Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๓. ทีฆาวุอุปาสกสุตฺตํ

    3. Dīghāvuupāsakasuttaṃ

    ๙๙๙. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน ทีฆาวุ อุปาสโก อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ อถ โข ทีฆาวุ อุปาสโก ปิตรํ โชติกํ คหปติํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, คหปติ, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺท – ‘ทีฆาวุ, ภเนฺต , อุปาสโก อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติฯ เอวญฺจ วเทหิ – ‘สาธุ กิร, ภเนฺต, ภควา เยน ทีฆาวุสฺส อุปาสกสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ตาตา’’ติ โข โชติโก คหปติ ทีฆาวุสฺส อุปาสกสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โชติโก คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆาวุ, ภเนฺต, อุปาสโก อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน ฯ โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติฯ เอวญฺจ วเทติ – ‘สาธุ กิร, ภเนฺต, ภควา เยน ทีฆาวุสฺส อุปาสกสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ

    999. Ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena kho pana samayena dīghāvu upāsako ābādhiko hoti dukkhito bāḷhagilāno. Atha kho dīghāvu upāsako pitaraṃ jotikaṃ gahapatiṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, gahapati, yena bhagavā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena bhagavato pāde sirasā vanda – ‘dīghāvu, bhante , upāsako ābādhiko hoti dukkhito bāḷhagilāno. So bhagavato pāde sirasā vandatī’ti. Evañca vadehi – ‘sādhu kira, bhante, bhagavā yena dīghāvussa upāsakassa nivesanaṃ tenupasaṅkamatu anukampaṃ upādāyā’’’ti. ‘‘Evaṃ, tātā’’ti kho jotiko gahapati dīghāvussa upāsakassa paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho jotiko gahapati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘dīghāvu, bhante, upāsako ābādhiko hoti dukkhito bāḷhagilāno . So bhagavato pāde sirasā vandati. Evañca vadeti – ‘sādhu kira, bhante, bhagavā yena dīghāvussa upāsakassa nivesanaṃ tenupasaṅkamatu anukampaṃ upādāyā’’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.

    อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ทีฆาวุสฺส อุปาสกสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ทีฆาวุํ อุปาสกํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ เต, ทีฆาวุ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ? กจฺจิ ทุกฺขา เวทนา ปฎิกฺกมนฺติ, โน อภิกฺกมนฺติ; ปฎิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน อภิกฺกโม’’ติ? ‘‘น เม, ภเนฺต, ขมนียํ, น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฎิกฺกมนฺติ; อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฎิกฺกโม’’ติฯ ‘‘ตสฺมาติห เต, ทีฆาวุ, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต ภวิสฺสามิ – อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาติฯ ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ…เป.… อริยกเนฺตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต ภวิสฺสามิ อขเณฺฑหิ…เป.… สมาธิสํวตฺตนิเกหิ’ฯ เอวญฺหิ เต, ทีฆาวุ, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ

    Atha kho bhagavā nivāsetvā pattacīvaramādāya yena dīghāvussa upāsakassa nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā dīghāvuṃ upāsakaṃ etadavoca – ‘‘kacci te, dīghāvu, khamanīyaṃ, kacci yāpanīyaṃ? Kacci dukkhā vedanā paṭikkamanti, no abhikkamanti; paṭikkamosānaṃ paññāyati, no abhikkamo’’ti? ‘‘Na me, bhante, khamanīyaṃ, na yāpanīyaṃ. Bāḷhā me dukkhā vedanā abhikkamanti, no paṭikkamanti; abhikkamosānaṃ paññāyati, no paṭikkamo’’ti. ‘‘Tasmātiha te, dīghāvu, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘buddhe aveccappasādena samannāgato bhavissāmi – itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavāti. Dhamme…pe… saṅghe…pe… ariyakantehi sīlehi samannāgato bhavissāmi akhaṇḍehi…pe… samādhisaṃvattanikehi’. Evañhi te, dīghāvu, sikkhitabba’’nti.

    ‘‘ยานิมานิ, ภเนฺต, ภควตา จตฺตาริ โสตาปตฺติยงฺคานิ เทสิตานิ, สํวิชฺชเนฺต เต ธมฺมา มยิ, อหญฺจ เตสุ ธเมฺมสุ สนฺทิสฺสามิฯ อหญฺหิ, ภเนฺต, พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต – อิติปิ โส ภควา…เป.… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาติฯ ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ…เป.… อริยกเนฺตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต อขเณฺฑหิ…เป.… สมาธิสํวตฺตนิเกหี’’ติ ฯ ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ทีฆาวุ, อิเมสุ จตูสุ โสตาปตฺติยเงฺคสุ ปติฎฺฐาย ฉ วิชฺชาภาคิเย ธเมฺม อุตฺตริ ภาเวยฺยาสิฯ อิธ ตฺวํ, ทีฆาวุ, สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหราหิ, อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญี, ทุเกฺข อนตฺตสญฺญี ปหานสญฺญี วิราคสญฺญี นิโรธสญฺญีติฯ เอวญฺหิ เต, ทีฆาวุ, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ

    ‘‘Yānimāni, bhante, bhagavatā cattāri sotāpattiyaṅgāni desitāni, saṃvijjante te dhammā mayi, ahañca tesu dhammesu sandissāmi. Ahañhi, bhante, buddhe aveccappasādena samannāgato – itipi so bhagavā…pe… satthā devamanussānaṃ buddho bhagavāti. Dhamme…pe… saṅghe…pe… ariyakantehi sīlehi samannāgato akhaṇḍehi…pe… samādhisaṃvattanikehī’’ti . ‘‘Tasmātiha tvaṃ, dīghāvu, imesu catūsu sotāpattiyaṅgesu patiṭṭhāya cha vijjābhāgiye dhamme uttari bhāveyyāsi. Idha tvaṃ, dīghāvu, sabbasaṅkhāresu aniccānupassī viharāhi, anicce dukkhasaññī, dukkhe anattasaññī pahānasaññī virāgasaññī nirodhasaññīti. Evañhi te, dīghāvu, sikkhitabba’’nti.

    ‘‘เยเม, ภเนฺต, ภควตา ฉ วิชฺชาภาคิยา ธมฺมา เทสิตา, สํวิชฺชเนฺต เต ธมฺมา มยิ, อหญฺจ เตสุ ธเมฺมสุ สนฺทิสฺสามิฯ อหญฺหิ, ภเนฺต, สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรามิ, อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญี, ทุเกฺข อนตฺตสญฺญี ปหานสญฺญี วิราคสญฺญี นิโรธสญฺญีฯ อปิ จ เม, ภเนฺต, เอวํ โหติ – ‘มา เหวายํ โชติโก คหปติ มมจฺจเยน วิฆาตํ อาปชฺชี’’’ติ 1ฯ ‘‘มา ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, เอวํ มนสากาสิฯ อิงฺฆ ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ยเทว เต ภควา อาห, ตเทว ตฺวํ สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติฯ

    ‘‘Yeme, bhante, bhagavatā cha vijjābhāgiyā dhammā desitā, saṃvijjante te dhammā mayi, ahañca tesu dhammesu sandissāmi. Ahañhi, bhante, sabbasaṅkhāresu aniccānupassī viharāmi, anicce dukkhasaññī, dukkhe anattasaññī pahānasaññī virāgasaññī nirodhasaññī. Api ca me, bhante, evaṃ hoti – ‘mā hevāyaṃ jotiko gahapati mamaccayena vighātaṃ āpajjī’’’ti 2. ‘‘Mā tvaṃ, tāta dīghāvu, evaṃ manasākāsi. Iṅgha tvaṃ, tāta dīghāvu, yadeva te bhagavā āha, tadeva tvaṃ sādhukaṃ manasi karohī’’ti.

    อถ โข ภควา ทีฆาวุํ อุปาสกํ อิมินา โอวาเทน โอวทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ อถ โข ทีฆาวุ อุปาสโก อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต กาลมกาสิฯ อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘โย โส, ภเนฺต, ทีฆาวุ นาม อุปาสโก ภควตา สํขิเตฺตน โอวาเทน โอวทิโต โส กาลงฺกโตฯ ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ อุปาสโก, ปจฺจปาทิ 3 ธมฺมสฺสานุธมฺมํ, น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ 4 วิเหเสสิ 5ฯ ทีฆาวุ, ภิกฺขเว, อุปาสโก ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกา’’ติฯ ตติยํฯ

    Atha kho bhagavā dīghāvuṃ upāsakaṃ iminā ovādena ovaditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Atha kho dīghāvu upāsako acirapakkantassa bhagavato kālamakāsi. Atha kho sambahulā bhikkhū yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘yo so, bhante, dīghāvu nāma upāsako bhagavatā saṃkhittena ovādena ovadito so kālaṅkato. Tassa kā gati, ko abhisamparāyo’’ti? ‘‘Paṇḍito, bhikkhave, dīghāvu upāsako, paccapādi 6 dhammassānudhammaṃ, na ca maṃ dhammādhikaraṇaṃ 7 vihesesi 8. Dīghāvu, bhikkhave, upāsako pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā’’ti. Tatiyaṃ.







    Footnotes:
    1. อาปชฺชติ (ก.)
    2. āpajjati (ka.)
    3. อโหสิ สจฺจวาที (สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    4. น จ ธมฺมาธิกรณํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    5. วิเหเฐสิ (อิติปิ อญฺญตฺถ)
    6. ahosi saccavādī (syā. kaṃ. pī. ka.)
    7. na ca dhammādhikaraṇaṃ (syā. kaṃ. pī. ka.)
    8. viheṭhesi (itipi aññattha)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ทีฆาวุอุปาสกสุตฺตวณฺณนา • 3. Dīghāvuupāsakasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓. ทีฆาวุอุปาสกสุตฺตวณฺณนา • 3. Dīghāvuupāsakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact