Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๔. ธมฺมฎฺฐิติญาณนิเทฺทสวณฺณนา
4. Dhammaṭṭhitiñāṇaniddesavaṇṇanā
๔๕. ธมฺมฎฺฐิติญาณนิเทฺทเส อวิชฺชาสงฺขารานํ อุปฺปาทฎฺฐิตีติอาทีสุ ติฎฺฐนฺติ เอตาย สงฺขาราติ ฐิติฯ กา สา? อวิชฺชาฯ สา หิ สงฺขารานํ อุปฺปาทาย นิพฺพตฺติยา ฐิติ การณนฺติ อุปฺปาทฎฺฐิติฯ อุปฺปนฺนานํ ปวตฺติยาปิ การณนฺติ ปวตฺตฎฺฐิติฯ กิญฺจาปิ หิ ชนกปจฺจยสฺส ชนนกฺขเณเยว กิจฺจานุภาโว โหติ, เตน ปน ชนิตานํเยว ปวตฺตตฺตา สกกฺขเณ ปวตฺติยาปิ การณํ นาม โหติ, สนฺตติวเสน วา ปวตฺติยา การณนฺติ อโตฺถ ฯ ปวตฺตนฺติ จ นปุํสเก ภาววจนเมตํ, ตสฺมา ปวตฺตํ ปวตฺตีติ อตฺถโต เอกํฯ ปวตฺติสทฺทสฺส ปน ปากฎตฺตา เตน โยเชตฺวา อโตฺถ วุโตฺตฯ ภาเวปิ ฐิติสทฺทสฺส สิชฺฌนโต น อิธ ภาเว ฐิติสโทฺท, การเณ ฐิติสโทฺทติ ทสฺสนตฺตํ นิมิตฺตฎฺฐิตีติ วุตฺตํ, นิมิตฺตภูตา ฐิตีติ อโตฺถ, การณภูตาติ วุตฺตํ โหติฯ น เกวลํ นิมิตฺตมตฺตํ โหติ, อถ โข สงฺขารชนเน สพฺยาปารา วิย หุตฺวา อายูหติ วายมตีติ ปจฺจยสมตฺถตํ ทเสฺสโนฺต อายูหนฎฺฐิตีติ อาห, อายูหนภูตา ฐิตีติ อโตฺถฯ ยสฺมา อวิชฺชา สงฺขาเร อุปฺปาทยมานา อุปฺปาเท สํโยเชติ นาม, ฆเฎตีติ อโตฺถฯ สงฺขาเร ปวตฺตยมานา ปวตฺติยํ ปลิพุนฺธติ นาม, พนฺธตีติ อโตฺถฯ ตสฺมา สโญฺญคฎฺฐิติ ปลิโพธฎฺฐิตีติ วุตฺตาฯ สโญฺญคภูตา ฐิติ, ปลิโพธภูตา ฐิตีติ อโตฺถฯ ยสฺมา อวิชฺชาว สงฺขาเร อุปฺปาทยมานา อุปฺปาทาย ปวตฺติยา จ มูลการณเฎฺฐน สมุทโย นาม, สมุทยภูตา ฐิตีติ สมุทยฎฺฐิติ, มูลการณภูตา ฐิตีติ อโตฺถฯ อวิชฺชาว สงฺขารานํ อุปฺปาเท ชนกปจฺจยตฺตา, ปวตฺติยํ อุปตฺถมฺภกปจฺจยตฺตา เหตุฎฺฐิติ ปจฺจยฎฺฐิตีติ วุตฺตา, เหตุภูตา ฐิติ, ปจฺจยภูตา ฐิตีติ อโตฺถฯ ชนกปจฺจโย หิ เหตูติ, อุปตฺถมฺภโก ปจฺจโยติ วุจฺจติฯ เอวํ เสเสสุปิ โยเชตพฺพํฯ
45. Dhammaṭṭhitiñāṇaniddese avijjāsaṅkhārānaṃ uppādaṭṭhitītiādīsu tiṭṭhanti etāya saṅkhārāti ṭhiti. Kā sā? Avijjā. Sā hi saṅkhārānaṃ uppādāya nibbattiyā ṭhiti kāraṇanti uppādaṭṭhiti. Uppannānaṃ pavattiyāpi kāraṇanti pavattaṭṭhiti. Kiñcāpi hi janakapaccayassa jananakkhaṇeyeva kiccānubhāvo hoti, tena pana janitānaṃyeva pavattattā sakakkhaṇe pavattiyāpi kāraṇaṃ nāma hoti, santativasena vā pavattiyā kāraṇanti attho . Pavattanti ca napuṃsake bhāvavacanametaṃ, tasmā pavattaṃ pavattīti atthato ekaṃ. Pavattisaddassa pana pākaṭattā tena yojetvā attho vutto. Bhāvepi ṭhitisaddassa sijjhanato na idha bhāve ṭhitisaddo, kāraṇe ṭhitisaddoti dassanattaṃ nimittaṭṭhitīti vuttaṃ, nimittabhūtā ṭhitīti attho, kāraṇabhūtāti vuttaṃ hoti. Na kevalaṃ nimittamattaṃ hoti, atha kho saṅkhārajanane sabyāpārā viya hutvā āyūhati vāyamatīti paccayasamatthataṃ dassento āyūhanaṭṭhitīti āha, āyūhanabhūtā ṭhitīti attho. Yasmā avijjā saṅkhāre uppādayamānā uppāde saṃyojeti nāma, ghaṭetīti attho. Saṅkhāre pavattayamānā pavattiyaṃ palibundhati nāma, bandhatīti attho. Tasmā saññogaṭṭhiti palibodhaṭṭhitīti vuttā. Saññogabhūtā ṭhiti, palibodhabhūtā ṭhitīti attho. Yasmā avijjāva saṅkhāre uppādayamānā uppādāya pavattiyā ca mūlakāraṇaṭṭhena samudayo nāma, samudayabhūtā ṭhitīti samudayaṭṭhiti, mūlakāraṇabhūtā ṭhitīti attho. Avijjāva saṅkhārānaṃ uppāde janakapaccayattā, pavattiyaṃ upatthambhakapaccayattā hetuṭṭhiti paccayaṭṭhitīti vuttā, hetubhūtā ṭhiti, paccayabhūtā ṭhitīti attho. Janakapaccayo hi hetūti, upatthambhako paccayoti vuccati. Evaṃ sesesupi yojetabbaṃ.
ภโว ชาติยา, ชาติ ชรามรณสฺสาติ เอตฺถ ปน อุปฺปาทฎฺฐิติ สโญฺญคฎฺฐิติ เหตุฎฺฐิตีติ อุปฺปาทวเสน โยชิตานิ ปทานิ ชาติชรามรณวนฺตานํ ขนฺธานํ วเสน ปริยาเยน วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ เกจิ ปน ‘‘อุปฺปาทาย ฐิติ อุปฺปาทฎฺฐิตี’’ติ เอวมาทินา นเยเนตฺถ อตฺถํ วณฺณยนฺติฯ อวิชฺชา ปจฺจโยติ อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยภาวํ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํฯ อวิชฺชายปิ ปจฺจยสมฺภูตตฺตา ตสฺสา อปิ ปจฺจยปริคฺคหณทสฺสนตฺถํ อุโภเปเต ธมฺมา ปจฺจยสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปญฺญาติ วุตฺตํฯ เอวํ เสเสสุปิ โยเชตพฺพํฯ ชาติ ปจฺจโย, ชรามรณํ ปจฺจยสมุปฺปนฺนนฺติ ปน ปริยาเยน วุตฺตํฯ อตีตมฺปิ อทฺธานนฺติ อติกฺกนฺตมฺปิ กาลํฯ อนาคตมฺปิ อทฺธานนฺติ อปฺปตฺตมฺปิ กาลํฯ อุภยตฺถาปิ อจฺจนฺตสํโยคเตฺถ อุปโยควจนํฯ
Bhavojātiyā, jāti jarāmaraṇassāti ettha pana uppādaṭṭhiti saññogaṭṭhiti hetuṭṭhitīti uppādavasena yojitāni padāni jātijarāmaraṇavantānaṃ khandhānaṃ vasena pariyāyena vuttānīti veditabbāni. Keci pana ‘‘uppādāya ṭhiti uppādaṭṭhitī’’ti evamādinā nayenettha atthaṃ vaṇṇayanti. Avijjā paccayoti avijjāya saṅkhārānaṃ paccayabhāvaṃ apekkhitvā vuttaṃ. Avijjāyapi paccayasambhūtattā tassā api paccayapariggahaṇadassanatthaṃ ubhopete dhammā paccayasamuppannāti paccayapariggahe paññāti vuttaṃ. Evaṃ sesesupi yojetabbaṃ. Jāti paccayo, jarāmaraṇaṃ paccayasamuppannanti pana pariyāyena vuttaṃ. Atītampi addhānanti atikkantampi kālaṃ. Anāgatampi addhānanti appattampi kālaṃ. Ubhayatthāpi accantasaṃyogatthe upayogavacanaṃ.
๔๖. อิทานิ นวาการวารานนฺตรํ เต นวากาเร วิหาย เหตุปฎิจฺจปจฺจยปเทเหว โยเชตฺวา อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนาติอาทโย ตโย วารา นิทฺทิฎฺฐาฯ นวาการวาเร ชนกอุปตฺถมฺภกวเสน ปจฺจโย วุโตฺตฯ อิธ ปน เหตุวารสฺส ปจฺจยวารสฺส จ วิสุํ อาคตตฺตา เหตูติ ชนกปจฺจยตฺตํ, ปจฺจโยติ อุปตฺถมฺภกปจฺจยตฺตํ เวทิตพฺพํ เอเกกสฺสาปิ อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุภยถา สมฺภวโตฯ ปฎิจฺจวาเร อวิชฺชา ปฎิจฺจาติ อตฺตโน อุปฺปาเท สงฺขารานํ อวิชฺชาเปกฺขตฺตา สงฺขาเรหิ อวิชฺชา ปฎิมุขํ เอตพฺพา คนฺตพฺพาติ ปฎิจฺจาฯ เอเตน อวิชฺชาย สงฺขารุปฺปาทนสมตฺถตา วุตฺตา โหติฯ สงฺขารา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนาติ สงฺขารา อวิชฺชํ ปฎิจฺจ ตทภิมุขํ ปวตฺตนโต ปฎิมุขํ กตฺวา น วิหาย สมํ อุปฺปนฺนาฯ เอวํ เสเสสุปิ ลิงฺคานุรูเปน โยเชตพฺพํฯ อวิชฺชา ปฎิจฺจาติ อุสฺสุกฺกวเสน วา ปาโฐ, อโตฺถ ปเนตฺถ อวิชฺชา อตฺตโน ปจฺจเย ปฎิจฺจ ปวตฺตาติ ปาฐเสสวเสน โยเชตโพฺพฯ เอวํ เสเสสุปิฯ จตูสุปิ จ เอเตสุ วาเรสุ ทฺวาทสนฺนํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ ปจฺจยเสฺสว วเสน ธมฺมฎฺฐิติญาณสฺส นิทฺทิสิตพฺพตฺตา อวิชฺชาทีนํ เอกาทสนฺนํเยว องฺคานํ วเสน ธมฺมฎฺฐิติญาณํ นิทฺทิฎฺฐํ, ชรามรณสฺส ปน อเนฺต ฐิตตฺตา ตสฺส วเสน น นิทฺทิฎฺฐํฯ ชรามรณสฺสาปิ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสานํ ปจฺจยตฺตา ชรามรณํ เตสํ ปจฺจยํ กตฺวา อุปปริกฺขมานสฺส ตสฺสาปิ ชรามรณสฺส วเสน ธมฺมฎฺฐิติญาณํ ยุชฺชเตวฯ
46. Idāni navākāravārānantaraṃ te navākāre vihāya hetupaṭiccapaccayapadeheva yojetvā avijjā hetu, saṅkhārā hetusamuppannātiādayo tayo vārā niddiṭṭhā. Navākāravāre janakaupatthambhakavasena paccayo vutto. Idha pana hetuvārassa paccayavārassa ca visuṃ āgatattā hetūti janakapaccayattaṃ, paccayoti upatthambhakapaccayattaṃ veditabbaṃ ekekassāpi avijjādikassa paccayassa ubhayathā sambhavato. Paṭiccavāre avijjā paṭiccāti attano uppāde saṅkhārānaṃ avijjāpekkhattā saṅkhārehi avijjā paṭimukhaṃ etabbā gantabbāti paṭiccā. Etena avijjāya saṅkhāruppādanasamatthatā vuttā hoti. Saṅkhārā paṭiccasamuppannāti saṅkhārā avijjaṃ paṭicca tadabhimukhaṃ pavattanato paṭimukhaṃ katvā na vihāya samaṃ uppannā. Evaṃ sesesupi liṅgānurūpena yojetabbaṃ. Avijjā paṭiccāti ussukkavasena vā pāṭho, attho panettha avijjā attano paccaye paṭicca pavattāti pāṭhasesavasena yojetabbo. Evaṃ sesesupi. Catūsupi ca etesu vāresu dvādasannaṃ paṭiccasamuppādaṅgānaṃ paccayasseva vasena dhammaṭṭhitiñāṇassa niddisitabbattā avijjādīnaṃ ekādasannaṃyeva aṅgānaṃ vasena dhammaṭṭhitiñāṇaṃ niddiṭṭhaṃ, jarāmaraṇassa pana ante ṭhitattā tassa vasena na niddiṭṭhaṃ. Jarāmaraṇassāpi sokaparidevadukkhadomanassupāyāsānaṃ paccayattā jarāmaraṇaṃ tesaṃ paccayaṃ katvā upaparikkhamānassa tassāpi jarāmaraṇassa vasena dhammaṭṭhitiñāṇaṃ yujjateva.
๔๗. อิทานิ ตาเนว ทฺวาทส ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ วีสติอาการวเสน วิภชิตฺวา จตุสเงฺขปติยทฺธติสนฺธิโย ทเสฺสตฺวา ธมฺมฎฺฐิติญาณํ นิทฺทิสิตุกาโม ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ ปุริเม กมฺมภเว, อตีตชาติยํ กมฺมภเว กริยมาเนติ อโตฺถฯ โมโห อวิชฺชาติ โย ตทา ทุกฺขาทีสุ โมโห, เยน มูโฬฺห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชาฯ อายูหนา สงฺขาราติ ตํ กมฺมํ กโรนฺตสฺส ปุริมเจตนาโย, ยถา ‘‘ทานํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา มาสมฺปิ สํวจฺฉรมฺปิ ทานูปกรณานิ สเชฺชนฺตสฺส อุปฺปนฺนา ปุริมเจตนาโยฯ ปฎิคฺคาหกานํ ปน หเตฺถ ทกฺขิณํ ปติฎฺฐาปยโต เจตนา ภโวติ วุจฺจติฯ เอกาวชฺชเนสุ วา ฉสุ ชวเนสุ เจตนา อายูหนา สงฺขารา นาม, สตฺตมชวเน เจตนา ภโวฯ ยา กาจิ วา ปน เจตนา ภโว, ตํสมฺปยุตฺตา อายูหนา สงฺขารา นามฯ
47. Idāni tāneva dvādasa paṭiccasamuppādaṅgāni vīsatiākāravasena vibhajitvā catusaṅkhepatiyaddhatisandhiyo dassetvā dhammaṭṭhitiñāṇaṃ niddisitukāmo purimakammabhavasmintiādimāha. Tattha purimakammabhavasminti purime kammabhave, atītajātiyaṃ kammabhave kariyamāneti attho. Moho avijjāti yo tadā dukkhādīsu moho, yena mūḷho kammaṃ karoti, sā avijjā. Āyūhanā saṅkhārāti taṃ kammaṃ karontassa purimacetanāyo, yathā ‘‘dānaṃ dassāmī’’ti cittaṃ uppādetvā māsampi saṃvaccharampi dānūpakaraṇāni sajjentassa uppannā purimacetanāyo. Paṭiggāhakānaṃ pana hatthe dakkhiṇaṃ patiṭṭhāpayato cetanā bhavoti vuccati. Ekāvajjanesu vā chasu javanesu cetanā āyūhanā saṅkhārā nāma, sattamajavane cetanā bhavo. Yā kāci vā pana cetanā bhavo, taṃsampayuttā āyūhanā saṅkhārā nāma.
นิกนฺติ ตณฺหาติ ยา กมฺมํ กโรนฺตสฺส ตสฺส ผเล อุปปตฺติภเว นิกามนา ปตฺถนา, สา ตณฺหา นามฯ อุปคมนํ อุปาทานนฺติ ยํ กมฺมภวสฺส ปจฺจยภูตํ ‘‘อิมสฺมิํ นาม กเมฺม กเต กามา สมฺปชฺชนฺตี’’ติ วา ‘‘อิทํ กตฺวา อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน กาเม เสวิสฺสามี’’ติ วา ‘‘อตฺตา อุจฺฉิโนฺน สุอุจฺฉิโนฺน โหตี’’ติ วา ‘‘สุขี โหติํ วิคตปริฬาโห’’ติ วา ‘‘สีลพฺพตํ สุเขน ปริปูรตี’’ติ วา ปวตฺตํ อุปคมนํ ทฬฺหคหณํ, อิทํ อุปาทานํ นามฯ เจตนา ภโวติ อายูหนาวสาเน วุตฺตา เจตนา ภโว นามฯ ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ อตีตชาติยา กมฺมภเว กริยมาเน ปวตฺตาฯ อิธ ปฎิสนฺธิยา ปจฺจยาติ ปจฺจุปฺปนฺนปฎิสนฺธิยา ปจฺจยภูตาฯ
Nikanti taṇhāti yā kammaṃ karontassa tassa phale upapattibhave nikāmanā patthanā, sā taṇhā nāma. Upagamanaṃ upādānanti yaṃ kammabhavassa paccayabhūtaṃ ‘‘imasmiṃ nāma kamme kate kāmā sampajjantī’’ti vā ‘‘idaṃ katvā asukasmiṃ nāma ṭhāne kāme sevissāmī’’ti vā ‘‘attā ucchinno suucchinno hotī’’ti vā ‘‘sukhī hotiṃ vigatapariḷāho’’ti vā ‘‘sīlabbataṃ sukhena paripūratī’’ti vā pavattaṃ upagamanaṃ daḷhagahaṇaṃ, idaṃ upādānaṃ nāma. Cetanā bhavoti āyūhanāvasāne vuttā cetanā bhavo nāma. Purimakammabhavasminti atītajātiyā kammabhave kariyamāne pavattā. Idha paṭisandhiyā paccayāti paccuppannapaṭisandhiyā paccayabhūtā.
อิธ ปฎิสนฺธิ วิญฺญาณนฺติ ยํ ปจฺจุปฺปนฺนภวสฺส ภวนฺตรปฎิสนฺธานวเสน อุปฺปนฺนตฺตา ปฎิสนฺธีติ วุจฺจติ, ตํ วิญฺญาณํฯ โอกฺกนฺติ นามรูปนฺติ ยา คเพฺภ รูปารูปธมฺมานํ โอกฺกนฺติ อาคนฺตฺวา ปวิสนํ วิย, อิทํ นามรูปํฯ ปสาโท อายตนนฺติ โย ปสนฺนภาโว, อิทํ อายตนํฯ ชาติคฺคหเณน เอกวจนํ กตํฯ เอเตน จกฺขาทีนิ ปญฺจายตนานิ วุตฺตานิฯ ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฎฺฐ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๙) เอตฺถ ภวงฺคจิตฺตํ อธิเปฺปตนฺติ วจนโต อิธาปิ มนายตนสฺส วิปากภูตตฺตา, ตสฺส จ กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน ปสนฺนตฺตา ปสาทวจเนน มนายตนมฺปิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ผุโฎฺฐ ผโสฺสติ โย อารมฺมณํ ผุโฎฺฐ ผุสโนฺต อุปฺปโนฺน, อยํ ผโสฺสฯ เวทยิตํ เวทนาติ ยํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณน วา สฬายตนปจฺจเยน วา ผเสฺสน สห อุปฺปนฺนํ วิปากเวทยิตํ, อยํ เวทนาฯ อิธุปปตฺติภวสฺมิํ ปุเรกตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยาติ ปจฺจุปฺปเนฺน วิปากภเว อตีตชาติยํ กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจเยน ปวตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ
Idha paṭisandhi viññāṇanti yaṃ paccuppannabhavassa bhavantarapaṭisandhānavasena uppannattā paṭisandhīti vuccati, taṃ viññāṇaṃ. Okkanti nāmarūpanti yā gabbhe rūpārūpadhammānaṃ okkanti āgantvā pavisanaṃ viya, idaṃ nāmarūpaṃ. Pasādo āyatananti yo pasannabhāvo, idaṃ āyatanaṃ. Jātiggahaṇena ekavacanaṃ kataṃ. Etena cakkhādīni pañcāyatanāni vuttāni. ‘‘Pabhassaramidaṃ, bhikkhave, cittaṃ, tañca kho āgantukehi upakkilesehi upakkiliṭṭha’’nti (a. ni. 1.49) ettha bhavaṅgacittaṃ adhippetanti vacanato idhāpi manāyatanassa vipākabhūtattā, tassa ca kilesakālussiyābhāvena pasannattā pasādavacanena manāyatanampi vuttanti veditabbaṃ. Phuṭṭho phassoti yo ārammaṇaṃ phuṭṭho phusanto uppanno, ayaṃ phasso. Vedayitaṃ vedanāti yaṃ paṭisandhiviññāṇena vā saḷāyatanapaccayena vā phassena saha uppannaṃ vipākavedayitaṃ, ayaṃ vedanā. Idhupapattibhavasmiṃ purekatassa kammassa paccayāti paccuppanne vipākabhave atītajātiyaṃ katassa kammassa paccayena pavattantīti attho.
อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานนฺติ ปริปกฺกายตนสฺส กมฺมกรณกาเล โมหาทโย ทสฺสิตาฯ อายติํ ปฎิสนฺธิยาติ อนาคเต ปฎิสนฺธิยาฯ อายติํ ปฎิสนฺธิ วิญฺญาณนฺติอาทีนิ วุตฺตตฺถานิฯ
Idha paripakkattā āyatanānanti paripakkāyatanassa kammakaraṇakāle mohādayo dassitā. Āyatiṃ paṭisandhiyāti anāgate paṭisandhiyā. Āyatiṃ paṭisandhi viññāṇantiādīni vuttatthāni.
กถํ ปน ทฺวาทสหิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคหิ อิเม วีสติ อาการา คหิตา โหนฺตีติ? อวิชฺชา สงฺขาราติ อิเม เทฺว อตีตเหตุโย สรูปโต วุตฺตาฯ ยสฺมา ปน อวิทฺวา ปริตสฺสติ, ปริตสฺสิโต อุปาทิยติ, ตสฺสุปาทานปจฺจยา ภโว, ตสฺมา เตหิ ทฺวีหิ คหิเตหิ ตณฺหุปาทานภวาปิ คหิตาว โหนฺติฯ ปจฺจุปฺปเนฺน วิญฺญาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา สรูปโต วุตฺตาเยวฯ ตณฺหุปาทานภวา ปจฺจุปฺปนฺนเหตุโย สรูปโต วุตฺตา ฯ ภเว ปน คหิเต ตสฺส ปุพฺพภาคา ตํสมฺปยุตฺตา วา สงฺขารา คหิตาว โหนฺติ, ตณฺหุปาทานคฺคหเณน จ ตํสมฺปยุตฺตาฯ ยาย วา มูโฬฺห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชา คหิตาว โหติฯ อนาคเต ชาติ ชรามรณนฺติ เทฺว สรูเปน วุตฺตานิ, ชาติชรามรณคฺคหเณเนว ปน วิญฺญาณาทีนิ ปญฺจ อนาคตผลานิ คหิตาเนว โหนฺติฯ เตสํเยว หิ ชาติชรามรณานีติ เอวํ ทฺวาทสหิ อเงฺคหิ วีสติ อาการา คหิตา โหนฺติฯ
Kathaṃ pana dvādasahi paṭiccasamuppādaṅgehi ime vīsati ākārā gahitā hontīti? Avijjā saṅkhārāti ime dve atītahetuyo sarūpato vuttā. Yasmā pana avidvā paritassati, paritassito upādiyati, tassupādānapaccayā bhavo, tasmā tehi dvīhi gahitehi taṇhupādānabhavāpi gahitāva honti. Paccuppanne viññāṇanāmarūpasaḷāyatanaphassavedanā sarūpato vuttāyeva. Taṇhupādānabhavā paccuppannahetuyo sarūpato vuttā . Bhave pana gahite tassa pubbabhāgā taṃsampayuttā vā saṅkhārā gahitāva honti, taṇhupādānaggahaṇena ca taṃsampayuttā. Yāya vā mūḷho kammaṃ karoti, sā avijjā gahitāva hoti. Anāgate jāti jarāmaraṇanti dve sarūpena vuttāni, jātijarāmaraṇaggahaṇeneva pana viññāṇādīni pañca anāgataphalāni gahitāneva honti. Tesaṃyeva hi jātijarāmaraṇānīti evaṃ dvādasahi aṅgehi vīsati ākārā gahitā honti.
‘‘อตีเต เหตโว ปญฺจ, อิทานิ ผลปญฺจกํ;
‘‘Atīte hetavo pañca, idāni phalapañcakaṃ;
อิทานิ เหตโว ปญฺจ, อายติํ ผลปญฺจก’’นฺติฯ –
Idāni hetavo pañca, āyatiṃ phalapañcaka’’nti. –
คาถาย อยเมวโตฺถ วุโตฺตฯ อิติเมติ อิติ อิเมฯ อิติ อิเมติ วา ปาโฐฯ
Gāthāya ayamevattho vutto. Itimeti iti ime. Iti imeti vā pāṭho.
จตุสเงฺขเปติ จตุโร ราสีฯ อตีเต ปญฺจ เหตุธมฺมา เอโก เหตุสเงฺขโป, ปจฺจุปฺปเนฺน ปญฺจ ผลธมฺมา เอโก ผลสเงฺขโป, ปจฺจุปฺปเนฺน ปญฺจ เหตุธมฺมา เอโก เหตุสเงฺขโป, อนาคเต ปญฺจ ผลธมฺมา เอโก ผลสเงฺขโปฯ
Catusaṅkhepeti caturo rāsī. Atīte pañca hetudhammā eko hetusaṅkhepo, paccuppanne pañca phaladhammā eko phalasaṅkhepo, paccuppanne pañca hetudhammā eko hetusaṅkhepo, anāgate pañca phaladhammā eko phalasaṅkhepo.
ตโย อเทฺธติ ตโย กาเลฯ ปฐมปญฺจกวเสน อตีตกาโล, ทุติยตติยปญฺจกวเสน ปจฺจุปฺปนฺนกาโล, จตุตฺถปญฺจกวเสน อนาคตกาโล เวทิตโพฺพฯ
Tayo addheti tayo kāle. Paṭhamapañcakavasena atītakālo, dutiyatatiyapañcakavasena paccuppannakālo, catutthapañcakavasena anāgatakālo veditabbo.
ติสนฺธินฺติ ตโย สนฺธโย อสฺสาติ ติสนฺธิ, ตํ ติสนฺธิํฯ อตีตเหตุปจฺจุปฺปนฺนผลานมนฺตรา เอโก เหตุผลสนฺธิ, ปจฺจุปฺปนฺนผลอนาคตเหตูนมนฺตรา เอโก ผลเหตุสนฺธิ, ปจฺจุปฺปนฺนเหตุอนาคตผลานมนฺตรา เอโก เหตุผลสนฺธิฯ
Tisandhinti tayo sandhayo assāti tisandhi, taṃ tisandhiṃ. Atītahetupaccuppannaphalānamantarā eko hetuphalasandhi, paccuppannaphalaanāgatahetūnamantarā eko phalahetusandhi, paccuppannahetuanāgataphalānamantarā eko hetuphalasandhi.
ปฎิจฺจสมุปฺปาทปาฬิยํ สรูปโต อาคตวเสน ปน อวิชฺชาสงฺขารา เอโก สเงฺขโป, วิญฺญาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา ทุติโย, ตณฺหุปาทานภวา ตติโย, ชาติชรามรณํ จตุโตฺถฯ อวิชฺชาสงฺขาราติ เทฺว องฺคานิ อตีตกาลานิ, วิญฺญาณาทีนิ ภวาวสานานิ อฎฺฐ ปจฺจุปฺปนฺนกาลานิ , ชาติชรามรณนฺติ เทฺว อนาคตกาลานิฯ สงฺขารวิญฺญาณานํ อนฺตรา เอโก เหตุผลสนฺธิ, เวทนาตณฺหานมนฺตรา เอโก ผลเหตุสนฺธิ, ภวชาตีนมนฺตรา เอโก เหตุผลสนฺธิฯ
Paṭiccasamuppādapāḷiyaṃ sarūpato āgatavasena pana avijjāsaṅkhārā eko saṅkhepo, viññāṇanāmarūpasaḷāyatanaphassavedanā dutiyo, taṇhupādānabhavā tatiyo, jātijarāmaraṇaṃ catuttho. Avijjāsaṅkhārāti dve aṅgāni atītakālāni, viññāṇādīni bhavāvasānāni aṭṭha paccuppannakālāni , jātijarāmaraṇanti dve anāgatakālāni. Saṅkhāraviññāṇānaṃ antarā eko hetuphalasandhi, vedanātaṇhānamantarā eko phalahetusandhi, bhavajātīnamantarā eko hetuphalasandhi.
วีสติยา อากาเรหีติ วีสติยา โกฎฺฐาเสหิฯ จตุสเงฺขเป จ ตโย อเทฺธ จ ติสนฺธิํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทญฺจ วีสติยา อากาเรหิ ชานาตีติ สมฺพโนฺธฯ
Vīsatiyāākārehīti vīsatiyā koṭṭhāsehi. Catusaṅkhepe ca tayo addhe ca tisandhiṃ paṭiccasamuppādañca vīsatiyā ākārehi jānātīti sambandho.
ชานาตีติ สุตานุสาเรน ภาวนารมฺภญาเณน ชานาติฯ ปสฺสตีติ ญาตเมว จกฺขุนา ทิฎฺฐํ วิย หตฺถตเล อามลกํ วิย จ ผุฎํ กตฺวา ญาเณเนว ปสฺสติฯ อญฺญาตีติ ทิฎฺฐมริยาเทเนว อาเสวนํ กโรโนฺต ญาเณเนว ชานาติฯ มริยาทโตฺถ หิ เอตฺถ อากาโรฯ ปฎิวิชฺฌตีติ ภาวนาปาริปูริยา นิฎฺฐํ ปาเปโนฺต ญาเณเนว ปฎิเวธํ กโรติฯ สลกฺขณวเสน วา ชานาติ, สรสวเสน ปสฺสติ, ปจฺจุปฎฺฐานวเสน อญฺญาติ, ปทฎฺฐานวเสน ปฎิวิชฺฌติฯ
Jānātīti sutānusārena bhāvanārambhañāṇena jānāti. Passatīti ñātameva cakkhunā diṭṭhaṃ viya hatthatale āmalakaṃ viya ca phuṭaṃ katvā ñāṇeneva passati. Aññātīti diṭṭhamariyādeneva āsevanaṃ karonto ñāṇeneva jānāti. Mariyādattho hi ettha ākāro. Paṭivijjhatīti bhāvanāpāripūriyā niṭṭhaṃ pāpento ñāṇeneva paṭivedhaṃ karoti. Salakkhaṇavasena vā jānāti, sarasavasena passati, paccupaṭṭhānavasena aññāti, padaṭṭhānavasena paṭivijjhati.
ตตฺถ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ ปจฺจยธมฺมา เวทิตพฺพาฯ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมาติ เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺตธมฺมาฯ กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ เจ? ภควโต วจเนนฯ ภควตา หิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทปฎิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมเทสนาสุเตฺต –
Tattha paṭiccasamuppādoti paccayadhammā veditabbā. Paṭiccasamuppannā dhammāti tehi tehi paccayehi nibbattadhammā. Kathamidaṃ jānitabbanti ce? Bhagavato vacanena. Bhagavatā hi paṭiccasamuppādapaṭiccasamuppannadhammadesanāsutte –
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฎิจฺจสมุปฺปาโท, ชาติปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชรามรณํ, อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ฐิตาว สา ธาตุ ธมฺมฎฺฐิตตา ธมฺมนิยามตา อิทปฺปจฺจยตา, ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ, อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปญฺญาเปติ ปฎฺฐเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ ‘ปสฺสถา’ติ จาหฯ ชาติปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชรามรณํ, ภวปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชาติ…เป.… อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขาราฯ อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ…เป.… อุตฺตานีกโรติ ‘ปสฺสถา’ติ จาหฯ อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขาราฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, ยา ตตฺรต ถตา อวิตถตา อนญฺญถตา อิทปฺปจฺจยตาฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฎิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) –
‘‘Katamo ca, bhikkhave, paṭiccasamuppādo, jātipaccayā, bhikkhave, jarāmaraṇaṃ, uppādā vā tathāgatānaṃ anuppādā vā tathāgatānaṃ ṭhitāva sā dhātu dhammaṭṭhitatā dhammaniyāmatā idappaccayatā, taṃ tathāgato abhisambujjhati abhisameti, abhisambujjhitvā abhisametvā ācikkhati deseti paññāpeti paṭṭhapeti vivarati vibhajati uttānīkaroti ‘passathā’ti cāha. Jātipaccayā, bhikkhave, jarāmaraṇaṃ, bhavapaccayā, bhikkhave, jāti…pe… avijjāpaccayā, bhikkhave, saṅkhārā. Uppādā vā tathāgatānaṃ…pe… uttānīkaroti ‘passathā’ti cāha. Avijjāpaccayā, bhikkhave, saṅkhārā. Iti kho, bhikkhave, yā tatrata thatā avitathatā anaññathatā idappaccayatā. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, paṭiccasamuppādo’’ti (saṃ. ni. 2.20) –
เอวํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสเนฺตน ตถตาทีหิ เววจเนหิ ปจฺจยธมฺมาว ปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ วุตฺตาฯ ตสฺมา ชรามรณาทีนํ ปจฺจยลกฺขโณ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท, ทุกฺขานุพนฺธนรโส กุมฺมคฺคปจฺจุปฎฺฐาโน, อยมฺปิ สปจฺจยตฺตา อตฺตโน วิเสสปจฺจยปทฎฺฐาโนฯ
Evaṃ paṭiccasamuppādaṃ desentena tathatādīhi vevacanehi paccayadhammāva paṭiccasamuppādoti vuttā. Tasmā jarāmaraṇādīnaṃ paccayalakkhaṇo paṭiccasamuppādo, dukkhānubandhanaraso kummaggapaccupaṭṭhāno, ayampi sapaccayattā attano visesapaccayapadaṭṭhāno.
อุปฺปาทา วา อนุปฺปาทา วาติ อุปฺปาเท วา อนุปฺปาเท วา, ตถาคเตสุ อุปฺปเนฺนสุปิ อนุปฺปเนฺนสุปีติ อโตฺถฯ ฐิตาว สา ธาตูติ ฐิโตว โส ปจฺจยสภาโว, น กทาจิ ชาติชรามรณสฺส ปจฺจโย น โหตีติ อโตฺถฯ ธมฺมฎฺฐิตตา ธมฺมนิยามตา อิทปฺปจฺจยตาติ ชาติปจฺจโยเยวฯ ชาติปจฺจเยน หิ ชรามรณสงฺขาโต ปจฺจยสมุปฺปนฺนธโมฺม ตทายตฺตตาย ติฎฺฐติ, ชาติปจฺจโยว ชรามรณธมฺมํ นิยเมติ, ตสฺมา ชาติ ‘‘ธมฺมฎฺฐิตตา ธมฺมนิยามตา’’ติ วุจฺจติฯ ชาติเยว อิมสฺส ชรามรณสฺส ปจฺจโยติ อิทปฺปจฺจโย, อิทปฺปจฺจโยว อิทปฺปจฺจยตาฯ ตนฺติ ตํ ปจฺจยํฯ อภิสมฺพุชฺฌตีติ ญาเณน อภิสมฺพุชฺฌติฯ อภิสเมตีติ ญาเณน อภิสมาคจฺฉติฯ อาจิกฺขตีติ กเถติฯ เทเสตีติ ทเสฺสติฯ ปญฺญาเปตีติ ชานาเปติฯ ปฎฺฐเปตีติ ญาณมุเข ฐเปติฯ วิวรตีติ วิวริตฺวา ทเสฺสติฯ วิภชตีติ วิภาคโต ทเสฺสติฯ อุตฺตานีกโรตีติ ปากฎํ กโรติฯ อิติ โขติ เอวํ โขฯ ยา ตตฺราติ ยา เตสุ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทีสุ ฯ โส ปนายํ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ อนูนาธิเกเหว ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สมฺภวโต ตถตาติ, สามคฺคิํ อุปคเตสุ ปจฺจเยสุ มุหุตฺตมฺปิ ตโต นิพฺพตฺตนธมฺมานํ อสมฺภวาภาวโต อวิตถตาติ, อญฺญธมฺมปจฺจเยหิ อญฺญธมฺมานุปฺปตฺติโต อนญฺญถตาติ, ยถาวุตฺตานํ เอเตสํ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยโต วา ปจฺจยสมูหโต วา อิทปฺปจฺจยตาติ วุโตฺตฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา, อิทปฺปจฺจยานํ วา สมูโห อิทปฺปจฺจยตาฯ ลกฺขณํ ปเนตฺถ สทฺทสตฺถโต เวทิตพฺพนฺติฯ
Uppādāvā anuppādā vāti uppāde vā anuppāde vā, tathāgatesu uppannesupi anuppannesupīti attho. Ṭhitāva sā dhātūti ṭhitova so paccayasabhāvo, na kadāci jātijarāmaraṇassa paccayo na hotīti attho. Dhammaṭṭhitatā dhammaniyāmatā idappaccayatāti jātipaccayoyeva. Jātipaccayena hi jarāmaraṇasaṅkhāto paccayasamuppannadhammo tadāyattatāya tiṭṭhati, jātipaccayova jarāmaraṇadhammaṃ niyameti, tasmā jāti ‘‘dhammaṭṭhitatā dhammaniyāmatā’’ti vuccati. Jātiyeva imassa jarāmaraṇassa paccayoti idappaccayo, idappaccayova idappaccayatā. Tanti taṃ paccayaṃ. Abhisambujjhatīti ñāṇena abhisambujjhati. Abhisametīti ñāṇena abhisamāgacchati. Ācikkhatīti katheti. Desetīti dasseti. Paññāpetīti jānāpeti. Paṭṭhapetīti ñāṇamukhe ṭhapeti. Vivaratīti vivaritvā dasseti. Vibhajatīti vibhāgato dasseti. Uttānīkarotīti pākaṭaṃ karoti. Iti khoti evaṃ kho. Yā tatrāti yā tesu ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇa’’ntiādīsu . So panāyaṃ paṭiccasamuppādo tehi tehi paccayehi anūnādhikeheva tassa tassa dhammassa sambhavato tathatāti, sāmaggiṃ upagatesu paccayesu muhuttampi tato nibbattanadhammānaṃ asambhavābhāvato avitathatāti, aññadhammapaccayehi aññadhammānuppattito anaññathatāti, yathāvuttānaṃ etesaṃ jarāmaraṇādīnaṃ paccayato vā paccayasamūhato vā idappaccayatāti vutto. Tatrāyaṃ vacanattho – imesaṃ paccayā idappaccayā, idappaccayā eva idappaccayatā, idappaccayānaṃ vā samūho idappaccayatā. Lakkhaṇaṃ panettha saddasatthato veditabbanti.
ธมฺมฎฺฐิติญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dhammaṭṭhitiñāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๔. ธมฺมฎฺฐิติญาณนิเทฺทโส • 4. Dhammaṭṭhitiñāṇaniddeso