Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๒. ธาตุสุตฺตวณฺณนา
2. Dhātusuttavaṇṇanā
๕๑. ทุติเย ธาตุโยติ อตฺตโน ผลสฺส สภาวสฺส จ ธารณเฎฺฐน ธาตุโยฯ ยเญฺจตฺถ ผลนิพฺพตฺตกํ, ตํ อตฺตโน ผลสฺส สภาวสฺส จ, อิตรํ สภาวเสฺสว ธารณเฎฺฐน ธาตุฯ รูปธาตูติ รูปภโวฯ ธาตุยา อาคตฎฺฐาเน ภเวน ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ, ภวสฺส อาคตฎฺฐาเน ธาตุยา ปริจฺฉินฺทิตพฺพนฺติ อิธ ภเวน ปริเจฺฉโท กถิโตฯ ตสฺมา –
51. Dutiye dhātuyoti attano phalassa sabhāvassa ca dhāraṇaṭṭhena dhātuyo. Yañcettha phalanibbattakaṃ, taṃ attano phalassa sabhāvassa ca, itaraṃ sabhāvasseva dhāraṇaṭṭhena dhātu. Rūpadhātūti rūpabhavo. Dhātuyā āgataṭṭhāne bhavena paricchinditabbaṃ, bhavassa āgataṭṭhāne dhātuyā paricchinditabbanti idha bhavena paricchedo kathito. Tasmā –
‘‘กตเม ธมฺมา รูปาวจรา? เหฎฺฐโต พฺรหฺมโลกํ ปริยนฺตํ กริตฺวา อุปริโต อกนิเฎฺฐ เทเว อโนฺต กริตฺวา เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา, อิเม ธมฺมา รูปาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๘๙) –
‘‘Katame dhammā rūpāvacarā? Heṭṭhato brahmalokaṃ pariyantaṃ karitvā uparito akaniṭṭhe deve anto karitvā etthāvacarā ettha pariyāpannā khandhadhātuāyatanā, ime dhammā rūpāvacarā’’ti (dha. sa. 1289) –
เอวํ วุตฺตา รูปาวจรธมฺมา รูปธาตุฯ อรูปธาตูติ อรูปภโวฯ อิธาปิ ภเวน ปริเจฺฉโท กถิโตติ –
Evaṃ vuttā rūpāvacaradhammā rūpadhātu. Arūpadhātūti arūpabhavo. Idhāpi bhavena paricchedo kathitoti –
‘‘กตเม ธมฺมา อรูปาวจรา? เหฎฺฐโต อากาสานญฺจายตนูปเค เทเว อโนฺต กริตฺวา, อุปริโต เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปเค เทเว อโนฺต กริตฺวา, เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา, อิเม ธมฺมา อรูปาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๙๑) –
‘‘Katame dhammā arūpāvacarā? Heṭṭhato ākāsānañcāyatanūpage deve anto karitvā, uparito nevasaññānāsaññāyatanūpage deve anto karitvā, etthāvacarā ettha pariyāpannā khandhadhātuāyatanā, ime dhammā arūpāvacarā’’ti (dha. sa. 1291) –
เอวํ วุตฺตา อรูปาวจรธมฺมา อรูปธาตุฯ นิโรธธาตูติ นิพฺพานํ เวทิตพฺพํฯ
Evaṃ vuttā arūpāvacaradhammā arūpadhātu. Nirodhadhātūti nibbānaṃ veditabbaṃ.
อปโร นโย – รูปสหิตา, รูปปฎิพทฺธา, ธมฺมปฺปวตฺติ รูปธาตุ, ปญฺจโวการภโว, เอกโวการภโว จ, เตน สกโล กามภโว รูปภโว จ สงฺคหิโตฯ รูปรหิตา ธมฺมปฺปวตฺติ อรูปธาตุ, จตุโวการภโว, เตน อรูปภโว สงฺคหิโตฯ อิติ ทฺวีหิ ปเทหิ ตโย ภวา สพฺพา สํสารปฺปวตฺติ ทสฺสิตาฯ ตติยปเทน ปน อสงฺขตธาตุเยว สงฺคหิตาติ มคฺคผลานิ อิธ ติกวินิมุตฺตธมฺมา นาม ชาตาฯ เกจิ ปน ‘‘รูปธาตูติ รูปสภาวา ธมฺมา, อรูปธาตูติ อรูปสภาวา ธมฺมาติ ปททฺวเยน อนวเสสโต ปญฺจกฺขนฺธา คหิตา’’ติฯ ‘‘รูปตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา รูปธาตุ, อรูปตณฺหาย วิสยภูตา อรูปธาตู’’ติ จ วทนฺติ, ตํ สพฺพํ อิธ นาธิเปฺปตํฯ ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Aparo nayo – rūpasahitā, rūpapaṭibaddhā, dhammappavatti rūpadhātu, pañcavokārabhavo, ekavokārabhavo ca, tena sakalo kāmabhavo rūpabhavo ca saṅgahito. Rūparahitā dhammappavatti arūpadhātu, catuvokārabhavo, tena arūpabhavo saṅgahito. Iti dvīhi padehi tayo bhavā sabbā saṃsārappavatti dassitā. Tatiyapadena pana asaṅkhatadhātuyeva saṅgahitāti maggaphalāni idha tikavinimuttadhammā nāma jātā. Keci pana ‘‘rūpadhātūti rūpasabhāvā dhammā, arūpadhātūti arūpasabhāvā dhammāti padadvayena anavasesato pañcakkhandhā gahitā’’ti. ‘‘Rūpataṇhāya visayabhūtā dhammā rūpadhātu, arūpataṇhāya visayabhūtā arūpadhātū’’ti ca vadanti, taṃ sabbaṃ idha nādhippetaṃ. Tasmā vuttanayeneva attho veditabbo.
คาถาสุ รูปธาตุํ ปริญฺญายาติ รูปปฎิพทฺธธมฺมปวตฺติํ ญาตปริญฺญาทีหิ ตีหิ ปริญฺญาหิ ปริชานิตฺวาฯ อารุเปฺปสุ อสณฺฐิตาติ อรูปาวจรธเมฺมสุ ภวราควเสน ภวทิฎฺฐิวเสน จ น ปติฎฺฐิตา อนลฺลีนาฯ ‘‘อรูเปสุ อสณฺฐิตา’’ติ จ ปฐนฺติ, โส เอว อโตฺถฯ เอตฺตาวตา เตภูมกธมฺมานํ ปริญฺญา วุตฺตาฯ นิโรเธ เย วิมุจฺจนฺตีติ เย นิพฺพาเน อารมฺมณภูเต อคฺคมคฺคผลวเสน สมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธีหิ อนวเสสกิเลสโต วิมุจฺจนฺติฯ เต ชนา มจฺจุหายิโนติ เต ขีณาสวชนา มรณํ สมตีตาฯ
Gāthāsu rūpadhātuṃ pariññāyāti rūpapaṭibaddhadhammapavattiṃ ñātapariññādīhi tīhi pariññāhi parijānitvā. Āruppesu asaṇṭhitāti arūpāvacaradhammesu bhavarāgavasena bhavadiṭṭhivasena ca na patiṭṭhitā anallīnā. ‘‘Arūpesu asaṇṭhitā’’ti ca paṭhanti, so eva attho. Ettāvatā tebhūmakadhammānaṃ pariññā vuttā. Nirodhe ye vimuccantīti ye nibbāne ārammaṇabhūte aggamaggaphalavasena samucchedapaṭippassaddhīhi anavasesakilesato vimuccanti. Te janā maccuhāyinoti te khīṇāsavajanā maraṇaṃ samatītā.
เอวํ ธาตุตฺตยสมติกฺกเมน อมตาธิคมํ ทเสฺสตฺวา ‘‘อยญฺจ ปฎิปทา มยา คตมโคฺค จ ตุมฺหากํ ทสฺสิโต’’ติ ตตฺถ เนสํ อุสฺสาหํ ชเนโนฺต ทุติยํ คาถมาหฯ ตตฺถ กาเยนาติ นามกาเยน มคฺคผเลหิฯ ผุสยิตฺวาติ ปตฺวาฯ นิรูปธินฺติ ขนฺธาทิสพฺพูปธิรหิตํฯ อุปธิปฺปฎินิสฺสคฺคนฺติ เตสํเยว จ อุปธีนํ ปฎินิสฺสชฺชนการณํฯ นิพฺพานสฺส หิ มคฺคญาเณน สจฺฉิกิริยาย สเพฺพ อุปธโย ปฎินิสฺสฎฺฐา โหนฺตีติ ตํ เตสํ ปฎินิสฺสชฺชนการณํฯ สจฺฉิกตฺวาติ กาเลน กาลํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา อนาสโว สมฺมาสมฺพุโทฺธ ตเมว อโสกํ วิรชํ นิพฺพานปทํ เทเสติฯ ตสฺมา ตทธิคมาย อุสฺสุกฺกํ กาตพฺพนฺติฯ
Evaṃ dhātuttayasamatikkamena amatādhigamaṃ dassetvā ‘‘ayañca paṭipadā mayā gatamaggo ca tumhākaṃ dassito’’ti tattha nesaṃ ussāhaṃ janento dutiyaṃ gāthamāha. Tattha kāyenāti nāmakāyena maggaphalehi. Phusayitvāti patvā. Nirūpadhinti khandhādisabbūpadhirahitaṃ. Upadhippaṭinissagganti tesaṃyeva ca upadhīnaṃ paṭinissajjanakāraṇaṃ. Nibbānassa hi maggañāṇena sacchikiriyāya sabbe upadhayo paṭinissaṭṭhā hontīti taṃ tesaṃ paṭinissajjanakāraṇaṃ. Sacchikatvāti kālena kālaṃ phalasamāpattisamāpajjanena attapaccakkhaṃ katvā anāsavo sammāsambuddho tameva asokaṃ virajaṃ nibbānapadaṃ deseti. Tasmā tadadhigamāya ussukkaṃ kātabbanti.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๒. ธาตุสุตฺตํ • 2. Dhātusuttaṃ