Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi

    ๑๔. ธมฺมิกสุตฺตํ

    14. Dhammikasuttaṃ

    เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข ธมฺมิโก อุปาสโก ปญฺจหิ อุปาสกสเตหิ สทฺธิํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ธมฺมิโก อุปาสโก ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

    Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho dhammiko upāsako pañcahi upāsakasatehi saddhiṃ yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho dhammiko upāsako bhagavantaṃ gāthāhi ajjhabhāsi –

    ๓๗๘.

    378.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ โคตม ภูริปญฺญ, กถํกโร สาวโก สาธุ โหติ;

    ‘‘Pucchāmi taṃ gotama bhūripañña, kathaṃkaro sāvako sādhu hoti;

    โย วา อคารา อนคารเมติ, อคาริโน วา ปนุปาสกาเสฯ

    Yo vā agārā anagārameti, agārino vā panupāsakāse.

    ๓๗๙.

    379.

    ‘‘ตุวญฺหิ โลกสฺส สเทวกสฺส, คติํ ปชานาสิ ปรายณญฺจ;

    ‘‘Tuvañhi lokassa sadevakassa, gatiṃ pajānāsi parāyaṇañca;

    น จตฺถิ ตุโลฺย นิปุณตฺถทสฺสี, ตุวญฺหิ พุทฺธํ ปวรํ วทนฺติฯ

    Na catthi tulyo nipuṇatthadassī, tuvañhi buddhaṃ pavaraṃ vadanti.

    ๓๘๐.

    380.

    ‘‘สพฺพํ ตุวํ ญาณมเวจฺจ ธมฺมํ, ปกาเสสิ สเตฺต อนุกมฺปมาโน;

    ‘‘Sabbaṃ tuvaṃ ñāṇamavecca dhammaṃ, pakāsesi satte anukampamāno;

    วิวฎฺฎจฺฉโทสิ สมนฺตจกฺขุ, วิโรจสิ วิมโล สพฺพโลเกฯ

    Vivaṭṭacchadosi samantacakkhu, virocasi vimalo sabbaloke.

    ๓๘๑.

    381.

    ‘‘อาคญฺฉิ เต สนฺติเก นาคราชา, เอราวโณ นาม ชิโนติ สุตฺวา;

    ‘‘Āgañchi te santike nāgarājā, erāvaṇo nāma jinoti sutvā;

    โสปิ ตยา มนฺตยิตฺวาชฺฌคมา, สาธูติ สุตฺวาน ปตีตรูโปฯ

    Sopi tayā mantayitvājjhagamā, sādhūti sutvāna patītarūpo.

    ๓๘๒.

    382.

    ‘‘ราชาปิ ตํ เวสฺสวโณ กุเวโร, อุเปติ ธมฺมํ ปริปุจฺฉมาโน;

    ‘‘Rājāpi taṃ vessavaṇo kuvero, upeti dhammaṃ paripucchamāno;

    ตสฺสาปิ ตฺวํ ปุจฺฉิโต พฺรูสิ ธีร, โส จาปิ สุตฺวาน ปตีตรูโปฯ

    Tassāpi tvaṃ pucchito brūsi dhīra, so cāpi sutvāna patītarūpo.

    ๓๘๓.

    383.

    ‘‘เย เกจิเม ติตฺถิยา วาทสีลา, อาชีวกา วา ยทิ วา นิคณฺฐา;

    ‘‘Ye kecime titthiyā vādasīlā, ājīvakā vā yadi vā nigaṇṭhā;

    ปญฺญาย ตํ นาติตรนฺติ สเพฺพ, ฐิโต วชนฺตํ วิย สีฆคามิํฯ

    Paññāya taṃ nātitaranti sabbe, ṭhito vajantaṃ viya sīghagāmiṃ.

    ๓๘๔.

    384.

    ‘‘เย เกจิเม พฺราหฺมณา วาทสีลา, วุทฺธา จาปิ พฺราหฺมณา สนฺติ เกจิ;

    ‘‘Ye kecime brāhmaṇā vādasīlā, vuddhā cāpi brāhmaṇā santi keci;

    สเพฺพ ตยิ อตฺถพทฺธา ภวนฺติ, เย จาปิ อเญฺญ วาทิโน มญฺญมานาฯ

    Sabbe tayi atthabaddhā bhavanti, ye cāpi aññe vādino maññamānā.

    ๓๘๕.

    385.

    ‘‘อยญฺหิ ธโมฺม นิปุโณ สุโข จ, โยยํ ตยา ภควา สุปฺปวุโตฺต;

    ‘‘Ayañhi dhammo nipuṇo sukho ca, yoyaṃ tayā bhagavā suppavutto;

    ตเมว สเพฺพปิ 1 สุสฺสูสมานา, ตํ โน วท ปุจฺฉิโต พุทฺธเสฎฺฐฯ

    Tameva sabbepi 2 sussūsamānā, taṃ no vada pucchito buddhaseṭṭha.

    ๓๘๖.

    386.

    ‘‘สเพฺพปิ เม ภิกฺขโว สนฺนิสินฺนา, อุปาสกา จาปิ ตเถว โสตุํ;

    ‘‘Sabbepi me bhikkhavo sannisinnā, upāsakā cāpi tatheva sotuṃ;

    สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํ, สุภาสิตํ วาสวเสฺสว เทวา’’ฯ

    Suṇantu dhammaṃ vimalenānubuddhaṃ, subhāsitaṃ vāsavasseva devā’’.

    ๓๘๗.

    387.

    ‘‘สุณาถ เม ภิกฺขโว สาวยามิ โว, ธมฺมํ ธุตํ ตญฺจ จราถ สเพฺพ;

    ‘‘Suṇātha me bhikkhavo sāvayāmi vo, dhammaṃ dhutaṃ tañca carātha sabbe;

    อิริยาปถํ ปพฺพชิตานุโลมิกํ, เสเวถ นํ อตฺถทโส มุตีมาฯ

    Iriyāpathaṃ pabbajitānulomikaṃ, sevetha naṃ atthadaso mutīmā.

    ๓๘๘.

    388.

    ‘‘โน เว วิกาเล วิจเรยฺย ภิกฺขุ, คาเม จ ปิณฺฑาย จเรยฺย กาเล;

    ‘‘No ve vikāle vicareyya bhikkhu, gāme ca piṇḍāya careyya kāle;

    อกาลจาริญฺหิ สชนฺติ สงฺคา, ตสฺมา วิกาเล น จรนฺติ พุทฺธาฯ

    Akālacāriñhi sajanti saṅgā, tasmā vikāle na caranti buddhā.

    ๓๘๙.

    389.

    ‘‘รูปา จ สทฺทา จ รสา จ คนฺธา, ผสฺสา จ เย สมฺมทยนฺติ สเตฺต;

    ‘‘Rūpā ca saddā ca rasā ca gandhā, phassā ca ye sammadayanti satte;

    เอเตสุ ธเมฺมสุ วิเนยฺย ฉนฺทํ, กาเลน โส ปวิเส ปาตราสํฯ

    Etesu dhammesu vineyya chandaṃ, kālena so pavise pātarāsaṃ.

    ๓๙๐.

    390.

    ‘‘ปิณฺฑญฺจ ภิกฺขุ สมเยน ลทฺธา, เอโก ปฎิกฺกมฺม รโห นิสีเท;

    ‘‘Piṇḍañca bhikkhu samayena laddhā, eko paṭikkamma raho nisīde;

    อชฺฌตฺตจินฺตี น มโน พหิทฺธา, นิจฺฉารเย สงฺคหิตตฺตภาโวฯ

    Ajjhattacintī na mano bahiddhā, nicchāraye saṅgahitattabhāvo.

    ๓๙๑.

    391.

    ‘‘สเจปิ โส สลฺลเป สาวเกน, อเญฺญน วา เกนจิ ภิกฺขุนา วา;

    ‘‘Sacepi so sallape sāvakena, aññena vā kenaci bhikkhunā vā;

    ธมฺมํ ปณีตํ ตมุทาหเรยฺย, น เปสุณํ โนปิ ปรูปวาทํฯ

    Dhammaṃ paṇītaṃ tamudāhareyya, na pesuṇaṃ nopi parūpavādaṃ.

    ๓๙๒.

    392.

    ‘‘วาทญฺหิ เอเก ปฎิเสนิยนฺติ, น เต ปสํสาม ปริตฺตปเญฺญ;

    ‘‘Vādañhi eke paṭiseniyanti, na te pasaṃsāma parittapaññe;

    ตโต ตโต เน ปสชนฺติ สงฺคา, จิตฺตญฺหิ เต ตตฺถ คเมนฺติ ทูเรฯ

    Tato tato ne pasajanti saṅgā, cittañhi te tattha gamenti dūre.

    ๓๙๓.

    393.

    ‘‘ปิณฺฑํ วิหารํ สยนาสนญฺจ, อาปญฺจ สงฺฆาฎิรชูปวาหนํ;

    ‘‘Piṇḍaṃ vihāraṃ sayanāsanañca, āpañca saṅghāṭirajūpavāhanaṃ;

    สุตฺวาน ธมฺมํ สุคเตน เทสิตํ, สงฺขาย เสเว วรปญฺญสาวโกฯ

    Sutvāna dhammaṃ sugatena desitaṃ, saṅkhāya seve varapaññasāvako.

    ๓๙๔.

    394.

    ‘‘ตสฺมา หิ ปิเณฺฑ สยนาสเน จ, อาเป จ สงฺฆาฎิรชูปวาหเน;

    ‘‘Tasmā hi piṇḍe sayanāsane ca, āpe ca saṅghāṭirajūpavāhane;

    เอเตสุ ธเมฺมสุ อนูปลิโตฺต, ภิกฺขุ ยถา โปกฺขเร วาริพินฺทุฯ

    Etesu dhammesu anūpalitto, bhikkhu yathā pokkhare vāribindu.

    ๓๙๕.

    395.

    ‘‘คหฎฺฐวตฺตํ ปน โว วทามิ, ยถากโร สาวโก สาธุ โหติ;

    ‘‘Gahaṭṭhavattaṃ pana vo vadāmi, yathākaro sāvako sādhu hoti;

    น เหส 3 ลพฺภา สปริคฺคเหน, ผเสฺสตุํ โย เกวโล ภิกฺขุธโมฺมฯ

    Na hesa 4 labbhā sapariggahena, phassetuṃ yo kevalo bhikkhudhammo.

    ๓๙๖.

    396.

    ‘‘ปาณํ น หเน 5 น จ ฆาตเยยฺย, น จานุชญฺญา หนตํ ปเรสํ;

    ‘‘Pāṇaṃ na hane 6 na ca ghātayeyya, na cānujaññā hanataṃ paresaṃ;

    สเพฺพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, เย ถาวรา เย จ ตสา สนฺติ 7 โลเกฯ

    Sabbesu bhūtesu nidhāya daṇḍaṃ, ye thāvarā ye ca tasā santi 8 loke.

    ๓๙๗.

    397.

    ‘‘ตโต อทินฺนํ ปริวชฺชเยยฺย, กิญฺจิ กฺวจิ สาวโก พุชฺฌมาโน;

    ‘‘Tato adinnaṃ parivajjayeyya, kiñci kvaci sāvako bujjhamāno;

    น หารเย หรตํ นานุชญฺญา, สพฺพํ อทินฺนํ ปริวชฺชเยยฺยฯ

    Na hāraye harataṃ nānujaññā, sabbaṃ adinnaṃ parivajjayeyya.

    ๓๙๘.

    398.

    ‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปริวชฺชเยยฺย, องฺคารกาสุํ ชลิตํว วิญฺญู;

    ‘‘Abrahmacariyaṃ parivajjayeyya, aṅgārakāsuṃ jalitaṃva viññū;

    อสมฺภุณโนฺต ปน พฺรหฺมจริยํ, ปรสฺส ทารํ น อติกฺกเมยฺยฯ

    Asambhuṇanto pana brahmacariyaṃ, parassa dāraṃ na atikkameyya.

    ๓๙๙.

    399.

    ‘‘สภคฺคโต วา ปริสคฺคโต วา, เอกสฺส เวโก 9 น มุสา ภเณยฺย;

    ‘‘Sabhaggato vā parisaggato vā, ekassa veko 10 na musā bhaṇeyya;

    น ภาณเย ภณตํ นานุชญฺญา, สพฺพํ อภูตํ ปริวชฺชเยยฺยฯ

    Na bhāṇaye bhaṇataṃ nānujaññā, sabbaṃ abhūtaṃ parivajjayeyya.

    ๔๐๐.

    400.

    ‘‘มชฺชญฺจ ปานํ น สมาจเรยฺย, ธมฺมํ อิมํ โรจเย โย คหโฎฺฐ;

    ‘‘Majjañca pānaṃ na samācareyya, dhammaṃ imaṃ rocaye yo gahaṭṭho;

    น ปายเย ปิวตํ นานุชญฺญา, อุมฺมาทนนฺตํ อิติ นํ วิทิตฺวาฯ

    Na pāyaye pivataṃ nānujaññā, ummādanantaṃ iti naṃ viditvā.

    ๔๐๑.

    401.

    ‘‘มทา หิ ปาปานิ กโรนฺติ พาลา, กาเรนฺติ จเญฺญปิ ชเน ปมเตฺต;

    ‘‘Madā hi pāpāni karonti bālā, kārenti caññepi jane pamatte;

    เอตํ อปุญฺญายตนํ วิวชฺชเย, อุมฺมาทนํ โมหนํ พาลกนฺตํฯ

    Etaṃ apuññāyatanaṃ vivajjaye, ummādanaṃ mohanaṃ bālakantaṃ.

    ๔๐๒.

    402.

    ‘‘ปาณํ น หเน น จาทินฺนมาทิเย, มุสา น ภาเส น จ มชฺชโป สิยา;

    ‘‘Pāṇaṃ na hane na cādinnamādiye, musā na bhāse na ca majjapo siyā;

    อพฺรหฺมจริยา วิรเมยฺย เมถุนา, รตฺติํ น ภุเญฺชยฺย วิกาลโภชนํฯ

    Abrahmacariyā virameyya methunā, rattiṃ na bhuñjeyya vikālabhojanaṃ.

    ๔๐๓.

    403.

    ‘‘มาลํ น ธาเร น จ คนฺธมาจเร, มเญฺจ ฉมายํ ว สเยถ สนฺถเต;

    ‘‘Mālaṃ na dhāre na ca gandhamācare, mañce chamāyaṃ va sayetha santhate;

    เอตญฺหิ อฎฺฐงฺคิกมาหุโปสถํ, พุเทฺธน ทุกฺขนฺตคุนา ปกาสิตํฯ

    Etañhi aṭṭhaṅgikamāhuposathaṃ, buddhena dukkhantagunā pakāsitaṃ.

    ๔๐๔.

    404.

    ‘‘ตโต จ ปกฺขสฺสุปวสฺสุโปสถํ, จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิญฺจ อฎฺฐมิํ;

    ‘‘Tato ca pakkhassupavassuposathaṃ, cātuddasiṃ pañcadasiñca aṭṭhamiṃ;

    ปาฎิหาริยปกฺขญฺจ ปสนฺนมานโส, อฎฺฐงฺคุเปตํ สุสมตฺตรูปํฯ

    Pāṭihāriyapakkhañca pasannamānaso, aṭṭhaṅgupetaṃ susamattarūpaṃ.

    ๔๐๕.

    405.

    ‘‘ตโต จ ปาโต อุปวุตฺถุโปสโถ, อเนฺนน ปาเนน จ ภิกฺขุสงฺฆํ;

    ‘‘Tato ca pāto upavutthuposatho, annena pānena ca bhikkhusaṅghaṃ;

    ปสนฺนจิโตฺต อนุโมทมาโน, ยถารหํ สํวิภเชถ วิญฺญูฯ

    Pasannacitto anumodamāno, yathārahaṃ saṃvibhajetha viññū.

    ๔๐๖.

    406.

    ‘‘ธเมฺมน มาตาปิตโร ภเรยฺย, ปโยชเย ธมฺมิกํ โส วณิชฺชํ;

    ‘‘Dhammena mātāpitaro bhareyya, payojaye dhammikaṃ so vaṇijjaṃ;

    เอตํ คิหี วตฺตยมปฺปมโตฺต, สยมฺปเภ นาม อุเปติ เทเว’’ติฯ

    Etaṃ gihī vattayamappamatto, sayampabhe nāma upeti deve’’ti.

    ธมฺมิกสุตฺตํ จุทฺทสมํ นิฎฺฐิตํฯ

    Dhammikasuttaṃ cuddasamaṃ niṭṭhitaṃ.

    จูฬวโคฺค ทุติโย นิฎฺฐิโตฯ

    Cūḷavaggo dutiyo niṭṭhito.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    รตนามคโนฺธ หิริ จ, มงฺคลํ สูจิโลเมน;

    Ratanāmagandho hiri ca, maṅgalaṃ sūcilomena;

    ธมฺมจริยญฺจ พฺราหฺมโณ 11, นาวา กิํสีลมุฎฺฐานํฯ

    Dhammacariyañca brāhmaṇo 12, nāvā kiṃsīlamuṭṭhānaṃ.

    ราหุโล ปุน กโปฺป จ, ปริพฺพาชนิยํ ตถา;

    Rāhulo puna kappo ca, paribbājaniyaṃ tathā;

    ธมฺมิกญฺจ วิทุโน อาหุ, จูฬวคฺคนฺติ จุทฺทสาติฯ

    Dhammikañca viduno āhu, cūḷavagganti cuddasāti.







    Footnotes:
    1. สเพฺพ มยํ (สฺยา.)
    2. sabbe mayaṃ (syā.)
    3. น เหโส (สี.)
    4. na heso (sī.)
    5. น หาเน (สี.)
    6. na hāne (sī.)
    7. ตสนฺติ (สี. ปี.)
    8. tasanti (sī. pī.)
    9. เจโต (สี. สฺยา.)
    10. ceto (sī. syā.)
    11. กปิโล พฺราหฺมโณปิ จ (สฺยา. ก.)
    12. kapilo brāhmaṇopi ca (syā. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๑๔. ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา • 14. Dhammikasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact