Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
ทิพฺพจกฺขุญาณกถาวณฺณนา
Dibbacakkhuñāṇakathāvaṇṇanā
๑๓. ทิวิ ภวตฺตา ทิพฺพนฺติ เทวานํ ปสาทจกฺขุ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ทิพฺพสทิสตฺตา’’ติฯ ทูเรปีติ ปิ-สเทฺทน สุขุมสฺสาปิ อารมฺมณสฺส คหณํฯ วีริยารมฺภวเสน อิชฺฌนโต สพฺพาปิ ภาวนา, ปธานสงฺขารสมนฺนาคโต วา อิทฺธิปาทภาวนาวิเสสโต วีริยภาวนาติ อาห ‘‘วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺต’’นฺติฯ ทิพฺพวิหารวเสนาติ กสิณาทิชฺฌานจตอุกฺกวเสนฯ อิมินา ทูรการณเตฺถ อสฺส ทิพฺพภาวมาหฯ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาติ อิมินา อาสนฺนการณภูตปาทกชฺฌานโต นิพฺพตฺตนฺติ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาติ อิมสฺส ทิพฺพวิหารปอยาปนฺนํ อตฺตนา สมฺปยุตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ นิสฺสยปจฺจยภูตํ นิสฺสาย ทิพฺพจกฺขุญาณสฺส ปวตฺตตฺตาติปิ อโตฺถฯ ทิวุธาตุสฺส ชุติคติโยคํ สนฺธาย อาโลกปอคฺคเหนาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาโลกปริคฺคเหนาติ กสิณาโลกปริคฺคหวเสนฯ ทสฺสนเฎฺฐนาติ รูปทสฺสนภาเวน, อิมินา ‘‘จกฺขติ รูปํ วิภาเวตี’’ติ นิพฺพจนโต จกฺขุตฺตํ ทเสฺสติฯ จกฺขุกิจฺจกรเณนาติ อิทํ จกฺขุมิว จกฺขูติ อุปมาย สทิสนิมิตฺตทสฺสนํ, สมวิสมาทิทสฺสนสงฺขาตสฺส จกฺขุกิจฺจสฺส กรณโตติ อโตฺถฯ
13. Divi bhavattā dibbanti devānaṃ pasādacakkhu vuccatīti āha ‘‘dibbasadisattā’’ti. Dūrepīti pi-saddena sukhumassāpi ārammaṇassa gahaṇaṃ. Vīriyārambhavasena ijjhanato sabbāpi bhāvanā, padhānasaṅkhārasamannāgato vā iddhipādabhāvanāvisesato vīriyabhāvanāti āha ‘‘vīriyabhāvanābalanibbatta’’nti. Dibbavihāravasenāti kasiṇādijjhānacataukkavasena. Iminā dūrakāraṇatthe assa dibbabhāvamāha. Dibbavihārasannissitattāti iminā āsannakāraṇabhūtapādakajjhānato nibbattanti dibbavihārasannissitattāti imassa dibbavihārapaayāpannaṃ attanā sampayuttaṃ rūpāvacaracatutthajjhānaṃ nissayapaccayabhūtaṃ nissāya dibbacakkhuñāṇassa pavattattātipi attho. Divudhātussa jutigatiyogaṃ sandhāya ālokapaaggahenātiādi vuttaṃ. Tattha ālokapariggahenāti kasiṇālokapariggahavasena. Dassanaṭṭhenāti rūpadassanabhāvena, iminā ‘‘cakkhati rūpaṃ vibhāvetī’’ti nibbacanato cakkhuttaṃ dasseti. Cakkhukiccakaraṇenāti idaṃ cakkhumiva cakkhūti upamāya sadisanimittadassanaṃ, samavisamādidassanasaṅkhātassa cakkhukiccassa karaṇatoti attho.
ยถาหาติ อุปกฺกิเลสสุตฺตปฺปเทสํ (ม. นิ. ๓.๒๔๒) นิทเสฺสติฯ ตตฺถ วิจิกิจฺฉาติอาทีสุ ภควโต โพธิมูเล อนภิสมฺพุทฺธเสฺสว ทิพฺพจกฺขุนา นานาวิธานิ รูปานิ ปสฺสนฺตสฺส ‘‘อิทํ นุ โข กิํ, อิทํ นุ โข กิ’’นฺติ วิจิกิจฺฉา อุปฺปนฺนา, ตโต ปน วิจิกิจฺฉานิวตฺตนตฺถํ ตานิ รูปานิ อมนสิกโรโต อมนสิกโรนฺตสฺส ถินมิทฺธํ อุปฺปนฺนํ, ตโต นิวตฺตนตฺถํ ปุน สพฺพรูปานิ มนสิกโรโต รกฺขสาทีสุ ฉมฺภิตตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ‘‘กิเมตฺถ ภายิตพฺพ’’นฺติ ภยวิโนทนวเสน มนสิกโรโต อตฺตโน มนสิการโกสลฺลํ ปฎิจฺจ อุปฺปิลสงฺขาตา สมาธิทูสิกา เคหสิตปีติ อุปฺปนฺนา, ตนฺนิเสธาย มนสิการวีริยํ สิถิลํ กโรนฺตสฺส กายาลสิยสงฺขาตํ ทุฎฺฐุลฺลํ, ตนฺนิเสธาย ปุน วีริยํ ปคฺคณฺหโต อจฺจารทฺธวีริยํ, ปุน ตนฺนิเสธาย วีริยํ สิถิลยโต อติลีนวีริยํ อุปฺปนฺนํ, ตนฺนิเสเธตฺวา ทิพฺพรูปานิ ปสฺสโต อภิชปฺปาสงฺขาตา ตณฺหา อุปฺปนฺนา, ตนฺนิเสธาย หีนาทินานารูปานิ มนสิกโรโต นานารมฺมณวิเกฺขปสงฺขาตา นานตฺตสญฺญา อุปฺปนฺนาฯ ปุน ตํ วิหาย เอกเมว มนสิกโรโต อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ อติวิย จินฺตนํ อุปฺปนฺนํฯ โอภาสนฺติ ปริกมฺมสมุฎฺฐิตํ โอภาสํ ฯ น จ รูปานิ ปสฺสามีติ ‘‘ปริกโมฺมภาสมนสิการปสุตตาย ทิพฺพจกฺขุนา รูปานิ น ปสฺสามี’’ติ เอวํ อุปฺปตฺติกฺกมสหิโต อโตฺถ เวทิตโพฺพ, มนุสฺสานํ อิทนฺติ มานุสกํ มานุสกจกฺขุโคจรํ ถูลรูปํ วุจฺจติฯ ตเทว มนุสฺสานํ ทสฺสนูปจารตฺตา มนุสฺสูปจาโรติ อาห ‘‘มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา’’ติฯ รูปทสฺสเนนาติ ทูรสุขุมาทิรูปทสฺสเนนฯ
Yathāhāti upakkilesasuttappadesaṃ (ma. ni. 3.242) nidasseti. Tattha vicikicchātiādīsu bhagavato bodhimūle anabhisambuddhasseva dibbacakkhunā nānāvidhāni rūpāni passantassa ‘‘idaṃ nu kho kiṃ, idaṃ nu kho ki’’nti vicikicchā uppannā, tato pana vicikicchānivattanatthaṃ tāni rūpāni amanasikaroto amanasikarontassa thinamiddhaṃ uppannaṃ, tato nivattanatthaṃ puna sabbarūpāni manasikaroto rakkhasādīsu chambhitattaṃ uppannaṃ, ‘‘kimettha bhāyitabba’’nti bhayavinodanavasena manasikaroto attano manasikārakosallaṃ paṭicca uppilasaṅkhātā samādhidūsikā gehasitapīti uppannā, tannisedhāya manasikāravīriyaṃ sithilaṃ karontassa kāyālasiyasaṅkhātaṃ duṭṭhullaṃ, tannisedhāya puna vīriyaṃ paggaṇhato accāraddhavīriyaṃ, puna tannisedhāya vīriyaṃ sithilayato atilīnavīriyaṃ uppannaṃ, tannisedhetvā dibbarūpāni passato abhijappāsaṅkhātā taṇhā uppannā, tannisedhāya hīnādinānārūpāni manasikaroto nānārammaṇavikkhepasaṅkhātā nānattasaññā uppannā. Puna taṃ vihāya ekameva manasikaroto atinijjhāyitattaṃ rūpānaṃ ativiya cintanaṃ uppannaṃ. Obhāsanti parikammasamuṭṭhitaṃ obhāsaṃ . Na ca rūpāni passāmīti ‘‘parikammobhāsamanasikārapasutatāya dibbacakkhunā rūpāni na passāmī’’ti evaṃ uppattikkamasahito attho veditabbo, manussānaṃ idanti mānusakaṃ mānusakacakkhugocaraṃ thūlarūpaṃ vuccati. Tadeva manussānaṃ dassanūpacārattā manussūpacāroti āha ‘‘manussūpacāraṃ atikkamitvā’’ti. Rūpadassanenāti dūrasukhumādirūpadassanena.
ยสฺมา นิยเมน ปุเรชาตฎฺฐิตรูปารมฺมณํ ทิพฺพจกฺขุญาณํ อาวชฺชนปริกเมฺมหิ วินา น อุปฺปชฺชติ, น จ อุปฺปชฺชมานํ ภิชฺชมานํ รูปมสฺส อารมฺมณํ โหติ ทุพฺพลตฺตา, จุติจิตฺตญฺจ กมฺมชรูปสฺส ภงฺคกฺขเณ เอว อุปฺปชฺชติ, ปฎิสนฺธิจิตฺตญฺจ อุปปตฺติกฺขเณ, ตสฺมา อาห จุติกฺขเณติอาทิฯ รูปทสฺสนเมเวตฺถ สตฺตทสฺสนนฺติ จวมาเนติอาทินา ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน วุตฺตํฯ อภิรูเป วิรูเปติปีติ อิทํ วณฺณ-สทฺทสฺส สณฺฐานวาจกตํ สนฺธาย วุตฺตํ มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวาติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) วิยฯ สุนฺทรํ คติํ คตา สุคตาติ อาห ‘‘สุคติคเต’’ติฯ อิมินา ปน ปเทนาติ ยถากมฺมุปเคติ อิมินา ปเทนฯ
Yasmā niyamena purejātaṭṭhitarūpārammaṇaṃ dibbacakkhuñāṇaṃ āvajjanaparikammehi vinā na uppajjati, na ca uppajjamānaṃ bhijjamānaṃ rūpamassa ārammaṇaṃ hoti dubbalattā, cuticittañca kammajarūpassa bhaṅgakkhaṇe eva uppajjati, paṭisandhicittañca upapattikkhaṇe, tasmā āha cutikkhaṇetiādi. Rūpadassanamevettha sattadassananti cavamānetiādinā puggalādhiṭṭhānena vuttaṃ. Abhirūpe virūpetipīti idaṃ vaṇṇa-saddassa saṇṭhānavācakataṃ sandhāya vuttaṃ mahantaṃ hatthirājavaṇṇaṃ abhinimminitvātiādīsu (saṃ. ni. 1.138) viya. Sundaraṃ gatiṃ gatā sugatāti āha ‘‘sugatigate’’ti. Iminā pana padenāti yathākammupageti iminā padena.
เนรยิกานํ อคฺคิชาลสตฺถนิปาตาทีหิ วิภินฺนสรีรวณฺณํ ทิสฺวา ตทนนฺตเรหิ กามาวจรชวเนเหว ญาตํ เตสํ ทุกฺขานุภวนมฺปิ ทสฺสนผลายตฺตตาย ‘‘ทิพฺพจกฺขุกิจฺจเมวา’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ มนสิกโรตีติ เตสํ กมฺมสฺส ญาตุกามตาวเสน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ปริกมฺมวเสน กินฺนุ โขติอาทินา มนสิกโรติฯ อถสฺส ตํ กมฺมํ อารมฺมณํ กตฺวา อาวชฺชนปริกมฺมาทีนํ อุปริ อุปฺปเนฺนน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเนน สมฺปยุตฺตํ ยํ ญาณํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ ยถากมฺมุปคญาณํ นามาติ โยชนาฯ เทวานํ ทสฺสเนปิ เอเสว นโยฯ วิสุํ ปริกมฺมนฺติ ปุเพฺพนิวาสาทีนํ วิย ทิพฺพจกฺขุญาณปริกมฺมํ วินา วิสุํ ปริกมฺมํ นตฺถิฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนปริกเมฺมหิ กิจฺจํ นตฺถิ, กินฺนุ โข กมฺมนฺติอาทิมนสิการานนฺตรเมว กมฺมํฯ กมฺมสีเสน ตํสมฺปยุเตฺต จ ธเมฺม อารมฺมณํ กตฺวา อปฺปนาวีถิ อุปฺปชฺชติฯ เอวมนาคตํสญาเณปิ, เตเนว วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ…เป.… ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ตํ น คเหตพฺพํ วสีภูตานมฺปิ อภิญฺญานํ ปาทกชฺฌานาทิปริกมฺมํ วินา อนุปฺปตฺติโตฯ ปาทกชฺฌานาทิมเตฺตน จ วิสุํ ปริกมฺมํ นาม น โหตีติ ทิพฺพจกฺขุนาว เอตานิ ญาณานิ สิทฺธานีติ คเหตพฺพํฯ เอวํ อนาคตํสญาณสฺสาปีติ ทิพฺพจกฺขุนา ทิฎฺฐสฺส สตฺตสฺส อนาคเต ปวตฺติํ ญาตุกามตาย ปาทกชฺฌานาทีนมนนฺตรํ ญาณพลานุรูปํ อนาคเตสุ อเนกกเปฺปสุ อุปฺปชฺชนารเห ปุเพฺพ อตฺตภาวปริยาปเนฺน ปญฺจกฺขเนฺธ ตปฺปฎิพเทฺธ ตทารมฺมเณ จ สเพฺพ โลกิยโลกุตฺตรธเมฺม สมฺมุติญฺจ เอกกฺขเณ อาลมฺพิตฺวา อุปฺปชฺชนกสฺส จตุตฺถชฺฌานสมฺปยุตฺตสฺส อนาคตํสญอาณสฺสาปิ วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถีติ โยชนาฯ
Nerayikānaṃ aggijālasatthanipātādīhi vibhinnasarīravaṇṇaṃ disvā tadanantarehi kāmāvacarajavaneheva ñātaṃ tesaṃ dukkhānubhavanampi dassanaphalāyattatāya ‘‘dibbacakkhukiccamevā’’ti vuttaṃ. Evaṃ manasikarotīti tesaṃ kammassa ñātukāmatāvasena pādakajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya parikammavasena kinnu khotiādinā manasikaroti. Athassa taṃ kammaṃ ārammaṇaṃ katvā āvajjanaparikammādīnaṃ upari uppannena rūpāvacaracatutthajjhānena sampayuttaṃ yaṃ ñāṇaṃ uppajjati, idaṃ yathākammupagañāṇaṃ nāmāti yojanā. Devānaṃ dassanepi eseva nayo. Visuṃ parikammanti pubbenivāsādīnaṃ viya dibbacakkhuñāṇaparikammaṃ vinā visuṃ parikammaṃ natthi. Keci panettha ‘‘pādakajjhānasamāpajjanaparikammehi kiccaṃ natthi, kinnu kho kammantiādimanasikārānantarameva kammaṃ. Kammasīsena taṃsampayutte ca dhamme ārammaṇaṃ katvā appanāvīthi uppajjati. Evamanāgataṃsañāṇepi, teneva visuṃ parikammaṃ nāma natthi…pe… dibbacakkhunā saheva ijjhantīti vutta’’nti vadanti. Taṃ na gahetabbaṃ vasībhūtānampi abhiññānaṃ pādakajjhānādiparikammaṃ vinā anuppattito. Pādakajjhānādimattena ca visuṃ parikammaṃ nāma na hotīti dibbacakkhunāva etāni ñāṇāni siddhānīti gahetabbaṃ. Evaṃ anāgataṃsañāṇassāpīti dibbacakkhunā diṭṭhassa sattassa anāgate pavattiṃ ñātukāmatāya pādakajjhānādīnamanantaraṃ ñāṇabalānurūpaṃ anāgatesu anekakappesu uppajjanārahe pubbe attabhāvapariyāpanne pañcakkhandhe tappaṭibaddhe tadārammaṇe ca sabbe lokiyalokuttaradhamme sammutiñca ekakkhaṇe ālambitvā uppajjanakassa catutthajjhānasampayuttassa anāgataṃsañaāṇassāpi visuṃ parikammaṃ nāma natthīti yojanā.
เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติยํ วิย นามโคตฺตาทิคหณมฺปิ อเตฺถว, ตญฺจ น อภิญฺญากฺขเณ, อถ โข ตทนนฺตเรสุ กามาวจรชวนกฺขเณสุ เอว โหติ นามปริกปฺปกาเล อิตรปริกปฺปาสมฺภวา กเมฺมนุปฺปตฺติยญฺจ ปริยนฺตาภาวาฯ สพฺพปริกมฺมนิมิเตฺตสุ ปน ธเมฺมสุ อเตฺถสุปิ เอกกฺขเณ อภิญฺญาย ทิเฎฺฐสุ ยถารุจิวเสน ปจฺฉา เอวํนาโมติอาทินา กามาวจรจิเตฺตน วิกโปฺป อุปฺปชฺชติ จกฺขุนา ทิเฎฺฐสุ พหูสุ รูเปสุ ถมฺภกุมฺภาทิวิกโปฺป วิยฯ ยญฺจ กตฺถ อวิกปฺปิตํ, ตมฺปิ วิกปฺปนารหนฺติ สพฺพํ นามโคตฺตาทิโต วิกปฺปิตเมว โหติฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติยมฺปิ ปริกปฺปารหตมฺปิ สนฺธาย ปาฬิยํ เอวํนาโมติอาทินา อปเทสสหิตเมว วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ อเญฺญ ปน ‘‘นามโคตฺตาทิกํ สพฺพมฺปิ เอกกฺขเณ ปญฺญายติ, อภิรุจิตํ ปน วจสา โวหรนฺตี’’ติ วทนฺติ, เตปิ อตฺถโต ปุริเมหิ สทิสา เอว, ปุเพฺพ ทิฎฺฐสฺส ปุน โวหารกาเลปิ ปริกเปฺปตพฺพโต ปริกปฺปารหธมฺมทสฺสนเมว เตหิปิ อตฺถโต อุปคตํฯ เอเก ปน ‘‘โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติอาทิวจนโต กเมเนว อตีตานาคตธมฺมชานเนน นามโคตฺตาทีหิ สทฺธิํ คหณํ สุกร’’นฺติ วทนฺติ, ตํ อยุตฺตเมว พุทฺธานมฺปิ สพฺพํ ญาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สพฺพญฺญุตาหานิปฺปสงฺคโตฯ ปาฬิยํ อิเม วต โภโนฺตติอาทิ ยถากมฺมุปคญาณสฺส ปวตฺติอาการทสฺสนํฯ กายวาจาทิ เจตฺถ กายวจีวิญฺญตฺติโยฯ
Keci panettha ‘‘pubbenivāsānussatiyaṃ viya nāmagottādigahaṇampi attheva, tañca na abhiññākkhaṇe, atha kho tadanantaresu kāmāvacarajavanakkhaṇesu eva hoti nāmaparikappakāle itaraparikappāsambhavā kammenuppattiyañca pariyantābhāvā. Sabbaparikammanimittesu pana dhammesu atthesupi ekakkhaṇe abhiññāya diṭṭhesu yathārucivasena pacchā evaṃnāmotiādinā kāmāvacaracittena vikappo uppajjati cakkhunā diṭṭhesu bahūsu rūpesu thambhakumbhādivikappo viya. Yañca kattha avikappitaṃ, tampi vikappanārahanti sabbaṃ nāmagottādito vikappitameva hoti. Yathā cettha, evaṃ pubbenivāsānussatiyampi parikappārahatampi sandhāya pāḷiyaṃ evaṃnāmotiādinā apadesasahitameva vutta’’nti vadanti. Aññe pana ‘‘nāmagottādikaṃ sabbampi ekakkhaṇe paññāyati, abhirucitaṃ pana vacasā voharantī’’ti vadanti, tepi atthato purimehi sadisā eva, pubbe diṭṭhassa puna vohārakālepi parikappetabbato parikappārahadhammadassanameva tehipi atthato upagataṃ. Eke pana ‘‘so tato cuto amutra udapādintiādivacanato kameneva atītānāgatadhammajānanena nāmagottādīhi saddhiṃ gahaṇaṃ sukara’’nti vadanti, taṃ ayuttameva buddhānampi sabbaṃ ñātuṃ asakkuṇeyyatāya sabbaññutāhānippasaṅgato. Pāḷiyaṃ ime vata bhontotiādi yathākammupagañāṇassa pavattiākāradassanaṃ. Kāyavācādi cettha kāyavacīviññattiyo.
ภาริยนฺติ อานนฺตริยสทิสตฺตา วุตฺตํฯ ขมาปเน หิ อสติ อานนฺตริยเมวฯ ตสฺสาติ ภาริยสภาวสฺส อุปวาทสฺสฯ มหลฺลโกติ เกวลํ วยสาว มหลฺลโก, น ญาเณน, ‘‘นายํ กิญฺจิ โลกโวหารมตฺตมฺปิ ชานาติ, ปริสทูสโก เอว อมฺหากํ ลชฺชิตพฺพสฺส กรณโต’’ติ อธิปฺปาเยน หีเฬตฺวา วุตฺตตฺตา คุณปริธํสเนน อุปวทตีติ เวทิตพฺพํฯ อาวุโสติอาทินา เถโร อุปริมคฺคุปฺปตฺติมสฺส อากงฺขโนฺต กรุณาย อตฺตานมาวิกาสิฯ ปากติกํ อโหสีติ มคฺคาวรณํ นาโหสีติ อธิปฺปาโยฯ อตฺตนา วุฑฺฒตโรติ สยมฺปิ วุโฑฺฒฯ เอตฺถาปิ ‘‘อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา’’ติ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตํฯ อนาคามี อรหา จ อายติํ สํวรตฺถาย น ขเมยฺยุํ, เสสา โทเสนปีติ อาห ‘‘สเจ โส น ขมตี’’ติฯ
Bhāriyanti ānantariyasadisattā vuttaṃ. Khamāpane hi asati ānantariyameva. Tassāti bhāriyasabhāvassa upavādassa. Mahallakoti kevalaṃ vayasāva mahallako, na ñāṇena, ‘‘nāyaṃ kiñci lokavohāramattampi jānāti, parisadūsako eva amhākaṃ lajjitabbassa karaṇato’’ti adhippāyena hīḷetvā vuttattā guṇaparidhaṃsanena upavadatīti veditabbaṃ. Āvusotiādinā thero uparimagguppattimassa ākaṅkhanto karuṇāya attānamāvikāsi. Pākatikaṃ ahosīti maggāvaraṇaṃ nāhosīti adhippāyo. Attanā vuḍḍhataroti sayampi vuḍḍho. Etthāpi ‘‘ukkuṭikaṃ nisīditvā’’ti visuddhimagge vuttaṃ. Anāgāmī arahā ca āyatiṃ saṃvaratthāya na khameyyuṃ, sesā dosenapīti āha ‘‘sace so na khamatī’’ti.
เย จ…เป.… สมาทเปนฺติ, เตปิ มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานาติ โยเชตพฺพํฯ สีลสมฺปโนฺนติอาทีสุ นิปฺปริยายโต อคฺคมคฺคโฎฺฐ อธิเปฺปโต ตเสฺสว อญฺญาราธนา นิยมโต, เสสาปิ วา ปจฺฉิมภวิกา สีลาทีสุ ฐิตา เตสมฺปิ อญฺญุปฺปตฺตินิยมโตฯ อญฺญนฺติ อรหตฺตผลํฯ เอวํ สมฺปทนฺติ เอวํ นิพฺพตฺติกํฯ ยถา ตํ อวิรชฺฌนกนิพฺพตฺติกํ, เอวมิทมฺปิ เอตสฺส นิรเย นิพฺพตฺตนนฺติ อโตฺถฯ ยํ สนฺธาย ‘‘เอวํสมฺปทมิท’’นฺติ นิทฺทิฎฺฐํ, ตํ ทเสฺสตุํ ตํ วาจนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ วาจนฺติ อริยูปวาทํฯ จิตฺตนฺติ อริยูปวาทกจิตฺตํฯ ทิฎฺฐินฺติ อริยูปวาเท โทสาภาวทสฺสนทิฎฺฐิํฯ ‘‘สพฺพเมตํ ปชหิสฺสามี’’ติ จิเตฺตน อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาปนวเสน อปฺปหาย อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวาฯ ยถาภตํ นิกฺขิโตฺต เอวํ นิรเยติ ยถา นิรยปาเลหิ อาหริตฺวา นิรเย ฐปิโต, เอวํ นิรเย ฐปิโต เอว, อริยูปวาเทเนวสฺส อิทํ นิยเมน นิรเย นิพฺพตฺตนํ ยถา มเคฺคน ผลํ สมฺปชฺชติ, เอวํ สมฺปชฺชนกนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Ye ca…pe… samādapenti, tepi micchādiṭṭhikammasamādānāti yojetabbaṃ. Sīlasampannotiādīsu nippariyāyato aggamaggaṭṭho adhippeto tasseva aññārādhanā niyamato, sesāpi vā pacchimabhavikā sīlādīsu ṭhitā tesampi aññuppattiniyamato. Aññanti arahattaphalaṃ. Evaṃ sampadanti evaṃ nibbattikaṃ. Yathā taṃ avirajjhanakanibbattikaṃ, evamidampi etassa niraye nibbattananti attho. Yaṃ sandhāya ‘‘evaṃsampadamida’’nti niddiṭṭhaṃ, taṃ dassetuṃ taṃ vācantiādi vuttaṃ. Taṃ vācanti ariyūpavādaṃ. Cittanti ariyūpavādakacittaṃ. Diṭṭhinti ariyūpavāde dosābhāvadassanadiṭṭhiṃ. ‘‘Sabbametaṃ pajahissāmī’’ti cittena accayaṃ desetvā khamāpanavasena appahāya appaṭinissajjitvā. Yathābhataṃ nikkhitto evaṃ nirayeti yathā nirayapālehi āharitvā niraye ṭhapito, evaṃ niraye ṭhapito eva, ariyūpavādenevassa idaṃ niyamena niraye nibbattanaṃ yathā maggena phalaṃ sampajjati, evaṃ sampajjanakanti adhippāyo.
มิจฺฉาทิฎฺฐิ สพฺพปาปมูลตฺตา ปรมา ปธานา เยสํ วชฺชานํ ตานิ มิจฺฉาทิฎฺฐิปรมานิ วชฺชานิ, สพฺพวเชฺชหิ มิจฺฉาทิฎฺฐิเยว ปรมํ วชฺชนฺติ อโตฺถฯ อวีตราคสฺส มรณโต ปรํ นาม ภวนฺตรุปาทานเมวาติ อาห ‘‘ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ’’ติฯ เยน ติฎฺฐติ, ตสฺส อุปเจฺฉเทเนว กาโย ภิชฺชตีติ อาห ‘‘กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปเจฺฉทา’’ติฯ เอติ เอตสฺมา สุขนฺติ อโย, ปุญฺญํฯ อายสฺสาติ อาคมนสฺส, เหตุสฺส วาฯ อยติ อิฎฺฐารมฺมณาทีหิ ปวตฺตตีติ อาโย, อสฺสาโทฯ อสุรสทิสนฺติ เปตาสุรสทิสํฯ
Micchādiṭṭhi sabbapāpamūlattā paramā padhānā yesaṃ vajjānaṃ tāni micchādiṭṭhiparamāni vajjāni, sabbavajjehi micchādiṭṭhiyeva paramaṃ vajjanti attho. Avītarāgassa maraṇato paraṃ nāma bhavantarupādānamevāti āha ‘‘paraṃ maraṇāti tadanantaraṃ abhinibbattakkhandhaggahaṇe’’ti. Yena tiṭṭhati, tassa upacchedeneva kāyo bhijjatīti āha ‘‘kāyassa bhedāti jīvitindriyassupacchedā’’ti. Eti etasmā sukhanti ayo, puññaṃ. Āyassāti āgamanassa, hetussa vā. Ayati iṭṭhārammaṇādīhi pavattatīti āyo, assādo. Asurasadisanti petāsurasadisaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ทิพฺพจกฺขุญาณกถา • Dibbacakkhuñāṇakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
ทิพฺพจกฺขุญาณกถา • Dibbacakkhuñāṇakathā
๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ทิพฺพจกฺขุญาณกถาวณฺณนา • Dibbacakkhuñāṇakathāvaṇṇanā