Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. โทณสุตฺตํ
6. Doṇasuttaṃ
๓๖. เอกํ สมยํ ภควา อนฺตรา จ อุกฺกฎฺฐํ อนฺตรา จ เสตพฺยํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน โหติฯ โทโณปิ สุทํ พฺราหฺมโณ อนฺตรา จ อุกฺกฎฺฐํ อนฺตรา จ เสตพฺยํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน โหติฯ อทฺทสา โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปาเทสุ จกฺกานิ สหสฺสารานิ สเนมิกานิ สนาภิกานิ สพฺพาการปริปูรานิ; ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! น วติมานิ มนุสฺสภูตสฺส ปทานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ!! อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ อถ โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปทานิ อนุคจฺฉโนฺต อทฺทส ภควนฺตํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ สนฺตินฺทฺริยํ สนฺตมานสํ อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สํยตินฺทฺริยํ 1 นาคํฯ ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ –
36. Ekaṃ samayaṃ bhagavā antarā ca ukkaṭṭhaṃ antarā ca setabyaṃ addhānamaggappaṭipanno hoti. Doṇopi sudaṃ brāhmaṇo antarā ca ukkaṭṭhaṃ antarā ca setabyaṃ addhānamaggappaṭipanno hoti. Addasā kho doṇo brāhmaṇo bhagavato pādesu cakkāni sahassārāni sanemikāni sanābhikāni sabbākāraparipūrāni; disvānassa etadahosi – ‘‘acchariyaṃ vata, bho, abbhutaṃ vata, bho! Na vatimāni manussabhūtassa padāni bhavissantī’’ti!! Atha kho bhagavā maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. Atha kho doṇo brāhmaṇo bhagavato padāni anugacchanto addasa bhagavantaṃ aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinnaṃ pāsādikaṃ pasādanīyaṃ santindriyaṃ santamānasaṃ uttamadamathasamathamanuppattaṃ dantaṃ guttaṃ saṃyatindriyaṃ 2 nāgaṃ. Disvāna yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘เทโว โน ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, เทโว ภวิสฺสามี’’ติฯ ‘‘คนฺธโพฺพ โน ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, คนฺธโพฺพ ภวิสฺสามี’’ติฯ ‘‘ยโกฺข โน ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, ยโกฺข ภวิสฺสามี’’ติฯ ‘‘มนุโสฺส โน ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, มนุโสฺส ภวิสฺสามี’’ติฯ
‘‘Devo no bhavaṃ bhavissatī’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, brāhmaṇa, devo bhavissāmī’’ti. ‘‘Gandhabbo no bhavaṃ bhavissatī’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, brāhmaṇa, gandhabbo bhavissāmī’’ti. ‘‘Yakkho no bhavaṃ bhavissatī’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, brāhmaṇa, yakkho bhavissāmī’’ti. ‘‘Manusso no bhavaṃ bhavissatī’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, brāhmaṇa, manusso bhavissāmī’’ti.
‘‘‘เทโว โน ภวํ ภวิสฺสตี’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, เทโว ภวิสฺสามี’ติ วเทสิฯ ‘คนฺธโพฺพ โน ภวํ ภวิสฺสตี’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, คนฺธโพฺพ ภวิสฺสามี’ติ วเทสิฯ ‘ยโกฺข โน ภวํ ภวิสฺสตี’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, ยโกฺข ภวิสฺสามี’ติ วเทสิฯ ‘มนุโสฺส โน ภวํ ภวิสฺสตี’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, มนุโสฺส ภวิสฺสามี’ติ วเทสิฯ อถ โก จรหิ ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ?
‘‘‘Devo no bhavaṃ bhavissatī’ti, iti puṭṭho samāno – ‘na kho ahaṃ, brāhmaṇa, devo bhavissāmī’ti vadesi. ‘Gandhabbo no bhavaṃ bhavissatī’ti, iti puṭṭho samāno – ‘na kho ahaṃ, brāhmaṇa, gandhabbo bhavissāmī’ti vadesi. ‘Yakkho no bhavaṃ bhavissatī’ti, iti puṭṭho samāno – ‘na kho ahaṃ, brāhmaṇa, yakkho bhavissāmī’ti vadesi. ‘Manusso no bhavaṃ bhavissatī’ti, iti puṭṭho samāno – ‘na kho ahaṃ, brāhmaṇa, manusso bhavissāmī’ti vadesi. Atha ko carahi bhavaṃ bhavissatī’’ti?
‘‘เยสํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, อาสวานํ อปฺปหีนตฺตา เทโว ภเวยฺยํ, เต เม อาสวา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ เยสํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, อาสวานํ อปฺปหีนตฺตา คนฺธโพฺพ ภเวยฺยํ… ยโกฺข ภเวยฺยํ… มนุโสฺส ภเวยฺยํ, เต เม อาสวา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุปฺปลํ วา ปทุมํ วา ปุณฺฑรีกํ วา อุทเก ชาตํ อุทเก สํวฑฺฒํ อุทกา อจฺจุคฺคมฺม ติฎฺฐติ อนุปลิตฺตํ อุทเกน; เอวเมวํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, โลเก ชาโต โลเก สํวโฑฺฒ โลกํ อภิภุยฺย วิหรามิ อนุปลิโตฺต โลเกนฯ พุโทฺธติ มํ, พฺราหฺมณ, ธาเรหี’’ติฯ
‘‘Yesaṃ kho ahaṃ, brāhmaṇa, āsavānaṃ appahīnattā devo bhaveyyaṃ, te me āsavā pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Yesaṃ kho ahaṃ, brāhmaṇa, āsavānaṃ appahīnattā gandhabbo bhaveyyaṃ… yakkho bhaveyyaṃ… manusso bhaveyyaṃ, te me āsavā pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Seyyathāpi, brāhmaṇa, uppalaṃ vā padumaṃ vā puṇḍarīkaṃ vā udake jātaṃ udake saṃvaḍḍhaṃ udakā accuggamma tiṭṭhati anupalittaṃ udakena; evamevaṃ kho ahaṃ, brāhmaṇa, loke jāto loke saṃvaḍḍho lokaṃ abhibhuyya viharāmi anupalitto lokena. Buddhoti maṃ, brāhmaṇa, dhārehī’’ti.
‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธโพฺพ วา วิหงฺคโม;
‘‘Yena devūpapatyassa, gandhabbo vā vihaṅgamo;
ยกฺขตฺตํ เยน คเจฺฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตญฺจ อพฺพเช;
Yakkhattaṃ yena gaccheyyaṃ, manussattañca abbaje;
เต มยฺหํ, อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตาฯ
Te mayhaṃ, āsavā khīṇā, viddhastā vinaḷīkatā.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. โทณสุตฺตวณฺณนา • 6. Doṇasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. โทณสุตฺตวณฺณนา • 6. Doṇasuttavaṇṇanā