Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๒. ทุติยปาราชิกํ
2. Dutiyapārājikaṃ
อทุติเยน ชิเนน ยํ ทุติยํ ปาราชิกํ ปกาสิตํ, ตสฺส อิทานิ ยสฺมา สํวณฺณนากฺกโม ปโตฺต, ตสฺมา ยํ สุวิเญฺญยฺยํ, ยญฺจ ปุเพฺพ ปกาสิตํ, ตํ สพฺพํ วชฺชยิตฺวา อสฺส ทุติยสฺส อยํ สํวณฺณนา โหตีติ สมฺพโนฺธฯ
Adutiyena jinena yaṃ dutiyaṃ pārājikaṃ pakāsitaṃ, tassa idāni yasmā saṃvaṇṇanākkamo patto, tasmā yaṃ suviññeyyaṃ, yañca pubbe pakāsitaṃ, taṃ sabbaṃ vajjayitvā assa dutiyassa ayaṃ saṃvaṇṇanā hotīti sambandho.
ธนิยวตฺถุวณฺณนา
Dhaniyavatthuvaṇṇanā
๘๔. ราชคเหติ เอตฺถ ทุคฺคชนปทฎฺฐานวิเสสสมฺปทาทิโยคโต ปธานภาเวน ราชูหิ คหิตํ ปริคฺคหิตนฺติ ราชคหนฺติ อาห ‘‘มนฺธาตุ…เป.… วุจฺจตี’’ติฯ ตตฺถ มหาโควิเนฺทน มหาสเตฺตน ปริคฺคหิตํ เรณุนา ปริคฺคหิตเมว โหตีติ มหาโควินฺทคฺคหณํฯ มหาโควินฺทปอคฺคหิตตากิตฺตนญฺหิ ตทา เรณุนา มคธราเชน ปริคฺคหิตภาวูปลกฺขณํฯ ตสฺส หิ โส ปุโรหิโตฯ ‘‘มหาโควิโนฺทติ มหานุภาโว ปุราตโน เอโก มคธราชา’’ติ เกจิฯ ปริคฺคหิตตฺตาติ ราชธานีภาเวน ปริคฺคหิตตฺตาฯ คยฺหตีติ คโห, ราชูนํ คโหติ ราชคหํ, นครสทฺทาเปกฺขาย นปุํสกนิเทฺทโสฯ อเญฺญเปตฺถ ปกาเรติ ‘‘นครมาปเนน รญฺญา การิตสพฺพคหตฺตา ราชคหํ, คิชฺฌกูฎาทีหิ ปริกฺขิตฺตตฺตา ปพฺพตราเชหิ ปริกฺขิตฺตเคหสทิสนฺติปิ ราชคหํ, สมฺปนฺนภวนตาย ราชมานํ เคหนฺติปิ ราชคหํ, สุวิหิตารกฺขตาย อนตฺถาวหภาเวน อุปคตานํ ปฎิราชูนํ คหํ เคหภูตนฺติปิ ราชคหํ, ราชูหิ ทิสฺวา สมฺมา ปติฎฺฐาปิตตฺตา เตสํ คหํ เคหภูตนฺติปิ ราชคหํฯ อารามรามเณยฺยกาทีหิ ราชเต, นิวาสสุขตาทินา สเตฺตหิ มมตฺตวเสน คยฺหติ ปริคฺคยฺหตีติ วา ราชคห’’นฺติ เอทิเส ปกาเรฯ โส ปเทโส ฐานวิเสสภาเวน อุฬารสตฺตปริโภโคติ อาห ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ พุทฺธกาเล จกฺกวตฺติกาเล จาติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํฯ เตสนฺติ ยกฺขานํฯ วสนวนนฺติ อาปานภูมิภูตํ อุปวนํฯ คิชฺฌา เอตฺถ สนฺตีติ คิชฺฌํ, กูฎํฯ ตํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฎฯ คิโชฺฌ วิยาติ วา คิชฺฌํ, กูฎํฯ ตํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฎ, ปพฺพโตฯ คิชฺฌสทิสกูโฎติ คิชฺฌกูโฎติ วา มเชฺฌปทโลปีสมาโส ยถา ‘‘สากปตฺถโว’’ติ, ตสฺมิํ คิชฺฌกูเฎฯ เตนาห ‘‘คิชฺฌา’’ติอาทิฯ
84.Rājagaheti ettha duggajanapadaṭṭhānavisesasampadādiyogato padhānabhāvena rājūhi gahitaṃ pariggahitanti rājagahanti āha ‘‘mandhātu…pe… vuccatī’’ti. Tattha mahāgovindena mahāsattena pariggahitaṃ reṇunā pariggahitameva hotīti mahāgovindaggahaṇaṃ. Mahāgovindapaaggahitatākittanañhi tadā reṇunā magadharājena pariggahitabhāvūpalakkhaṇaṃ. Tassa hi so purohito. ‘‘Mahāgovindoti mahānubhāvo purātano eko magadharājā’’ti keci. Pariggahitattāti rājadhānībhāvena pariggahitattā. Gayhatīti gaho, rājūnaṃ gahoti rājagahaṃ, nagarasaddāpekkhāya napuṃsakaniddeso. Aññepettha pakāreti ‘‘nagaramāpanena raññā kāritasabbagahattā rājagahaṃ, gijjhakūṭādīhi parikkhittattā pabbatarājehi parikkhittagehasadisantipi rājagahaṃ, sampannabhavanatāya rājamānaṃ gehantipi rājagahaṃ, suvihitārakkhatāya anatthāvahabhāvena upagatānaṃ paṭirājūnaṃ gahaṃ gehabhūtantipi rājagahaṃ, rājūhi disvā sammā patiṭṭhāpitattā tesaṃ gahaṃ gehabhūtantipi rājagahaṃ. Ārāmarāmaṇeyyakādīhi rājate, nivāsasukhatādinā sattehi mamattavasena gayhati pariggayhatīti vā rājagaha’’nti edise pakāre. So padeso ṭhānavisesabhāvena uḷārasattaparibhogoti āha ‘‘taṃ paneta’’ntiādi. Tattha buddhakāle cakkavattikāle cāti idaṃ yebhuyyavasena vuttaṃ. Tesanti yakkhānaṃ. Vasanavananti āpānabhūmibhūtaṃ upavanaṃ. Gijjhā ettha santīti gijjhaṃ, kūṭaṃ. Taṃ etassāti gijjhakūṭo. Gijjho viyāti vā gijjhaṃ, kūṭaṃ. Taṃ etassāti gijjhakūṭo, pabbato. Gijjhasadisakūṭoti gijjhakūṭoti vā majjhepadalopīsamāso yathā ‘‘sākapatthavo’’ti, tasmiṃ gijjhakūṭe. Tenāha ‘‘gijjhā’’tiādi.
ตโต ปรํ สโงฺฆติ ติณฺณํ ชนานํ อุปริ สโงฺฆ จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมปฺปตฺตตฺตาฯ ตสฺมิํ ปพฺพเต สนฺนิปติตฺวา สมาปตฺติยา วีตินาเมนฺตีติ ยถาผาสุกฎฺฐาเน ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจา อาคนฺตฺวา เจติยคเพฺภ ยมกมหาทฺวารํ วิวรนฺตา วิย ตํ ปพฺพตํ ทฺวิธา กตฺวา อโนฺต ปวิสิตฺวา รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานานิ มาเปตฺวา ตตฺถ สมาปตฺติยา วีตินาเมนฺติฯ
Tatoparaṃ saṅghoti tiṇṇaṃ janānaṃ upari saṅgho catuvaggakaraṇīyādikammappattattā. Tasmiṃ pabbate sannipatitvā samāpattiyā vītināmentīti yathāphāsukaṭṭhāne piṇḍāya caritvā katabhattakiccā āgantvā cetiyagabbhe yamakamahādvāraṃ vivarantā viya taṃ pabbataṃ dvidhā katvā anto pavisitvā rattiṭṭhānadivāṭṭhānāni māpetvā tattha samāpattiyā vītināmenti.
กทา ปเนเต ตตฺถ วสิํสุ? อตีเต กิร อนุปฺปเนฺน ตถาคเต พาราณสิํ อุปนิสฺสาย เอกสฺมิํ คามเก เอกา กุลธีตา เขตฺตํ รกฺขติ, ตสฺสา เขตฺตกุฎิยา วีหโย ภชฺชนฺติยา ตตฺถ มหากรญฺชปุปฺผปฺปมาณา มหนฺตมหนฺตา มโนหรา ปญฺจสตมตฺตา ลาชา ชายิํสุฯ สา เต คเหตฺวา มหติ ปทุมินิปเตฺต ฐเปสิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย เอโก ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ ตสฺสา อนุคฺคหตฺถํ อวิทูเร เขตฺตปาฬิยา คจฺฉติฯ สา ตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา สุปุปฺผิตํ มหนฺตํ เอกํ ปทุมํ คเหตฺวา ตตฺถ ลาเช ปกฺขิปิตฺวา ปเจฺจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺจหิ ลาชสเตหิ สทฺธิํ ตํ ปทุมปุปฺผํ ทตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ‘‘อิมสฺส, ภเนฺต, ปุญฺญสฺส อานุภาเวน อานุภาวสมฺปเนฺน ปญฺจสตปุเตฺต ลเภยฺย’’นฺติ ปญฺจ ปุตฺตสตานิ ปเตฺถสิฯ ตสฺมิํเยว ขเณ ปญฺจสตา มิคลุทฺทกา สมฺภตสมฺภารา ปริปกฺกปเจฺจกโพธิญาณา ตเสฺสว ปเจฺจกพุทฺธสฺส มธุรมํสํ ทตฺวา ‘‘เอติสฺสา ปุตฺตา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถยิํสุฯ อตีตาสุ อเนกาสุ ชาตีสุ ตสฺสา ปุตฺตภาเวน อาคตตฺตา ตถา เตสํ อโหสิฯ สา ยาวตายุกํ ฐตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา ชาตสฺสเร ปทุมคเพฺภ นิพฺพตฺติฯ ตเมโก ตาปโส ทิสฺวา ปฎิชคฺคิฯ ตสฺสา ปทสา วิจรนฺติยา ปทุทฺธาเร ปทุทฺธาเร ภูมิโต ปทุมานิ อุฎฺฐหนฺติฯ เอโก วนจรโก ทิสฺวา พาราณสิรโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ตํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสิํ อกาสิ, ตสฺสา คโพฺภ สณฺฐาติฯ มหาปทุมกุมาโร มาตุกุจฺฉิยํ วสิ, เสสา พหิ นิกฺขนฺตํ คพฺภมลํ นิสฺสาย สํเสทชภาเวน นิพฺพตฺตาฯ ‘‘โอปปาติกภาเวนา’’ติ เกจิฯ เต วยปฺปตฺตา อุยฺยาเน ปทุมสฺสเร กีฬนฺตา เอเกกสฺมิํ ปทุเม นิสีทิตฺวา ขยวยํ ปฎฺฐเปตฺวา ปเจฺจกโพธิญาณํ นิพฺพตฺตยิํสุฯ อยํ เตสํ พฺยากรณคาถา อโหสิ –
Kadā panete tattha vasiṃsu? Atīte kira anuppanne tathāgate bārāṇasiṃ upanissāya ekasmiṃ gāmake ekā kuladhītā khettaṃ rakkhati, tassā khettakuṭiyā vīhayo bhajjantiyā tattha mahākarañjapupphappamāṇā mahantamahantā manoharā pañcasatamattā lājā jāyiṃsu. Sā te gahetvā mahati paduminipatte ṭhapesi. Tasmiñca samaye eko paccekasambuddho tassā anuggahatthaṃ avidūre khettapāḷiyā gacchati. Sā taṃ disvā pasannamānasā supupphitaṃ mahantaṃ ekaṃ padumaṃ gahetvā tattha lāje pakkhipitvā paccekabuddhaṃ upasaṅkamitvā pañcahi lājasatehi saddhiṃ taṃ padumapupphaṃ datvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā ‘‘imassa, bhante, puññassa ānubhāvena ānubhāvasampanne pañcasataputte labheyya’’nti pañca puttasatāni patthesi. Tasmiṃyeva khaṇe pañcasatā migaluddakā sambhatasambhārā paripakkapaccekabodhiñāṇā tasseva paccekabuddhassa madhuramaṃsaṃ datvā ‘‘etissā puttā bhaveyyāmā’’ti patthayiṃsu. Atītāsu anekāsu jātīsu tassā puttabhāvena āgatattā tathā tesaṃ ahosi. Sā yāvatāyukaṃ ṭhatvā devaloke nibbatti, tato cutā jātassare padumagabbhe nibbatti. Tameko tāpaso disvā paṭijaggi. Tassā padasā vicarantiyā paduddhāre paduddhāre bhūmito padumāni uṭṭhahanti. Eko vanacarako disvā bārāṇasirañño ārocesi. Rājā taṃ ānetvā aggamahesiṃ akāsi, tassā gabbho saṇṭhāti. Mahāpadumakumāro mātukucchiyaṃ vasi, sesā bahi nikkhantaṃ gabbhamalaṃ nissāya saṃsedajabhāvena nibbattā. ‘‘Opapātikabhāvenā’’ti keci. Te vayappattā uyyāne padumassare kīḷantā ekekasmiṃ padume nisīditvā khayavayaṃ paṭṭhapetvā paccekabodhiñāṇaṃ nibbattayiṃsu. Ayaṃ tesaṃ byākaraṇagāthā ahosi –
‘‘สโรรุหํ ปทุมปลาสมตฺรชํ, สุปุปฺผิตํ ภมรคณานุจิณฺณํ;
‘‘Saroruhaṃ padumapalāsamatrajaṃ, supupphitaṃ bhamaragaṇānuciṇṇaṃ;
อนิจฺจตายํ วยตํ วิทิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกโปฺป’’ติฯ –
Aniccatāyaṃ vayataṃ viditvā, eko care khaggavisāṇakappo’’ti. –
ตสฺมิํ กาเล เต ตตฺถ วสิํสุฯ ตทา จสฺส ปพฺพตสฺส ‘‘อิสิคิลี’’ติ สมญฺญา อุทปาทิฯ อิเม อิสโยติ อิเม ปเจฺจกพุทฺธอิสีฯ สมา ญายติ เอตายาติ สมญฺญา, นามนฺติ อโตฺถฯ
Tasmiṃ kāle te tattha vasiṃsu. Tadā cassa pabbatassa ‘‘isigilī’’ti samaññā udapādi. Ime isayoti ime paccekabuddhaisī. Samā ñāyati etāyāti samaññā, nāmanti attho.
ติณจฺฉทนา กุฎิโย มเชฺฌปทโลปีสมาสํ กตฺวา, เอกเทเส วา สมุทายโวหารวเสน ‘‘ติณกุฎิโย’’ติ วุตฺตาฯ ‘‘วสฺสํ อุปคจฺฉิํสู’’ติ วจนโต วสฺสูปคมนารหา สทฺวารพนฺธา เอว เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘ติณจฺฉทนา สทฺวารพนฺธา กุฎิโย’’ติฯ วสฺสํ อุปคจฺฉเนฺตนาติ วสฺสาวาสํ อุปคจฺฉเนฺตนฯ นาลกปฎิปทนฺติ ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปญฺญิสฺส’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๗๒๑) สตฺถารา นาลกเตฺถรสฺส เทสิตํ ปุถุชฺชนกาลโต ปภุติ กิเลสจิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา ปฎิปชฺชิตพฺพํ โมเนยฺยปฎิปทํฯ ตํ ปน ปฎิปทํ สุตฺวา นาลกเตฺถโร ตีสุ ฐาเนสุ อปฺปิโจฺฉ อโหสิ ทสฺสเน สวเน ปุจฺฉายาติฯ โส หิ เทสนาปริโยสาเน ปสนฺนจิโตฺต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา วนํ ปวิโฎฺฐฯ ปุน ‘‘อโห วตาหํ ภควนฺตํ ปเสฺสยฺย’’นฺติ โลลภาวํ น ชเนสิ, อยมสฺส ทสฺสเน อปฺปิจฺฉตาฯ ตถา ‘‘อโห วตาหํ ปุน ธมฺมเทสนํ สุเณยฺย’’นฺติ โลลภาวํ น ชเนสิ, อยมสฺส สวเน อปฺปิจฺฉตาฯ ตถา ‘‘อโห วตาหํ ปุน โมเนยฺยปฎิปทํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติ โลลภาวํ น ชเนสิ, อยมสฺส ปุจฺฉาย อปฺปิจฺฉตาฯ
Tiṇacchadanā kuṭiyo majjhepadalopīsamāsaṃ katvā, ekadese vā samudāyavohāravasena ‘‘tiṇakuṭiyo’’ti vuttā. ‘‘Vassaṃ upagacchiṃsū’’ti vacanato vassūpagamanārahā sadvārabandhā eva veditabbāti āha ‘‘tiṇacchadanā sadvārabandhā kuṭiyo’’ti. Vassaṃ upagacchantenāti vassāvāsaṃ upagacchantena. Nālakapaṭipadanti ‘‘moneyyaṃ te upaññissa’’ntiādinā (su. ni. 721) satthārā nālakattherassa desitaṃ puthujjanakālato pabhuti kilesacittaṃ anuppādetvā paṭipajjitabbaṃ moneyyapaṭipadaṃ. Taṃ pana paṭipadaṃ sutvā nālakatthero tīsu ṭhānesu appiccho ahosi dassane savane pucchāyāti. So hi desanāpariyosāne pasannacitto bhagavantaṃ vanditvā vanaṃ paviṭṭho. Puna ‘‘aho vatāhaṃ bhagavantaṃ passeyya’’nti lolabhāvaṃ na janesi, ayamassa dassane appicchatā. Tathā ‘‘aho vatāhaṃ puna dhammadesanaṃ suṇeyya’’nti lolabhāvaṃ na janesi, ayamassa savane appicchatā. Tathā ‘‘aho vatāhaṃ puna moneyyapaṭipadaṃ puccheyya’’nti lolabhāvaṃ na janesi, ayamassa pucchāya appicchatā.
โส เอวํ อปฺปิโจฺฉ สมาโน ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา เอกวนสเณฺฑ เทฺว ทิวสานิ น วสิ, เอกรุกฺขมูเล เทฺว ทิวสานิ น นิสีทิ, เอกสฺมิํ คาเม เทฺว ทิวสานิ ปิณฺฑาย น ปาวิสิฯ อิติ วนโต วนํ, รุกฺขโต รุกฺขํ, คามโต คามํ อาหิณฺฑโนฺต อนุรูปปฎิปทํ ปฎิปชฺชิตฺวา อคฺคผเล ปติฎฺฐาสิฯ เอกสฺส ภควโต กาเล เอโกเยว นํ ปูเรติฯ อิมญฺหิ โมเนยฺยปฎิปทํ อุกฺกฎฺฐํ กตฺวา ปูเรโนฺต ภิกฺขุ สเตฺตว มาสานิ ชีวติ, มชฺฌิมํ กตฺวา ปูเรโนฺต สตฺต วสฺสานิ, มุทุกํ กตฺวา ปูเรโนฺต โสฬส วสฺสานิฯ อยํ ปน เถโร อุกฺกฎฺฐํ กตฺวา ปูเรสิ, ตสฺมา สตฺต มาเส ฐตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารสฺส ปริกฺขยํ ญตฺวา นหายิตฺวา นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ทิคุณํ สงฺฆาฎิํ ปารุปิตฺวา ทสพลาภิมุโข ปญฺจปติฎฺฐิเตน ตํ วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา หิงฺคุลกปพฺพตํ นิสฺสาย ฐิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิฯ ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ ญตฺวา ภควา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ตตฺถ คนฺตฺวา สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย คาหาเปตฺวา เจติยํ ปติฎฺฐาเปตฺวา อคมาสิฯ เอวรูปํ ปฎิปทํ ปฎิปเนฺนนปิ วสฺสํ อุปคจฺฉเนฺตน ฉเนฺน สทฺวารพเนฺธเยว ฐาเน อุปคนฺตพฺพํฯ อปฺปิจฺฉตํ นิสฺสายปิ สิกฺขาปทสฺส อนติกฺกมนียตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘นาลกปฎิปทํ ปฎิปเนฺนนปี’’ติ วุตฺตํฯ
So evaṃ appiccho samāno pabbatapādaṃ pavisitvā ekavanasaṇḍe dve divasāni na vasi, ekarukkhamūle dve divasāni na nisīdi, ekasmiṃ gāme dve divasāni piṇḍāya na pāvisi. Iti vanato vanaṃ, rukkhato rukkhaṃ, gāmato gāmaṃ āhiṇḍanto anurūpapaṭipadaṃ paṭipajjitvā aggaphale patiṭṭhāsi. Ekassa bhagavato kāle ekoyeva naṃ pūreti. Imañhi moneyyapaṭipadaṃ ukkaṭṭhaṃ katvā pūrento bhikkhu satteva māsāni jīvati, majjhimaṃ katvā pūrento satta vassāni, mudukaṃ katvā pūrento soḷasa vassāni. Ayaṃ pana thero ukkaṭṭhaṃ katvā pūresi, tasmā satta māse ṭhatvā attano āyusaṅkhārassa parikkhayaṃ ñatvā nahāyitvā nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā diguṇaṃ saṅghāṭiṃ pārupitvā dasabalābhimukho pañcapatiṭṭhitena taṃ vanditvā añjaliṃ paggahetvā hiṅgulakapabbataṃ nissāya ṭhitakova anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyi. Tassa parinibbutabhāvaṃ ñatvā bhagavā bhikkhusaṅghena saddhiṃ tattha gantvā sarīrakiccaṃ katvā dhātuyo gāhāpetvā cetiyaṃ patiṭṭhāpetvā agamāsi. Evarūpaṃ paṭipadaṃ paṭipannenapi vassaṃ upagacchantena channe sadvārabandheyeva ṭhāne upagantabbaṃ. Appicchataṃ nissāyapi sikkhāpadassa anatikkamanīyattaṃ dassetuṃ ‘‘nālakapaṭipadaṃ paṭipannenapī’’ti vuttaṃ.
ปญฺจนฺนํ ฉทนานนฺติ ติณปณฺณอิฎฺฐกสิลาสุธาสงฺขาตานํ ปญฺจนฺนํ ฉทนานํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพนฺติ (มหาว. ๒๐๔) วจีเภทํ กตฺวา วสฺสูปคมนํ สนฺธาเยว ปฎิเกฺขโป, น อาลยกรณวเสน อุปคมนํ สนฺธายา’’ติ วทนฺติฯ ปาฬิยํ ปน อวิเสสตฺตา อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘นาลกปฎิปทํ ปฎิปเนฺนนปี’’ติอาทินา อวิเสเสเนว ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตตฺตา อเสนาสนิกสฺส นาวาทิํ วินา อญฺญตฺถ อาลโย น วฎฺฎตีติ อมฺหากํ ขนฺติฯ นาวาสตฺถวเชสุเยว หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นาวายํ วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๐๓) สติ อสติ วา เสนาสเน วสฺสูปคมนสฺส วิสุํ อนุญฺญาตตฺตา ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ อยํ ปฎิเกฺขโป ตตฺถ น ลพฺภตีติ อสติ เสนาสเน อาลยวเสนปิ นาวาทีสุ อุปคมนํ วุตฺตํฯ อนุธมฺมตาติ วตฺตํฯ รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน วจฺจกุฎิปสฺสาวฎฺฐานาทิํ สงฺคณฺหาติฯ
Pañcannaṃ chadanānanti tiṇapaṇṇaiṭṭhakasilāsudhāsaṅkhātānaṃ pañcannaṃ chadanānaṃ. ‘‘Na, bhikkhave, asenāsanikena vassaṃ upagantabbanti (mahāva. 204) vacībhedaṃ katvā vassūpagamanaṃ sandhāyeva paṭikkhepo, na ālayakaraṇavasena upagamanaṃ sandhāyā’’ti vadanti. Pāḷiyaṃ pana avisesattā aṭṭhakathāyañca ‘‘nālakapaṭipadaṃ paṭipannenapī’’tiādinā aviseseneva daḷhaṃ katvā vuttattā asenāsanikassa nāvādiṃ vinā aññattha ālayo na vaṭṭatīti amhākaṃ khanti. Nāvāsatthavajesuyeva hi ‘‘anujānāmi, bhikkhave, nāvāyaṃ vassaṃ upagantu’’ntiādinā (mahāva. 203) sati asati vā senāsane vassūpagamanassa visuṃ anuññātattā ‘‘na, bhikkhave, asenāsanikena vassaṃ upagantabba’’nti ayaṃ paṭikkhepo tattha na labbhatīti asati senāsane ālayavasenapi nāvādīsu upagamanaṃ vuttaṃ. Anudhammatāti vattaṃ. Rattiṭṭhānadivāṭṭhānādīnīti ādi-saddena vaccakuṭipassāvaṭṭhānādiṃ saṅgaṇhāti.
กติกวตฺตานิ จ ขนฺธกวตฺตานิ จ อธิฎฺฐายาติ ปริยตฺติธโมฺม นาม ติวิธมฺปิ สทฺธมฺมํ ปติฎฺฐาเปติ, ตสฺมา สกฺกจฺจํ อุทฺทิสถ อุทฺทิสาเปถ, สชฺฌายํ กโรถ, ปธานฆเร วสนฺตานํ สงฺฆฎฺฎนํ อกตฺวา อโนฺตวิหาเร นิสีทิตฺวา อุทฺทิสถ อุทฺทิสาเปถ, สชฺฌายํ กโรถ, ธมฺมสฺสวนํ สมิทฺธํ กโรถ, ปพฺพาเชนฺตา โสเธตฺวา ปพฺพาเชถ, โสเธตฺวา อุปสมฺปาเทถ, โสเธตฺวา นิสฺสยํ เทถฯ เอโกปิ หิ กุลปุโตฺต ปพฺพชฺชญฺจ อุปสมฺปทญฺจ ลภิตฺวา สกลํ สาสนํ ปติฎฺฐาเปติฯ อตฺตโน ถาเมน ยตฺตกานิ สโกฺกถ, ตตฺตกานิ ธุตงฺคานิ สมาทิยถ, อโนฺตวสฺสํ นาเมตํ สกลทิวสํ รตฺติยา จ ปฐมปจฺฉิมยาเมสุ อปฺปมเตฺตหิ ภวิตพฺพํ, วีริยํ อารภิตพฺพํ ฯ โปราณกมหอาเถราปิ สพฺพปลิโพเธ ฉินฺทิตฺวา อโนฺตวเสฺส เอกจริยวตฺตํ ปูรยิํสุฯ ภเสฺส มตฺตํ ชานิตฺวา ทสวตฺถุกกถํ ทสอสุภทสานุสฺสติอฎฺฐติํสารมฺมณกถํ กาตุํ วฎฺฎติฯ อาคนฺตุกานํ วตฺตํ กาตุํ, สตฺตาหกรณีเยน คตานํ อปโลเกตฺวา ทาตุํ วฎฺฎติฯ วิคฺคาหิกปิสุณผรุสวจนานิ มา วทถ, ทิวเส ทิวเส สีลานิ อาวเชฺชนฺตา จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตา มนสิการพหุลา วิหรถ, เจติยํ วา โพธิํ วา วนฺทเนฺตน คนฺธมาลํ วา ปูเชเนฺตน ปตฺตํ วา ถวิกาย ปกฺขิปเนฺตน น กเถตพฺพํ, อโนฺตคาเม มนุเสฺสหิ สทฺธิํ ปจฺจยสํยุตฺตกถา วา วิสภาคกถา วา น กเถตพฺพา, รกฺขิตินฺทฺริเยหิ ภวิตพฺพํ, ขนฺธกวตฺตญฺจ เสขิยวตฺตญฺจ ปูเรตพฺพนฺติ เอวมาทินา กติกวตฺตานิ ขนฺธกวตฺตานิ จ อธิฎฺฐหิตฺวาฯ
Katikavattāni ca khandhakavattāni ca adhiṭṭhāyāti pariyattidhammo nāma tividhampi saddhammaṃ patiṭṭhāpeti, tasmā sakkaccaṃ uddisatha uddisāpetha, sajjhāyaṃ karotha, padhānaghare vasantānaṃ saṅghaṭṭanaṃ akatvā antovihāre nisīditvā uddisatha uddisāpetha, sajjhāyaṃ karotha, dhammassavanaṃ samiddhaṃ karotha, pabbājentā sodhetvā pabbājetha, sodhetvā upasampādetha, sodhetvā nissayaṃ detha. Ekopi hi kulaputto pabbajjañca upasampadañca labhitvā sakalaṃ sāsanaṃ patiṭṭhāpeti. Attano thāmena yattakāni sakkotha, tattakāni dhutaṅgāni samādiyatha, antovassaṃ nāmetaṃ sakaladivasaṃ rattiyā ca paṭhamapacchimayāmesu appamattehi bhavitabbaṃ, vīriyaṃ ārabhitabbaṃ . Porāṇakamahaātherāpi sabbapalibodhe chinditvā antovasse ekacariyavattaṃ pūrayiṃsu. Bhasse mattaṃ jānitvā dasavatthukakathaṃ dasaasubhadasānussatiaṭṭhatiṃsārammaṇakathaṃ kātuṃ vaṭṭati. Āgantukānaṃ vattaṃ kātuṃ, sattāhakaraṇīyena gatānaṃ apaloketvā dātuṃ vaṭṭati. Viggāhikapisuṇapharusavacanāni mā vadatha, divase divase sīlāni āvajjentā caturārakkhaṃ ahāpentā manasikārabahulā viharatha, cetiyaṃ vā bodhiṃ vā vandantena gandhamālaṃ vā pūjentena pattaṃ vā thavikāya pakkhipantena na kathetabbaṃ, antogāme manussehi saddhiṃ paccayasaṃyuttakathā vā visabhāgakathā vā na kathetabbā, rakkhitindriyehi bhavitabbaṃ, khandhakavattañca sekhiyavattañca pūretabbanti evamādinā katikavattāni khandhakavattāni ca adhiṭṭhahitvā.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุฎฺฐานํ ตีหิ ฐาเนหิ ปวาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๙) วุฎฺฐวสฺสานํ ปวารณาย อนุญฺญาตตฺตา อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน ปวารณาทิวสสฺส อรุณุคฺคมนโต ปฎฺฐาย อปฺปวาริตาปิ ‘‘วุฎฺฐวสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติฯ กิญฺจาปิ ‘‘อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๘๔) วจนโต ปวารณาทิวสสฺส เตมาสโนฺตคธตฺตา ตํ ทิวสํ ยาว น ปวาเรนฺติ , ตาว วสฺสํ วสนฺตา นาม โหนฺติ, ตถาปิ เอกเทเสน อวุฎฺฐมฺปิ ตํ ทิวสํ วุฎฺฐภาคาเปกฺขาย วุฎฺฐเมว โหตีติ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ กตากตภาคาเปกฺขาย สมุทาเย ปวตฺตกตากตโวหาโร วิยฯ วิปฺปกตญฺหิ ยํ กิญฺจิ ‘‘กตากต’’นฺติ วุจฺจติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุฎฺฐานํ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๐๖) อิมสฺส ปน สุตฺตสฺส วเสน นิปฺปริยายโต มหาปวารณาย ปวาริตา ปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ‘‘วุฎฺฐวสฺสา’’ติ วุจฺจนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘มหาปวารณาย ปวาริตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย หิ วสฺสานสฺส ปจฺฉิเม มาเส กถินตฺถาโร อนุญฺญาโต ปริวาเร ‘‘กถินสฺส อตฺถารมาโส ชานิตโพฺพติ วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส ชานิตโพฺพ’’ติ (ปริ. ๔๑๒) วุตฺตตฺตาฯ ‘‘มหาปวารณาย ปวาริตา’’ติ อิทญฺจ ปุริมิกาย วสฺสูปคตานํ สภาวทสฺสนมตฺตํ, เกนจิ อนฺตราเยน อปฺปวาริตาปิ ‘‘วุฎฺฐวสฺสา’’อิเจฺจว วุจฺจนฺติฯ
‘‘Anujānāmi, bhikkhave, vassaṃvuṭṭhānaṃ tīhi ṭhānehi pavāretu’’nti (mahāva. 209) vuṭṭhavassānaṃ pavāraṇāya anuññātattā imassa suttassa vasena pavāraṇādivasassa aruṇuggamanato paṭṭhāya appavāritāpi ‘‘vuṭṭhavassā’’ti vuccanti. Kiñcāpi ‘‘imaṃ temāsaṃ vassaṃ upemī’’ti (mahāva. aṭṭha. 184) vacanato pavāraṇādivasassa temāsantogadhattā taṃ divasaṃ yāva na pavārenti , tāva vassaṃ vasantā nāma honti, tathāpi ekadesena avuṭṭhampi taṃ divasaṃ vuṭṭhabhāgāpekkhāya vuṭṭhameva hotīti katvā evaṃ vuttaṃ katākatabhāgāpekkhāya samudāye pavattakatākatavohāro viya. Vippakatañhi yaṃ kiñci ‘‘katākata’’nti vuccati. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, vassaṃvuṭṭhānaṃ kathinaṃ attharitu’’nti (mahāva. 306) imassa pana suttassa vasena nippariyāyato mahāpavāraṇāya pavāritā pāṭipadadivasato paṭṭhāya ‘‘vuṭṭhavassā’’ti vuccantīti dassetuṃ ‘‘mahāpavāraṇāya pavāritā’’tiādi vuttaṃ. Pāṭipadadivasato paṭṭhāya hi vassānassa pacchime māse kathinatthāro anuññāto parivāre ‘‘kathinassa atthāramāso jānitabboti vassānassa pacchimo māso jānitabbo’’ti (pari. 412) vuttattā. ‘‘Mahāpavāraṇāya pavāritā’’ti idañca purimikāya vassūpagatānaṃ sabhāvadassanamattaṃ, kenaci antarāyena appavāritāpi ‘‘vuṭṭhavassā’’icceva vuccanti.
‘‘อาปุจฺฉิตพฺพา’’ติ วตฺวา อิทานิ อาปุจฺฉนวิธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สเจ อิมํ กุฎิ’’นฺติอาทิมาหฯ ปฎิชคฺคนกํ วา น ลภตีติ วิหารปจฺจเนฺต กเต ปฎิชคฺคนกํ น ลภติฯ เต ปน ภิกฺขู ชนปทจาริกํ ปกฺกมิํสูติ สมฺพโนฺธฯ อทฺธานคมเน จาริกาโวหาโร สาสเน นิรุโฬฺหฯ กิญฺจาปิ อยํ จาริกา นาม มหาชนสงฺคหตฺถํ พุทฺธานํเยว ลพฺภติ, พุเทฺธ อุปาทาย ปน รุฬฺหีสทฺทวเสน สาวกานมฺปิ วุจฺจติ กิลญฺชาทีหิ กตพีชนีนมฺปิ ตาลวณฺฎโวหาโร วิยฯ สโงฺคเปตฺวาติ เอกสฺมิํ ปเทเส ราสิํ กตฺวาฯ อิทานิ ตเมว สโงฺคปนวิธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา จ ฐปิต’’นฺติอาทิมาหฯ น โอวสฺสียตีติ อโนวสฺสกํ, กมฺมนิ อก-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ ยถา จ ฐปิตํ น โอวสฺสียติ น เตมียตีติ อโตฺถฯ
‘‘Āpucchitabbā’’ti vatvā idāni āpucchanavidhiṃ dassento ‘‘sace imaṃ kuṭi’’ntiādimāha. Paṭijagganakaṃ vā na labhatīti vihārapaccante kate paṭijagganakaṃ na labhati. Te pana bhikkhū janapadacārikaṃ pakkamiṃsūti sambandho. Addhānagamane cārikāvohāro sāsane niruḷho. Kiñcāpi ayaṃ cārikā nāma mahājanasaṅgahatthaṃ buddhānaṃyeva labbhati, buddhe upādāya pana ruḷhīsaddavasena sāvakānampi vuccati kilañjādīhi katabījanīnampi tālavaṇṭavohāro viya. Saṅgopetvāti ekasmiṃ padese rāsiṃ katvā. Idāni tameva saṅgopanavidhiṃ dassento ‘‘yathā ca ṭhapita’’ntiādimāha. Na ovassīyatīti anovassakaṃ, kammani aka-saddo daṭṭhabbo. Yathā ca ṭhapitaṃ na ovassīyati na temīyatīti attho.
อนวโยติ เอตฺถ วโยติ หานิ ‘‘อายวโย’’ติอาทีสุ วิยฯ นตฺถิ เอตสฺส อตฺตโน สิเปฺป วโย อูนตาติ อวโยติ อาห ‘‘อนูโน ปริปุณฺณสิโปฺป’’ติฯ อาจริยสฺส กมฺมํ อาจริยกนฺติ อาห ‘‘อาจริยกเมฺม’’ติฯ ปิฎฺฐสงฺฆาโฎ ทฺวารพาหา, กฎฺฐกมฺมํ ถมฺภาทิฯ เตลตมฺพมตฺติกายาติ เตลมิสฺสตมฺพมตฺติกายฯ
Anavayoti ettha vayoti hāni ‘‘āyavayo’’tiādīsu viya. Natthi etassa attano sippe vayo ūnatāti avayoti āha ‘‘anūno paripuṇṇasippo’’ti. Ācariyassa kammaṃ ācariyakanti āha ‘‘ācariyakamme’’ti. Piṭṭhasaṅghāṭo dvārabāhā, kaṭṭhakammaṃ thambhādi. Telatambamattikāyāti telamissatambamattikāya.
๘๕. กุฎิกาย กรณภาวนฺติ กุฎิยา กตภาวํฯ สทฺทสตฺถวิทูหิ กิํ-สทฺทโยเค อนาคตวจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ตสฺส ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพ’’นฺติฯ เมตฺตาปุพฺพภาคนฺติ เมตฺตาฌานสฺส ปุพฺพภาคภูตํ สพฺพสเตฺตสุ หิตผรณมตฺตํฯ กสฺมา ปเนตํ วุตฺตํ, นนุ อนุทฺทยา-สโทฺท กรุณาย ปวตฺตตีติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน อนุทฺทยาสโทฺท อนุรกฺขณมตฺถํ อโนฺตนีตํ กตฺวา ปวตฺตมาโน เมตฺตาย กรุณาย จ ปวตฺตตีติ อิธ เมตฺตาย ปวตฺตมาโน วุโตฺต, ตสฺมา สุวุตฺตเมตํ ‘‘เอเตน เมตฺตาปุพฺพภาคํ ทเสฺสตี’’ติฯ กรุณาปุพฺพภาคนฺติ กรุณาฌานสฺส ปุพฺพภาคภูตํ สเตฺตสุ อนุกมฺปมตฺตํฯ จิกฺขลฺลํ มตฺติกา, ตสฺส มทฺทนํ อุทกํ อาสิญฺจิตฺวา หตฺถาทีหิ ปริมทฺทนํฯ เมตฺตากรุณานนฺติ อปฺปนาปฺปตฺตเมตฺตากรุณานํฯ กิญฺจาปิ เถเรน สญฺจิจฺจ ขุทฺทานุขุทฺทกา ปาณา มรณาธิปฺปาเยน น พฺยาพาธิตา, ตถาปิ กรุณาย อภาเวน ‘‘เอวํ กเต อิเม ปาณา วินสฺสิสฺสนฺตี’’ติ อนุปปริกฺขิตฺวา กตตฺตา เถรํ วิครหิฯ ชนานํ สมูโห ชนตาติ อาห ‘‘ปจฺฉิโม ชนสมูโห’’ติฯ ปาตพฺยภาวนฺติ วินาเสตพฺพตํฯ ปาณาติปาตํ กโรนฺตานนฺติ เถเรน อกเตปิ ปาณาติปาเต ปเรหิ สลฺลกฺขณาการํ ทเสฺสติฯ อิมสฺส ทิฎฺฐานุคตินฺติ อิมสฺส ทิฎฺฐิยา อนุคมนํฯ ฆํสิตเพฺพติ ฆฎฺฎยิตเพฺพ, วินาสิตเพฺพติ อโตฺถฯ เอวํ มญฺญีติ ยถา เถเรน กตํ, เอวํ มา มญฺญิฯ ‘‘มา ปจฺฉิมา ชนตา ปาเณสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชี’’ติ วจนโต โย ภิกฺขุ อิฎฺฐกปจนปตฺตปจนกุฎิกรณวิหารการาปนวิหารสมฺมชฺชนปฎคฺคิทานกูปโปกฺขรณีขณาปนาทีสุ ยตฺถ ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกานํ ปาณานํ วิหิํสา ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติ, เตน ตาทิเส ปเทเส กปฺปิยวจนํ วตฺวาปิ น ตํ กมฺมํ กาเรตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ
85.Kuṭikāya karaṇabhāvanti kuṭiyā katabhāvaṃ. Saddasatthavidūhi kiṃ-saddayoge anāgatavacanassa icchitattā vuttaṃ ‘‘tassa lakkhaṇaṃ saddasatthato pariyesitabba’’nti. Mettāpubbabhāganti mettājhānassa pubbabhāgabhūtaṃ sabbasattesu hitapharaṇamattaṃ. Kasmā panetaṃ vuttaṃ, nanu anuddayā-saddo karuṇāya pavattatīti? Saccametaṃ, ayaṃ pana anuddayāsaddo anurakkhaṇamatthaṃ antonītaṃ katvā pavattamāno mettāya karuṇāya ca pavattatīti idha mettāya pavattamāno vutto, tasmā suvuttametaṃ ‘‘etena mettāpubbabhāgaṃ dassetī’’ti. Karuṇāpubbabhāganti karuṇājhānassa pubbabhāgabhūtaṃ sattesu anukampamattaṃ. Cikkhallaṃ mattikā, tassa maddanaṃ udakaṃ āsiñcitvā hatthādīhi parimaddanaṃ. Mettākaruṇānanti appanāppattamettākaruṇānaṃ. Kiñcāpi therena sañcicca khuddānukhuddakā pāṇā maraṇādhippāyena na byābādhitā, tathāpi karuṇāya abhāvena ‘‘evaṃ kate ime pāṇā vinassissantī’’ti anupaparikkhitvā katattā theraṃ vigarahi. Janānaṃ samūho janatāti āha ‘‘pacchimo janasamūho’’ti. Pātabyabhāvanti vināsetabbataṃ. Pāṇātipātaṃ karontānanti therena akatepi pāṇātipāte parehi sallakkhaṇākāraṃ dasseti. Imassa diṭṭhānugatinti imassa diṭṭhiyā anugamanaṃ. Ghaṃsitabbeti ghaṭṭayitabbe, vināsitabbeti attho. Evaṃ maññīti yathā therena kataṃ, evaṃ mā maññi. ‘‘Mā pacchimā janatā pāṇesu pātabyataṃ āpajjī’’ti vacanato yo bhikkhu iṭṭhakapacanapattapacanakuṭikaraṇavihārakārāpanavihārasammajjanapaṭaggidānakūpapokkharaṇīkhaṇāpanādīsu yattha ‘‘khuddānukhuddakānaṃ pāṇānaṃ vihiṃsā bhavissatī’’ti jānāti, tena tādise padese kappiyavacanaṃ vatvāpi na taṃ kammaṃ kāretabbanti dasseti.
ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมว อาปตฺตินฺติ ปถวีขณนภูตคามปาตพฺยตาทีสุ วุตฺตปาจิตฺติยาทิอาปตฺติํฯ อาทิกมฺมิกตฺตา อนาปตฺตีติ กุฎิกรณปจฺจยา อนาปตฺติฯ สิกฺขาปทํ อติกฺกมิตฺวาติ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สพฺพมตฺติกามยา กุฎิกา กาตพฺพา, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตสิกฺขาปทํ อติกฺกมิตฺวาฯ ยทิ อเญฺญน กตํ ลภิตฺวา วสนฺตสฺส อนาปตฺติ สิยา, น ภควา ตํ กุฎิกํ ภินฺทาเปยฺยาติ อาห – ‘‘กตํ ลภิตฺวา ตตฺถ วสนฺตานมฺปิ ทุกฺกฎเมวา’’ติฯ ยถา วา ตถา วา มิสฺสา โหตูติ เหฎฺฐา มตฺติกา อุปริ ทพฺพสมฺภาราติอาทินา เยน เกนจิ อากาเรน มิสฺสา โหตุฯ คิญฺชกาวสถสเงฺขเปนาติ เอตฺถ คิญฺชกา วุจฺจนฺติ อิฎฺฐกา, คิญฺชกาหิ เอว กโต อาวสโถ คิญฺชกาวสโถฯ อิฎฺฐกามยสฺส อาวสถเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตํ กิร อาวสถํ ยถา สุธาปริกเมฺมน ปโยชนํ นตฺถิ, เอวํ อิฎฺฐกาหิ เอว จินิตฺวา ฉาเทตฺวา กโรนฺติ, ตุลาทณฺฑกวาฎผลกานิ ปน ทารุมยาเนวฯ วิกิรนฺตาติ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺตาฯ
Tattha tattha vuttameva āpattinti pathavīkhaṇanabhūtagāmapātabyatādīsu vuttapācittiyādiāpattiṃ. Ādikammikattā anāpattīti kuṭikaraṇapaccayā anāpatti. Sikkhāpadaṃ atikkamitvāti ‘‘na ca, bhikkhave, sabbamattikāmayā kuṭikā kātabbā, yo kareyya, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttasikkhāpadaṃ atikkamitvā. Yadi aññena kataṃ labhitvā vasantassa anāpatti siyā, na bhagavā taṃ kuṭikaṃ bhindāpeyyāti āha – ‘‘kataṃ labhitvā tattha vasantānampi dukkaṭamevā’’ti. Yathā vā tathā vā missā hotūti heṭṭhā mattikā upari dabbasambhārātiādinā yena kenaci ākārena missā hotu. Giñjakāvasathasaṅkhepenāti ettha giñjakā vuccanti iṭṭhakā, giñjakāhi eva kato āvasatho giñjakāvasatho. Iṭṭhakāmayassa āvasathassetaṃ adhivacanaṃ. Taṃ kira āvasathaṃ yathā sudhāparikammena payojanaṃ natthi, evaṃ iṭṭhakāhi eva cinitvā chādetvā karonti, tulādaṇḍakavāṭaphalakāni pana dārumayāneva. Vikirantāti cuṇṇavicuṇṇaṃ karontā.
กิสฺสาติ เกน การเณนฯ วยกมฺมมฺปิ อตฺถีติ ทฺวารกวาฎาทิอภิสงฺขรณาทีสุ กตวยกมฺมมฺปิ อตฺถิฯ ภิกฺขูนํ อกปฺปิยตฺตา เอว ติตฺถิยวตานุรูปตฺตา ติตฺถิยธโชฯ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตการเณสุ อตฺตโน อธิเปฺปตการณทฺวยํ ปติฎฺฐาเปตฺวา อปรานิปิ ตตฺถ วุตฺตการณานิ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘อฎฺฐกถายํ ปน อญฺญานิปิ การณานิ วุตฺตานี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สตฺตานุทฺทยายาติ ตาทิสาย กุฎิกาย กรณปจฺจยา วินสฺสมานสเตฺตสุ อนุทฺทยายฯ ยสฺมา สพฺพมตฺติกามยา กุฎิ สุกรา ภินฺทิตุํ, ตสฺมา ตตฺถ ฐปิตํ ปตฺตจีวราทิ อคุตฺตํ โหติ, โจราทีหิ อวหริตุํ สกฺกาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปตฺตจีวรคุตฺตตฺถายา’’ติฯ เสนาสนพาหุลฺลปฎิเสธนตฺถายาติ เสนาสนานํ พหุภาวนิเสธนตฺถาย, ตาทิสสฺส วา เสนาสนสฺส อภิสงฺขรเณ ภิกฺขูนํ อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีนิ เสสกมฺมานิ ปริจฺจชิตฺวา นิจฺจพฺยาวฎตานิเสธนตฺถํฯ อนุปวโชฺชติ โทสํ อาโรเปตฺวา น วตฺตโพฺพฯ
Kissāti kena kāraṇena. Vayakammampi atthīti dvārakavāṭādiabhisaṅkharaṇādīsu katavayakammampi atthi. Bhikkhūnaṃ akappiyattā eva titthiyavatānurūpattā titthiyadhajo. Mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttakāraṇesu attano adhippetakāraṇadvayaṃ patiṭṭhāpetvā aparānipi tattha vuttakāraṇāni dassento āha – ‘‘aṭṭhakathāyaṃ pana aññānipi kāraṇāni vuttānī’’tiādi. Tattha sattānuddayāyāti tādisāya kuṭikāya karaṇapaccayā vinassamānasattesu anuddayāya. Yasmā sabbamattikāmayā kuṭi sukarā bhindituṃ, tasmā tattha ṭhapitaṃ pattacīvarādi aguttaṃ hoti, corādīhi avaharituṃ sakkā. Tena vuttaṃ ‘‘pattacīvaraguttatthāyā’’ti. Senāsanabāhullapaṭisedhanatthāyāti senāsanānaṃ bahubhāvanisedhanatthāya, tādisassa vā senāsanassa abhisaṅkharaṇe bhikkhūnaṃ uddesaparipucchādīni sesakammāni pariccajitvā niccabyāvaṭatānisedhanatthaṃ. Anupavajjoti dosaṃ āropetvā na vattabbo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā