Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation

    มชฺฌิม นิกาย ๙๗

    The Middle-Length Suttas Collection 97

    ธนญฺชานิสุตฺต

    With Dhanañjāni

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was staying near Rājagaha, in the Bamboo Grove, the squirrels’ feeding ground.

    เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึฯ อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ ราชคเห วสฺสํวุฏฺโฐ เยน ทกฺขิณาคิริ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ ภิกฺขุํ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ: “กจฺจาวุโส, ภควา อโรโค จ พลวา จา”ติ?

    Now at that time Venerable Sāriputta was wandering in the Southern Hills together with a large Saṅgha of bhikkhus. Then a certain bhikkhu who had completed the rainy season residence in Rājagaha went to the Southern Hills, where he approached Venerable Sāriputta, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side. Sāriputta said to him, “Friend, I hope the Buddha is healthy and well?”

    “อโรโค จาวุโส, ภควา พลวา จา”ติฯ

    “He is, friend.”

    “กจฺจิ ปนาวุโส, ภิกฺขุสงฺโฆ อโรโค จ พลวา จา”ติ?

    “And I hope that the bhikkhu Saṅgha is healthy and well.”

    “ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข, อาวุโส, อโรโค จ พลวา จา”ติฯ

    “It is.”

    “เอตฺถ, อาวุโส, ตณฺฑุลปาลิทฺวาราย ธนญฺชานิ นาม พฺราหฺมโณ อตฺถิฯ กจฺจาวุโส, ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อโรโค จ พลวา จา”ติ?

    “Friend, at the rice checkpoint there is a brahmin named Dhanañjāni. I hope that he is healthy and well?”

    “ธนญฺชานิปิ โข, อาวุโส, พฺราหฺมโณ อโรโค จ พลวา จา”ติฯ

    “He too is well.”

    “กจฺจิ ปนาวุโส, ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อปฺปมตฺโต”ติ?

    “But is he diligent?”

    “กุโต ปนาวุโส, ธนญฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส อปฺปมาโท? ธนญฺชานิ, อาวุโส, พฺราหฺมโณ ราชานํ นิสฺสาย พฺราหฺมณคหปติเก วิลุมฺปติ, พฺราหฺมณคหปติเก นิสฺสาย ราชานํ วิลุมฺปติฯ ยาปิสฺส ภริยา สทฺธา สทฺธกุลา อานีตา สาปิ กาลงฺกตา; อญฺญาสฺส ภริยา อสฺสทฺธา อสฺสทฺธกุลา อานีตา”ติฯ

    “How could he possibly be diligent? Dhanañjāni robs the brahmins and householders in the name of the king, and he robs the king in the name of the brahmins and householders. His wife, a lady of faith who he married from a family of faith, has passed away. And he has taken a new wife who has no faith.”

    “ทุสฺสุตํ วตาวุโส, อสฺสุมฺห, ทุสฺสุตํ วตาวุโส, อสฺสุมฺห; เย มยํ ธนญฺชานึ พฺราหฺมณํ ปมตฺตํ อสฺสุมฺหฯ อปฺเปว จ นาม มยํ กทาจิ กรหจิ ธนญฺชานินา พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมาคจฺเฉยฺยาม, อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป”ติ?

    “Oh, it’s bad news to hear that Dhanañjāni is negligent. Hopefully, some time or other I’ll get to meet him, and we can have a discussion.”

    อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ

    When Sāriputta had stayed in the Southern Hills as long as he pleased, he set out for Rājagaha. Traveling stage by stage, he arrived at Rājagaha, where he stayed in the Bamboo Grove, the squirrels’ feeding ground.

    อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ เตน โข ปน สมเยน ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ พหินคเร คาโว โคฏฺเฐ ทุหาเปติฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิฯ

    Then he robed up in the morning and, taking his bowl and robe, entered Rājagaha for alms. Now at that time Dhanañjāni was having his cows milked in a cow-shed outside the city. Then Sāriputta wandered for alms in Rājagaha. After the meal, on his return from almsround, he approached Dhanañjāni.

    อทฺทสา โข ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ: “อิโต, โภ สาริปุตฺต, ปโย, ปียตํ ตาว ภตฺตสฺส กาโล ภวิสฺสตี”ติฯ

    Seeing Sāriputta coming off in the distance, Dhanañjāni went to him and said, “Here, Master Sāriputta, drink some fresh milk before the meal time.”

    “อลํ, พฺราหฺมณฯ กตํ เม อชฺช ภตฺตกิจฺจํฯ อมุกสฺมึ เม รุกฺขมูเล ทิวาวิหาโร ภวิสฺสติฯ ตตฺถ อาคจฺเฉยฺยาสี”ติฯ

    “Enough, brahmin, I’ve finished eating for today. I shall be at the root of that tree for the day’s meditation. Come see me there.”

    “เอวํ, โภ”ติ โข ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ

    “Yes, sir,” replied Dhanañjāni.

    อถ โข ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ธนญฺชานึ พฺราหฺมณํ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ: “กจฺจาสิ, ธนญฺชานิ, อปฺปมตฺโต”ติ?

    When Dhanañjāni had finished breakfast he went to Sāriputta and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side. Sāriputta said to him, “I hope you’re diligent, Dhanañjāni?”

    “กุโต, โภ สาริปุตฺต, อมฺหากํ อปฺปมาโท เยสํ โน มาตาปิตโร โปเสตพฺพา, ปุตฺตทาโร โปเสตพฺโพ, ทาสกมฺมกรา โปเสตพฺพา, มิตฺตามจฺจานํ มิตฺตามจฺจกรณียํ กาตพฺพํ, ญาติสาโลหิตานํ ญาติสาโลหิตกรณียํ กาตพฺพํ, อติถีนํ อติถิกรณียํ กาตพฺพํ, ปุพฺพเปตานํ ปุพฺพเปตกรณียํ กาตพฺพํ, เทวตานํ เทวตากรณียํ กาตพฺพํ, รญฺโญ ราชกรณียํ กาตพฺพํ, อยมฺปิ กาโย ปีเณตพฺโพ พฺรูเหตพฺโพ”ติ?

    “How can I possibly be diligent, Master Sāriputta? I have to provide for my mother and father, my wives and children, and my bondservants and workers. And I have to make the proper offerings to friends and colleagues, relatives and kin, guests, ancestors, deities, and king. And then this body must also be fattened and built up.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, มาตาปิตโร วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ?

    “What do you think, Dhanañjāni? Suppose someone was to behave in an unprincipled and unjust way for the sake of their parents. Because of this the wardens of hell would drag them to hell. Could they get out of being dragged to hell by pleading that they had acted for the sake of their parents? Or could their parents save them by pleading that the acts had been done for their sake?”

    “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ

    “No, Master Sāriputta. Rather, even as they were wailing the wardens of hell would cast them down into hell.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, ปุตฺตทาโร วา ปนสฺส ลเภยฺย ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ? “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, ทาสกมฺมกรโปริสา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ? “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ มิตฺตามจฺจานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข มิตฺตามจฺจานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, มิตฺตามจฺจา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ? “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ ญาติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ญาติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, ญาติสาโลหิตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ? “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, อติถี วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ? “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, ปุพฺพเปตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ? “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, เทวตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ? “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ รญฺโญ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข รญฺโญ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, ราชา วา ปนสฺส ลเภยฺย ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ? “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, อิเธกจฺโจ กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา'ติ, ปเร วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา'”ติ?

    “What do you think, Dhanañjāni? Suppose someone was to behave in an unprincipled and unjust way for the sake of their wives and children … bondservants and workers … friends and colleagues … relatives and kin … guests … ancestors … deities … king … fattening and building up their body. Because of this the wardens of hell would drag them to hell. Could they get out of being dragged to hell by pleading that they had acted for the sake of fattening and building up their body? Or could anyone else save them by pleading that the acts had been done for that reason?”

    “โน หิทํ, โภ สาริปุตฺตฯ อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ”ฯ

    “No, Master Sāriputta. Rather, even as they were wailing the wardens of hell would cast them down into hell.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา มาตาปิตูนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ?

    “Who do you think is better, Dhanañjāni? Someone who, for the sake of their parents, behaves in an unprincipled and unjust manner, or someone who behaves in a principled and just manner?”

    “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, มาตาปิตูนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ

    “Someone who behaves in a principled and just manner for the sake of their parents. For principled and moral conduct is better than unprincipled and immoral conduct.”

    “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา มาตาปิตโร เจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ

    “Dhanañjāni, there are other livelihoods that are both profitable and legitimate. By means of these it’s possible to provide for your parents, avoid bad deeds, and practice the path of goodness.

    ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ปุตฺตทารสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ? “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ปุตฺตทารสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา เยหิ สกฺกา ปุตฺตทารญฺเจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ? “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา ทาสกมฺมกรโปริเส เจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา มิตฺตามจฺจานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา มิตฺตามจฺจานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ? “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, มิตฺตามจฺจานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, มิตฺตามจฺจานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา มิตฺตามจฺจานญฺเจว มิตฺตามจฺจกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา ญาติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ญาติสาโลหิตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ? “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, ญาติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ญาติสาโลหิตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา ญาติสาโลหิตานญฺเจว ญาติสาโลหิตกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา อติถีนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ? “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, อติถีนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา อติถีนญฺเจว อติถิกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ปุพฺพเปตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ? “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ปุพฺพเปตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา ปุพฺพเปตานญฺเจว ปุพฺพเปตกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา เทวตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ? “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, เทวตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา เทวตานญฺเจว เทวตากรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา รญฺโญ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา รญฺโญ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ? “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, รญฺโญ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, รญฺโญ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา รญฺโญ เจว ราชกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, โย วา กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสโยฺย”ติ?

    Who do you think is better, Dhanañjāni? Someone who, for the sake of their wives and children … bondservants and workers … friends and colleagues … relatives and kin … guests … ancestors … deities … king … fattening and building up their body, behaves in an unprincipled and unjust manner, or someone who behaves in a principled and just manner?”

    “โย หิ, โภ สาริปุตฺต, กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสโยฺย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสโยฺยฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสโยฺย”ติฯ

    “Someone who behaves in a principled and just manner. For principled and moral conduct is better than unprincipled and immoral conduct.”

    “อตฺถิ โข, ธนญฺชานิ, อญฺเญสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา กายญฺเจว ปีเณตุํ พฺรูเหตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปุญฺญญฺจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุนฺ”ติฯ

    “Dhanañjāni, there are other livelihoods that are both profitable and legitimate. By means of these it’s possible to fatten and build up your body, avoid bad deeds, and practice the path of goodness.”

    อถ โข ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ

    Then Dhanañjāni the brahmin, having approved and agreed with what Venerable Sāriputta said, got up from his seat and left.

    อถ โข ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อปเรน สมเยน อาพาธิโก อโหสิ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ อถ โข ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อญฺญตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ: “เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ: ‘ธนญฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี'ติฯ เยน จายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทาหิ: ‘ธนญฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ โส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี'ติฯ เอวญฺจ วเทหิ: ‘สาธุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ธนญฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา'”ติฯ

    Some time later Dhanañjāni became sick, suffering, gravely ill. Then he addressed a man, “Please, mister, go to the Buddha, and in my name bow with your head to his feet. Say to him: ‘Sir, the brahmin Dhanañjāni is sick, suffering, gravely ill. He bows with his head to your feet.’ Then go to Venerable Sāriputta, and in my name bow with your head to his feet. Say to him: ‘Sir, the brahmin Dhanañjāni is sick, suffering, gravely ill. He bows with his head to your feet.’ And then say: ‘Sir, please visit Dhanañjāni at his home out of compassion.’”

    “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข โส ปุริโส ธนญฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ธนญฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี”ติฯ เยน จายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ: “ธนญฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ โส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวญฺจ วเทติ: ‘สาธุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ธนญฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา'”ติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ตุณฺหีภาเวนฯ

    “Yes, sir,” that man replied. He did as Dhanañjāni asked. Sāriputta consented with silence.

    อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ธนญฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ธนญฺชานึ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ: “กจฺจิ เต, ธนญฺชานิ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ? กจฺจิ ทุกฺขา เวทนา ปฏิกฺกมนฺติ, โน อภิกฺกมนฺติ? ปฏิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน อภิกฺกโม”ติ?

    He robed up, and, taking his bowl and robe, went to Dhanañjāni’s home, where he sat on the seat spread out and said to Dhanañjāni, “I hope you’re keeping well, Dhanañjāni; I hope you’re alright. And I hope the pain is fading, not growing, that its fading is evident, not its growing.”

    “น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติฯ อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฏิกฺกโมฯ เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, พลวา ปุริโส ติเณฺหน สิขเรน มุทฺธนิ อภิมตฺเถยฺย; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ จ อูหนนฺติฯ น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ, น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติฯ อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฏิกฺกโมฯ เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, พลวา ปุริโส ทเฬฺหน วรตฺตกฺขณฺเฑน สีเส สีสเวฐํ ทเทยฺย; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนาฯ น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติฯ อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฏิกฺกโมฯ เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติเณฺหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉึ ปริกนฺเตยฺย; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติฯ น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ, น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติฯ อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฏิกฺกโมฯ เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, เทฺว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโหฯ น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติฯ อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฏิกฺกโม”ติฯ

    “I’m not keeping well, Master Sāriputta, I’m not alright. The pain is terrible and growing, not fading; its growing is evident, not its fading. The winds piercing my head are so severe, it feels like a strong man drilling into my head with a sharp point. I’m not keeping well. The pain in my head is so severe, it feels like a strong man tightening a tough leather strap around my head. I’m not keeping well. The winds slicing my belly are so severe, like a deft butcher or their apprentice were slicing open a cows’s belly with a meat cleaver. I’m not keeping well. The burning in my body is so severe, it feels like two strong men grabbing a weaker man by the arms to burn and scorch him on a pit of glowing coals. I’m not keeping well, Master Sāriputta, I’m not alright. The pain is terrible and growing, not fading; its growing is evident, not its fading.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วา”ติ?

    “Dhanañjāni, which do you think is better: hell or the animal realm?”

    “นิรยา, โภ สาริปุตฺต, ติรจฺฉานโยนิ เสโยฺย”ติฯ

    “The animal realm is better.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—ติรจฺฉานโยนิ วา เปตฺติวิสโย วา”ติ?

    “Which do you think is better: the animal realm or the ghost realm?”

    “ติรจฺฉานโยนิยา, โภ สาริปุตฺต, เปตฺติวิสโย เสโยฺย”ติฯ

    “The ghost realm is better.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—เปตฺติวิสโย วา มนุสฺสา วา”ติ?

    “Which do you think is better: the ghost realm or human life?”

    “เปตฺติวิสยา, โภ สาริปุตฺต, มนุสฺสา เสโยฺย”ติฯ

    “Human life is better.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—มนุสฺสา วา จาตุมหาราชิกา วา เทวา”ติ?

    “Which do you think is better: human life or as one of the Gods of the Four Great Kings?”

    “มนุเสฺสหิ, โภ สาริปุตฺต, จาตุมหาราชิกา เทวา เสโยฺย”ติฯ

    “The Gods of the Four Great Kings.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—จาตุมหาราชิกา วา เทวา ตาวตึสา วา เทวา”ติ?

    “Which do you think is better: the Gods of the Four Great Kings or the Gods of the Thirty-Three?”

    “จาตุมหาราชิเกหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ตาวตึสา เทวา เสโยฺย”ติฯ

    “The Gods of the Thirty-Three.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—ตาวตึสา วา เทวา ยามา วา เทวา”ติ?

    “Which do you think is better: the Gods of the Thirty-Three or the Gods of Yama?”

    “ตาวตึเสหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ยามา เทวา เสโยฺย”ติฯ

    “The Gods of Yama.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—ยามา วา เทวา ตุสิตา วา เทวา”ติ?

    “Which do you think is better: the Gods of Yama or the Joyful Gods?”

    “ยาเมหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ตุสิตา เทวา เสโยฺย”ติฯ

    “The Joyful Gods.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—ตุสิตา วา เทวา นิมฺมานรตี วา เทวา”ติ?

    “Which do you think is better: the Joyful Gods or the Gods Who Love to Create?”

    “ตุสิเตหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ นิมฺมานรตี เทวา เสโยฺย”ติฯ

    “The Gods Who Love to Create.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย—นิมฺมานรตี วา เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺตี วา เทวา”ติ?

    “Which do you think is better: the Gods Who Love to Create or the Gods Who Control the Creations of Others?”

    “นิมฺมานรตีหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา เสโยฺย”ติฯ

    “The Gods Who Control the Creations of Others.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, ธนญฺชานิ, กตมํ เสโยฺย ปรนิมฺมิตวสวตฺตี วา เทวา พฺรหฺมโลโก วา”ติ?

    “Which do you think is better: the Gods Who Control the Creations of Others or the Brahmā realm?”

    “‘พฺรหฺมโลโก'ติ—ภวํ สาริปุตฺโต อาห; ‘พฺรหฺมโลโก'ติ—ภวํ สาริปุตฺโต อาหา”ติฯ

    “Master Sāriputta speaks of the Brahmā realm! Master Sāriputta speaks of the Brahmā realm!”

    อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ:

    Then Sāriputta thought:

    “อิเม โข พฺราหฺมณา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตาฯ ยนฺนูนาหํ ธนญฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสยฺยนฺ”ติฯ

    “These brahmins are devoted to the Brahmā realm. Why don’t I teach him a path to the company of Brahmā?”

    “พฺรหฺมานํ เต, ธนญฺชานิ, สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสฺสามิ; ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี”ติฯ

    “Dhanañjāni, I shall teach you a path to the company of Brahmā. Listen and apply your mind well, I will speak.”

    “เอวํ, โภ”ติ โข ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ:

    “Yes, sir,” replied Dhanañjāni. Venerable Sāriputta said this:

    “กตโม จ, ธนญฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค? อิธ, ธนญฺชานิ, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติฯ อยํ โข, ธนญฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโคฯ

    “And what is a path to company with Brahmā? Firstly, a bhikkhu meditates spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. This is a path to company with Brahmā.

    ปุน จปรํ, ธนญฺชานิ, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา …เป…

    Furthermore, a bhikkhu meditates spreading a heart full of compassion …

    มุทิตาสหคเตน เจตสา …

    They meditate spreading a heart full of rejoicing …

    อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติฯ อยํ โข, ธนญฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค”ติฯ

    They meditate spreading a heart full of equanimity to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of equanimity to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. This is a path to company with Brahmā.”

    “เตน หิ, โภ สาริปุตฺต, มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ: ‘ธนญฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี'”ติฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ธนญฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺฐาเปตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ อถ โข ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ อจิรปกฺกนฺเต อายสฺมนฺเต สาริปุตฺเต กาลมกาสิ, พฺรหฺมโลกญฺจ อุปปชฺชิฯ

    “Well then, Master Sāriputta, in my name bow with your head at the Buddha’s feet. Say to him: ‘Sir, the brahmin Dhanañjāni is sick, suffering, gravely ill. He bows with his head to your feet.’” Then Sāriputta, after establishing Dhanañjāni in the inferior Brahmā realm, got up from his seat and left while there was still more left to do. Not long after Sāriputta had departed, Dhanañjāni passed away and was reborn in the Brahmā realm.

    อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “เอโส, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ธนญฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺฐาเปตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกนฺโต”ติฯ

    Then the Buddha said to the bhikkhus, “Bhikkhus, Sāriputta, after establishing Dhanañjāni in the inferior Brahmā realm, got up from his seat and left while there was still more left to do.”

    อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ธนญฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน, โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี”ติฯ

    Then Sāriputta went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said, “Sir, the brahmin Dhanañjāni is sick, suffering, gravely ill. He bows with his head to your feet.”

    “กึ ปน ตฺวํ, สาริปุตฺต, ธนญฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺฐาเปตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกนฺโต”ติ?

    “But Sāriputta, after establishing Dhanañjāni in the inferior Brahmā realm, why did you get up from your seat and leave while there was still more left to do?”

    “มยฺหํ โข, ภนฺเต, เอวํ อโหสิ: ‘อิเม โข พฺราหฺมณา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตา, ยนฺนูนาหํ ธนญฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสยฺยนฺ'”ติฯ

    “Sir, I thought: ‘These brahmins are devoted to the Brahmā realm. Why don’t I teach him a path to the company of Brahmā?’”

    “กาลงฺกโต จ, สาริปุตฺต, ธนญฺชานิ พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมโลกญฺจ อุปปนฺโน”ติฯ

    “And Sāriputta, the brahmin Dhanañjāni has passed away and been reborn in the Brahmā realm.”

    ธนญฺชานิสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ สตฺตมํฯ





    The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact