Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. โทณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
2. Doṇabrāhmaṇasuttavaṇṇanā
๑๙๒. ทุติเย ปวตฺตาโรติ (ที. นิ. ฎี. ๑.๒๘๕) ปาวจนภาเวน วตฺตาโรฯ ยสฺมา เต เตสํ มนฺตานํ ปวตฺตนกา, ตสฺมา อาห ‘‘ปวตฺตยิตาโร’’ติฯ สุเทฺท พหิ กตฺวา รโหภาสิตพฺพเฎฺฐน มนฺตา เอว ตํตํอตฺถปฺปฎิปตฺติเหตุตาย มนฺตปทํฯ อนุปนีตาสาธารณตาย รหสฺสภาเวน วตฺตพฺพกิริยาย อธิคมูปายํฯ สชฺฌายิตนฺติ คายนวเสน สชฺฌายิตํฯ ตํ ปน อุทตฺตานุทตฺตาทีนํ สรานํ สมฺปทาวเสเนว อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘สรสมฺปตฺติวเสนา’’ติฯ อเญฺญสํ วุตฺตนฺติ ปาวจนภาเวน อเญฺญสํ วุตฺตํฯ สมุปพฺยูฬฺหนฺติ สงฺคเหตฺวา อุปรูปริ สญฺญูฬฺหํฯ ราสิกตนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทาทิวเสน, ตตฺถาปิ ปเจฺจกํ มนฺตพฺรหฺมาทิวเสน, อชฺฌายานุวากาทิวเสน จ ราสิกตํฯ เตสนฺติ มนฺตานํ กตฺตูนํฯ ทิเพฺพน จกฺขุนา โอโลเกตฺวาติ ทิพฺพจกฺขุปริภเณฺฑน ยถากมฺมูปคญาเณน สตฺตานํ กมฺมสฺสกตาทิํ, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนเฎฺฐน ทิพฺพจกฺขุสทิเสน ปุเพฺพนิวาสญาเณน อตีตกเปฺป พฺราหฺมณานํ มนฺตเชฺฌนวิธิญฺจ โอโลเกตฺวาฯ ปาวจเนน สห สํสเนฺทตฺวาติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ยํ วจนํ วฎฺฎสนฺนิสฺสิตํ, เตน สห อวิรุทฺธํ กตฺวาฯ น หิ เตสํ วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิโต อโตฺถ ปจฺจโกฺข โหติฯ อปราปเรติ อฎฺฐกาทีหิ อปราปเร ปจฺฉิมา โอกฺกากราชกาลาทีสุ อุปฺปนฺนาฯ ปกฺขิปิตฺวาติ อฎฺฐกาทีหิ คนฺถิตมนฺตปเทสุ กิเลสสนฺนิสฺสิตปทานํ ตตฺถ ตตฺถ ปเท ปกฺขิปนํ กตฺวาฯ วิรุเทฺธ อกํสูติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตาทีสุ (สุ. นิ. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํ ๒๘๖ อาทโย) อาคตนเยน สํกิเลสตฺถทีปนโต ปจฺจนีกภูเต อกํสุฯ
192. Dutiye pavattāroti (dī. ni. ṭī. 1.285) pāvacanabhāvena vattāro. Yasmā te tesaṃ mantānaṃ pavattanakā, tasmā āha ‘‘pavattayitāro’’ti. Sudde bahi katvā rahobhāsitabbaṭṭhena mantā eva taṃtaṃatthappaṭipattihetutāya mantapadaṃ. Anupanītāsādhāraṇatāya rahassabhāvena vattabbakiriyāya adhigamūpāyaṃ. Sajjhāyitanti gāyanavasena sajjhāyitaṃ. Taṃ pana udattānudattādīnaṃ sarānaṃ sampadāvaseneva icchitanti āha ‘‘sarasampattivasenā’’ti. Aññesaṃ vuttanti pāvacanabhāvena aññesaṃ vuttaṃ. Samupabyūḷhanti saṅgahetvā uparūpari saññūḷhaṃ. Rāsikatanti iruvedayajuvedasāmavedādivasena, tatthāpi paccekaṃ mantabrahmādivasena, ajjhāyānuvākādivasena ca rāsikataṃ. Tesanti mantānaṃ kattūnaṃ. Dibbena cakkhunā oloketvāti dibbacakkhuparibhaṇḍena yathākammūpagañāṇena sattānaṃ kammassakatādiṃ, paccakkhato dassanaṭṭhena dibbacakkhusadisena pubbenivāsañāṇena atītakappe brāhmaṇānaṃ mantajjhenavidhiñca oloketvā. Pāvacanena saha saṃsandetvāti kassapasammāsambuddhassa yaṃ vacanaṃ vaṭṭasannissitaṃ, tena saha aviruddhaṃ katvā. Na hi tesaṃ vivaṭṭasannissito attho paccakkho hoti. Aparāpareti aṭṭhakādīhi aparāpare pacchimā okkākarājakālādīsu uppannā. Pakkhipitvāti aṭṭhakādīhi ganthitamantapadesu kilesasannissitapadānaṃ tattha tattha pade pakkhipanaṃ katvā. Viruddhe akaṃsūti brāhmaṇadhammikasuttādīsu (su. ni. brāhmaṇadhammikasuttaṃ 286 ādayo) āgatanayena saṃkilesatthadīpanato paccanīkabhūte akaṃsu.
อุสูนํ อสนกมฺมํ อิสฺสตฺถํ, ธนุสิเปฺปน ชีวิกาฯ อิธ ปน อิสฺสตฺถํ วิยาติ อิสฺสตฺถํ, สพฺพอาวุธชีวิกาติ อาห ‘‘โยธาชีวกเมฺมนา’’ติ, อาวุธํ คเหตฺวา อุปฎฺฐานกเมฺมนาติ อโตฺถฯ ราชโปริสํ นาม วินา อาวุเธน โปโรเหจฺจามจฺจกมฺมาทิราชกมฺมํ กตฺวา ราชุปฎฺฐานํฯ สิปฺปญฺญตเรนาติ คหิตาวเสเสน หตฺถิอสฺสสิปฺปาทินาฯ กุมารภาวโต ปภุติ จรเณน โกมารพฺรหฺมจริยํฯ
Usūnaṃ asanakammaṃ issatthaṃ, dhanusippena jīvikā. Idha pana issatthaṃ viyāti issatthaṃ, sabbaāvudhajīvikāti āha ‘‘yodhājīvakammenā’’ti, āvudhaṃ gahetvā upaṭṭhānakammenāti attho. Rājaporisaṃ nāma vinā āvudhena poroheccāmaccakammādirājakammaṃ katvā rājupaṭṭhānaṃ. Sippaññatarenāti gahitāvasesena hatthiassasippādinā. Kumārabhāvato pabhuti caraṇena komārabrahmacariyaṃ.
อุทกํ ปาเตตฺวา เทนฺตีติ ทฺวาเร ฐิตเสฺสว พฺราหฺมณสฺส หเตฺถ อุทกํ อาสิญฺจนฺตา ‘‘อิทํ เต, พฺราหฺมณ, ภริยํ โปสาปนตฺถาย เทมา’’ติ วตฺวา เทนฺติฯ กสฺมา ปน เต เอวํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวาปิ ทารํ ปริเยสนฺติ, น ยาวชีวํ พฺรหฺมจาริโน โหนฺตีติ? มิจฺฉาทิฎฺฐิวเสนฯ เตสญฺหี เอวํ ทิฎฺฐิ โหติ ‘‘โย ปุตฺตํ น อุปฺปาเทติ, โส กุลวํสเจฺฉทกโร โหติ, ตโต นิรเย ปจฺจตี’’ติฯ จตฺตาโร กิร อภายิตพฺพํ ภายนฺติ คณฺฑุปฺปาทโก, กิกี, โกนฺตินี, พฺราหฺมโณติฯ คณฺฑุปฺปาทา กิร มหาปถวิยา ขยนภเยน มตฺตโภชนา โหนฺติ, น พหุํ มตฺติกํ ขาทนฺติฯ กิกี สกุณิกา อากาสปตนภเยน อณฺฑสฺส อุปริ อุตฺตานา เสติฯ โกนฺตินี สกุณี ปถวีกมฺปนภเยน ปาเทหิ ภูมิํ น สุฎฺฐุ อกฺกมติฯ พฺราหฺมณา กุลวํสูปเจฺฉทภเยน ทารํ ปริเยสนฺติฯ อาหุ เจตฺถ –
Udakaṃ pātetvā dentīti dvāre ṭhitasseva brāhmaṇassa hatthe udakaṃ āsiñcantā ‘‘idaṃ te, brāhmaṇa, bhariyaṃ posāpanatthāya demā’’ti vatvā denti. Kasmā pana te evaṃ brahmacariyaṃ caritvāpi dāraṃ pariyesanti, na yāvajīvaṃ brahmacārino hontīti? Micchādiṭṭhivasena. Tesañhī evaṃ diṭṭhi hoti ‘‘yo puttaṃ na uppādeti, so kulavaṃsacchedakaro hoti, tato niraye paccatī’’ti. Cattāro kira abhāyitabbaṃ bhāyanti gaṇḍuppādako, kikī, kontinī, brāhmaṇoti. Gaṇḍuppādā kira mahāpathaviyā khayanabhayena mattabhojanā honti, na bahuṃ mattikaṃ khādanti. Kikī sakuṇikā ākāsapatanabhayena aṇḍassa upari uttānā seti. Kontinī sakuṇī pathavīkampanabhayena pādehi bhūmiṃ na suṭṭhu akkamati. Brāhmaṇā kulavaṃsūpacchedabhayena dāraṃ pariyesanti. Āhu cettha –
‘‘คณฺฑุปฺปาโท กิกี เจว, โกนฺตี พฺราหฺมณธมฺมิโก;
‘‘Gaṇḍuppādo kikī ceva, kontī brāhmaṇadhammiko;
เอเต อภยํ ภายนฺติ, สมฺมูฬฺหา จตุโร ชนา’’ติฯ (สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๙๓);
Ete abhayaṃ bhāyanti, sammūḷhā caturo janā’’ti. (su. ni. aṭṭha. 2.293);
เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Sesamettha uttānameva.
โทณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Doṇabrāhmaṇasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. โทณพฺราหฺมณสุตฺตํ • 2. Doṇabrāhmaṇasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. โทณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา • 2. Doṇabrāhmaṇasuttavaṇṇanā