Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๑๒. ทิฎฺฐิคตสุตฺตวณฺณนา

    12. Diṭṭhigatasuttavaṇṇanā

    ๔๙. ทฺวาทสเม ทฺวีหิ ทิฎฺฐิคเตหีติ เอตฺถ ทิฎฺฐิโยว ทิฎฺฐิคตานิ ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๙.๑๑) วิยฯ คหิตาการสุญฺญตาย วา ทิฎฺฐีนํ คตมตฺตานีติ ทิฎฺฐิคตานิ, เตหิ ทิฎฺฐิคเตหิฯ ปริยุฎฺฐิตาติ อภิภูตา ปลิพุทฺธา วาฯ ปลิโพธโตฺถ วาปิ หิ ปริยุฎฺฐานสโทฺท ‘‘โจรา มเคฺค ปริยุฎฺฐิํสู’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๓๐) วิยฯ เทวาติ อุปปตฺติเทวาฯ เต หิ ทิพฺพนฺติ อุฬารตเมหิ กามคุเณหิ ฌานาทีหิ จ กีฬนฺติ, อิทฺธานุภาเวน วา ยถิจฺฉิตมตฺถํ คจฺฉนฺติ อธิคจฺฉนฺตีติ จ เทวาติ วุจฺจนฺติฯ มนสฺส อุสฺสนฺนตฺตา มนุสฺสา, อุกฺกฎฺฐนิเทฺทสวเสน เจตํ วุตฺตํ ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ โอลียนฺติ เอเกติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ ภเวสุ โอลียนาภินิเวสภูเตน สสฺสตภาเวน เอกเจฺจ เทวา มนุสฺสา จ อวลียนฺติ อลฺลียนฺติ สโงฺกจํ อาปชฺชนฺติ, น ตโต นิสฺสรนฺติฯ อติธาวนฺตีติ ปรมตฺถโต ภินฺนสภาวานมฺปิ สภาวธมฺมานํ ยฺวายํ เหตุผลภาเวน สมฺพโนฺธ, ตํ อคฺคเหตฺวา นานตฺตนยสฺสปิ คหเณน ตตฺถ ตเตฺถว ธาวนฺติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺฉิชฺชติ อตฺตา จ โลโก จ, น โหติ ปรํ มรณา’’ติ อุเจฺฉเท วา ภวนิโรธปฎิปตฺติยา ปฎิเกฺขปธมฺมตํ อติธาวนฺติ อติกฺกมนฺติฯ จกฺขุมโนฺต จ ปสฺสนฺตีติ จสโทฺท พฺยติเรเกฯ ปุพฺพโยคสมฺปตฺติยา ญาณปริปาเกน ปญฺญาจกฺขุมโนฺต ปน เทวมนุสฺสา เตเนว ปญฺญาจกฺขุนา สสฺสตํ อุเจฺฉทญฺจ อนฺตทฺวยํ อนุปคมฺม มชฺฌิมปฎิปตฺติทสฺสเนน ปจฺจกฺขํ กโรนฺติฯ เต หิ ‘‘นามรูปมตฺตมิทํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ, ตสฺมา น สสฺสตํ, นาปิ อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อวิปรีตโต ปสฺสนฺติฯ

    49. Dvādasame dvīhi diṭṭhigatehīti ettha diṭṭhiyova diṭṭhigatāni ‘‘gūthagataṃ muttagata’’ntiādīsu (a. ni. 9.11) viya. Gahitākārasuññatāya vā diṭṭhīnaṃ gatamattānīti diṭṭhigatāni, tehi diṭṭhigatehi. Pariyuṭṭhitāti abhibhūtā palibuddhā vā. Palibodhattho vāpi hi pariyuṭṭhānasaddo ‘‘corā magge pariyuṭṭhiṃsū’’tiādīsu (cūḷava. 430) viya. Devāti upapattidevā. Te hi dibbanti uḷāratamehi kāmaguṇehi jhānādīhi ca kīḷanti, iddhānubhāvena vā yathicchitamatthaṃ gacchanti adhigacchantīti ca devāti vuccanti. Manassa ussannattā manussā, ukkaṭṭhaniddesavasena cetaṃ vuttaṃ yathā ‘‘satthā devamanussāna’’nti. Olīyanti eketi ‘‘sassato attā ca loko cā’’ti bhavesu olīyanābhinivesabhūtena sassatabhāvena ekacce devā manussā ca avalīyanti allīyanti saṅkocaṃ āpajjanti, na tato nissaranti. Atidhāvantīti paramatthato bhinnasabhāvānampi sabhāvadhammānaṃ yvāyaṃ hetuphalabhāvena sambandho, taṃ aggahetvā nānattanayassapi gahaṇena tattha tattheva dhāvanti, tasmā ‘‘ucchijjati attā ca loko ca, na hoti paraṃ maraṇā’’ti ucchede vā bhavanirodhapaṭipattiyā paṭikkhepadhammataṃ atidhāvanti atikkamanti. Cakkhumanto ca passantīti casaddo byatireke. Pubbayogasampattiyā ñāṇaparipākena paññācakkhumanto pana devamanussā teneva paññācakkhunā sassataṃ ucchedañca antadvayaṃ anupagamma majjhimapaṭipattidassanena paccakkhaṃ karonti. Te hi ‘‘nāmarūpamattamidaṃ paṭiccasamuppannaṃ, tasmā na sassataṃ, nāpi ucchijjatī’’ti aviparītato passanti.

    เอวํ โอลียนาทิเก ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน อุทฺทิสิตุํ ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ภวาติ กามภโว, รูปภโว, อรูปภโวฯ อปเรปิ ตโย ภวา สญฺญีภโว, อสญฺญีภโว, เนวสญฺญีนาสญฺญีภโวฯ อปเรปิ ตโย ภวา เอกโวการภโว, จตุโวการภโว, ปญฺจโวการภโวติฯ เอเตหิ ภเวหิ อารมนฺติ อภินนฺทนฺตีติ ภวารามาฯ ภเวสุ รตา อภิรตาติ ภวรตาฯ ภเวสุ สุฎฺฐุ มุทิตาติ ภวสมฺมุทิตาฯ ภวนิโรธายาติ เตสํ ภวานํ อจฺจนฺตนิโรธาย อนุปฺปาทนตฺถายฯ ธเมฺม เทสิยมาเนติ ตถาคตปฺปเวทิเต นิยฺยานิกธเมฺม วุจฺจมาเนฯ น ปกฺขนฺทตีติ สสฺสตาภินิวิฎฺฐตฺตา สํขิตฺตธมฺมตฺตา น ปวิสติ น โอคาหติฯ น ปสีทตีติ ปสาทํ นาปชฺชติ น ตํ สทฺทหติฯ น สนฺติฎฺฐตีติ ตสฺสํ เทสนายํ น ติฎฺฐติ นาธิมุจฺจติฯ เอวํ สสฺสตโต อภินิวิสเนน ภเวสุ โอลียนฺติฯ

    Evaṃ olīyanādike puggalādhiṭṭhānena uddisituṃ ‘‘kathañca, bhikkhave’’tiādi vuttaṃ. Tattha bhavāti kāmabhavo, rūpabhavo, arūpabhavo. Aparepi tayo bhavā saññībhavo, asaññībhavo, nevasaññīnāsaññībhavo. Aparepi tayo bhavā ekavokārabhavo, catuvokārabhavo, pañcavokārabhavoti. Etehi bhavehi āramanti abhinandantīti bhavārāmā. Bhavesu ratā abhiratāti bhavaratā. Bhavesu suṭṭhu muditāti bhavasammuditā. Bhavanirodhāyāti tesaṃ bhavānaṃ accantanirodhāya anuppādanatthāya. Dhamme desiyamāneti tathāgatappavedite niyyānikadhamme vuccamāne. Na pakkhandatīti sassatābhiniviṭṭhattā saṃkhittadhammattā na pavisati na ogāhati. Na pasīdatīti pasādaṃ nāpajjati na taṃ saddahati. Na santiṭṭhatīti tassaṃ desanāyaṃ na tiṭṭhati nādhimuccati. Evaṃ sassatato abhinivisanena bhavesu olīyanti.

    อฎฺฎียมานาติ ภเว ชราโรคมรณาทีนิ วธพนฺธนเจฺฉทนาทีนิ จ ทิสฺวา สํวิชฺชเนน เตหิ สมงฺคิภาเวน ภเวน ปีฬิยมานา ทุกฺขาปิยมานาฯ หรายมานาติ ลชฺชมานา ชิคุจฺฉมานาติ ปฎิกูลโต ทหนฺตาฯ วิภวนฺติ อุเจฺฉทํฯ อภินนฺทนฺตีติ ตณฺหาทิฎฺฐาภินนฺทนาหิ อโชฺฌสาย นนฺทนฺติฯ ยโต กิร โภติอาทิ เตสํ อภินนฺทนาการทสฺสนํฯ ตตฺถ ยโตติ ยทาฯ โภติ อาลปนํฯ อยํ อตฺตาติ การกาทิภาเวน อตฺตนา ปริกปฺปิตํ สนฺธาย วทติฯ อุจฺฉิชฺชตีติ อุปจฺฉิชฺชติฯ วินสฺสตีติ น ทิสฺสติ, วินาสํ อภาวํ คจฺฉติฯ น โหติ ปรํ มรณาติ มรเณน อุทฺธํ น ภวติฯ เอตํ สนฺตนฺติ ยเทตํ อตฺตโน อุเจฺฉทาทิ, เอตํ สพฺพภววูปสมโต สพฺพสนฺตาปวูปสมโต จ สนฺตํ, สนฺตตฺตา เอว ปณีตํ, ตจฺฉาวิปรีตภาวโต ยาถาวํฯ ตตฺถ ‘‘สนฺตํ ปณีต’’นฺติ อิทํ ทฺวยํ ตณฺหาภินนฺทนาย วทนฺติ, ‘‘ยาถาว’’นฺติ ทิฎฺฐาภินนฺทนายฯ เอวนฺติ เอวํ ยถาวุตฺตอุเจฺฉทาภินิเวสเนนฯ

    Aṭṭīyamānāti bhave jarārogamaraṇādīni vadhabandhanacchedanādīni ca disvā saṃvijjanena tehi samaṅgibhāvena bhavena pīḷiyamānā dukkhāpiyamānā. Harāyamānāti lajjamānā jigucchamānāti paṭikūlato dahantā. Vibhavanti ucchedaṃ. Abhinandantīti taṇhādiṭṭhābhinandanāhi ajjhosāya nandanti. Yatokirabhotiādi tesaṃ abhinandanākāradassanaṃ. Tattha yatoti yadā. Bhoti ālapanaṃ. Ayaṃ attāti kārakādibhāvena attanā parikappitaṃ sandhāya vadati. Ucchijjatīti upacchijjati. Vinassatīti na dissati, vināsaṃ abhāvaṃ gacchati. Na hoti paraṃ maraṇāti maraṇena uddhaṃ na bhavati. Etaṃ santanti yadetaṃ attano ucchedādi, etaṃ sabbabhavavūpasamato sabbasantāpavūpasamato ca santaṃ, santattā eva paṇītaṃ, tacchāviparītabhāvato yāthāvaṃ. Tattha ‘‘santaṃ paṇīta’’nti idaṃ dvayaṃ taṇhābhinandanāya vadanti, ‘‘yāthāva’’nti diṭṭhābhinandanāya. Evanti evaṃ yathāvuttaucchedābhinivesanena.

    ภูตนฺติ ขนฺธปญฺจกํฯ ตญฺหิ ปจฺจยสมฺภูตตฺตา ปรมตฺถโต วิชฺชมานตฺตา จ ภูตนฺติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘ภูตมิทํ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๑)ฯ ภูตโต อวิปรีตสภาวโต สลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโต จ ปสฺสติฯ อิทญฺหิ ขนฺธปญฺจกํ นามรูปมตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘อิเม ปถวีอาทโย ธมฺมา รูปํ, อิเม ผสฺสาทโย ธมฺมา นามํ, อิมานิ เนสํ ลกฺขณาทีนิ, อิเม เนสํ อวิชฺชาทโย ปจฺจยา’’ติ เอวํ สปจฺจยนามรูปทสฺสนวเสน เจว, ‘‘สเพฺพปิเม ธมฺมา อหุตฺวา สโมฺภนฺติ, หุตฺวา ปฎิเวนฺติ, ตสฺมา อนิจฺจา, อนิจฺจตฺตา ทุกฺขา, ทุกฺขตฺตา อนตฺตา’’ติ เอวํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน จ ปสฺสตีติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา ตรุณวิปสฺสนาปริโยสานา วิปสฺสนาภูมิ ทสฺสิตาฯ นิพฺพิทายาติ ภูตสงฺขาตสฺส เตภูมกธมฺมชาตสฺส นิพฺพินฺทนตฺถาย, เอเตน พลววิปสฺสนํ ทเสฺสติฯ วิราคายาติ วิราคตฺถํ วิรชฺชนตฺถํ, อิมินา มคฺคํ ทเสฺสติฯ นิโรธายาติ นิรุชฺฌนตฺถํ, อิมินาปิ มคฺคเมว ทเสฺสติฯ นิโรธายาติ วา ปฎิปฺปสฺสทฺธินิโรเธน สทฺธิํ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ทเสฺสติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, จกฺขุมโนฺต ปสฺสนฺตีติ เอวํ ปญฺญาจกฺขุมโนฺต สปุพฺพภาเคน มคฺคปญฺญาจกฺขุนา จตุสจฺจธมฺมํ ปสฺสนฺติฯ

    Bhūtanti khandhapañcakaṃ. Tañhi paccayasambhūtattā paramatthato vijjamānattā ca bhūtanti vuccati. Tenāha ‘‘bhūtamidaṃ, bhikkhave, samanupassathā’’ti (ma. ni. 1.401). Bhūtato aviparītasabhāvato salakkhaṇato sāmaññalakkhaṇato ca passati. Idañhi khandhapañcakaṃ nāmarūpamattaṃ. Tattha ‘‘ime pathavīādayo dhammā rūpaṃ, ime phassādayo dhammā nāmaṃ, imāni nesaṃ lakkhaṇādīni, ime nesaṃ avijjādayo paccayā’’ti evaṃ sapaccayanāmarūpadassanavasena ceva, ‘‘sabbepime dhammā ahutvā sambhonti, hutvā paṭiventi, tasmā aniccā, aniccattā dukkhā, dukkhattā anattā’’ti evaṃ aniccānupassanādivasena ca passatīti attho. Ettāvatā taruṇavipassanāpariyosānā vipassanābhūmi dassitā. Nibbidāyāti bhūtasaṅkhātassa tebhūmakadhammajātassa nibbindanatthāya, etena balavavipassanaṃ dasseti. Virāgāyāti virāgatthaṃ virajjanatthaṃ, iminā maggaṃ dasseti. Nirodhāyāti nirujjhanatthaṃ, imināpi maggameva dasseti. Nirodhāyāti vā paṭippassaddhinirodhena saddhiṃ anupādisesanibbānaṃ dasseti. Evaṃ kho, bhikkhave, cakkhumanto passantīti evaṃ paññācakkhumanto sapubbabhāgena maggapaññācakkhunā catusaccadhammaṃ passanti.

    คาถาสุ เย ภูตํ ภูตโต ทิสฺวาติ เย อริยสาวกา ภูตํ ขนฺธปญฺจกํ ภูตโต อวิปรีตสภาวโต วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ทิสฺวาฯ เอเตน ปริญฺญาภิสมยํ ทเสฺสติฯ ภูตสฺส จ อติกฺกมนฺติ ภาวนาภิสมยํฯ อริยมโคฺค หิ ภูตํ อติกฺกมติ เอเตนาติ ‘‘ภูตสฺส อติกฺกโม’’ติ วุโตฺตฯ ยถาภูเตติ อวิปรีตสจฺจสภาเว นิพฺพาเนฯ วิมุจฺจนฺติ อธิมุจฺจนฺติ, เอเตน สจฺฉิกิริยาภิสมยํ ทเสฺสติฯ ภวตณฺหาปริกฺขยาติ ภวตณฺหาย สพฺพโส เขปนา สมุจฺฉินฺทนโต, เอเตน สมุทยปฺปหานํ ทเสฺสติฯ

    Gāthāsu ye bhūtaṃ bhūtato disvāti ye ariyasāvakā bhūtaṃ khandhapañcakaṃ bhūtato aviparītasabhāvato vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya disvā. Etena pariññābhisamayaṃ dasseti. Bhūtassa ca atikkamanti bhāvanābhisamayaṃ. Ariyamaggo hi bhūtaṃ atikkamati etenāti ‘‘bhūtassa atikkamo’’ti vutto. Yathābhūteti aviparītasaccasabhāve nibbāne. Vimuccanti adhimuccanti, etena sacchikiriyābhisamayaṃ dasseti. Bhavataṇhāparikkhayāti bhavataṇhāya sabbaso khepanā samucchindanato, etena samudayappahānaṃ dasseti.

    สเว ภูตปริโญฺญ โสติ เอตฺถ ปน สเวติ นิปาตมตฺตํฯ โส ภูตปริโญฺญ ภูตสฺส อติกฺกมนูปาเยน มเคฺคน ภวตณฺหาปริกฺขยา ปริญฺญาตกฺขโนฺธ ตโต เอว ยถาภูเต นิพฺพาเน อธิมุโตฺตฯ ภวาภเวติ ขุทฺทเก เจว มหเนฺต จ, อุเจฺฉทาทิทสฺสเน วา วีตตโณฺห ภินฺนกิเลโสฯ ภิกฺขุ ภูตสฺส อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อตฺตภาวสฺส วิภวา, อายติํ อนุปฺปาทา ปุนพฺภวํ นาคจฺฉติ, อปญฺญตฺติกภาวเมว คจฺฉตีติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ

    Save bhūtapariñño soti ettha pana saveti nipātamattaṃ. So bhūtapariñño bhūtassa atikkamanūpāyena maggena bhavataṇhāparikkhayā pariññātakkhandho tato eva yathābhūte nibbāne adhimutto. Bhavābhaveti khuddake ceva mahante ca, ucchedādidassane vā vītataṇho bhinnakileso. Bhikkhu bhūtassa upādānakkhandhasaṅkhātassa attabhāvassa vibhavā, āyatiṃ anuppādā punabbhavaṃ nāgacchati, apaññattikabhāvameva gacchatīti anupādisesāya nibbānadhātuyā desanaṃ niṭṭhāpesi.

    อิติ อิมสฺมิํ วเคฺค เอกาทสเม วฎฺฎํ กถิตํ, ตติยจตุตฺถปญฺจเมสุ ปริโยสานสุเตฺต จ วฎฺฎวิวฎฺฎํ กถิตํ, เสเสสุ วิวฎฺฎเมวาติ เวทิตพฺพํฯ

    Iti imasmiṃ vagge ekādasame vaṭṭaṃ kathitaṃ, tatiyacatutthapañcamesu pariyosānasutte ca vaṭṭavivaṭṭaṃ kathitaṃ, sesesu vivaṭṭamevāti veditabbaṃ.

    ทฺวาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dvādasamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกาย-อฎฺฐกถาย

    Paramatthadīpaniyā khuddakanikāya-aṭṭhakathāya

    อิติวุตฺตกสฺส ทุกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Itivuttakassa dukanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑๒. ทิฎฺฐิคตสุตฺตํ • 12. Diṭṭhigatasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact