Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๒. โทณพฺราหฺมณสุตฺตํ

    2. Doṇabrāhmaṇasuttaṃ

    ๑๙๒. อถ โข โทโณ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    192. Atha kho doṇo brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho doṇo brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘น สมโณ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิเณฺณ วุเฑฺฒ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปเตฺต อภิวาเทติ วา ปจฺจุเฎฺฐติ วา อาสเนน วา นิมเนฺตตี’ติฯ ตยิทํ, โภ โคตม, ตเถวฯ น หิ ภวํ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิเณฺณ วุเฑฺฒ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปเตฺต อภิวาเทติ วา ปจฺจุเฎฺฐติ วา อาสเนน วา นิมเนฺตติฯ ตยิทํ, โภ โคตม, น สมฺปนฺนเมวา’’ติฯ ‘‘ตฺวมฺปิ โน, โทณ, พฺราหฺมโณ ปฎิชานาสี’’ติ? ‘‘ยญฺหิ ตํ, โภ โคตม, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน, อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ, ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย’ติ, มเมว ตํ, โภ โคตม, สมฺมา วทมาโน วเทยฺยฯ อหญฺหิ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน, อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ, ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย’’ติฯ

    ‘‘Sutaṃ metaṃ, bho gotama – ‘na samaṇo gotamo brāhmaṇe jiṇṇe vuḍḍhe mahallake addhagate vayoanuppatte abhivādeti vā paccuṭṭheti vā āsanena vā nimantetī’ti. Tayidaṃ, bho gotama, tatheva. Na hi bhavaṃ gotamo brāhmaṇe jiṇṇe vuḍḍhe mahallake addhagate vayoanuppatte abhivādeti vā paccuṭṭheti vā āsanena vā nimanteti. Tayidaṃ, bho gotama, na sampannamevā’’ti. ‘‘Tvampi no, doṇa, brāhmaṇo paṭijānāsī’’ti? ‘‘Yañhi taṃ, bho gotama, sammā vadamāno vadeyya – ‘brāhmaṇo ubhato sujāto – mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā pitāmahayugā akkhito anupakkuṭṭho jātivādena, ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ, padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo’ti, mameva taṃ, bho gotama, sammā vadamāno vadeyya. Ahañhi, bho gotama, brāhmaṇo ubhato sujāto – mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena, ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ, padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo’’ti.

    ‘‘เย โข, เต โทณ, พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ สชฺฌายิตมนุสชฺฌายนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐโก, วามโก, วามเทโว, เวสฺสามิโตฺต, ยมทคฺคิ 1, องฺคีรโส, ภารทฺวาโช, วาเสโฎฺฐ, กสฺสโป, ภคุ; ตฺยาสฺสุ’เม ปญฺจ พฺราหฺมเณ ปญฺญาเปนฺติ – พฺรหฺมสมํ, เทวสมํ, มริยาทํ, สมฺภินฺนมริยาทํ, พฺราหฺมณจณฺฑาลํเยว ปญฺจมํฯ เตสํ ตฺวํ โทณ, กตโม’’ติ?

    ‘‘Ye kho, te doṇa, brāhmaṇānaṃ pubbakā isayo mantānaṃ kattāro mantānaṃ pavattāro, yesamidaṃ etarahi brāhmaṇā porāṇaṃ mantapadaṃ gītaṃ pavuttaṃ samihitaṃ tadanugāyanti tadanubhāsanti bhāsitamanubhāsanti sajjhāyitamanusajjhāyanti vācitamanuvācenti, seyyathidaṃ – aṭṭhako, vāmako, vāmadevo, vessāmitto, yamadaggi 2, aṅgīraso, bhāradvājo, vāseṭṭho, kassapo, bhagu; tyāssu’me pañca brāhmaṇe paññāpenti – brahmasamaṃ, devasamaṃ, mariyādaṃ, sambhinnamariyādaṃ, brāhmaṇacaṇḍālaṃyeva pañcamaṃ. Tesaṃ tvaṃ doṇa, katamo’’ti?

    ‘‘น โข มยํ, โภ โคตม, ปญฺจ พฺราหฺมเณ ชานาม, อถ โข มยํ พฺราหฺมณาเตฺวว ชานามฯ สาธุ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อหํ อิเม ปญฺจ พฺราหฺมเณ ชาเนยฺย’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สุโณหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –

    ‘‘Na kho mayaṃ, bho gotama, pañca brāhmaṇe jānāma, atha kho mayaṃ brāhmaṇātveva jānāma. Sādhu me bhavaṃ gotamo tathā dhammaṃ desetu yathā ahaṃ ime pañca brāhmaṇe jāneyya’’nti. ‘‘Tena hi, brāhmaṇa, suṇohi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ bho’’ti kho doṇo brāhmaṇo bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –

    ‘‘กถญฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ พฺรหฺมสโม โหติ? อิธ, โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ โส อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ 3 จรติ มเนฺต อธียมาโนฯ อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มเนฺต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธเมฺมเนว, โน อธเมฺมนฯ

    ‘‘Kathañca, doṇa, brāhmaṇo brahmasamo hoti? Idha, doṇa, brāhmaṇo ubhato sujāto hoti – mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena. So aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ 4 carati mante adhīyamāno. Aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ caritvā mante adhīyitvā ācariyassa ācariyadhanaṃ pariyesati dhammeneva, no adhammena.

    ‘‘ตตฺถ จ, โทณ, โก ธโมฺม? เนว กสิยา น วณิชฺชาย น โครเกฺขน น อิสฺสเตฺถน 5 น ราชโปริเสน น สิปฺปญฺญตเรน, เกวลํ ภิกฺขาจริยาย กปาลํ อนติมญฺญมาโนฯ โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา 6 เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํ 7, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน 8 ผริตฺวา วิหรติฯ กรุณา…เป.… มุทิตา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํ , อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหรติฯ โส อิเม จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชติฯ เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ พฺรหฺมสโม โหติฯ

    ‘‘Tattha ca, doṇa, ko dhammo? Neva kasiyā na vaṇijjāya na gorakkhena na issatthena 9 na rājaporisena na sippaññatarena, kevalaṃ bhikkhācariyāya kapālaṃ anatimaññamāno. So ācariyassa ācariyadhanaṃ niyyādetvā 10 kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. So evaṃ pabbajito samāno mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ tathā tatiyaṃ tathā catutthaṃ 11, iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena 12 pharitvā viharati. Karuṇā…pe… muditā… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ tathā tatiyaṃ tathā catutthaṃ , iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā viharati. So ime cattāro brahmavihāre bhāvetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ brahmalokaṃ upapajjati. Evaṃ kho, doṇa, brāhmaṇo brahmasamo hoti.

    ‘‘กถญฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ เทวสโม โหติ? อิธ, โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน ฯ โส อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จรติ มเนฺต อธียมาโนฯ อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มเนฺต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธเมฺมเนว, โน อธเมฺมนฯ ตตฺถ จ, โทณ, โก ธโมฺม? เนว กสิยา น วณิชฺชาย น โครเกฺขน น อิสฺสเตฺถน น ราชโปริเสน น สิปฺปญฺญตเรน, เกวลํ ภิกฺขาจริยาย กปาลํ อนติมญฺญมาโนฯ โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา ทารํ ปริเยสติ ธเมฺมเนว, โน อธเมฺมนฯ

    ‘‘Kathañca, doṇa, brāhmaṇo devasamo hoti? Idha, doṇa, brāhmaṇo ubhato sujāto hoti – mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena . So aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ carati mante adhīyamāno. Aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ caritvā mante adhīyitvā ācariyassa ācariyadhanaṃ pariyesati dhammeneva, no adhammena. Tattha ca, doṇa, ko dhammo? Neva kasiyā na vaṇijjāya na gorakkhena na issatthena na rājaporisena na sippaññatarena, kevalaṃ bhikkhācariyāya kapālaṃ anatimaññamāno. So ācariyassa ācariyadhanaṃ niyyādetvā dāraṃ pariyesati dhammeneva, no adhammena.

    ‘‘ตตฺถ จ, โทณ, โก ธโมฺม? เนว กเยน น วิกฺกเยน, พฺราหฺมณิํเยว อุทกูปสฺสฎฺฐํฯ โส พฺราหฺมณิํเยว คจฺฉติ, น ขตฺติยิํ น เวสฺสิํ น สุทฺทิํ น จณฺฑาลิํ น เนสาทิํ น เวนิํ 13 น รถการิํ น ปุกฺกุสิํ คจฺฉติ, น คพฺภินิํ คจฺฉติ, น ปายมานํ คจฺฉติ, น อนุตุนิํ คจฺฉติฯ กสฺมา จ, โทณ, พฺราหฺมโณ น คพฺภินิํ คจฺฉติ? สเจ, โทณ, พฺราหฺมโณ คพฺภินิํ คจฺฉติ, อติมีฬฺหโช นาม โส โหติ มาณวโก วา มาณวิกา 14 วา ฯ ตสฺมา, โทณ, พฺราหฺมโณ น คพฺภินิํ คจฺฉติฯ กสฺมา จ, โทณ, พฺราหฺมโณ น ปายมานํ คจฺฉติ? สเจ, โทณ, พฺราหฺมโณ ปายมานํ คจฺฉติ, อสุจิปฎิปีฬิโต นาม โส โหติ มาณวโก วา มาณวิกา วาฯ ตสฺมา, โทณ, พฺราหฺมโณ น ปายมานํ คจฺฉติฯ ตสฺส สา โหติ พฺราหฺมณี เนว กามตฺถา น ทวตฺถา น รตตฺถา, ปชตฺถาว พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี โหติฯ โส เมถุนํ อุปฺปาเทตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิเม จตฺตาโร ฌาเน ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ เทวสโม โหติฯ

    ‘‘Tattha ca, doṇa, ko dhammo? Neva kayena na vikkayena, brāhmaṇiṃyeva udakūpassaṭṭhaṃ. So brāhmaṇiṃyeva gacchati, na khattiyiṃ na vessiṃ na suddiṃ na caṇḍāliṃ na nesādiṃ na veniṃ 15 na rathakāriṃ na pukkusiṃ gacchati, na gabbhiniṃ gacchati, na pāyamānaṃ gacchati, na anutuniṃ gacchati. Kasmā ca, doṇa, brāhmaṇo na gabbhiniṃ gacchati? Sace, doṇa, brāhmaṇo gabbhiniṃ gacchati, atimīḷhajo nāma so hoti māṇavako vā māṇavikā 16 vā . Tasmā, doṇa, brāhmaṇo na gabbhiniṃ gacchati. Kasmā ca, doṇa, brāhmaṇo na pāyamānaṃ gacchati? Sace, doṇa, brāhmaṇo pāyamānaṃ gacchati, asucipaṭipīḷito nāma so hoti māṇavako vā māṇavikā vā. Tasmā, doṇa, brāhmaṇo na pāyamānaṃ gacchati. Tassa sā hoti brāhmaṇī neva kāmatthā na davatthā na ratatthā, pajatthāva brāhmaṇassa brāhmaṇī hoti. So methunaṃ uppādetvā kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. So evaṃ pabbajito samāno vivicceva kāmehi…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ime cattāro jhāne bhāvetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Evaṃ kho, doṇa, brāhmaṇo devasamo hoti.

    ‘‘กถญฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ มริยาโท โหติ? อิธ, โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ โส อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จรติ มเนฺต อธียมาโนฯ อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มเนฺต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธเมฺมเนว, โน อธเมฺมน ฯ ตตฺถ จ, โทณ, โก ธโมฺม? เนว กสิยา น วณิชฺชาย น โครเกฺขน น อิสฺสเตฺถน น ราชโปริเสน น สิปฺปญฺญตเรน, เกวลํ ภิกฺขาจริยาย กปาลํ อนติมญฺญมาโนฯ โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา ทารํ ปริเยสติ ธเมฺมเนว, โน อธเมฺมนฯ

    ‘‘Kathañca, doṇa, brāhmaṇo mariyādo hoti? Idha, doṇa, brāhmaṇo ubhato sujāto hoti – mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena. So aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ carati mante adhīyamāno. Aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ caritvā mante adhīyitvā ācariyassa ācariyadhanaṃ pariyesati dhammeneva, no adhammena . Tattha ca, doṇa, ko dhammo? Neva kasiyā na vaṇijjāya na gorakkhena na issatthena na rājaporisena na sippaññatarena, kevalaṃ bhikkhācariyāya kapālaṃ anatimaññamāno. So ācariyassa ācariyadhanaṃ niyyādetvā dāraṃ pariyesati dhammeneva, no adhammena.

    ‘‘ตตฺถ จ, โทณ , โก ธโมฺม? เนว กเยน น วิกฺกเยน, พฺราหฺมณิํเยว อุทกูปสฺสฎฺฐํฯ โส พฺราหฺมณิํเยว คจฺฉติ, น ขตฺติยิํ น เวสฺสิํ น สุทฺทิํ น จณฺฑาลิํ น เนสาทิํ น เวนิํ น รถการิํ น ปุกฺกุสิํ คจฺฉติ, น คพฺภินิํ คจฺฉติ, น ปายมานํ คจฺฉติ, น อนุตุนิํ คจฺฉติฯ กสฺมา จ, โทณ, พฺราหฺมโณ น คพฺภินิํ คจฺฉติ? สเจ, โทณ, พฺราหฺมโณ คพฺภินิํ คจฺฉติ, อติมีฬฺหโช นาม โส โหติ มาณวโก วา มาณวิกา วาฯ ตสฺมา, โทณ, พฺราหฺมโณ น คพฺภินิํ คจฺฉติฯ กสฺมา จ, โทณ, พฺราหฺมโณ น ปายมานํ คจฺฉติ? สเจ, โทณ, พฺราหฺมโณ ปายมานํ คจฺฉติ, อสุจิปฎิปีฬิโต นาม โส โหติ มาณวโก วา มาณวิกา วาฯ ตสฺมา, โทณ, พฺราหฺมโณ น ปายมานํ คจฺฉติฯ ตสฺส สา โหติ พฺราหฺมณี เนว กามตฺถา น ทวตฺถา น รตตฺถา, ปชตฺถาว พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี โหติฯ โส เมถุนํ อุปฺปาเทตฺวา ตเมว ปุตฺตสฺสาทํ นิกามยมาโน กุฎุมฺพํ อชฺฌาวสติ, น อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ ยาว โปราณานํ พฺราหฺมณานํ มริยาโท ตตฺถ ติฎฺฐติ, ตํ น วีติกฺกมติฯ ‘ยาว โปราณานํ พฺราหฺมณานํ มริยาโท ตตฺถ พฺราหฺมโณ ฐิโต ตํ น วีติกฺกมตี’ติ, โข, โทณ, ตสฺมา พฺราหฺมโณ มริยาโทติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ มริยาโท โหติฯ

    ‘‘Tattha ca, doṇa , ko dhammo? Neva kayena na vikkayena, brāhmaṇiṃyeva udakūpassaṭṭhaṃ. So brāhmaṇiṃyeva gacchati, na khattiyiṃ na vessiṃ na suddiṃ na caṇḍāliṃ na nesādiṃ na veniṃ na rathakāriṃ na pukkusiṃ gacchati, na gabbhiniṃ gacchati, na pāyamānaṃ gacchati, na anutuniṃ gacchati. Kasmā ca, doṇa, brāhmaṇo na gabbhiniṃ gacchati? Sace, doṇa, brāhmaṇo gabbhiniṃ gacchati, atimīḷhajo nāma so hoti māṇavako vā māṇavikā vā. Tasmā, doṇa, brāhmaṇo na gabbhiniṃ gacchati. Kasmā ca, doṇa, brāhmaṇo na pāyamānaṃ gacchati? Sace, doṇa, brāhmaṇo pāyamānaṃ gacchati, asucipaṭipīḷito nāma so hoti māṇavako vā māṇavikā vā. Tasmā, doṇa, brāhmaṇo na pāyamānaṃ gacchati. Tassa sā hoti brāhmaṇī neva kāmatthā na davatthā na ratatthā, pajatthāva brāhmaṇassa brāhmaṇī hoti. So methunaṃ uppādetvā tameva puttassādaṃ nikāmayamāno kuṭumbaṃ ajjhāvasati, na agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Yāva porāṇānaṃ brāhmaṇānaṃ mariyādo tattha tiṭṭhati, taṃ na vītikkamati. ‘Yāva porāṇānaṃ brāhmaṇānaṃ mariyādo tattha brāhmaṇo ṭhito taṃ na vītikkamatī’ti, kho, doṇa, tasmā brāhmaṇo mariyādoti vuccati. Evaṃ kho, doṇa, brāhmaṇo mariyādo hoti.

    ‘‘กถญฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ สมฺภินฺนมริยาโท โหติ? อิธ , โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน ฯ โส อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จรติ มเนฺต อธียมาโนฯ อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มเนฺต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธเมฺมเนว, โน อธเมฺมนฯ

    ‘‘Kathañca, doṇa, brāhmaṇo sambhinnamariyādo hoti? Idha , doṇa, brāhmaṇo ubhato sujāto hoti – mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena . So aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ carati mante adhīyamāno. Aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ caritvā mante adhīyitvā ācariyassa ācariyadhanaṃ pariyesati dhammeneva, no adhammena.

    ‘‘ตตฺถ จ, โทณ, โก ธโมฺม? เนว กสิยา น วณิชฺชาย น โครเกฺขน น อิสฺสเตฺถน น ราชโปริเสน น สิปฺปญฺญตเรน, เกวลํ ภิกฺขาจริยาย กปาลํ อนติมญฺญมาโนฯ โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา ทารํ ปริเยสติ ธเมฺมนปิ อธเมฺมนปิ กเยนปิ วิกฺกเยนปิ พฺราหฺมณิมฺปิ อุทกูปสฺสฎฺฐํฯ โส พฺราหฺมณิมฺปิ คจฺฉติ ขตฺติยิมฺปิ คจฺฉติ เวสฺสิมฺปิ คจฺฉติ สุทฺทิมฺปิ คจฺฉติ จณฺฑาลิมฺปิ คจฺฉติ เนสาทิมฺปิ คจฺฉติ เวนิมฺปิ คจฺฉติ รถการิมฺปิ คจฺฉติ ปุกฺกุสิมฺปิ คจฺฉติ คพฺภินิมฺปิ คจฺฉติ ปายมานมฺปิ คจฺฉติ อุตุนิมฺปิ คจฺฉติ อนุตุนิมฺปิ คจฺฉติฯ ตสฺส สา โหติ พฺราหฺมณี กามตฺถาปิ ทวตฺถาปิ รตตฺถาปิ ปชตฺถาปิ พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี โหติฯ ยาว โปราณานํ พฺราหฺมณานํ มริยาโท ตตฺถ น ติฎฺฐติ, ตํ วีติกฺกมติฯ ‘ยาว โปราณานํ พฺราหฺมณานํ มริยาโท ตตฺถ พฺราหฺมโณ น ฐิโต ตํ วีติกฺกมตี’ติ โข, โทณ, ตสฺมา พฺราหฺมโณ สมฺภินฺนมริยาโทติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ สมฺภินฺนมริยาโท โหติฯ

    ‘‘Tattha ca, doṇa, ko dhammo? Neva kasiyā na vaṇijjāya na gorakkhena na issatthena na rājaporisena na sippaññatarena, kevalaṃ bhikkhācariyāya kapālaṃ anatimaññamāno. So ācariyassa ācariyadhanaṃ niyyādetvā dāraṃ pariyesati dhammenapi adhammenapi kayenapi vikkayenapi brāhmaṇimpi udakūpassaṭṭhaṃ. So brāhmaṇimpi gacchati khattiyimpi gacchati vessimpi gacchati suddimpi gacchati caṇḍālimpi gacchati nesādimpi gacchati venimpi gacchati rathakārimpi gacchati pukkusimpi gacchati gabbhinimpi gacchati pāyamānampi gacchati utunimpi gacchati anutunimpi gacchati. Tassa sā hoti brāhmaṇī kāmatthāpi davatthāpi ratatthāpi pajatthāpi brāhmaṇassa brāhmaṇī hoti. Yāva porāṇānaṃ brāhmaṇānaṃ mariyādo tattha na tiṭṭhati, taṃ vītikkamati. ‘Yāva porāṇānaṃ brāhmaṇānaṃ mariyādo tattha brāhmaṇo na ṭhito taṃ vītikkamatī’ti kho, doṇa, tasmā brāhmaṇo sambhinnamariyādoti vuccati. Evaṃ kho, doṇa, brāhmaṇo sambhinnamariyādo hoti.

    ‘‘กถญฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณจณฺฑาโล โหติ? อิธ, โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ โส อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จรติ มเนฺต อธียมาโนฯ อฎฺฐจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มเนฺต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธเมฺมนปิ อธเมฺมนปิ กสิยาปิ วณิชฺชายปิ โครเกฺขนปิ อิสฺสเตฺถนปิ ราชโปริเสนปิ สิปฺปญฺญตเรนปิ, เกวลมฺปิ ภิกฺขาจริยาย, กปาลํ อนติมญฺญมาโนฯ

    ‘‘Kathañca, doṇa, brāhmaṇo brāhmaṇacaṇḍālo hoti? Idha, doṇa, brāhmaṇo ubhato sujāto hoti – mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena. So aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ carati mante adhīyamāno. Aṭṭhacattālīsavassāni komārabrahmacariyaṃ caritvā mante adhīyitvā ācariyassa ācariyadhanaṃ pariyesati dhammenapi adhammenapi kasiyāpi vaṇijjāyapi gorakkhenapi issatthenapi rājaporisenapi sippaññatarenapi, kevalampi bhikkhācariyāya, kapālaṃ anatimaññamāno.

    ‘‘โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา ทารํ ปริเยสติ ธเมฺมนปิ อธเมฺมนปิ กเยนปิ วิกฺกเยนปิ พฺราหฺมณิมฺปิ อุทกูปสฺสฎฺฐํฯ โส พฺราหฺมณิมฺปิ คจฺฉติ ขตฺติยิมฺปิ คจฺฉติ เวสฺสิมฺปิ คจฺฉติ สุทฺทิมฺปิ คจฺฉติ จณฺฑาลิมฺปิ คจฺฉติ เนสาทิมฺปิ คจฺฉติ เวนิมฺปิ คจฺฉติ รถการิมฺปิ คจฺฉติ ปุกฺกุสิมฺปิ คจฺฉติ คพฺภินิมฺปิ คจฺฉติ ปายมานมฺปิ คจฺฉติ อุตุนิมฺปิ คจฺฉติ อนุตุนิมฺปิ คจฺฉติฯ ตสฺส สา โหติ พฺราหฺมณี กามตฺถาปิ ทวตฺถาปิ รตตฺถาปิ ปชตฺถาปิ พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี โหติฯ โส สพฺพกเมฺมหิ ชีวิกํ 17 กเปฺปติฯ ตเมนํ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘กสฺมา ภวํ พฺราหฺมโณ ปฎิชานมาโน สพฺพกเมฺมหิ ชีวิกํ กเปฺปตี’ติ? โส เอวมาห – ‘เสยฺยถาปิ, โภ, อคฺคิ สุจิมฺปิ ฑหติ อสุจิมฺปิ ฑหติ, น จ เตน อคฺคิ อุปลิปฺปติ 18; เอวเมวํ โข, โภ, สพฺพกเมฺมหิ เจปิ พฺราหฺมโณ ชีวิกํ กเปฺปติ, น จ เตน พฺราหฺมโณ อุปลิปฺปติ’ฯ ‘สพฺพกเมฺมหิ ชีวิกํ กเปฺปตี’ติ โข, โทณ , ตสฺมา พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณจณฺฑาโลติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณจณฺฑาโล โหติฯ

    ‘‘So ācariyassa ācariyadhanaṃ niyyādetvā dāraṃ pariyesati dhammenapi adhammenapi kayenapi vikkayenapi brāhmaṇimpi udakūpassaṭṭhaṃ. So brāhmaṇimpi gacchati khattiyimpi gacchati vessimpi gacchati suddimpi gacchati caṇḍālimpi gacchati nesādimpi gacchati venimpi gacchati rathakārimpi gacchati pukkusimpi gacchati gabbhinimpi gacchati pāyamānampi gacchati utunimpi gacchati anutunimpi gacchati. Tassa sā hoti brāhmaṇī kāmatthāpi davatthāpi ratatthāpi pajatthāpi brāhmaṇassa brāhmaṇī hoti. So sabbakammehi jīvikaṃ 19 kappeti. Tamenaṃ brāhmaṇā evamāhaṃsu – ‘kasmā bhavaṃ brāhmaṇo paṭijānamāno sabbakammehi jīvikaṃ kappetī’ti? So evamāha – ‘seyyathāpi, bho, aggi sucimpi ḍahati asucimpi ḍahati, na ca tena aggi upalippati 20; evamevaṃ kho, bho, sabbakammehi cepi brāhmaṇo jīvikaṃ kappeti, na ca tena brāhmaṇo upalippati’. ‘Sabbakammehi jīvikaṃ kappetī’ti kho, doṇa , tasmā brāhmaṇo brāhmaṇacaṇḍāloti vuccati. Evaṃ kho, doṇa, brāhmaṇo brāhmaṇacaṇḍālo hoti.

    ‘‘เย โข เต, โทณ, พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมีหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ สชฺฌายิตมนุสชฺฌายนฺติ วาจิมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐโก, วามโก, วามเทโว, เวสฺสามิโตฺต, ยมทคฺคิ, องฺคีรโส, ภารทฺวาโช, วาเสโฎฺฐ , กสฺสโป, ภคุ; ตฺยาสฺสุเม ปญฺจ พฺราหฺมเณ ปญฺญาเปนฺติ – พฺรหฺมสมํ, เทวสมํ, มริยาทํ, สมฺภินฺนมริยาทํ, พฺราหฺมณจณฺฑาลํเยว ปญฺจมํฯ เตสํ ตฺวํ, โทณ, กตโม’’ติ?

    ‘‘Ye kho te, doṇa, brāhmaṇānaṃ pubbakā isayo mantānaṃ kattāro mantānaṃ pavattāro yesamidaṃ etarahi brāhmaṇā porāṇaṃ mantapadaṃ gītaṃ pavuttaṃ samīhitaṃ tadanugāyanti tadanubhāsanti bhāsitamanubhāsanti sajjhāyitamanusajjhāyanti vācimanuvācenti, seyyathidaṃ – aṭṭhako, vāmako, vāmadevo, vessāmitto, yamadaggi, aṅgīraso, bhāradvājo, vāseṭṭho , kassapo, bhagu; tyāssume pañca brāhmaṇe paññāpenti – brahmasamaṃ, devasamaṃ, mariyādaṃ, sambhinnamariyādaṃ, brāhmaṇacaṇḍālaṃyeva pañcamaṃ. Tesaṃ tvaṃ, doṇa, katamo’’ti?

    ‘‘เอวํ สเนฺต มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณจณฺฑาลมฺปิ น ปูเรมฯ อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ ทุติยํฯ

    ‘‘Evaṃ sante mayaṃ, bho gotama, brāhmaṇacaṇḍālampi na pūrema. Abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti. Dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. ยมตคฺคิ (สี.) ที. นิ. ๑.๒๘๔, ๕๒๖, ๕๓๖; ม. นิ. ๒.๔๒๗; มหาว. ๓๐๐; อ. นิ. ๕.๑๙๒ ปสฺสิตพฺพํ
    2. yamataggi (sī.) dī. ni. 1.284, 526, 536; ma. ni. 2.427; mahāva. 300; a. ni. 5.192 passitabbaṃ
    3. โกธารํ พฺรหฺมจริยํ (สฺยา. ก.)
    4. kodhāraṃ brahmacariyaṃ (syā. ka.)
    5. น อิสฺสเตฺตน (ก.)
    6. นียฺยาเทตฺวา (สี.), นียาเทตฺวา (ปี.), นิยฺยาเตตฺวา (กตฺถจิ)
    7. จตุตฺถิํ (สี.)
    8. อพฺยาปเชฺฌน (ก.) อพฺยาพเชฺฌน (?)
    9. na issattena (ka.)
    10. nīyyādetvā (sī.), nīyādetvā (pī.), niyyātetvā (katthaci)
    11. catutthiṃ (sī.)
    12. abyāpajjhena (ka.) abyābajjhena (?)
    13. น เวณิํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    14. มาณวกี (ก.)
    15. na veṇiṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    16. māṇavakī (ka.)
    17. ชีวิตํ (ก.)
    18. อุปลิมฺปติ (ก.)
    19. jīvitaṃ (ka.)
    20. upalimpati (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. โทณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา • 2. Doṇabrāhmaṇasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. โทณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา • 2. Doṇabrāhmaṇasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact