Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๗. ธนปาลเสฎฺฐิเปตวตฺถุวณฺณนา
7. Dhanapālaseṭṭhipetavatthuvaṇṇanā
นโคฺค ทุพฺพณฺณรูโปสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรเนฺต ธนปาลเปตํ อารพฺภ วุตฺตํฯ อนุปฺปเนฺน กิร พุเทฺธ ปณฺณรเฎฺฐ เอรกจฺฉนคเร ธนปาลโก นาม เสฎฺฐิ อโหสิ อสฺสโทฺธ อปฺปสโนฺน กทริโย นตฺถิกทิฎฺฐิโกฯ ตสฺส กิริยา ปาฬิโต เอว วิญฺญายติฯ โส กาลํ กตฺวา มรุกนฺตาเร เปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส ตาลกฺขนฺธปฺปมาโณ กาโย อโหสิ, สมุฎฺฐิตจฺฉวิ ผรุโส, วิรูปเกโส, ภยานโก, ทุพฺพโณฺณ อติวิย วิรูโป พีภจฺฉทสฺสโนฯ โส ปญฺจปณฺณาส วสฺสานิ ภตฺตสิตฺถํ วา อุทกพินฺทุํ วา อลภโนฺต วิสุกฺขกโณฺฐฎฺฐชิโวฺห ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูโต อิโต จิโต จ ปริพฺภมติฯ
Naggo dubbaṇṇarūposīti idaṃ satthari jetavane viharante dhanapālapetaṃ ārabbha vuttaṃ. Anuppanne kira buddhe paṇṇaraṭṭhe erakacchanagare dhanapālako nāma seṭṭhi ahosi assaddho appasanno kadariyo natthikadiṭṭhiko. Tassa kiriyā pāḷito eva viññāyati. So kālaṃ katvā marukantāre peto hutvā nibbatti. Tassa tālakkhandhappamāṇo kāyo ahosi, samuṭṭhitacchavi pharuso, virūpakeso, bhayānako, dubbaṇṇo ativiya virūpo bībhacchadassano. So pañcapaṇṇāsa vassāni bhattasitthaṃ vā udakabinduṃ vā alabhanto visukkhakaṇṭhoṭṭhajivho jighacchāpipāsābhibhūto ito cito ca paribbhamati.
อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก อนุกฺกเมน สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต สาวตฺถิวาสิโน วาณิชา ปญฺจมตฺตานิ สกฎสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา อุตฺตราปถํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา ปฎิลทฺธภณฺฑํ สกเฎสุ อาโรเปตฺวา ปฎินิวตฺตมานา สายนฺหสมเย อญฺญตรํ สุกฺขนทิํ ปาปุณิตฺวา ตตฺถ ยานํ มุญฺจิตฺวา รตฺติยํ วาสํ กเปฺปสุํฯ อถ โส เปโต ปิปาสาภิภูโต ปานียสฺสตฺถาย อาคนฺตฺวา ตตฺถ พินฺทุมตฺตมฺปิ ปานียํ อลภิตฺวา วิคตาโส ฉินฺนมูโล วิย ตาโล ฉินฺนปาโท ปติฯ ตํ ทิสฺวา วาณิชา –
Atha amhākaṃ bhagavati loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakke anukkamena sāvatthiyaṃ viharante sāvatthivāsino vāṇijā pañcamattāni sakaṭasatāni bhaṇḍassa pūretvā uttarāpathaṃ gantvā bhaṇḍaṃ vikkiṇitvā paṭiladdhabhaṇḍaṃ sakaṭesu āropetvā paṭinivattamānā sāyanhasamaye aññataraṃ sukkhanadiṃ pāpuṇitvā tattha yānaṃ muñcitvā rattiyaṃ vāsaṃ kappesuṃ. Atha so peto pipāsābhibhūto pānīyassatthāya āgantvā tattha bindumattampi pānīyaṃ alabhitvā vigatāso chinnamūlo viya tālo chinnapādo pati. Taṃ disvā vāṇijā –
๒๒๗.
227.
‘‘นโคฺค ทุพฺพณฺณรูโปสิ, กิโส ธมนิสนฺถโต;
‘‘Naggo dubbaṇṇarūposi, kiso dhamanisanthato;
อุปฺผาสุลิโก กิสิโก, โก นุ ตฺวมสิ มาริสา’’ติฯ –
Upphāsuliko kisiko, ko nu tvamasi mārisā’’ti. –
อิมาย คาถาย ปุจฺฉิํสุฯ ตโต เปโต –
Imāya gāthāya pucchiṃsu. Tato peto –
๒๒๘.
228.
‘‘อหํ ภทเนฺต เปโตมฺหิ, ทุคฺคโต ยมโลกิโก;
‘‘Ahaṃ bhadante petomhi, duggato yamalokiko;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คโต’’ติฯ –
Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gato’’ti. –
อตฺตานํ อาวิกตฺวา ปุน เตหิ –
Attānaṃ āvikatvā puna tehi –
๒๒๙.
229.
‘‘กิํ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฎํ กตํ;
‘‘Kiṃ nu kāyena vācāya, manasā dukkaṭaṃ kataṃ;
กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คโต’’ติฯ –
Kissakammavipākena, petalokaṃ ito gato’’ti. –
กตกมฺมํ ปุจฺฉิโต ปุเพฺพ นิพฺพตฺตฎฺฐานโต ปฎฺฐาย อตีตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อนาคตญฺจ อตฺตโน ปวตฺติํ ทเสฺสโนฺต เตสญฺจ โอวาทํ เทโนฺต –
Katakammaṃ pucchito pubbe nibbattaṭṭhānato paṭṭhāya atītaṃ paccuppannaṃ anāgatañca attano pavattiṃ dassento tesañca ovādaṃ dento –
๒๓๐.
230.
‘‘นครํ อตฺถิ ปณฺณานํ, เอรกจฺฉนฺติ วิสฺสุตํ;
‘‘Nagaraṃ atthi paṇṇānaṃ, erakacchanti vissutaṃ;
ตตฺถ เสฎฺฐิ ปุเร อาสิํ, ธนปาโลติ มํ วิทูฯ
Tattha seṭṭhi pure āsiṃ, dhanapāloti maṃ vidū.
๒๓๑.
231.
‘‘อสีติ สกฎวาหานํ, หิรญฺญสฺส อโหสิ เม;
‘‘Asīti sakaṭavāhānaṃ, hiraññassa ahosi me;
ปหูตํ เม ชาตรูปํ, มุตฺตา เวฬุริยา พหูฯ
Pahūtaṃ me jātarūpaṃ, muttā veḷuriyā bahū.
๒๓๒.
232.
‘‘ตาว มหทฺธนสฺสาปิ, น เม ทาตุํ ปิยํ อหุ;
‘‘Tāva mahaddhanassāpi, na me dātuṃ piyaṃ ahu;
ปิทหิตฺวา ทฺวารํ ภุญฺชิํ, มา มํ ยาจนกาทฺทสุํฯ
Pidahitvā dvāraṃ bhuñjiṃ, mā maṃ yācanakāddasuṃ.
๒๓๓.
233.
‘‘อสฺสโทฺธ มจฺฉรี จาสิํ, กทริโย ปริภาสโก;
‘‘Assaddho maccharī cāsiṃ, kadariyo paribhāsako;
ททนฺตานํ กโรนฺตานํ, วารยิสฺสํ พหู ชเนฯ
Dadantānaṃ karontānaṃ, vārayissaṃ bahū jane.
๒๓๔.
234.
‘‘วิปาโก นตฺถิ ทานสฺส, สํยมสฺส กุโต ผลํ;
‘‘Vipāko natthi dānassa, saṃyamassa kuto phalaṃ;
โปกฺขรโญฺญทปานานิ, อารามานิ จ โรปิเต;
Pokkharaññodapānāni, ārāmāni ca ropite;
ปปาโย จ วินาเสสิํ, ทุเคฺค สงฺกมนานิ จฯ
Papāyo ca vināsesiṃ, dugge saṅkamanāni ca.
๒๓๕.
235.
‘‘สฺวาหํ อกตกลฺยาโณ, กตปาโป ตโต จุโต;
‘‘Svāhaṃ akatakalyāṇo, katapāpo tato cuto;
อุปปโนฺน เปตฺติวิสยํ, ขุปฺปิปาสสมปฺปิโตฯ
Upapanno pettivisayaṃ, khuppipāsasamappito.
๒๓๖.
236.
‘‘ปญฺจปณฺณาส วสฺสานิ, ยโต กาลงฺกโต อหํ;
‘‘Pañcapaṇṇāsa vassāni, yato kālaṅkato ahaṃ;
นาภิชานามิ ภุตฺตํ วา, ปีตํ วา ปน ปานิยํฯ
Nābhijānāmi bhuttaṃ vā, pītaṃ vā pana pāniyaṃ.
๒๓๗.
237.
‘‘โย สํยโม โส วินาโส, โย วินาโส โส สํยโม;
‘‘Yo saṃyamo so vināso, yo vināso so saṃyamo;
เปตา หิ กิร ชานนฺติ, โย สํยโม โส วินาโสฯ
Petā hi kira jānanti, yo saṃyamo so vināso.
๒๓๘.
238.
‘‘อหํ ปุเร สํยมิสฺสํ, นาทาสิํ พหุเก ธเน;
‘‘Ahaṃ pure saṃyamissaṃ, nādāsiṃ bahuke dhane;
สเนฺตสุ เทยฺยธเมฺมสุ, ทีปํ นากาสิมตฺตโน;
Santesu deyyadhammesu, dīpaṃ nākāsimattano;
สฺวาหํ ปจฺฉานุตปฺปามิ, อตฺตกมฺมผลูปโคฯ
Svāhaṃ pacchānutappāmi, attakammaphalūpago.
๒๓๙.
239.
‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลกิริยา ภวิสฺสติ;
‘‘Uddhaṃ catūhi māsehi, kālakiriyā bhavissati;
เอกนฺตกฎุกํ โฆรํ, นิรยํ ปปติสฺสหํฯ
Ekantakaṭukaṃ ghoraṃ, nirayaṃ papatissahaṃ.
๒๔๐.
240.
‘‘จตุกฺกณฺณํ จตุทฺวารํ, วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ;
‘‘Catukkaṇṇaṃ catudvāraṃ, vibhattaṃ bhāgaso mitaṃ;
อโยปาการปริยนฺตํ, อยสา ปฎิกุชฺชิตํฯ
Ayopākārapariyantaṃ, ayasā paṭikujjitaṃ.
๒๔๑.
241.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
‘‘Tassa ayomayā bhūmi, jalitā tejasā yutā;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฎฺฐติ สพฺพทาฯ
Samantā yojanasataṃ, pharitvā tiṭṭhati sabbadā.
๒๔๒.
242.
‘‘ตตฺถาหํ ทีฆมทฺธานํ, ทุกฺขํ เวทิสฺส เวทนํ;
‘‘Tatthāhaṃ dīghamaddhānaṃ, dukkhaṃ vedissa vedanaṃ;
ผลํ ปาปสฺส กมฺมสฺส, ตสฺมา โสจามหํ ภุสํฯ
Phalaṃ pāpassa kammassa, tasmā socāmahaṃ bhusaṃ.
๒๔๓.
243.
‘‘ตํ วา วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวเนฺตตฺถ สมาคตา;
‘‘Taṃ vā vadāmi bhaddaṃ vo, yāvantettha samāgatā;
มากตฺถ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโหฯ
Mākattha pāpakaṃ kammaṃ, āvi vā yadi vā raho.
๒๔๔.
244.
‘‘สเจ ตํ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสถ กโรถ วา;
‘‘Sace taṃ pāpakaṃ kammaṃ, karissatha karotha vā;
น โว ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายตํฯ
Na vo dukkhā pamutyatthi, uppaccāpi palāyataṃ.
๒๔๕.
245.
‘‘มเตฺตยฺยา โหถ เปเตฺตยฺยา, กุเล เชฎฺฐาปจายิกา;
‘‘Matteyyā hotha petteyyā, kule jeṭṭhāpacāyikā;
สามญฺญา โหถ พฺรหฺมญฺญา, เอวํ สคฺคํ คมิสฺสถา’’ติฯ –
Sāmaññā hotha brahmaññā, evaṃ saggaṃ gamissathā’’ti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
๒๓๐-๒๓๑. ตตฺถ ปณฺณานนฺติ ปณฺณานามรฎฺฐสฺส เอวํนามกานํ ราชูนํฯ เอรกจฺฉนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ นคเรฯ ปุเรติ ปุเพฺพ อตีตตฺตภาเว ฯ ธนปาโลติ มํ วิทูติ ‘‘ธนปาลเสฎฺฐี’’ติ มํ ชานนฺติฯ ตยิทํ นามํ ตทา มยฺหํ อตฺถานุคตเมวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อสีตี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ อสีติ สกฎวาหานนฺติ วีสติขาริโก วาโห, โย สกฎนฺติ วุจฺจติฯ เตสํ สกฎวาหานํ อสีติ หิรญฺญสฺส ตถา กหาปณสฺส จ เม อโหสีติ โยชนาฯ ปหูตํ เม ชาตรูปนฺติ สุวณฺณมฺปิ ปหูตํ อเนกภารปริมาณํ อโหสีติ สมฺพโนฺธฯ
230-231. Tattha paṇṇānanti paṇṇānāmaraṭṭhassa evaṃnāmakānaṃ rājūnaṃ. Erakacchanti tassa nagarassa nāmaṃ. Tatthāti tasmiṃ nagare. Pureti pubbe atītattabhāve . Dhanapāloti maṃ vidūti ‘‘dhanapālaseṭṭhī’’ti maṃ jānanti. Tayidaṃ nāmaṃ tadā mayhaṃ atthānugatamevāti dassento ‘‘asītī’’ti gāthamāha. Tattha asīti sakaṭavāhānanti vīsatikhāriko vāho, yo sakaṭanti vuccati. Tesaṃ sakaṭavāhānaṃ asīti hiraññassa tathā kahāpaṇassa ca me ahosīti yojanā. Pahūtaṃ me jātarūpanti suvaṇṇampi pahūtaṃ anekabhāraparimāṇaṃ ahosīti sambandho.
๒๓๒-๒๓๓. น เม ทาตุํ ปิยํ อหูติ ทานํ ทาตุํ มยฺหํ ปิยํ นาโหสิฯ มา มํ ยาจนกาทฺทสุนฺติ ‘‘ยาจกา มา มํ ปสฺสิํสู’’ติ ปิทหิตฺวา เคหทฺวารํ ภุญฺชามิฯ กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรีฯ ปริภาสโกติ ทานํ เทเนฺต ทิสฺวา ภเยน สนฺตชฺชโกฯ ททนฺตานํ กโรนฺตานนฺติ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํ, ทานานิ ททเนฺต ปุญฺญานิ กโรเนฺตฯ พหู ชเนติ พหู สเตฺตฯ ททนฺตานํ วา กโรนฺตานํ วา สมุทายภูตํ พหุํ ชนํ ปุญฺญกมฺมโต วารยิสฺสํ นิวาเรสิํฯ
232-233.Name dātuṃ piyaṃ ahūti dānaṃ dātuṃ mayhaṃ piyaṃ nāhosi. Mā maṃ yācanakāddasunti ‘‘yācakā mā maṃ passiṃsū’’ti pidahitvā gehadvāraṃ bhuñjāmi. Kadariyoti thaddhamaccharī. Paribhāsakoti dānaṃ dente disvā bhayena santajjako. Dadantānaṃ karontānanti upayogatthe sāmivacanaṃ, dānāni dadante puññāni karonte. Bahū janeti bahū satte. Dadantānaṃ vā karontānaṃ vā samudāyabhūtaṃ bahuṃ janaṃ puññakammato vārayissaṃ nivāresiṃ.
๒๓๔-๒๓๖. วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสาติอาทิ ทานาทีนํ นิวารเณ การณทสฺสนํฯ ตตฺถ วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสาติ ทานกมฺมสฺส ผลํ นาม นตฺถิ, เกวลํ ปุญฺญํ ปุญฺญนฺติ ธนวินาโส เอวาติ ทีเปติฯ สํยมสฺสาติ สีลสํยมสฺสฯ กุโต ผลนฺติ กุโต นาม ผลํ ลพฺภติ, นิรตฺถกเมว สีลรกฺขณนฺติ อธิปฺปาโยฯ อารามานีติ อารามูปวนานีติ อโตฺถฯ ปปาโยติ ปานียสาลาฯ ทุเคฺคติ อุทกจิกฺขลฺลานํ วเสน ทุคฺคมฎฺฐานานิฯ สงฺกมนานีติ เสตุโยฯ ตโต จุโตติ ตโต มนุสฺสโลกโต จุโตฯ ปญฺจปณฺณาสาติ ปญฺจปญฺญาสฯ ยโต กาลงฺกโต อหนฺติ ยทา กาลกตา อหํ, ตโต ปฎฺฐายฯ นาภิชานามีติ เอตฺตกํ กาลํ ภุตฺตํ วา ปีตํ วา กิญฺจิ น ชานามิฯ
234-236.Vipāko natthi dānassātiādi dānādīnaṃ nivāraṇe kāraṇadassanaṃ. Tattha vipāko natthi dānassāti dānakammassa phalaṃ nāma natthi, kevalaṃ puññaṃ puññanti dhanavināso evāti dīpeti. Saṃyamassāti sīlasaṃyamassa. Kuto phalanti kuto nāma phalaṃ labbhati, niratthakameva sīlarakkhaṇanti adhippāyo. Ārāmānīti ārāmūpavanānīti attho. Papāyoti pānīyasālā. Duggeti udakacikkhallānaṃ vasena duggamaṭṭhānāni. Saṅkamanānīti setuyo. Tato cutoti tato manussalokato cuto. Pañcapaṇṇāsāti pañcapaññāsa. Yato kālaṅkato ahanti yadā kālakatā ahaṃ, tato paṭṭhāya. Nābhijānāmīti ettakaṃ kālaṃ bhuttaṃ vā pītaṃ vā kiñci na jānāmi.
๒๓๗-๓๘. โย สํยโม โส วินาโสติ โลภาทิวเสน ยํ สํยมนํ กสฺสจิ อทานํ, โส อิเมสํ สตฺตานํ วินาโส นาม เปตโยนิยํ นิพฺพตฺตเปตานํ มหาพฺยสนสฺส เหตุภาวโตฯ ‘‘โย วินาโส โส สํยโม’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺติกภาวํ วทติฯ เปตา หิ กิร ชานนฺตีติ เอตฺถ หิ-สโทฺท อวธารเณ, กิร-สโทฺท อรุจิสูจเนฯ ‘‘สํยโม เทยฺยธมฺมสฺส อปริจฺจาโค วินาสเหตู’’ติ อิมมตฺถํ เปตา เอว กิร ชานนฺติ ปจฺจกฺขโต อนุภุยฺยมานตฺตา, น มนุสฺสาติฯ นยิทํ ยุตฺตํ มนุสฺสานมฺปิ เปตานํ วิย ขุปฺปิปาสาทีหิ อภิภุยฺยมานานํ ทิสฺสมานตฺตาฯ เปตา ปน ปุริมตฺตภาเว กตกมฺมสฺส ปากฎภาวโต ตมตฺถํ สุฎฺฐุตรํ ชานนฺติฯ เตนาห – ‘‘อหํ ปุเร สํยมิสฺส’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ สํยมิสฺสนฺติ สยมฺปิ ทานาทิปุญฺญกิริยโต สํยมนํ สโงฺกจํ อกาสิํฯ พหุเก ธเนติ มหเนฺต ธเน วิชฺชมาเนฯ
237-38.Yo saṃyamo so vināsoti lobhādivasena yaṃ saṃyamanaṃ kassaci adānaṃ, so imesaṃ sattānaṃ vināso nāma petayoniyaṃ nibbattapetānaṃ mahābyasanassa hetubhāvato. ‘‘Yo vināso so saṃyamo’’ti iminā yathāvuttassa atthassa ekantikabhāvaṃ vadati. Petā hi kira jānantīti ettha hi-saddo avadhāraṇe, kira-saddo arucisūcane. ‘‘Saṃyamo deyyadhammassa apariccāgo vināsahetū’’ti imamatthaṃ petā eva kira jānanti paccakkhato anubhuyyamānattā, na manussāti. Nayidaṃ yuttaṃ manussānampi petānaṃ viya khuppipāsādīhi abhibhuyyamānānaṃ dissamānattā. Petā pana purimattabhāve katakammassa pākaṭabhāvato tamatthaṃ suṭṭhutaraṃ jānanti. Tenāha – ‘‘ahaṃ pure saṃyamissa’’ntiādi. Tattha saṃyamissanti sayampi dānādipuññakiriyato saṃyamanaṃ saṅkocaṃ akāsiṃ. Bahuke dhaneti mahante dhane vijjamāne.
๒๔๓. ตนฺติ ตสฺมาฯ โวติ ตุเมฺหฯ ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ กลฺยาณํ สุนฺทรํ ตุมฺหากํ โหตูติ วจนเสโสฯ ยาวเนฺตตฺถ สมาคตาติ ยาวโนฺต ยาวตกา เอตฺถ สมาคตา, เต สเพฺพ มม วจนํ สุณาถาติ อธิปฺปาโยฯ อาวีติ ปกาสนํ ปเรสํ ปากฎวเสนฯ รโหติ ปฎิจฺฉนฺนํ อปากฎวเสนฯ อาวิ วา ปาณาติปาตาทิมุสาวาทาทิกายวจีปโยควเสน, ยทิ วา รโห อภิชฺฌาทิวเสน ปาปกํ ลามกํ อกุสลกมฺมํ มากตฺถ มา กริตฺถฯ
243.Tanti tasmā. Voti tumhe. Bhaddaṃ voti bhaddaṃ kalyāṇaṃ sundaraṃ tumhākaṃ hotūti vacanaseso. Yāvantettha samāgatāti yāvanto yāvatakā ettha samāgatā, te sabbe mama vacanaṃ suṇāthāti adhippāyo. Āvīti pakāsanaṃ paresaṃ pākaṭavasena. Rahoti paṭicchannaṃ apākaṭavasena. Āvi vā pāṇātipātādimusāvādādikāyavacīpayogavasena, yadi vā raho abhijjhādivasena pāpakaṃ lāmakaṃ akusalakammaṃ mākattha mā karittha.
๒๔๔. สเจ ตํ ปาปกํ กมฺมนฺติ อถ ปน ตํ ปาปกมฺมํ อายติํ กริสฺสถ, เอตรหิ วา กโรถ, นิรยาทีสุ จตูสุ อปาเยสุ มนุเสฺสสุ จ อปฺปายุกตาทิวเสน ตสฺส ผลภูตา ทุกฺขโต ปมุตฺติ ปโมโกฺข นาม นตฺถิฯ อุปฺปจฺจาปิ ปลายตนฺติ อุปฺปติตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺตานมฺปิ โมโกฺข นตฺถิเยวาติ อโตฺถฯ ‘‘อุเปจฺจา’’ติปิ ปาฬิ, อิโต วา เอโตฺต วา ปลายเนฺต ตุเมฺห อนุพนฺธิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน อุเปจฺจ สญฺจิจฺจ ปลายนฺตานมฺปิ ตุมฺหากํ ตโต โมโกฺข นตฺถิ, คติกาลาทิปจฺจยนฺตรสมวาเย ปน สติ วิปจฺจติเยวาติ อโตฺถฯ อยญฺจ อโตฺถ –
244.Sace taṃ pāpakaṃ kammanti atha pana taṃ pāpakammaṃ āyatiṃ karissatha, etarahi vā karotha, nirayādīsu catūsu apāyesu manussesu ca appāyukatādivasena tassa phalabhūtā dukkhato pamutti pamokkho nāma natthi. Uppaccāpi palāyatanti uppatitvā ākāsena gacchantānampi mokkho natthiyevāti attho. ‘‘Upeccā’’tipi pāḷi, ito vā etto vā palāyante tumhe anubandhissatīti adhippāyena upecca sañcicca palāyantānampi tumhākaṃ tato mokkho natthi, gatikālādipaccayantarasamavāye pana sati vipaccatiyevāti attho. Ayañca attho –
‘‘น อนฺตลิเกฺข น สมุทฺทมเชฺฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;
‘‘Na antalikkhe na samuddamajjhe, na pabbatānaṃ vivaraṃ pavissa;
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฎฺฐิโต มุเจฺจยฺย ปาปกมฺมา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๒๗; มิ. ป. ๔.๒.๔) –
Na vijjatī so jagatippadeso, yatthaṭṭhito mucceyya pāpakammā’’ti. (dha. pa. 127; mi. pa. 4.2.4) –
อิมาย คาถาย ทีเปตโพฺพฯ
Imāya gāthāya dīpetabbo.
๒๔๕. มเตฺตยฺยาติ มาตุหิตาฯ โหถาติ เตสํ อุปฎฺฐานาทีนิ กโรถฯ ตถา เปเตฺตยฺยาติ เวทิตพฺพาฯ กุเล เชฎฺฐาปจายิกาติ กุเล เชฎฺฐกานํ อปจายนกราฯ สามญฺญาติ สมณปูชกาฯ ตถา พฺรหฺมญฺญาติ พาหิตปาปปูชกาติ อโตฺถฯ เอวํ สคฺคํ คมิสฺสถาติ อิมินา มยา วุตฺตนเยน ปุญฺญานิ กตฺวา เทวโลกํ อุปปชฺชิสฺสถาติ อโตฺถฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา ขลฺลาฎิยเปตวตฺถุอาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
245.Matteyyāti mātuhitā. Hothāti tesaṃ upaṭṭhānādīni karotha. Tathā petteyyāti veditabbā. Kule jeṭṭhāpacāyikāti kule jeṭṭhakānaṃ apacāyanakarā. Sāmaññāti samaṇapūjakā. Tathā brahmaññāti bāhitapāpapūjakāti attho. Evaṃ saggaṃ gamissathāti iminā mayā vuttanayena puññāni katvā devalokaṃ upapajjissathāti attho. Yaṃ panettha atthato na vibhattaṃ, taṃ heṭṭhā khallāṭiyapetavatthuādīsu vuttanayeneva veditabbaṃ.
เต วาณิชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา สํเวคชาตา ตํ อนุกมฺปมานา ภาชเนหิ ปานียํ คเหตฺวา ตํ สยาเปตฺวา มุเข อาสิญฺจิํสุฯ ตโต มหาชเนน พหุเวลํ อาสิตฺตํ อุทกํ ตสฺส เปตสฺส ปาปพเลน อโธคฬํ น โอติณฺณํ, กุโต ปิปาสํ ปฎิวิเนสฺสติฯ เต ตํ ปุจฺฉิํสุ – ‘‘อปิ เต กาจิ อสฺสาสมตฺตา ลทฺธา’’ติฯ โส อาห – ‘‘ยทิ เม เอตฺตเกหิ ชเนหิ เอตฺตกํ เวลํ อาสิญฺจมานํ อุทกํ เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ ปรคฬํ ปวิฎฺฐํ, อิโต เปตโยนิโต โมโกฺข มา โหตู’’ติฯ อถ เต วาณิชา ตํ สุตฺวา อติวิย สํเวคชาตา ‘‘อตฺถิ ปน โกจิ อุปาโย ปิปาสาวูปสมายา’’ติ อาหํสุฯ โส อาห – ‘‘อิมสฺมิํ ปาปกเมฺม ขีเณ ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกานํ วา ทาเน ทิเนฺน มม ทานมุทฺทิสิสฺสติ, อหํ อิโต เปตตฺตโต มุจฺจิสฺสามี’’ติฯ ตํ สุตฺวา วาณิชา สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจตฺวา สรณานิ สีลานิ จ คเหตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ ทานํ ทตฺวา ตสฺส เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสิํสุฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา จตุนฺนํ ปริสานํ ธมฺมํ เทเสสิฯ มหาชโน จ โลภาทิมเจฺฉรมลํ ปหาย ทานาทิปุญฺญาภิรโต อโหสีติฯ
Te vāṇijā tassa vacanaṃ sutvā saṃvegajātā taṃ anukampamānā bhājanehi pānīyaṃ gahetvā taṃ sayāpetvā mukhe āsiñciṃsu. Tato mahājanena bahuvelaṃ āsittaṃ udakaṃ tassa petassa pāpabalena adhogaḷaṃ na otiṇṇaṃ, kuto pipāsaṃ paṭivinessati. Te taṃ pucchiṃsu – ‘‘api te kāci assāsamattā laddhā’’ti. So āha – ‘‘yadi me ettakehi janehi ettakaṃ velaṃ āsiñcamānaṃ udakaṃ ekabindumattampi paragaḷaṃ paviṭṭhaṃ, ito petayonito mokkho mā hotū’’ti. Atha te vāṇijā taṃ sutvā ativiya saṃvegajātā ‘‘atthi pana koci upāyo pipāsāvūpasamāyā’’ti āhaṃsu. So āha – ‘‘imasmiṃ pāpakamme khīṇe tathāgatassa vā tathāgatasāvakānaṃ vā dāne dinne mama dānamuddisissati, ahaṃ ito petattato muccissāmī’’ti. Taṃ sutvā vāṇijā sāvatthiṃ gantvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā taṃ pavattiṃ ārocetvā saraṇāni sīlāni ca gahetvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa sattāhaṃ dānaṃ datvā tassa petassa dakkhiṇaṃ ādisiṃsu. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā catunnaṃ parisānaṃ dhammaṃ desesi. Mahājano ca lobhādimaccheramalaṃ pahāya dānādipuññābhirato ahosīti.
ธนปาลเสฎฺฐิเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dhanapālaseṭṭhipetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๗. ธนปาลเสฎฺฐิเปตวตฺถุ • 7. Dhanapālaseṭṭhipetavatthu