Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๒. ธุตงฺคปโญฺห

    2. Dhutaṅgapañho

    ‘‘ปสฺสตารญฺญเก ภิกฺขู, อโชฺฌคาเฬฺห ธุเต คุเณ;

    ‘‘Passatāraññake bhikkhū, ajjhogāḷhe dhute guṇe;

    ปุน ปสฺสติ คิหี ราชา, อนาคามิผเล ฐิเตฯ

    Puna passati gihī rājā, anāgāmiphale ṭhite.

    ‘‘อุโภปิ เต วิโลเกตฺวา, อุปฺปชฺชิ สํสโย มหา;

    ‘‘Ubhopi te viloketvā, uppajji saṃsayo mahā;

    พุเชฺฌยฺย เจ คิหี ธเมฺม, ธุตงฺคํ นิปฺผลํ สิยาฯ

    Bujjheyya ce gihī dhamme, dhutaṅgaṃ nipphalaṃ siyā.

    ‘‘ปรวาทิวาทมถนํ, นิปุณํ ปิฎกตฺตเย;

    ‘‘Paravādivādamathanaṃ, nipuṇaṃ piṭakattaye;

    หนฺท ปุเจฺฉ กถิเสฎฺฐํ, โส เม กงฺขํ วิเนสฺสตี’’ติฯ

    Handa pucche kathiseṭṭhaṃ, so me kaṅkhaṃ vinessatī’’ti.

    อถ โข มิลิโนฺท ราชา เยนายสฺมา นาคเสโน เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข มิลิโนฺท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อตฺถิ โกจิ คิหี อคาริโก กามโภคี ปุตฺตทารสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสโนฺต กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภโนฺต มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยโนฺต ชาตรูปรชตํ สาทิยโนฺต มณิมุตฺตากญฺจนวิจิตฺตโมฬิพโทฺธ เยน สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกต’’นฺติ?

    Atha kho milindo rājā yenāyasmā nāgaseno tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ nāgasenaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi, ekamantaṃ nisinno kho milindo rājā āyasmantaṃ nāgasenaṃ etadavoca ‘‘bhante nāgasena, atthi koci gihī agāriko kāmabhogī puttadārasambādhasayanaṃ ajjhāvasanto kāsikacandanaṃ paccanubhonto mālāgandhavilepanaṃ dhārayanto jātarūparajataṃ sādiyanto maṇimuttākañcanavicittamoḷibaddho yena santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikata’’nti?

    ‘‘น, มหาราช, เอกเญฺญว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ จตฺตาริ ปญฺจ สตานิ น สหสฺสํ น สตสหสฺสํ น โกฎิสตํ น โกฎิสหสฺสํ น โกฎิสตสหสฺสํ, ติฎฺฐตุ มหาราช ทสนฺนํ วีสติยา สตสฺส สหสฺสสฺส อภิสมโย, กตเมน เต ปริยาเยน อนุโยคํ ทมฺมี’’ติฯ

    ‘‘Na, mahārāja, ekaññeva sataṃ na dve satāni na tīṇi cattāri pañca satāni na sahassaṃ na satasahassaṃ na koṭisataṃ na koṭisahassaṃ na koṭisatasahassaṃ, tiṭṭhatu mahārāja dasannaṃ vīsatiyā satassa sahassassa abhisamayo, katamena te pariyāyena anuyogaṃ dammī’’ti.

    ‘‘ตฺวเมเวตํ พฺรูหี’’ติฯ ‘‘เตนหิ เต, มหาราช, กถยิสฺสามิ สเตน วา สหเสฺสน วา สตสหเสฺสน วา โกฎิยา วา โกฎิสเตน วา โกฎิสหเสฺสน วา โกฎิสตสหเสฺสน วา, ยา กาจิ นวเงฺค พุทฺธวจเน สเลฺลขิตาจารปฺปฎิปตฺติธุตวรงฺคคุณนิสฺสิตา 1 ถา, ตา สพฺพา อิธ สโมสริสฺสนฺติฯ ยถา, มหาราช, นินฺนุนฺนตสมวิสมถลาถลเทสภาเค อภิวุฎฺฐํ อุทกํ, สพฺพํ ตํ ตโต วินิคฬิตฺวา มโหทธิํ สาครํ สโมสรติ, เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปาทเก สติ ยา กาจิ นวเงฺค พุทฺธวจเน สเลฺลขิตาจารปฺปฎิปตฺติธุตงฺคคุณธรนิสฺสิตา กถา, ตา สพฺพา อิธ สโมสริสฺสนฺติฯ

    ‘‘Tvamevetaṃ brūhī’’ti. ‘‘Tenahi te, mahārāja, kathayissāmi satena vā sahassena vā satasahassena vā koṭiyā vā koṭisatena vā koṭisahassena vā koṭisatasahassena vā, yā kāci navaṅge buddhavacane sallekhitācārappaṭipattidhutavaraṅgaguṇanissitā 2 thā, tā sabbā idha samosarissanti. Yathā, mahārāja, ninnunnatasamavisamathalāthaladesabhāge abhivuṭṭhaṃ udakaṃ, sabbaṃ taṃ tato vinigaḷitvā mahodadhiṃ sāgaraṃ samosarati, evameva kho, mahārāja, sampādake sati yā kāci navaṅge buddhavacane sallekhitācārappaṭipattidhutaṅgaguṇadharanissitā kathā, tā sabbā idha samosarissanti.

    ‘‘มยฺหเมฺปตฺถ , มหาราช, ปริพฺยตฺตตาย พุทฺธิยา การณปริทีปนํ สโมสริสฺสติ, เตเนโส อโตฺถ สุวิภโตฺต วิจิโตฺต ปริปุโณฺณ ปริสุโทฺธ สมานีโต ภวิสฺสติฯ ยถา, มหาราช, กุสโล เลขาจริโย อนุสิโฎฺฐ เลขํ โอสาเรโนฺต อตฺตโน พฺยตฺตตาย พุทฺธิยา การณปริทีปเนน เลขํ ปริปูเรติ, เอวํ สา เลขา สมตฺตา ปริปุณฺณา อนูนิกา ภวิสฺสติฯ เอวเมว มยฺหเมฺปตฺถ ปริพฺยตฺตตาย พุทฺธิยา การณปริทีปนํ สโมสริสฺสติ, เตเนโส อโตฺถ สุวิภโตฺต วิจิโตฺต ปริปุโณฺณ ปริสุโทฺธ สมานีโต ภวิสฺสติฯ

    ‘‘Mayhampettha , mahārāja, paribyattatāya buddhiyā kāraṇaparidīpanaṃ samosarissati, teneso attho suvibhatto vicitto paripuṇṇo parisuddho samānīto bhavissati. Yathā, mahārāja, kusalo lekhācariyo anusiṭṭho lekhaṃ osārento attano byattatāya buddhiyā kāraṇaparidīpanena lekhaṃ paripūreti, evaṃ sā lekhā samattā paripuṇṇā anūnikā bhavissati. Evameva mayhampettha paribyattatāya buddhiyā kāraṇaparidīpanaṃ samosarissati, teneso attho suvibhatto vicitto paripuṇṇo parisuddho samānīto bhavissati.

    ‘‘นคเร, มหาราช, สาวตฺถิยา ปญฺจโกฎิมตฺตา อริยสาวกา ภควโต อุปาสกอุปาสิกาโย สตฺตปณฺณาสสหสฺสานิ ตีณิ จ สตสหสฺสานิ อนาคามิผเล ปติฎฺฐิตา, เต สเพฺพปิ คิหี เยว, น ปพฺพชิตาฯ ปุน ตเตฺถว กณฺฑมฺพมูเล ยมกปาฎิหาริเย วีสติ ปาณโกฎิโย อภิสมิํสุ, ปุน จูฬราหุโลวาเท 3, มหามงฺคลสุตฺตเนฺต, สมจิตฺตปริยาเย, ปราภวสุตฺตเนฺต, ปุราเภทสุตฺตเนฺต, กลหวิวาทสุตฺตเนฺต, จูฬพฺยูหสุตฺตเนฺต, มหาพฺยูหสุตฺตเนฺต, ตุวฎกสุตฺตเนฺต, สาริปุตฺตสุตฺตเนฺต คณนปถมตีตานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ

    ‘‘Nagare, mahārāja, sāvatthiyā pañcakoṭimattā ariyasāvakā bhagavato upāsakaupāsikāyo sattapaṇṇāsasahassāni tīṇi ca satasahassāni anāgāmiphale patiṭṭhitā, te sabbepi gihī yeva, na pabbajitā. Puna tattheva kaṇḍambamūle yamakapāṭihāriye vīsati pāṇakoṭiyo abhisamiṃsu, puna cūḷarāhulovāde 4, mahāmaṅgalasuttante, samacittapariyāye, parābhavasuttante, purābhedasuttante, kalahavivādasuttante, cūḷabyūhasuttante, mahābyūhasuttante, tuvaṭakasuttante, sāriputtasuttante gaṇanapathamatītānaṃ devatānaṃ dhammābhisamayo ahosi.

    ‘‘นคเร ราชคเห ปญฺญาสสหสฺสานิ ตีณิ จ สตสหสฺสานิ อริยสาวกา ภควโต อุปาสกอุปาสิกาโย, ปุน ตเตฺถว ธนปาลหตฺถินาคทมเน นวุติ ปาณโกฎิโย, ปารายนสมาคเม ปาสาณกเจติเย จุทฺทส ปาณโกฎิโย, ปุน อินฺทสาลคุหายํ อสีติ เทวตาโกฎิโย, ปุน พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย ปฐเม ธมฺมเทสเน อฎฺฐารส พฺรหฺมโกฎิโย อปริมาณา จ เทวตาโย, ปุน ตาวติํสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ อภิธมฺมเทสนาย อสีติ เทวตาโกฎิโย, เทโวโรหเณ สงฺกสฺสนครทฺวาเร โลกวิวรณปาฎิหาริเย ปสนฺนานํ นรมรูนํ ติํส โกฎิโย อภิสมิํสุฯ

    ‘‘Nagare rājagahe paññāsasahassāni tīṇi ca satasahassāni ariyasāvakā bhagavato upāsakaupāsikāyo, puna tattheva dhanapālahatthināgadamane navuti pāṇakoṭiyo, pārāyanasamāgame pāsāṇakacetiye cuddasa pāṇakoṭiyo, puna indasālaguhāyaṃ asīti devatākoṭiyo, puna bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye paṭhame dhammadesane aṭṭhārasa brahmakoṭiyo aparimāṇā ca devatāyo, puna tāvatiṃsabhavane paṇḍukambalasilāyaṃ abhidhammadesanāya asīti devatākoṭiyo, devorohaṇe saṅkassanagaradvāre lokavivaraṇapāṭihāriye pasannānaṃ naramarūnaṃ tiṃsa koṭiyo abhisamiṃsu.

    ปุน สเกฺกสุ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเม พุทฺธวํสเทสนาย มหาสมยสุตฺตนฺตเทสนาย จ คณนปถมตีตานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ ฯ ปุน สุมนมาลาการสมาคเม, ครหทินฺนสมาคเม, อานนฺทเสฎฺฐิสมาคเม, ชมฺพุกาชีวกสมาคเม, มณฺฑุกเทวปุตฺตสมาคเม, มฎฺฐกุณฺฑลิเทวปุตฺตสมาคเม, สุลสานครโสภินิสมาคเม, สิริมานครโสภินิสมาคเม, เปสการธีตุสมาคเม, จูฬสุภทฺทาสมาคเม, สาเกตพฺราหฺมณสฺส อาฬาหนทสฺสนสมาคเม, สูนาปรนฺตกสมาคเม, สกฺกปญฺหสมาคเม, ติโรกุฎฺฎสมาคเม 5, รตนสุตฺตสมาคเม ปเจฺจกํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, ยาวตา, มหาราช, ภควา โลเก อฎฺฐาสิ, ตาว ตีสุ มณฺฑเลสุ โสฬสสุ มหาชนปเทสุ ยตฺถ ยตฺถ ภควา วิหาสิ, ตตฺถ ตตฺถ เยภุเยฺยน เทฺว ตโย จตฺตาโร ปญฺจ สตํ สหสฺสํ สตสหสฺสํ เทวา จ มนุสฺสา จ สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกริํสุฯ เย เต, มหาราช, เทวา คิหี เยว, น เต ปพฺพชิตา, เอตานิ เจว, มหาราช, อญฺญานิ จ อเนกานิ เทวตาโกฎิสตสหสฺสานิ คิหี อคาริกา กามโภคิโน สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกริํสู’’ติฯ

    Puna sakkesu kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme buddhavaṃsadesanāya mahāsamayasuttantadesanāya ca gaṇanapathamatītānaṃ devatānaṃ dhammābhisamayo ahosi . Puna sumanamālākārasamāgame, garahadinnasamāgame, ānandaseṭṭhisamāgame, jambukājīvakasamāgame, maṇḍukadevaputtasamāgame, maṭṭhakuṇḍalidevaputtasamāgame, sulasānagarasobhinisamāgame, sirimānagarasobhinisamāgame, pesakāradhītusamāgame, cūḷasubhaddāsamāgame, sāketabrāhmaṇassa āḷāhanadassanasamāgame, sūnāparantakasamāgame, sakkapañhasamāgame, tirokuṭṭasamāgame 6, ratanasuttasamāgame paccekaṃ caturāsītiyā pāṇasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi, yāvatā, mahārāja, bhagavā loke aṭṭhāsi, tāva tīsu maṇḍalesu soḷasasu mahājanapadesu yattha yattha bhagavā vihāsi, tattha tattha yebhuyyena dve tayo cattāro pañca sataṃ sahassaṃ satasahassaṃ devā ca manussā ca santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikariṃsu. Ye te, mahārāja, devā gihī yeva, na te pabbajitā, etāni ceva, mahārāja, aññāni ca anekāni devatākoṭisatasahassāni gihī agārikā kāmabhogino santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikariṃsū’’ti.

    ‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, คิหี อคาริกา กามโภคิโน สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ, อถ อิมานิ ธุตงฺคานิ กิมตฺถํ สาเธนฺติ, เตน การเณน ธุตงฺคานิ อกิจฺจกรานิ โหนฺติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, วินา มโนฺตสเธหิ พฺยาธโย วูปสมนฺติ, กิํ วมนวิเรจนาทินา สรีรทุพฺพลกรเณน? ยทิ มุฎฺฐีหิ ปฎิสตฺตุนิคฺคโห ภวติ, กิํ อสิสตฺติสรธนุโกทณฺฑลคุฬมุคฺคเรหิ? ยทิ คณฺฐิกุฎิลสุสิรกณฺฎลตาสาขา อาลมฺพิตฺวา รุกฺขมภิรูหนํ ภวติ, กิํ ทีฆทฬฺหนิเสฺสณิปริเยสเนน? ยทิ ถณฺฑิลเสยฺยาย ธาตุสมตา ภวติ, กิํ สุขสมฺผสฺสมหติมหาสิริสยนปริเยสเนน? ยทิ เอกโก สาสงฺกสปฺปฎิภยวิสมกนฺตารตรณสมโตฺถ ภวติ, กิํ สนฺนทฺธสชฺชมหติมหาสตฺถปริเยสเนน? ยทิ นทิสรํ พาหุนา ตริตุํ สมโตฺถ ภวติ, กิํ ธุวเสตุนาวาปริเยสเนน? ยทิ สกสนฺตเกน ฆาสจฺฉาทนํ กาตุํ ปโหติ, กิํ ปรูปเสวนปิยสมุลฺลาปปจฺฉาปุเรธาวเนน? ยทิ อขาตตฬาเก อุทกํ ลภติ, กิํ อุทปานตฬากโปกฺขรณิขณเนน? เอวเมว โข, ภเนฺต นาคเสน, ยทิ คิหี อคาริกา กามโภคิโน สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ, กิํ ธุตคุณวรสมาทิยเนนา’’ติ?

    ‘‘Yadi, bhante nāgasena, gihī agārikā kāmabhogino santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikaronti, atha imāni dhutaṅgāni kimatthaṃ sādhenti, tena kāraṇena dhutaṅgāni akiccakarāni honti. Yadi, bhante nāgasena, vinā mantosadhehi byādhayo vūpasamanti, kiṃ vamanavirecanādinā sarīradubbalakaraṇena? Yadi muṭṭhīhi paṭisattuniggaho bhavati, kiṃ asisattisaradhanukodaṇḍalaguḷamuggarehi? Yadi gaṇṭhikuṭilasusirakaṇṭalatāsākhā ālambitvā rukkhamabhirūhanaṃ bhavati, kiṃ dīghadaḷhanisseṇipariyesanena? Yadi thaṇḍilaseyyāya dhātusamatā bhavati, kiṃ sukhasamphassamahatimahāsirisayanapariyesanena? Yadi ekako sāsaṅkasappaṭibhayavisamakantārataraṇasamattho bhavati, kiṃ sannaddhasajjamahatimahāsatthapariyesanena? Yadi nadisaraṃ bāhunā tarituṃ samattho bhavati, kiṃ dhuvasetunāvāpariyesanena? Yadi sakasantakena ghāsacchādanaṃ kātuṃ pahoti, kiṃ parūpasevanapiyasamullāpapacchāpuredhāvanena? Yadi akhātataḷāke udakaṃ labhati, kiṃ udapānataḷākapokkharaṇikhaṇanena? Evameva kho, bhante nāgasena, yadi gihī agārikā kāmabhogino santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikaronti, kiṃ dhutaguṇavarasamādiyanenā’’ti?

    ‘‘อฎฺฐวีสติ โข ปนิเม, มหาราช, ธุตงฺคคุณา ยถาภุจฺจคุณา, เยหิ คุเณหิ ธุตงฺคานิ สพฺพพุทฺธานํ ปิหยิตานิ ปตฺถิตานิฯ กตเม อฎฺฐวีสติ? อิธ, มหาราช, ธุตงฺคํ สุทฺธาชีวํ สุขผลํ อนวชฺชํ น ปรทุกฺขาปนํ อภยํ อสมฺปีฬนํ เอกนฺตวฑฺฒิกํ อปริหานิยํ อมายํ อารกฺขา ปตฺถิตททํ สพฺพสตฺตทมนํ สํวรหิตํ ปติรูปํ อนิสฺสิตํ วิปฺปมุตฺตํ ราคกฺขยํ โทสกฺขยํ โมหกฺขยํ มานปฺปหานํ กุวิตกฺกเจฺฉทนํ กงฺขาวิตรณํ โกสชฺชวิทฺธํสนํ อรติปฺปหานํ ขมนํ อตุลํ อปฺปมาณํ สพฺพทุกฺขกฺขยคมนํ, อิเม โข, มหาราช, อฎฺฐวีสติ ธุตงฺคคุณา ยถาภุจฺจคุณา เยหิ คุเณหิ ธุตงฺคานิ สพฺพพุทฺธานํ ปิหยิตานิ ปตฺถิตานิฯ

    ‘‘Aṭṭhavīsati kho panime, mahārāja, dhutaṅgaguṇā yathābhuccaguṇā, yehi guṇehi dhutaṅgāni sabbabuddhānaṃ pihayitāni patthitāni. Katame aṭṭhavīsati? Idha, mahārāja, dhutaṅgaṃ suddhājīvaṃ sukhaphalaṃ anavajjaṃ na paradukkhāpanaṃ abhayaṃ asampīḷanaṃ ekantavaḍḍhikaṃ aparihāniyaṃ amāyaṃ ārakkhā patthitadadaṃ sabbasattadamanaṃ saṃvarahitaṃ patirūpaṃ anissitaṃ vippamuttaṃ rāgakkhayaṃ dosakkhayaṃ mohakkhayaṃ mānappahānaṃ kuvitakkacchedanaṃ kaṅkhāvitaraṇaṃ kosajjaviddhaṃsanaṃ aratippahānaṃ khamanaṃ atulaṃ appamāṇaṃ sabbadukkhakkhayagamanaṃ, ime kho, mahārāja, aṭṭhavīsati dhutaṅgaguṇā yathābhuccaguṇā yehi guṇehi dhutaṅgāni sabbabuddhānaṃ pihayitāni patthitāni.

    ‘‘เย โข เต, มหาราช, ธุตคุเณ สมฺมา อุปเสวนฺติ, เต อฎฺฐารสหิ คุเณหิ สมุเปตา ภวนฺติฯ กตเมหิ อฎฺฐารสหิ? อาจาโร เตสํ สุวิสุโทฺธ โหติ, ปฎิปทา สุปูริตา โหติ, กายิกํ วาจสิกํ สุรกฺขิตํ โหติ, มโนสมาจาโร สุวิสุโทฺธ โหติ, วีริยํ สุปคฺคหิตํ โหติ, ภยํ วูปสมฺมติ, อตฺตานุทิฎฺฐิพฺยปคตา โหติ, อาฆาโต อุปรโต โหติ, เมตฺตา อุปฎฺฐิตา โหติ, อาหาโร ปริญฺญาโต โหติ, สพฺพสตฺตานํ ครุกโต โหติ, โภชเน มตฺตญฺญู โหติ, ชาคริยมนุยุโตฺต โหติ, อนิเกโต โหติ, ยตฺถ ผาสุ ตตฺถ วิหารี โหติ, ปาปเชคุจฺฉี โหติ, วิเวการาโม โหติ, สตตํ อปฺปมโตฺต โหติ, เย เต, มหาราช, ธุตคุเณ สมฺมา อุปเสวนฺติ, เต อิเมหิ อฎฺฐารสหิ คุเณหิ สมุเปตา ภวนฺติฯ

    ‘‘Ye kho te, mahārāja, dhutaguṇe sammā upasevanti, te aṭṭhārasahi guṇehi samupetā bhavanti. Katamehi aṭṭhārasahi? Ācāro tesaṃ suvisuddho hoti, paṭipadā supūritā hoti, kāyikaṃ vācasikaṃ surakkhitaṃ hoti, manosamācāro suvisuddho hoti, vīriyaṃ supaggahitaṃ hoti, bhayaṃ vūpasammati, attānudiṭṭhibyapagatā hoti, āghāto uparato hoti, mettā upaṭṭhitā hoti, āhāro pariññāto hoti, sabbasattānaṃ garukato hoti, bhojane mattaññū hoti, jāgariyamanuyutto hoti, aniketo hoti, yattha phāsu tattha vihārī hoti, pāpajegucchī hoti, vivekārāmo hoti, satataṃ appamatto hoti, ye te, mahārāja, dhutaguṇe sammā upasevanti, te imehi aṭṭhārasahi guṇehi samupetā bhavanti.

    ‘‘ทส อิเม, มหาราช, ปุคฺคลา ธุตคุณารหาฯ กตเม ทส? สโทฺธ โหติ หิริมา ธิติมา อกุโห อตฺถวสี อโลโล สิกฺขากาโม ทฬฺหสมาทาโน อนุชฺฌานพหุโล เมตฺตาวิหารี, อิเม โข, มหาราช, ทส ปุคฺคลา ธุตคุณารหาฯ

    ‘‘Dasa ime, mahārāja, puggalā dhutaguṇārahā. Katame dasa? Saddho hoti hirimā dhitimā akuho atthavasī alolo sikkhākāmo daḷhasamādāno anujjhānabahulo mettāvihārī, ime kho, mahārāja, dasa puggalā dhutaguṇārahā.

    ‘‘เย เต, มหาราช, คิหี อคาริกา กามโภคิโน สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ, สเพฺพ เต ปุริมาสุ ชาตีสุ เตรสสุ ธุตคุเณสุ กตูปาสนา กตภูมิกมฺมา, เต ตตฺถ จารญฺจ ปฎิปตฺติญฺจ โสธยิตฺวา อเชฺชตรหิ คิหี เยว สนฺตา สนฺตํ ปรมตฺตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติฯ

    ‘‘Ye te, mahārāja, gihī agārikā kāmabhogino santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikaronti, sabbe te purimāsu jātīsu terasasu dhutaguṇesu katūpāsanā katabhūmikammā, te tattha cārañca paṭipattiñca sodhayitvā ajjetarahi gihī yeva santā santaṃ paramattaṃ nibbānaṃ sacchikaronti.

    ‘‘ยถา , มหาราช, กุสโล อิสฺสาโส อเนฺตวาสิเก ปฐมํ ตาว อุปาสนสาลายํ จาปเภทจาปาโรปนคฺคหณมุฎฺฐิปฺปฎิปีฬนองฺคุลิวินามนปาทฐปนสรคฺคหณสนฺนหนอากฑฺฒน สทฺธารณลกฺขนิยมนขิปเน ติณปุริสกฉกณ 7 ติณปลาลมตฺติกาปุญฺชผลกลกฺขเวเธ อนุสิกฺขาเปตฺวา รโญฺญ สนฺติเก อุปาสนํ อาราธยิตฺวา อาชญฺญรถคชตุรงฺคธนธญฺญหิรญฺญสุวณฺณทาสิทาสภริยคามวรํ ลภติ , เอวเมว โข, มหาราช, เย เต คิหี อคาริกา กามโภคิโน สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ, เต สเพฺพ ปุริมาสุ ชาตีสุ เตรสสุ ธุตคุเณสุ กตูปาสนา กตภูมิกมฺมา, เต ตเตฺถว จารญฺจ ปฎิปตฺติญฺจ โสธยิตฺวา อเชฺชตรหิ คิหี เยว สนฺตา สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติฯ น, มหาราช, ธุตคุเณสุ ปุพฺพาเสวนํ วินา เอกิสฺสา เยว ชาติยา อรหตฺตํ สจฺฉิกิริยา โหติ, อุตฺตเมน ปน วีริเยน อุตฺตมาย ปฎิปตฺติยา ตถารูเปน อาจริเยน กลฺยาณมิเตฺตน อรหตฺตํ สจฺฉิกิริยา โหติฯ

    ‘‘Yathā , mahārāja, kusalo issāso antevāsike paṭhamaṃ tāva upāsanasālāyaṃ cāpabhedacāpāropanaggahaṇamuṭṭhippaṭipīḷanaaṅgulivināmanapādaṭhapanasaraggahaṇasannahanaākaḍḍhana saddhāraṇalakkhaniyamanakhipane tiṇapurisakachakaṇa 8 tiṇapalālamattikāpuñjaphalakalakkhavedhe anusikkhāpetvā rañño santike upāsanaṃ ārādhayitvā ājaññarathagajaturaṅgadhanadhaññahiraññasuvaṇṇadāsidāsabhariyagāmavaraṃ labhati , evameva kho, mahārāja, ye te gihī agārikā kāmabhogino santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikaronti, te sabbe purimāsu jātīsu terasasu dhutaguṇesu katūpāsanā katabhūmikammā, te tattheva cārañca paṭipattiñca sodhayitvā ajjetarahi gihī yeva santā santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikaronti. Na, mahārāja, dhutaguṇesu pubbāsevanaṃ vinā ekissā yeva jātiyā arahattaṃ sacchikiriyā hoti, uttamena pana vīriyena uttamāya paṭipattiyā tathārūpena ācariyena kalyāṇamittena arahattaṃ sacchikiriyā hoti.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ภิสโกฺก สลฺลกโตฺต อาจริยํ ธเนน วา วตฺตปฺปฎิปตฺติยา วา อาราเธตฺวา สตฺตคฺคหณเฉทนเลขนเวธนสลฺลุทฺธรณวณโธวนโสสนเภสชฺชานุลิมฺปนวมน วิเรจนานุวาสนกิริยมนุสิกฺขิตฺวา วิชฺชาสุ กตสิโกฺข กตูปาสโน กตหโตฺถ อาตุเร อุปสงฺกมติ ติกิจฺฉาย, เอวเมว โข, มหาราช, เย เต คิหี อคาริกา กามโภคิโน สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ, เต สเพฺพ ปุริมาสุ ชาตีสุ เตรสสุ ธุตคุเณสุ กตูปาสนา กตภูมิกมฺมา, เต ตเตฺถว จารญฺจ ปฎิปตฺติญฺจ โสธยิตฺวา อเชฺชตรหิ คิหี เยว สนฺตา สนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ, น, มหาราช, ธุตคุเณหิ อวิสุทฺธานํ ธมฺมาภิสมโย โหติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, bhisakko sallakatto ācariyaṃ dhanena vā vattappaṭipattiyā vā ārādhetvā sattaggahaṇachedanalekhanavedhanasalluddharaṇavaṇadhovanasosanabhesajjānulimpanavamana virecanānuvāsanakiriyamanusikkhitvā vijjāsu katasikkho katūpāsano katahattho āture upasaṅkamati tikicchāya, evameva kho, mahārāja, ye te gihī agārikā kāmabhogino santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikaronti, te sabbe purimāsu jātīsu terasasu dhutaguṇesu katūpāsanā katabhūmikammā, te tattheva cārañca paṭipattiñca sodhayitvā ajjetarahi gihī yeva santā santaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikaronti, na, mahārāja, dhutaguṇehi avisuddhānaṃ dhammābhisamayo hoti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, อุทกสฺส อเสจเนน พีชานํ อวิรูหนํ โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ธุตคุเณหิ อวิสุทฺธานํ ธมฺมาภิสมโย น โหติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, udakassa asecanena bījānaṃ avirūhanaṃ hoti, evameva kho, mahārāja, dhutaguṇehi avisuddhānaṃ dhammābhisamayo na hoti.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อกตกุสลานํ อกตกลฺยาณานํ สุคติคมนํ น โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ธุตคุเณหิ อวิสุทฺธานํ ธมฺมาภิสมโย น โหติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, akatakusalānaṃ akatakalyāṇānaṃ sugatigamanaṃ na hoti, evameva kho, mahārāja, dhutaguṇehi avisuddhānaṃ dhammābhisamayo na hoti.

    ‘‘ปถวิสมํ , มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ ปติฎฺฐานเฎฺฐนฯ อาโปสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพกิเลสมลโธวนเฎฺฐนฯ เตโชสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพกิเลสวนชฺฌาปนเฎฺฐน ฯ วาโยสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพกิเลสมลรโชปวาหนเฎฺฐนฯ อคทสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพกิเลสพฺยาธิวูปสมนเฎฺฐนฯ อมตสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพกิเลสวิสนาสนเฎฺฐนฯ เขตฺตสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพสามญฺญคุณสสฺสวิรูหนเฎฺฐนฯ มโนหรสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ ปตฺถิติจฺฉิตสพฺพสมฺปตฺติวรททเฎฺฐนฯ นาวาสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สํสารมหณฺณวปารคมนเฎฺฐนฯ ภีรุตฺตาณสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ ชรามรณภีตานํ อสฺสาสกรณเฎฺฐนฯ มาตุสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ กิเลสทุกฺขปฺปฎิปีฬิตานํ อนุคฺคาหกเฎฺฐนฯ ปิตุสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ กุสลวฑฺฒิกามานํ สพฺพสามญฺญคุณชนกเฎฺฐนฯ มิตฺตสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพสามญฺญคุณปริเยสนอวิสํวาทกเฎฺฐนฯ ปทุมสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพกิเลสมเลหิ อนุปลิตฺตเฎฺฐนฯ จตุชฺชาติยวรคนฺธสมํ , มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ กิเลสทุคฺคนฺธปฎิวิโนทนเฎฺฐนฯ คิริราชวรสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ อฎฺฐโลกธมฺมวาเตหิ อกมฺปิยเฎฺฐนฯ อากาสสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพตฺถ คหณาปคตอุรุวิสฎวิตฺถตมหนฺตเฎฺฐนฯ นทีสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ กิเลสมลปวาหนเฎฺฐนฯ สุเทสกสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ ชาติกนฺตารกิเลสวนคหนนิตฺถรณเฎฺฐนฯ มหาสตฺถวาหสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สพฺพภยสุญฺญเขมอภยวรปวรนิพฺพานนครสมฺปาปนเฎฺฐน ฯ สุมชฺชิตวิมลาทาสสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ สงฺขารานํ สภาวทสฺสนเฎฺฐนฯ ผลกสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ กิเลสลคุฬสรสตฺติปฎิพาหนเฎฺฐนฯ ฉตฺตสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ กิเลสวสฺสติวิธคฺคิสนฺตาปาตปปฎิพาหนเฎฺฐนฯ จนฺทสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ ปิหยิตปตฺถิตเฎฺฐนฯ สูริยสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ โมหตมติมิรนาสนเฎฺฐนฯ สาครสมํ, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ อเนกวิธสามญฺญคุณวรรตนุฎฺฐานเฎฺฐน, อปริมิตอสเงฺขฺยยฺยอปฺปเมยฺยเฎฺฐน จฯ เอวํ โข, มหาราช, ธุตคุณํ วิสุทฺธิกามานํ พหูปการํ สพฺพทรถปริฬาหนุทํ อรตินุทํ ภยนุทํ ภวนุทํ ขีลนุทํ มลนุทํ โสกนุทํ ทุกฺขนุทํ ราคนุทํ โทสนุทํ โมหนุทํ มานนุทํ ทิฎฺฐินุทํ สพฺพากุสลธมฺมนุทํ ยสาวหํ หิตาวหํ สุขาวหํ ผาสุกรํ ปีติกรํ โยคเกฺขมกรํ อนวชฺชํ อิฎฺฐสุขวิปากํ คุณราสิคุณปุญฺชํ อปริมิตอสเงฺขฺยยฺย อปฺปเมยฺยคุณํ วรํ ปวรํ อคฺคํฯ

    ‘‘Pathavisamaṃ , mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ patiṭṭhānaṭṭhena. Āposamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbakilesamaladhovanaṭṭhena. Tejosamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbakilesavanajjhāpanaṭṭhena . Vāyosamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbakilesamalarajopavāhanaṭṭhena. Agadasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbakilesabyādhivūpasamanaṭṭhena. Amatasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbakilesavisanāsanaṭṭhena. Khettasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbasāmaññaguṇasassavirūhanaṭṭhena. Manoharasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ patthiticchitasabbasampattivaradadaṭṭhena. Nāvāsamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ saṃsāramahaṇṇavapāragamanaṭṭhena. Bhīruttāṇasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ jarāmaraṇabhītānaṃ assāsakaraṇaṭṭhena. Mātusamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ kilesadukkhappaṭipīḷitānaṃ anuggāhakaṭṭhena. Pitusamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ kusalavaḍḍhikāmānaṃ sabbasāmaññaguṇajanakaṭṭhena. Mittasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbasāmaññaguṇapariyesanaavisaṃvādakaṭṭhena. Padumasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbakilesamalehi anupalittaṭṭhena. Catujjātiyavaragandhasamaṃ , mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ kilesaduggandhapaṭivinodanaṭṭhena. Girirājavarasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ aṭṭhalokadhammavātehi akampiyaṭṭhena. Ākāsasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbattha gahaṇāpagatauruvisaṭavitthatamahantaṭṭhena. Nadīsamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ kilesamalapavāhanaṭṭhena. Sudesakasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ jātikantārakilesavanagahananittharaṇaṭṭhena. Mahāsatthavāhasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ sabbabhayasuññakhemaabhayavarapavaranibbānanagarasampāpanaṭṭhena . Sumajjitavimalādāsasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ saṅkhārānaṃ sabhāvadassanaṭṭhena. Phalakasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ kilesalaguḷasarasattipaṭibāhanaṭṭhena. Chattasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ kilesavassatividhaggisantāpātapapaṭibāhanaṭṭhena. Candasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ pihayitapatthitaṭṭhena. Sūriyasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ mohatamatimiranāsanaṭṭhena. Sāgarasamaṃ, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ anekavidhasāmaññaguṇavararatanuṭṭhānaṭṭhena, aparimitaasaṅkhyeyyaappameyyaṭṭhena ca. Evaṃ kho, mahārāja, dhutaguṇaṃ visuddhikāmānaṃ bahūpakāraṃ sabbadarathapariḷāhanudaṃ aratinudaṃ bhayanudaṃ bhavanudaṃ khīlanudaṃ malanudaṃ sokanudaṃ dukkhanudaṃ rāganudaṃ dosanudaṃ mohanudaṃ mānanudaṃ diṭṭhinudaṃ sabbākusaladhammanudaṃ yasāvahaṃ hitāvahaṃ sukhāvahaṃ phāsukaraṃ pītikaraṃ yogakkhemakaraṃ anavajjaṃ iṭṭhasukhavipākaṃ guṇarāsiguṇapuñjaṃ aparimitaasaṅkhyeyya appameyyaguṇaṃ varaṃ pavaraṃ aggaṃ.

    ‘‘ยถา , มหาราช, มนุสฺสา อุปตฺถมฺภวเสน โภชนํ อุปเสวนฺติ, หิตวเสน เภสชฺชํ อุปเสวนฺติ, อุปการวเสน มิตฺตํ อุปเสวนฺติ, ตารณวเสน นาวํ อุปเสวนฺติ, สุคนฺธวเสน มาลาคนฺธํ อุปเสวนฺติ, อภยวเสน ภีรุตฺตาณํ อุปเสวนฺติ, ปติฎฺฐาวเสน 9 ปถวิํ อุปเสวนฺติ, สิปฺปวเสน อาจริยํ อุปเสวนฺติ, ยสวเสน ราชานํ อุปเสวนฺติ, กามททวเสน มณิรตนํ อุปเสวนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, สพฺพสามญฺญคุณททวเสน อริยา ธุตคุณํ อุปเสวนฺติฯ

    ‘‘Yathā , mahārāja, manussā upatthambhavasena bhojanaṃ upasevanti, hitavasena bhesajjaṃ upasevanti, upakāravasena mittaṃ upasevanti, tāraṇavasena nāvaṃ upasevanti, sugandhavasena mālāgandhaṃ upasevanti, abhayavasena bhīruttāṇaṃ upasevanti, patiṭṭhāvasena 10 pathaviṃ upasevanti, sippavasena ācariyaṃ upasevanti, yasavasena rājānaṃ upasevanti, kāmadadavasena maṇiratanaṃ upasevanti, evameva kho, mahārāja, sabbasāmaññaguṇadadavasena ariyā dhutaguṇaṃ upasevanti.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อุทกํ พีชวิรูหนาย, อคฺคิ ฌาปนาย, อาหาโร พลาหรณาย, ลตา พนฺธนาย, สตฺถํ เฉทนาย, ปานียํ ปิปาสาวินยนาย, นิธิ อสฺสาสกรณาย, นาวา ตีรสมฺปาปนาย, เภสชฺชํ พฺยาธิวูปสมนาย, ยานํ สุขคมนาย, ภีรุตฺตาณํ ภยวิโนทนาย, ราชา อารกฺขตฺถาย, ผลกํ ทณฺฑเลฑฺฑุลคุฬสรสตฺติปฎิพาหนาย, อาจริโย อนุสาสนาย, มาตา โปสนาย, อาทาโส โอโลกนาย, อลงฺกาโร โสภนาย, วตฺถํ ปฎิจฺฉาทนาย, นิเสฺสณี อาโรหนาย, ตุลา วิสมวิเกฺขปนาย 11, มนฺตํ ปริชปฺปนาย, อาวุธํ ตชฺชนียปฎิพาหนาย , ปทีโป อนฺธการวิธมนาย, วาโต ปริฬาหนิพฺพาปนาย, สิปฺปํ วุตฺตินิปฺผาทนาย, อคทํ ชีวิตรกฺขณาย, อากโร รตนุปฺปาทนาย, รตนํ อลงฺกราย, อาณา อนติกฺกมนาย, อิสฺสริยํ วสวตฺตนาย, เอวเมว โข, มหาราช, ธุตคุณํ สามญฺญพีชวิรูหนาย, กิเลสมลฌาปนาย, อิทฺธิพลาหรณาย, สติสํวรนิพนฺธนาย, วิมติวิจิกิจฺฉาสมุเจฺฉทนาย, ตณฺหาปิปาสาวินยนาย, อภิสมยอสฺสาสกรณาย, จตุโรฆนิตฺถรณาย, กิเลสพฺยาธิวูปสมาย, นิพฺพานสุขปฺปฎิลาภาย, ชาติชราพฺยาธิมรณโสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสภยวิโนทนาย, สามญฺญคุณปริรกฺขณาย, อรติกุวิตกฺกปฎิพาหนาย, สกลสามญฺญตฺถานุสาสนาย, สพฺพสามญฺญคุณโปสนาย, สมถวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานทสฺสนาย, สกลโลกถุตโถมิตมหติมหาโสภนกรณาย, สพฺพาปายปิทหนาย, สามญฺญตฺถเสลสิขรมุทฺธนิ อภิรูหนาย, วงฺกกุฎิลวิสมจิตฺตวิเกฺขปนาย 12, เสวิตพฺพาเสวิตพฺพธเมฺม สาธุสชฺฌายกรณาย, สพฺพกิเลสปฎิสตฺตุตชฺชนาย , อวิชฺชนฺธการวิธมนาย, ติวิธคฺคิสนฺตาปปริฬาหนิพฺพาปนาย, สณฺหสุขุมสนฺตสมาปตฺตินิปฺผาทนาย, สกลสามญฺญคุณปริรกฺขณาย, โพชฺฌงฺควรรตนุปฺปาทนาย, โยคิชนาลงฺกรณาย, อนวชฺชนิปุณสุขุมสนฺติสุขมนติกฺกมนาย , สกลสามญฺญอริยธมฺมวสวตฺตนายฯ อิติ, มหาราช, อิเมสํ คุณานํ อธิคมาย ยทิทํ เอกเมกํ ธุตคุณํ, เอวํ, มหาราช, อตุลิยํ ธุตคุณํ อปฺปเมยฺยํ อสมํ อปฺปฎิสมํ อปฺปฎิภาคํ อปฺปฎิเสฎฺฐํ อุตฺตรํ เสฎฺฐํ วิสิฎฺฐํ อธิกํ อายตํ ปุถุลํ วิสฎํ วิตฺถตํ ครุกํ ภาริยํ มหนฺตํฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, udakaṃ bījavirūhanāya, aggi jhāpanāya, āhāro balāharaṇāya, latā bandhanāya, satthaṃ chedanāya, pānīyaṃ pipāsāvinayanāya, nidhi assāsakaraṇāya, nāvā tīrasampāpanāya, bhesajjaṃ byādhivūpasamanāya, yānaṃ sukhagamanāya, bhīruttāṇaṃ bhayavinodanāya, rājā ārakkhatthāya, phalakaṃ daṇḍaleḍḍulaguḷasarasattipaṭibāhanāya, ācariyo anusāsanāya, mātā posanāya, ādāso olokanāya, alaṅkāro sobhanāya, vatthaṃ paṭicchādanāya, nisseṇī ārohanāya, tulā visamavikkhepanāya 13, mantaṃ parijappanāya, āvudhaṃ tajjanīyapaṭibāhanāya , padīpo andhakāravidhamanāya, vāto pariḷāhanibbāpanāya, sippaṃ vuttinipphādanāya, agadaṃ jīvitarakkhaṇāya, ākaro ratanuppādanāya, ratanaṃ alaṅkarāya, āṇā anatikkamanāya, issariyaṃ vasavattanāya, evameva kho, mahārāja, dhutaguṇaṃ sāmaññabījavirūhanāya, kilesamalajhāpanāya, iddhibalāharaṇāya, satisaṃvaranibandhanāya, vimativicikicchāsamucchedanāya, taṇhāpipāsāvinayanāya, abhisamayaassāsakaraṇāya, caturoghanittharaṇāya, kilesabyādhivūpasamāya, nibbānasukhappaṭilābhāya, jātijarābyādhimaraṇasokaparidevadukkhadomanassupāyāsabhayavinodanāya, sāmaññaguṇaparirakkhaṇāya, aratikuvitakkapaṭibāhanāya, sakalasāmaññatthānusāsanāya, sabbasāmaññaguṇaposanāya, samathavipassanāmaggaphalanibbānadassanāya, sakalalokathutathomitamahatimahāsobhanakaraṇāya, sabbāpāyapidahanāya, sāmaññatthaselasikharamuddhani abhirūhanāya, vaṅkakuṭilavisamacittavikkhepanāya 14, sevitabbāsevitabbadhamme sādhusajjhāyakaraṇāya, sabbakilesapaṭisattutajjanāya , avijjandhakāravidhamanāya, tividhaggisantāpapariḷāhanibbāpanāya, saṇhasukhumasantasamāpattinipphādanāya, sakalasāmaññaguṇaparirakkhaṇāya, bojjhaṅgavararatanuppādanāya, yogijanālaṅkaraṇāya, anavajjanipuṇasukhumasantisukhamanatikkamanāya , sakalasāmaññaariyadhammavasavattanāya. Iti, mahārāja, imesaṃ guṇānaṃ adhigamāya yadidaṃ ekamekaṃ dhutaguṇaṃ, evaṃ, mahārāja, atuliyaṃ dhutaguṇaṃ appameyyaṃ asamaṃ appaṭisamaṃ appaṭibhāgaṃ appaṭiseṭṭhaṃ uttaraṃ seṭṭhaṃ visiṭṭhaṃ adhikaṃ āyataṃ puthulaṃ visaṭaṃ vitthataṃ garukaṃ bhāriyaṃ mahantaṃ.

    ‘‘โย โข, มหาราช, ปุคฺคโล ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโต กุหโก ลุโทฺธ โอทริโก ลาภกาโม ยสกาโม กิตฺติกาโม อยุโตฺต อปฺปโตฺต อนนุจฺฉวิโก อนรโห อปฺปติรูโป ธุตงฺคํ 15 สมาทิยติ, โส ทิคุณํ ทณฺฑมาปชฺชติ, สพฺพคุณฆาตมาปชฺชติ, ทิฎฺฐธมฺมิกํ หีฬนํ ขีฬนํ ครหนํ อุปฺปณฺฑนํ ขิปนํ อสโมฺภคํ นิสฺสารณํ นิจฺฉุภนํ ปวาหนํ ปพฺพาชนํ ปฎิลภติ, สมฺปราเยปิ สตโยชนิเก อวีจิมหานิรเย อุณฺหกฐิตตตฺตสนฺตตฺตอจฺจิชาลามาลเก อเนกวสฺสโกฎิสตสหสฺสานิ อุทฺธมโธ ติริยํ เผณุเทฺทหกํ สมฺปริวตฺตกํ ปจฺจติ, ตโต มุจฺจิตฺวา 16 กิสผรุสกาฬงฺคปจฺจโงฺค สูนุทฺธุมาตสุสิรุตฺตมโงฺค 17 ฉาโต ปิปาสิโต วิสมภีมรูปวโณฺณ ภคฺคกณฺณโสโต อุมฺมีลิตนิมีลิตเนตฺตนยโน อรุคตฺตปกฺกคโตฺต ปุฬวากิณฺณสพฺพกาโย วาตมุเข ชลมาโน วิย อคฺคิกฺขโนฺธ อโนฺต ชลมาโน ปชฺชลมาโน อตาโณ อสรโณ อารุณฺณรุณฺณการุญฺญรวํ ปริเทวมาโน นิชฺฌามตณฺหิโก สมณมหาเปโต หุตฺวา อาหิณฺฑมาโน มหิยา อฎฺฎสฺสรํ กโรติฯ

    ‘‘Yo kho, mahārāja, puggalo pāpiccho icchāpakato kuhako luddho odariko lābhakāmo yasakāmo kittikāmo ayutto appatto ananucchaviko anaraho appatirūpo dhutaṅgaṃ 18 samādiyati, so diguṇaṃ daṇḍamāpajjati, sabbaguṇaghātamāpajjati, diṭṭhadhammikaṃ hīḷanaṃ khīḷanaṃ garahanaṃ uppaṇḍanaṃ khipanaṃ asambhogaṃ nissāraṇaṃ nicchubhanaṃ pavāhanaṃ pabbājanaṃ paṭilabhati, samparāyepi satayojanike avīcimahāniraye uṇhakaṭhitatattasantattaaccijālāmālake anekavassakoṭisatasahassāni uddhamadho tiriyaṃ pheṇuddehakaṃ samparivattakaṃ paccati, tato muccitvā 19 kisapharusakāḷaṅgapaccaṅgo sūnuddhumātasusiruttamaṅgo 20 chāto pipāsito visamabhīmarūpavaṇṇo bhaggakaṇṇasoto ummīlitanimīlitanettanayano arugattapakkagatto puḷavākiṇṇasabbakāyo vātamukhe jalamāno viya aggikkhandho anto jalamāno pajjalamāno atāṇo asaraṇo āruṇṇaruṇṇakāruññaravaṃ paridevamāno nijjhāmataṇhiko samaṇamahāpeto hutvā āhiṇḍamāno mahiyā aṭṭassaraṃ karoti.

    ‘‘ยถา , มหาราช, โกจิ อยุโตฺต อปฺปโตฺต อนนุจฺฉวิโก อนรโห อปฺปติรูโป หีโน กุชาติโก ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิญฺจติ, โส ลภติ หตฺถเจฺฉทํ ปาทเจฺฉทํ หตฺถปาทเจฺฉทํ กณฺณเจฺฉทํ นาสเจฺฉทํ กณฺณนาสเจฺฉทํ พิลงฺคถาลิกํ สงฺขมุณฺฑิกํ ราหุมุขํ โชติมาลิกํ หตฺถปโชฺชติกํ เอรกวตฺติกํ จีรกวาสิกํ เอเณยฺยกํ พฬิสมํสิกํ กหาปณกํ ขาราปตจฺฉิกํ ปลิฆปริวตฺติกํ ปลาลปีฐกํ ตเตฺตน เตเลน โอสิญฺจนํ สุนเขหิ ขาทาปนํ ชีวสูลาโรปนํ อสินา สีสเจฺฉทํ อเนกวิหิตมฺปิ กมฺมการณํ อนุภวติฯ กิํ การณา? อยุโตฺต อปฺปโตฺต อนนุจฺฉวิโก อนรโห อปฺปติรูโป หีโน กุชาติโก มหเนฺต อิสฺสริเย ฐาเน อตฺตานํ ฐเปสิ, เวลํ ฆาเตสิ, เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ ปุคฺคโล ปาปิโจฺฉ…เป.… มหิยา อฎฺฎสฺสรํ กโรติฯ

    ‘‘Yathā , mahārāja, koci ayutto appatto ananucchaviko anaraho appatirūpo hīno kujātiko khattiyābhisekena abhisiñcati, so labhati hatthacchedaṃ pādacchedaṃ hatthapādacchedaṃ kaṇṇacchedaṃ nāsacchedaṃ kaṇṇanāsacchedaṃ bilaṅgathālikaṃ saṅkhamuṇḍikaṃ rāhumukhaṃ jotimālikaṃ hatthapajjotikaṃ erakavattikaṃ cīrakavāsikaṃ eṇeyyakaṃ baḷisamaṃsikaṃ kahāpaṇakaṃ khārāpatacchikaṃ palighaparivattikaṃ palālapīṭhakaṃ tattena telena osiñcanaṃ sunakhehi khādāpanaṃ jīvasūlāropanaṃ asinā sīsacchedaṃ anekavihitampi kammakāraṇaṃ anubhavati. Kiṃ kāraṇā? Ayutto appatto ananucchaviko anaraho appatirūpo hīno kujātiko mahante issariye ṭhāne attānaṃ ṭhapesi, velaṃ ghātesi, evameva kho, mahārāja, yo koci puggalo pāpiccho…pe… mahiyā aṭṭassaraṃ karoti.

    ‘‘โย ปน, มหาราช, ปุคฺคโล ยุโตฺต ปโตฺต อนุจฺฉวิโก อรโห ปติรูโป อปฺปิโจฺฉ สนฺตุโฎฺฐ ปวิวิโตฺต อสํสโฎฺฐ อารทฺธวีริโย ปหิตโตฺต อสโฐ อมาโย อโนทริโก อลาภกาโม อยสกาโม อกิตฺติกาโม สโทฺธ สทฺธาปพฺพชิโต ชรามรณา มุจฺจิตุกาโม ‘สาสนํ ปคฺคณฺหิสฺสามี’ติ ธุตงฺคํ สมาทิยติ, โส ทิคุณํ ปูชํ อรหติ เทวานญฺจ ปิโย โหติ มนาโป ปิหยิโต ปตฺถิโต, ชาติสุมนมลฺลิกาทีนํ วิย ปุปฺผํ นหาตานุลิตฺตสฺส, ชิฆจฺฉิตสฺส วิย ปณีตโภชนํ, ปิปาสิตสฺส วิย สีตลวิมลสุรภิปานียํ, วิสคตสฺส วิย โอสธวรํ, สีฆคมนกามสฺส วิย อาชญฺญรถวรุตฺตมํ, อตฺถกามสฺส วิย มโนหรมณิรตนํ, อภิสิญฺจิตุกามสฺส วิย ปณฺฑรวิมลเสตจฺฉตฺตํ, ธมฺมกามสฺส วิย อรหตฺตผลาธิคมมนุตฺตรํฯ ตสฺส จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉติ, สมถวิปสฺสนา อธิคจฺฉติ, อธิคมปฺปฎิปตฺติ ปริณมติ, จตฺตาริ สามญฺญผลานิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา ติโสฺส วิชฺชา ฉฬภิญฺญา เกวโล จ สมณธโมฺม สเพฺพ ตสฺสาเธยฺยา โหนฺติ, วิมุตฺติปณฺฑรวิมลเสตจฺฉเตฺตน อภิสิญฺจติฯ

    ‘‘Yo pana, mahārāja, puggalo yutto patto anucchaviko araho patirūpo appiccho santuṭṭho pavivitto asaṃsaṭṭho āraddhavīriyo pahitatto asaṭho amāyo anodariko alābhakāmo ayasakāmo akittikāmo saddho saddhāpabbajito jarāmaraṇā muccitukāmo ‘sāsanaṃ paggaṇhissāmī’ti dhutaṅgaṃ samādiyati, so diguṇaṃ pūjaṃ arahati devānañca piyo hoti manāpo pihayito patthito, jātisumanamallikādīnaṃ viya pupphaṃ nahātānulittassa, jighacchitassa viya paṇītabhojanaṃ, pipāsitassa viya sītalavimalasurabhipānīyaṃ, visagatassa viya osadhavaraṃ, sīghagamanakāmassa viya ājaññarathavaruttamaṃ, atthakāmassa viya manoharamaṇiratanaṃ, abhisiñcitukāmassa viya paṇḍaravimalasetacchattaṃ, dhammakāmassa viya arahattaphalādhigamamanuttaraṃ. Tassa cattāro satipaṭṭhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, cattāro sammappadhānā cattāro iddhipādā pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅgā ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvanāpāripūriṃ gacchati, samathavipassanā adhigacchati, adhigamappaṭipatti pariṇamati, cattāri sāmaññaphalāni catasso paṭisambhidā tisso vijjā chaḷabhiññā kevalo ca samaṇadhammo sabbe tassādheyyā honti, vimuttipaṇḍaravimalasetacchattena abhisiñcati.

    ‘‘ยถา, มหาราช, รโญฺญ ขตฺติยสฺส อภิชาตกุลกุลีนสฺส ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิตฺตสฺส ปริจรนฺติ สรฎฺฐเนคมชานปทภฎพลา 21 อฎฺฐตฺติํสา จ ราชปริสา นฎนจฺจกา มุขมงฺคลิกา โสตฺถิวาจกา สมณพฺราหฺมณสพฺพปาสณฺฑคณา อภิคจฺฉนฺติ, ยํ กิญฺจิ ปถวิยา ปฎฺฎนรตนากรนครสุงฺกฎฺฐานเวรชฺชกเฉชฺชเภชฺชชนมนุสาสนํ สพฺพตฺถ สามิโก ภวติ, เอวเมว โข , มหาราช, โย โกจิ ปุคฺคโล ยุโตฺต ปโตฺต…เป.… วิมุตฺติปณฺฑรวิมลเสตจฺฉเตฺตน อภิสิญฺจติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, rañño khattiyassa abhijātakulakulīnassa khattiyābhisekena abhisittassa paricaranti saraṭṭhanegamajānapadabhaṭabalā 22 aṭṭhattiṃsā ca rājaparisā naṭanaccakā mukhamaṅgalikā sotthivācakā samaṇabrāhmaṇasabbapāsaṇḍagaṇā abhigacchanti, yaṃ kiñci pathaviyā paṭṭanaratanākaranagarasuṅkaṭṭhānaverajjakachejjabhejjajanamanusāsanaṃ sabbattha sāmiko bhavati, evameva kho , mahārāja, yo koci puggalo yutto patto…pe… vimuttipaṇḍaravimalasetacchattena abhisiñcati.

    ‘‘เตรสิมานิ , มหาราช, ธุตงฺคานิ, เยหิ สุทฺธิกโต นิพฺพานมหาสมุทฺทํ ปวิสิตฺวา พหุวิธํ ธมฺมกีฬมภิกีฬติ, รูปารูปอฎฺฐสมาปตฺติโย วฬเญฺชติ, อิทฺธิวิธํ ทิพฺพโสตธาตุํ ปรจิตฺตวิชานนํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติํ ทิพฺพจกฺขุํ สพฺพาสวกฺขยญฺจ ปาปุณาติฯ กตเม เตรส? ปํสุกูลิกงฺคํ เตจีวริกงฺคํ ปิณฺฑปาติกงฺคํ สปทานจาริกงฺคํ เอกาสนิกงฺคํ ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ อารญฺญิกงฺคํ รุกฺขมูลิกงฺคํ อโพฺภกาสิกงฺคํ โสสานิกงฺคํ ยถาสนฺถติกงฺคํ เนสชฺชิกงฺคํ, อิเมหิ โข, มหาราช, เตรสหิ ธุตคุเณหิ ปุเพฺพ อาเสวิเตหิ นิเสวิเตหิ จิเณฺณหิ ปริจิเณฺณหิ จริเตหิ อุปจริเตหิ ปริปูริเตหิ เกวลํ สามญฺญํ ปฎิลภติ, ตสฺสาเธยฺยา โหนฺติ เกวลา สนฺตา สุขา สมาปตฺติโยฯ

    ‘‘Terasimāni , mahārāja, dhutaṅgāni, yehi suddhikato nibbānamahāsamuddaṃ pavisitvā bahuvidhaṃ dhammakīḷamabhikīḷati, rūpārūpaaṭṭhasamāpattiyo vaḷañjeti, iddhividhaṃ dibbasotadhātuṃ paracittavijānanaṃ pubbenivāsānussatiṃ dibbacakkhuṃ sabbāsavakkhayañca pāpuṇāti. Katame terasa? Paṃsukūlikaṅgaṃ tecīvarikaṅgaṃ piṇḍapātikaṅgaṃ sapadānacārikaṅgaṃ ekāsanikaṅgaṃ pattapiṇḍikaṅgaṃ khalupacchābhattikaṅgaṃ āraññikaṅgaṃ rukkhamūlikaṅgaṃ abbhokāsikaṅgaṃ sosānikaṅgaṃ yathāsanthatikaṅgaṃ nesajjikaṅgaṃ, imehi kho, mahārāja, terasahi dhutaguṇehi pubbe āsevitehi nisevitehi ciṇṇehi pariciṇṇehi caritehi upacaritehi paripūritehi kevalaṃ sāmaññaṃ paṭilabhati, tassādheyyā honti kevalā santā sukhā samāpattiyo.

    ‘‘ยถา, มหาราช, สธโน นาวิโก ปฎฺฎเน สุฎฺฐุ กตสุโงฺก มหาสมุทฺทํ ปวิสิตฺวา วงฺคํ ตโกฺกลํ จีนํ โสวีรํ สุรฎฺฐํ อลสนฺทํ โกลปฎฺฎนํ สุวณฺณภูมิํ คจฺฉติ อญฺญมฺปิ ยํ กิญฺจิ นาวาสญฺจรณํ, เอวเมว โข, มหาราช, อิเมหิ เตรสหิ ธุตคุเณหิ ปุเพฺพ อาเสวิเตหิ นิเสวิเตหิ จิเณฺณหิ ปริจิเณฺณหิ จริเตหิ อุปจริเตหิ ปริปูริเตหิ เกวลํ สามญฺญํ ปฎิลภติ, ตสฺสาเธยฺยา โหนฺติ เกวลา สนฺตา สุขา สมาปตฺติโยฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, sadhano nāviko paṭṭane suṭṭhu katasuṅko mahāsamuddaṃ pavisitvā vaṅgaṃ takkolaṃ cīnaṃ sovīraṃ suraṭṭhaṃ alasandaṃ kolapaṭṭanaṃ suvaṇṇabhūmiṃ gacchati aññampi yaṃ kiñci nāvāsañcaraṇaṃ, evameva kho, mahārāja, imehi terasahi dhutaguṇehi pubbe āsevitehi nisevitehi ciṇṇehi pariciṇṇehi caritehi upacaritehi paripūritehi kevalaṃ sāmaññaṃ paṭilabhati, tassādheyyā honti kevalā santā sukhā samāpattiyo.

    ‘‘ยถา, มหาราช, กสฺสโก ปฐมํ เขตฺตโทสํ ติณกฎฺฐปาสาณํ อปเนตฺวา กสิตฺวา วปิตฺวา สมฺมา อุทกํ ปเวเสตฺวา รกฺขิตฺวา โคเปตฺวา ลวนมทฺทเนน พหุธญฺญโก โหติ, ตสฺสาเธยฺยา ภวนฺติ เย เกจิ อธนา กปณา ทลิทฺทา ทุคฺคตชนา, เอวเมว โข, มหาราช, อิเมหิ เตรสหิ ธุตคุเณหิ ปุเพฺพ อาเสวิเตหิ…เป.… เกวลา สนฺตา สุขา สมาปตฺติโยฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, kassako paṭhamaṃ khettadosaṃ tiṇakaṭṭhapāsāṇaṃ apanetvā kasitvā vapitvā sammā udakaṃ pavesetvā rakkhitvā gopetvā lavanamaddanena bahudhaññako hoti, tassādheyyā bhavanti ye keci adhanā kapaṇā daliddā duggatajanā, evameva kho, mahārāja, imehi terasahi dhutaguṇehi pubbe āsevitehi…pe… kevalā santā sukhā samāpattiyo.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต อภิชาตกุลีโน เฉชฺชเภชฺชชนมนุสาสเน อิสฺสโร โหติ วสวตฺตี สามิโก อิจฺฉากรโณ, เกวลา จ มหาปถวี ตสฺสาเธยฺยา โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, อิเมหิ เตรสหิ ธุตคุเณหิ ปุเพฺพ อาเสวิเตหิ นิเสวิเตหิ จิเณฺณหิ ปริจิเณฺณหิ จริเตหิ อุปจริเตหิ ปริปูริเตหิ ชินสาสนวเร อิสฺสโร โหติ วสวตฺตี สามิโก อิจฺฉากรโณ, เกวลา จ สมณคุณา ตสฺสาเธยฺยา โหนฺติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, khattiyo muddhāvasitto abhijātakulīno chejjabhejjajanamanusāsane issaro hoti vasavattī sāmiko icchākaraṇo, kevalā ca mahāpathavī tassādheyyā hoti, evameva kho, mahārāja, imehi terasahi dhutaguṇehi pubbe āsevitehi nisevitehi ciṇṇehi pariciṇṇehi caritehi upacaritehi paripūritehi jinasāsanavare issaro hoti vasavattī sāmiko icchākaraṇo, kevalā ca samaṇaguṇā tassādheyyā honti.

    ‘‘นนุ , มหาราช, เถโร อุปเสโน วงฺคนฺตปุโตฺต สเลฺลขธุตคุเณ ปริปูรการิตาย อนาทิยิตฺวา สาวตฺถิยา สงฺฆสฺส กติกํ สปริโส นรทมฺมสารถิํ ปฎิสลฺลานคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, ภควา จ ตํ สุวินีตํ ปริสํ โอโลเกตฺวา หฎฺฐตุโฎฺฐ ปมุทิโต อุทโคฺค ปริสาย สทฺธิํ สลฺลาปํ สลฺลปิตฺวา อสมฺภิเนฺนน พฺรหฺมสฺสเรน เอตทโวจ ‘ปาสาทิกา โข ปน ตฺยายํ อุปเสน ปริสา, กตํ ตฺวํ อุปเสน ปริสํ วิเนสี’ติฯ โสปิ สพฺพญฺญุนา ทสพเลน เทวาติเทเวน ปุโฎฺฐ ยถาภูตสภาวคุณวเสน ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    ‘‘Nanu , mahārāja, thero upaseno vaṅgantaputto sallekhadhutaguṇe paripūrakāritāya anādiyitvā sāvatthiyā saṅghassa katikaṃ sapariso naradammasārathiṃ paṭisallānagataṃ upasaṅkamitvā bhagavato pāde sirasā vanditvā ekamantaṃ nisīdi, bhagavā ca taṃ suvinītaṃ parisaṃ oloketvā haṭṭhatuṭṭho pamudito udaggo parisāya saddhiṃ sallāpaṃ sallapitvā asambhinnena brahmassarena etadavoca ‘pāsādikā kho pana tyāyaṃ upasena parisā, kataṃ tvaṃ upasena parisaṃ vinesī’ti. Sopi sabbaññunā dasabalena devātidevena puṭṭho yathābhūtasabhāvaguṇavasena bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘โย โกจิ มํ, ภเนฺต, อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ วา นิสฺสยํ วา ยาจติ, ตมหํ เอวํ วทามิ ‘‘อหํ โข อาวุโส อารญฺญิโก ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโก เตจีวริโกฯ สเจ ตฺวมฺปิ อารญฺญิโก ภวิสฺสสิ ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโก เตจีวริโก, เอวาหํ ตํ ปพฺพาเชสฺสามิ นิสฺสยํ ทสฺสามี’’ติ, สเจ โส เม, ภเนฺต, ปฎิสฺสุณิตฺวา นนฺทติ โอรมติ, เอวาหํ ตํ ปพฺพาเชมิ นิสฺสยํ เทมิ, สเจ น นนฺทติ น โอรมติ, น ตํ ปพฺพาเชมิ, น นิสฺสยํ เทมิ, เอวาหํ, ภเนฺต, ปริสํ วิเนมี’’ติฯ เอวํ โข 23, มหาราช, ธุตคุณวรสมาทิโณฺณ ชินสาสนวเร อิสฺสโร โหติฯ วสวตฺตี สามิโก อิจฺฉากรโณ, ตสฺสาเธยฺยา โหนฺติ เกวลา สนฺตา สุขา สมาปตฺติโยฯ

    ‘‘Yo koci maṃ, bhante, upasaṅkamitvā pabbajjaṃ vā nissayaṃ vā yācati, tamahaṃ evaṃ vadāmi ‘‘ahaṃ kho āvuso āraññiko piṇḍapātiko paṃsukūliko tecīvariko. Sace tvampi āraññiko bhavissasi piṇḍapātiko paṃsukūliko tecīvariko, evāhaṃ taṃ pabbājessāmi nissayaṃ dassāmī’’ti, sace so me, bhante, paṭissuṇitvā nandati oramati, evāhaṃ taṃ pabbājemi nissayaṃ demi, sace na nandati na oramati, na taṃ pabbājemi, na nissayaṃ demi, evāhaṃ, bhante, parisaṃ vinemī’’ti. Evaṃ kho 24, mahārāja, dhutaguṇavarasamādiṇṇo jinasāsanavare issaro hoti. Vasavattī sāmiko icchākaraṇo, tassādheyyā honti kevalā santā sukhā samāpattiyo.

    ‘‘ยถา, มหาราช, ปทุมํ อภิวุทฺธปริสุทฺธอุทิจฺจชาติปฺปภวํ สินิทฺธํ มุทุ โลภนียํ สุคนฺธํ ปิยํ ปตฺถิตํ ปสตฺถํ ชลกทฺทมมนุปลิตฺตํ อณุปตฺตเกสรกณฺณิกาภิมณฺฑิตํ ภมรคณเสวิตํ สีตลสลิลสํวทฺธํ, เอวเมว โข, มหาราช, อิเมหิ เตรสหิ ธุตคุเณหิ ปุเพฺพ อาเสวิเตหิ นิเสวิเตหิ จิเณฺณหิ ปริจิเณฺณหิ จริเตหิ อุปจริเตหิ ปริปูริเตหิ อริยสาวโก ติํสคุณวเรหิ สมุเปโต โหติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, padumaṃ abhivuddhaparisuddhaudiccajātippabhavaṃ siniddhaṃ mudu lobhanīyaṃ sugandhaṃ piyaṃ patthitaṃ pasatthaṃ jalakaddamamanupalittaṃ aṇupattakesarakaṇṇikābhimaṇḍitaṃ bhamaragaṇasevitaṃ sītalasalilasaṃvaddhaṃ, evameva kho, mahārāja, imehi terasahi dhutaguṇehi pubbe āsevitehi nisevitehi ciṇṇehi pariciṇṇehi caritehi upacaritehi paripūritehi ariyasāvako tiṃsaguṇavarehi samupeto hoti.

    ‘‘กตเมหิ ติํสคุณวเรหิ? สินิทฺธมุทุมทฺทวเมตฺตจิโตฺต โหติ, ฆาติตหตวิหตกิเลโส โหติ, หตนิหตมานทโพฺพ โหติ, อจลทฬฺหนิวิฎฺฐนิเพฺพมติกสโทฺธ โหติ, ปริปุณฺณปีณิตปหฎฺฐโลภนียสนฺตสุขสมาปตฺติลาภี โหติ, สีลวรปวรอสมสุจิคนฺธปริภาวิโต โหติ, เทวมนุสฺสานํ ปิโย โหติ มนาโป, ขีณาสวอริยวรปุคฺคลปตฺถิโต, เทวมนุสฺสานํ วนฺทิตปูชิโต, พุธวิพุธปณฺฑิตชนานํ ถุตถวิตโถมิตปสโตฺถ , อิธ วา หุรํ วา โลเกน อนุปลิโตฺต, อปฺปโถกวเชฺชปิ 25 ภยทสฺสาวี, วิปุลวรสมฺปตฺติกามานํ มคฺคผลวรตฺถสาธโน, อายาจิตวิปุลปณีตปจฺจยภาคี, อนิเกตสยโน, ฌานโชฺฌสิตตปฺปวรวิหารี , วิชฎิตกิเลสชาลวตฺถุ, ภินฺนภคฺคสงฺกุฎิตสญฺฉินฺนคตินีวรโณ, อกุปฺปธโมฺม, อภินีตวาโส, อนวชฺชโภคี , คติวิมุโตฺต, อุตฺติณฺณสพฺพวิจิกิโจฺฉ, วิมุตฺติโชฺฌสิตโตฺถ 26, ทิฎฺฐธโมฺม, อจลทฬฺหภีรุตฺตาณมุปคโต, สมุจฺฉินฺนานุสโย, สพฺพาสวกฺขยํ ปโตฺต, สนฺตสุขสมาปตฺติวิหารพหุโล, สพฺพสมณคุณสมุเปโต, อิเมหิ ติํสคุณวเรหิ สมุเปโต โหติฯ

    ‘‘Katamehi tiṃsaguṇavarehi? Siniddhamudumaddavamettacitto hoti, ghātitahatavihatakileso hoti, hatanihatamānadabbo hoti, acaladaḷhaniviṭṭhanibbematikasaddho hoti, paripuṇṇapīṇitapahaṭṭhalobhanīyasantasukhasamāpattilābhī hoti, sīlavarapavaraasamasucigandhaparibhāvito hoti, devamanussānaṃ piyo hoti manāpo, khīṇāsavaariyavarapuggalapatthito, devamanussānaṃ vanditapūjito, budhavibudhapaṇḍitajanānaṃ thutathavitathomitapasattho , idha vā huraṃ vā lokena anupalitto, appathokavajjepi 27 bhayadassāvī, vipulavarasampattikāmānaṃ maggaphalavaratthasādhano, āyācitavipulapaṇītapaccayabhāgī, aniketasayano, jhānajjhositatappavaravihārī , vijaṭitakilesajālavatthu, bhinnabhaggasaṅkuṭitasañchinnagatinīvaraṇo, akuppadhammo, abhinītavāso, anavajjabhogī , gativimutto, uttiṇṇasabbavicikiccho, vimuttijjhositattho 28, diṭṭhadhammo, acaladaḷhabhīruttāṇamupagato, samucchinnānusayo, sabbāsavakkhayaṃ patto, santasukhasamāpattivihārabahulo, sabbasamaṇaguṇasamupeto, imehi tiṃsaguṇavarehi samupeto hoti.

    ‘‘นนุ, มหาราช, เถโร สาริปุโตฺต ทสสหสฺสิโลกธาตุยา อคฺคปุริโส ฐเปตฺวา ทสพลํ โลกาจริยํ, โสปิ อปริมิตมสเงฺขฺยยฺยกเปฺป สมาจิตกุสลมูโล 29 พฺราหฺมณกุลกุลีโน มนาปิกํ กามรติํ อเนกสตสงฺขํ ธนวรญฺจ โอหาย ชินสาสเน ปพฺพชิตฺวา อิเมหิ เตรสหิ ธุตคุเณหิ กายวจีจิตฺตํ ทมยิตฺวา อเชฺชตรหิ อนนฺตคุณสมนฺนาคโต โคตมสฺส ภควโต สาสนวเร ธมฺมจกฺกมนุปฺปวตฺตโก ชาโตฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน เอกงฺคุตฺตรนิกายวรลญฺฉเก –

    ‘‘Nanu, mahārāja, thero sāriputto dasasahassilokadhātuyā aggapuriso ṭhapetvā dasabalaṃ lokācariyaṃ, sopi aparimitamasaṅkhyeyyakappe samācitakusalamūlo 30 brāhmaṇakulakulīno manāpikaṃ kāmaratiṃ anekasatasaṅkhaṃ dhanavarañca ohāya jinasāsane pabbajitvā imehi terasahi dhutaguṇehi kāyavacīcittaṃ damayitvā ajjetarahi anantaguṇasamannāgato gotamassa bhagavato sāsanavare dhammacakkamanuppavattako jāto. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena ekaṅguttaranikāyavaralañchake –

    ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อญฺญํ เอกปุคฺคลมฺปิ สมนุปสฺสามิ, โย เอวํ ตถาคเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ สมฺมเทว อนุปฺปวเตฺตติ, ยถยิทํ ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต, สาริปุโตฺตฯ ภิกฺขเว, ตถาคเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ สมฺมเทว อนุปฺปวเตฺตตี’’’ติฯ

    ‘‘Nāhaṃ, bhikkhave, aññaṃ ekapuggalampi samanupassāmi, yo evaṃ tathāgatena anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ sammadeva anuppavatteti, yathayidaṃ bhikkhave, sāriputto, sāriputto. Bhikkhave, tathāgatena anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ sammadeva anuppavattetī’’’ti.

    ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, ยํ กิญฺจิ นวงฺคํ พุทฺธวจนํ, ยา จ โลกุตฺตรา กิริยา, ยา จ โลเก อธิคมวิปุลวรสมฺปตฺติโย, สพฺพํ ตํ เตรสสุ ธุตคุเณสุ สโมธาโนปคต’’ 31 นฺติฯ

    ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, yaṃ kiñci navaṅgaṃ buddhavacanaṃ, yā ca lokuttarā kiriyā, yā ca loke adhigamavipulavarasampattiyo, sabbaṃ taṃ terasasu dhutaguṇesu samodhānopagata’’ 32 nti.

    ธุตงฺคปโญฺห ทุติโยฯ

    Dhutaṅgapañho dutiyo.

    อนุมานวโคฺค จตุโตฺถฯ

    Anumānavaggo catuttho.







    Footnotes:
    1. ธุตวรงฺคคุณนิสฺสิตา (สี. สฺยา. ปี.)
    2. dhutavaraṅgaguṇanissitā (sī. syā. pī.)
    3. มหาราหุโลวาเท (สี. ปี.)
    4. mahārāhulovāde (sī. pī.)
    5. ติโรกุฑฺฑสมาคเม (สี. ปี.)
    6. tirokuḍḍasamāgame (sī. pī.)
    7. ขณก (สี. ปี.)
    8. khaṇaka (sī. pī.)
    9. ปติฎฺฐานวเสน (ก.)
    10. patiṭṭhānavasena (ka.)
    11. นิเกฺขปนาย (สี. ปี.)
    12. จิตฺตนิเกฺขปนาย (สี. ปี.)
    13. nikkhepanāya (sī. pī.)
    14. cittanikkhepanāya (sī. pī.)
    15. ตธุคุณํ (ก.) เอวมุปริปิ
    16. มุจฺจิตฺวา (สี. ปี.)
    17. สูนุทฺธุมาตสูจิมุขปมาณสุสิรุตฺตมโงฺค (สี. ปี.)
    18. tadhuguṇaṃ (ka.) evamuparipi
    19. muccitvā (sī. pī.)
    20. sūnuddhumātasūcimukhapamāṇasusiruttamaṅgo (sī. pī.)
    21. พลตฺถา (สี. ปี.)
    22. balatthā (sī. pī.)
    23. เอวมฺปิ (ก.)
    24. evampi (ka.)
    25. อปฺปสาวเชฺชปิ (ก.)
    26. วิมุตฺติชฺฌาสิตโตฺต (สี. ปี.)
    27. appasāvajjepi (ka.)
    28. vimuttijjhāsitatto (sī. pī.)
    29. สมาจิณฺณกุสลมูโล (ก.)
    30. samāciṇṇakusalamūlo (ka.)
    31. สโมธาเนตพฺพํ (ก.)
    32. samodhānetabbaṃ (ka.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact