Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๙. ธาตุโสสํสนฺทนสุตฺตวณฺณนา

    9. Dhātusosaṃsandanasuttavaṇṇanā

    ๗๘. นวเม ธาตุโสติ ธาตุโตฯ ธาตูติ จ อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว อธิเปฺปโต, โย อธิมุตฺตีติปิ วุจฺจติฯ สํสนฺทนฺตีติ ตาย ธาตุสภาคตาย ยถาธาตุ ยถาอชฺฌาสยํ อลฺลียนฺติ เอกโต โหนฺติฯ สเมนฺตีติ ตาย เอว สมานชฺฌาสยตาย เอกจิตฺตา หุตฺวา สมาคจฺฉนฺติ อญฺญมญฺญํ ภชนฺติ อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน รุจิภาวขนฺติทิฎฺฐิโย วา ตตฺถ ตตฺถ สเม กโรนฺตา ปวตฺตนฺติฯ หีนาธิมุตฺติกาติ หีเน กามคุณาทิเก อธิมุตฺติ เอเตสนฺติ หีนาธิมุตฺติกา, หีนชฺฌาสยาฯ กลฺยาณาธิมุตฺติกาติ กลฺยาเณ เนกฺขมฺมาทิเก อธิมุตฺติ เอเตสนฺติ กลฺยาณาธิมุตฺติกา, ปณีตชฺฌาสยาฯ สเจ หิ อาจริยุปชฺฌายา น สีลวโนฺต , อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริกา จ สีลวโนฺต, เต อาจริยุปชฺฌาเยปิ น อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน สทิเส สารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติฯ สเจ ปน อาจริยุปชฺฌายา สีลวโนฺต, อิตเร น สีลวโนฺต, เตปิ น อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน สทิเส หีนาธิมุตฺติเกเยว อุปสงฺกมนฺติฯ เอวํ อุปสงฺกมนํ ปน น เกวลํ เอตรหิ เอว, อถ โข อตีตานาคเตปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อตีตมฺปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ สเงฺขปโต สํกิเลสธเมฺมสุ อภินิวิฎฺฐา หีนาธิมุตฺติกา , โวทานธเมฺมสุ อภินิวิฎฺฐา กลฺยาณาธิมุตฺติกาฯ

    78. Navame dhātusoti dhātuto. Dhātūti ca ajjhāsayadhātu ajjhāsayasabhāvo adhippeto, yo adhimuttītipi vuccati. Saṃsandantīti tāya dhātusabhāgatāya yathādhātu yathāajjhāsayaṃ allīyanti ekato honti. Samentīti tāya eva samānajjhāsayatāya ekacittā hutvā samāgacchanti aññamaññaṃ bhajanti upasaṅkamanti, attano rucibhāvakhantidiṭṭhiyo vā tattha tattha same karontā pavattanti. Hīnādhimuttikāti hīne kāmaguṇādike adhimutti etesanti hīnādhimuttikā, hīnajjhāsayā. Kalyāṇādhimuttikāti kalyāṇe nekkhammādike adhimutti etesanti kalyāṇādhimuttikā, paṇītajjhāsayā. Sace hi ācariyupajjhāyā na sīlavanto , antevāsikasaddhivihārikā ca sīlavanto, te ācariyupajjhāyepi na upasaṅkamanti, attano sadise sāruppabhikkhūyeva upasaṅkamanti. Sace pana ācariyupajjhāyā sīlavanto, itare na sīlavanto, tepi na ācariyupajjhāye upasaṅkamanti, attano sadise hīnādhimuttikeyeva upasaṅkamanti. Evaṃ upasaṅkamanaṃ pana na kevalaṃ etarahi eva, atha kho atītānāgatepīti dassento ‘‘atītampi, bhikkhave’’tiādimāha. Saṅkhepato saṃkilesadhammesu abhiniviṭṭhā hīnādhimuttikā , vodānadhammesu abhiniviṭṭhā kalyāṇādhimuttikā.

    อิทํ ปน ทุสฺสีลานํ ทุสฺสีลเสวนเมว, สีลวนฺตานํ สีลวนฺตเสวนเมว, ทุปฺปญฺญานํ ทุปฺปญฺญเสวนเมว, ปญฺญวนฺตานํ ปญฺญวนฺตเสวนเมว โก นิยาเมตีติ? อชฺฌาสยธาตุ นิยาเมติฯ สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู เอกสฺมิํ คาเม ภิกฺขาจารํ จรนฺติฯ เต มนุสฺสา พหุํ ภตฺตํ อาหริตฺวา ปตฺตานิ ปูเรตฺวา ‘‘ยถาสภาคํ ปริภุญฺชถา’’ติ วตฺวา อุโยฺยเชสุํฯ ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘อาวุโส, มนุสฺสา ธาตุสํยุตฺตกเมฺม ปโยเชนฺตี’’ติฯ เอวํ อชฺฌาสยธาตุ นิยาเมตีติฯ ธาตุสํยุเตฺตน อยมโตฺถ ทีเปตโพฺพ – คิชฺฌกูฎปพฺพตสฺมิญฺหิ คิลานเสยฺยาย นิปโนฺน ภควา อารกฺขตฺถาย ปริวาเรตฺวา วสเนฺตสุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทีสุ เอกเมกํ อตฺตโน ปริสาย สทฺธิํ จงฺกมนฺตํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ ‘‘ปสฺสถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตํ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ จงฺกมนฺตนฺติฯ เอวํ, ภเนฺตฯ สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหาปญฺญา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๙๙) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ

    Idaṃ pana dussīlānaṃ dussīlasevanameva, sīlavantānaṃ sīlavantasevanameva, duppaññānaṃ duppaññasevanameva, paññavantānaṃ paññavantasevanameva ko niyāmetīti? Ajjhāsayadhātu niyāmeti. Sambahulā kira bhikkhū ekasmiṃ gāme bhikkhācāraṃ caranti. Te manussā bahuṃ bhattaṃ āharitvā pattāni pūretvā ‘‘yathāsabhāgaṃ paribhuñjathā’’ti vatvā uyyojesuṃ. Bhikkhū āhaṃsu ‘‘āvuso, manussā dhātusaṃyuttakamme payojentī’’ti. Evaṃ ajjhāsayadhātu niyāmetīti. Dhātusaṃyuttena ayamattho dīpetabbo – gijjhakūṭapabbatasmiñhi gilānaseyyāya nipanno bhagavā ārakkhatthāya parivāretvā vasantesu sāriputtamoggallānādīsu ekamekaṃ attano parisāya saddhiṃ caṅkamantaṃ oloketvā bhikkhū āmantesi ‘‘passatha no tumhe, bhikkhave, sāriputtaṃ sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ caṅkamantanti. Evaṃ, bhante. Sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū mahāpaññā’’ti (saṃ. ni. 2.99) sabbaṃ vitthāretabbaṃ.

    คาถาสุ สํสคฺคาติ สํกิเลสโต สหวาสาทิวเสน สมาโยคโต, อถ วา ทสฺสนสํสโคฺค, สวนสํสโคฺค, สมุลฺลาปสํสโคฺค, สโมฺภคสํสโคฺค, กายสํสโคฺคติ เอวํ ปญฺจวิเธ สํสเคฺค ยโต กุโตจิ สํสคฺคโตฯ วนโถ ชาโตติ กิเลโส อุปฺปโนฺน มเคฺคน อสมูหโตฯ อสํสเคฺคน ฉิชฺชตีติ สํสคฺคปฎิเกฺขเปน กายวิเวกาทินา ปุพฺพภาเค ฉิชฺชิตฺวา ปุน อจฺจนฺตาสํสเคฺคน สมุเจฺฉทวิเวเกน ฉิชฺชติ ปหียติฯ เอตฺตาวตา สเงฺขปโต หีนาธิมุตฺติยา สมุทโย อตฺถงฺคโม จ ทสฺสิโต โหติฯ

    Gāthāsu saṃsaggāti saṃkilesato sahavāsādivasena samāyogato, atha vā dassanasaṃsaggo, savanasaṃsaggo, samullāpasaṃsaggo, sambhogasaṃsaggo, kāyasaṃsaggoti evaṃ pañcavidhe saṃsagge yato kutoci saṃsaggato. Vanatho jātoti kileso uppanno maggena asamūhato. Asaṃsaggena chijjatīti saṃsaggapaṭikkhepena kāyavivekādinā pubbabhāge chijjitvā puna accantāsaṃsaggena samucchedavivekena chijjati pahīyati. Ettāvatā saṅkhepato hīnādhimuttiyā samudayo atthaṅgamo ca dassito hoti.

    ยสฺมา ปน เต สํสคฺคา เต จ กิเลสา โกสชฺชวเสน อุปฺปชฺชนฺติ เจว วฑฺฒนฺติ จ, น วีริยารมฺภวเสน, ตสฺมา หีนาธิมุตฺติเก กุสีตปุคฺคเล วเชฺชตฺวา กลฺยาณาธิมุตฺติเก อารทฺธวีริเย เสวเนฺตน อสํสเคฺคน สํสคฺคโช วนโถ ฉินฺทิตโพฺพติ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต กุสีตเสวนาย ตาว อาทีนวํ ปกาเสตุํ ‘‘ปริตฺตํ ทารุ’’นฺติอาทิมาหฯ

    Yasmā pana te saṃsaggā te ca kilesā kosajjavasena uppajjanti ceva vaḍḍhanti ca, na vīriyārambhavasena, tasmā hīnādhimuttike kusītapuggale vajjetvā kalyāṇādhimuttike āraddhavīriye sevantena asaṃsaggena saṃsaggajo vanatho chinditabboti yathāvuttamatthaṃ vitthārato dassento kusītasevanāya tāva ādīnavaṃ pakāsetuṃ ‘‘parittaṃ dāru’’ntiādimāha.

    ตตฺถ ปริตฺตํ ทารุนฺติ ขุทฺทกํ กฎฺฐมยํ กุลฺลํฯ ยถา สีเท มหณฺณเวติ ยถา ขุทฺทกํ กุลฺลํ อารุหิตฺวา มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม ตีรํ อปฺปตฺวา สมุทฺทมเชฺฌเยว สีเทยฺย, ปติตฺวา มจฺฉกจฺฉปภโกฺข ภเวยฺยฯ เอวํ กุสีตํ อาคมฺม, สาธุชีวีปิ สีทตีติ เอวเมว กุสีตํ วีริยารมฺภรหิตํ กิเลสวสิกํ ปุคฺคลํ นิสฺสาย เตน กตสํสโคฺค สาธุชีวีปิ ปริสุทฺธาชีโว ปริสุทฺธสีโลปิ สมาโน หีนสํสคฺคโต อุปฺปเนฺนหิ กามวิตกฺกาทีหิ ขชฺชมาโน ปารํ คนฺตุํ อสมโตฺถ สํสารณฺณเวเยว สีทติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ อนตฺถาวโห กุสีตสํสโคฺค, ตสฺมา ตํ อาคมฺม อาลสิยานุโยเคน กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีตํฯ ตโต เอว หีนวีริยํ นิพฺพีริยํ อกลฺยาณมิตฺตํ ปริวเชฺชยฺยฯ เอกเนฺตเนว ปน กายวิเวกาทีนเญฺจว ตทงฺควิเวกาทีนญฺจ วเสน ปวิวิเตฺตหิ, ตโต เอว กิเลเสหิ อารกตฺตา อริเยหิ ปริสุเทฺธหิ นิพฺพานํ ปฎิเปสิตตฺตภาวโต ปหิตเตฺตหิ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานานํ วเสน ฌายนโต ฌายีหิ สพฺพกาลํ ปคฺคหิตวีริยตาย อารทฺธวีริเยหิ ปณฺฑิเตหิ สปฺปเญฺญหิเยว สห อาวเสยฺย สํวเสยฺยาติฯ

    Tattha parittaṃ dārunti khuddakaṃ kaṭṭhamayaṃ kullaṃ. Yathā sīde mahaṇṇaveti yathā khuddakaṃ kullaṃ āruhitvā mahāsamuddaṃ taritukāmo tīraṃ appatvā samuddamajjheyeva sīdeyya, patitvā macchakacchapabhakkho bhaveyya. Evaṃ kusītaṃ āgamma, sādhujīvīpi sīdatīti evameva kusītaṃ vīriyārambharahitaṃ kilesavasikaṃ puggalaṃ nissāya tena katasaṃsaggo sādhujīvīpi parisuddhājīvo parisuddhasīlopi samāno hīnasaṃsaggato uppannehi kāmavitakkādīhi khajjamāno pāraṃ gantuṃ asamattho saṃsāraṇṇaveyeva sīdati. Tasmāti yasmā evaṃ anatthāvaho kusītasaṃsaggo, tasmā taṃ āgamma ālasiyānuyogena kucchitaṃ sīdatīti kusītaṃ. Tato eva hīnavīriyaṃ nibbīriyaṃ akalyāṇamittaṃ parivajjeyya. Ekanteneva pana kāyavivekādīnañceva tadaṅgavivekādīnañca vasena pavivittehi, tato eva kilesehi ārakattā ariyehi parisuddhehi nibbānaṃ paṭipesitattabhāvato pahitattehi ārammaṇalakkhaṇūpanijjhānānaṃ vasena jhāyanato jhāyīhi sabbakālaṃ paggahitavīriyatāya āraddhavīriyehi paṇḍitehi sappaññehiyeva saha āvaseyya saṃvaseyyāti.

    นวมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Navamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๙. ธาตุโสสํสนฺทนสุตฺตํ • 9. Dhātusosaṃsandanasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact