Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๖. ธนุคฺคหสุตฺตวณฺณนา

    6. Dhanuggahasuttavaṇṇanā

    ๒๒๘. ฉเฎฺฐ ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคหาติ ทฬฺหธนุโน อิสฺสาสาฯ ทฬฺหธนุ นาม ทฺวิสหสฺสถามํ วุจฺจติ, ทฺวิสหสฺสถามํ นาม ยสฺส อาโรปิตสฺส ชิยาพโทฺธ โลหสีสาทีนํ ภาโร ทเณฺฑ คเหตฺวา ยาว กณฺฑปฺปมาณา อุกฺขิตฺตสฺส ปถวิโต มุจฺจติฯ สุสิกฺขิตาติ ทสทฺวาทสวสฺสานิ อาจริยกุเล อุคฺคหิตสิปฺปาฯ กตหตฺถาติ โย สิปฺปเมว อุคฺคณฺหาติ, โส กตหโตฺถ น โหติ, อิเม ปน กตหตฺถา จิณฺณวสีภาวาฯ กตูปาสนาติ ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิปฺปาฯ

    228. Chaṭṭhe daḷhadhammā dhanuggahāti daḷhadhanuno issāsā. Daḷhadhanu nāma dvisahassathāmaṃ vuccati, dvisahassathāmaṃ nāma yassa āropitassa jiyābaddho lohasīsādīnaṃ bhāro daṇḍe gahetvā yāva kaṇḍappamāṇā ukkhittassa pathavito muccati. Susikkhitāti dasadvādasavassāni ācariyakule uggahitasippā. Katahatthāti yo sippameva uggaṇhāti, so katahattho na hoti, ime pana katahatthā ciṇṇavasībhāvā. Katūpāsanāti rājakulādīsu dassitasippā.

    ตสฺส ปุริสสฺส ชโวติ เอวรูโป อโญฺญ ปุริโส นาม น ภูตปุโพฺพ, โพธิสตฺตเสฺสว ปน ชวนหํสกาโล นาม อาสิฯ ตทา โพธิสโตฺต จตฺตาริ กณฺฑานิ อาหริฯ ตทา กิรสฺส กนิฎฺฐภาตโร ‘‘มยํ, ภาติก, สูริเยน สทฺธิํ ชวิสฺสามา’’ติ อาโรเจสุํฯ โพธิสโตฺต อาห – ‘‘สูริโย สีฆชโว, น สกฺขิสฺสถ ตุเมฺห เตน สทฺธิํ ชวิตุ’’นฺติฯ เต ทุติยํ ตติยมฺปิ ตเถว วตฺวา เอกทิวสํ ‘‘คจฺฉามา’’ติ ยุคนฺธรปพฺพตํ อารุหิตฺวา นิสีทิํสุฯ โพธิสโตฺต ‘‘กหํ เม ภาตโร’’ติ? ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘สูริเยน สทฺธิํ ชวิตุํ คตา’’ติ วุเตฺต, ‘‘วินสฺสิสฺสนฺติ ตปสฺสิโน’’ติ เต อนุกมฺปมาโน สยมฺปิ คนฺตฺวา เตสํ สนฺติเก นิสีทิฯ อถ สูริเย อุคฺคจฺฉเนฺต เทฺวปิ ภาตโร สูริเยน สทฺธิํเยว อากาสํ ปกฺขนฺตา, โพธิสโตฺตปิ เตหิ สทฺธิํเยว ปกฺขโนฺตฯ เตสุ เอกสฺส อปเตฺตเยว อนฺตรภตฺตสมเย ปกฺขนฺตเรสุ อคฺคิ อุฎฺฐหิ, โส ภาตรํ ปโกฺกสิตฺวา ‘‘น สโกฺกมี’’ติ อาหฯ ตเมนํ โพธิสโตฺต ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปกฺขปญฺชเรน ปลิเวเฐตฺวา ทรถํ วิโนเทตฺวา ‘‘คจฺฉา’’ติ เปเสสิฯ

    Tassa purisassa javoti evarūpo añño puriso nāma na bhūtapubbo, bodhisattasseva pana javanahaṃsakālo nāma āsi. Tadā bodhisatto cattāri kaṇḍāni āhari. Tadā kirassa kaniṭṭhabhātaro ‘‘mayaṃ, bhātika, sūriyena saddhiṃ javissāmā’’ti ārocesuṃ. Bodhisatto āha – ‘‘sūriyo sīghajavo, na sakkhissatha tumhe tena saddhiṃ javitu’’nti. Te dutiyaṃ tatiyampi tatheva vatvā ekadivasaṃ ‘‘gacchāmā’’ti yugandharapabbataṃ āruhitvā nisīdiṃsu. Bodhisatto ‘‘kahaṃ me bhātaro’’ti? Pucchitvā, ‘‘sūriyena saddhiṃ javituṃ gatā’’ti vutte, ‘‘vinassissanti tapassino’’ti te anukampamāno sayampi gantvā tesaṃ santike nisīdi. Atha sūriye uggacchante dvepi bhātaro sūriyena saddhiṃyeva ākāsaṃ pakkhantā, bodhisattopi tehi saddhiṃyeva pakkhanto. Tesu ekassa apatteyeva antarabhattasamaye pakkhantaresu aggi uṭṭhahi, so bhātaraṃ pakkositvā ‘‘na sakkomī’’ti āha. Tamenaṃ bodhisatto ‘‘mā bhāyī’’ti samassāsetvā pakkhapañjarena paliveṭhetvā darathaṃ vinodetvā ‘‘gacchā’’ti pesesi.

    ทุติโย ยาว อนฺตรภตฺตา ชวิตฺวา ปกฺขนฺตเรสุ อคฺคิมฺหิ อุฎฺฐหิเต ตเถวาหฯ ตมฺปิ โส ตเถว กตฺวา ‘‘คจฺฉา’’ติ เปเสสิฯ สยํ ปน ยาว มชฺฌนฺหิกา ชวิตฺวา, ‘‘เอเต พาลาติ มยาปิ พาเลน น ภวิตพฺพ’’นฺติ นิวตฺติตฺวา – ‘‘อทิฎฺฐสหายกํ พาราณสิราชํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ พาราณสิํ อคมาสิฯ ตสฺมิํ นครมตฺถเก ปริพฺภมเนฺต ทฺวาทสโยชนํ นครํ ปตฺตกฎาเหน โอตฺถฎปโตฺต วิย อโหสิฯ อถ ปริพฺภมนฺตสฺส ปริพฺภมนฺตสฺส ตตฺถ ตตฺถ ฉิทฺทานิ ปญฺญายิํสุฯ สยมฺปิ อเนกหํสสหสฺสสทิโส ปญฺญายิฯ โส เวคํ ปฎิสํหริตฺวา ราชเคหาภิมุโข อโหสิฯ ราชา โอโลเกตฺวา – ‘‘อาคโต กิร เม ปิยสหาโย ชวนหํโส’’ติ วาตปานํ วิวริตฺวา รตนปีฐํ ปญฺญาเปตฺวา โอโลเกโนฺต อฎฺฐาสิฯ โพธิสโตฺต รตนปีเฐ นิสีทิฯ

    Dutiyo yāva antarabhattā javitvā pakkhantaresu aggimhi uṭṭhahite tathevāha. Tampi so tatheva katvā ‘‘gacchā’’ti pesesi. Sayaṃ pana yāva majjhanhikā javitvā, ‘‘ete bālāti mayāpi bālena na bhavitabba’’nti nivattitvā – ‘‘adiṭṭhasahāyakaṃ bārāṇasirājaṃ passissāmī’’ti bārāṇasiṃ agamāsi. Tasmiṃ nagaramatthake paribbhamante dvādasayojanaṃ nagaraṃ pattakaṭāhena otthaṭapatto viya ahosi. Atha paribbhamantassa paribbhamantassa tattha tattha chiddāni paññāyiṃsu. Sayampi anekahaṃsasahassasadiso paññāyi. So vegaṃ paṭisaṃharitvā rājagehābhimukho ahosi. Rājā oloketvā – ‘‘āgato kira me piyasahāyo javanahaṃso’’ti vātapānaṃ vivaritvā ratanapīṭhaṃ paññāpetvā olokento aṭṭhāsi. Bodhisatto ratanapīṭhe nisīdi.

    อถสฺส ราชา สหสฺสปาเกน เตเลน ปกฺขนฺตรานิ มเกฺขตฺวา, มธุลาเช เจว มธุรปานกญฺจ อทาสิฯ ตโต นํ กตปริโภคํ ‘‘สมฺม, กหํ อคมาสี’’ติ? ปุจฺฉิฯ โส ตํ ปวตฺติํ อาโรเจตฺวา ‘‘อถาหํ, มหาราช, ยาว มชฺฌนฺหิกา ชวิตฺวา – ‘นตฺถิ ชวิเตน อโตฺถ’ติ นิวโตฺต’’ติ อาจิกฺขิฯ อถ ราชา อาห – ‘‘อหํ, สามิ, ตุมฺหากํ สูริเยน สทฺธิํ ชวนเวคํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ ฯ ทุกฺกรํ, มหาราช, น สกฺกา ตยา ปสฺสิตุนฺติฯ เตน หิ, สามิ, สริกฺขกมตฺตมฺปิ ทเสฺสหีติฯ อาม, มหาราช, ธนุคฺคเห สนฺนิปาเตหีติฯ ราชา สนฺนิปาเตสิฯ หํโส ตโต จตฺตาโร คเหตฺวา นครมเชฺฌ โตรณํ กาเรตฺวา อตฺตโน คีวาย ฆณฺฑํ ปิฬนฺธาเปตฺวา โตรณสฺส อุปริ นิสีทิตฺวา – ‘‘จตฺตาโร ชนา โตรณํ นิสฺสาย จตุทิสาภิมุขา เอเกกํ กณฺฑํ ขิปนฺตู’’ติ วตฺวา, สยํ ปฐมกเณฺฑเนว สทฺธิํ อุปฺปติตฺวา, ตํ กณฺฑํ อคฺคเหตฺวาว, ทกฺขิณาภิมุขํ คตกณฺฑํ ธนุโต รตนมตฺตาปคตํ คณฺหิฯ ทุติยํ ทฺวิรตนมตฺตาปคตํ, ตติยํ ติรตนมตฺตาปคตํ, จตุตฺถํ ภูมิํ อปฺปตฺตเมว คณฺหิฯ อถ นํ จตฺตาริ กณฺฑานิ คเหตฺวา โตรเณ นิสินฺนกาเลเยว อทฺทสํสุฯ โส ราชานํ อาห – ‘‘ปสฺส, มหาราช, เอวํสีโฆ อมฺหากํ ชโว’’ติฯ เอวํ โพธิสเตฺตเนว ชวนหํสกาเล ตานิ กณฺฑานิ อาหริตานีติ เวทิตพฺพานิฯ

    Athassa rājā sahassapākena telena pakkhantarāni makkhetvā, madhulāje ceva madhurapānakañca adāsi. Tato naṃ kataparibhogaṃ ‘‘samma, kahaṃ agamāsī’’ti? Pucchi. So taṃ pavattiṃ ārocetvā ‘‘athāhaṃ, mahārāja, yāva majjhanhikā javitvā – ‘natthi javitena attho’ti nivatto’’ti ācikkhi. Atha rājā āha – ‘‘ahaṃ, sāmi, tumhākaṃ sūriyena saddhiṃ javanavegaṃ passitukāmo’’ti . Dukkaraṃ, mahārāja, na sakkā tayā passitunti. Tena hi, sāmi, sarikkhakamattampi dassehīti. Āma, mahārāja, dhanuggahe sannipātehīti. Rājā sannipātesi. Haṃso tato cattāro gahetvā nagaramajjhe toraṇaṃ kāretvā attano gīvāya ghaṇḍaṃ piḷandhāpetvā toraṇassa upari nisīditvā – ‘‘cattāro janā toraṇaṃ nissāya catudisābhimukhā ekekaṃ kaṇḍaṃ khipantū’’ti vatvā, sayaṃ paṭhamakaṇḍeneva saddhiṃ uppatitvā, taṃ kaṇḍaṃ aggahetvāva, dakkhiṇābhimukhaṃ gatakaṇḍaṃ dhanuto ratanamattāpagataṃ gaṇhi. Dutiyaṃ dviratanamattāpagataṃ, tatiyaṃ tiratanamattāpagataṃ, catutthaṃ bhūmiṃ appattameva gaṇhi. Atha naṃ cattāri kaṇḍāni gahetvā toraṇe nisinnakāleyeva addasaṃsu. So rājānaṃ āha – ‘‘passa, mahārāja, evaṃsīgho amhākaṃ javo’’ti. Evaṃ bodhisatteneva javanahaṃsakāle tāni kaṇḍāni āharitānīti veditabbāni.

    ปุรโต ธาวนฺตีติ อคฺคโต ชวนฺติฯ น ปเนตา สพฺพกาลํ ปุรโตว โหนฺติ, กทาจิ ปุรโต, กทาจิ ปจฺฉโต โหนฺติฯ อากาสฎฺฐกวิมาเนสุ หิ อุยฺยานานิปิ โหนฺติ โปกฺขรณิโยปิ, ตา ตตฺถ นหายนฺติ, อุทกกีฬํ กีฬมานา ปจฺฉโตปิ โหนฺติ, เวเคน ปน คนฺตฺวา ปุน ปุรโตว ธาวนฺติฯ อายุสงฺขาราติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตญฺหิ ตโต สีฆตรํ ขียติฯ อรูปธมฺมานํ ปน เภโท น สกฺกา ปญฺญาเปตุํฯ ฉฎฺฐํฯ

    Purato dhāvantīti aggato javanti. Na panetā sabbakālaṃ puratova honti, kadāci purato, kadāci pacchato honti. Ākāsaṭṭhakavimānesu hi uyyānānipi honti pokkharaṇiyopi, tā tattha nahāyanti, udakakīḷaṃ kīḷamānā pacchatopi honti, vegena pana gantvā puna puratova dhāvanti. Āyusaṅkhārāti rūpajīvitindriyaṃ sandhāya vuttaṃ. Tañhi tato sīghataraṃ khīyati. Arūpadhammānaṃ pana bhedo na sakkā paññāpetuṃ. Chaṭṭhaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๖. ธนุคฺคหสุตฺตํ • 6. Dhanuggahasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖. ธนุคฺคหสุตฺตวณฺณนา • 6. Dhanuggahasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact