12 dvayena puggalā viditā honti. Evaṃ, bhikkhave, bhikkhu puggalaparoparaññū hoti. ‘‘Imehi kho, bhikkhave, sattahi dhammehi samannāgato bhikkhu āhuneyyo hoti pāhuneyyo…pe… anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassā’’ti. Catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. ธมฺมญฺญูสุตฺตวณฺณนา • 4. Dhammaññūsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔. ธมฺมญฺญูสุตฺตวณฺณนา • 4. Dhammaññūsuttavaṇṇanā