Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
ธนิยวตฺถุวณฺณนา
Dhaniyavatthuvaṇṇanā
๘๔. ราชูหิ คหิตนฺติ ราชคหนฺติ อาห ‘‘มนฺธาตู’’ติฯ ราชปุโรหิเตน ปริคฺคหิตมฺปิ ราชปริคฺคหิตเมวาติ มหาโควินฺทคฺคหณํ, นครสทฺทาเปกฺขาย เจตฺถ ‘‘ราชคห’’นฺติ นปุํสกนิเทฺทโสฯ อเญฺญเปตฺถ ปกาเรติ สุสํวิหิตารกฺขตฺตา ราชูนํ คหํ เคหภูตนฺติ ราชคหนฺติอาทิเก ปกาเรฯ วสนฺตวนนฺติ กีฬาวนํ, วสนฺตกาเล กีฬาย เยภุยฺยตฺตา ปน วสนฺตวนนฺติ วุตฺตํฯ
84. Rājūhi gahitanti rājagahanti āha ‘‘mandhātū’’ti. Rājapurohitena pariggahitampi rājapariggahitamevāti mahāgovindaggahaṇaṃ, nagarasaddāpekkhāya cettha ‘‘rājagaha’’nti napuṃsakaniddeso. Aññepettha pakāreti susaṃvihitārakkhattā rājūnaṃ gahaṃ gehabhūtanti rājagahantiādike pakāre. Vasantavananti kīḷāvanaṃ, vasantakāle kīḷāya yebhuyyattā pana vasantavananti vuttaṃ.
สทฺวารพนฺธาติ วสฺสูปคมนโยคฺคตาทสฺสนํฯ นาลกปฎิปทนฺติ สุตฺตนิปาเต (สุ. นิ. ๖๘๔ อาทโย) นาลกเตฺถรสฺส เทสิตํ โมเนยฺยปฎิปทํฯ ปญฺจนฺนํ ฉทนานนฺติ ติณปณฺณอิฎฺฐกสิลาสุธาสงฺขาตานํ ปญฺจนฺนํฯ โน เจ ลภติ…เป.… สามมฺปิ กาตพฺพนฺติ อิมินา นาวาสตฺถวเช ฐเปตฺวา อญฺญตฺถ ‘‘อเสนาสนิโก อห’’นฺติ อาลยกรณมเตฺตน อุปคมนํ น วฎฺฎติฯ เสนาสนํ ปริเยสิตฺวา วจีเภทํ กตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตพฺพเมวาติ ทเสฺสติฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกนา’’ติอาทินา (มหาว. ๒๐๔) หิ ปาฬิยํ ‘‘นาลกปฎิปทํ ปฎิปเนฺนนาปี’’ติ อฎฺฐกถายญฺจ อวิเสเสน ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตํ, นาวาสตฺถวเชสุเยว จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นาวาย วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๐๓) อสติปิ เสนาสเน อาลยกรณวเสน วสฺสูปคมนํ อนุญฺญาตํ, นาญฺญตฺถาติ คเหตพฺพํฯ อยมนุธมฺมตาติ สามีจิวตฺตํฯ กติกวตฺตานีติ ภสฺสารามตาทิํ วิหาย สพฺพทา อปฺปมเตฺตหิ ภวิตพฺพนฺติอาทิกติกวตฺตานิฯ ขนฺธกวตฺตานีติ ‘‘อาคนฺตุกาทิขนฺธกวตฺตํ ปูเรตพฺพ’’นฺติ เอวํ ขนฺธกวตฺตานิ จ อธิฎฺฐหิตฺวาฯ
Sadvārabandhāti vassūpagamanayoggatādassanaṃ. Nālakapaṭipadanti suttanipāte (su. ni. 684 ādayo) nālakattherassa desitaṃ moneyyapaṭipadaṃ. Pañcannaṃ chadanānanti tiṇapaṇṇaiṭṭhakasilāsudhāsaṅkhātānaṃ pañcannaṃ. No ce labhati…pe… sāmampi kātabbanti iminā nāvāsatthavaje ṭhapetvā aññattha ‘‘asenāsaniko aha’’nti ālayakaraṇamattena upagamanaṃ na vaṭṭati. Senāsanaṃ pariyesitvā vacībhedaṃ katvā vassaṃ upagantabbamevāti dasseti. ‘‘Na, bhikkhave, asenāsanikenā’’tiādinā (mahāva. 204) hi pāḷiyaṃ ‘‘nālakapaṭipadaṃ paṭipannenāpī’’ti aṭṭhakathāyañca avisesena daḷhaṃ katvā vuttaṃ, nāvāsatthavajesuyeva ca ‘‘anujānāmi, bhikkhave, nāvāya vassaṃ upagantu’’ntiādinā (mahāva. 203) asatipi senāsane ālayakaraṇavasena vassūpagamanaṃ anuññātaṃ, nāññatthāti gahetabbaṃ. Ayamanudhammatāti sāmīcivattaṃ. Katikavattānīti bhassārāmatādiṃ vihāya sabbadā appamattehi bhavitabbantiādikatikavattāni. Khandhakavattānīti ‘‘āgantukādikhandhakavattaṃ pūretabba’’nti evaṃ khandhakavattāni ca adhiṭṭhahitvā.
วสฺสํวุตฺถาติ ปทสฺส อฎฺฐกถายํ ‘‘ปุริมิกาย อุปคตา มหาปวารณาย ปวาริตา ปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ‘วุตฺถวสฺสา’ติ วุจฺจนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา มหาปวารณาทิวเส ปวาเรตฺวา วา อปฺปวาเรตฺวา วา อญฺญตฺถ คจฺฉเนฺตหิ สตฺตาหกรณียนิมิเตฺต สติ เอว คนฺตพฺพํ, นาสติ, อิตรถา วสฺสเจฺฉโท ทุกฺกฎญฺจ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ หิ ‘‘น, ภิกฺขเว, วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุริมํ วา เตมาสํ ปจฺฉิมํ วา เตมาสํ อวสิตฺวา จาริกา ปกฺกมิตพฺพา’’ติ (มหาว. ๑๘๕) จ วุตฺตํฯ อิเธว จ วสฺสํวุตฺถา เตมาสจฺจเยน…เป.… ปกฺกมิํสูติ วุตฺตํฯ ปวารณาทิวโสปิ เตมาสปริยาปโนฺนวฯ เกจิ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุตฺถานํ ภิกฺขูนํ ตีหิ ฐาเนหิ ปวาเรตุนฺติ (มหาว. ๒๐๙) ปวารณากมฺมสฺส ปุเพฺพเยว วสฺสํวุตฺถานนฺติ วุตฺถวสฺสตาย วุตฺตตฺตา มหาปวารณาทิวเส สตฺตาหกรณียนิมิตฺตํ วินาปิ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, วุตฺถวสฺสานญฺหิ ปวารณานุชานนํ อนุปคตฉินฺนวสฺสาทีนํ นิวตฺตนตฺถํ กตํ, น ปน ปวารณาทิวเส อวสิตฺวา ปกฺกมิตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ ตทตฺถสฺส อิธ ปสงฺคาภาวา, ปวารณํ กาตุํ อนุจฺฉวิกานํ ปวารณา อิธ วิธียติ, เย จ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วสฺสเจฺฉทญฺจ อกตฺวา ยาว ปวารณาทิวสา วสิํสุ, เต ตตฺตเกน ปวารณากมฺมํ ปติ ปริยายโต วุตฺถวสฺสาติ วุจฺจนฺติ, อปฺปกํ อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหตีติ ญายโต, น กถินกมฺมํ ปติ เตมาสสฺส อปริปุณฺณตฺตา, อิตรถา ตสฺมิํ มหาปวารณาทิวเสปิ กถินตฺถารปฺปสงฺคโตฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุตฺถานํ ภิกฺขูนํ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๐๖) อิทํ ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุริมํ วา เตมาสํ ปจฺฉิมํ วา เตมาสํ อวสิตฺวา จาริกา ปกฺกมิตพฺพา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๘๕) จ นิปฺปริยายโต มหาปวารณาย อนนฺตรปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย กถินตฺถารํ ปกฺกมนญฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, ปริวาเร จ ‘‘กถินสฺส อตฺถารมาโส ชานิตโพฺพ’’ติ (ปริ. ๔๑๒) วตฺวา ‘‘วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส ชานิตโพฺพ’’ติ (ปริ. ๔๑๒) วุตฺตํฯ โย หิ กถินตฺถารสฺส กาโล, ตโต ปฎฺฐาเยว จาริกาปกฺกมนสฺสาปิ กาโล, น ตโต ปุเร วสฺสํวุตฺถานํเยว กถินตฺถารารหตฺตาฯ ยทเคฺคน หิ ปวารณาทิวเส กถินตฺถาโร น วฎฺฎติ, ตทเคฺคน ภิกฺขูปิ วุตฺถวสฺสา น โหนฺติ ปวารณาทิวสสฺส อวุตฺถตฺตาฯ
Vassaṃvutthāti padassa aṭṭhakathāyaṃ ‘‘purimikāya upagatā mahāpavāraṇāya pavāritā pāṭipadadivasato paṭṭhāya ‘vutthavassā’ti vuccantī’’ti vuttattā mahāpavāraṇādivase pavāretvā vā appavāretvā vā aññattha gacchantehi sattāhakaraṇīyanimitte sati eva gantabbaṃ, nāsati, itarathā vassacchedo dukkaṭañca hotīti veditabbaṃ. ‘‘Imaṃ temāsaṃ vassaṃ upemī’’ti hi ‘‘na, bhikkhave, vassaṃ upagantvā purimaṃ vā temāsaṃ pacchimaṃ vā temāsaṃ avasitvā cārikā pakkamitabbā’’ti (mahāva. 185) ca vuttaṃ. Idheva ca vassaṃvutthā temāsaccayena…pe… pakkamiṃsūti vuttaṃ. Pavāraṇādivasopi temāsapariyāpannova. Keci pana ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vassaṃvutthānaṃ bhikkhūnaṃ tīhi ṭhānehi pavāretunti (mahāva. 209) pavāraṇākammassa pubbeyeva vassaṃvutthānanti vutthavassatāya vuttattā mahāpavāraṇādivase sattāhakaraṇīyanimittaṃ vināpi yathāsukhaṃ gantuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ, vutthavassānañhi pavāraṇānujānanaṃ anupagatachinnavassādīnaṃ nivattanatthaṃ kataṃ, na pana pavāraṇādivase avasitvā pakkamitabbanti dassanatthaṃ tadatthassa idha pasaṅgābhāvā, pavāraṇaṃ kātuṃ anucchavikānaṃ pavāraṇā idha vidhīyati, ye ca vassaṃ upagantvā vassacchedañca akatvā yāva pavāraṇādivasā vasiṃsu, te tattakena pavāraṇākammaṃ pati pariyāyato vutthavassāti vuccanti, appakaṃ ūnamadhikaṃ vā gaṇanūpagaṃ na hotīti ñāyato, na kathinakammaṃ pati temāsassa aparipuṇṇattā, itarathā tasmiṃ mahāpavāraṇādivasepi kathinatthārappasaṅgato. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, vassaṃvutthānaṃ bhikkhūnaṃ kathinaṃ attharitu’’nti (mahāva. 306) idaṃ pana ‘‘na, bhikkhave, vassaṃ upagantvā purimaṃ vā temāsaṃ pacchimaṃ vā temāsaṃ avasitvā cārikā pakkamitabbā’’tiādi (mahāva. 185) ca nippariyāyato mahāpavāraṇāya anantarapāṭipadadivasato paṭṭhāya kathinatthāraṃ pakkamanañca sandhāya vuttaṃ, parivāre ca ‘‘kathinassa atthāramāso jānitabbo’’ti (pari. 412) vatvā ‘‘vassānassa pacchimo māso jānitabbo’’ti (pari. 412) vuttaṃ. Yo hi kathinatthārassa kālo, tato paṭṭhāyeva cārikāpakkamanassāpi kālo, na tato pure vassaṃvutthānaṃyeva kathinatthārārahattā. Yadaggena hi pavāraṇādivase kathinatthāro na vaṭṭati, tadaggena bhikkhūpi vutthavassā na honti pavāraṇādivasassa avutthattā.
ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ปาราชิกกณฺฑ ๒.๘๔) ‘‘เอกเทเสน อวุตฺถมฺปิ ตํ ทิวสํ วุตฺถภาคาเปกฺขาย วุตฺถเมว โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ, ตํทิวสปริโยสาเน อรุณุคฺคมนกาเล วสโนฺตว หิ ตํ ทิวสํ วุโตฺถ นาม โหติ ปริวาสอรญฺญวาสาทีสุ วิย, อยญฺจ วิจารณา อุปริ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก อาวิ ภวิสฺสตีติ ตเตฺถว ตํ ปากฎํ กริสฺสามฯ
Yaṃ pana sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. pārājikakaṇḍa 2.84) ‘‘ekadesena avutthampi taṃ divasaṃ vutthabhāgāpekkhāya vutthameva hotī’’tiādi vuttaṃ, taṃ na yuttaṃ, taṃdivasapariyosāne aruṇuggamanakāle vasantova hi taṃ divasaṃ vuttho nāma hoti parivāsaaraññavāsādīsu viya, ayañca vicāraṇā upari vassūpanāyikakkhandhake āvi bhavissatīti tattheva taṃ pākaṭaṃ karissāma.
มหาปวารณาย ปวาริตาติ ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคนฺตฺวา อจฺฉินฺนวสฺสตาทสฺสนปรํ เอตํ เกนจิ อนฺตราเยน อปฺปวาริตานมฺปิ วุตฺถวสฺสตฺตาฯ น โอวสฺสิยตีติ อโนวสฺสกนฺติ กมฺมสาธนํ ทฎฺฐพฺพํ, ยถา น เตมิยติ, ตถา กตฺวาติ อโตฺถฯ อนวโยติ เอตฺถ อนุสโทฺท วิจฺฉายํ วตฺตตีติ อาห อนุ อนุ อวโยติอาทิฯ อาจริยสฺส กมฺมํ อาจริยกนฺติ อาห ‘‘อาจริยกเมฺม’’ติฯ กฎฺฐกมฺมํ ถมฺภาทิฯ เตลตมฺพมตฺติกายาติ เตลมิสฺสาย ตมฺพมตฺติกายฯ
Mahāpavāraṇāyapavāritāti purimikāya vassaṃ upagantvā acchinnavassatādassanaparaṃ etaṃ kenaci antarāyena appavāritānampi vutthavassattā. Na ovassiyatīti anovassakanti kammasādhanaṃ daṭṭhabbaṃ, yathā na temiyati, tathā katvāti attho. Anavayoti ettha anusaddo vicchāyaṃ vattatīti āha anu anu avayotiādi. Ācariyassa kammaṃ ācariyakanti āha ‘‘ācariyakamme’’ti. Kaṭṭhakammaṃ thambhādi. Telatambamattikāyāti telamissāya tambamattikāya.
๘๕. กุฎิกาย กรณภาวนฺติ กุฎิยา กตภาวํฯ กิํ-สทฺทปฺปโยเค อนาคตปฺปจฺจยวิธานํ สนฺธาย ตสฺส ลกฺขณนฺติอาทิ วุตฺตํฯ กิญฺจาปิ เถรสฺส ปาณฆาตาธิปฺปาโย นตฺถิ, อนุปปริกฺขิตฺวา กรเณน ปน พหูนํ ปาณานํ มรณตฺตา ปาเณ พฺยาพาเธนฺตสฺสาติอาทิ วุตฺตํฯ ปาตพฺยภาวนฺติ วินาเสตพฺพตํฯ ปาณาติปาตํ กโรนฺตานนฺติ เถเรน อกเตปิ ปาณาติปาเต ปาณกานํ มรณมเตฺตน ปจฺฉิมานํ เลเสน คหณาการํ ทเสฺสติ, เตน จ ‘‘มม ตาทิสํ อกุสลํ นตฺถี’’ติ ปจฺฉิมานํ วิปลฺลาสเลสคฺคหณนิมิตฺตกิจฺจํ น กตฺตพฺพนฺติ ทีปิตํ โหติฯ ทิฎฺฐานุคตินฺติ ทิฎฺฐสฺส กมฺมสฺส อนุปคมนํ อนุกิริยํ, ทิฎฺฐิยา วา ลทฺธิยา อนุคมนํ คาหํฯ ฆํสิตเพฺพติ มทฺทิตเพฺพ, วินาสิตเพฺพติ อโตฺถฯ กตํ ลภิตฺวา ตตฺถ วสนฺตานมฺปิ ทุกฺกฎเมวาติ อิทํ ภควตา กุฎิยา เภทาปนวจเนน สิทฺธํ, สาปิ ติณทพฺพสมฺภาเรหิ ตุลาถมฺภาทีหิ อมิสฺสา สุทฺธมตฺติกามยาปิ อิฎฺฐกาหิ กตา วฎฺฎติฯ เกจิ หิ อิฎฺฐกาหิเยว ถเมฺภ จินิตฺวา ตทุปริ อิฎฺฐกาหิเยว วิตานาทิสณฺฐาเนน ตุลาทิทารุสมฺภารวิรหิตํ ฉทนมฺปิ พนฺธิตฺวา อิฎฺฐกามยเมว อาวสถํ กโรนฺติ, ตาทิสํ วฎฺฎติฯ คิญฺชกาวสถสเงฺขเปน กตาติ เอตฺถ คิญฺชกา วุจฺจนฺติ อิฎฺฐกา, ตาหิเยว กโต อาวสโถ คิญฺชกาวสโถฯ วยกมฺมมฺปีติ มตฺติกุทฺธารณอิฎฺฐกทารุเจฺฉทนาทิการกานํ ทินฺนภตฺตเวตฺตนาทิวตฺถุพฺพเยน นิปฺผนฺนกมฺมมฺปิ อตฺถิ, เอเตน กุฎิเภทกานํ คีวาทิภาวํ ปริสงฺกติฯ ติตฺถิยธโชติ ติตฺถิยานเมว สญฺญาณภูตตฺตา วุตฺตํฯ เต หิ อีทิเสสุ จาฎิอาทีสุ วสนฺติฯ อญฺญานิปีติ ปิ-สเทฺทน อตฺตนา วุตฺตการณทฺวยมฺปิ มหาอฎฺฐกถายเมว วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ ยสฺมา สพฺพมตฺติกามยา กุฎิ สีตกาเล อติสีตา อุณฺหกาเล จ อุณฺหา สุกรา จ โหติ โจเรหิ ภินฺทิตุํ, ตสฺมา ตตฺถ ฐปิตปตฺตจีวราทิกํ สีตุณฺหโจราทีหิ วินสฺสตีติ วุตฺตํ ‘‘ปตฺตจีวรคุตฺตตฺถายา’’ติฯ ฉินฺทาเปยฺย วา ภินฺทาเปยฺย วา อนุปวโชฺชติ อิทํ อยํ กุฎิ วิย สพฺพถา อนุปโยคารหํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยํ ปน ปญฺจวณฺณสุเตฺตหิ วินทฺธฉตฺตาทิกํ, ตตฺถ อกปฺปิยภาโคว ฉินฺทิตโพฺพ, น ตทวเสโส ตสฺส กปฺปิยตฺตา, ตํ ฉินฺทโนฺต อุปวโชฺชว โหติฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘ฆฎกมฺปิ วาฬรูปมฺปิ ภินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพ’’นฺติอาทิฯ
85.Kuṭikāya karaṇabhāvanti kuṭiyā katabhāvaṃ. Kiṃ-saddappayoge anāgatappaccayavidhānaṃ sandhāya tassa lakkhaṇantiādi vuttaṃ. Kiñcāpi therassa pāṇaghātādhippāyo natthi, anupaparikkhitvā karaṇena pana bahūnaṃ pāṇānaṃ maraṇattā pāṇe byābādhentassātiādi vuttaṃ. Pātabyabhāvanti vināsetabbataṃ. Pāṇātipātaṃ karontānanti therena akatepi pāṇātipāte pāṇakānaṃ maraṇamattena pacchimānaṃ lesena gahaṇākāraṃ dasseti, tena ca ‘‘mama tādisaṃ akusalaṃ natthī’’ti pacchimānaṃ vipallāsalesaggahaṇanimittakiccaṃ na kattabbanti dīpitaṃ hoti. Diṭṭhānugatinti diṭṭhassa kammassa anupagamanaṃ anukiriyaṃ, diṭṭhiyā vā laddhiyā anugamanaṃ gāhaṃ. Ghaṃsitabbeti madditabbe, vināsitabbeti attho. Kataṃ labhitvā tattha vasantānampi dukkaṭamevāti idaṃ bhagavatā kuṭiyā bhedāpanavacanena siddhaṃ, sāpi tiṇadabbasambhārehi tulāthambhādīhi amissā suddhamattikāmayāpi iṭṭhakāhi katā vaṭṭati. Keci hi iṭṭhakāhiyeva thambhe cinitvā tadupari iṭṭhakāhiyeva vitānādisaṇṭhānena tulādidārusambhāravirahitaṃ chadanampi bandhitvā iṭṭhakāmayameva āvasathaṃ karonti, tādisaṃ vaṭṭati. Giñjakāvasathasaṅkhepena katāti ettha giñjakā vuccanti iṭṭhakā, tāhiyeva kato āvasatho giñjakāvasatho. Vayakammampīti mattikuddhāraṇaiṭṭhakadārucchedanādikārakānaṃ dinnabhattavettanādivatthubbayena nipphannakammampi atthi, etena kuṭibhedakānaṃ gīvādibhāvaṃ parisaṅkati. Titthiyadhajoti titthiyānameva saññāṇabhūtattā vuttaṃ. Te hi īdisesu cāṭiādīsu vasanti. Aññānipīti pi-saddena attanā vuttakāraṇadvayampi mahāaṭṭhakathāyameva vuttanti dasseti. Yasmā sabbamattikāmayā kuṭi sītakāle atisītā uṇhakāle ca uṇhā sukarā ca hoti corehi bhindituṃ, tasmā tattha ṭhapitapattacīvarādikaṃ sītuṇhacorādīhi vinassatīti vuttaṃ ‘‘pattacīvaraguttatthāyā’’ti. Chindāpeyya vā bhindāpeyya vā anupavajjoti idaṃ ayaṃ kuṭi viya sabbathā anupayogārahaṃ sandhāya vuttaṃ. Yaṃ pana pañcavaṇṇasuttehi vinaddhachattādikaṃ, tattha akappiyabhāgova chinditabbo, na tadavaseso tassa kappiyattā, taṃ chindanto upavajjova hoti. Teneva vakkhati ‘‘ghaṭakampi vāḷarūpampi bhinditvā dhāretabba’’ntiādi.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā