Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ๒. ทุติยปาราชิกํ

    2. Dutiyapārājikaṃ

    ธนิยวตฺถุวณฺณนา

    Dhaniyavatthuvaṇṇanā

    ๘๔. ทุติเย ราชูหิ เอว ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ ลทฺธนามเก สมีปเตฺถน, อธิกรณเตฺถน จ ปฎิลทฺธภุมฺมวิภตฺติเก คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต จตูหิ วิหาเรหิ วิหรโนฺตติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺส ‘‘วสฺสํ อุปคจฺฉิํสู’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ตโย เอว หิ ญตฺติํ ฐเปตฺวา คณกมฺมํ กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา อกิริยตฺตาฯ ตตฺถ วินยปริยาเยน สงฺฆคณปุคฺคลกมฺมโกสลฺลตฺถํ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ – อตฺถิ สงฺฆกมฺมํ สโงฺฆ เอว กโรติ, น คโณ น ปุคฺคโล, ตํ อปโลกนกมฺมสฺส กมฺมลกฺขเณกเทสํ ฐเปตฺวา อิตรํ จตุพฺพิธมฺปิ กมฺมํ เวทิตพฺพํฯ อตฺถิ สงฺฆกมฺมํ สโงฺฆ จ กโรติ, คโณ จ กโรติ, ปุคฺคโล จ กโรติฯ กิญฺจาติ? ยํ ปุเพฺพ ฐปิตํฯ วุตฺตเญฺหตํ ปริวารฎฺฐกถายํ ‘‘ยสฺมิํ วิหาเร เทฺว ตโย ชนา วสนฺติ , เตหิ นิสีทิตฺวา กตมฺปิ สเงฺฆน กตสทิสเมวฯ ยสฺมิํ ปน วิหาเร เอโก ภิกฺขุ โหติ, เตน ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา นิสิเนฺนน กตมฺปิ กติกวตฺตํ สเงฺฆน กตสทิสเมว โหตี’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๙๕-๔๙๖)ฯ ปุนปิ วุตฺตํ ‘‘เอกภิกฺขุเก ปน วิหาเร เอเกน สาวิเตปิ ปุริมกติกา ปฎิปฺปสฺสมฺภติ เอวา’’ติฯ อตฺถิ คณกมฺมํ สโงฺฆ กโรติ, คโณ กโรติ, ปุคฺคโล กโรติ, ตํ ตโย ปาริสุทฺธิอุโปสถา อเญฺญสํ สนฺติเก กรียนฺติ, ตสฺส วเสน เวทิตพฺพํฯ อตฺถิ คณกมฺมํ คโณว กโรติ, น สโงฺฆ น ปุคฺคโล, ตํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อญฺญมญฺญํ อาโรจนวเสน กรียติ, ตสฺส วเสน เวทิตพฺพํฯ อตฺถิ ปุคฺคลกมฺมํ ปุคฺคโลว กโรติ, น สโงฺฆ น คโณ, ตํ อธิฎฺฐานุโปสถวเสน เวทิตพฺพํฯ อตฺถิ คณกมฺมํ เอกโจฺจว คโณ กโรติ, เอกโจฺจ น กโรติ, ตตฺถ อญตฺติกํ เทฺว เอว กโรนฺติ, น ตโยฯ สญตฺติกํ ตโยว กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา, เตน วุตฺตํ ‘‘ตโย เอว หิ ญตฺติํ ฐเปตฺวา คณกมฺมํ กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา อกิริยตฺตา’’ติฯ ตสฺมา ตโยว วินยปริยาเยน สมฺปหุลา, น ตโต อุทฺธนฺติ เวทิตพฺพํฯ อนุคณฺฐิปเท ปน ‘‘กิญฺจาปิ กมฺมลกฺขณํ ตโยว กโรนฺติ, อถ โข เตหิ กตํ สเงฺฆน กตสทิสนฺติ วุตฺตตฺตา เอเกน ปริยาเยน ตโย ชนา วินยปริยาเยนปิ สโงฺฆ’’ติ วุตฺตํ, อิทํ สพฺพมฺปิ วินยกมฺมํ อุปาทาย วุตฺตํ, ลาภํ ปน อุปาทาย อนฺตมโส เอโกปิ อนุปสมฺปโนฺนปิ ‘‘สโงฺฆ’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ กิรฯ ปวารณาทิวสสฺส อรุณุคฺคมนสมนนฺตรเมว ‘‘วุตฺถคสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติ, อุกฺกํสนเยน ‘‘ปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐายา’’ติ วุตฺตํ, เตเนว ‘‘มหาปวารณาย ปวาริตา’’ติ วุตฺตํฯ อญฺญถา อนฺตราเยน อปวาริตา ‘‘วุตฺถวสฺสา’’ติ น วุจฺจนฺตีติ อาปชฺชติฯ ถมฺภาทิ กฎฺฐกมฺมนฺติ เวทิตพฺพํฯ เกจิ ตนุกํ ทารุตฺถมฺภํ อโนฺตกตฺวา มตฺติกามยํ ถมฺภํ กโรนฺติ, อยํ ปน ตถา น อกาสิ, เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพมตฺติกามยํ กุฎิกํ กริตฺวา’’ติฯ เตลมิสฺสาย ตมฺพมตฺติกายฯ

    84. Dutiye rājūhi eva pariggahitattā ‘‘rājagaha’’nti laddhanāmake samīpatthena, adhikaraṇatthena ca paṭiladdhabhummavibhattike gijjhakūṭe pabbate catūhi vihārehi viharantoti adhippāyo. Tassa ‘‘vassaṃ upagacchiṃsū’’ti iminā sambandho veditabbo. Tayo eva hi ñattiṃ ṭhapetvā gaṇakammaṃ karonti, na tato ūnā adhikā vā akiriyattā. Tattha vinayapariyāyena saṅghagaṇapuggalakammakosallatthaṃ idaṃ pakiṇṇakaṃ veditabbaṃ – atthi saṅghakammaṃ saṅgho eva karoti, na gaṇo na puggalo, taṃ apalokanakammassa kammalakkhaṇekadesaṃ ṭhapetvā itaraṃ catubbidhampi kammaṃ veditabbaṃ. Atthi saṅghakammaṃ saṅgho ca karoti, gaṇo ca karoti, puggalo ca karoti. Kiñcāti? Yaṃ pubbe ṭhapitaṃ. Vuttañhetaṃ parivāraṭṭhakathāyaṃ ‘‘yasmiṃ vihāre dve tayo janā vasanti , tehi nisīditvā katampi saṅghena katasadisameva. Yasmiṃ pana vihāre eko bhikkhu hoti, tena bhikkhunā uposathadivase pubbakaraṇapubbakiccaṃ katvā nisinnena katampi katikavattaṃ saṅghena katasadisameva hotī’’ti (pari. aṭṭha. 495-496). Punapi vuttaṃ ‘‘ekabhikkhuke pana vihāre ekena sāvitepi purimakatikā paṭippassambhati evā’’ti. Atthi gaṇakammaṃ saṅgho karoti, gaṇo karoti, puggalo karoti, taṃ tayo pārisuddhiuposathā aññesaṃ santike karīyanti, tassa vasena veditabbaṃ. Atthi gaṇakammaṃ gaṇova karoti, na saṅgho na puggalo, taṃ pārisuddhiuposatho aññamaññaṃ ārocanavasena karīyati, tassa vasena veditabbaṃ. Atthi puggalakammaṃ puggalova karoti, na saṅgho na gaṇo, taṃ adhiṭṭhānuposathavasena veditabbaṃ. Atthi gaṇakammaṃ ekaccova gaṇo karoti, ekacco na karoti, tattha añattikaṃ dve eva karonti, na tayo. Sañattikaṃ tayova karonti, na tato ūnā adhikā vā, tena vuttaṃ ‘‘tayo eva hi ñattiṃ ṭhapetvā gaṇakammaṃ karonti, na tato ūnā adhikā vā akiriyattā’’ti. Tasmā tayova vinayapariyāyena sampahulā, na tato uddhanti veditabbaṃ. Anugaṇṭhipade pana ‘‘kiñcāpi kammalakkhaṇaṃ tayova karonti, atha kho tehi kataṃ saṅghena katasadisanti vuttattā ekena pariyāyena tayo janā vinayapariyāyenapi saṅgho’’ti vuttaṃ, idaṃ sabbampi vinayakammaṃ upādāya vuttaṃ, lābhaṃ pana upādāya antamaso ekopi anupasampannopi ‘‘saṅgho’’ti saṅkhyaṃ gacchati kira. Pavāraṇādivasassa aruṇuggamanasamanantarameva ‘‘vutthagassā’’ti vuccanti, ukkaṃsanayena ‘‘pāṭipadadivasato paṭṭhāyā’’ti vuttaṃ, teneva ‘‘mahāpavāraṇāya pavāritā’’ti vuttaṃ. Aññathā antarāyena apavāritā ‘‘vutthavassā’’ti na vuccantīti āpajjati. Thambhādi kaṭṭhakammanti veditabbaṃ. Keci tanukaṃ dārutthambhaṃ antokatvā mattikāmayaṃ thambhaṃ karonti, ayaṃ pana tathā na akāsi, tena vuttaṃ ‘‘sabbamattikāmayaṃ kuṭikaṃ karitvā’’ti. Telamissāya tambamattikāya.

    ๘๕. ‘‘มา ปจฺฉิมา ชนตา ปาเณสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชี’’ติ อิมินา อนุเทฺทสสิกฺขาปเทน ยตฺถ อิฎฺฐกปจน ปตฺตปจน กุฎิกรณ วิหารการาปน นวกมฺมกรณ ขณฺฑผุลฺลปฎิสงฺขรณ วิหารสมฺมชฺชน ปฎคฺคิทาน กูปโปกฺขรณีขณาปนาทีสุ ปาตพฺยตํ ชานเนฺตน ภิกฺขุนา กปฺปิยวจนมฺปิ น วตฺตพฺพนฺติ ทเสฺสติ, เตเนว ปริยายํ อวตฺวา เตสํ สิกฺขาปทานํ อนาปตฺติวาเรสุ ‘‘อนาปตฺติ อสติยา อชานนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อนฺตราปตฺติสิกฺขาปท’’นฺติปิ เอตสฺส นามเมวฯ ‘‘คจฺฉเถตํ, ภิกฺขเว, กุฎิกํ ภินฺทถา’’ติ อิมินา กตํ ลภิตฺวา ตตฺถ วสนฺตานมฺปิ ทุกฺกฎเมวาติ จ สิทฺธํฯ อญฺญถา หิ ภควา น ภินฺทาเปยฺยฯ เอส นโย เภทนกํ เฉทนกํ อุทฺทาลนกนฺติ เอตฺถาปิ, อาปตฺติเภทาวฯ ตโต เอว หิ เภทนกสิกฺขาปทาทีสุ วิย ‘‘อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ น วุตฺตํ, ตถา อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ, เจติยาทีนํ อตฺถาย กโรติ, ทุกฺกฎเมวาติ จ สิทฺธํ, อญฺญถา กุฎิการสิกฺขาปทาทีสุ วิย ‘‘อญฺญสฺสตฺถาย วาสาคารํ ฐเปตฺวา สพฺพตฺถ, อนาปตฺตี’’ติ นยเมว วเทยฺย, น ภินฺทาเปยฺยฯ สพฺพมตฺติกามยภาวํ ปน โมเจตฺวา กฎฺฐปาสาณาทิมิสฺสํ กตฺวา ปริภุญฺชติ, อนาปตฺติฯ ตถา หิ เฉทนกสิกฺขาปทาทีสุ ภควตา นโย ทิโนฺน ‘‘อเญฺญน กตํ ปมาณาติกฺกนฺตํ ปฎิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชตี’’ติอาทีสุฯ เกจิ ปน ‘‘วยกมฺมมฺปีติ เอเตน มูลํ ทตฺวา การาปิตมฺปิ อตฺถิ, เตน ตํ อเญฺญน กตมฺปิ น วฎฺฎตีติ สิทฺธ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ กสฺมา? สมฺภาเร กิณิตฺวา สยเมว กโรนฺตสฺสาปิ วยกมฺมสมฺภวโตฯ กิํ วา ปาฬิเลเส สติ อฎฺฐกถาเลสนโยฯ อิฎฺฐกาหิ คิญฺชกาวสถสเงฺขเปน กตา วฎฺฎตีติ เอตฺถ ปกติอิฎฺฐกาหิ จินิตฺวา กตฺตพฺพาวสโถ คิญฺชกาวสโถ นามฯ สา หิ ‘‘มตฺติกามยา’’ติ น วุจฺจติ, ‘‘อิฎฺฐกกุฎิกา’’เตฺวว วุจฺจติ, ตสฺมา ถุสโคมยติณปลาลมิสฺสา มตฺติกามยาปิ อปกฺกิฎฺฐกมยาปิ ‘‘สพฺพมตฺติกามยา’’เตฺวว วุจฺจตีติ โน ขนฺตีติ อาจริโย, ภสฺมาทโย หิ มตฺติกาย ทฬฺหิภาวตฺถเมว อาทียนฺติ, อปกฺกิฎฺฐกมยาปิ คิญฺชกาวสถสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, น จ อายสฺมา ธนิโย เอกปฺปหาเรเนว กุมฺภกาโร วิย กุมฺภํ ตํ กุฎิกํ นิฎฺฐาเปสิ, อนุกฺกเมน ปน สุกฺขาเปตฺวา สุกฺขาเปตฺวา มตฺติกาปิเณฺฑหิ จินิตฺวา นิฎฺฐาเปสิ, อปกฺกิฎฺฐกมยา กุฎิ วิย สพฺพมตฺติกามยา กุฎิ เอกาพทฺธา โหติ, น ตถา ปกฺกิฎฺฐกมยา, ตสฺมา สา กปฺปตีติ เอเกฯ สพฺพมตฺติกามยาย กุฎิยา พหิ เจ ติณกุฎิกาทิํ กตฺวา อโนฺต วสติ, ทุกฺกฎเมวฯ สเจ ตตฺถ ตตฺถ ฉิทฺทํ กตฺวา พนฺธิตฺวา เอกาพทฺธํ กโรติ, วฎฺฎติฯ อโนฺต เจ ติณกุฎิกาทิํ กตฺวา อโนฺต วสติ, วฎฺฎติฯ การโก เอว เจ วสติ, กรณปจฺจยา ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ, น วสนปจฺจยาฯ สเจ อโนฺต วา พหิ วา อุภยตฺถ วา สุธาย ลิมฺปติ, วฎฺฎติฯ ยสฺมา สพฺพมตฺติกามยา กุฎิ สุกรา ภินฺทิตุํ, ตสฺมา ตตฺถ ฐปิตํ ปตฺตจีวราทิ อคุตฺตํ โหติ, โจราทีหิ อวหริตุํ สกฺกา, เตน วุตฺตํ ‘‘ปตฺตจีวรคุตฺตตฺถายา’’ติฯ

    85. ‘‘Mā pacchimā janatā pāṇesu pātabyataṃ āpajjī’’ti iminā anuddesasikkhāpadena yattha iṭṭhakapacana pattapacana kuṭikaraṇa vihārakārāpana navakammakaraṇa khaṇḍaphullapaṭisaṅkharaṇa vihārasammajjana paṭaggidāna kūpapokkharaṇīkhaṇāpanādīsu pātabyataṃ jānantena bhikkhunā kappiyavacanampi na vattabbanti dasseti, teneva pariyāyaṃ avatvā tesaṃ sikkhāpadānaṃ anāpattivāresu ‘‘anāpatti asatiyā ajānantassā’’ti vuttaṃ. ‘‘Antarāpattisikkhāpada’’ntipi etassa nāmameva. ‘‘Gacchathetaṃ, bhikkhave, kuṭikaṃ bhindathā’’ti iminā kataṃ labhitvā tattha vasantānampi dukkaṭamevāti ca siddhaṃ. Aññathā hi bhagavā na bhindāpeyya. Esa nayo bhedanakaṃ chedanakaṃ uddālanakanti etthāpi, āpattibhedāva. Tato eva hi bhedanakasikkhāpadādīsu viya ‘‘aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, āpatti dukkaṭassā’’ti na vuttaṃ, tathā aññassatthāya karoti, cetiyādīnaṃ atthāya karoti, dukkaṭamevāti ca siddhaṃ, aññathā kuṭikārasikkhāpadādīsu viya ‘‘aññassatthāya vāsāgāraṃ ṭhapetvā sabbattha, anāpattī’’ti nayameva vadeyya, na bhindāpeyya. Sabbamattikāmayabhāvaṃ pana mocetvā kaṭṭhapāsāṇādimissaṃ katvā paribhuñjati, anāpatti. Tathā hi chedanakasikkhāpadādīsu bhagavatā nayo dinno ‘‘aññena kataṃ pamāṇātikkantaṃ paṭilabhitvā chinditvā paribhuñjatī’’tiādīsu. Keci pana ‘‘vayakammampīti etena mūlaṃ datvā kārāpitampi atthi, tena taṃ aññena katampi na vaṭṭatīti siddha’’nti vadanti, taṃ na sundaraṃ. Kasmā? Sambhāre kiṇitvā sayameva karontassāpi vayakammasambhavato. Kiṃ vā pāḷilese sati aṭṭhakathālesanayo. Iṭṭhakāhi giñjakāvasathasaṅkhepena katā vaṭṭatīti ettha pakatiiṭṭhakāhi cinitvā kattabbāvasatho giñjakāvasatho nāma. Sā hi ‘‘mattikāmayā’’ti na vuccati, ‘‘iṭṭhakakuṭikā’’tveva vuccati, tasmā thusagomayatiṇapalālamissā mattikāmayāpi apakkiṭṭhakamayāpi ‘‘sabbamattikāmayā’’tveva vuccatīti no khantīti ācariyo, bhasmādayo hi mattikāya daḷhibhāvatthameva ādīyanti, apakkiṭṭhakamayāpi giñjakāvasathasaṅkhyaṃ na gacchati, na ca āyasmā dhaniyo ekappahāreneva kumbhakāro viya kumbhaṃ taṃ kuṭikaṃ niṭṭhāpesi, anukkamena pana sukkhāpetvā sukkhāpetvā mattikāpiṇḍehi cinitvā niṭṭhāpesi, apakkiṭṭhakamayā kuṭi viya sabbamattikāmayā kuṭi ekābaddhā hoti, na tathā pakkiṭṭhakamayā, tasmā sā kappatīti eke. Sabbamattikāmayāya kuṭiyā bahi ce tiṇakuṭikādiṃ katvā anto vasati, dukkaṭameva. Sace tattha tattha chiddaṃ katvā bandhitvā ekābaddhaṃ karoti, vaṭṭati. Anto ce tiṇakuṭikādiṃ katvā anto vasati, vaṭṭati. Kārako eva ce vasati, karaṇapaccayā dukkaṭaṃ āpajjati, na vasanapaccayā. Sace anto vā bahi vā ubhayattha vā sudhāya limpati, vaṭṭati. Yasmā sabbamattikāmayā kuṭi sukarā bhindituṃ, tasmā tattha ṭhapitaṃ pattacīvarādi aguttaṃ hoti, corādīhi avaharituṃ sakkā, tena vuttaṃ ‘‘pattacīvaraguttatthāyā’’ti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact