Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๔. ทีฆนขสุตฺตํ

    4. Dīghanakhasuttaṃ

    ๒๐๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต สูกรขตายํฯ อถ โข ทีฆนโข ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ทีฆนโข ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหญฺหิ, โภ โคตม, เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’’ติฯ ‘‘ยาปิ โข เต เอสา, อคฺคิเวสฺสน, ทิฎฺฐิ – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ, เอสาปิ เต ทิฎฺฐิ นกฺขมตี’’ติ? ‘‘เอสา เจ 1 เม, โภ โคตม, ทิฎฺฐิ ขเมยฺย, ตํปสฺส ตาทิสเมว, ตํปสฺส ตาทิสเมวา’’ติฯ ‘‘อโต โข เต, อคฺคิเวสฺสน, พหู หิ พหุตรา โลกสฺมิํ เย เอวมาหํสุ – ‘ตํปสฺส ตาทิสเมว, ตํปสฺส ตาทิสเมวา’ติฯ เต ตเญฺจว ทิฎฺฐิํ นปฺปชหนฺติ อญฺญญฺจ ทิฎฺฐิํ อุปาทิยนฺติฯ อโต โข เต, อคฺคิเวสฺสน, ตนู หิ ตนุตรา โลกสฺมิํ เย เอวมาหํสุ – ‘ตํปสฺส ตาทิสเมว, ตํปสฺส ตาทิสเมวา’ติฯ เต ตเญฺจว ทิฎฺฐิํ ปชหนฺติ อญฺญญฺจ ทิฎฺฐิํ น อุปาทิยนฺติฯ สนฺตคฺคิเวสฺสน, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สพฺพํ เม ขมตี’ติ; สนฺตคฺคิเวสฺสน, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ; สนฺตคฺคิเวสฺสน , เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตี’ติฯ ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สพฺพํ เม ขมตี’ติ เตสมยํ ทิฎฺฐิ สาราคาย สนฺติเก, สโญฺญคาย สนฺติเก, อภินนฺทนาย สนฺติเก อโชฺฌสานาย สนฺติเก อุปาทานาย สนฺติเก; ตตฺรคฺคิเวสฺสน เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ เตสมยํ ทิฎฺฐิ อสาราคาย สนฺติเก, อสโญฺญคาย สนฺติเก, อนภินนฺทนาย สนฺติเก, อนโชฺฌสานาย สนฺติเก, อนุปาทานาย สนฺติเก’’ติฯ

    201. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati gijjhakūṭe pabbate sūkarakhatāyaṃ. Atha kho dīghanakho paribbājako yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho dīghanakho paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ahañhi, bho gotama, evaṃvādī evaṃdiṭṭhi – ‘sabbaṃ me nakkhamatī’’’ti. ‘‘Yāpi kho te esā, aggivessana, diṭṭhi – ‘sabbaṃ me nakkhamatī’ti, esāpi te diṭṭhi nakkhamatī’’ti? ‘‘Esā ce 2 me, bho gotama, diṭṭhi khameyya, taṃpassa tādisameva, taṃpassa tādisamevā’’ti. ‘‘Ato kho te, aggivessana, bahū hi bahutarā lokasmiṃ ye evamāhaṃsu – ‘taṃpassa tādisameva, taṃpassa tādisamevā’ti. Te tañceva diṭṭhiṃ nappajahanti aññañca diṭṭhiṃ upādiyanti. Ato kho te, aggivessana, tanū hi tanutarā lokasmiṃ ye evamāhaṃsu – ‘taṃpassa tādisameva, taṃpassa tādisamevā’ti. Te tañceva diṭṭhiṃ pajahanti aññañca diṭṭhiṃ na upādiyanti. Santaggivessana, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sabbaṃ me khamatī’ti; santaggivessana, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sabbaṃ me nakkhamatī’ti; santaggivessana , eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘ekaccaṃ me khamati, ekaccaṃ me nakkhamatī’ti. Tatraggivessana, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sabbaṃ me khamatī’ti tesamayaṃ diṭṭhi sārāgāya santike, saññogāya santike, abhinandanāya santike ajjhosānāya santike upādānāya santike; tatraggivessana ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sabbaṃ me nakkhamatī’ti tesamayaṃ diṭṭhi asārāgāya santike, asaññogāya santike, anabhinandanāya santike, anajjhosānāya santike, anupādānāya santike’’ti.

    ๒๐๒. เอวํ วุเตฺต, ทีฆนโข ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุกฺกํเสติ 3 เม ภวํ โคตโม ทิฎฺฐิคตํ, สมุกฺกํเสติ 4 เม ภวํ โคตโม ทิฎฺฐิคต’’นฺติฯ ‘‘ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตี’ติฯ ยา หิ เตสํ ขมติ สายํ ทิฎฺฐิ สาราคาย สนฺติเก, สโญฺญคาย สนฺติเก, อภินนฺทนาย สนฺติเก, อโชฺฌสานาย สนฺติเก, อุปาทานาย สนฺติเก; ยา หิ เตสํ นกฺขมติ สายํ ทิฎฺฐิ อสาราคาย สนฺติเก, อสโญฺญคาย สนฺติเก, อนภินนฺทนาย สนฺติเก, อนโชฺฌสานาย สนฺติเก, อนุปาทานาย สนฺติเกฯ ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สพฺพํ เม ขมตี’ติ ตตฺถ วิญฺญู ปุริโส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยา โข เม อยํ ทิฎฺฐิ – สพฺพํ เม ขมตีติ, อิมเญฺจ อหํ ทิฎฺฐิํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ; ทฺวีหิ เม อสฺส วิคฺคโห – โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ – สพฺพํ เม นกฺขมตีติ, โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ – เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตีติ – อิเมหิ อสฺส ทฺวีหิ วิคฺคโหฯ อิติ วิคฺคเห สติ วิวาโท, วิวาเท สติ วิฆาโต, วิฆาเต สติ วิเหสา’ฯ อิติ โส วิคฺคหญฺจ วิวาทญฺจ วิฆาตญฺจ วิเหสญฺจ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ตเญฺจว ทิฎฺฐิํ ปชหติ อญฺญญฺจ ทิฎฺฐิํ น อุปาทิยติฯ เอวเมตาสํ ทิฎฺฐีนํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ ทิฎฺฐีนํ ปฎินิสฺสโคฺค โหติฯ

    202. Evaṃ vutte, dīghanakho paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ukkaṃseti 5 me bhavaṃ gotamo diṭṭhigataṃ, samukkaṃseti 6 me bhavaṃ gotamo diṭṭhigata’’nti. ‘‘Tatraggivessana, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘ekaccaṃ me khamati, ekaccaṃ me nakkhamatī’ti. Yā hi tesaṃ khamati sāyaṃ diṭṭhi sārāgāya santike, saññogāya santike, abhinandanāya santike, ajjhosānāya santike, upādānāya santike; yā hi tesaṃ nakkhamati sāyaṃ diṭṭhi asārāgāya santike, asaññogāya santike, anabhinandanāya santike, anajjhosānāya santike, anupādānāya santike. Tatraggivessana, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sabbaṃ me khamatī’ti tattha viññū puriso iti paṭisañcikkhati – ‘yā kho me ayaṃ diṭṭhi – sabbaṃ me khamatīti, imañce ahaṃ diṭṭhiṃ thāmasā parāmāsā abhinivissa vohareyyaṃ – idameva saccaṃ moghamaññanti; dvīhi me assa viggaho – yo cāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃvādī evaṃdiṭṭhi – sabbaṃ me nakkhamatīti, yo cāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃvādī evaṃdiṭṭhi – ekaccaṃ me khamati, ekaccaṃ me nakkhamatīti – imehi assa dvīhi viggaho. Iti viggahe sati vivādo, vivāde sati vighāto, vighāte sati vihesā’. Iti so viggahañca vivādañca vighātañca vihesañca attani sampassamāno tañceva diṭṭhiṃ pajahati aññañca diṭṭhiṃ na upādiyati. Evametāsaṃ diṭṭhīnaṃ pahānaṃ hoti, evametāsaṃ diṭṭhīnaṃ paṭinissaggo hoti.

    ๒๐๓. ‘‘ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ ตตฺถ วิญฺญู ปุริโส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยา โข เม อยํ ทิฎฺฐิ – สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ, อิมเญฺจ อหํ ทิฎฺฐิํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ; ทฺวีหิ เม อสฺส วิคฺคโห – โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ – สพฺพํ เม ขมตีติ, โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ – เอกจฺจํ เม ขมติ เอกจฺจํ เม นกฺขมตีติ – อิเมหิ อสฺส ทฺวีหิ วิคฺคโหฯ อิติ วิคฺคเห สติ วิวาโท, วิวาเท สติ วิฆาโต, วิฆาเต สติ วิเหสา’ฯ อิติ โส วิคฺคหญฺจ วิวาทญฺจ วิฆาตญฺจ วิเหสญฺจ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ตเญฺจว ทิฎฺฐิํ ปชหติ อญฺญญฺจ ทิฎฺฐิํ น อุปาทิยติฯ เอวเมตาสํ ทิฎฺฐีนํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ ทิฎฺฐีนํ ปฎินิสฺสโคฺค โหติฯ

    203. ‘‘Tatraggivessana, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sabbaṃ me nakkhamatī’ti tattha viññū puriso iti paṭisañcikkhati – ‘yā kho me ayaṃ diṭṭhi – sabbaṃ me nakkhamatī’ti, imañce ahaṃ diṭṭhiṃ thāmasā parāmāsā abhinivissa vohareyyaṃ – idameva saccaṃ moghamaññanti; dvīhi me assa viggaho – yo cāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃvādī evaṃdiṭṭhi – sabbaṃ me khamatīti, yo cāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃvādī evaṃdiṭṭhi – ekaccaṃ me khamati ekaccaṃ me nakkhamatīti – imehi assa dvīhi viggaho. Iti viggahe sati vivādo, vivāde sati vighāto, vighāte sati vihesā’. Iti so viggahañca vivādañca vighātañca vihesañca attani sampassamāno tañceva diṭṭhiṃ pajahati aññañca diṭṭhiṃ na upādiyati. Evametāsaṃ diṭṭhīnaṃ pahānaṃ hoti, evametāsaṃ diṭṭhīnaṃ paṭinissaggo hoti.

    ๒๐๔. ‘‘ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตี’ติ ตตฺถ วิญฺญู ปุริโส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยา โข เม อยํ ทิฎฺฐิ – เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตีติ, อิมเญฺจ อหํ ทิฎฺฐิํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ; ทฺวีหิ เม อสฺส วิคฺคโห – โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ – สพฺพํ เม ขมตีติ, โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ – สพฺพํ เม นกฺขมตีติ – อิเมหิ อสฺส ทฺวีหิ วิคฺคโหฯ อิติ วิคฺคเห สติ วิวาโท, วิวาเท สติ วิฆาโต, วิฆาเต สติ วิเหสา’ฯ อิติ โส วิคฺคหญฺจ วิวาทญฺจ วิฆาตญฺจ วิเหสญฺจ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ตเญฺจว ทิฎฺฐิํ ปชหติ อญฺญญฺจ ทิฎฺฐิํ น อุปาทิยติฯ เอวเมตาสํ ทิฎฺฐีนํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ ทิฎฺฐีนํ ปฎินิสฺสโคฺค โหติฯ

    204. ‘‘Tatraggivessana, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘ekaccaṃ me khamati, ekaccaṃ me nakkhamatī’ti tattha viññū puriso iti paṭisañcikkhati – ‘yā kho me ayaṃ diṭṭhi – ekaccaṃ me khamati, ekaccaṃ me nakkhamatīti, imañce ahaṃ diṭṭhiṃ thāmasā parāmāsā abhinivissa vohareyyaṃ – idameva saccaṃ moghamaññanti; dvīhi me assa viggaho – yo cāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃvādī evaṃdiṭṭhi – sabbaṃ me khamatīti, yo cāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃvādī evaṃdiṭṭhi – sabbaṃ me nakkhamatīti – imehi assa dvīhi viggaho. Iti viggahe sati vivādo, vivāde sati vighāto, vighāte sati vihesā’. Iti so viggahañca vivādañca vighātañca vihesañca attani sampassamāno tañceva diṭṭhiṃ pajahati aññañca diṭṭhiṃ na upādiyati. Evametāsaṃ diṭṭhīnaṃ pahānaṃ hoti, evametāsaṃ diṭṭhīnaṃ paṭinissaggo hoti.

    ๒๐๕. ‘‘อยํ โข ปนคฺคิเวสฺสน, กาโย รูปี จาตุมหาภูติโก 7 มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสุปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธโมฺม, อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต สลฺลโต อฆโต อาพาธโต ปรโต ปโลกโต สุญฺญโต อนตฺตโต สมนุปสฺสิตโพฺพ ฯ ตสฺสิมํ กายํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต สลฺลโต อฆโต อาพาธโต ปรโต ปโลกโต สุญฺญโต อนตฺตโต สมนุปสฺสโต โย กายสฺมิํ กายฉโนฺท กายเสฺนโห กายนฺวยตา สา ปหียติฯ

    205. ‘‘Ayaṃ kho panaggivessana, kāyo rūpī cātumahābhūtiko 8 mātāpettikasambhavo odanakummāsupacayo aniccucchādanaparimaddanabhedanaviddhaṃsanadhammo, aniccato dukkhato rogato gaṇḍato sallato aghato ābādhato parato palokato suññato anattato samanupassitabbo . Tassimaṃ kāyaṃ aniccato dukkhato rogato gaṇḍato sallato aghato ābādhato parato palokato suññato anattato samanupassato yo kāyasmiṃ kāyachando kāyasneho kāyanvayatā sā pahīyati.

    ‘‘ติโสฺส โข อิมา, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนาฯ ยสฺมิํ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ , เนว ตสฺมิํ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ; สุขํเยว ตสฺมิํ สมเย เวทนํ เวเทติฯ ยสฺมิํ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมิํ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ; ทุกฺขํเยว ตสฺมิํ สมเย เวทนํ เวเทติฯ ยสฺมิํ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมิํ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ; อทุกฺขมสุขํเยว ตสฺมิํ สมเย เวทนํ เวเทติฯ สุขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา; ทุกฺขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา; อทุกฺขมสุขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมาฯ เอวํ ปสฺสํ, อคฺคิเวสฺสน, สุตวา อริยสาวโก สุขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, ทุกฺขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, อทุกฺขมสุขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ ; นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติฯ วิมุตฺตสฺมิํ, วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติฯ เอํ วิมุตฺตจิโตฺต โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ น เกนจิ สํวทติ, น เกนจิ วิวทติ, ยญฺจ โลเก วุตฺตํ เตน โวหรติ, อปรามส’’นฺติฯ

    ‘‘Tisso kho imā, aggivessana, vedanā – sukhā vedanā, dukkhā vedanā, adukkhamasukhā vedanā. Yasmiṃ, aggivessana, samaye sukhaṃ vedanaṃ vedeti , neva tasmiṃ samaye dukkhaṃ vedanaṃ vedeti, na adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedeti; sukhaṃyeva tasmiṃ samaye vedanaṃ vedeti. Yasmiṃ, aggivessana, samaye dukkhaṃ vedanaṃ vedeti, neva tasmiṃ samaye sukhaṃ vedanaṃ vedeti, na adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedeti; dukkhaṃyeva tasmiṃ samaye vedanaṃ vedeti. Yasmiṃ, aggivessana, samaye adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedeti, neva tasmiṃ samaye sukhaṃ vedanaṃ vedeti, na dukkhaṃ vedanaṃ vedeti; adukkhamasukhaṃyeva tasmiṃ samaye vedanaṃ vedeti. Sukhāpi kho, aggivessana, vedanā aniccā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā; dukkhāpi kho, aggivessana, vedanā aniccā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā; adukkhamasukhāpi kho, aggivessana, vedanā aniccā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā. Evaṃ passaṃ, aggivessana, sutavā ariyasāvako sukhāyapi vedanāya nibbindati, dukkhāyapi vedanāya nibbindati, adukkhamasukhāyapi vedanāya nibbindati ; nibbindaṃ virajjati, virāgā vimuccati. Vimuttasmiṃ, vimuttamiti ñāṇaṃ hoti. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānāti. Eṃ vimuttacitto kho, aggivessana, bhikkhu na kenaci saṃvadati, na kenaci vivadati, yañca loke vuttaṃ tena voharati, aparāmasa’’nti.

    ๒๐๖. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควโต ปิฎฺฐิโต ฐิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโน 9ฯ อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เตสํ เตสํ กิร โน ภควา ธมฺมานํ อภิญฺญา ปหานมาห, เตสํ เตสํ กิร โน สุคโต ธมฺมานํ อภิญฺญา ปฎินิสฺสคฺคมาหา’’ติฯ อิติ หิทํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปฎิสญฺจิกฺขโต อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิฯ ทีฆนขสฺส ปน ปริพฺพาชกสฺส วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติฯ อถ โข ทีฆนโข ปริพฺพาชโก ทิฎฺฐธโมฺม ปตฺตธโมฺม วิทิตธโมฺม ปริโยคาฬฺหธโมฺม ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปโตฺต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมว โข โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ

    206. Tena kho pana samayena āyasmā sāriputto bhagavato piṭṭhito ṭhito hoti bhagavantaṃ bījayamāno 10. Atha kho āyasmato sāriputtassa etadahosi – ‘‘tesaṃ tesaṃ kira no bhagavā dhammānaṃ abhiññā pahānamāha, tesaṃ tesaṃ kira no sugato dhammānaṃ abhiññā paṭinissaggamāhā’’ti. Iti hidaṃ āyasmato sāriputtassa paṭisañcikkhato anupādāya āsavehi cittaṃ vimucci. Dīghanakhassa pana paribbājakassa virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – ‘‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti. Atha kho dīghanakho paribbājako diṭṭhadhammo pattadhammo viditadhammo pariyogāḷhadhammo tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho vesārajjappatto aparappaccayo satthusāsane bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – cakkhumanto rūpāni dakkhantīti – evameva kho bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.

    ทีฆนขสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ

    Dīghanakhasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. เอสาปิ (ก.)
    2. esāpi (ka.)
    3. อุกฺกํสติ (สี. ปี. ก.)
    4. สมฺปหํสติ (ก.)
    5. ukkaṃsati (sī. pī. ka.)
    6. sampahaṃsati (ka.)
    7. จาตุมฺมหาภูติโก (สี. สฺยา.)
    8. cātummahābhūtiko (sī. syā.)
    9. วีชยมาโน (สี. ปี.)
    10. vījayamāno (sī. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. ทีฆนขสุตฺตวณฺณนา • 4. Dīghanakhasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. ทีฆนขสุตฺตวณฺณนา • 4. Dīghanakhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact