Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๒๖] ๑๐. ทีปิชาตกวณฺณนา

    [426] 10. Dīpijātakavaṇṇanā

    ขมนียํ ยาปนียนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เอกํ เอฬิกํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร คิริปริกฺขิเตฺต เอกทฺวาเร คิริพฺพชเสนาสเน วิหาสิฯ ทฺวารสมีเปเยวสฺส จงฺกโม อโหสิฯ ตทา เอฬกปาลกา ‘‘เอฬกา เอตฺถ จรนฺตู’’ติ คิริพฺพชํ ปเวเสตฺวา กีฬนฺตา วิหรนฺติฯ เตสุ เอกทิวสํ สายํ อาคนฺตฺวา เอฬเก คเหตฺวา คจฺฉเนฺตสุ เอกา เอฬิกา ทูเร จรมานา เอฬเก นิกฺขมเนฺต อทิสฺวา โอหียิฯ ตํ ปจฺฉา นิกฺขมนฺติํ เอโก ทีปิโก ทิสฺวา ‘‘ขาทิสฺสามิ น’’นฺติ คิริพฺพชทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ สาปิ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตี ตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มํ มาเรตฺวา ขาทิตุกามตาย ฐิโต, สเจ นิวตฺติตฺวา ปลายิสฺสามิ, ชีวิตํ เม นตฺถิ, อชฺช มยา ปุริสการํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา สิงฺคานิ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส อภิมุขํ เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ทีปิกสฺส ‘‘อิโต คณฺหิสฺสามิ, อิโต คณฺหิสฺสามี’’ติ วิปฺผนฺทโตว คหณํ อนุปคนฺตฺวา เวเคน ปลายิตฺวา เอฬกานํ อนฺตรํ ปาวิสิฯ อถ เถโร ตํ เตสํ กิริยํ ทิสฺวา ปุนทิวเส คนฺตฺวา ตถาคตสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘เอวํ ภเนฺต, สา เอฬิกา อตฺตโน อุปายกุสลตาย ปรกฺกมํ กตฺวา ทีปิกโต มุจฺจี’’ติ อาหฯ สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลาน, อิทานิ ตาว โส ทีปิโก ตํ คเหตุํ นาสกฺขิ, ปุเพฺพ ปน นํ วิรวนฺติํ มาเรตฺวา ขาที’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Khamanīyaṃyāpanīyanti idaṃ satthā veḷuvane viharanto ekaṃ eḷikaṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi samaye mahāmoggallānatthero giriparikkhitte ekadvāre giribbajasenāsane vihāsi. Dvārasamīpeyevassa caṅkamo ahosi. Tadā eḷakapālakā ‘‘eḷakā ettha carantū’’ti giribbajaṃ pavesetvā kīḷantā viharanti. Tesu ekadivasaṃ sāyaṃ āgantvā eḷake gahetvā gacchantesu ekā eḷikā dūre caramānā eḷake nikkhamante adisvā ohīyi. Taṃ pacchā nikkhamantiṃ eko dīpiko disvā ‘‘khādissāmi na’’nti giribbajadvāre aṭṭhāsi. Sāpi ito cito ca olokentī taṃ disvā ‘‘esa maṃ māretvā khāditukāmatāya ṭhito, sace nivattitvā palāyissāmi, jīvitaṃ me natthi, ajja mayā purisakāraṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā siṅgāni ukkhipitvā tassa abhimukhaṃ vegena pakkhanditvā dīpikassa ‘‘ito gaṇhissāmi, ito gaṇhissāmī’’ti vipphandatova gahaṇaṃ anupagantvā vegena palāyitvā eḷakānaṃ antaraṃ pāvisi. Atha thero taṃ tesaṃ kiriyaṃ disvā punadivase gantvā tathāgatassa ārocetvā ‘‘evaṃ bhante, sā eḷikā attano upāyakusalatāya parakkamaṃ katvā dīpikato muccī’’ti āha. Satthā ‘‘moggallāna, idāni tāva so dīpiko taṃ gahetuṃ nāsakkhi, pubbe pana naṃ viravantiṃ māretvā khādī’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต มคธรเฎฺฐ โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ คาเม มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตตฺวา จิรํ หิมวเนฺต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ราชคหํ คนฺตฺวา เอกสฺมิํเยว คิริพฺพเช ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วาสํ กเปฺปสิฯ ตทา อิมินาว นิยาเมน เอฬกปาลเกสุ เอฬเก จรเนฺตสุ เอกทิวสํ เอวเมว เอกํ เอฬิกํ ปจฺฉา นิกฺขมนฺติํ ทิสฺวา เอโก ทีปิโก ‘‘ขาทิสฺสามิ น’’นฺติ ทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ สาปิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถิ, เอเกนุปาเยน อิมินา สทฺธิํ มธุรปฎิสนฺถารํ กตฺวา หทยมสฺส มุทุกํ ชเนตฺวา ชีวิตํ รกฺขิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ทูรโตว เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กโรนฺตี อาคจฺฉมานา ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte magadharaṭṭhe bodhisatto ekasmiṃ gāme mahābhogakule nibbattitvā vayappatto kāme pahāya isipabbajjaṃ pabbajitvā jhānābhiññāyo nibbattetvā ciraṃ himavante vasitvā loṇambilasevanatthāya rājagahaṃ gantvā ekasmiṃyeva giribbaje paṇṇasālaṃ māpetvā vāsaṃ kappesi. Tadā imināva niyāmena eḷakapālakesu eḷake carantesu ekadivasaṃ evameva ekaṃ eḷikaṃ pacchā nikkhamantiṃ disvā eko dīpiko ‘‘khādissāmi na’’nti dvāre aṭṭhāsi. Sāpi taṃ disvā ‘‘ajja mayhaṃ jīvitaṃ natthi, ekenupāyena iminā saddhiṃ madhurapaṭisanthāraṃ katvā hadayamassa mudukaṃ janetvā jīvitaṃ rakkhissāmī’’ti cintetvā dūratova tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ karontī āgacchamānā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๘๘.

    88.

    ‘‘ขมนียํ ยาปนียํ, กจฺจิ มาตุล เต สุขํ;

    ‘‘Khamanīyaṃ yāpanīyaṃ, kacci mātula te sukhaṃ;

    สุขํ เต อมฺมา อวจ, สุขกามาว เต มย’’นฺติฯ

    Sukhaṃ te ammā avaca, sukhakāmāva te maya’’nti.

    ตตฺถ สุขํ เต อมฺมาติ มยฺหํ มาตาปิ ‘‘ตุมฺหากํ สุขํ ปุเจฺฉยฺยาสี’’ติ อชฺช มํ อวจาติ อโตฺถฯ มยนฺติ มาตุล มยมฺปิ ตุมฺหากํ สุขํ เอว อิจฺฉามาติฯ

    Tattha sukhaṃ te ammāti mayhaṃ mātāpi ‘‘tumhākaṃ sukhaṃ puccheyyāsī’’ti ajja maṃ avacāti attho. Mayanti mātula mayampi tumhākaṃ sukhaṃ eva icchāmāti.

    ตํ สุตฺวา ทีปิโก ‘‘อยํ ธุตฺติกา มํ มาตุลวาเทน วเญฺจตุกามา, น เม กกฺขฬภาวํ ชานาตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā dīpiko ‘‘ayaṃ dhuttikā maṃ mātulavādena vañcetukāmā, na me kakkhaḷabhāvaṃ jānātī’’ti cintetvā dutiyaṃ gāthamāha –

    ๘๙.

    89.

    ‘‘นงฺคุฎฺฐํ เม อวกฺกมฺม, เหฐยิตฺวาน เอฬิเก;

    ‘‘Naṅguṭṭhaṃ me avakkamma, heṭhayitvāna eḷike;

    สาชฺช มาตุลวาเทน, มุญฺจิตพฺพา นุ มญฺญสี’’ติฯ

    Sājja mātulavādena, muñcitabbā nu maññasī’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – ตฺวํ มม นงฺคุฎฺฐมณฺฑลํ อกฺกมิตฺวา เหฐยิตฺวา อาคจฺฉสิ, สา ตฺวํ ‘‘อชฺช มาตุลวาเทน มุญฺจิตพฺพาหมสฺมี’’ติ มญฺญสิ นุ, เอวํ มญฺญสิ มเญฺญติฯ

    Tassattho – tvaṃ mama naṅguṭṭhamaṇḍalaṃ akkamitvā heṭhayitvā āgacchasi, sā tvaṃ ‘‘ajja mātulavādena muñcitabbāhamasmī’’ti maññasi nu, evaṃ maññasi maññeti.

    ตํ สุตฺวา อิตรา ‘‘มาตุล, มา เอวํ กรี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā itarā ‘‘mātula, mā evaṃ karī’’ti vatvā tatiyaṃ gāthamāha –

    ๙๐.

    90.

    ‘‘ปุรตฺถามุโข นิสิโนฺนสิ, อหํ เต มุขมาคตา;

    ‘‘Puratthāmukho nisinnosi, ahaṃ te mukhamāgatā;

    ปจฺฉโต ตุยฺหํ นงฺคุฎฺฐํ, กถํ ขฺวาหํ อวกฺกมิ’’นฺติฯ

    Pacchato tuyhaṃ naṅguṭṭhaṃ, kathaṃ khvāhaṃ avakkami’’nti.

    ตตฺถ มุขนฺติ อภิมุขํฯ กถํ ขฺวาหํ อวกฺกมินฺติ ตว ปจฺฉโต ฐิตํ อหํ กถํ อวกฺกมินฺติ อโตฺถฯ

    Tattha mukhanti abhimukhaṃ. Kathaṃ khvāhaṃ avakkaminti tava pacchato ṭhitaṃ ahaṃ kathaṃ avakkaminti attho.

    อถ นํ โส ‘‘กิํ กเถสิ เอฬิเก, มม นงฺคุฎฺฐสฺส อฎฺฐิตฎฺฐานํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

    Atha naṃ so ‘‘kiṃ kathesi eḷike, mama naṅguṭṭhassa aṭṭhitaṭṭhānaṃ nāma natthī’’ti vatvā catutthaṃ gāthamāha –

    ๙๑.

    91.

    ‘‘ยาวตา จตุโร ทีปา, สสมุทฺทา สปพฺพตา;

    ‘‘Yāvatā caturo dīpā, sasamuddā sapabbatā;

    ตาวตา มยฺหํ นงฺคุฎฺฐํ, กถํ โข ตํ วิวชฺชยี’’ติฯ

    Tāvatā mayhaṃ naṅguṭṭhaṃ, kathaṃ kho taṃ vivajjayī’’ti.

    ตตฺถ ตาวตาติ เอตฺตกํ ฐานํ มม นงฺคุฎฺฐํ ปริกฺขิปิตฺวา คตนฺติ วทติฯ

    Tattha tāvatāti ettakaṃ ṭhānaṃ mama naṅguṭṭhaṃ parikkhipitvā gatanti vadati.

    ตํ สุตฺวา เอฬิกา ‘‘อยํ ปาโป มธุรกถาย น อลฺลียติ, ปฎิสตฺตุ หุตฺวา ตสฺส กเถสฺสามี’’ติ วตฺวา ปญฺจมํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā eḷikā ‘‘ayaṃ pāpo madhurakathāya na allīyati, paṭisattu hutvā tassa kathessāmī’’ti vatvā pañcamaṃ gāthamāha –

    ๙๒.

    92.

    ‘‘ปุเพฺพว เมตมกฺขิํสุ, มาตา ปิตา จ ภาตโร;

    ‘‘Pubbeva metamakkhiṃsu, mātā pitā ca bhātaro;

    ทีฆํ ทุฎฺฐสฺส นงฺคุฎฺฐํ, สามฺหิ เวหายสาคตา’’ติฯ

    Dīghaṃ duṭṭhassa naṅguṭṭhaṃ, sāmhi vehāyasāgatā’’ti.

    ตตฺถ อกฺขิํสูติ ปุเพฺพว เม เอตํ มาตา จ ปิตา จ ภาตโร จ อาจิกฺขิํสุฯ สามฺหีติ สา อหํ ญาตกานํ สนฺติกา ตว นงฺคุฎฺฐสฺส ทีฆภาวํ สุตฺวา ตว นงฺคุฎฺฐํ ปริหรนฺตี เวหายสา อากาเสน อาคตาติฯ

    Tattha akkhiṃsūti pubbeva me etaṃ mātā ca pitā ca bhātaro ca ācikkhiṃsu. Sāmhīti sā ahaṃ ñātakānaṃ santikā tava naṅguṭṭhassa dīghabhāvaṃ sutvā tava naṅguṭṭhaṃ pariharantī vehāyasā ākāsena āgatāti.

    อถ นํ โส ‘‘ชานามิ เต อหํ อากาเสน อาคตภาวํ, เอวํ อาคจฺฉนฺตี ปน มยฺหํ ภเกฺข นาเสตฺวา อาคตาสี’’ติ วตฺวา ฉฎฺฐํ คาถมาห –

    Atha naṃ so ‘‘jānāmi te ahaṃ ākāsena āgatabhāvaṃ, evaṃ āgacchantī pana mayhaṃ bhakkhe nāsetvā āgatāsī’’ti vatvā chaṭṭhaṃ gāthamāha –

    ๙๓.

    93.

    ‘‘ตญฺจ ทิสฺวาน อายนฺติํ, อนฺตลิกฺขสฺมิ เอฬิเก;

    ‘‘Tañca disvāna āyantiṃ, antalikkhasmi eḷike;

    มิคสโงฺฆ ปลายิตฺถ, ภโกฺข เม นาสิโต ตยา’’ติฯ

    Migasaṅgho palāyittha, bhakkho me nāsito tayā’’ti.

    ตํ สุตฺวา อิตรา มรณภยภีตา อญฺญํ การณํ อาหริตุํ อสโกฺกนฺตี ‘‘มาตุล, มา เอวรูปํ กกฺขฬกมฺมํ กริ, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ วิลปิฯ อิตโรปิ นํ วิลปนฺติเญฺญว ขเนฺธ คเหตฺวา มาเรตฺวา ขาทิฯ

    Taṃ sutvā itarā maraṇabhayabhītā aññaṃ kāraṇaṃ āharituṃ asakkontī ‘‘mātula, mā evarūpaṃ kakkhaḷakammaṃ kari, jīvitaṃ me dehī’’ti vilapi. Itaropi naṃ vilapantiññeva khandhe gahetvā māretvā khādi.

    ๙๔.

    94.

    ‘‘อิเจฺจวํ วิลปนฺติยา, เอฬกิยา รุหคฺฆโส;

    ‘‘Iccevaṃ vilapantiyā, eḷakiyā ruhagghaso;

    คลกํ อนฺวาวมทฺทิ, นตฺถิ ทุเฎฺฐ สุภาสิตํฯ

    Galakaṃ anvāvamaddi, natthi duṭṭhe subhāsitaṃ.

    ๙๕.

    95.

    ‘‘เนว ทุเฎฺฐ นโย อตฺถิ, น ธโมฺม น สุภาสิตํ;

    ‘‘Neva duṭṭhe nayo atthi, na dhammo na subhāsitaṃ;

    นิกฺกมํ ทุเฎฺฐ ยุเญฺชถ, โส จ สพฺภิํ น รญฺชตี’’ติฯ –

    Nikkamaṃ duṭṭhe yuñjetha, so ca sabbhiṃ na rañjatī’’ti. –

    อิมา เทฺว อภิสมฺพุทฺธคาถา –

    Imā dve abhisambuddhagāthā –

    ตตฺถ รุหคฺฆโสติ รุหิรภโกฺข โลหิตปายี สาหสิกทีปิโกฯ คลกํ อนฺวาวมทฺทีติ คีวํ มทฺทิ, ฑํสิตฺวา ผาเลสีติ อโตฺถฯ นโยติ การณํฯ ธโมฺมติ สภาโวฯ สุภาสิตนฺติ สุกถิตวจนํ, สพฺพเมตํ ทุเฎฺฐ นตฺถีติ อโตฺถฯ นิกฺกมํ ทุเฎฺฐ ยุเญฺชถาติ ภิกฺขเว, ทุฎฺฐปุคฺคเล ปรกฺกมเมว ยุเญฺชยฺยฯ โส จ สพฺภิํ น รญฺชตีติ โส ปน ปุคฺคโล สพฺภิํ สุนฺทรํ สุภาสิตํ น รญฺชติ, น ปิยายตีติ อโตฺถฯ ตาปโส เตสํ กิริยํ สพฺพํ อทฺทสฯ

    Tattha ruhagghasoti ruhirabhakkho lohitapāyī sāhasikadīpiko. Galakaṃ anvāvamaddīti gīvaṃ maddi, ḍaṃsitvā phālesīti attho. Nayoti kāraṇaṃ. Dhammoti sabhāvo. Subhāsitanti sukathitavacanaṃ, sabbametaṃ duṭṭhe natthīti attho. Nikkamaṃ duṭṭhe yuñjethāti bhikkhave, duṭṭhapuggale parakkamameva yuñjeyya. So ca sabbhiṃ na rañjatīti so pana puggalo sabbhiṃ sundaraṃ subhāsitaṃ na rañjati, na piyāyatīti attho. Tāpaso tesaṃ kiriyaṃ sabbaṃ addasa.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เอฬิกาว เอตรหิ เอฬิกา อโหสิ, ทีปิโกปิ เอตรหิ ทีปิโกว, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā eḷikāva etarahi eḷikā ahosi, dīpikopi etarahi dīpikova, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.

    ทีปิชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Dīpijātakavaṇṇanā dasamā.

    ชาตกุทฺทานํ –

    Jātakuddānaṃ –

    กจฺจานี อฎฺฐสทฺทญฺจ, สุลสา จ สุมงฺคลํ;

    Kaccānī aṭṭhasaddañca, sulasā ca sumaṅgalaṃ;

    คงฺคมาลญฺจ เจติยํ, อินฺทฺริยเญฺจว อาทิตฺตํ;

    Gaṅgamālañca cetiyaṃ, indriyañceva ādittaṃ;

    อฎฺฐานเญฺจว ทีปิ จ, ทส อฎฺฐนิปาตเกฯ

    Aṭṭhānañceva dīpi ca, dasa aṭṭhanipātake.

    อฎฺฐกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๒๖. ทีปิชาตกํ • 426. Dīpijātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact