Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๖. โทณสุตฺตวณฺณนา

    6. Doṇasuttavaṇṇanā

    ๓๖. ฉเฎฺฐ อุกฺกาหิ ธาริยมานาหีติ ทีปิกาหิ ธาริยมานาหิ, ทณฺฑทีปิกาสุ ชาเลตฺวา ธาริยมานาสุ มาปิตตฺตาติ วุตฺตํ โหติฯ ตญฺหิ นครํ ‘‘มงฺคลทิวเส สุขเณ สุนกฺขตฺตํ มา อติกฺกมี’’ติ รตฺติมฺปิ อุกฺกาสุ ธาริยมานาสุ มาปิตํฯ อุกฺกาสุ ฐาติ อุกฺกฎฺฐา, อุกฺกาสุ วิโชฺชตยนฺตีสุ ฐิตา ปติฎฺฐิตาติ มูลวิภูชาทิปเกฺขเปน (ปาณินิ ๓.๒.๕) สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ นิรุตฺตินเยน วา อุกฺกาสุ ฐิตาสุ ฐิตา อาสีติ อุกฺกฎฺฐาฯ อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภูมิภาคสมฺปตฺติยา มนุสฺสสมฺปตฺติยา อุปกรณสมฺปตฺติยา จ สา นครี อุกฺกฎฺฐคุณโยคโต อุกฺกฎฺฐาติ นามํ ลภตี’’ติฯ เสตพฺยนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํฯ ตํ ปน กสฺสปทสพลสฺส ชาตนครนฺติ อาห ‘‘อตีเต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ชาตนคร’’นฺติฯ

    36. Chaṭṭhe ukkāhi dhāriyamānāhīti dīpikāhi dhāriyamānāhi, daṇḍadīpikāsu jāletvā dhāriyamānāsu māpitattāti vuttaṃ hoti. Tañhi nagaraṃ ‘‘maṅgaladivase sukhaṇe sunakkhattaṃ mā atikkamī’’ti rattimpi ukkāsu dhāriyamānāsu māpitaṃ. Ukkāsu ṭhāti ukkaṭṭhā, ukkāsu vijjotayantīsu ṭhitā patiṭṭhitāti mūlavibhūjādipakkhepena (pāṇini 3.2.5) saddasiddhi veditabbā. Niruttinayena vā ukkāsu ṭhitāsu ṭhitā āsīti ukkaṭṭhā. Apare pana bhaṇanti ‘‘bhūmibhāgasampattiyā manussasampattiyā upakaraṇasampattiyā ca sā nagarī ukkaṭṭhaguṇayogato ukkaṭṭhāti nāmaṃ labhatī’’ti. Setabyanti tassa nagarassa nāmaṃ. Taṃ pana kassapadasabalassa jātanagaranti āha ‘‘atīte kassapasammāsambuddhassa jātanagara’’nti.

    วิชฺชนฺตริกายาติ วิชฺชุนิจฺฉรณกฺขเณฯ อนฺตรโตติ หทเยฯ อนฺตราติ อารมฺภนิพฺพตฺตีนํ เวมเชฺฌฯ อนฺตริกายาติ อนฺตราเฬฯ เอตฺถ จ ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย (อ. นิ. ๖.๔๔; ๑๐.๗๕), เอเตสํ อนฺตรา กปฺปา คณนโต อสเงฺขฺยยฺยา (พุ. วํ. ๒๘.๓), อนฺตรนฺตรา กถํ โอปปาเตตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๒๖) จ อาทีสุ วิย การณเวมเชฺฌสุ วตฺตมานา อนฺตราสทฺทา เอว อุทาหริตพฺพา สิยุํ, น ปน จิตฺตกฺขณวิวเรสุ วตฺตมานา อนฺตรอนฺตริกสทฺทาฯ อนฺตราสทฺทสฺส หิ อยมตฺถุทฺธาโรติฯ

    Vijjantarikāyāti vijjuniccharaṇakkhaṇe. Antaratoti hadaye. Antarāti ārambhanibbattīnaṃ vemajjhe. Antarikāyāti antarāḷe. Ettha ca ‘‘tadantaraṃ ko jāneyya (a. ni. 6.44; 10.75), etesaṃ antarā kappā gaṇanato asaṅkhyeyyā (bu. vaṃ. 28.3), antarantarā kathaṃ opapātetī’’ti (ma. ni. 2.426) ca ādīsu viya kāraṇavemajjhesu vattamānā antarāsaddā eva udāharitabbā siyuṃ, na pana cittakkhaṇavivaresu vattamānā antaraantarikasaddā. Antarāsaddassa hi ayamatthuddhāroti.

    อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – เยสุ อนฺตราสโทฺท วตฺตติ, เตสุ อนฺตรสโทฺทปิ วตฺตตีติ สมานตฺถตฺตา อนฺตราสทฺทเตฺถ วตฺตมาโน อนฺตรสโทฺท อุทาหโฎฯ อนฺตราสโทฺท เอว วา ‘‘ยสฺสนฺตรโต’’ติ เอตฺถ คาถาสุขตฺถํ รสฺสํ กตฺวา วุโตฺตติ ทฎฺฐพฺพํฯ อนฺตราสโทฺท เอว ปน อิกสเทฺทน ปทํ วเฑฺฒตฺวา ‘‘อนฺตริกา’’ติ วุโตฺตติ เอวเมตฺถ อุทาหรโณทาหริตพฺพานํ วิโรธาภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนสฺส ปสเงฺค อนฺตราสทฺทโยเคน อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘อนฺตราสเทฺทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กต’’นฺติฯ

    Ayaṃ panettha adhippāyo siyā – yesu antarāsaddo vattati, tesu antarasaddopi vattatīti samānatthattā antarāsaddatthe vattamāno antarasaddo udāhaṭo. Antarāsaddo eva vā ‘‘yassantarato’’ti ettha gāthāsukhatthaṃ rassaṃ katvā vuttoti daṭṭhabbaṃ. Antarāsaddo eva pana ikasaddena padaṃ vaḍḍhetvā ‘‘antarikā’’ti vuttoti evamettha udāharaṇodāharitabbānaṃ virodhābhāvo daṭṭhabbo. Ayojiyamāne upayogavacanaṃ na pāpuṇāti sāmivacanassa pasaṅge antarāsaddayogena upayogavacanassa icchitattā. Tenevāha ‘‘antarāsaddena pana yuttattā upayogavacanaṃ kata’’nti.

    สกลชมฺพุทีเป อุปฺปนฺนํ มหากลหํ วูปสเมตฺวาติ ปรินิพฺพุเต ภควติ ธาตูนํ อตฺถาย กุสินารนครํ ปริวาเรตฺวา ฐิเตหิ เสสราชูหิ ‘‘อมฺหากํ ธาตุโย วา เทนฺตุ ยุทฺธํ วา’’ติอาทินา โกสินารเกหิ มเลฺลหิ สทฺธิํ กตํ วิวาทํ วูปสเมตฺวาฯ โส กิร พฺราหฺมโณ เตสํ วิวาทํ สุตฺวา ‘‘เอเต ราชาโน ภควโต ปรินิพฺพุตฎฺฐาเน วิวาทํ กโรนฺติ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, อลํ อิมินา กลเหน, วูปสเมสฺสามิ น’’นฺติ คนฺตฺวา อุนฺนเต ปเทเส ฐตฺวา เทฺวภาณวารปริมาณํ โทณคชฺชิตํ นาม อโวจฯ ตตฺถ ปฐมภาณวาเร ตาว เอกปทมฺปิ เต น ชานิํสุฯ ทุติยภาณวารปริโยสาเน จ ‘‘อาจริยสฺส วิย โภ สโทฺท, อาจริยสฺส วิย โภ สโทฺท’’ติ สเพฺพ นิรวา อเหสุํฯ ชมฺพุทีปตเล กิร กุลฆเร ชาโต เยภุเยฺยน ตสฺส น-อเนฺตวาสิโก นาม นตฺถิ, อถ โข โส อตฺตโน วจนํ สุตฺวา นิรเว ตุณฺหีภูเต วิทิตฺวา ปุน –

    Sakalajambudīpe uppannaṃ mahākalahaṃ vūpasametvāti parinibbute bhagavati dhātūnaṃ atthāya kusināranagaraṃ parivāretvā ṭhitehi sesarājūhi ‘‘amhākaṃ dhātuyo vā dentu yuddhaṃ vā’’tiādinā kosinārakehi mallehi saddhiṃ kataṃ vivādaṃ vūpasametvā. So kira brāhmaṇo tesaṃ vivādaṃ sutvā ‘‘ete rājāno bhagavato parinibbutaṭṭhāne vivādaṃ karonti, na kho panetaṃ patirūpaṃ, alaṃ iminā kalahena, vūpasamessāmi na’’nti gantvā unnate padese ṭhatvā dvebhāṇavāraparimāṇaṃ doṇagajjitaṃ nāma avoca. Tattha paṭhamabhāṇavāre tāva ekapadampi te na jāniṃsu. Dutiyabhāṇavārapariyosāne ca ‘‘ācariyassa viya bho saddo, ācariyassa viya bho saddo’’ti sabbe niravā ahesuṃ. Jambudīpatale kira kulaghare jāto yebhuyyena tassa na-antevāsiko nāma natthi, atha kho so attano vacanaṃ sutvā nirave tuṇhībhūte viditvā puna –

    ‘‘สุณนฺตุ โภโนฺต มม เอกวาจํ,

    ‘‘Suṇantu bhonto mama ekavācaṃ,

    อมฺหาก พุโทฺธ อหุ ขนฺติวาโท;

    Amhāka buddho ahu khantivādo;

    น หิ สาธุยํ อุตฺตมปุคฺคลสฺส,

    Na hi sādhuyaṃ uttamapuggalassa,

    สรีรภาเค สิยา สมฺปหาโรฯ

    Sarīrabhāge siyā sampahāro.

    ‘‘สเพฺพว โภโนฺต สหิตา สมคฺคา,

    ‘‘Sabbeva bhonto sahitā samaggā,

    สโมฺมทมานา กโรมฎฺฐภาเค;

    Sammodamānā karomaṭṭhabhāge;

    วิตฺถาริกา โหนฺตุ ทิสาสุ ถูปา,

    Vitthārikā hontu disāsu thūpā,

    พหู ชนา จกฺขุมโต ปสนฺนา’’ติฯ (ที. นิ. ๒.๒๓๗) –

    Bahū janā cakkhumato pasannā’’ti. (dī. ni. 2.237) –

    อิมํ คาถาทฺวยํ วตฺวา ตํ กลหํ วูปสเมตฺวา ธาตุโย อฎฺฐธา ภาเชตฺวา อทาสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘สกลชมฺพุทีเป อุปฺปนฺนํ มหากลหํ วูปสเมตฺวา ธาตุโย ภาเชสฺสตี’’ติฯ ลกฺขณจกฺกานีติ ทฺวีสุ ปาทตเลสุ เทฺว ลกฺขณจกฺกานิฯ

    Imaṃ gāthādvayaṃ vatvā taṃ kalahaṃ vūpasametvā dhātuyo aṭṭhadhā bhājetvā adāsi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ ‘‘sakalajambudīpe uppannaṃ mahākalahaṃ vūpasametvā dhātuyo bhājessatī’’ti. Lakkhaṇacakkānīti dvīsu pādatalesu dve lakkhaṇacakkāni.

    อาสเวนาติ กมฺมกิเลสการเณน อาสเวนฯ เอตฺถ หิ เตภูมกญฺจ กมฺมํ, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา ‘‘อาสวา’’ติ วุตฺตาฯ เทวูปปตฺตีติ เทเวสุ อุปฺปตฺติ นิพฺพตฺติฯ เอตฺถ จ ยกฺขคนฺธพฺพตาย วินิมุตฺตา สเพฺพ เทวา เทวคฺคหเณน คหิตาฯ คนฺธโพฺพ วา วิหงฺคโม อากาสจารีฯ อหนฺติ วิภตฺติวิปริณาเมน โยเชตพฺพํฯ

    Āsavenāti kammakilesakāraṇena āsavena. Ettha hi tebhūmakañca kammaṃ, avasesā ca akusalā dhammā ‘‘āsavā’’ti vuttā. Devūpapattīti devesu uppatti nibbatti. Ettha ca yakkhagandhabbatāya vinimuttā sabbe devā devaggahaṇena gahitā. Gandhabbo vā vihaṅgamo ākāsacārī. Ahanti vibhattivipariṇāmena yojetabbaṃ.

    โทณสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Doṇasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๖. โทณสุตฺตํ • 6. Doṇasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. โทณสุตฺตวณฺณนา • 6. Doṇasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact