Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๑๓] ๘. ธูมการิชาตกวณฺณนา
[413] 8. Dhūmakārijātakavaṇṇanā
ราชา อปุจฺฉิ วิธุรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกสลรโญฺญ อาคนฺตุกสงฺคหํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร เอกสฺมิํ สมเย ปเวณิอาคตานํ โปราณกโยธานํ สงฺคหํ อกตฺวา อภินวาคตานํ อาคนฺตุกานเญฺญว สกฺการสมฺมานํ อกาสิฯ อถสฺส ปจฺจเนฺต กุปิเต ยุชฺฌนตฺถาย คตสฺส ‘‘อาคนฺตุกา ลทฺธสกฺการา ยุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ โปราณกโยธา น ยุชฺฌิํสุ, ‘‘โปราณกโยธา ยุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ อาคนฺตุกาปิ น ยุชฺฌิํสุฯ โจรา ราชานํ ชินิํสุฯ ราชา ปราชิโต อาคนฺตุกสงฺคหโทเสน อตฺตโน ปราชิตภาวํ ญตฺวา สาวตฺถิํ ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘กิํ นุ โข อหเมว เอวํ กโรโนฺต ปราชิโต, อุทาหุ อเญฺญปิ ราชาโน ปราชิตปุพฺพาติ ทสพลํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ภุตฺตปาตราโส เชตวนํ คนฺตฺวา สกฺการํ กตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิฯ สตฺถา ‘‘น โข, มหาราช, ตฺวเมเวโก, โปราณกราชาโนปิ อาคนฺตุกสงฺคหํ กตฺวา ปราชิตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Rājāapucchi vidhuranti idaṃ satthā jetavane viharanto kosalarañño āgantukasaṅgahaṃ ārabbha kathesi. So kira ekasmiṃ samaye paveṇiāgatānaṃ porāṇakayodhānaṃ saṅgahaṃ akatvā abhinavāgatānaṃ āgantukānaññeva sakkārasammānaṃ akāsi. Athassa paccante kupite yujjhanatthāya gatassa ‘‘āgantukā laddhasakkārā yujjhissantī’’ti porāṇakayodhā na yujjhiṃsu, ‘‘porāṇakayodhā yujjhissantī’’ti āgantukāpi na yujjhiṃsu. Corā rājānaṃ jiniṃsu. Rājā parājito āgantukasaṅgahadosena attano parājitabhāvaṃ ñatvā sāvatthiṃ paccāgantvā ‘‘kiṃ nu kho ahameva evaṃ karonto parājito, udāhu aññepi rājāno parājitapubbāti dasabalaṃ pucchissāmī’’ti bhuttapātarāso jetavanaṃ gantvā sakkāraṃ katvā satthāraṃ vanditvā tamatthaṃ pucchi. Satthā ‘‘na kho, mahārāja, tvameveko, porāṇakarājānopi āgantukasaṅgahaṃ katvā parājitā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต กุรุรเฎฺฐ อินฺทปตฺถนคเร ยุธิฎฺฐิลโคโตฺต ธนญฺจโย นาม โกรพฺยราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา โพธิสโตฺต ตสฺส ปุโรหิตกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อินฺทปตฺถํ ปจฺจาคนฺตฺวา ปิตุ อจฺจเยน ปุโรหิตฎฺฐานํ ลภิตฺวา รโญฺญ อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ, วิธุรปณฺฑิโตติสฺส นามํ กริํสุฯ ตทา ธนญฺจยราชา โปราณกโยเธ อคเณตฺวา อาคนฺตุกานเญฺญว สงฺคหํ อกาสิฯ ตสฺส ปจฺจเนฺต กุปิเต ยุชฺฌนตฺถาย คตสฺส ‘‘อาคนฺตุกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ เนว โปราณกา ยุชฺฌิํสุ, ‘‘โปราณกา ยุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ น อาคนฺตุกา ยุชฺฌิํสุฯ ราชา ปราชิโต อินฺทปตฺถเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘อาคนฺตุกสงฺคหสฺส กตภาเวน ปราชิโตมฺหี’’ติ จิเนฺตสิฯ โส เอกทิวสํ ‘‘กิํ นุ โข อหเมว อาคนฺตุกสงฺคหํ กตฺวา ปราชิโต, อุทาหุ อเญฺญปิ ราชาโน ปราชิตปุพฺพา อตฺถีติ วิธุรปณฺฑิตํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตํ ราชุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ ตมตฺถํ ปุจฺฉิฯ อถสฺส ตํ ปุจฺฉนาการํ อาวิกโรโนฺต สตฺถา อุปฑฺฒํ คาถมาห –
Atīte kururaṭṭhe indapatthanagare yudhiṭṭhilagotto dhanañcayo nāma korabyarājā rajjaṃ kāresi. Tadā bodhisatto tassa purohitakule nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā indapatthaṃ paccāgantvā pitu accayena purohitaṭṭhānaṃ labhitvā rañño atthadhammānusāsako ahosi, vidhurapaṇḍitotissa nāmaṃ kariṃsu. Tadā dhanañcayarājā porāṇakayodhe agaṇetvā āgantukānaññeva saṅgahaṃ akāsi. Tassa paccante kupite yujjhanatthāya gatassa ‘‘āgantukā jānissantī’’ti neva porāṇakā yujjhiṃsu, ‘‘porāṇakā yujjhissantī’’ti na āgantukā yujjhiṃsu. Rājā parājito indapatthameva paccāgantvā ‘‘āgantukasaṅgahassa katabhāvena parājitomhī’’ti cintesi. So ekadivasaṃ ‘‘kiṃ nu kho ahameva āgantukasaṅgahaṃ katvā parājito, udāhu aññepi rājāno parājitapubbā atthīti vidhurapaṇḍitaṃ pucchissāmī’’ti cintetvā taṃ rājupaṭṭhānaṃ āgantvā nisinnaṃ tamatthaṃ pucchi. Athassa taṃ pucchanākāraṃ āvikaronto satthā upaḍḍhaṃ gāthamāha –
๑๒๘.
128.
‘‘ราชา อปุจฺฉิ วิธุรํ, ธมฺมกาโม ยุธิฎฺฐิโล’’ติฯ
‘‘Rājā apucchi vidhuraṃ, dhammakāmo yudhiṭṭhilo’’ti.
ตตฺถ ธมฺมกาโมติ สุจริตธมฺมปฺปิโยฯ
Tattha dhammakāmoti sucaritadhammappiyo.
‘‘อปิ พฺราหฺมณ ชานาสิ, โก เอโก พหุ โสจตี’’ติ –
‘‘Api brāhmaṇa jānāsi, ko eko bahu socatī’’ti –
เสสอุปฑฺฒคาถาย ปน อยมโตฺถ – อปิ นาม, พฺราหฺมณ, ตฺวํ ชานาสิ ‘‘โก อิมสฺมิํ โลเก
Sesaupaḍḍhagāthāya pana ayamattho – api nāma, brāhmaṇa, tvaṃ jānāsi ‘‘ko imasmiṃ loke
เอโก พหุ โสจติ, นานาการเณน โสจตี’’ติฯ
Eko bahu socati, nānākāraṇena socatī’’ti.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ‘‘มหาราช, กิํ โสโก นาม ตุมฺหากํ โสโก, ปุเพฺพ ธูมการี นาเมโก อชปาลพฺราหฺมโณ มหนฺตํ อชยูถํ คเหตฺวา อรเญฺญ วชํ กตฺวา ตตฺถ อชา ฐเปตฺวา อคฺคิญฺจ ธูมญฺจ กตฺวา อชยูถํ ปฎิชคฺคโนฺต ขีราทีนิ ปริภุญฺชโนฺต วสิฯ โส ตตฺถ อาคเต สุวณฺณวเณฺณ สรเภ ทิสฺวา เตสุ สิเนหํ กตฺวา อชา อคเณตฺวา อชานํ สกฺการํ สรภานํ กตฺวา สรทกาเล สรเภสุ ปลายิตฺวา หิมวนฺตํ คเตสุ อชาสุปิ นฎฺฐาสุ สรเภ อปสฺสโนฺต โสเกน ปณฺฑุโรคี หุตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปโตฺต, อยํ อาคนฺตุกสงฺคหํ กตฺวา ตุเมฺหหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน โสจิตฺวา กิลมิตฺวา วินาสํ ปโตฺต’’ติ อิทํ อุทาหรณํ อาเนตฺวา ทเสฺสโนฺต อิมา คาถา อาห –
Taṃ sutvā bodhisatto ‘‘mahārāja, kiṃ soko nāma tumhākaṃ soko, pubbe dhūmakārī nāmeko ajapālabrāhmaṇo mahantaṃ ajayūthaṃ gahetvā araññe vajaṃ katvā tattha ajā ṭhapetvā aggiñca dhūmañca katvā ajayūthaṃ paṭijagganto khīrādīni paribhuñjanto vasi. So tattha āgate suvaṇṇavaṇṇe sarabhe disvā tesu sinehaṃ katvā ajā agaṇetvā ajānaṃ sakkāraṃ sarabhānaṃ katvā saradakāle sarabhesu palāyitvā himavantaṃ gatesu ajāsupi naṭṭhāsu sarabhe apassanto sokena paṇḍurogī hutvā jīvitakkhayaṃ patto, ayaṃ āgantukasaṅgahaṃ katvā tumhehi sataguṇena sahassaguṇena socitvā kilamitvā vināsaṃ patto’’ti idaṃ udāharaṇaṃ ānetvā dassento imā gāthā āha –
๑๒๙.
129.
‘‘พฺราหฺมโณ อชยูเถน, ปหูเตโช วเน วสํ;
‘‘Brāhmaṇo ajayūthena, pahūtejo vane vasaṃ;
ธูมํ อกาสิ วาเสโฎฺฐ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโตฯ
Dhūmaṃ akāsi vāseṭṭho, rattindivamatandito.
๑๓๐.
130.
‘‘ตสฺส ตํธูมคเนฺธน, สรภา มกสฑฺฑิตา;
‘‘Tassa taṃdhūmagandhena, sarabhā makasaḍḍitā;
วสฺสาวาสํ อุปคจฺฉุํ, ธูมการิสฺส สนฺติเกฯ
Vassāvāsaṃ upagacchuṃ, dhūmakārissa santike.
๑๓๑.
131.
‘‘สรเภสุ มนํ กตฺวา, อชา โส นาวพุชฺฌถ;
‘‘Sarabhesu manaṃ katvā, ajā so nāvabujjhatha;
อาคจฺฉนฺตี วชนฺตี วา, ตสฺส ตา วินสุํ อชาฯ
Āgacchantī vajantī vā, tassa tā vinasuṃ ajā.
๑๓๒.
132.
‘‘สรภา สรเท กาเล, ปหีนมกเส วเน;
‘‘Sarabhā sarade kāle, pahīnamakase vane;
ปาวิสุํ คิริทุคฺคานิ, นทีนํ ปภวานิ จฯ
Pāvisuṃ giriduggāni, nadīnaṃ pabhavāni ca.
๑๓๓.
133.
‘‘สรเภ จ คเต ทิสฺวา, อชา จ วิภวํ คตา;
‘‘Sarabhe ca gate disvā, ajā ca vibhavaṃ gatā;
กิโส จ วิวโณฺณ จาสิ, ปณฺฑุโรคี จ พฺราหฺมโณฯ
Kiso ca vivaṇṇo cāsi, paṇḍurogī ca brāhmaṇo.
๑๓๔.
134.
‘‘เอวํ โย สํ นิรํกตฺวา, อาคนฺตุํ กุรุเต ปิยํ;
‘‘Evaṃ yo saṃ niraṃkatvā, āgantuṃ kurute piyaṃ;
โส เอโก พหุ โสจติ, ธูมการีว พฺราหฺมโณ’’ติฯ
So eko bahu socati, dhūmakārīva brāhmaṇo’’ti.
ตตฺถ ปหูเตโชติ ปหูตอินฺธโนฯ ธูมํ อกาสีติ มกฺขิกปริปนฺถหรณตฺถาย อคฺคิญฺจ ธูมญฺจ อกาสิฯ วาเสโฎฺฐติ ตสฺส โคตฺตํฯ อตนฺทิโตติ อนลโส หุตฺวาฯ ตํธูมคเนฺธนาติ เตน ธูมคเนฺธนฯ สรภาติ สรภมิคาฯ มกสฑฺฑิตาติ มกเสหิ อุปทฺทุตา ปีฬิตาฯ เสสมกฺขิกาปิ มกสคฺคหเณเนว คหิตาฯ วสฺสาวาสนฺติ วสฺสารตฺตวาสํ วสิํสุฯ มนํ กตฺวาติ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวาฯ นาวพุชฺฌถาติ อรญฺญโต จริตฺวา วชํ อาคจฺฉนฺตี เจว วชโต อรญฺญํ คจฺฉนฺตี จ ‘‘เอตฺตกา อาคตา, เอตฺตกา อนาคตา’’ติ น ชานาติฯ ตสฺส ตา วินสุนฺติ ตสฺส ตา เอวํ อปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สีหปริปนฺถาทิโต อรกฺขิยมานา อชา สีหปริปนฺถาทีหิ วินสฺสิํสุ, สพฺพาว วินฎฺฐาฯ
Tattha pahūtejoti pahūtaindhano. Dhūmaṃ akāsīti makkhikaparipanthaharaṇatthāya aggiñca dhūmañca akāsi. Vāseṭṭhoti tassa gottaṃ. Atanditoti analaso hutvā. Taṃdhūmagandhenāti tena dhūmagandhena. Sarabhāti sarabhamigā. Makasaḍḍitāti makasehi upaddutā pīḷitā. Sesamakkhikāpi makasaggahaṇeneva gahitā. Vassāvāsanti vassārattavāsaṃ vasiṃsu. Manaṃ katvāti sinehaṃ uppādetvā. Nāvabujjhathāti araññato caritvā vajaṃ āgacchantī ceva vajato araññaṃ gacchantī ca ‘‘ettakā āgatā, ettakā anāgatā’’ti na jānāti. Tassa tā vinasunti tassa tā evaṃ apaccavekkhantassa sīhaparipanthādito arakkhiyamānā ajā sīhaparipanthādīhi vinassiṃsu, sabbāva vinaṭṭhā.
นทีนํ ปภวานิ จาติ ปพฺพเตยฺยานํ นทีนํ ปภวฎฺฐานานิ จ ปวิฎฺฐาฯ วิภวนฺติ อภาวํฯ อชา จ วินาสํ ปตฺตา ทิสฺวา ชานิตฺวาฯ กิโส จ วิวโณฺณติ ขีราทิทายิกา อชา ปหาย สรเภ สงฺคณฺหิตฺวา เตปิ อปสฺสโนฺต อุภโต ปริหีโน โสกาภิภูโต กิโส เจว ทุพฺพโณฺณ จ อโหสิฯ เอวํ โย สํ นิรํกตฺวาติ เอวํ มหาราช, โย สกํ โปราณํ อชฺฌตฺติกํ ชนํ นีหริตฺวา ปหาย กิสฺมิญฺจิ อคเณตฺวา อาคนฺตุกํ ปิยํ กโรติ, โส ตุมฺหาทิโส เอโก พหุ โสจติ, อยํ เต มยา ทสฺสิโต ธูมการี พฺราหฺมโณ วิย พหุ โสจตีติฯ
Nadīnaṃ pabhavāni cāti pabbateyyānaṃ nadīnaṃ pabhavaṭṭhānāni ca paviṭṭhā. Vibhavanti abhāvaṃ. Ajā ca vināsaṃ pattā disvā jānitvā. Kiso ca vivaṇṇoti khīrādidāyikā ajā pahāya sarabhe saṅgaṇhitvā tepi apassanto ubhato parihīno sokābhibhūto kiso ceva dubbaṇṇo ca ahosi. Evaṃ yo saṃ niraṃkatvāti evaṃ mahārāja, yo sakaṃ porāṇaṃ ajjhattikaṃ janaṃ nīharitvā pahāya kismiñci agaṇetvā āgantukaṃ piyaṃ karoti, so tumhādiso eko bahu socati, ayaṃ te mayā dassito dhūmakārī brāhmaṇo viya bahu socatīti.
เอวํ มหาสโตฺต ราชานํ สญฺญาเปโนฺต กเถสิฯ โสปิ สญฺญตฺตํ คนฺตฺวา ตสฺส ปสีทิตฺวา พหุํ ธนํ อทาสิฯ ตโต ปฎฺฐาย จ อชฺฌตฺติกสงฺคหเมว กโรโนฺต ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิฯ
Evaṃ mahāsatto rājānaṃ saññāpento kathesi. Sopi saññattaṃ gantvā tassa pasīditvā bahuṃ dhanaṃ adāsi. Tato paṭṭhāya ca ajjhattikasaṅgahameva karonto dānādīni puññāni katvā saggaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โกรพฺยราชา อานโนฺท อโหสิ, ธูมการี ปเสนทิโกสโล, วิธุรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā korabyarājā ānando ahosi, dhūmakārī pasenadikosalo, vidhurapaṇḍito pana ahameva ahosi’’nti.
ธูมการิชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Dhūmakārijātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๑๓. ธูมการิชาตกํ • 413. Dhūmakārijātakaṃ