Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi

    ๒๗๒. ทีฆาวุวตฺถุ

    272. Dīghāvuvatthu

    ๔๕๘. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ 1 พฺรหฺมทโตฺต นาม กาสิราชา อโหสิ อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค มหพฺพโล มหาวาหโน มหาวิชิโต ปริปุณฺณโกสโกฎฺฐาคาโรฯ ทีฆีติ นาม โกสลราชา อโหสิ ทลิโทฺท อปฺปธโน อปฺปโภโค อปฺปพโล อปฺปวาหโน อปฺปวิชิโต อปริปุณฺณโกสโกฎฺฐาคาโรฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ทีฆีติํ โกสลราชานํ อพฺภุยฺยาสิฯ อโสฺสสิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา – ‘‘พฺรหฺมทโตฺต กิร กาสิราชา จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มมํ อพฺภุยฺยาโต’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ เอตทโหสิ – ‘‘พฺรหฺมทโตฺต โข กาสิราชา อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค มหพฺพโล มหาวาหโน มหาวิชิโต ปริปุณฺณโกสโกฎฺฐาคาโร, อหํ ปนมฺหิ ทลิโทฺท อปฺปธโน อปฺปโภโค อปฺปพโล อปฺปวาหโน อปฺปวิชิโต อปริปุณฺณโกสโกฎฺฐาคาโร, นาหํ ปฎิพโล พฺรหฺมทเตฺตน กาสิรญฺญา เอกสงฺฆาตมฺปิ สหิตุํฯ ยํนูนาหํ ปฎิกเจฺจว นครมฺหา นิปฺปเตยฺย’’นฺติฯ

    458. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhūtapubbaṃ, bhikkhave, bārāṇasiyaṃ 2 brahmadatto nāma kāsirājā ahosi aḍḍho mahaddhano mahābhogo mahabbalo mahāvāhano mahāvijito paripuṇṇakosakoṭṭhāgāro. Dīghīti nāma kosalarājā ahosi daliddo appadhano appabhogo appabalo appavāhano appavijito aparipuṇṇakosakoṭṭhāgāro. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā caturaṅginiṃ senaṃ sannayhitvā dīghītiṃ kosalarājānaṃ abbhuyyāsi. Assosi kho, bhikkhave, dīghīti kosalarājā – ‘‘brahmadatto kira kāsirājā caturaṅginiṃ senaṃ sannayhitvā mamaṃ abbhuyyāto’’ti. Atha kho, bhikkhave, dīghītissa kosalarañño etadahosi – ‘‘brahmadatto kho kāsirājā aḍḍho mahaddhano mahābhogo mahabbalo mahāvāhano mahāvijito paripuṇṇakosakoṭṭhāgāro, ahaṃ panamhi daliddo appadhano appabhogo appabalo appavāhano appavijito aparipuṇṇakosakoṭṭhāgāro, nāhaṃ paṭibalo brahmadattena kāsiraññā ekasaṅghātampi sahituṃ. Yaṃnūnāhaṃ paṭikacceva nagaramhā nippateyya’’nti.

    อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา มเหสิํ อาทาย ปฎิกเจฺจว นครมฺหา นิปฺปติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ พลญฺจ วาหนญฺจ ชนปทญฺจ โกสญฺจ โกฎฺฐาคารญฺจ อภิวิชิย อชฺฌาวสติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา สปชาปติโก เยน วาราณสี เตน ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน เยน พาราณสี ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา สปชาปติโก พาราณสิยํ อญฺญตรสฺมิํ ปจฺจนฺติเม โอกาเส กุมฺภการนิเวสเน อญฺญาตกเวเสน ปริพฺพาชกจฺฉเนฺนน ปฎิวสติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ มเหสี นจิรเสฺสว คพฺภินี อโหสิฯ ตสฺสา เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปโนฺน โหติ – ‘‘อิจฺฉติ สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ สุภูเม ฐิตํ ปสฺสิตุํ , ขคฺคานญฺจ โธวนํ ปาตุํ’’ฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ มเหสี ทีฆีติํ โกสลราชานํ เอตทโวจ – ‘‘คพฺภินีมฺหิ, เทวฯ ตสฺสา เม เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปโนฺน – อิจฺฉามิ สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ 3 สุภูเม ฐิตํ ปสฺสิตุํ, ขคฺคานญฺจ โธวนํ ปาตุ’’นฺติฯ ‘‘กุโต, เทวิ, อมฺหากํ ทุคฺคตานํ จตุรงฺคินี เสนา สนฺนทฺธา วมฺมิกา สุภูเม ฐิตา, ขคฺคานญฺจ โธวนํ ปาตุ’’นฺติ 4 ‘‘สจาหํ, เทว, น ลภิสฺสามิ, มริสฺสามี’’ติฯ

    Atha kho, bhikkhave, dīghīti kosalarājā mahesiṃ ādāya paṭikacceva nagaramhā nippati. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dīghītissa kosalarañño balañca vāhanañca janapadañca kosañca koṭṭhāgārañca abhivijiya ajjhāvasati. Atha kho, bhikkhave, dīghīti kosalarājā sapajāpatiko yena vārāṇasī tena pakkāmi. Anupubbena yena bārāṇasī tadavasari. Tatra sudaṃ, bhikkhave, dīghīti kosalarājā sapajāpatiko bārāṇasiyaṃ aññatarasmiṃ paccantime okāse kumbhakāranivesane aññātakavesena paribbājakacchannena paṭivasati. Atha kho, bhikkhave, dīghītissa kosalarañño mahesī nacirasseva gabbhinī ahosi. Tassā evarūpo dohaḷo uppanno hoti – ‘‘icchati sūriyassa uggamanakāle caturaṅginiṃ senaṃ sannaddhaṃ vammikaṃ subhūme ṭhitaṃ passituṃ , khaggānañca dhovanaṃ pātuṃ’’. Atha kho, bhikkhave, dīghītissa kosalarañño mahesī dīghītiṃ kosalarājānaṃ etadavoca – ‘‘gabbhinīmhi, deva. Tassā me evarūpo dohaḷo uppanno – icchāmi sūriyassa uggamanakāle caturaṅginiṃ senaṃ sannaddhaṃ vammikaṃ 5 subhūme ṭhitaṃ passituṃ, khaggānañca dhovanaṃ pātu’’nti. ‘‘Kuto, devi, amhākaṃ duggatānaṃ caturaṅginī senā sannaddhā vammikā subhūme ṭhitā, khaggānañca dhovanaṃ pātu’’nti 6 ‘‘sacāhaṃ, deva, na labhissāmi, marissāmī’’ti.

    ๔๕๙. เตน โข ปน สมเยน, พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ สหาโย โหติ ฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา เยน พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปุโรหิตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘สขี เต, สมฺม, คพฺภินีฯ ตสฺสา เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปโนฺน – อิจฺฉติ สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ สุภูเม ฐิตํ ปสฺสิตุํ, ขคฺคานญฺจ โธวนํ ปาตุ’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, มยมฺปิ เทวิํ ปสฺสามา’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ มเหสี เยน พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ มเหสิํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺติํ, ทิสฺวาน อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ มเหสี เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘โกสลราชา วต โภ กุจฺฉิคโต, โกสลราชา วต โภ กุจฺฉิคโต’’ติฯ อตฺตมนา 7, เทวิ, โหหิฯ ลจฺฉสิ สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ สุภูเม ฐิตํ ปสฺสิตุํ, ขคฺคานญฺจ โธวนํ ปาตุนฺติฯ

    459. Tena kho pana samayena, brahmadattassa kāsirañño purohito brāhmaṇo dīghītissa kosalarañño sahāyo hoti . Atha kho, bhikkhave, dīghīti kosalarājā yena brahmadattassa kāsirañño purohito brāhmaṇo tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā brahmadattassa kāsirañño purohitaṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘‘sakhī te, samma, gabbhinī. Tassā evarūpo dohaḷo uppanno – icchati sūriyassa uggamanakāle caturaṅginiṃ senaṃ sannaddhaṃ vammikaṃ subhūme ṭhitaṃ passituṃ, khaggānañca dhovanaṃ pātu’’nti. ‘‘Tena hi, deva, mayampi deviṃ passāmā’’ti. Atha kho, bhikkhave, dīghītissa kosalarañño mahesī yena brahmadattassa kāsirañño purohito brāhmaṇo tenupasaṅkami. Addasā kho, bhikkhave, brahmadattassa kāsirañño purohito brāhmaṇo dīghītissa kosalarañño mahesiṃ dūratova āgacchantiṃ, disvāna uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena dīghītissa kosalarañño mahesī tenañjaliṃ paṇāmetvā tikkhattuṃ udānaṃ udānesi – ‘‘kosalarājā vata bho kucchigato, kosalarājā vata bho kucchigato’’ti. Attamanā 8, devi, hohi. Lacchasi sūriyassa uggamanakāle caturaṅginiṃ senaṃ sannaddhaṃ vammikaṃ subhūme ṭhitaṃ passituṃ, khaggānañca dhovanaṃ pātunti.

    อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ เยน พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ตถา, เทว, นิมิตฺตานิ ทิสฺสนฺติ, เสฺว สูริยุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินี เสนา สนฺนทฺธา วมฺมิกา สุภูเม ติฎฺฐตุ, ขคฺคา จ โธวิยนฺตู’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา มนุเสฺส อาณาเปสิ – ‘‘ยถา, ภเณ, ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ อาห ตถา กโรถา’’ติฯ อลภิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ มเหสี สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ สุภูเม ฐิตํ ปสฺสิตุํ, ขคฺคานญฺจ โธวนํ ปาตุํฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ มเหสี ตสฺส คพฺภสฺส ปริปากมนฺวาย ปุตฺตํ วิชายิฯ ตสฺส ทีฆาวูติ นามํ อกํสุฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร นจิรเสฺสว วิญฺญุตํ ปาปุณิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโก, อิมินา อมฺหากํ พลญฺจ วาหนญฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฎฺฐาคารญฺจ อจฺฉินฺนํ, สจายํ อเมฺห ชานิสฺสติ, สเพฺพว ตโย ฆาตาเปสฺสติ, ยํนูนาหํ ทีฆาวุํ กุมารํ พหินคเร วาเสยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขเว ทีฆีติ โกสลราชา ทีฆาวุํ กุมารํ พหินคเร วาเสสิฯ อถ โข ภิกฺขเว ทีฆาวุ กุมาโร พหินคเร ปฎิวสโนฺต นจิรเสฺสว สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขิฯ

    Atha kho, bhikkhave, brahmadattassa kāsirañño purohito brāhmaṇo yena brahmadatto kāsirājā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā brahmadattaṃ kāsirājānaṃ etadavoca – ‘‘tathā, deva, nimittāni dissanti, sve sūriyuggamanakāle caturaṅginī senā sannaddhā vammikā subhūme tiṭṭhatu, khaggā ca dhoviyantū’’ti. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā manusse āṇāpesi – ‘‘yathā, bhaṇe, purohito brāhmaṇo āha tathā karothā’’ti. Alabhi kho, bhikkhave, dīghītissa kosalarañño mahesī sūriyassa uggamanakāle caturaṅginiṃ senaṃ sannaddhaṃ vammikaṃ subhūme ṭhitaṃ passituṃ, khaggānañca dhovanaṃ pātuṃ. Atha kho, bhikkhave, dīghītissa kosalarañño mahesī tassa gabbhassa paripākamanvāya puttaṃ vijāyi. Tassa dīghāvūti nāmaṃ akaṃsu. Atha kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro nacirasseva viññutaṃ pāpuṇi. Atha kho, bhikkhave, dīghītissa kosalarañño etadahosi – ‘‘ayaṃ kho brahmadatto kāsirājā bahuno amhākaṃ anatthassa kārako, iminā amhākaṃ balañca vāhanañca janapado ca koso ca koṭṭhāgārañca acchinnaṃ, sacāyaṃ amhe jānissati, sabbeva tayo ghātāpessati, yaṃnūnāhaṃ dīghāvuṃ kumāraṃ bahinagare vāseyya’’nti. Atha kho bhikkhave dīghīti kosalarājā dīghāvuṃ kumāraṃ bahinagare vāsesi. Atha kho bhikkhave dīghāvu kumāro bahinagare paṭivasanto nacirasseva sabbasippāni sikkhi.

    ๔๖๐. เตน โข ปน สมเยน ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ กปฺปโก พฺรหฺมทเตฺต กาสิรเญฺญ ปฎิวสติฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ กปฺปโก ทีฆีติํ โกสลราชานํ สปชาปติกํ พาราณสิยํ อญฺญตรสฺมิํ ปจฺจนฺติเม โอกาเส กุมฺภการนิเวสเน อญฺญาตกเวเสน ปริพฺพาชกจฺฉเนฺนน ปฎิวสนฺตํ, ทิสฺวาน เยน พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆีติ, เทว, โกสลราชา สปชาปติโก พาราณสิยํ อญฺญตรสฺมิํ ปจฺจนฺติเม โอกาเส กุมฺภการนิเวสเน อญฺญาตกเวเสน ปริพฺพาชกจฺฉเนฺนน ปฎิวสตี’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา มนุเสฺส อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, ภเณ, ทีฆีติํ โกสลราชานํ สปชาปติกํ อาเนถา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา ทีฆีติํ โกสลราชานํ สปชาปติกํ อาเนสุํฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา มนุเสฺส อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, ภเณ, ทีฆีติํ โกสลราชานํ สปชาปติกํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส จตุธา ฉินฺทิตฺวา จตุทฺทิสา พิลานิ นิกฺขิปถา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา ทีฆีติํ โกสลราชานํ สปชาปติกํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ ปริเนนฺติฯ

    460. Tena kho pana samayena dīghītissa kosalarañño kappako brahmadatte kāsiraññe paṭivasati. Addasā kho, bhikkhave, dīghītissa kosalarañño kappako dīghītiṃ kosalarājānaṃ sapajāpatikaṃ bārāṇasiyaṃ aññatarasmiṃ paccantime okāse kumbhakāranivesane aññātakavesena paribbājakacchannena paṭivasantaṃ, disvāna yena brahmadatto kāsirājā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā brahmadattaṃ kāsirājānaṃ etadavoca – ‘‘dīghīti, deva, kosalarājā sapajāpatiko bārāṇasiyaṃ aññatarasmiṃ paccantime okāse kumbhakāranivesane aññātakavesena paribbājakacchannena paṭivasatī’’ti. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā manusse āṇāpesi – ‘‘tena hi, bhaṇe, dīghītiṃ kosalarājānaṃ sapajāpatikaṃ ānethā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bhikkhave, te manussā brahmadattassa kāsirañño paṭissutvā dīghītiṃ kosalarājānaṃ sapajāpatikaṃ ānesuṃ. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā manusse āṇāpesi – ‘‘tena hi, bhaṇe, dīghītiṃ kosalarājānaṃ sapajāpatikaṃ daḷhāya rajjuyā pacchābāhaṃ gāḷhabandhanaṃ bandhitvā khuramuṇḍaṃ karitvā kharassarena paṇavena rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ parinetvā dakkhiṇena dvārena nikkhāmetvā dakkhiṇato nagarassa catudhā chinditvā catuddisā bilāni nikkhipathā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bhikkhave, te manussā brahmadattassa kāsirañño paṭissutvā dīghītiṃ kosalarājānaṃ sapajāpatikaṃ daḷhāya rajjuyā pacchābāhaṃ gāḷhabandhanaṃ bandhitvā khuramuṇḍaṃ karitvā kharassarena paṇavena rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ parinenti.

    อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘จิรํทิฎฺฐา โข เม มาตาปิตโรฯ ยํนูนาหํ มาตาปิตโร ปเสฺสยฺย’’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พาราณสิํ ปวิสิตฺวา อทฺทส มาตาปิตโร ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ ปริเนเนฺต, ทิสฺวาน เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา ทีฆาวุํ กุมารํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํฯ น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา ทีฆีติํ โกสลราชานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุมฺมตฺตโก อยํ ทีฆีติ โกสลราชา วิปฺปลปติฯ โก อิมสฺส ทีฆาวุ? กํ อยํ เอวมาห – ‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํฯ น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติฯ ‘‘นาหํ, ภเณ, อุมฺมตฺตโก วิปฺปลปามิ, อปิ จ โย วิญฺญู โส วิภาเวสฺสตี’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว…เป.… ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํฯ น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติฯ ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา ทีฆีติํ โกสลราชานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุมฺมตฺตโก อยํ ทีฆีติ โกสลราชา วิปฺปลปติฯ โก อิมสฺส ทีฆาวุ ? กํ อยํ เอวมาห – มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํฯ น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติฯ ‘‘นาหํ, ภเณ, อุมฺมตฺตโก วิปฺปลปามิ, อปิ จ โย วิญฺญู โส วิภาเวสฺสตี’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา ทีฆีติํ โกสลราชานํ สปชาปติกํ รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส จตุธา ฉินฺทิตฺวา จตุทฺทิสา พิลานิ นิกฺขิปิตฺวา คุมฺพํ ฐเปตฺวา ปกฺกมิํสุฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พาราณสิํ ปวิสิตฺวา สุรํ นีหริตฺวา คุมฺพิเย ปาเยสิฯ ยทา เต มตฺตา อเหสุํ ปติตา, อถ กฎฺฐานิ สํกฑฺฒิตฺวา จิตกํ กริตฺวา มาตาปิตูนํ สรีรํ จิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคิํ ทตฺวา ปญฺชลิโก ติกฺขตฺตุํ จิตกํ ปทกฺขิณํ อกาสิฯ

    Atha kho, bhikkhave, dīghāvussa kumārassa etadahosi – ‘‘ciraṃdiṭṭhā kho me mātāpitaro. Yaṃnūnāhaṃ mātāpitaro passeyya’’nti. Atha kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro bārāṇasiṃ pavisitvā addasa mātāpitaro daḷhāya rajjuyā pacchābāhaṃ gāḷhabandhanaṃ bandhitvā khuramuṇḍaṃ karitvā kharassarena paṇavena rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ parinente, disvāna yena mātāpitaro tenupasaṅkami. Addasā kho, bhikkhave, dīghīti kosalarājā dīghāvuṃ kumāraṃ dūratova āgacchantaṃ; disvāna dīghāvuṃ kumāraṃ etadavoca – ‘‘mā kho tvaṃ, tāta dīghāvu, dīghaṃ passa, mā rassaṃ. Na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti; averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’’ti. Evaṃ vutte, bhikkhave, te manussā dīghītiṃ kosalarājānaṃ etadavocuṃ – ‘‘ummattako ayaṃ dīghīti kosalarājā vippalapati. Ko imassa dīghāvu? Kaṃ ayaṃ evamāha – ‘mā kho tvaṃ, tāta dīghāvu, dīghaṃ passa, mā rassaṃ. Na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti; averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’’ti. ‘‘Nāhaṃ, bhaṇe, ummattako vippalapāmi, api ca yo viññū so vibhāvessatī’’ti. Dutiyampi kho, bhikkhave…pe… tatiyampi kho, bhikkhave, dīghīti kosalarājā dīghāvuṃ kumāraṃ etadavoca – ‘‘mā kho tvaṃ, tāta dīghāvu, dīghaṃ passa, mā rassaṃ. Na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti; averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’’ti. Tatiyampi kho, bhikkhave, te manussā dīghītiṃ kosalarājānaṃ etadavocuṃ – ‘‘ummattako ayaṃ dīghīti kosalarājā vippalapati. Ko imassa dīghāvu ? Kaṃ ayaṃ evamāha – mā kho tvaṃ, tāta dīghāvu, dīghaṃ passa, mā rassaṃ. Na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti; averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’’ti. ‘‘Nāhaṃ, bhaṇe, ummattako vippalapāmi, api ca yo viññū so vibhāvessatī’’ti. Atha kho, bhikkhave, te manussā dīghītiṃ kosalarājānaṃ sapajāpatikaṃ rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ parinetvā dakkhiṇena dvārena nikkhāmetvā dakkhiṇato nagarassa catudhā chinditvā catuddisā bilāni nikkhipitvā gumbaṃ ṭhapetvā pakkamiṃsu. Atha kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro bārāṇasiṃ pavisitvā suraṃ nīharitvā gumbiye pāyesi. Yadā te mattā ahesuṃ patitā, atha kaṭṭhāni saṃkaḍḍhitvā citakaṃ karitvā mātāpitūnaṃ sarīraṃ citakaṃ āropetvā aggiṃ datvā pañjaliko tikkhattuṃ citakaṃ padakkhiṇaṃ akāsi.

    ๔๖๑. เตน โข ปน สมเยน พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา อุปริปาสาทวรคโต โหติฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ ปญฺชลิกํ ติกฺขตฺตุํ จิตกํ ปทกฺขิณํ กโรนฺตํ, ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ โข โส มนุโสฺส ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ ญาติ วา สาโลหิโต วา, อโห เม อนตฺถโต, น หิ นาม เม โกจิ อาโรเจสฺสตี’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร อรญฺญํ คนฺตฺวา ยาวทตฺถํ กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา ขปฺปํ 9 ปุญฺฉิตฺวา พาราณสิํ ปวิสิตฺวา อเนฺตปุรสฺส สามนฺตา หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา หตฺถาจริยํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, อาจริย, สิปฺปํ สิกฺขิตุ’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ, ภเณ มาณวก, สิกฺขสฺสู’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย หตฺถิสาลายํ มญฺชุนา สเรน คายิ, วีณญฺจ วาเทสิฯ อโสฺสสิ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย หตฺถิสาลายํ มญฺชุนา สเรน คีตํ วีณญฺจ วาทิตํ, สุตฺวาน มนุเสฺส ปุจฺฉิ – ‘‘โก, ภเณ, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย หตฺถิสาลายํ มญฺชุนา สเรน คายิ, วีณญฺจ วาเทสี’’ติ? ‘‘อมุกสฺส, เทว, หตฺถาจริยสฺส อเนฺตวาสี มาณวโก รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย หตฺถิสาลายํ มญฺชุนา สเรน คายิ, วีณญฺจ วาเทสี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภเณ, ตํ มาณวกํ อาเนถา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา ทีฆาวุํ กุมารํ อาเนสุํฯ ‘‘ตฺวํ ภเณ มาณวก, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย หตฺถิสาลายํ มญฺชุนา สเรน คายิ, วีณญฺจ วาเทสี’’ติ? ‘‘เอวํ, เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ภเณ มาณวก, คายสฺสุ, วีณญฺจ วาเทหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา อาราธาเปโกฺข มญฺชุนา สเรน คายิ , วีณญฺจ วาเทสิฯ ‘‘ตฺวํ, ภเณ มาณวก, มํ อุปฎฺฐหา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปุพฺพุฎฺฐายี อโหสิ ปจฺฉานิปาตี กิงฺการปฎิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาทีฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ นจิรเสฺสว อพฺภนฺตริเม วิสฺสาสิกฎฺฐาเน ฐเปสิฯ

    461. Tena kho pana samayena brahmadatto kāsirājā uparipāsādavaragato hoti. Addasā kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dīghāvuṃ kumāraṃ pañjalikaṃ tikkhattuṃ citakaṃ padakkhiṇaṃ karontaṃ, disvānassa etadahosi – ‘‘nissaṃsayaṃ kho so manusso dīghītissa kosalarañño ñāti vā sālohito vā, aho me anatthato, na hi nāma me koci ārocessatī’’ti. Atha kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro araññaṃ gantvā yāvadatthaṃ kanditvā roditvā khappaṃ 10 puñchitvā bārāṇasiṃ pavisitvā antepurassa sāmantā hatthisālaṃ gantvā hatthācariyaṃ etadavoca – ‘‘icchāmahaṃ, ācariya, sippaṃ sikkhitu’’nti. ‘‘Tena hi, bhaṇe māṇavaka, sikkhassū’’ti. Atha kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya hatthisālāyaṃ mañjunā sarena gāyi, vīṇañca vādesi. Assosi kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya hatthisālāyaṃ mañjunā sarena gītaṃ vīṇañca vāditaṃ, sutvāna manusse pucchi – ‘‘ko, bhaṇe, rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya hatthisālāyaṃ mañjunā sarena gāyi, vīṇañca vādesī’’ti? ‘‘Amukassa, deva, hatthācariyassa antevāsī māṇavako rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya hatthisālāyaṃ mañjunā sarena gāyi, vīṇañca vādesī’’ti. ‘‘Tena hi, bhaṇe, taṃ māṇavakaṃ ānethā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bhikkhave, te manussā brahmadattassa kāsirañño paṭissutvā dīghāvuṃ kumāraṃ ānesuṃ. ‘‘Tvaṃ bhaṇe māṇavaka, rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya hatthisālāyaṃ mañjunā sarena gāyi, vīṇañca vādesī’’ti? ‘‘Evaṃ, devā’’ti. ‘‘Tena hi tvaṃ, bhaṇe māṇavaka, gāyassu, vīṇañca vādehī’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro brahmadattassa kāsirañño paṭissutvā ārādhāpekkho mañjunā sarena gāyi , vīṇañca vādesi. ‘‘Tvaṃ, bhaṇe māṇavaka, maṃ upaṭṭhahā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro brahmadattassa kāsirañño paccassosi. Atha kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro brahmadattassa kāsirañño pubbuṭṭhāyī ahosi pacchānipātī kiṅkārapaṭissāvī manāpacārī piyavādī. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dīghāvuṃ kumāraṃ nacirasseva abbhantarime vissāsikaṭṭhāne ṭhapesi.

    ๔๖๒. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภเณ มาณวก, รถํ โยเชหิ, มิควํ คมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา รถํ โยเชตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ยุโตฺต โข เต, เทว, รโถ, ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา รถํ อภิรุหิฯ ทีฆาวุ กุมาโร รถํ เปเสสิฯ ตถา ตถา รถํ เปเสสิ ยถา ยถา อเญฺญเนว เสนา อคมาสิ อเญฺญเนว รโถฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทูรํ คนฺตฺวา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภเณ มาณวก, รถํ มุญฺจสฺสุ, กิลโนฺตมฺหิ, นิปชฺชิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา รถํ มุญฺจิตฺวา ปถวิยํ ปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส อุจฺฉเงฺค สีสํ กตฺวา เสยฺยํ กเปฺปสิฯ ตสฺส กิลนฺตสฺส มุหุตฺตเกเนว นิทฺทา โอกฺกมิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโกฯ อิมินา อมฺหากํ พลญฺจ วาหนญฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฎฺฐาคารญฺจ อจฺฉินฺนํฯ อิมินา จ เม มาตาปิตโร หตาฯ อยํ ขฺวสฺส กาโล โยหํ เวรํ อเปฺปยฺย’’นฺติ โกสิยา ขคฺคํ นิพฺพาหิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปิตา โข มํ มรณกาเล อวจ ‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํฯ น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’ติฯ น โข เมตํ ปติรูปํ , ยฺวาหํ ปิตุวจนํ อติกฺกเมยฺย’’นฺติ โกสิยา ขคฺคํ ปเวเสสิฯ ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโก, อิมิโน อมฺหากํ พลญฺจ วาหนญฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฎฺฐาคารญฺจ อจฺฉินฺนํ, อิมินา จ เม มาตาปิตโร หตา, อยํ ขฺวสฺส กาโล โยหํ เวรํ อเปฺปยฺย’’นฺติ โกสิยา ขคฺคํ นิพฺพาหิฯ ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปิตา โข มํ มรณกาเล อวจ ‘มา โข ตฺวํ ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ, น หิ ตาต ทีฆาวุ เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’ติฯ น โข เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ปิตุวจนํ อติกฺกเมยฺย’’นฺติฯ ปุนเทว โกสิยา ขคฺคํ ปเวเสสิฯ ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโกฯ อิมินา อมฺหากํ พลญฺจ วาหนญฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฎฺฐาคารญฺจ อจฺฉินฺนํฯ อิมินา จ เม มาตาปิตโร หตาฯ อยํ ขฺวสฺส กาโล โยหํ เวรํ อเปฺปยฺย’’นฺติ โกสิยา ขคฺคํ นิพฺพาหิฯ ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปิตา โข มํ มรณกาเล อวจ ‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํฯ น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’ติฯ น โข เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ปิตุวจนํ อติกฺกเมยฺย’’’นฺติ ปุนเทว โกสิยา ขคฺคํ ปเวเสสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ภีโต อุพฺพิโคฺค อุสฺสงฺกี อุตฺรโสฺต สหสา วุฎฺฐาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ , เทว, ภีโต อุพฺพิโคฺค อุสฺสงฺกี อุตฺรโสฺต สหสา วุฎฺฐาสี’’ติ? อิธ มํ, ภเณ มาณวก, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ ปุโตฺต ทีฆาวุ กุมาโร สุปินเนฺตน ขเคฺคน ปริปาเตสิฯ เตนาหํ ภีโต อุพฺพิโคฺค อุสฺสงฺกี อุตฺรโสฺต สหสา วุฎฺฐาสินฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร วาเมน หเตฺถน พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ สีสํ ปรามสิตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน ขคฺคํ นิพฺพาเหตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข โส, เทว, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ ปุโตฺต ทีฆาวุ กุมาโรฯ พหุโน ตฺวํ อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโกฯ ตยา อมฺหากํ พลญฺจ วาหนญฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฎฺฐาคารญฺจ อจฺฉินฺนํฯ ตยา จ เม มาตาปิตโร หตาฯ อยํ ขฺวสฺส กาโล ยฺวาหํ เวรํ อเปฺปยฺย’’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ชีวิตํ เม, ตาต ทีฆาวุ, เทหิฯ ชีวิตํ เม, ตาต ทีฆาวุ, เทหี’’ติฯ ‘‘กฺยาหํ อุสฺสหามิ เทวสฺส ชีวิตํ ทาตุํ ? เทโว โข เม ชีวิตํ ทเทยฺยา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ตาต ทีฆาวุ, ตฺวเญฺจว เม ชีวิตํ เทหิ, อหญฺจ เต ชีวิตํ ทมฺมี’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต จ กาสิราชา ทีฆาวุ จ กุมาโร อญฺญมญฺญสฺส ชีวิตํ อทํสุ, ปาณิญฺจ อคฺคเหสุํ, สปถญฺจ อกํสุ อทฺทูภาย 11

    462. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dīghāvuṃ kumāraṃ etadavoca – ‘‘tena hi, bhaṇe māṇavaka, rathaṃ yojehi, migavaṃ gamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro brahmadattassa kāsirañño paṭissutvā rathaṃ yojetvā brahmadattaṃ kāsirājānaṃ etadavoca – ‘‘yutto kho te, deva, ratho, yassa dāni kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā rathaṃ abhiruhi. Dīghāvu kumāro rathaṃ pesesi. Tathā tathā rathaṃ pesesi yathā yathā aññeneva senā agamāsi aññeneva ratho. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dūraṃ gantvā dīghāvuṃ kumāraṃ etadavoca – ‘‘tena hi, bhaṇe māṇavaka, rathaṃ muñcassu, kilantomhi, nipajjissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro brahmadattassa kāsirañño paṭissutvā rathaṃ muñcitvā pathaviyaṃ pallaṅkena nisīdi. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dīghāvussa kumārassa ucchaṅge sīsaṃ katvā seyyaṃ kappesi. Tassa kilantassa muhuttakeneva niddā okkami. Atha kho, bhikkhave, dīghāvussa kumārassa etadahosi – ‘‘ayaṃ kho brahmadatto kāsirājā bahuno amhākaṃ anatthassa kārako. Iminā amhākaṃ balañca vāhanañca janapado ca koso ca koṭṭhāgārañca acchinnaṃ. Iminā ca me mātāpitaro hatā. Ayaṃ khvassa kālo yohaṃ veraṃ appeyya’’nti kosiyā khaggaṃ nibbāhi. Atha kho, bhikkhave, dīghāvussa kumārassa etadahosi – ‘‘pitā kho maṃ maraṇakāle avaca ‘mā kho tvaṃ, tāta dīghāvu, dīghaṃ passa, mā rassaṃ. Na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti; averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’ti. Na kho metaṃ patirūpaṃ , yvāhaṃ pituvacanaṃ atikkameyya’’nti kosiyā khaggaṃ pavesesi. Dutiyampi kho, bhikkhave, dīghāvussa kumārassa etadahosi – ‘‘ayaṃ kho brahmadatto kāsirājā bahuno amhākaṃ anatthassa kārako, imino amhākaṃ balañca vāhanañca janapado ca koso ca koṭṭhāgārañca acchinnaṃ, iminā ca me mātāpitaro hatā, ayaṃ khvassa kālo yohaṃ veraṃ appeyya’’nti kosiyā khaggaṃ nibbāhi. Dutiyampi kho, bhikkhave, dīghāvussa kumārassa etadahosi – ‘‘pitā kho maṃ maraṇakāle avaca ‘mā kho tvaṃ tāta dīghāvu, dīghaṃ passa, mā rassaṃ, na hi tāta dīghāvu verena verā sammanti; averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’ti. Na kho metaṃ patirūpaṃ, yvāhaṃ pituvacanaṃ atikkameyya’’nti. Punadeva kosiyā khaggaṃ pavesesi. Tatiyampi kho, bhikkhave, dīghāvussa kumārassa etadahosi – ‘‘ayaṃ kho brahmadatto kāsirājā bahuno amhākaṃ anatthassa kārako. Iminā amhākaṃ balañca vāhanañca janapado ca koso ca koṭṭhāgārañca acchinnaṃ. Iminā ca me mātāpitaro hatā. Ayaṃ khvassa kālo yohaṃ veraṃ appeyya’’nti kosiyā khaggaṃ nibbāhi. Tatiyampi kho, bhikkhave, dīghāvussa kumārassa etadahosi – ‘‘pitā kho maṃ maraṇakāle avaca ‘mā kho tvaṃ, tāta dīghāvu, dīghaṃ passa, mā rassaṃ. Na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti; averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’ti. Na kho metaṃ patirūpaṃ, yvāhaṃ pituvacanaṃ atikkameyya’’’nti punadeva kosiyā khaggaṃ pavesesi. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā bhīto ubbiggo ussaṅkī utrasto sahasā vuṭṭhāsi. Atha kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro brahmadattaṃ kāsirājānaṃ etadavoca – ‘‘kissa tvaṃ , deva, bhīto ubbiggo ussaṅkī utrasto sahasā vuṭṭhāsī’’ti? Idha maṃ, bhaṇe māṇavaka, dīghītissa kosalarañño putto dīghāvu kumāro supinantena khaggena paripātesi. Tenāhaṃ bhīto ubbiggo ussaṅkī utrasto sahasā vuṭṭhāsinti. Atha kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro vāmena hatthena brahmadattassa kāsirañño sīsaṃ parāmasitvā dakkhiṇena hatthena khaggaṃ nibbāhetvā brahmadattaṃ kāsirājānaṃ etadavoca – ‘‘ahaṃ kho so, deva, dīghītissa kosalarañño putto dīghāvu kumāro. Bahuno tvaṃ amhākaṃ anatthassa kārako. Tayā amhākaṃ balañca vāhanañca janapado ca koso ca koṭṭhāgārañca acchinnaṃ. Tayā ca me mātāpitaro hatā. Ayaṃ khvassa kālo yvāhaṃ veraṃ appeyya’’nti. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dīghāvussa kumārassa pādesu sirasā nipatitvā dīghāvuṃ kumāraṃ etadavoca – ‘‘jīvitaṃ me, tāta dīghāvu, dehi. Jīvitaṃ me, tāta dīghāvu, dehī’’ti. ‘‘Kyāhaṃ ussahāmi devassa jīvitaṃ dātuṃ ? Devo kho me jīvitaṃ dadeyyā’’ti. ‘‘Tena hi, tāta dīghāvu, tvañceva me jīvitaṃ dehi, ahañca te jīvitaṃ dammī’’ti. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto ca kāsirājā dīghāvu ca kumāro aññamaññassa jīvitaṃ adaṃsu, pāṇiñca aggahesuṃ, sapathañca akaṃsu addūbhāya 12.

    อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ตาต ทีฆาวุ, รถํ โยเชหิ , คมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา รถํ โยเชตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ยุโตฺต โข เต, เทว, รโถ, ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา รถํ อภิรุหิฯ ทีฆาวุ กุมาโร รถํ เปเสสิฯ ตถา ตถา รถํ เปเสสิ ยถา ยถา นจิรเสฺสว เสนาย สมาคญฺฉิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา พาราณสิํ ปวิสิตฺวา อมเจฺจ ปาริสเชฺช สนฺนิปาตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘สเจ, ภเณ, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ ปุตฺตํ ทีฆาวุํ กุมารํ ปเสฺสยฺยาถ, กินฺติ นํ กเรยฺยาถา’’ติ? เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘มยํ, เทว, หเตฺถ ฉิเนฺทยฺยามฯ มยํ, เทว, ปาเท ฉิเนฺทยฺยามฯ มยํ, เทว, หตฺถปาเท ฉิเนฺทยฺยามฯ มยํ, เทว, กเณฺณ ฉิเนฺทยฺยามฯ มยํ, เทว, นาสํ ฉิเนฺทยฺยามฯ มยํ, เทว, กณฺณนาสํ ฉิเนฺทยฺยามฯ มยํ, เทว, สีสํ ฉิเนฺทยฺยามา’’ติฯ ‘‘อยํ โข, ภเณ, ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ ปุโตฺต ทีฆาวุ กุมาโรฯ นายํ ลพฺภา กิญฺจิ กาตุํฯ อิมินา จ เม ชีวิตํ ทินฺนํ, มยา จ อิมสฺส ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติฯ

    Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dīghāvuṃ kumāraṃ etadavoca – ‘‘tena hi, tāta dīghāvu, rathaṃ yojehi , gamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bhikkhave, dīghāvu kumāro brahmadattassa kāsirañño paṭissutvā rathaṃ yojetvā brahmadattaṃ kāsirājānaṃ etadavoca – ‘‘yutto kho te, deva, ratho, yassa dāni kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā rathaṃ abhiruhi. Dīghāvu kumāro rathaṃ pesesi. Tathā tathā rathaṃ pesesi yathā yathā nacirasseva senāya samāgañchi. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā bārāṇasiṃ pavisitvā amacce pārisajje sannipātāpetvā etadavoca – ‘‘sace, bhaṇe, dīghītissa kosalarañño puttaṃ dīghāvuṃ kumāraṃ passeyyātha, kinti naṃ kareyyāthā’’ti? Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘mayaṃ, deva, hatthe chindeyyāma. Mayaṃ, deva, pāde chindeyyāma. Mayaṃ, deva, hatthapāde chindeyyāma. Mayaṃ, deva, kaṇṇe chindeyyāma. Mayaṃ, deva, nāsaṃ chindeyyāma. Mayaṃ, deva, kaṇṇanāsaṃ chindeyyāma. Mayaṃ, deva, sīsaṃ chindeyyāmā’’ti. ‘‘Ayaṃ kho, bhaṇe, dīghītissa kosalarañño putto dīghāvu kumāro. Nāyaṃ labbhā kiñci kātuṃ. Iminā ca me jīvitaṃ dinnaṃ, mayā ca imassa jīvitaṃ dinna’’nti.

    ๔๖๓. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ยํ โข เต, ตาต ทีฆาวุ, ปิตา มรณกาเล อวจ ‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํฯ น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’ติ, กิํ เต ปิตา สนฺธาย อวจา’’ติ? ‘‘ยํ โข เม , เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ ‘มา ทีฆ’นฺติ มา จิรํ เวรํ อกาสีติฯ อิมํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ มา ทีฆนฺติฯ ยํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ ‘มา รสฺส’นฺติ มา ขิปฺปํ มิเตฺตหิ ภิชฺชิตฺถา’’ติฯ อิมํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ มา รสฺสนฺติฯ ยํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ ‘‘น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ, อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติ เทเวน เม มาตาปิตโร หตาติฯ สจาหํ เทวํ ชีวิตา โวโรเปยฺยํ, เย เทวสฺส อตฺถกามา เต มํ ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ, เย เม อตฺถกามา เต เต ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ – เอวํ ตํ เวรํ เวเรน น วูปสเมยฺยฯ อิทานิ จ ปน เม เทเวน ชีวิตํ ทินฺนํ, มยา จ เทวสฺส ชีวิตํ ทินฺนํฯ เอวํ ตํ เวรํ อเวเรน วูปสนฺตํฯ อิมํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ – น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ , ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทโตฺต กาสิราชา – ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ! อพฺภุตํ วต โภ! ยาว ปณฺฑิโต อยํ ทีฆาวุ กุมาโร, ยตฺร หิ นาม ปิตุโน สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานิสฺสตี’’ติ เปตฺติกํ พลญฺจ วาหนญฺจ ชนปทญฺจ โกสญฺจ โกฎฺฐาคารญฺจ ปฎิปาเทสิ, ธีตรญฺจ อทาสิฯ เตสญฺหิ นาม, ภิกฺขเว, ราชูนํ อาทินฺนทณฺฑานํ อาทินฺนสตฺถานํ เอวรูปํ ขนฺติโสรจฺจํ ภวิสฺสติฯ อิธ โข ปน ตํ, ภิกฺขเว , โสเภถ ยํ ตุเมฺห เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา ขมา จ ภเวยฺยาถ โสรตา จาติ? ตติยมฺปิ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ มา กลหํ มา วิคฺคหํ มา วิวาท’’นฺติฯ ตติยมฺปิ โข โส อธมฺมวาที ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมตุ, ภเนฺต, ภควา ธมฺมสฺสามี; อโปฺปสฺสุโกฺก, ภเนฺต, ภควา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารมนุยุโตฺต วิหรตุฯ มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปญฺญายิสฺสามา’’ติฯ อถ โข ภควา – ปริยาทินฺนรูปา โข อิเม โมฆปุริสา, นยิเม สุกรา สญฺญาเปตุนฺติ – อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ

    463. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā dīghāvuṃ kumāraṃ etadavoca – ‘‘yaṃ kho te, tāta dīghāvu, pitā maraṇakāle avaca ‘mā kho tvaṃ, tāta dīghāvu, dīghaṃ passa, mā rassaṃ. Na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti; averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’ti, kiṃ te pitā sandhāya avacā’’ti? ‘‘Yaṃ kho me , deva, pitā maraṇakāle avaca ‘mā dīgha’nti mā ciraṃ veraṃ akāsīti. Imaṃ kho me, deva, pitā maraṇakāle avaca mā dīghanti. Yaṃ kho me, deva, pitā maraṇakāle avaca ‘mā rassa’nti mā khippaṃ mittehi bhijjitthā’’ti. Imaṃ kho me, deva, pitā maraṇakāle avaca mā rassanti. Yaṃ kho me, deva, pitā maraṇakāle avaca ‘‘na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti, averena hi, tāta dīghāvu, verā sammantī’’ti devena me mātāpitaro hatāti. Sacāhaṃ devaṃ jīvitā voropeyyaṃ, ye devassa atthakāmā te maṃ jīvitā voropeyyuṃ, ye me atthakāmā te te jīvitā voropeyyuṃ – evaṃ taṃ veraṃ verena na vūpasameyya. Idāni ca pana me devena jīvitaṃ dinnaṃ, mayā ca devassa jīvitaṃ dinnaṃ. Evaṃ taṃ veraṃ averena vūpasantaṃ. Imaṃ kho me, deva, pitā maraṇakāle avaca – na hi, tāta dīghāvu, verena verā sammanti; averena hi , tāta dīghāvu, verā sammantī’’ti. Atha kho, bhikkhave, brahmadatto kāsirājā – ‘‘acchariyaṃ vata bho! Abbhutaṃ vata bho! Yāva paṇḍito ayaṃ dīghāvu kumāro, yatra hi nāma pituno saṃkhittena bhāsitassa vitthārena atthaṃ ājānissatī’’ti pettikaṃ balañca vāhanañca janapadañca kosañca koṭṭhāgārañca paṭipādesi, dhītarañca adāsi. Tesañhi nāma, bhikkhave, rājūnaṃ ādinnadaṇḍānaṃ ādinnasatthānaṃ evarūpaṃ khantisoraccaṃ bhavissati. Idha kho pana taṃ, bhikkhave , sobhetha yaṃ tumhe evaṃ svākkhāte dhammavinaye pabbajitā samānā khamā ca bhaveyyātha soratā cāti? Tatiyampi kho bhagavā te bhikkhū etadavoca – ‘‘alaṃ, bhikkhave, mā bhaṇḍanaṃ mā kalahaṃ mā viggahaṃ mā vivāda’’nti. Tatiyampi kho so adhammavādī bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āgametu, bhante, bhagavā dhammassāmī; appossukko, bhante, bhagavā diṭṭhadhammasukhavihāramanuyutto viharatu. Mayametena bhaṇḍanena kalahena viggahena vivādena paññāyissāmā’’ti. Atha kho bhagavā – pariyādinnarūpā kho ime moghapurisā, nayime sukarā saññāpetunti – uṭṭhāyāsanā pakkāmi.

    ทีฆาวุภาณวาโร นิฎฺฐิโต ปฐโมฯ

    Dīghāvubhāṇavāro niṭṭhito paṭhamo.

    ๔๖๔. 13 อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โกสมฺพิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สงฺฆมเชฺฌ ฐิตโกว อิมา คาถาโย อภาสิ –

    464.14 Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kosambiṃ piṇḍāya pāvisi. Kosambiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya saṅghamajjhe ṭhitakova imā gāthāyo abhāsi –

    15 ‘‘ปุถุสโทฺท สมชโน, น พาโล โกจิ มญฺญถ;

    16 ‘‘Puthusaddo samajano, na bālo koci maññatha;

    สงฺฆสฺมิํ ภิชฺชมานสฺมิํ, นาญฺญํ ภิโยฺย อมญฺญรุํฯ

    Saṅghasmiṃ bhijjamānasmiṃ, nāññaṃ bhiyyo amaññaruṃ.

    17 ‘‘ปริมุฎฺฐา ปณฺฑิตาภาสา, วาจาโคจรภาณิโน;

    18 ‘‘Parimuṭṭhā paṇḍitābhāsā, vācāgocarabhāṇino;

    ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ, เยน นีตา น ตํ วิทูฯ

    Yāvicchanti mukhāyāmaṃ, yena nītā na taṃ vidū.

    19 ‘‘อโกฺกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

    20 ‘‘Akkocchi maṃ avadhi maṃ, ajini maṃ ahāsi me;

    เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติฯ

    Ye ca taṃ upanayhanti, veraṃ tesaṃ na sammati.

    21 ‘‘อโกฺกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

    22 ‘‘Akkocchi maṃ avadhi maṃ, ajini maṃ ahāsi me;

    เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติฯ

    Ye ca taṃ nupanayhanti, veraṃ tesūpasammati.

    23 ‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;

    24 ‘‘Na hi verena verāni, sammantīdha kudācanaṃ;

    อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอสธโมฺม สนนฺตโนฯ

    Averena ca sammanti, esadhammo sanantano.

    25 ‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;

    26 ‘‘Pare ca na vijānanti, mayamettha yamāmase;

    เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคาฯ

    Ye ca tattha vijānanti, tato sammanti medhagā.

    27 ‘‘อฎฺฐิจฺฉินฺนา ปาณหรา, ควาสฺสธนหาริโน;

    28 ‘‘Aṭṭhicchinnā pāṇaharā, gavāssadhanahārino;

    รฎฺฐํ วิลุมฺปมานานํ, เตสมฺปิ โหติ สงฺคติฯ

    Raṭṭhaṃ vilumpamānānaṃ, tesampi hoti saṅgati.

    ‘‘กสฺมา ตุมฺหาก โน สิยา;

    ‘‘Kasmā tumhāka no siyā;

    29 ‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ;

    30 ‘‘Sace labhetha nipakaṃ sahāyaṃ;

    สทฺธิํจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;

    Saddhiṃcaraṃ sādhuvihāri dhīraṃ;

    อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ;

    Abhibhuyya sabbāni parissayāni;

    จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมาฯ

    Careyya tenattamano satīmā.

    31 ‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ;

    32 ‘‘No ce labhetha nipakaṃ sahāyaṃ;

    สทฺธิํ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;

    Saddhiṃ caraṃ sādhuvihāri dhīraṃ;

    ราชาว รฎฺฐํ วิชิตํ ปหาย;

    Rājāva raṭṭhaṃ vijitaṃ pahāya;

    เอโก จเร มาตงฺครเญฺญว นาโคฯ

    Eko care mātaṅgaraññeva nāgo.

    33 ‘‘เอกสฺส จริตํ เสโยฺย;

    34 ‘‘Ekassa caritaṃ seyyo;

    นตฺถิ พาเล สหายตา;

    Natthi bāle sahāyatā;

    เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา;

    Eko care na ca pāpāni kayirā;

    อโปฺปสฺสุโกฺก มาตงฺครเญฺญว นาโค’’ติฯ

    Appossukko mātaṅgaraññeva nāgo’’ti.

    ทีฆาวุวตฺถุ นิฎฺฐิตํฯ

    Dīghāvuvatthu niṭṭhitaṃ.







    Footnotes:
    1. วชิรพุทฺธิฎีกา โอโลเกตพฺพา
    2. vajirabuddhiṭīkā oloketabbā
    3. วมฺมิตํ (สี.)
    4. ขคฺคานญฺจ โธวนนฺติ (สี. สฺยา.)
    5. vammitaṃ (sī.)
    6. khaggānañca dhovananti (sī. syā.)
    7. อวิมนา (สี. สฺยา. กตฺถจิ
    8. avimanā (sī. syā. katthaci
    9. พปฺปํ (สี. สฺยา.)
    10. bappaṃ (sī. syā.)
    11. อทฺรูภาย, อทุพฺภาย (ก.)
    12. adrūbhāya, adubbhāya (ka.)
    13. ม. นิ. ๓.๒๓๖
    14. ma. ni. 3.236
    15. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    16. ma. ni. 3.237
    17. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    18. ma. ni. 3.237
    19. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    20. ma. ni. 3.237
    21. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    22. ma. ni. 3.237
    23. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    24. ma. ni. 3.237
    25. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    26. ma. ni. 3.237
    27. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    28. ma. ni. 3.237
    29. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    30. ma. ni. 3.237
    31. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    32. ma. ni. 3.237
    33. ม. นิ. ๓.๒๓๗
    34. ma. ni. 3.237



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / โกสมฺพกวิวาทกถา • Kosambakavivādakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา • Dīghāvuvatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา • Dīghāvuvatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา • Kosambakavivādakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒๗๑. โกสมฺพกวิวาทกถา • 271. Kosambakavivādakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact