Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā

    ๓. ธาตุวิภโงฺค

    3. Dhātuvibhaṅgo

    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา

    1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā

    ๑๗๒. ยทิปิ ธาตุสํยุตฺตาทีสุ ‘‘ธาตุนานตฺตํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ธาตุนานตฺตํ? จกฺขุธาตุ…เป.… มโนวิญฺญาณธาตู’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๘๕) อฎฺฐารส ธาตุโย อาคตา, ตา ปน อภิธเมฺม จ อาคตาติ สาธารณตฺตา อคฺคเหตฺวา สุตฺตเนฺตเสฺวว อาคเต ตโย ธาตุฉเกฺก คเหตฺวา สุตฺตนฺตภาชนียํ วิภตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สพฺพา ธาตุโยติ อฎฺฐารสปิฯ สุเญฺญ สภาวมเตฺต นิรุโฬฺห ธาตุ-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ อสมฺผุฎฺฐธาตูติ จตูหิ มหาภูเตหิ อพฺยาปิตภาโวติ อโตฺถฯ

    172. Yadipi dhātusaṃyuttādīsu ‘‘dhātunānattaṃ vo, bhikkhave, desessāmi, katamañca, bhikkhave, dhātunānattaṃ? Cakkhudhātu…pe… manoviññāṇadhātū’’tiādinā (saṃ. ni. 2.85) aṭṭhārasa dhātuyo āgatā, tā pana abhidhamme ca āgatāti sādhāraṇattā aggahetvā suttantesveva āgate tayo dhātuchakke gahetvā suttantabhājanīyaṃ vibhattanti veditabbaṃ. Sabbā dhātuyoti aṭṭhārasapi. Suññe sabhāvamatte niruḷho dhātu-saddo daṭṭhabbo. Asamphuṭṭhadhātūti catūhi mahābhūtehi abyāpitabhāvoti attho.

    ๑๗๓. ปถวีธาตุทฺวยนฺติ อฎฺฐกถายํ ปทุทฺธาโร กโต, ปาฬิยํ ปน ‘‘เทฺวย’’นฺติ อาคจฺฉติ, อโตฺถ ปน ยถาวุโตฺตวฯ ทฺวยนฺติ ปน ปาเฐ สติ อยมฺปิ อโตฺถ สมฺภวติฯ เทฺว อวยวา เอตสฺสาติ ทฺวยํ, ปถวีธาตูนํ ทฺวยํ ปถวีธาตุทฺวยํ, ทฺวินฺนํ ปถวีธาตูนํ สมุทาโยติ อโตฺถฯ เทฺว เอว วา อวยวา สมุทิตา ทฺวยํ, ปถวีธาตุทฺวยนฺติฯ ‘‘ตตฺถ กตมา ปถวีธาตุ? ปถวีธาตุทฺวยํ, เอสา ปถวีธาตู’’ติ สเงฺขเปน วิสฺสเชฺชติฯ อตฺถิ อชฺฌตฺติกา อตฺถิ พาหิราติ เอตฺถ อชฺฌตฺติกพาหิร-สทฺทา น อชฺฌตฺติกทุเก วิย อชฺฌตฺติกพาหิรายตนวาจกา, นาปิ อชฺฌตฺตตฺติเก วุเตฺตหิ อชฺฌตฺตพหิทฺธา-สเทฺทหิ สมานตฺถา, อินฺทฺริยพทฺธานินฺทฺริยพทฺธวาจกา ปน เอเตฯ เตน ‘‘สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นิยกชฺฌตฺตาติ จ น ปจฺจตฺตํ อตฺตนิ ชาตตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข สพฺพสตฺตสนฺตาเนสุ ชาตตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตนฺติ วจเนน หิ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนตาย อชฺฌตฺติกภาวํ ทเสฺสติ, น ปาฎิปุคฺคลิกตายฯ สภาวาการโตติ อาปาทีหิ วิสิเฎฺฐน อตฺตโน เอว สภาวภูเตน คเหตพฺพากาเรนฯ

    173. Pathavīdhātudvayanti aṭṭhakathāyaṃ paduddhāro kato, pāḷiyaṃ pana ‘‘dveya’’nti āgacchati, attho pana yathāvuttova. Dvayanti pana pāṭhe sati ayampi attho sambhavati. Dve avayavā etassāti dvayaṃ, pathavīdhātūnaṃ dvayaṃ pathavīdhātudvayaṃ, dvinnaṃ pathavīdhātūnaṃ samudāyoti attho. Dve eva vā avayavā samuditā dvayaṃ, pathavīdhātudvayanti. ‘‘Tattha katamā pathavīdhātu? Pathavīdhātudvayaṃ, esā pathavīdhātū’’ti saṅkhepena vissajjeti. Atthi ajjhattikā atthi bāhirāti ettha ajjhattikabāhira-saddā na ajjhattikaduke viya ajjhattikabāhirāyatanavācakā, nāpi ajjhattattike vuttehi ajjhattabahiddhā-saddehi samānatthā, indriyabaddhānindriyabaddhavācakā pana ete. Tena ‘‘sattasantānapariyāpannā’’tiādi vuttaṃ. Niyakajjhattāti ca na paccattaṃ attani jātataṃ sandhāya vuttaṃ, atha kho sabbasattasantānesu jātatanti daṭṭhabbaṃ. Ajjhattaṃ paccattanti vacanena hi sattasantānapariyāpannatāya ajjhattikabhāvaṃ dasseti, na pāṭipuggalikatāya. Sabhāvākāratoti āpādīhi visiṭṭhena attano eva sabhāvabhūtena gahetabbākārena.

    เกสา กกฺขฬตฺตลกฺขณาติ กกฺขฬตาธิกตาย วุตฺตาฯ ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโสติ ปถวีโกฎฺฐาสมโตฺต สุโญฺญติ อโตฺถฯ มตฺถลุงฺคํ อฎฺฐิมิญฺชคฺคหเณน คหิตนฺติ อิธ วิสุํ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Kesākakkhaḷattalakkhaṇāti kakkhaḷatādhikatāya vuttā. Pāṭiyekko koṭṭhāsoti pathavīkoṭṭhāsamatto suññoti attho. Matthaluṅgaṃ aṭṭhimiñjaggahaṇena gahitanti idha visuṃ na vuttanti veditabbaṃ.

    อิมินาติ ‘‘เสยฺยถิทํ เกสา’’ติอาทินาฯ กมฺมํ กตฺวาติ ปโยคํ วีริยํ อายูหนํ วา กตฺวาติ อโตฺถฯ โภคกาเมน กสิยาทีสุ วิย อรหตฺตกาเมน จ อิมสฺมิํ มนสิกาเร กมฺมํ กตฺตพฺพนฺติฯ ปุพฺพปลิโพธาติ อาวาสาทโย ทีฆเกสาทิเก ขุทฺทกปลิโพเธ อปรปลิโพธาติ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตาฯ

    Imināti ‘‘seyyathidaṃ kesā’’tiādinā. Kammaṃ katvāti payogaṃ vīriyaṃ āyūhanaṃ vā katvāti attho. Bhogakāmena kasiyādīsu viya arahattakāmena ca imasmiṃ manasikāre kammaṃ kattabbanti. Pubbapalibodhāti āvāsādayo dīghakesādike khuddakapalibodhe aparapalibodhāti apekkhitvā vuttā.

    วณฺณาทีนํ ปญฺจนฺนํ วเสน มนสิกาโร ธาตุปฎิกูลวณฺณมนสิการานํ สาธารโณ ปุพฺพภาโคติ นิพฺพตฺติตธาตุมนสิการํ ทเสฺสตุํ ‘‘อวสาเน เอวํ มนสิกาโร ปวเตฺตตโพฺพ’’ติ อาหฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตาติ การณสฺส จ ผลสฺส จ อพฺยาปารตาย ธาตุมตฺตตํ ทเสฺสติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณาทีนมฺปิ เอวเมว อพฺยาปารตา ทฎฺฐพฺพาฯ น หิ ตานิ, เตสญฺจ การณานิ อาภุชิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ อุปฺปชฺชนฺติ กโรนฺติ จาติฯ ลกฺขณวเสนาติ ‘‘กกฺขฬํ ขริคต’’นฺติอาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    Vaṇṇādīnaṃ pañcannaṃ vasena manasikāro dhātupaṭikūlavaṇṇamanasikārānaṃ sādhāraṇo pubbabhāgoti nibbattitadhātumanasikāraṃ dassetuṃ ‘‘avasāne evaṃ manasikāro pavattetabbo’’ti āha. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitāti kāraṇassa ca phalassa ca abyāpāratāya dhātumattataṃ dasseti. Ābhogapaccavekkhaṇādīnampi evameva abyāpāratā daṭṭhabbā. Na hi tāni, tesañca kāraṇāni ābhujitvā paccavekkhitvā ca uppajjanti karonti cāti. Lakkhaṇavasenāti ‘‘kakkhaḷaṃ kharigata’’ntiādivacanaṃ sandhāya vuttaṃ.

    เวกนฺตกํ เอกา โลหชาติฯ นาคนาสิกโลหํ โลหสทิสํ โลหวิชาติ หลิทฺทิวิชาติ วิยฯ ติปุตมฺพาทีหิ มิเสฺสตฺวา กตํ กรเณน นิพฺพตฺตตฺตา กิตฺติมโลหํฯ โมรกฺขาทีนิ เอวํนามาเนเวตานิฯ สามุทฺทิกมุตฺตาติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, สพฺพาปิ ปน มุตฺตา มุตฺตา เอวฯ

    Vekantakaṃ ekā lohajāti. Nāganāsikalohaṃ lohasadisaṃ lohavijāti haliddivijāti viya. Tiputambādīhi missetvā kataṃ karaṇena nibbattattā kittimalohaṃ. Morakkhādīni evaṃnāmānevetāni. Sāmuddikamuttāti nidassanamattametaṃ, sabbāpi pana muttā muttā eva.

    ๑๗๔. อเปฺปตีติ อาโป, อาพนฺธนวเสน เสสภูตตฺตยํ ปาปุณาติ สิเลสตีติ อโตฺถฯ ยูสภูโตติ รสภูโตฯ วกฺกหทยยกนปปฺผาสานิ เตเมนฺตนฺติ เอตฺถ ยกนํ เหฎฺฐาภาคปูรเณน, อิตรานิ เตสํ อุปริ โถกํ โถกํ ปคฺฆรเณน เตเมติฯ เหฎฺฐา เลฑฺฑุขณฺฑานิ เตมยมาเนติ เตมกเตมิตพฺพานํ อพฺยาปารสามญฺญนิทสฺสนตฺถาเยว อุปมา ทฎฺฐพฺพา, น ฐานสามญฺญนิทสฺสนตฺถายฯ สนฺนิจิตโลหิเตน เตเมตพฺพานํ เกสญฺจิ เหฎฺฐา, กสฺสจิ อุปริ ฐิตตญฺหิ สติปฎฺฐานวิภเงฺค วกฺขตีติ, ยกนสฺส เหฎฺฐาภาโค ‘‘ฐิตํ มยิ โลหิต’’นฺติ น ชานาติ, วกฺกาทีนิ ‘‘อเมฺห เตมยมานํ โลหิตํ ฐิต’’นฺติ น ชานนฺตีติ เอวํ โยชนา กาตพฺพาฯ ยถา ปน เภสชฺชสิกฺขาปเท นิยโม อตฺถิ ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํ ขีร’’นฺติ, เอวมิธ นตฺถิฯ

    174. Appetīti āpo, ābandhanavasena sesabhūtattayaṃ pāpuṇāti silesatīti attho. Yūsabhūtoti rasabhūto. Vakkahadayayakanapapphāsāni tementanti ettha yakanaṃ heṭṭhābhāgapūraṇena, itarāni tesaṃ upari thokaṃ thokaṃ paggharaṇena temeti. Heṭṭhā leḍḍukhaṇḍāni temayamāneti temakatemitabbānaṃ abyāpārasāmaññanidassanatthāyeva upamā daṭṭhabbā, na ṭhānasāmaññanidassanatthāya. Sannicitalohitena temetabbānaṃ kesañci heṭṭhā, kassaci upari ṭhitatañhi satipaṭṭhānavibhaṅge vakkhatīti, yakanassa heṭṭhābhāgo ‘‘ṭhitaṃ mayi lohita’’nti na jānāti, vakkādīni ‘‘amhe temayamānaṃ lohitaṃ ṭhita’’nti na jānantīti evaṃ yojanā kātabbā. Yathā pana bhesajjasikkhāpade niyamo atthi ‘‘yesaṃ maṃsaṃ kappati, tesaṃ khīra’’nti, evamidha natthi.

    ๑๗๕. เตชนวเสนาติ นิสิตภาเวน ติกฺขภาเวนฯ สรีรสฺส ปกติํ อติกฺกมิตฺวา อุณฺหภาโว สนฺตาโป, สรีรทหนวเสน ปวโตฺต มหาทาโห ปริทาโหฯ อยเมเตสํ วิเสโสฯ เยน ชีรียตีติ เอกาหิกาทิชรโรเคน ชีรียตีติปิ อโตฺถ ยุชฺชติฯ สตวารํ ตาเปตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฎสปฺปิ สตโธตสปฺปีติ วทนฺติฯ รสโสณิตเมทมํสนฺหารุอฎฺฐิอฎฺฐิมิญฺชา รสาทโยฯ เกจิ นฺหารุํ อปเนตฺวา สุกฺกํ สตฺตมธาตุํ อโวจุนฺติฯ ปากติโกติ โขภํ อปฺปโตฺต สทา วิชฺชมาโนฯ เปตคฺคิ มุขโต พหิ นิคฺคโตว อิธ คหิโตฯ

    175. Tejanavasenāti nisitabhāvena tikkhabhāvena. Sarīrassa pakatiṃ atikkamitvā uṇhabhāvo santāpo, sarīradahanavasena pavatto mahādāho paridāho. Ayametesaṃ viseso. Yena jīrīyatīti ekāhikādijararogena jīrīyatītipi attho yujjati. Satavāraṃ tāpetvā udake pakkhipitvā uddhaṭasappi satadhotasappīti vadanti. Rasasoṇitamedamaṃsanhāruaṭṭhiaṭṭhimiñjā rasādayo. Keci nhāruṃ apanetvā sukkaṃ sattamadhātuṃ avocunti. Pākatikoti khobhaṃ appatto sadā vijjamāno. Petaggi mukhato bahi niggatova idha gahito.

    ๑๗๖. วายนวเสนาติ สเวคคมนวเสน, สมุทีรณวเสน วาฯ

    176. Vāyanavasenāti savegagamanavasena, samudīraṇavasena vā.

    ๑๗๗. อิมินา ยสฺมิํ อากาเส…เป.… ตํ กถิตนฺติ อิทํ กสิณุคฺฆาฎิมากาสสฺส อกถิตตํ, อชฎากาสสฺส จ กถิตตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ

    177. Iminā yasmiṃ ākāse…pe… taṃ kathitanti idaṃ kasiṇugghāṭimākāsassa akathitataṃ, ajaṭākāsassa ca kathitataṃ dassetuṃ vuttaṃ.

    ๑๗๙. สุขทุกฺขานํ ผรณภาโว สรีรฎฺฐกอุตุสฺส สุขทุกฺขโผฎฺฐพฺพสมุฎฺฐานปจฺจยภาเวน ยถาพลํ สรีเรกเทสสกลสรีรผรณสมตฺถตาย วุโตฺต, โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อิฎฺฐานิฎฺฐจิตฺตชสมุฎฺฐาปเนน ตเถว ผรณสมตฺถตายฯ เอวํ เอเตสํ สรีรผรณตาย เอกสฺส ฐานํ อิตรํ ปหรติ, อิตรสฺส จ อญฺญนฺติ อญฺญมเญฺญน สปฺปฎิปกฺขตํ ทเสฺสติ, อญฺญมญฺญปฎิปกฺขโอฬาริกปฺปวตฺติ เอว วา เอเตสํ ผรณํฯ วตฺถารมฺมณานิ จ ปพเนฺธน ปวตฺติเหตุภูตานิ ผรณฎฺฐานํ ทฎฺฐพฺพํ, อุภยวโต จ ปุคฺคลสฺส วเสน อยํ สปฺปฎิปกฺขตา ทสฺสิตา สุขทสฺสนียตฺตาฯ

    179. Sukhadukkhānaṃ pharaṇabhāvo sarīraṭṭhakautussa sukhadukkhaphoṭṭhabbasamuṭṭhānapaccayabhāvena yathābalaṃ sarīrekadesasakalasarīrapharaṇasamatthatāya vutto, somanassadomanassānaṃ iṭṭhāniṭṭhacittajasamuṭṭhāpanena tatheva pharaṇasamatthatāya. Evaṃ etesaṃ sarīrapharaṇatāya ekassa ṭhānaṃ itaraṃ paharati, itarassa ca aññanti aññamaññena sappaṭipakkhataṃ dasseti, aññamaññapaṭipakkhaoḷārikappavatti eva vā etesaṃ pharaṇaṃ. Vatthārammaṇāni ca pabandhena pavattihetubhūtāni pharaṇaṭṭhānaṃ daṭṭhabbaṃ, ubhayavato ca puggalassa vasena ayaṃ sappaṭipakkhatā dassitā sukhadassanīyattā.

    ๑๘๑. กิเลสกามํ สนฺธายาติ ‘‘สงฺกโปฺป กาโม ราโค กาโม’’ติ (มหานิ. ๑; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘) เอตฺถ วุตฺตํ สงฺกปฺปํ สนฺธายาติ อธิปฺปาโยฯ โสปิ หิ วิพาธติ อุปตาเปติ จาติ กิเลสสนฺถวสมฺภวโต กิเลสกาโม วิภโตฺต กิเลสวตฺถุสมฺภวโต วาฯ กามปฎิสํยุตฺตาติ กามราคสงฺขาเตน กาเมน สมฺปยุตฺตา, กามปฎิพทฺธา วาฯ อเญฺญสุ จ กามปฎิสํยุตฺตธเมฺมสุ วิชฺชมาเนสุ วิตเกฺกเยว กาโมปปโท ธาตุสโทฺท นิรุโฬฺห เวทิตโพฺพ วิตกฺกสฺส กามปฺปสงฺคปฺปวตฺติยา สาติสยตฺตาฯ เอส นโย พฺยาปาทธาตุอาทีสุฯ ปรสฺส อตฺตโน จ ทุกฺขายนํ วิหิํสาวิหิํสนฺตีติ หนฺตุํ อิจฺฉนฺติฯ

    181. Kilesakāmaṃ sandhāyāti ‘‘saṅkappo kāmo rāgo kāmo’’ti (mahāni. 1; cūḷani. ajitamāṇavapucchāniddesa 8) ettha vuttaṃ saṅkappaṃ sandhāyāti adhippāyo. Sopi hi vibādhati upatāpeti cāti kilesasanthavasambhavato kilesakāmo vibhatto kilesavatthusambhavato vā. Kāmapaṭisaṃyuttāti kāmarāgasaṅkhātena kāmena sampayuttā, kāmapaṭibaddhā vā. Aññesu ca kāmapaṭisaṃyuttadhammesu vijjamānesu vitakkeyeva kāmopapado dhātusaddo niruḷho veditabbo vitakkassa kāmappasaṅgappavattiyā sātisayattā. Esa nayo byāpādadhātuādīsu. Parassa attano ca dukkhāyanaṃ vihiṃsā. Vihiṃsantīti hantuṃ icchanti.

    ๑๘๒. อุภยตฺถ อุปฺปโนฺนปิ อภิชฺฌาสํโยเคน กมฺมปถชนนโต อนภิชฺฌากมฺมปถภินฺทนโต จ กามวิตโกฺก ‘‘กมฺมปถเภโท’’ติ วุโตฺต ฯ พฺยาปาโท ปนาติ พฺยาปาทวจเนน พฺยาปาทวิตกฺกํ ทเสฺสติฯ โส หิ พฺยาปาทธาตูติฯ ตถา วิหิํสาย วิหิํสาธาตุยา จ พฺยาปาทวเสน ยถาสมฺภวํ ปาณาติปาตาทิวเสน จ กมฺมปถเภโท โยเชตโพฺพฯ เอตฺถาติ ทฺวีสุ ติเกสุฯ สพฺพกามาวจรสพฺพกุสลสงฺคาหเกหิ อิตเร เทฺว เทฺว สงฺคเหตฺวา กถนํ สพฺพสงฺคาหิกกถาฯ เอตฺถาติ ปน เอตสฺมิํ ฉเกฺกติ วุจฺจมาเน กามธาตุวจเนน กามาวจรานํ เนกฺขมฺมธาตุอาทีนญฺจ คหณํ อาปชฺชติฯ

    182. Ubhayattha uppannopi abhijjhāsaṃyogena kammapathajananato anabhijjhākammapathabhindanato ca kāmavitakko ‘‘kammapathabhedo’’ti vutto . Byāpādo panāti byāpādavacanena byāpādavitakkaṃ dasseti. So hi byāpādadhātūti. Tathā vihiṃsāya vihiṃsādhātuyā ca byāpādavasena yathāsambhavaṃ pāṇātipātādivasena ca kammapathabhedo yojetabbo. Etthāti dvīsu tikesu. Sabbakāmāvacarasabbakusalasaṅgāhakehi itare dve dve saṅgahetvā kathanaṃ sabbasaṅgāhikakathā. Etthāti pana etasmiṃ chakketi vuccamāne kāmadhātuvacanena kāmāvacarānaṃ nekkhammadhātuādīnañca gahaṇaṃ āpajjati.

    ลภาเปตพฺพาติ จกฺขุธาตาทิภาวํ ลภมานา ธมฺมา นีหริตฺวา ทสฺสเนน ลภาเปตพฺพาฯ จรติ เอตฺถาติ จาโร, กิํ จรติ? สมฺมสนํ, สมฺมสนสฺส จาโร สมฺมสนจาโร, เตภูมกธมฺมานํ อธิวจนํฯ

    Labhāpetabbāti cakkhudhātādibhāvaṃ labhamānā dhammā nīharitvā dassanena labhāpetabbā. Carati etthāti cāro, kiṃ carati? Sammasanaṃ, sammasanassa cāro sammasanacāro, tebhūmakadhammānaṃ adhivacanaṃ.

    สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา

    2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā

    ๑๘๓. จกฺขุสฺสาติ วิเสสการณํ อสาธารณสามิภาเวน นิทฺทิฎฺฐํฯ ตญฺหิ ปุคฺคลนฺตราสาธารณํ นีลาทิสพฺพรูปสาธารณญฺจฯ วิทหตีติ เอวํ เอวญฺจ ตยา ปวตฺติตพฺพนฺติ วินิยุชฺชมานํ วิย อุปฺปาเทตีติ อโตฺถฯ วิทหตีติ จ ธาตุอโตฺถ เอว วิสิโฎฺฐ อุปสเคฺคน ทีปิโตติ วินาปิ อุปสเคฺคน ธาตูติ เอโส สโทฺท ตมตฺถํ วทตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ กตฺตุกมฺมภาวกรณอธิกรเณสุ ธาตุปทสิทฺธิ โหตีติ ปญฺจปิ เอเต อตฺถา วุตฺตาฯ สุวณฺณรชตาทิธาตุโย สุวณฺณาทีนํ พีชภูตา เสลาทโยฯ

    183. Cakkhussāti visesakāraṇaṃ asādhāraṇasāmibhāvena niddiṭṭhaṃ. Tañhi puggalantarāsādhāraṇaṃ nīlādisabbarūpasādhāraṇañca. Vidahatīti evaṃ evañca tayā pavattitabbanti viniyujjamānaṃ viya uppādetīti attho. Vidahatīti ca dhātuattho eva visiṭṭho upasaggena dīpitoti vināpi upasaggena dhātūti eso saddo tamatthaṃ vadatīti daṭṭhabbo. Kattukammabhāvakaraṇaadhikaraṇesu dhātupadasiddhi hotīti pañcapi ete atthā vuttā. Suvaṇṇarajatādidhātuyo suvaṇṇādīnaṃ bījabhūtā selādayo.

    อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธาตุโยติ เอตฺถาปิ ธาตีติ ธาตูติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ ธาตุ-สโทฺท เอว หิ ธารณโตฺถปิ โหตีติฯ กตฺตุอโตฺถปิ จายํ ปุริเมน อสทิโสติ นิสฺสตฺตสภาวมตฺตธารณญฺจ ธาตุ-สทฺทสฺส ปธาโน อโตฺถติ วิสุํ วุโตฺตฯ ธาตุโย วิย ธาตุโยติ เอตฺถ สีห-สโทฺท วิย เกสริมฺหิ นิรุโฬฺห ปุริเสสุ, เสลาวยเวสุ นิรุโฬฺห ธาตุ-สโทฺท จ จกฺขาทีสุ อุปจริโต ทฎฺฐโพฺพฯ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจ ญาณเญยฺยานิ, เตสํ อวยวา ตปฺปเภทภูตา ธาตุโย ญาณเญยฺยาวยวาฯ ตตฺถ ญาณปฺปเภทา ธมฺมธาตุเอกเทโส, เญยฺยปฺปเภทา อฎฺฐารสาปีติ ญาณเญยฺยาวยวมตฺตา ธาตุโย โหนฺติฯ อถ วา ญาเณน ญาตโพฺพ สภาโว ธาตุสเทฺทน วุจฺจมาโน อวิปรีตโต ญาณเญโยฺย, น ทิฎฺฐิอาทีหิ วิปรีตคฺคาหเกหิ เญโยฺยติ อโตฺถฯ ตสฺส ญาณเญยฺยสฺส อวยวา จกฺขาทโยฯ วิสภาคลกฺขณาวยเวสุ รสาทีสุ นิรุโฬฺห ธาตุ-สโทฺท ตาทิเสสุ อญฺญาวยเวสุ จกฺขาทีสุ อุปจริโต ทฎฺฐโพฺพ, รสาทีสุ วิย วา จกฺขาทีสุ นิรุโฬฺหวฯ นิชฺชีวมตฺตเสฺสตํ อธิวจนนฺติ เอเตน นิชฺชีวมตฺตปทเตฺถ ธาตุ-สทฺทสฺส นิรุฬฺหตํ ทเสฺสติฯ ฉ ธาตุโย เอตสฺสาติ ฉธาตุโย, โย โลเก ‘‘ปุริโส’’ติ ธมฺมสมุทาโย วุจฺจติ, โส ฉธาตุโร ฉนฺนํ ปถวีอาทีนํ นิชฺชีวมตฺตสภาวานํ สมุทายมโตฺต, น เอตฺถ ชีโว ปุริโส วา อตฺถีติ อโตฺถฯ

    Attano sabhāvaṃ dhārentīti dhātuyoti etthāpi dhātīti dhātūti padasiddhi veditabbā. Dhātu-saddo eva hi dhāraṇatthopi hotīti. Kattuatthopi cāyaṃ purimena asadisoti nissattasabhāvamattadhāraṇañca dhātu-saddassa padhāno atthoti visuṃ vutto. Dhātuyo viya dhātuyoti ettha sīha-saddo viya kesarimhi niruḷho purisesu, selāvayavesu niruḷho dhātu-saddo ca cakkhādīsu upacarito daṭṭhabbo. Ñāṇañca ñeyyañca ñāṇañeyyāni, tesaṃ avayavā tappabhedabhūtā dhātuyo ñāṇañeyyāvayavā. Tattha ñāṇappabhedā dhammadhātuekadeso, ñeyyappabhedā aṭṭhārasāpīti ñāṇañeyyāvayavamattā dhātuyo honti. Atha vā ñāṇena ñātabbo sabhāvo dhātusaddena vuccamāno aviparītato ñāṇañeyyo, na diṭṭhiādīhi viparītaggāhakehi ñeyyoti attho. Tassa ñāṇañeyyassa avayavā cakkhādayo. Visabhāgalakkhaṇāvayavesu rasādīsu niruḷho dhātu-saddo tādisesu aññāvayavesu cakkhādīsu upacarito daṭṭhabbo, rasādīsu viya vā cakkhādīsu niruḷhova. Nijjīvamattassetaṃ adhivacananti etena nijjīvamattapadatthe dhātu-saddassa niruḷhataṃ dasseti. Cha dhātuyo etassāti chadhātuyo, yo loke ‘‘puriso’’ti dhammasamudāyo vuccati, so chadhāturo channaṃ pathavīādīnaṃ nijjīvamattasabhāvānaṃ samudāyamatto, na ettha jīvo puriso vā atthīti attho.

    จกฺขาทีนํ กโม ปุเพฺพ วุโตฺตติ อิธ เอเกกสฺมิํ ติเก ติณฺณํ ติณฺณํ ธาตูนํ กมํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เหตุผลานุปุพฺพววตฺถานวเสนา’’ติฯ เหตุผลานํ อนุปุพฺพววตฺถานํ เหตุผลภาโววฯ ตตฺถ เหตูติ ปจฺจโย อธิเปฺปโตฯ ผลนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนนฺติ อาห ‘‘จกฺขุธาตู’’ติอาทิฯ มโนธาตุธมฺมธาตูนญฺจ มโนวิญฺญาณสฺส เหตุภาโว ยถาสมฺภวํ โยเชตโพฺพ, ทฺวารภูตมโนวเสน วา ตสฺสา มโนธาตุยาฯ

    Cakkhādīnaṃ kamo pubbe vuttoti idha ekekasmiṃ tike tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ dhātūnaṃ kamaṃ dassento āha ‘‘hetuphalānupubbavavatthānavasenā’’ti. Hetuphalānaṃ anupubbavavatthānaṃ hetuphalabhāvova. Tattha hetūti paccayo adhippeto. Phalanti paccayuppannanti āha ‘‘cakkhudhātū’’tiādi. Manodhātudhammadhātūnañca manoviññāṇassa hetubhāvo yathāsambhavaṃ yojetabbo, dvārabhūtamanovasena vā tassā manodhātuyā.

    สพฺพาสํ วเสนาติ ยถาวุตฺตานํ อาภาธาตุอาทีนํ ปญฺจติํสาย ธาตูนํ วเสนฯ อปรมตฺถสภาวสฺส ปรมตฺถสภาเวสุ น กทาจิ อโนฺตคธตา อตฺถีติ อาห ‘‘สภาวโต วิชฺชมานาน’’นฺติฯ จนฺทาภาสูริยาภาทิกา วณฺณนิภา เอวาติ อาห ‘‘รูปธาตุเยว หิ อาภาธาตู’’ติฯ รูปาทิปฎิพทฺธาติ ราควตฺถุภาเวน คเหตพฺพากาโร สุภนิมิตฺตนฺติ สนฺธาย ‘‘รูปาทโยวา’’ติ อวตฺวา ปฎิพทฺธวจนํ อาหฯ อสติปิ ราควตฺถุภาเว ‘‘กุสลวิปาการมฺมณา สุภา ธาตู’’ติ ทุติโย วิกโปฺป วุโตฺตฯ วิหิํสาธาตุ เจตนา, ปรวิเหฐนฉโนฺท วาฯ อวิหิํสา กรุณาฯ

    Sabbāsaṃ vasenāti yathāvuttānaṃ ābhādhātuādīnaṃ pañcatiṃsāya dhātūnaṃ vasena. Aparamatthasabhāvassa paramatthasabhāvesu na kadāci antogadhatā atthīti āha ‘‘sabhāvato vijjamānāna’’nti. Candābhāsūriyābhādikā vaṇṇanibhā evāti āha ‘‘rūpadhātuyeva hi ābhādhātū’’ti. Rūpādipaṭibaddhāti rāgavatthubhāvena gahetabbākāro subhanimittanti sandhāya ‘‘rūpādayovā’’ti avatvā paṭibaddhavacanaṃ āha. Asatipi rāgavatthubhāve ‘‘kusalavipākārammaṇā subhā dhātū’’ti dutiyo vikappo vutto. Vihiṃsādhātu cetanā, paraviheṭhanachando vā. Avihiṃsā karuṇā.

    อุโภปีติ ธมฺมธาตุมโนวิญฺญาณธาตุโยฯ หีนาทีสุ ปุริมนเยน หีฬิตา จกฺขาทโย หีนา, สมฺภาวิตา ปณีตา, นาติหีฬิตา นาติสมฺภาวิตา มชฺฌิมาติ ขนฺธวิภเงฺค อาคตหีนทุกโตเยว นีหริตฺวา มชฺฌิมา ธาตุ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ วิญฺญาณธาตุ ยทิปิ ฉวิญฺญาณธาตุวเสน วิภตฺตา, ตถาปิ ‘‘วิญฺญาณธาตุคฺคหเณน ตสฺสา ปุเรจาริกปจฺฉาจาริกตฺตา มโนธาตุ คหิตาว โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘วิญฺญาณธาตุ…เป.… สตฺตวิญฺญาณสเงฺขโปเยวา’’ติฯ อเนเกสํ จกฺขุธาตุอาทีนํ, ตาสุ จ เอเกกิสฺสา นานปฺปการตาย นานาธาตูนํ วเสน อเนกธาตุนานาธาตุโลโก วุโตฺตติ อาห ‘‘อฎฺฐารสธาตุปฺปเภทมตฺตเมวา’’ติฯ

    Ubhopīti dhammadhātumanoviññāṇadhātuyo. Hīnādīsu purimanayena hīḷitā cakkhādayo hīnā, sambhāvitā paṇītā, nātihīḷitā nātisambhāvitā majjhimāti khandhavibhaṅge āgatahīnadukatoyeva nīharitvā majjhimā dhātu vuttāti veditabbā. Viññāṇadhātu yadipi chaviññāṇadhātuvasena vibhattā, tathāpi ‘‘viññāṇadhātuggahaṇena tassā purecārikapacchācārikattā manodhātu gahitāva hotī’’ti vuttattā āha ‘‘viññāṇadhātu…pe… sattaviññāṇasaṅkhepoyevā’’ti. Anekesaṃ cakkhudhātuādīnaṃ, tāsu ca ekekissā nānappakāratāya nānādhātūnaṃ vasena anekadhātunānādhātuloko vuttoti āha ‘‘aṭṭhārasadhātuppabhedamattamevā’’ti.

    ‘‘จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายมโนมโนวิญฺญาณธาตุเภเทนา’’ติ อฎฺฐกถายํ ลิขิตํฯ ตตฺถ น จกฺขาทีนํ เกวเลน ธาตุ-สเทฺทน สมฺพโนฺธ อธิเปฺปโต วิชานนสภาวสฺส ปเภทวจนโตฯ วิญฺญาณธาตุ-สเทฺทน สมฺพเนฺธ กริยมาเน เทฺว มโนคหณานิ น กตฺตพฺพานิฯ น หิ เทฺว มโนวิญฺญาณธาตุโย อตฺถีติฯ ‘‘จกฺขุ…เป.… กายมโนวิญฺญาณมโนธาตู’’ติ วา วตฺตพฺพํ อตุลฺยโยเค ทฺวนฺทสมาสาภาวโตฯ อยํ ปเนตฺถ ปาโฐ สิยา ‘‘จกฺขุ…เป.… กายวิญฺญาณมโนมโนวิญฺญาณธาตุเภเทนา’’ติฯ

    ‘‘Cakkhusotaghānajivhākāyamanomanoviññāṇadhātubhedenā’’ti aṭṭhakathāyaṃ likhitaṃ. Tattha na cakkhādīnaṃ kevalena dhātu-saddena sambandho adhippeto vijānanasabhāvassa pabhedavacanato. Viññāṇadhātu-saddena sambandhe kariyamāne dve manogahaṇāni na kattabbāni. Na hi dve manoviññāṇadhātuyo atthīti. ‘‘Cakkhu…pe… kāyamanoviññāṇamanodhātū’’ti vā vattabbaṃ atulyayoge dvandasamāsābhāvato. Ayaṃ panettha pāṭho siyā ‘‘cakkhu…pe… kāyaviññāṇamanomanoviññāṇadhātubhedenā’’ti.

    ขนฺธายตนเทสนา สเงฺขปเทสนา, อินฺทฺริยเทสนา วิตฺถารเทสนาติ ตทุภยํ อเปกฺขิตฺวา นาติสเงฺขปวิตฺถารา ธาตุเทสนาฯ อถ วา สุตฺตนฺตภาชนีเย วุตฺตธาตุเทสนา อติสเงฺขปเทสนา, อาภาธาตุอาทีนํ อเนกธาตุนานาธาตุอนฺตานํ วเสน เทเสตพฺพา อติวิตฺถารเทสนาติ ตทุภยํ อเปกฺขิตฺวา อยํ ‘‘นาติสเงฺขปวิตฺถารา’’ติฯ

    Khandhāyatanadesanā saṅkhepadesanā, indriyadesanā vitthāradesanāti tadubhayaṃ apekkhitvā nātisaṅkhepavitthārā dhātudesanā. Atha vā suttantabhājanīye vuttadhātudesanā atisaṅkhepadesanā, ābhādhātuādīnaṃ anekadhātunānādhātuantānaṃ vasena desetabbā ativitthāradesanāti tadubhayaṃ apekkhitvā ayaṃ ‘‘nātisaṅkhepavitthārā’’ti.

    เภรีตลํ วิย จกฺขุธาตุ สทฺทสฺส วิย วิญฺญาณสฺส นิสฺสยภาวโตฯ เอตาหิ จ อุปมาหิ นิชฺชีวานํ เภรีตลทณฺฑาทีนํ สมาโยเค นิชฺชีวานํ สทฺทาทีนํ วิย นิชฺชีวานํ จกฺขุรูปาทีนํ สมาโยเค นิชฺชีวานํ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ ปวตฺตีติ การณผลานํ ธาตุมตฺตตฺตา การกเวทกภาววิรหํ ทเสฺสติฯ

    Bherītalaṃ viya cakkhudhātu saddassa viya viññāṇassa nissayabhāvato. Etāhi ca upamāhi nijjīvānaṃ bherītaladaṇḍādīnaṃ samāyoge nijjīvānaṃ saddādīnaṃ viya nijjīvānaṃ cakkhurūpādīnaṃ samāyoge nijjīvānaṃ cakkhuviññāṇādīnaṃ pavattīti kāraṇaphalānaṃ dhātumattattā kārakavedakabhāvavirahaṃ dasseti.

    ปุเรจรานุจรา วิยาติ นิชฺชีวสฺส กสฺสจิ เกจิ นิชฺชีวา ปุเรจรานุจรา วิยาติ อโตฺถฯ มโนธาตุเยว วา อตฺตโน ขณํ อนติวตฺตนฺตี อตฺตโน ขณํ อนติวตฺตนฺตานํเยว จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ อวิชฺชมาเนปิ ปุเรจรานุจรภาเว ปุพฺพกาลาปรกาลตาย ปุเรจรานุจรา วิย ทฎฺฐพฺพาติ อโตฺถฯ สลฺลมิว สูลมิว ติวิธทุกฺขตาสมาโยคโต ทฎฺฐโพฺพฯ อาสาเยว ทุกฺขํ อาสาทุกฺขํ, อาสาวิฆาตํ ทุกฺขํ วาฯ สญฺญา หิ อภูตํ ทุกฺขทุกฺขมฺปิ สุภาทิโต สญฺชานนฺตี ตํ อาสํ ตสฺสา จ วิฆาตํ อาสีสิตสุภาทิอสิทฺธิยา ชเนตีติฯ กมฺมปฺปธานา สงฺขาราติ ‘‘ปฎิสนฺธิยํ ปกฺขิปนโต’’ติอาทิมาหฯ ชาติทุกฺขานุพนฺธนโตติ อตฺตนา นิพฺพตฺติยมาเนน ชาติทุเกฺขน อนุพนฺธตฺตาฯ ภวปจฺจยา ชาติ หิ ชาติทุกฺขนฺติฯ ปทุมํ วิย ทิสฺสมานํ ขุรจกฺกํ วิย รูปมฺปิ อิตฺถิยาทิภาเวน ทิสฺสมานํ นานาวิธุปทฺทวํ ชเนติฯ สเพฺพ อนตฺถา ราคาทโย ชาติอาทโย จ วิสภูตา อสนฺตา สปฺปฎิภยา จาติ ตปฺปฎิปกฺขภูตตฺตา อมตาทิโต ทฎฺฐพฺพาฯ

    Purecarānucarā viyāti nijjīvassa kassaci keci nijjīvā purecarānucarā viyāti attho. Manodhātuyeva vā attano khaṇaṃ anativattantī attano khaṇaṃ anativattantānaṃyeva cakkhuviññāṇādīnaṃ avijjamānepi purecarānucarabhāve pubbakālāparakālatāya purecarānucarā viya daṭṭhabbāti attho. Sallamiva sūlamiva tividhadukkhatāsamāyogato daṭṭhabbo. Āsāyeva dukkhaṃ āsādukkhaṃ, āsāvighātaṃ dukkhaṃ vā. Saññā hi abhūtaṃ dukkhadukkhampi subhādito sañjānantī taṃ āsaṃ tassā ca vighātaṃ āsīsitasubhādiasiddhiyā janetīti. Kammappadhānā saṅkhārāti ‘‘paṭisandhiyaṃ pakkhipanato’’tiādimāha. Jātidukkhānubandhanatoti attanā nibbattiyamānena jātidukkhena anubandhattā. Bhavapaccayā jāti hi jātidukkhanti. Padumaṃ viya dissamānaṃ khuracakkaṃ viya rūpampi itthiyādibhāvena dissamānaṃ nānāvidhupaddavaṃ janeti. Sabbe anatthā rāgādayo jātiādayo ca visabhūtā asantā sappaṭibhayā cāti tappaṭipakkhabhūtattā amatādito daṭṭhabbā.

    มุญฺจิตฺวาปิ อญฺญํ คเหตฺวาวาติ เอเตน มกฺกฎสฺส คหิตํ สาขํ มุญฺจิตฺวาปิ อากาเส ฐาตุํ อสมตฺถตา วิย คหิตารมฺมณํ มุญฺจิตฺวาปิ อญฺญํ อคฺคเหตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถตาย มกฺกฎสมานตํ ทเสฺสติฯ อฎฺฐิเวธวิโทฺธปิ ทมถํ อนุปคจฺฉโนฺต ทุฎฺฐโสฺส อสฺสขฬุโงฺกฯ รงฺคคโต นโฎ รงฺคนโฎ

    Muñcitvāpi aññaṃ gahetvāvāti etena makkaṭassa gahitaṃ sākhaṃ muñcitvāpi ākāse ṭhātuṃ asamatthatā viya gahitārammaṇaṃ muñcitvāpi aññaṃ aggahetvā pavattituṃ asamatthatāya makkaṭasamānataṃ dasseti. Aṭṭhivedhaviddhopi damathaṃ anupagacchanto duṭṭhasso assakhaḷuṅko. Raṅgagato naṭo raṅganaṭo.

    ๑๘๔. จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จาติอาทินา ทฺวารารมฺมเณสุ เอกวจนพหุวจนนิเทฺทสา เอกนานาสนฺตานคตานํ เอกสนฺตานคตวิญฺญาณปจฺจยภาวโต เอกนานาชาติกตฺตา จฯ

    184. Cakkhuñca paṭicca rūpe cātiādinā dvārārammaṇesu ekavacanabahuvacananiddesā ekanānāsantānagatānaṃ ekasantānagataviññāṇapaccayabhāvato ekanānājātikattā ca.

    สพฺพธเมฺมสูติ เอตฺถ สพฺพ-สโทฺท อธิการวเสน ยถาวุตฺตวิญฺญาณสงฺขาเต อารมฺมณสงฺขาเต วา ปเทสสพฺพสฺมิํ ติฎฺฐตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ มโนวิญฺญาณธาตุนิเทฺทเส ‘‘จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธสมนนฺตรา อุปฺปชฺชติ มโนธาตุ, มโนธาตุยาปิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธสมนนฺตรา อุปฺปชฺชติ จิตฺต’’นฺติ จกฺขุวิญฺญาณธาตานนฺตรํ มโนธาตุ วิย มโนธาตานนฺตรมฺปิ อุปฺปชฺชติ จิตฺตนฺติ ยาว อญฺญา มโนธาตุ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตาว ปวตฺตํ สพฺพํ จิตฺตํ เอกเตฺตน คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เอวมฺปิ อโตฺถ ลพฺภติฯ เอวญฺหิ สติ มโนวิญฺญาณธาตานนฺตรํ อุปฺปนฺนาย มโนธาตุยา มโนวิญฺญาณธาตุภาวปฺปสโงฺค น โหติเยวฯ ปญฺจวิญฺญาณธาตุมโนธาตุกฺกมนิทสฺสนญฺหิ ตพฺพิธุรสภาเวน อุปฺปตฺติฎฺฐาเนน จ ปริจฺฉินฺนสฺส จิตฺตสฺส มโนวิญฺญาณธาตุภาวทสฺสนตฺถํ, น อนนฺตรุปฺปตฺติมเตฺตนาติ ตพฺพิธุรสภาเว เอกตฺตํ อุปเนตฺวา ทสฺสนํ ยุชฺชติฯ อนุปนีเตปิ เอกเตฺต ตพฺพิธุรสภาเว เอกสฺมิํ ทสฺสิเต สามญฺญวเสน อญฺญมฺปิ สพฺพํ ตํ สภาวํ ทสฺสิตํ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปิ-สเทฺทน มโนวิญฺญาณธาตุสมฺปิณฺฑเน จ สติ ‘‘มโนวิญฺญาณธาตุยาปิ สมนนฺตรา อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ…เป.… ตชฺชา มโนวิญฺญาณธาตู’’ติ มโนวิญฺญาณธาตุคฺคหเณน ภวงฺคานนฺตรํ อุปฺปนฺนํ มโนธาตุจิตฺตํ นิวตฺติตํ โหตีติ เจ? น, ตสฺสา มโนวิญฺญาณธาตุภาวาสิทฺธิโตฯ น หิ ยํ โจทียติ, ตเทว ปริหาราย โหตีติฯ

    Sabbadhammesūti ettha sabba-saddo adhikāravasena yathāvuttaviññāṇasaṅkhāte ārammaṇasaṅkhāte vā padesasabbasmiṃ tiṭṭhatīti daṭṭhabbo. Manoviññāṇadhātuniddese ‘‘cakkhuviññāṇadhātuyā uppajjitvā niruddhasamanantarā uppajjati manodhātu, manodhātuyāpi uppajjitvā niruddhasamanantarā uppajjati citta’’nti cakkhuviññāṇadhātānantaraṃ manodhātu viya manodhātānantarampi uppajjati cittanti yāva aññā manodhātu uppajjissati, tāva pavattaṃ sabbaṃ cittaṃ ekattena gahetvā vuttanti evampi attho labbhati. Evañhi sati manoviññāṇadhātānantaraṃ uppannāya manodhātuyā manoviññāṇadhātubhāvappasaṅgo na hotiyeva. Pañcaviññāṇadhātumanodhātukkamanidassanañhi tabbidhurasabhāvena uppattiṭṭhānena ca paricchinnassa cittassa manoviññāṇadhātubhāvadassanatthaṃ, na anantaruppattimattenāti tabbidhurasabhāve ekattaṃ upanetvā dassanaṃ yujjati. Anupanītepi ekatte tabbidhurasabhāve ekasmiṃ dassite sāmaññavasena aññampi sabbaṃ taṃ sabhāvaṃ dassitaṃ hotīti daṭṭhabbaṃ. Pi-saddena manoviññāṇadhātusampiṇḍane ca sati ‘‘manoviññāṇadhātuyāpi samanantarā uppajjati cittaṃ…pe… tajjā manoviññāṇadhātū’’ti manoviññāṇadhātuggahaṇena bhavaṅgānantaraṃ uppannaṃ manodhātucittaṃ nivattitaṃ hotīti ce? Na, tassā manoviññāṇadhātubhāvāsiddhito. Na hi yaṃ codīyati, tadeva parihārāya hotīti.

    มโนธาตุยาปิ มโนวิญฺญาณธาตุยาปีติ มนทฺวยวจเนน ทฺวินฺนํ อญฺญมญฺญวิธุรสภาวตา ทสฺสิตาติ เตเนว มโนธาตาวชฺชนสฺส มโนวิญฺญาณธาตุภาโว นิวตฺติโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ วุโตฺต หิ ตสฺส มโนวิญฺญาณธาตุวิธุโร มโนธาตุสภาโว ‘‘สพฺพธเมฺมสุ วา ปน ปฐมสมนฺนาหาโร อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินาฯ สา สพฺพาปีติ เอตํ มุขมตฺตนิทสฺสนํฯ น หิ ชวนปริโยสานา เอว มโนวิญฺญาณธาตุ, ตทารมฺมณาทีนิปิ ปน โหนฺติเยวาติฯ เอวํ ปญฺจวิญฺญาณธาตุมโนธาตุวิสิฎฺฐสภาววเสน สพฺพํ มโนวิญฺญาณธาตุํ ทเสฺสตฺวา ปุน มโนทฺวารวเสน สาติสยํ ชวนมโนวิญฺญาณธาตุํ ทเสฺสโนฺต ‘‘มนญฺจ ปฎิจฺจา’’ติอาทิมาหฯ ยทิ ปน ฉนฺนํ ทฺวารานํ วเสน ชวนาวสานาเนว จิตฺตานิ อิธ ‘‘มโนวิญฺญาณธาตู’’ติ ทสฺสิตานีติ อยมโตฺถ คเยฺหยฺย, จุติปฎิสนฺธิภวงฺคานํ อคฺคหิตตฺตา สาวเสสา เทสนา อาปชฺชติ, ตสฺมา ยถาวุเตฺตน นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ฉทฺวาริกจิเตฺตหิ วา สมานลกฺขณานิ อญฺญานิปิ ‘‘มโนวิญฺญาณธาตู’’ติ ทสฺสิตานีติ เวทิตพฺพานิฯ

    Manodhātuyāpi manoviññāṇadhātuyāpīti manadvayavacanena dvinnaṃ aññamaññavidhurasabhāvatā dassitāti teneva manodhātāvajjanassa manoviññāṇadhātubhāvo nivattitoti daṭṭhabbo. Vutto hi tassa manoviññāṇadhātuvidhuro manodhātusabhāvo ‘‘sabbadhammesu vā pana paṭhamasamannāhāro uppajjatī’’tiādinā. Sā sabbāpīti etaṃ mukhamattanidassanaṃ. Na hi javanapariyosānā eva manoviññāṇadhātu, tadārammaṇādīnipi pana hontiyevāti. Evaṃ pañcaviññāṇadhātumanodhātuvisiṭṭhasabhāvavasena sabbaṃ manoviññāṇadhātuṃ dassetvā puna manodvāravasena sātisayaṃ javanamanoviññāṇadhātuṃ dassento ‘‘manañca paṭiccā’’tiādimāha. Yadi pana channaṃ dvārānaṃ vasena javanāvasānāneva cittāni idha ‘‘manoviññāṇadhātū’’ti dassitānīti ayamattho gayheyya, cutipaṭisandhibhavaṅgānaṃ aggahitattā sāvasesā desanā āpajjati, tasmā yathāvuttena nayena attho veditabbo. Chadvārikacittehi vā samānalakkhaṇāni aññānipi ‘‘manoviññāṇadhātū’’ti dassitānīti veditabbāni.

    ปฎิจฺจาติ อาคตฎฺฐาเนติ เอตฺถ ‘‘มโน จ เนสํ โคจรวิสยํ ปจฺจนุโภตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๕๕) วิสุํ กาตุํ ยุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจา’’ติอาทีสุ จ-สเทฺทน สมฺปิเณฺฑตฺวา อาวชฺชนสฺสปิ จกฺขาทิสนฺนิสฺสิตตากรณํ วิย มนญฺจ ปฎิจฺจาติ อาคตฎฺฐาเน มโนทฺวารสงฺขาตภวงฺคสนฺนิสฺสิตเมว อาวชฺชนํ กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Paṭiccāti āgataṭṭhāneti ettha ‘‘mano ca nesaṃ gocaravisayaṃ paccanubhotī’’tiādīsu (ma. ni. 1.455) visuṃ kātuṃ yuttaṃ, idha pana ‘‘cakkhuñca paṭiccā’’tiādīsu ca-saddena sampiṇḍetvā āvajjanassapi cakkhādisannissitatākaraṇaṃ viya manañca paṭiccāti āgataṭṭhāne manodvārasaṅkhātabhavaṅgasannissitameva āvajjanaṃ kātabbanti adhippāyo.

    อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา

    3. Pañhapucchakavaṇṇanā

    ปญฺหปุจฺฉกํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวาติฯ

    Pañhapucchakaṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānamevāti.

    ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ธาตุวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dhātuvibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๓. ธาตุวิภโงฺค • 3. Dhātuvibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา • 1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๓. ธาตุวิภโงฺค • 3. Dhātuvibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact