Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    ๓. อฑฺฒวโคฺค

    3. Aḍḍhavaggo

    [๓๗๑] ๑. ทีฆีติโกสลชาตกวณฺณนา

    [371] 1. Dīghītikosalajātakavaṇṇanā

    เอวํภูตสฺส เต ราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกสมฺพเก ภณฺฑนการเก อารพฺภ กเถสิฯ เตสญฺหิ เชตวนํ อาคนฺตฺวา ขมาปนกาเล สตฺถา เต อามเนฺตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ตุเมฺห มยฺหํ โอรสา มุขโต ชาตา ปุตฺตา นาม, ปุเตฺตหิ จ ปิตรา ทินฺนํ โอวาทํ ภินฺทิตุํ น วฎฺฎติ, ตุเมฺห ปน มม โอวาทํ น กริตฺถ, โปราณกปณฺฑิตา อตฺตโน มาตาปิตโร ฆาเตตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา ฐิตโจเรปิ อรเญฺญ หตฺถปถํ อาคเต มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํ น ภินฺทิสฺสามาติ น มารยิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Evaṃbhūtassate rājāti idaṃ satthā jetavane viharanto kosambake bhaṇḍanakārake ārabbha kathesi. Tesañhi jetavanaṃ āgantvā khamāpanakāle satthā te āmantetvā ‘‘bhikkhave, tumhe mayhaṃ orasā mukhato jātā puttā nāma, puttehi ca pitarā dinnaṃ ovādaṃ bhindituṃ na vaṭṭati, tumhe pana mama ovādaṃ na karittha, porāṇakapaṇḍitā attano mātāpitaro ghātetvā rajjaṃ gahetvā ṭhitacorepi araññe hatthapathaṃ āgate mātāpitūhi dinnaṃ ovādaṃ na bhindissāmāti na mārayiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อิมสฺมิํ ปน ชาตเก เทฺวปิ วตฺถูนิฯ สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก วิตฺถารโต อาวิ ภวิสฺสนฺติฯ โส ปน ทีฆาวุกุมาโร อรเญฺญ อตฺตโน อเงฺก นิปนฺนํ พาราณสิราชานํ จูฬาย คเหตฺวา ‘‘อิทานิ มยฺหํ มาตาปิตุฆาตกํ โจรํ ขณฺฑาขณฺฑํ กตฺวา ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อสิํ อุกฺขิปโนฺต ตสฺมิํ ขเณ มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํ สริตฺวา ‘‘ชีวิตํ จชโนฺตปิ เตสํ โอวาทํ น ภินฺทิสฺสามิ, เกวลํ อิมํ ตเชฺชสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปฐมํ คาถมาห –

    Imasmiṃ pana jātake dvepi vatthūni. Saṅghabhedakakkhandhake vitthārato āvi bhavissanti. So pana dīghāvukumāro araññe attano aṅke nipannaṃ bārāṇasirājānaṃ cūḷāya gahetvā ‘‘idāni mayhaṃ mātāpitughātakaṃ coraṃ khaṇḍākhaṇḍaṃ katvā chindissāmī’’ti asiṃ ukkhipanto tasmiṃ khaṇe mātāpitūhi dinnaṃ ovādaṃ saritvā ‘‘jīvitaṃ cajantopi tesaṃ ovādaṃ na bhindissāmi, kevalaṃ imaṃ tajjessāmī’’ti cintetvā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘เอวํภูตสฺส เต ราช, อาคตสฺส วเส มม;

    ‘‘Evaṃbhūtassa te rāja, āgatassa vase mama;

    อตฺถิ นุ โกจิ ปริยาโย, โย ตํ ทุกฺขา ปโมจเย’’ติฯ

    Atthi nu koci pariyāyo, yo taṃ dukkhā pamocaye’’ti.

    ตตฺถ วเส มมาติ มม วสํ อาคตสฺสฯ ปริยาโยติ การณํฯ

    Tattha vase mamāti mama vasaṃ āgatassa. Pariyāyoti kāraṇaṃ.

    ตโต ราชา ทุติยํ คาถมาห –

    Tato rājā dutiyaṃ gāthamāha –

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘เอวํภูตสฺส เม ตาต, อาคตสฺส วเส ตว;

    ‘‘Evaṃbhūtassa me tāta, āgatassa vase tava;

    นตฺถิ โน โกจิ ปริยาโย, โย มํ ทุกฺขา ปโมจเย’’ติฯ

    Natthi no koci pariyāyo, yo maṃ dukkhā pamocaye’’ti.

    ตตฺถ โนติ นิปาตมตฺถํ, นตฺถิ โกจิ ปริยาโย, โย มํ เอตสฺมา ทุกฺขา ปโมจเยติ อโตฺถฯ

    Tattha noti nipātamatthaṃ, natthi koci pariyāyo, yo maṃ etasmā dukkhā pamocayeti attho.

    ตโต โพธิสโตฺต อวเสสคาถา อภาสิ –

    Tato bodhisatto avasesagāthā abhāsi –

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘นาญฺญํ สุจริตํ ราช, นาญฺญํ ราช สุภาสิตํ;

    ‘‘Nāññaṃ sucaritaṃ rāja, nāññaṃ rāja subhāsitaṃ;

    ตายเต มรณกาเล, เอวเมวิตรํ ธนํฯ

    Tāyate maraṇakāle, evamevitaraṃ dhanaṃ.

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘อโกฺกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

    ‘‘Akkocchi maṃ avadhi maṃ, ajini maṃ ahāsi me;

    เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติฯ

    Ye ca taṃ upanayhanti, veraṃ tesaṃ na sammati.

    ๑๑๔.

    114.

    ‘‘อโกฺกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

    ‘‘Akkocchi maṃ avadhi maṃ, ajini maṃ ahāsi me;

    เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติฯ

    Ye ca taṃ nupanayhanti, veraṃ tesūpasammati.

    ๑๑๕.

    115.

    ‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;

    ‘‘Na hi verena verāni, sammantīdha kudācanaṃ;

    อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธโมฺม สนนฺตโน’’นฺติฯ

    Averena ca sammanti, esa dhammo sanantano’’nti.

    ตตฺถ นาญฺญํ สุจริตนฺติ นาญฺญํ สุจริตา, อยเมว วา ปาโฐ, ฐเปตฺวา สุจริตํ อญฺญํ น ปสฺสามีติ อโตฺถฯ อิธ ‘‘สุจริต’’นฺติปิ ‘‘สุภาสิต’’นฺติปิ มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํเยว สนฺธายาหฯ เอวเมวาติ นิรตฺถกเมวฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อญฺญตฺร โอวาทานุสิฎฺฐิสงฺขาตา สุจริตสุภาสิตา มรณกาเล ตายิตุํ รกฺขิตุํ สมโตฺถ นาม อโญฺญ นตฺถิ, ยํ เอตํ อิตรํ ธนํ, ตํ เอวเมว นิรตฺถกเมว โหติ, ตฺวญฺหิ อิทานิ มยฺหํ โกฎิสตสหสฺสมตฺตมฺปิ ธนํ ททโนฺต ชีวิตํ น ลเภยฺยาสิ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘ธนโต สุจริตสุภาสิตเมว อุตฺตริตร’’นฺติฯ

    Tattha nāññaṃ sucaritanti nāññaṃ sucaritā, ayameva vā pāṭho, ṭhapetvā sucaritaṃ aññaṃ na passāmīti attho. Idha ‘‘sucarita’’ntipi ‘‘subhāsita’’ntipi mātāpitūhi dinnaṃ ovādaṃyeva sandhāyāha. Evamevāti niratthakameva. Idaṃ vuttaṃ hoti – mahārāja, aññatra ovādānusiṭṭhisaṅkhātā sucaritasubhāsitā maraṇakāle tāyituṃ rakkhituṃ samattho nāma añño natthi, yaṃ etaṃ itaraṃ dhanaṃ, taṃ evameva niratthakameva hoti, tvañhi idāni mayhaṃ koṭisatasahassamattampi dhanaṃ dadanto jīvitaṃ na labheyyāsi, tasmā veditabbametaṃ ‘‘dhanato sucaritasubhāsitameva uttaritara’’nti.

    เสสคาถาสุปิ อยํ สเงฺขปโตฺถ – มหาราช, เย ปุริสา ‘‘อยํ มํ อโกฺกสิ, อยํ มํ ปหริ, อยํ มํ อชินิ, อยํ มม สนฺตกํ อหาสี’’ติ เอวํ เวรํ อุปนยฺหนฺติ พนฺธิตฺวา วิย หทเย ฐเปนฺติ, เตสํ เวรํ น อุปสมฺมติฯ เย จ ปเนตํ น อุปนยฺหนฺติ หทเย น ฐเปนฺติ, เตสํ วูปสมฺมติฯ เวรานิ หิ น กทาจิ เวเรน สมฺมนฺติ, อเวเรเนว ปน สมฺมนฺติฯ เอส ธโมฺม สนนฺตโนติ เอโส โปราณโก ธโมฺม จิรกาลปฺปวโตฺต สภาโวติฯ

    Sesagāthāsupi ayaṃ saṅkhepattho – mahārāja, ye purisā ‘‘ayaṃ maṃ akkosi, ayaṃ maṃ pahari, ayaṃ maṃ ajini, ayaṃ mama santakaṃ ahāsī’’ti evaṃ veraṃ upanayhanti bandhitvā viya hadaye ṭhapenti, tesaṃ veraṃ na upasammati. Ye ca panetaṃ na upanayhanti hadaye na ṭhapenti, tesaṃ vūpasammati. Verāni hi na kadāci verena sammanti, avereneva pana sammanti. Esa dhammo sanantanoti eso porāṇako dhammo cirakālappavatto sabhāvoti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา โพธิสโตฺต ‘‘อหํ, มหาราช, ตยิ น ทุพฺภามิ, ตฺวํ ปน มํ มาเรหี’’ติ ตสฺส หเตฺถ อสิํ ฐเปสิฯ ราชาปิ ‘‘นาหํ ตยิ ทุพฺภามี’’ติ สปถํ กตฺวา เตน สทฺธิํ นครํ คนฺตฺวา ตํ อมจฺจานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘อยํ, ภเณ, โกสลรโญฺญ ปุโตฺต ทีฆาวุกุมาโร นาม, อิมินา มยฺหํ ชีวิตํ ทินฺนํ, น ลพฺภา อิมํ กิญฺจิ กาตุ’’นฺติ วตฺวา อตฺตโน ธีตรํ ทตฺวา ปิตุ สนฺตเก รเชฺช ปติฎฺฐาเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย อุโภปิ สมคฺคา สโมฺมทมานา รชฺชํ กาเรสุํฯ

    Evañca pana vatvā bodhisatto ‘‘ahaṃ, mahārāja, tayi na dubbhāmi, tvaṃ pana maṃ mārehī’’ti tassa hatthe asiṃ ṭhapesi. Rājāpi ‘‘nāhaṃ tayi dubbhāmī’’ti sapathaṃ katvā tena saddhiṃ nagaraṃ gantvā taṃ amaccānaṃ dassetvā ‘‘ayaṃ, bhaṇe, kosalarañño putto dīghāvukumāro nāma, iminā mayhaṃ jīvitaṃ dinnaṃ, na labbhā imaṃ kiñci kātu’’nti vatvā attano dhītaraṃ datvā pitu santake rajje patiṭṭhāpesi. Tato paṭṭhāya ubhopi samaggā sammodamānā rajjaṃ kāresuṃ.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ทีฆาวุกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā mātāpitaro mahārājakulāni ahesuṃ, dīghāvukumāro pana ahameva ahosi’’nti.

    ทีฆีติโกสลชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ

    Dīghītikosalajātakavaṇṇanā paṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๗๑. ทีฆีติโกสลชาตกํ • 371. Dīghītikosalajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact