Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๑๐. ธาตุวิวณฺณเปตวตฺถุวณฺณนา

    10. Dhātuvivaṇṇapetavatthuvaṇṇanā

    อนฺตลิกฺขสฺมิํ ติฎฺฐโนฺตติ อิทํ ธาตุวิวณฺณเปตวตฺถุฯ ภควติ กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร ปรินิพฺพุเต ธาตุวิภาเค จ กเต ราชา อชาตสตฺตุ อตฺตนา ลทฺธธาตุภาคํ คเหตฺวา สตฺต วสฺสานิ สตฺต จ มาเส สตฺต จ ทิวเส พุทฺธคุเณ อนุสฺสรโนฺต อุฬารปูชํ ปวเตฺตสิฯ ตตฺถ อสเงฺขยฺยา อปฺปเมยฺยา มนุสฺสา จิตฺตานิ ปสาเทตฺวา สคฺคูปคา อเหสุํ, ฉฬาสีติมตฺตานิ ปน ปุริสสหสฺสานิ จิรกาลภาวิเตน อสฺสทฺธิเยน มิจฺฉาทสฺสเนน จ วิปลฺลตฺถจิตฺตา ปสาทนีเยปิ ฐาเน อตฺตโน จิตฺตานิ ปโทเสตฺวา เปเตสุ อุปฺปชฺชิํสุฯ ตสฺมิํเยว ราชคเห อญฺญตรสฺส วิภวสมฺปนฺนสฺส กุฎุมฺพิกสฺส ภริยา ธีตา สุณิสา จ ปสนฺนจิตฺตา ‘‘ธาตุปูชํ กริสฺสามา’’ติ คนฺธปุปฺผาทีนิ คเหตฺวา ธาตุฎฺฐานํ คนฺตุํ อารทฺธาฯ โส กุฎุมฺพิโก ‘‘กิํ อฎฺฐิกานํ ปูชเนนา’’ติ ตา ปริภาเสตฺวา ธาตุปูชํ วิวเณฺณสิฯ ตาปิ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ธาตุปูชํ กตฺวา เคหํ อาคตา ตาทิเสน โรเคน อภิภูตา นจิรเสฺสว กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติํสุฯ โส ปน โกเธน อภิภูโต นจิรเสฺสว กาลํ กตฺวา เตน ปาปกเมฺมน เปเตสุ นิพฺพตฺติฯ

    Antalikkhasmiṃtiṭṭhantoti idaṃ dhātuvivaṇṇapetavatthu. Bhagavati kusinārāyaṃ upavattane mallānaṃ sālavane yamakasālānamantare parinibbute dhātuvibhāge ca kate rājā ajātasattu attanā laddhadhātubhāgaṃ gahetvā satta vassāni satta ca māse satta ca divase buddhaguṇe anussaranto uḷārapūjaṃ pavattesi. Tattha asaṅkheyyā appameyyā manussā cittāni pasādetvā saggūpagā ahesuṃ, chaḷāsītimattāni pana purisasahassāni cirakālabhāvitena assaddhiyena micchādassanena ca vipallatthacittā pasādanīyepi ṭhāne attano cittāni padosetvā petesu uppajjiṃsu. Tasmiṃyeva rājagahe aññatarassa vibhavasampannassa kuṭumbikassa bhariyā dhītā suṇisā ca pasannacittā ‘‘dhātupūjaṃ karissāmā’’ti gandhapupphādīni gahetvā dhātuṭṭhānaṃ gantuṃ āraddhā. So kuṭumbiko ‘‘kiṃ aṭṭhikānaṃ pūjanenā’’ti tā paribhāsetvā dhātupūjaṃ vivaṇṇesi. Tāpi tassa vacanaṃ anādiyitvā tattha gantvā dhātupūjaṃ katvā gehaṃ āgatā tādisena rogena abhibhūtā nacirasseva kālaṃ katvā devaloke nibbattiṃsu. So pana kodhena abhibhūto nacirasseva kālaṃ katvā tena pāpakammena petesu nibbatti.

    อเถกทิวสํ อายสฺมา มหากสฺสโป สเตฺตสุ อนุกมฺปาย ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา มนุสฺสา เต เปเต ตา จ เทวตาโย ปสฺสนฺติฯ ตถา ปน กตฺวา เจติยงฺคเณ ฐิโต ตํ ธาตุวิวณฺณกํ เปตํ ตีหิ คาถาหิ ปุจฺฉิฯ ตสฺส โส เปโต พฺยากาสิ –

    Athekadivasaṃ āyasmā mahākassapo sattesu anukampāya tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhāsi, yathā manussā te pete tā ca devatāyo passanti. Tathā pana katvā cetiyaṅgaṇe ṭhito taṃ dhātuvivaṇṇakaṃ petaṃ tīhi gāthāhi pucchi. Tassa so peto byākāsi –

    ๕๐๗.

    507.

    ‘‘อนฺตลิกฺขสฺมิํ ติฎฺฐโนฺต, ทุคฺคโนฺธ ปูติ วายสิ;

    ‘‘Antalikkhasmiṃ tiṭṭhanto, duggandho pūti vāyasi;

    มุขญฺจ เต กิมโย ปูติคนฺธํ, ขาทนฺติ กิํ กมฺมมกาสิ ปุเพฺพฯ

    Mukhañca te kimayo pūtigandhaṃ, khādanti kiṃ kammamakāsi pubbe.

    ๕๐๘.

    508.

    ‘‘ตโต สตฺถํ คเหตฺวาน, โอกฺกนฺตนฺติ ปุนปฺปุนํ;

    ‘‘Tato satthaṃ gahetvāna, okkantanti punappunaṃ;

    ขาเรน ปริโปฺผสิตฺวา, โอกฺกนฺตนฺติ ปุนปฺปุนํฯ

    Khārena paripphositvā, okkantanti punappunaṃ.

    ๕๐๙.

    509.

    ‘‘กิํ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฎํ กตํ;

    ‘‘Kiṃ nu kāyena vācāya, manasā dukkaṭaṃ kataṃ;

    กิสฺสกมฺมวิปาเกน, อิทํ ทุกฺขํ นิคจฺฉสี’’ติฯ

    Kissakammavipākena, idaṃ dukkhaṃ nigacchasī’’ti.

    ๕๑๐.

    510.

    ‘‘อหํ ราชคเห รเมฺม, รมณีเย คิริพฺพเช;

    ‘‘Ahaṃ rājagahe ramme, ramaṇīye giribbaje;

    อิสฺสโร ธนธญฺญสฺส, สุปหูตสฺส มาริสฯ

    Issaro dhanadhaññassa, supahūtassa mārisa.

    ๕๑๑.

    511.

    ‘‘ตสฺสายํ เม ภริยา จ, ธีตา จ สุณิสา จ เม;

    ‘‘Tassāyaṃ me bhariyā ca, dhītā ca suṇisā ca me;

    ตา มาลํ อุปฺปลญฺจาปิ, ปจฺจคฺฆญฺจ วิเลปนํ;

    Tā mālaṃ uppalañcāpi, paccagghañca vilepanaṃ;

    ถูปํ หรนฺติโย วาเรสิํ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยาฯ

    Thūpaṃ harantiyo vāresiṃ, taṃ pāpaṃ pakataṃ mayā.

    ๕๑๒.

    512.

    ‘‘ฉฬาสีติสหสฺสานิ , มยํ ปจฺจตฺตเวทนา;

    ‘‘Chaḷāsītisahassāni , mayaṃ paccattavedanā;

    ถูปปูชํ วิวเณฺณตฺวา, ปจฺจาม นิรเย ภุสํฯ

    Thūpapūjaṃ vivaṇṇetvā, paccāma niraye bhusaṃ.

    ๕๑๓.

    513.

    ‘‘เย จ โข ถูปปูชาย, วตฺตเนฺต อรหโต มเห;

    ‘‘Ye ca kho thūpapūjāya, vattante arahato mahe;

    อาทีนวํ ปกาเสนฺติ, วิเวจเยถ เน ตโตฯ

    Ādīnavaṃ pakāsenti, vivecayetha ne tato.

    ๕๑๔.

    514.

    ‘‘อิมา จ ปสฺส อยนฺติโย, มาลธารี อลงฺกตา;

    ‘‘Imā ca passa ayantiyo, māladhārī alaṅkatā;

    มาลาวิปากํนุโภนฺติโย, สมิทฺธา จ ตา ยสสฺสินิโยฯ

    Mālāvipākaṃnubhontiyo, samiddhā ca tā yasassiniyo.

    ๕๑๕.

    515.

    ‘‘ตญฺจ ทิสฺวาน อเจฺฉรํ, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

    ‘‘Tañca disvāna accheraṃ, abbhutaṃ lomahaṃsanaṃ;

    นโม กโรนฺติ สปฺปญฺญา, วนฺทนฺติ ตํ มหามุนิํฯ

    Namo karonti sappaññā, vandanti taṃ mahāmuniṃ.

    ๕๑๖.

    516.

    ‘‘โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนิํ ลทฺธาน มานุสิํ;

    ‘‘Sohaṃ nūna ito gantvā, yoniṃ laddhāna mānusiṃ;

    ถูปปูชํ กริสฺสามิ, อปฺปมโตฺต ปุนปฺปุน’’นฺติฯ

    Thūpapūjaṃ karissāmi, appamatto punappuna’’nti.

    ๕๐๗-๘. ตตฺถ ทุคฺคโนฺธติ อนิฎฺฐคโนฺธ, กุณปคนฺธคนฺธีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปูติ วายสี’’ติฯ ตโตติ ทุคฺคนฺธวายนโต กิมีหิ ขายิตพฺพโต จ อุปริฯ สตฺตํ คเหตฺวาน, โอกฺกนฺตนฺติ ปุนปฺปุนนฺติ กมฺมสโญฺจทิตา สตฺตา นิสิตธารํ สตฺถํ คเหตฺวา ปุนปฺปุนํ ตํ วณมุขํ อวกนฺตนฺติฯ ขาเรน ปริโปฺผสิตฺวา, โอกฺกนฺตนฺติ ปุนปฺปุนนฺติ อวกนฺติตฎฺฐาเน ขาโรทเกน อาสิญฺจิตฺวา ปุนปฺปุนมฺปิ อวกนฺตนฺติฯ

    507-8. Tattha duggandhoti aniṭṭhagandho, kuṇapagandhagandhīti attho. Tenāha ‘‘pūti vāyasī’’ti. Tatoti duggandhavāyanato kimīhi khāyitabbato ca upari. Sattaṃ gahetvāna, okkantanti punappunanti kammasañcoditā sattā nisitadhāraṃ satthaṃ gahetvā punappunaṃ taṃ vaṇamukhaṃ avakantanti. Khārena paripphositvā, okkantanti punappunanti avakantitaṭṭhāne khārodakena āsiñcitvā punappunampi avakantanti.

    ๕๑๐. อิสฺสโร ธนธญฺญสฺส, สุปหูตสฺสาติ อติวิย ปหูตสฺส ธนสฺส ธญฺญสฺส จ อิสฺสโร สามี, อโฑฺฒ มหทฺธโนติ อโตฺถฯ

    510.Issaro dhanadhaññassa, supahūtassāti ativiya pahūtassa dhanassa dhaññassa ca issaro sāmī, aḍḍho mahaddhanoti attho.

    ๕๑๑. ตสฺสายํ เม ภริยา จ, ธีตา จ สุณิสา จาติ ตสฺส มยฺหํ อยํ ปุริมตฺตภาเว ภริยา, อยํ ธีตา, อยํ สุณิสาฯ ตา เทวภูตา อากาเส ฐิตาติ ทเสฺสโนฺต วทติฯ ปจฺจคฺฆนฺติ อภินวํฯ ถูปํ หรนฺติโย วาเรสินฺติ ถูปํ ปูเชตุํ อุปเนนฺติโย ธาตุํ วิวเณฺณโนฺต ปฎิกฺขิปิํฯ ตํ ปาปํ ปกตํ มยาติ ตํ ธาตุวิวณฺณนปาปํ กตํ สมาจริตํ มยาติ วิปฺปฎิสารปฺปโตฺต วทติฯ

    511.Tassāyaṃ me bhariyā ca, dhītā ca suṇisā cāti tassa mayhaṃ ayaṃ purimattabhāve bhariyā, ayaṃ dhītā, ayaṃ suṇisā. Tā devabhūtā ākāse ṭhitāti dassento vadati. Paccagghanti abhinavaṃ. Thūpaṃ harantiyo vāresinti thūpaṃ pūjetuṃ upanentiyo dhātuṃ vivaṇṇento paṭikkhipiṃ. Taṃ pāpaṃ pakataṃ mayāti taṃ dhātuvivaṇṇanapāpaṃ kataṃ samācaritaṃ mayāti vippaṭisārappatto vadati.

    ๕๑๒. ฉฬาสีติสหสฺสานีติ ฉสหสฺสาธิกา อสีติสหสฺสมตฺตาฯ มยนฺติ เต เปเต อตฺตนา สทฺธิํ สงฺคเหตฺวา วทติฯ ปจฺจตฺตเวทนาติ วิสุํ วิสุํ อนุภุยฺยมานทุกฺขเวทนาฯ นิรเยติ พลทุกฺขตาย เปตฺติวิสยํ นิรยสทิสํ กตฺวา อาหฯ

    512.Chaḷāsītisahassānīti chasahassādhikā asītisahassamattā. Mayanti te pete attanā saddhiṃ saṅgahetvā vadati. Paccattavedanāti visuṃ visuṃ anubhuyyamānadukkhavedanā. Nirayeti baladukkhatāya pettivisayaṃ nirayasadisaṃ katvā āha.

    ๕๑๓. เย จ โข ถูปปูชาย, วตฺตเนฺต อรหโต มเหติ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ถูปํ อุทฺทิสฺส ปูชามเห ปวตฺตมาเน อหํ วิย เย ถูปปูชาย อาทีนวํ โทสํ ปกาเสนฺติฯ เต ปุคฺคเล ตโต ปุญฺญโต วิเวจเยถ วิเวจาปเยถ, ปริพาหิเร ชนเยถาติ อญฺญาปเทเสน อตฺตโน มหาชานิยตํ วิภาเวติฯ

    513.Ye ca kho thūpapūjāya, vattante arahato maheti arahato sammāsambuddhassa thūpaṃ uddissa pūjāmahe pavattamāne ahaṃ viya ye thūpapūjāya ādīnavaṃ dosaṃ pakāsenti. Te puggale tato puññato vivecayetha vivecāpayetha, paribāhire janayethāti aññāpadesena attano mahājāniyataṃ vibhāveti.

    ๕๑๔. อายนฺติโยติ อากาเสน อาคจฺฉนฺติโยฯ มาลาวิปากนฺติ ถูเป กตมาลาปูชาย วิปากํ ผลํฯ สมิทฺธาติ ทิพฺพสมฺปตฺติยา สมิทฺธาฯ ตา ยสสฺสินิโยติ ตา ปริวารวนฺติโยฯ

    514.Āyantiyoti ākāsena āgacchantiyo. Mālāvipākanti thūpe katamālāpūjāya vipākaṃ phalaṃ. Samiddhāti dibbasampattiyā samiddhā. Tā yasassiniyoti tā parivāravantiyo.

    ๕๑๕. ตญฺจ ทิสฺวานาติ ตสฺส อติปริตฺตสฺส ปูชาปุญฺญสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตํ โลมหํสนํ อติอุฬารํ วิปากวิเสสํ ทิสฺวาฯ นโม กโรนฺติ สปฺปญฺญา, วนฺทนฺติ ตํ มหามุนินฺติ, ภเนฺต กสฺสป, อิมา อิตฺถิโย ตํ อุตฺตมปุญฺญเกฺขตฺตภูตํ วนฺทนฺติ อภิวาเทนฺติ, นโม กโรนฺติ นมกฺการญฺจ กโรนฺตีติ อโตฺถฯ

    515.Tañca disvānāti tassa atiparittassa pūjāpuññassa acchariyaṃ abbhutaṃ lomahaṃsanaṃ atiuḷāraṃ vipākavisesaṃ disvā. Namo karonti sappaññā, vandanti taṃ mahāmuninti, bhante kassapa, imā itthiyo taṃ uttamapuññakkhettabhūtaṃ vandanti abhivādenti, namo karonti namakkārañca karontīti attho.

    ๕๑๖. อถ โส เปโต สํวิคฺคมานโส สํเวคานุรูปํ อายติํ อตฺตนา กาตพฺพํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โสหํ นูนา’’ติ คาถมาหฯ ตํ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    516. Atha so peto saṃviggamānaso saṃvegānurūpaṃ āyatiṃ attanā kātabbaṃ dassento ‘‘sohaṃ nūnā’’ti gāthamāha. Taṃ uttānatthameva.

    เอวํ เปเตน วุโตฺต มหากสฺสโป ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ

    Evaṃ petena vutto mahākassapo taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi.

    ธาตุวิวณฺณเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dhātuvivaṇṇapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิติ ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย เปตวตฺถุสฺมิํ

    Iti khuddaka-aṭṭhakathāya petavatthusmiṃ

    ทสวตฺถุปฎิมณฺฑิตสฺส

    Dasavatthupaṭimaṇḍitassa

    ตติยสฺส จูฬวคฺคสฺส อตฺถสํวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tatiyassa cūḷavaggassa atthasaṃvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๑๐. ธาตุวิวณฺณเปตวตฺถุ • 10. Dhātuvivaṇṇapetavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact